ประสบการณ์เมื่อเรามีคนทักว่าเรามีองค์ (แนวให้ความรู้)

... เคยมีลูกน้องที่เป็นสายของฤษีตาไฟ...จะเห็นได้แว๊บๆเหมือนกัน วิเคราะห์ดูแล้ว พวกนี้จะเป็นกำลังญาณของฤษีตาไฟ ผ่านมาให้สามารถใช้งานได้ เคยถามว่าแล้วมีคนทรงฤษีตาไฟเยอะแยะ เคยป๊ะกันเข้าบ้างหรือเปล่า อันไหนจริงอันไหนปลอม ... เขาเล่าว่าจริงหมด เพราะเป็นองค์เดียวกัน สามารถส่งผ่านญาณมาเข้าร่างของคนที่เคยมีสื่อหรือสัมพันธ์กันมาก่อน อย่างฤษีตาไฟนี่มีคนที่ผ่านญาณอยู่ 6 หมื่นกว่าคน ในยุโรปก็มี (จริงป่าวมิรุ)
ส่วนผู้ชายคนนี้ที่ผ่านร่างฤษีตาไฟ อดีตเคยไปเผาอาศรม ฤษีตาไฟ มาก่อน ต้องมาทำหน้าที่ชดใช้...ส่วนที่เห็นได้นั้น ลูกน้องคนนี้เล่าว่า เวลาเห็นได้ชัดๆเหมือนตาเปล่าเห็นเนี่ย ต้องรักษาศีลเคร่งครัดมาก วันๆไม่ค่อยพูดจากกับใคร เสื้อผ้าต้องซักแยก ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้าม กินข้าวก็ต้องกินข้าวปากหม้อ ทำบุญบ่อยมาก ฯลฯ...แนวๆกับพวกที่ฝึกวิชาไสยศาสตร์มาเลยน่ะ...ซึ่งคนนี้ก็ฝึกวิชาผีมาเหมือนกัน...

..... ขอบคุณพี่ ระมิงค์ นะคะที่มาแนะนำให้ความรู้เพิ่มเติม

... ในส่วนของปู่ฤษีตาไฟนี้ ก็เพิ่งมีคนทักมาเหมือนกันคะ แฟนกาลีนะเองคะที่ทักตอนกลับมาจากตำหนักทรงแถว อ.บรบือ .. ถ้าเล่าจะยาวนิดนะคะ

.... เรื่องมีอยู่ว่าปีที่แล้วนี้เพราะ อ.ต๋องท่านไปรักษาตัว เพื่อนก็อยากหายอยากหาคนช่วยก็มารบเร้าให้ช่วยหาที่ให้หน่อย แล้ว ญาติข้างบ้านก็บอกว่ามีที่นี้แหละเก่งมากเป็นพ่อปู่อะไรสักอย่างแต่สามารถสั่งให้คนเป็นหรือตายได้ ... เราเลยตัดสินใจกันไป 3 คน .. แน่นอนคะก่อนไป กาลีนะ ก้ได้ทำการบอกกล่าวอธิฐานเสี่ยงทายไว้สรุปได้ใจความว่า " ถ้ามาไม่ดีก็ขอให้ช่วยปกป้อง และ ห้ามเขาแตะหน้าผาก " พอเราไปถึงกลับพบว่ามีชาวบ้านมากันเยอะมากคะมาจากหลายที่เพราะพี่คนนี้เขาทรงแค่วันเดียวในหนึ่งอาทิตย์ .. ญาติก็จัดหาที่นั้งไว้ให้พร้อมบัตรคิวเพราะญาติคนนี้เขามาทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ ตั้งแต่ที่ช่วยให้ลูกชายเขาพูดได้ .. กาลีนะก็นั้งดูว่าพวกเขาทำอะไรกันบ้างแบบว่านั้งสังเกตุการณ์ และ พี่คนทรงเขามักจ้องมองมาที่พวกเราบ่อยมาก ๆ กาลีนะก็จ้องตอบไม่หลบคะ แต่แฟนกาลีนะสิคะตอนนั้นเขายังไม่ค่อยแข้งแรงนักเขากลัวและจะมานั้งแอบอยู่ด้านหลังกาลีนะตลอด วันนั้นก็ได้ยินเขาช่วยคนหลายคนมีการพูดภาษาเทพด้วย กาลีนะ ก็พยายามฟังว่าเขาพูดอะไร ... ฟังไม่ออกเหมือนเดิมคะ 555555 ทั้งที่ชอบดูหนังแขกฟังยังพอเดาได้แต่อันนี้มึนตื๊บ .. แล้วก็มีผู้มาใหม่เหมือนกันเป็นชายกลางคนแกพูดว่า .. อ้าวสรุปนี้พูดเขมรผสมส่วยใช่ไหม๊ .. หันฟั๊บเลยคะผู้ร่วมอุดมการณ์เรามีด้วย อิอิ ... นึกว่าคิดไปคนเดียว .. แล้วก็หันมาคุยแลกเปลี่ยนกันเลยคะ .. พี่เขามีการเอ็นเตอร์เทนคนที่มาด้วยการให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่นให้ตบมือ .. ครั้งแล้วอ้าปากรับโชคลาภที่เขาจะให้ไปลุงป้าน้าอาก้ทำตาม และ พยายามอ้าปากงับโชคลาภ ... พวกเราเหรือคะตบมือแล้วนั้งดูคะ เพราะรู้สึกแปลก ๆ แฟนก็ย้ำว่าห้ามทำนะเดี๋ยวเขาปล่อยของใส่ ... ตอนนั้นก็คิดว่าเจ้านี้มันคิดมาก ...

... นั้งรอนานสองชั่วโมงเลยขอไปเข้าห้องน้ำคะ ห้องน้ำในตัวบ้านเลยได้เห็นว่าเขามีหิ้งเป็นตู้ตั้งไว้กลางบ้านเลยคะ มีพระ มีแจ้าแม่กวนอิม มีเทพ ฯ แต่ไม่มากนักแต่ที่สังเกตดูคือ เขามีพานสีทองขนาดใหญ่ใส่ " ขันธ์ " ที่เขารับมาไว้สูงที่สุด ... ถามว่าพอเห็นหิ้งนี้แล้วคิดไง ... ทำไมพี่เขาวางแบบนี้ทำไมเอาขันธ์ไว้สูงกว่าพระพุทธ ... ลางไม่ดีแหละระวังตัวเลยทีนี้ ... แฟนเดินตามไปเพื่อเข้าห้องน้ำคะ .. เขากลัวมากเขาให้ กาลีนะรอเขาที่หน้าห้องน้ำแล้วตาก็มองแต่ตู้พระพี่เขาพอออกมานั้งเขาบอกว่าเขาเห็นชายแก่ใส่ชุดหนังเสือมีหมวกถือไม้เท้ายืนอยู่ตรงตู้ .. พอถึงคิวก็ให้เพื่อนดูก่อนแต่ตั้งแต่มาถึงจนตอนนี้เขาก็จ้องแฟนกาลีนะตลอดเลย ...

 

.... พี่เขาก็เอาผงสีแดงมาเขียนมือสองข้าง และ เจิมหน้าผากให้เพื่อน ... พอถึงรอบของกาลีนะ พี่เขาก็มองหน้าถามว่า " เธอมาทำอะไร " " มาขอคำชี้แนะ " แล้วก็เอารูปแฟนให้ดูว่าเขามีปัญหาอะไรทำไมแก้ไม่หายสักที พี่เขาก็มองหน้าแฟนที่นั้งรออยู่ไกล ๆ เขามาเองไม่ได้เพราะนับถือคนละศาสนากัน .. แล้วเขาก็ร่ายคาถาเบา ๆ เอาผงสีแดงวนรอบรูปแล้วเป่า .. แล้วก็มาบอกเรื่องของกาลีนะว่า ชอบไหม๊เทพ ... ใส่ชุดสีขาวเขามารอเธออยู่นะท่านมาสร้างบารมี .. " ไม่คะไม่เอารักษาไม่ได้คะ " " งั้นขอได้ไหม๊แลกกัน " " ไม่แลกคะ อยากได้ก็เอาไปถ้าเอาไปได้ รักษาได้ " .. เชื่อไหม๊คะ พี่เขาไม่ได้เจิมหน้าผาก กาลีนะ เลยคะ แต่เอาผงสีแดงมาทาเป็นเครื่องหมายอะไรไม่รู้ที่ฝ่ามือด้านซ้าย แล้วกระซิบว่า " คิดว่าไม่รู้เหรอว่าเธอคือใคร .... ( เรียกชื่อนั้น ) ท่านไม่ได้มาตลอด นะ " แล้วก็ยิ้มอย่างมีเลสนัย ..

... พอออกมาจากตำหนักนั้นเชื่อไหม๊คะว่ากุญแจรถหายหาไม่เจอไม่อยู่ในกระเป๋าตกใจมากวิ่งหากันวุ่นเลย แล้วก็มาเจอว่ามันเสียบอยู่คารูกุญแจรถเลยคะ ... หลังจากที่ทำการด่าแช่งไป 1 ยก .. งงว่าตอนแรกก็มองดูแล้วนะไม่มี .. เจอเข้าแล้วไง.

... ขับรถออกมาจากที่ตรงนั้นสัก 5 นาทีได้เริ่มรู้สึกเหมือนมีเข็มมาทิ่มที่ฝ่ามือซ้ายจี๊ด ๆ เลยเอาน้ำมนต์ที่เตรียมมามาล้างมือ ล้างหน้า .. กิน ครบเลย กันไว้คะปลอดภัยไว้ก่อน .. พอไปไหว้พระธาตุเสร็จกลับบ้าน ... คืนนั้นแฟนบอกว่าเหมือนมีคนเดินในห้องนอนตรงจอมปลวกคะ .. แล้วเขาก็บอกว่าเป็นผู้ชายแก่ใส่ชุดเหมือนเมื่อกลางวันยืนถือไม้เท้าอยู่ตรงจอมปลวกหันหน้าออกไปทางประตู .. เขากลัวมากคะ แล้ววันนั้นเขาก็ท้องเสีย .. เขาเห็นมายืนอยุ่ 3 วันคะที่เดิม ... ไม่รู้จะเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม๊ ..

 

.... ส่วนเรื่องใครมาผ่านบ้างนั้น ไม่ค่อยจะนับคะ ปล่อยไปคะ มีสติรู้ตัวเองไว้ตลอดคะ .. ถ้าไม่ร้ายแรงก็ปล่อยไปปกติ เพราะพี่ตุ๊กช่างเสริมสวยเคยถามเหมือนกันว่ารู้ตัวไหม๊ว่าเธอคือคนที่ถูกเลือก จากคนที่เป็นร่างทรงสามล้านกว่าคนทั่วประเทศ กาลีนะถือว่าอยู่ในลำดับเลขตัวเดียวแต่ทำไมไม่รับ .. รุ้ไหม๊ว่าท่านมาเลือกเรากี่คนแล้ว .. รู้คะ แต่ไม่รับเพราะรักษาไม่ได้ และ ถ้ารับจะรับแค่สายแม่เท่านั้น ที่ผ่านมามี แดง ดำ ชมพู น้ำเงิน ขาว ( เดาเองนะคะว่าท่านเป็นใคร .. คำทำนายนี้มีมาสัก 6 - 7ปีได้แล้วมั้งคะ ที่คุยกัน) พี่เขาเลยอนุเคราะห์ว่า " ตอนนี้คนที่มาเลือกใส่ชุดสีขาวนะมาสร้างบารมี ... แต่ชุดสีน้ำเงิน .. สี่กร ขี่ดอกบัว นั้นเรารับท่านมาเอง และ จะอยุ่กับเราไปตลอดชีวิต " พูดแบบนี้ก็รู้เลยว่าใคร ... หลังจากนั้น 4 ปีได้พาเพื่อนไปหาพี่เขาอีกก็อย่างที่เคยเล่าไว้แล้วนั้นแหละคะ .. นี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ กาลีนะ หันมาสนใจศึกษาอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะถ้าเรารู้ไม่ลึกไม่จริงมันก็เปล่าประโยชน์ จะมาอาศัยการหยั่งรุ้ตีความอย่างเดียวไม่ได้ เพราะ " ขี้โม้ กับ ประสบการณ์ มันแยกกันแทบไม่ออกเลยสำหรับคนทั่วไป " .. พี่เขาแนะว่าให้ดูชีวิตเขาเป็นตัวอย่าง ... เป็นร่างทรงช่วยคนอื่นจนตัวเองเกือบตายมาหลายรอบแล้ว ต้องมาช่วยนั้งรับกรรมชาวบ้าน ถูกเล่นงานจากทั้ง โรคภัย , ผี และ คุณไสยย์ แล้วสุดท้ายพี่เขาก็เสียชีวิตไปแบบไม่นาเช่อว่าจะไปง่าย ๆ แบบนี้ ... ทั้งที่พี่เขาเก่งมากคะ กาลีนะรู้สึกแบบนั้นนะคะ เขาต้องถือศีล 8 มา 18 ปี ต้องนั้งสมาธิตลอด และ แกก็ทำนายทุกอย่างไว้ให้อย่างแม่นยำไม่มีผิดเพี้ยนด้วยสิคะ ตลอดเวลาที่เจอแกครั้งแรกประมาณ 6 ปี เจอหน้ากันแค่ 2 ครั้งคะแต่หน้าแกติดตามากคะจำได้ไม่ลืม แถมตอนแกเสียแล้ว กาลีนะ ว่าจะไปเยี่ยมแกหลังจากที่แกเคยบอกว่า กาลีนะ จะเจอแกครั้งนั้นครั้งสุดท้ายแกจะไม่อยู่แล้วคิดว่าแกพูดเล่น พอแกเสียก็ไปนั้งร้องไห้อยุ่หน้าร้านแกแล้วคืนนั้นแกก็ตามมาอำที่ห้องมายืนที่ปลายเท้าคะมองหน้า กาลีนะ สักพักแล้วก้ไป ... ได้เอารูปถ่ายให้พี่ที่ชำนาญด้านวิญญาณดูพี่เขาก็บอกว่าตอนนี้พี่ตุ๊กแกเป็นนางฟ้าชั้นต้น ๆ แบบเจ้าที่นะคะประจำที่ตรงนั้น .. กาลีนะ ตกใจมากเพราะแกเคยบอกว่า " เขาให้มาอยู่ที่นี้ ให้มาตายที่นี้เฝ้าที่นี้ เพราะที่นี้คือ ศาลเจ้าเก่า มันแรง "

 

งืม ถ้าร่างทรงประเภทบริวารจะเป็นแบบนี้ เค้าให้อยู่ก็ได้อยู่ เค้าให้ตายก็ต้องตาย ถ้าไม่รับก็มีทรงกับทรุด

คิดแล้วนึกถึงพ่อปู่ เสียชีวิตกลับป่าหิมพานต์ไปทำสมาธิในป่าต่อละ ทายอะไรไว้ไม่เคยผิด

วันพระนี่ไม่ต้องนอนสวดมนต์นั่งสมาธิทั้งคืน แค่สวดชินบัญชร 9 จบ ยังขี้เกียจเลยอ่ะ ถึงไม่กล้ารับเป็นร่างทรงกลัวปฏิบัติไม่ได้

 

... แล้วที่ให้พี่ในพลังจิตลองตรวจสอบองค์ในให้ พี่เขาก็บอกว่ามี 4 ท่านคะ มาทางสายแขกเสียมาก .. ไม่นับรวมที่บ้านนะคะเอาแค่เทวดาพอ .. อิอิ ถ้าอสุรกายที่ตามอยู่น่าจะเกินสิบจากที่มีคนนับให้คะ .. ส่วนมากก็มีมาให้เห็นในนิมิตคะ ..

แม่กาลีนะ ลองรักษาศีล+สัจจะ แบบเคร่งครัดดูสัก เดือนไหมล่ะ ว่าที่เห็นแว๊บๆน่ะ จะชัดเหมือนตาเห็นหรือเปล่า...เพราะเมื่อเทียบกับทิพยจักขุญาณแล้ว รู้สึกว่ายืมพลังเขามาเนี่ย จะเห็นชัดกว่าเยอะเลยนะ...ทิพยจักขุญาณใช้เวลาฝึกนาน เห็นไม่ค่อยชัด จะดีขึ้นถ้าอาศัยบารมีพระท่านสงเคราะห์ วันไหนร่างกายไม่ดี ก็ใช้การไม่ได้ ไปเห็นภาพโป๊เข้าทีนึงนี่ก็มืดไปเป็นเดือน...ไม่เหมือนญาณที่ผ่านจากเทพ ที่มีเงื่อนไขแตกต่างกัน...

... ตอนนี้ก็ทำมาจะสองปีแล้วคะ สะสมมาเรื่อย ๆ เน้น " เมตตา กับ ระงับโทสะ " เป็นหลักตามที่อาจารย์ต๋องสั่งไว้คะ และ กล่าวแต่ความจริงเท่านั้นหากคำใดอันเป็นเท็จและทำร้ายผู้อื่นอย่างรุนแรงให้กัดลิ้นตัวเองคะ หากต่อไปสะสมบารมีได้มากพอ " ห้ามบ้วนน้ำลายทิ้งคะ ให้เก็บอย่างดีเพราะอาจมีคนชั่วเอาไปทำเรื่องไม่ดีได้ " ... ส่วนอาชีพที่ทำอยู่นั้นพระอาจารย์ต๋องท่านก็สอนแนะนำแล้วคะ ท่านบอกประมาณว่า " องค์เธอนั้นท่านเป็นเทพที่แปลก เป็นองค์เดียวในเทพทั้งหลายที่ฆ่าสัตว์ได้ กินเนื้อวัวได้ องค์อื่นเขาห้ามกินนะ ดูแลง่าย ไม่เรื่องมาก แต่ต่อไปอาจทำมาหากินลำบาก เพราะจะโดนกวนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจทนไม่ไหวให้เตะถ่วงไปก่อนเอาสัก 60 ค่อยว่ากันก็ได้ ตอนนี้ก็สะสมบารมีตัวเองให้มาก และ ศึกษาหาความรู้ใส่ตัวให้มากที่สุด เมื่อถึงเวลา ช่วยใครอย่าหวังว่าเขาจะสำนึก เพราะสุดท้ายจะเสียใจเปล่า ๆ คนแบบเธอส่วนมากที่เห็นมาต้อง " บวช " ทุกคน ถ้าไม่อยากรับเป็น ก็อย่ารับขันธ์ อย่าสวดมนต์เยอะ อย่านั้งสมาธิ อย่าเอาตัวไปเกี่ยวพันธ์กับเรื่องพวกนี้อีก เห็นอะไรก็ทำเป็นไม่เห็นไม่รับรู้มันจะค่อย ๆ จืดจางไปเอง ฯ " นี้พระอาจารย์ต๋องสั่งเสียไว้ก่อนจะรับ กาลีนะ เป็นศิษย์และจนตอนนี้ก็ยังไม่เจอกันอีกเลย คุยกับท่านตั้งแต่บ่ายสามถึงสี่ทุ่มกว่าคะ ท่านก็สั่งแค่มีอะไรให้ไปหาพระอาจารย์บุญชูแทนเพราะมีกรรมสัมพันธ์กันมาก่อน เคยถามท่านเหมือนกันว่า มันคืออไร พระอาจารย์บุญชูตอบแค่ว่า " เจ้ากับข่อยศิษท์อาจารย์เดียวกัน " งง และ งง คะ แต่ก็เป็นปกติของท่านคะที่จะพูดอะไรแปลก ๆ บ่อย ๆ

..... 2 อาทิตย์ที่แล้วไปกราบท่านอยู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า " บ่ว่าไผ๋เว้าว่าเจ้าจังได๋ให้อดเอาเด้อ สาธุเอาโลดบ่ต้องเว้าหยังเดียวเขากะสิได้รับกรรมเขาเองละที่ว่าเจ้าฮู้จักบ่ กรรมปรามาสนั่น แต่ข่อยยืนยันคำเก่าว่าเจ้ามีองค์แท้ ๆ อีกบ่โดนนี้ละเจ้าท่าเบิ้งโลด " .. " จะเอาหยั๋งไปซ่อยไผ่ได๋แต่สวดมนต์ยังบ่ถืกอยู่ เว้าหลายเนอะพระอาจารย์นั้นนะ " " มันสิมีละแห๋ม เชื่อข่อยโลด " คือ ไปทีไรแกจะพูดแบบนี้คะ ไม่ถามก็พูดคะ แปลกกว่านี้ก็มี .. แต่ถ้าใครมาฟังที่คุยกับท่านจริง ๆ อาจตกใจนิดหนึ่งนะคะ .. เพราะจะดูสนิทกับท่านมากไปหน่อย .. ท่านมีศักดิ์เป็นลูกบุญธรรมยาย กาลีนะ เองคะ วัดที่แกอยู่ ตายายเป็นคนสร้างให้แกก็อยู่จนทุกวันนี้ถึงจะเก่าแต่ท่านก็ไม่เคยบ่น ... จนตอนนี้เริ่มมีคนมาหาท่านมากคะ ส่วนมากจะอยากได้หวยบ้าง ของดีบ้างไม่ใช่ท่านปลุกเสกของเองนะคะ ท่านจะไปบูชามาจาก ลาวบ้าง เขมรบ้าง เวียดนามบ้าง .. หลัง ๆ เวลาไปกราบท่านมักพูดภาษาเทพใส่หน้า กาลีนะ ด้วยท่านบอกว่าน่าจะฟังรู้เรื่องได้แล้วนะ .... ไม่รู้เรื่องคะ ... มีแต่แฟนแปลให้ฟังเขาบอกว่าเขาก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอกแต่มันเหมือนจะแปลว่าประมาณนี้นะ คือ เขาฟังแล้วเหมือนในสมองมันแปลออกมาเองคะ ... รายนี้ก็ไปให้พระอาจารย์ดูดวงบ่อยคะ ... แต่ท่านไม่เคยดูให้คะ ... จนทุกวันนี้ .. คาดว่าอีกสองวันจะไปกราบท่านอีกครั้ง อาจมีเรื่องน่าสนใจมาเล่าคะเพราะท่านไป เมืองไชยบุรี แขวงจำปาศักดิ์มา คาดว่านะคะ

... และ ตั้งแต่เด็กจนโต คนที่ทักเรื่องแนวนี้มักบอกให้ กาลีนะ ไปบวชคะ .. แล้วจนถึงทุกวันนี้ที่ผ่านที่เจออะไรมามากมาย ทั้งนิมิต และ ชีวิตจริง ... คนอื่นอาจคิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษแน่แล้ว ... แต่ กาลีนะ ยังไม่รู้สึกว่ามันจะวิเศษตรงไหนเลยคะ ก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป กาลีนะ ยังทำอะไรไม่เป็นเลยคะ ที่ทำได้ก็เหมือนคนปกติทั้วไป แค่กลัวผีน้อยลง .. เวลามีภพภูมิมาเข้าแฟนก็นั้งคุยกัน กล้าถามเขาว่าเป็นใครมาจากไหน ส่วนมากพวกเขาจะงงคะ ยกเว้นแฟนคนที่คอหักตาย ... รายนี้แล้วแต่อารมณ์เข้า ๆ ออก ๆ แต่ก็ดีคะ กาลีนะ ได้ทดลองทฤษฏีต่าง ๆ ได้ด้วยโดยเฉพาะ การเข้าสิง ... ยังไม่เจอแบบที่เขาชัก ๆ สั่น ๆ กันเลยคะ .. เห็นเขาบอกว่าง่วงแล้วก็เหมือนจะหลับไปพอลืมตามาก็ไม่ใช่แหละ .. เราจะรู้เลยว่าโดนเข้าแหละ .. และ ทำให้รู้ว่า ผีก็โกหกเก่งเหมือนกัน และ ไม่ได้รู้ไปเสียทุกอย่าง ... ที่กล้าพูดเพราะทดสอบมาเกือบสองปีแหละตั้งแต่คบแฟนคนนี้ ... เจออะไรเยอะมาก ๆ มีทั้งที่เล่าได้ และ ต้องขอสงวนไว้คะ

 

...ผมรู้จักคนอินเดียหลายคนที่นับถือฮินดู บูชาพระพิฆเณศ กินมังสะวิรัต แต่ก็ไม่เห็นเขาจะพูดว่ามีใครที่พระพิฆเณศมาผ่านร่าง หรือมีญาณของพระพิฆเณศเลยนะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมที่ไทยมีเยอะจัง...

.. ก็ว่างั้นแหละพี่ กาลีนะ ก็ไม่เข้าใจคะ หรือ เพราะเรื่องศีล และ บุญบารมี ที่จะได้รับมันไม่เท่ากันคะ เพราะเทพก็มีอายุขัยเช่นเดียวกัน .. อันนี้เคยได้ศึกษามานะคะ .. ว่าด้วยความที่ยังมีอายุขัย และ ผลกรรมที่ต้องรับอยู่เลยต้องแบ่งภาคส่วนลงมาเพื่อกระทำการต่าง ๆ เช่นสร้างบารมีให้ตนเองเพิ่มขึ้น ลงมารับผลกรรมนั้นเพื่อให้เบาบางลง หรือ ลงมาทัวร์ ฯ ทำให้ผลกรรมชั่วนั้นตามไม่ทันยังผลให้ยังสามารถเสวยผลบุญในภาคเต็มต่อไปได้อีก ฯ

... น้องผู้หญิงคนนี้ ตอนเจอหน้าก็เห็นพระพิฆเณศ คุ้มครองอยู่ ก็เลยถามดูว่าเคยเกิดอาการ ที่สามารถมองเห็นสิ่งที่ตาเปล่ามองไม่เห็นไหม เขาก็ว่า เวลาป่วย มีอยู่ปีนึง เห็นชัดมาก เห็นตาเปล่าเลยนะ แล้วก็เห็นว่าพระพิฆเณศ มาอยู่ด้วย...
พอทักไปอย่างนี้ เลยจะไปหาที่เปิดตำหนักทรง...อิอิ บอกว่าจะช่วยเหลือคน...
ก็เลยรีบห้ามไว้ก่อน ว่าแม่กาลีนะไม่แนะนำให้รับขันธุ์ ประทับทรง แต่อย่างใด เอาแค่ผ่านญาณเฉยๆก็พอ แล้วก็ยังไม่ต้องไปช่วยคนอื่นหรอก...เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่านิ...

... 5555555555 เอาแบบนั้นเลยเหรอคะพี่ .. อันที่ไม่แนะนำนั้นมันก็มีเหตุอยู่คะหลายประการณ์ และ ทำให้ตัดสินใจเปิดกระทู้นี้ขึ้นมานั้นเอง .. อย่างน้อยก็เป็น " ธรรมทาน " อย่างหนึ่งและความรู้ที่พอถ่ายทอดได้ให้คนทั่วไปได้ศึกษา เพราะบางทีที่เขียนไว้หลายท่านมันดูยากไปสำหรับคนทั่วไปคะ และ อ่านแล้วน่าเบื่อก็มี

มูลเหตุที่ไม่สนับสนุนการรับขันธ์นั้นมีประมาณนี้คะ

1. สภาพร่างกายอาจมีปัญหา .. ไหนจะเจอกับการคุกคามของเจ้ากรรมนายเวรชาวบ้าน ภพภูมิ คุณไสยย์ ฯ ร่างกายอาจทนไม่ได้ ... ตายก่อนวัยอันควร หรือ ป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่รักษาไม่หาย ( อันนี้เป็นอยู่ ) การไปเปลี่ยนชะตาชีวิตผู้อื่นไม่ใช่เรื่องสนุก การฝืนชะตากรรมก็ไม่ใช่ของเล่นนะคะ

2. สภาพจิตใจอาจแย่ เพราะจะเหมือนคนบ้านะลองนึกภาพดู เข้า ๆ ออก ๆ ใครบ้างไม่รู้ ข้อมูลวิ่งปรู๊ดปราดเข้ามาแบบไม่มีสาเหตุ .. บางทีก็ต้องมานั้งเห็นภาพที่ไม่อยากเห็น ได้ยินเสียงที่อาจช็อคตายได้ ฯ สภาพจิตใจจะย่ำแย่ รับได้ไหม๊ เข้มแข็งพอแล้ว หรือ ยัง

3. ถือไม่ได้ เพราะศีลตอนเองไม่บริสุทธิ์พอ มีพรหมวิหาร 4 แล้วหรือยัง หรือ ยังปฏิบัติตามกฏไม่ได้ .. อย่าลืมว่าคำสอนปากต่อปากย่อมมีตกหล่น และ แอ๊บไว้ไม่บอกหมดกี่รุ่นมาแล้วละ แถมไม่เข้าใจท่องแท้ ไม่รุ้แจ้ง " ผิดครู " มามันไม่สนุกนะคะ คุณทำได้ดีแค่ไหน และ หาทางออกให้ตนเองได้หรือยัง

4. ทางสายนี้เดินเข้าง่าย แต่เดินออกยากมาก มีแต่ต้องเดินหน้าอย่างเดียวถล้ำลึกลงไปเรื่อย ๆ จะมีมนุษย์สักกี่คนที่จะไม่หลงไปกับ ลาภ ยศ ชื่อเสียง อามิสบูชา .. ตอนแรกอาจได้ .. นานไปก็กลายเป็น " ผู้วิเศษเสียเอง " มีให้เห็นเยอะแยะ ยิ่งสูงยิ่งหนาว.

5. เทพท่านมาได้ ท่านก็ไปได้ และ ไม่มีเยื่อใย เสียด้วยสิคะ ยกเว้นกรณีไปรับมาคะ ( เทพ เทวดา ผี มาร เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าโดนยัดอะไรมา )... คุณทำอะไรถึงไม่มีใครรู้แต่ท่านรู้นะคะ ท่านรู้แม้แต่ภายในจิตใจส่วนลึกของคุณเสียด้วยซ้ำว่าคิดอะไร โกหกไม่ได้ ... ปากคนนั้นจะพูดดีได้เป็นล้าน ๆ คำ แต่ใจสิเราไม่รู้แต่เทพท่านรู้ .. เมื่อเทพท่านไปแล้ว " ร่างว่าง มารจะมาแทน " คราวนี้สนุกกันใหญ่เลย .. ใครจะแยกออกได้ละว่า ไหนคือ จริง ไหน คือ เท็จ

6. ต้องถามตนเองว่า .. ยอมรับได้ไหม๊กับการ " คูณสองทั้ง บุญ และ บาป " เพราะการมีองค์นั้นคือ เหมือนมีคนมาแชร์เรานั้นเอง ... แต่บุญท่านรับนะ แต่บาปเรารับคนเดียวเต็ม ๆ คูณสองเท่า ... คิดให้ดี ยกเว้นว่ามีกรรมสัมพันธ์กันมาแต่ชาติไหนสักชาติอันนั้นท่านอาจจะช่วยเราได้บ้าง แต่เมื่อวาระกรรมให้ผลท่านก็จะได้แค่ยืนดูเรารับผลแห่งกรรมนั้นอาจช่วยได้แค่ให้เราไม่ตายเท่านั้นเอง .. คนที่ลำพองตนอยู่จงสำนึกไว้นะคะ .. หมดวาระแห่งกรรมนั้นแหละท่านถึงจะยื่นมือมา ดั้งคำว่า " ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม "


7. คุณเก่งแค่ไหน ถึงจะไปช่วยผู้อื่น ไปสอนผู้อื่น .. หากพลาดพลั้งมาชีวิตผู้อื่นถึงคราววิบัติเพราะเรานี้ก็กรรมหนักอีกนะคะ ไม่สนุกนะคะ " ดีเสมอตัว ชั่วนี้ ... " เลยนะคะทำใจได้แล้วรึ

8. ถามตนเองว่า แล้วจะสามารถใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปไม่แปลกแยกได้ไหม๊ เพราะ กาลีนะเองก็มีปัญหาเหมือนกันคะในหลาย ๆ เรื่อง ...

9. ต้องทำใจว่า แค่มีองค์อย่างเดียวคุณตั้งตำหนักไม่ได้หรอก " ถ้าคุณไม่มีวิชา คาถา " ด้วยแล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่ใช่ " สายดำ " เพราะเท่าที่เห็น ๆ กันนี้พิจารณาตามหลักแล้วมันก็มาแนวนั้นเยอะมาก .. มันง่ายต่อการดึงจิตเราให้ตกลง และ ดึงอัปมงคลเข้ามา ซึ่งแน่นอนแรงแน่ๆ

10. คุณจะกลายเป็นเหมือน " จานรับสัญญาณดาวเทียมแบบสาธารณะ " ดึงคลื่นต่าง ๆ เข้าหาตนเอง ถ้าเขาแข็งกว่าก็โดนกวนสัญญาณได้ หรือ ยึดพื้นที่ไปเลย เพราะถึงองค์จะสูง แต่ปฏิบัติไม่ได้ไม่ถึง บารมีไม่พอ ฯ ทุกอย่างจะดร๊อปลงมาเยอะนะคะ

.... เอาไปแค่นี้ก่อนคะ อิอิ .. เพราะแค่นี้ก็คิดแล้วคิดอีกละว่า " เอาไงดีเรา " เพราะอย่าคิดว่าชีวิตนี้คุณจะไม่พลาด .. พลาดแล้วหาทางออกไว้ หรือ ยัง .. ทางออกนั้นอาจเป็นทางตันที่ฆ่าตัวเราตายก็ได้ใครจะรู้ .

 

โยนหินถามทางเลย ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่ทำ จบ
แต่มักจะเจอทำได้แต่ห้ามทำ แล้วยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุด้วย อิอิ


ใช่ๆๆ ถึงไม่แนะนำใครให้รับขันธ์ เรียกถวายขันธ์มากกว่ามั้ง เพราะถวายแล้วถวายเลย ไม่มียกเลิก ไม่มีคืน ไม่มีพอ ต่อให้เอาไปลอยน้ำก็ไม่ไป (สงสัยเราติดค้างไว้เยอะ)

อันนี้ถวายล่าสุด เมื่อนวราตรี 2556 ที่ผ่านมา ท่านว่าจะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่ทำแล้วขออะไรก็ได้งั้นทำเถอะ ก็พอเป็นพิธี
ท่านบอกเองเลยว่าไปตลาดตอนนี้แม่ค้าทำไว้ขายแล้ว แต่ท่านมักให้ไปถวายสังฆทานหรือพิมพ์บทสวดมนต์แจกมากกว่า

ปล. ตัวโฟมต้องเอาพานรองก่อนนะ แล้วอาหารต้องใช้ใบตองรองก่อนด้วย ขาดมะพร้าวถึงบ้านแล้วนึกขึ้นได้ นี่ลองจัดดูว่าเอาไงดี

 

ของผมก็เป็นอย่างงั้นเลยล่ะครับ สมัยก่อนผมก็ชอบโมโหร้าย ด่านี่ไม่ค่อยมาก แต่ชอบพูดเพ้อเจ้่้อให้คนเชื่อ ก็มีเสลดเคืองอยู่ในลำคอและน้ำลายเต็มปากอย่างนั้น พอปัจจุบันพูดอะไรในทางธรรมที่เป็นจริง คนฟังมักจะไม่เชื่อ (ส่วนมากฟังแล้วไม่เข้าใจ เพิกเฉยไม่ตระหนักในสิ่งที่เราสื่อ) ชาตินี้กระแสเก่าของตัวเองออกมาเดินเพ่นพ่าน ให้มีจริยาเป็นพาล ก็ให้ผลร้ายในทันที

.... คือ ต้องทำใจนิดหนึ่งคะ เพราะขนาด กาลีนะ ไม่ชอบการพูดโกหก แต่ก็มักมีคนหัวเราะเยาะเพราะฟังไม่เข้าใจตามที่เราสื่อ ก็ได้แต่คิดว่ามัน คือ กรรมที่เราเคยทำและต้องรับก็บอกตัวเองว่า " เราพูดความจริงอย่าเสีใจ ทำดีมันยากแต่เราก็ตั้งใจทำ สักวันคนที่หัวเราะเยาะเราเขาจะต้องหันกลับมามองเราใหม่คะ " แค่วันนี้เรามั่นใจว่าเราทำดีที่สุดของเราแล้วก็พอคะ จะได้ไม่ต้องมานั้งเสียใจภายหลัง ... เราทำวันนี้ กับ พรุ่งนี้ได้คะ ^__^


... เรื่องแช่งคนนี่สำหรับผมเลิกขาดเลย ต่อให้แช่งแล้วเขาเป็นจริง กรรมเข้าที่เราอยู่ดี เป็นโทษในภายหน้า ไม่ใช่ว่าเราจะวิเศษวิโสมาจากไหนเลย มีแต่คนเราปรุงแต่งขึ้นว่าตนวิเศษอย่างนั้นอย่างนี้กันไปเอง

.... ว่ามากไม่ได้เรื่องนี้ " รับอยู่เช่นกัน " รุ้ตัวคะแต่ก็ก้มหน้ารับอย่างมีความสุขคะ ดีจะได้ไม่ตกค้างไปชาติอื่นเอาชาตินี้แหละเป็นไงก็เป็นกัน กล้าทำต้องกล้ารับ และ พยายามอย่าทำอีกก็พอ ... กาลีนะ พยายามอยู่คะ ยกเว้นพวกสมควรจะโดน ..

เจ้าของกระทู้ไปกราบหลวงตาม้า ท่านให้โอวาสว่าอย่างไรบ้างครับ ?
แต่ตอนท่านออกอากาศเห็นท่านย้ำบ่อยเลยว่า "ให้สวดมนต์ กรรมฐาน สร้างกำลังให้ตัวเองก่อน อย่าเพิ่งไปเปิดสำนักไปสอนอะไรใคร" เห็นท่านว่าฝึกกันจริงๆจังๆเก็บตัวใช้เวลาเป็น 5 ปี 10 ปี

....... ท่านก็พูดไม่เยอะคะ เพราะตอนที่เข้าไปท่านกำลังคุยธุระเรื่องสร้างวิหารคะ .. ท่านก็กวักมือเรียกจากตอนแรกที่รอท่านอยู่นอกกุฏิ เพราะตั้งใจแค่ว่า อยากไปกราบท่านใกล้ ๆ สักครั้งก็พอ ขอชมบารมีใกล้ ๆ ว่าจะรู้สึกเหมือนตอนเห็นในรูปที่แจกไหม๊ แค่ได้เห็นรอยยิ้มของท่านก็เกิดปิติสุขมากล้นแล้วคะ ยิ้มหน้าบานยิ่งกว่ากระด้งอีกคะ ... ท่านถามว่าว่ามาจากไหน มาทำอะไรรึตั้งใจมาวัด จะนอนที่นี้สักคืนไหม๊ ( คือ คุยกับแฟนก่อนมาว่าอยากมาถือศีลที่วัดนี้สักคืนคะ แต่แฟนนอนไม่ได้ เพราะสัมผัสภพภูมิเขาแรงมาก และ ศาสนาเขาไม่ให้ทำแบบนี้ ) อึ้งไปพักท่านยิ้มตลอดคะแบบที่ต้องการเห็นคะ ท่านก็ให้สร้อยคนละเส้น แล้วบอกว่าขอพรไหม๊ขึ้นไปข้างบนนะไปขอพรท่าน ( คือ คุยกันก่อนเดินทางว่า จะขอพรให้เพื่อนรอดตายคะเพราะทุกที่บอกว่าไม่เกินวันอาทิตย์ ..) อึ้งไปรอบสองมองหน้าแฟนเพราะสองจิตสองใจว่าจะขอพรให้ตนเอง หรือ จะขอพรให้เพื่อนดีมาไกลเป็นพันโลขนาดนี้แล้ว ... สรุป กาลีนะขอพรให้เพื่อนคะ ขอให้เขายืดเวลาให้จนกาลีนะกลับไปก็ยังดี ... ผลเหรอคะ เขาอยุ่ถึงวันที่ กาลีนะ กลับจริง ๆ คะ ตอนขับรถกลับแฟนจะพูดเสมอว่าแวะไปโรงบาลก่อนไหม๊ เขารอแกนะ ไปเถอะพี่เขาทรมานมากแล้วเขารอแกไปส่งเขา ... เขาสิ้นใจวันที่กาลีนะกลับเข้าบ้านจริง ๆ คะ ยืดมาได้เกือบอาทิตย์หนึ่ง

 

... แสดงว่า บารมีไม่พอคุ้มตัวคะ ผลแห่งแรงกรรมมีมากกว่า ... เฉพาะเรื่องที่คุณพูดเล่นนี้นะคะ ไงก็ระวังคำพูดหน่อยแล้วกันคะ เราล้อเล่น แต่กรรมไม่ล้อเล่นกับเรานะคะ .. ส่วนมากถ้ามีองค์สูงหน่อย และ ได้ วาจาสิทธิ์จะต้องระวังคำพุดตนเองทุกคำที่จะพูดออกมา .. มันมีผลต่อตัวเอง และ ผู้อื่นได้ สมควรระมัดระวังตนเองให้มากคะ

 

... กาลีนะ ถวาย " ใจ และ ชีวิต คะ " หมายความว่า เมื่อท่านให้โอกาศต่อชีวิตให้ ก็ตั้งใจทำแต่ความดี แนะนำสิ่งที่ดี ทำทุกอย่างที่เป็นความดีที่ตนเองทำได้ นับถือท่านเปรียบเหมือนแม่คนที่สองเพราะท่านให้ชีวิตเราอยู่ต่อมาได้ ส่วนพิธีการของถวายไม่ค่อยมีอะไรมากคะ ตามสภาวะโอกาศ .. เอาความตั้งใจดีมาก่อน แผ่เมตตานึกถึงท่านทั้งหลาย และ บริวารเสมอ .. เมื่อเขามาขอพึ่งเราแล้วก็ช่วยพยุงกันไปตามอัทธภาพ .. อาจมีบ้างที่ไม่ได้ไปทำบุญใหญ่เหมือนสมัยก่อนก็จะมีมาทวงบ้างแบบประมาณว่า " เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยไปถวายสังฆทานเลยนะ " แฟนพูดแบบลอยหน้าลอยตา พอถามกลับบอกไม่ได้พูด .. อันนี้เจ้าประจำเขาจะทวงคะ .. อิอิ

 

เปล่าจ๊ะ เพราะสิ่งที่ทำมันเกินความสามารถของมนุษย์ ขนาดกำยานที่จุดถวายไฟติดยังไม่ไหม้ ไฟดับไปเลย

คำสาปเราจะโดน 1 ใน 4 ส่วน เหมือนมีดโกนอาบน้ำผึ้ง แรกก็หวานแต่สุดท้ายก็ขม

 

... นั้นแหละคะ ถูกต้องแล้วที่กล่าวไปบอกไป ..

... " คำสาป " นั้นมันมีกฏเกณฑ์ของมันอยู่ซึ่งระดับพี่น่าจะรู้ดีกว่า กาลีนะ อยู่แล้วนะคะ .. หากไปสาปแช่งผู้ไม่มีความผิด หรือ ทำด้วยการไม่บังควรต่าง ๆ หรือ บารมีตนน้อยกว่าผู้ที่เราสาปแช่ง ... มันจะตีกลับเข้าหาตัวผู้สาป .. พร้อมกรรม .. ผลจะเกิดกับตัวบุคคลนั้นในระยะยาว .. ที่กล้าพูดเพราะเคยเจอมาแล้ว ... คำสาปจะโดนเรากี่ส่วนนั้นต้องดู " ตัวเรา สิ่งที่เราสาป ตัวผู้ถูกสาปประกอบด้วย " .. แล้ว กรณีที่พี่พูดเล่น ๆ นั้นต้องดูว่าสมควรไหม๊แค่ไหน .. แล้วมันยังมีกฏเกณฑ์อีกหลายอย่างเหมือนกัน คำสาป มันเดี่ยว ๆ .. ถ้าพวกมีครูจะอีกรูปแบบหนึ่ง ... คล้ายแบบพวกเล่นพรรคเล่นพวกไปเจอครูตัวเอง หรือ ครูเดียวนี้ก็สนุกไปใหญ่นะคะ แล้วยังมีเทพที่ประเภทสามารถ " ล้างอาถรรพ์ คำสาปแช่ง ได้ด้วยนะคะ " .. ทางที่ดีก็อย่าล้อเล่นบ่อย ๆ แล้วกันนะคะ

 

PM ไปบอกละกัน เดี๋ยวคิดไปไกลแบบคุณ Dutchess

 

แม่กาลีนะ นี่สุดยอดจริงๆนะ นับวัน เวลาผ่านไป ประสบการณ์ยิ่งมากขึ้น ยิ่งแม่นขึ้น รู้เห็นอะไรลึกๆมากขึ้น แล้วก็รู้ว่าลึกๆแล้วน่ากลัวแค่ไหน น่าจะรู้สึกกลัวมากกว่าแต่ก่อน ระวังมากขึ้น ชนิดการ์ดไม่มีตก...

แม่ผมต้องเสียชีวิตไป เพราะเรื่องที่ไปรับขันธุ์รับองค์ มานี่แหละ ตอนนั้นผมยัง14-15ขวบ ไม่มีปัญญาจะช่วยเหลือแก้ไข ถ้าเกิดเรื่องช้าลงอีกสัก 5 ปี ผมก็ยังมั่นใจว่าเอาอยู่...

หลังจากมีครูบาอาจารย์อบรมสั่งสอนแล้ว ทำให้อยากรู้ว่า องค์ที่มาประทับร่างเหล่านี้ แท้จริงแล้ว เขาคือใคร? องค์เทพจริงๆที่มาประทับร่าง ใช้ร่างนี้ เป้าหมายจริงๆเขาต้องการอะไร ถ้าสร้างบารมี วิธีอื่นก็มี ทำไมถึงเลือกวิธีนี้? เมื่อใช้ร่างนี้แล้ว เจ้าของร่างจะเป็นอย่างไร? สุดท้ายแล้ว เมื่อสิ้นลมหายใจ วิญญาณเจ้าของร่างจะไปไหน? ได้รับผลอย่างไร? ไปย้อนดูถึงบุพกรรมเก่าของคนเหล่านี้ว่า ทำไมต้องมาเป็นร่าง แล้วถ้าไม่ต้องการเป็นร่างเหล่านี้ มีทางป้องกันอย่างไร? มีอะไรบ้างที่เทพพวกนี้ไม่กล้ายุ่งด้วย ไม่กล้าตอแย?

เมื่อพอได้รู้คำตอบแล้ว ก็ได้ข้อสรุปว่า "อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ดีที่สุด"
เช่นเดียวกันกับเรื่อง เหล่าแม่มด มนต์ดำ คำสาป ของทางยุโรป มันมีหลายเรื่องที่คนปกติไม่ค่อยได้รู้ว่าลึกๆแล้ว มันมีที่ไปที่มาอย่างไร ผลของคนที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยแล้วจะต้องเจอกับอะไร...เมื่อมองย้อนกลับไป ก็เห็นบุพกรรมเก่าที่เกี่ยวข้องกันมาก่อนแทบทั้งนั้น กฎของกรรมนี่เอง เป็นผู้ออกแบบ วางแผนทุกอย่างให้เป็นไป เป็นไปตามกฎของกรรมจริงๆ ...
แล้วก็เล่าต่อไม่ได้อีกนั่นแหละ...เป็นอันว่า คอยฟังแม่กาลีนะ บรรยาย ในฐานะวิทยากร แม้ยังไม่ยอมรับเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านนี้ ก็เอาตำแหน่งผู้ทรงคุณวุ้นกะทิไปก่อนละกัน...ด้วยพวกตัวจริงเสียงจริงเนี่ย มักจะถ่อมตัวจนเตี้ยติดดิน...ใช่ปะ..

 

.... ไม่หรอกคะ .....

.... คนละคนกัน .. วาระจิตคนละแบบกัน .. เขาส่วนเขา กาลีนะ ส่วน กาลีนะ จะพิจารณาจากอารมณ์ตอนที่คนนั้นเขียน วาระจิตที่พุ่งพ่าน มันอยู่ในทุกตัวอักษรของคนนั้นอยู่แล้ว

 

ไม่เหมือนหรอกคับ และจะต่างกันมากด้วย เพราะ..
คนหนึ่งมีครูบาอาจารย์ระดับเกจิ ส่วนอีกคนนั้นไม่มีแถมชอบเดาใช้วิธีของตัวเอง

 

แม่กาลีนะ นี่สุดยอดจริงๆนะ นับวัน เวลาผ่านไป ประสบการณ์ยิ่งมากขึ้น ยิ่งแม่นขึ้น รู้เห็นอะไรลึกๆมากขึ้น แล้วก็รู้ว่าลึกๆแล้วน่ากลัวแค่ไหน น่าจะรู้สึกกลัวมากกว่าแต่ก่อน ระวังมากขึ้น ชนิดการ์ดไม่มีตก...

... สาธุคะพี่

.....เป็นที่ปลาบปลื้มมากคะ หนูก็ชื่นชมพี่มากคะทุกครั้งที่อ่านบทความทุกตัวอักษรบ่งบอกวาระจิตของพี่ได้ดีเสมอเหมือนเจอตัวจริงเลยทีเดียวคะ ... นอกจากพี่ Nopphakan ที่ไม่เคยเจอตัวจริงเคยเจอพี่เขาแค่ในความฝันมา 4- 5 ครั้งเท่านั้นเองคะ ... คนเราถึงไม่เคยเจอหน้ากันแต่ก็สามารถรู้สึก และ สัมผัสได้ถึงจิตใจของคนนั้นได้พี่ว่าจริงไหม๊คะ ... แต่บางทีมันก็ทรมานนะคะกับสิ่งนี้ ...

...... กาลีนะ ก็เจอมาเยอะคะ .. เขาทำเราไม่ได้ในโลกของความจริง ก็ต้องมาสู้กันในฝัน .. สรุป .. เราก็รอดมาจนทุกวันนี้แหละคะเพราะเราไม่เคยหยุดการศึกษาหาความรู้ใส่ตนเอง .. กาลีนะ ที่ยืนหยัดอยู่ทุกวันนี้ก็ต้องพยายามใช้ชีวิตในสองโลกให้ได้เหมือนคนปกติ หนึ่งกายสองจิต กาลีนะ เข้าใจที่พี่อยากให้ฝึกนะคะแต่ความพร้อมทางโลกของ กาลีนะ ยังติดขัดอยู่ความรู้ยังไม่สามารถสอนใคร หรือ ช่วยใครได้แค่พอเอาตัวรอดเท่านั้น คนที่เก่งกว่ายังมี ต่อให้องค์สูงแค่ไหนถ้าบารมียังต่ำมันก็ทำอะไรได้ลำบากคะ ความรู้ที่ได้ก็จากการศึกษาทดลองพิสูจน์คะ เพราะครูทางโลกหาได้ยากครูทางภพภูมิมาสอนหลายท่านทั้งพระทั้งโยมพอตื่นก็จะลืมจำไม่ได้ เลยเลือกเดินสายทำความดีสะสมบารมีให้เต็ม .. แต่คำที่พี่เอามาโพสหนูชอบมากโดนใจมากคะ " ถ้าเราไม่ลงนรก .. แล้วใครจะลง " .... แต่หนูถือคติเตือนตนเองเสมอว่า " ลูกผู้ชายกล้าทำ .. ต้องกล้ารับ เพราะฉะนั้นคิดให้ดีก่อนทำอะไรลงไป .. เมื่อทำไปแล้วจะได้ไม่ต้องมานั้งเสียใจภายหลัง หรือ โทษคนอื่น "

แม่ผมต้องเสียชีวิตไป เพราะเรื่องที่ไปรับขันธุ์รับองค์ มานี่แหละ ตอนนั้นผมยัง14-15ขวบ ไม่มีปัญญาจะช่วยเหลือแก้ไข ถ้าเกิดเรื่องช้าลงอีกสัก 5 ปี ผมก็ยังมั่นใจว่าเอาอยู่...

... กาลีนะ เสียใจด้วยนะคะ .. ความรู้สึกคงพอใกล้เคียงกัน ..แต่กาลีนะ คิดว่าบางทีมันก็ไม่ยุติธรรมคะ เพราะยังมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องตกเป็นเหยื่อของความไม่รู้จริง ถูกหลอก หลงไปเพราะกิเลส .. หลายครั้งที่เกือบหลวมตัวไปเพราะความเข้าใจผิด หลงคำลวง แต่จะมีเสียงหนึ่งเตือนในหัวเสมอว่า " มันโกหก ๆ " เลยไม่กล้าทำอะไรลงไปโดยไม่หาข้อมูลก่อน พอเริ่มสนใจศึกษามันก็เริ่มรู้มากอาจมีติดขัดบ้างถึงจะหาผู้รู้มาช่วยแนะให้คะ

 

หลังจากมีครูบาอาจารย์อบรมสั่งสอนแล้ว ทำให้อยากรู้ว่า องค์ที่มาประทับร่างเหล่านี้ แท้จริงแล้ว เขาคือใคร? องค์เทพจริงๆที่มาประทับร่าง ใช้ร่างนี้ เป้าหมายจริงๆเขาต้องการอะไร ถ้าสร้างบารมี วิธีอื่นก็มี ทำไมถึงเลือกวิธีนี้? เมื่อใช้ร่างนี้แล้ว เจ้าของร่างจะเป็นอย่างไร? สุดท้ายแล้ว เมื่อสิ้นลมหายใจ วิญญาณเจ้าของร่างจะไปไหน? ได้รับผลอย่างไร? ไปย้อนดูถึงบุพกรรมเก่าของคนเหล่านี้ว่า ทำไมต้องมาเป็นร่าง แล้วถ้าไม่ต้องการเป็นร่างเหล่านี้ มีทางป้องกันอย่างไร? มีอะไรบ้างที่เทพพวกนี้ไม่กล้ายุ่งด้วย ไม่กล้าตอแย?

.... กาลีนะ ก็อยากรู้อยากเห็นแบบนี้เหมือนกันคะ .. ตั้งแต่ไม่มีคนมาสอนแล้วคะ จำความได้ก็จะขี้สงสัยในทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่เราเจอพอถามคนอื่นเขาก็จะด่า จะว่า หัวเราะเยาะ .. เลยค้นหาเองคะพิสูจน์เองเลยให้มันรู้กันไป แต่ก็มีที่เจอ " ตอ " เหมือนกันนะไม่ใช่ไม่เคยเจอ พระท่านก็บอกให้บวชซะเถอะ เพราะจิตอีกหนึ่งนั้นร้อนแรงยิ่งกว่าไฟที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างให้เป็นจุล .. นี้แหละคะที่เป็นเหตุให้พระท่านบอกให้ไปบวช ฝึกใจให้เมตตา ฝึกอุเบกขาเพื่อชะลอความร้อนแรงของไฟนั้นไว้ .. แต่บางทีก็เหมือน เวลาเราพูดอะไรจะเป็นอีกจิตหนึ่งมาพูดไม่ใช่เราแต่ก็เสมอราบเรียบดีคะ .. มันเหมือนเรากำลังพูด หรือ เขียนเรื่องหนึ่งอยู่ แล้ว มันก็เกิดความรู้ไหลเข้ามาปรื๊ด ๆ ถ้ามีคนมาสกัดขัดจังหวะบางทีเราก็จะตันเลยไปไม่เป็นต่อไม่ได้คะ .. มันต้องฝึกสังเกตเอาเอง


เมื่อพอได้รู้คำตอบแล้ว ก็ได้ข้อสรุปว่า "อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ดีที่สุด"

... คงต้องเรียนว่า "มันคือทางเลือกสุดท้ายดีกว่าคะ เพราะถ้ามันจะมีประโยชน์ต่อคนหมู่มาก คนอ่อนแอที่ปกป้องตนเองไม่ได้ ความไม่เป็นธรรมจากผู้ที่มีกำลังมากกว่า แบบนี้ก็ยอมคะ เพราะนรกมันไม่ได้น่ากลัวในความคิดของกาลีนะ ถ้าใจเราเป็นสุขจริงจากสิ่งที่เราได้กระทำดี เพราะไฟนรกมันน่าจะเผาผลาญแต่บุคคลที่มีจิตใจชั่วช้าให้สำนึกในบาปที่ตนได้กระทำ แต่หากเราจะต้องเจอก็จะยินดีน้อมรับมันคะ "

เช่นเดียวกันกับเรื่อง เหล่าแม่มด มนต์ดำ คำสาป ของทางยุโรป มันมีหลายเรื่องที่คนปกติไม่ค่อยได้รู้ว่าลึกๆแล้ว มันมีที่ไปที่มาอย่างไร ผลของคนที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยแล้วจะต้องเจอกับอะไร...เมื่อมองย้อนกลับไป ก็เห็นบุพกรรมเก่าที่เกี่ยวข้องกันมาก่อนแทบทั้งนั้น กฎของกรรมนี่เอง เป็นผู้ออกแบบ วางแผนทุกอย่างให้เป็นไป เป็นไปตามกฎของกรรมจริงๆ ...

... ใช่คะ กรรม นี้แหละ คือ ตัวกำหนดทุกสรรพสิ่งในโลกให้ดำเนินไป กาลีนะ ก็มีกรรมที่ต้องรับหน้าที่เช่นกัน จนตอนเด้กถึงไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก้รู้สึกกลัวการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เลยทำอะไรบ้า ๆ ลงไปหลายอย่าง พอตอนนี้คิดแล้วก้ทำใจยอมรับเพราะความ " ไม่รุ้ " ตอนนี้รู้แล้วก็พยายามไม่ทำอีกคะ

แล้วก็เล่าต่อไม่ได้อีกนั่นแหละ...เป็นอันว่า คอยฟังแม่กาลีนะ บรรยาย ในฐานะวิทยากร แม้ยังไม่ยอมรับเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านนี้ ก็เอาตำแหน่งผู้ทรงคุณวุ้นกะทิไปก่อนละกัน...ด้วยพวกตัวจริงเสียงจริงเนี่ย มักจะถ่อมตัวจนเตี้ยติดดิน...ใช่ปะ..

... 55555555 สภาวะนี้พอเข้าใจคะ ... แต่ส่วนตัวมักดื้อคะ 555555555 ไม่สนใจมันเป็น .... แล้วแก้ยากมากคะ ... ถึงโดนเข้ามาตำหนิประจำคะทั้งความฝัน และ ความจริง 555555 แต่ตำแหน่งวุ้นกระทินี้เอาคะ 5555555 ขนมของชอบเลยคะ .. กาลีนะ ชอบกินขนมหวาน ๆ แต่ตัวจริงเสียงจริงนี้ยังไม่ยอมรับคะ เอาไว้เหาะได้ หรือ ว่าสัมผัสเปิดหมดก่อนนะคะพี่ ... ตอนนี้ยังไม่พร้อมน้อมรับคะ

 

.... ตัวคุณดัช นั้นเขาก็มีดีของเขาเหมือนกันคะ เพียงแค่เขาคงยังไม่พร้อมจะยอมรับให้ถุกทาง กาลีนะ ก็เคยประสบปัญหาคล้าย ๆ แบบนี้มาก่อน แต่ประสบการณ์จะค่อย ๆ สอนให้พบทางเดินของตนเองคะ เพียงแต่ยังเดินในสายธรรม และ ปรับสภาพจิตใจให้เหมาะสมตามควร .. ส่วนครูบาอาจารย์ระดับเกจินั้น กาลีนะ เองก็ไม่รู้วัดกันตรงไหน .. เพราะเวลา กาลีนะ จะนับถือใครมักดูที่เจตตนา การกระทำ และ สัมผัสที่รับรู้ได้จากจิตของท่านนั้นคะ ... และ ความอาวุสโสทางโลกก็ให้ความสำคัญเช่นกัน .. ยกเว้นคนนั้นจะทำลายมันเองคะ ... ถึงวาระนั้นก็ไม่เกรงใจกันเลยคะ ...

 

เห็นด้วย.. ประมาณว่าคนเราต้องมีหลงทางมาก่อนว่างั้น...

ทีแรกผมนึกว่ากระทู้นี้ไม่ค่อยมีใครเข้ามาดูเสียอีก มาเห็นแล้วตกใจ รู้งี้เข้ามาแล้วฟังเฉยๆไม่พูดอะไรมากก็ดี -..- จริงๆผมก็มาพูดมาคุยแจมไปงั้นแหละ นานๆเข้ามาดูบอร์ดที ถ้ามันออกนอกลู่นอกทางหรือไม่ถูกอย่างไรก็ขออภัยด้วย