หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

​

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของทุกท่านนะครับ.. สาธุ

สำหรับพระกสิณองค์นี้นั้นด้านหลังเป็นลายมือขององค์หลวงปู่ครับ สาเหตุที่ลงรักเอาไว้ เผลอๆว่าพระองค์นี้ท่านอาจจะเป็นผู้กดพิมพ์เองเสียด้วยซ้ำครับ ลูกศิษย์จึงได้ลงรักเอาไว้เพื่อเป็นโค๊ดแยกแยะกัน.. ส่วนเลข 88 นี้ ผมมั่นใจว่าหลวงปู่ท่านคงทิ้งปริษณาธรรมเอาไว้ถึงอายุไขที่ท่านจะอยู่ถึงอายุ 88 ปีครับ แสดงถึงญาณหยั่งรู้อนาคต และญาณหยั่งรู้วาระกรรมต่างๆได้ อยู่ที่ท่านจะบอกหรือไม่บอกเท่านั้นครับ..

ก่อนที่หลวงปู่ท่านละสังขารไม่นาน ท่านก็เคยฝากวัตถุมงคลบางอย่างกับผมเอาไว้ เมื่อนับดูก็มีทั้งหมด 88 องค์เช่นกัน และไม่นานท่านก็ละสังขารไปเมื่ออายุได้ 88 ปีเต็มครับ

 

เคยมีท่านเจ้าคุณรูปหนึ่งถามท่านพ่อลีว่า " ในเมื่อเป็นพระกรรมฐาน ดำเนินในปฏิปทาของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตแล้ว ทำไมท่านจึงชอบนำพาเหล่าบรรดาญาติโยม จัดงานบุญงานกุศลสร้างพระอยู่เป็นประจำ ไม่มุ่งเน้นพาเหล่าบรรดาญาติโยมให้ปฏิบัติภาวนาล่ะ..? "

ท่านพ่อลีท่านก็ตอบท่านเจ้าคุณรูปนั้นว่า "เกล้ากระผม ทำนาไม่ได้เอาข้าวอย่างเดียว แกลบผมก็เอา รำผมก็เอา ฟางผมก็เอา ขอรับ"

ท่านพ่อลี ธัมมธโร..


https://www.facebook.com/apichai553?ref=hl

​

 

รบกวนสอบถามหน่อยครับ สององค์นี้พอมีประวัติการจัดสร้างหรือเปล่าครับ

 

งดงามมากครับ..สาธุ

 

สาธุ อนุโมทนา

 

รูปหล่อนี้เป็นรูปหล่อหลวงปู่มัน ภูริทัตโตครับ ศิษย์สายหลวงปู่เจี๊ยะจัดสร้าง เพื่อบูชาพระคุณหลวงปู่มั่นครับ รูปหล่อชุดนี้ทางคณะศิษย์สายหลวงปู่เจี๊ยะได้มีแบ่งถวายไปตามวัดสายป่ากรรมฐานต่างๆด้วยครับ ซึ่งก็รวมถึงวัดของหลวงปู่พิศดูด้วย แต่เอกลักษณ์นั้นจะเหมือนกันหมด ประวัติการสร้างนี้มีอยู่ตามเว็บต่างๆ ลองหาดูมีข้อมูลอยู่ครับ

http://www.udon108.com/thai/showthread.php?t=227269

ส่วนรูปหล่อพระอุปคุตนี้ ไม่ทราบว่าวัดใดจัดสร้าง ทางผมไม่มีข้อมูลเลยครับ แต่ผมเคยเห็นมีวางให้บูชาตามแผงพระบางแผงครับ แต่ไม่ทราบว่าเป็นของสำนักใดครับ

 

ข้อมูลแน่นจริงๆ จะรอฟังต่อครับ

 

ได้รับของฝากแล้วนะครับ ขอบคุณท่านเอ็กซ์มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับ

 

ก็มีหลายคนถามผมว่า องค์หลวงปู่พิศดูท่านเกี่ยวข้องกับพระอุปคุตอย่างไร ผมจึงขอหยิบยกข้อความจากหน้ากระดานก่อนๆมาแสดงอีกครั้งนะครับ..


มีบุญสัมพันธ์กันกับองค์พระมหาเถรอุปคุต ในฐานะศิษย์-อาจารย์

ก็คงได้ทราบกันอยู่บ้างแล้วถึงบุญสัมพันธ์ระหว่างองค์หลวงปู่พิศดู กับท่านพระมหาอุปคุต ที่เกี่ยวเนื่องกันมาแล้วในหลายๆชาติ ตราบจนในชาติสุดท้ายก่อนที่จะมาเกิดเป็นพระภิกษุพิศดูนี้ โดยบุญสัมพันธ์นั้น หลวงปู่ท่านบอกไว้โดยชัดเจนว่า " เราสายท่านพ่ออุปคุต " ดังจะขอยกเรื่องราวที่เคยแสดงไว้ในกระทู้หน้าที่ 103 มาให้ศึกษากันอีกครั้ง ดังนี้..

ซึ่งเรื่องราวในครั้งอดีตขององค์หลวงปู่พิศดูนั้น องค์หลวงปู่เอง และครูบาอาจารย์ผู้ทรงญาณอันแก่กล้าหลายท่าน(ขอสงวนนาม) ก็ยังเคยเล่าให้เราทราบว่า ..
ในรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ผู้ปกครองดินแดนชมพูทวีปนั้น องค์หลวงปู่พิศดูก็ยังได้เกิดเป็นพระราชนัดดา(หลาน) ของพระเจ้าอโศกฯ (ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ขอท่านผู้อ่านพิจจารณาเพื่อเป็นกรณีศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องที่พิสูจน์ความได้ยาก..(แต่ว่าผมเชื่อครับ) และยังได้มีส่วนร่วมใน อภิมหามหกรรมสมโภชน์ พระมหาสถูป เจดีย์ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุในครั้งนั้น เป็นระยะเวลา 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ในครั้งนั้น พยามาราธิราชหวังจะเข้าทำลายมหกรรมพิธี พระเจ้าอโศกฯจึงได้อาราธนานิมนต์องค์พระมหาอุปคุต ซึ่งเป็นอนุพุทธะอรหันตเถระเจ้า ที่กำลังเข้าฌานสมาบัติหลีกลี้จากความวุ่นวาย ให้ขึ้นมาจากปราสาทแก้วในท้องสะดือทะเล เพื่อยับยั้ง ขัดขวางการกระทำของพยามาร ผู้มีใจบาป หยาบกระด้าง ผู้ไม่มีความอดทน โดยการเนรมิตซากสุนัขเน่าผูกคอพญามารไว้ และใช้รัดประคตมัดพญามารไว้กับเขาพระสุเมรุ ด้วยกำลังแห่งฤทธิ์ ทำให้พญามารรู้สึกทรมารมาก เพื่อแก้จริต หวังให้พญามารได้มีเวลาพิจจารณาไตร่ตรองให้รู้สึกสำนึกผิด ว่านี่ขนาดพระสาวกยังมีฤทธานุภาพถึงเพียงนี้เลยเล่า จึงทำให้ย้อนรำลึกถึงเมื่อครั้งอดีต ตนเคยยกเสนามารกรีธาทัพ หวังเพื่อทำลายความเพียรของพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ก็มิได้ทรงตอบโต้ตนเลย หนำซ้ำยังมีจิตเมตตา จนตนต้องพ่ายแพ้ไปเองด้วยพุทธะบารมี พิจจารณาไตร่ตรองเห็นถึงเพียงนี้ จึงเกิดความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า พยามารจึงได้ตั้งความปราถนาซึ่งพุทธภูมิหวังเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคตกาล.. เมื่อพระมหาเถระทราบความคิดของพญามาราธิราชโดยละเอียดแล้ว จึงอธิษฐานแก้มัดให้ และยังได้สั่งสอนให้พญามารเข้าใจในความจำเป็นดังกล่าวมา จนทำให้ มหกรรมสมโภชน์พระบรมสารีริกธาตุของพระเจ้าอโศกฯ นั้น รอดพ้นจากภัยของมารไปได้ด้วยดี เพราะคุณของพระมหาเถระอุปคุต.. ยังความปราบปลื้มปีติ ซาบซึ้งในคุณของพระมหาเถระที่มีต่อองค์กษัตริย์ และปวงประชาเป็นล้นพ้น จึงมีผู้ศรัทธาขออุปสมบทในสำนักของพระมหาเถระเป็นจำนวนมาก รวมถึงองค์หลวงปู่พิศดูในสมัยนั้นก็ด้วยเช่นกัน ซึ่งคณะลูกศิษย์สาวกของพระมหาเถระอุปคุตในสมัยนั้น ต่างก็ได้สำเร็จมรรคผลนิพพานกันเป็นอันมาก แต่องค์หลวงปู่พิศดูในสมัยนั้น ท่านยังมิได้หวังจะสำเร็จมรรคผลนิพพาน เพราะอดีตได้เคยตั้งปณิธานซึ่งความปราถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามานับภพชาติไม่ถ้วน ซึ่งก็เป็นเหตุปัจจัยให้ไม่สามารถเข้านิพพานได้ในชาตินั้น แต่ก็ยังเป็นผู้เลิศในทางแสดงอิทธิวิธี อันมีสมาบัติ8 และทรงอภิญญาใหญ่เป็นบาท ต่อมาภพชาติสุดท้าย บารมีธรรมของท่านเข้าสู่ขั้นปรมัตถ(บารมีเต็ม) และบังเกิดความเบื่อหน่ายในชาติภพ จึงอธิษฐานถอนความปราถนาซึ่งพระปัจเจกภูมินั้นเสีย และหาหนทางเพื่อบรรลุอรหัตผลด้วยองค์ท่านเอง ไม่นานก็....

 

ขอขอบคุณ น้องทุเรียนทอด ที่ให้ข้อมูล ขอเสริมอีกนิด น่าจะมีอีกสักหนึ่งองค์ที่สามารถเชิญพระมหาอุปคุตได้โดยตรง คือ หลวงปูญาท่านสวน วัดนาอุดม
ส่วนอีกหนึ่งองค์ ที่สามารถเชิญพระสิวลีได้โดยตรง คือ หลวงพ่่อกวย ชุตินธโร วัดโฆสิตาราม ถ้าเจอพระสิวลีของหลวงพ่อกวยควรเก็บไว้ใช้นะครับ ข้อมูลทั้งหมดน่าจะมาจากพระอาจารย์เดียวกัน

 

^^

 

เอิ้ก เห็นวางเรียง โชว์ แล้ว เกิดกิเลส พุทโธ ๆๆ มีพอใส่แล้ว ๆ

 

ผมเห็นมวนบุหรี่ด้วยครับ ขอข้อมูลเป็นความรู้ครับ

 

กราบหลวงปู่พิศดู..สวัสดีท่านทุเรียนทอด และสมาชิกทุกท่านครับ...ข่าวดีใจ..วันนี้หลวงปู่มาโปรดครับ

 

สภาพสวยมากพี่ไพบูลย์ หายากมั้กๆ ยินดีด้วยและขอจองต่อ อิอิ

 

สวยงามมากเลย ^_^

 

บุหรี่เสกของหลวงปู่ครับ..ของพี่ที่เป็นตำรวจที่กระทิงครับ หลวงปู่ทำท่าสูบแล้วก็เสกให้พี่เขาใว้ติดรถครับ พี่แกห่อใว้อย่างดีเหลือแค่อย่างเดียวเพื่อนตำรวจขอไปใช้หมด ยังดีที่เหลือใว้ให้ผมบ้าง...^^

 

โชคดีจริงๆครับ ของแต่ละอย่างน่าใช้ทั้งนั้นเลยครับ..

 

พระมหาอุปคุตที่ท่านครูบากฤษดา เมตตามอบให้หลายปีแล้วครับ..
ขนาดบูชาความสูงประมาณ 7 นิ้ว ฐานกว้างเกือบ 5 นิ้วครับ

​

 

สวัสดีคุณเอ็กซ์และสมาชิกทุกๆท่าน พระอุปคุตบูชางดงามมากจริงๆครับสร้างด้วยเนื้อโลหะหรือเนื้ออะไรครับ ครูบาท่านจารยันต์เยอะมากๆ นับเป็นบุญตาที่ได้ชมนะครับ ขอบคุณที่นำภาพมาลงไว้ด้วยครับ