พระวิสุทธิพุทธรังสีบรมบิดาคือใครคะ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 27 ธันวาคม 2013.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    ดิฉันอยากทราบว่า พระพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมบิดาเกี่ยวอย่างไรกับสมเด็จองค์ปฐมคะ ทำไมเขาไปเอาตรงไหนมา ถึงได้อ้างสมเด็จองค์ปฐมปางนิพพานไปกับเรื่องพระผู้เป็นเจ้า
     
  2. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    คำสอนแนวนี้ รู้สึกในสมัยมีการปฏิรูปเวบ โดนแบนหมด คุณมาไม่ทันในสมัยนั้น

    และยังมีอีกคนหนึ่ง ที่ชอบยำรวมทุกศาสนา ว่า สิ่งเนื้อแท้เดียวกัน นั่นก็โดนแบน

    ทั้งที่กริยาทิฏฐิของแต่ละศาสดา ไม่ได้สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันกับสิ่งอันเป็นที่สุด จะเข้ากันได้หรือ มีการชักหัวรถจักรว่าให้ทิ้งในสิ่งที่เรียนรู้มาจากตำหรับตำรา เป็นอุบายจูงจมูก

    ในสิ่งที่ถาม ลองไปถามผู้นั้นเอา ในห้องหนึ่งของเวบนี้ ที่เป็นสายหลวงพ่อฤาษีจริงๆ ที่เป็นสายหลวงพ่อฤาษีจริงๆนะ

    ส่วนผู้ที่ไม่เข้าถึงในกุศโลบายคำสอนหลวงพ่อฤาษี อย่าไปถามให้เสียเวลา
     
  3. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    ลองดูกระทู้นี้ซิ ไม่เห็นโดนแบนเลย แถม จขกท ยังสมัคร พรีเมี่ยม ขายพระเครื่องอีก

    http://palungjit.org/threads/การันตีว่า-ภัยพิบัติจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ-ครับ.504300/
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    .........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2013
  5. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    นั่นแหละ สถานะของสมาชิกบ่งบอก อยู่แล้วว่า ปีเมี่ยม ยิ่งตัวดำๆ VIP บางราย

    ไม่ต้องกล่าวถึงอะไรมากให้มากมาย เพื่อคงรักษาประโยชน์บางประการไว้

    และนั่นคือ จุดบอร์ด จุดเสี่ยงของผู้รับสาร เอง ต้องไตร่ตรองพิจารณาให้ดี ก่อนจะเชื่อ เป็นยาแก้

    แต่ถ้าเข้าถึงในหลักทางพุทธศาสนาได้บ้างแล้ว ก็พอที่จะทะลุปรุปล่อง ไม่ต้องอะไรมาก คงเข้าใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2013
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ผมเป็นแขวนคลับหลายคนนะ
    ก่อนหน๊านู้น 2012 มหาภัยพิบัติ
    เขาจะมี นิมิตหลากหลาย
    เอามาเล่าสู่กันฟัง แต่พอผ่านไป
    ก็ไม่เห็นออกมาแก้ข่าวเลย ว่านิมิตเขาเพี้ยนไปเอง
    มีแต่จะออกแนวว่า มีผู้มีพลังวิเศษช่วยไว้มั่งล่ะ
    ต้องแลกด้วยการตายผู้มีบุญมากมั่งล่ะ

    เรื่องๆนิมิต นิมิตนี่ อันตรายไม่เบาเลยล่ะ
     
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    เดี๋ยวนี้มันเยอะมาก เจอทีในเวปนี้แหละคะ พออ่านแล้วงง อย่าง จิตจักรวาล, แสงทิพย์นิพพาน, นิพพานเดี๋ยวนี้, บ้านสวนพีระมิด, อนุตตรธรรม ฯลฯ ตีกันให้วุ่นไปหมด คนเราปกติ เวลาใครมาเขียน ไอเดียนำว่า ทำแบบนี้แบบนั้นแล้วจะนิพพานได้รวดเร็ว ตัดภพชาติได้ทันที ก็ต้องสนใจอยากอ่าน อยากรู้เป็นธรรมดา

    ขอเล่านอกเรื่องนิดหน่อยคะ เมื่อตอนสมัยเรียน มัธยม แต่อันนี้เป็นของศาสนาคริตส์ รุ่นพี่ผู้หญิงที่โรงเรียนเค้าชวนเพื่อนดิฉันไป...... คือเพื่อน..... มาจากเมืองนอก เปรี้ยวมาก ฮ้าว หน้าสไตน์ เด็กผู้หญิงมูแล็ตโต้ (ลูกครึ่งฝรั่งกับนิโกร) เค้าก็มีรุ่นพี่มันชวนไป ลัทธิ อะไรของเขาไม่รู้แต่เค้าอ้าง เป็นคริตส์ นิกายโปรแตสแตนน์ คือดิฉันนะไม่ได้สนใจศาสนาคริตส์ เลย ตอนนั้นก็เรียนมโณยิทธิแล้วด้วย....... แต่เพื่อนชวนไปเป็นเพื่อน ดิฉันก็เลยไปด้วย พอไปถึง ก็เจออะไรแปลกๆเยอะมาก มีการให้ร้องเพลง และเต้นตาม เพลงอ้อนวอนพระเจ้า มีการติวเข้มให้ ร้องไห้ บางคนก็หวี้ดบ้าง ลงไปนอนกลิ้งกะพื้นบ้าง และพูดภาษาเทพ

    ถ้าใครทำไม่ได้ ทุกวันพุทธมีให้ไปติวเข้ม เขาเรียกกันว่าไปแคร์ และมีการแบ่งสาย แม่แกะ ลูกแกะ โดย แม่แกะนี้จะมีหน้าที่จิกตามตัวคนที่มาให้กลับไปเข้าพิธีอยู่เรื่อยๆ ดิฉันแค่ไปเป็นเพื่อนเฉยๆก็พลอยติดร่างแหตามไปด้วย โดนจิกโดนตามตัวขู่บังคับให้กลับไปทำพิธีบ้าๆบอๆ อะไรของเขา แต่ดิฉันไม่เคยทำได้เลยแบบนั้น ที่จะให้ไปร้องห่มร้องไห้พูดภาษา ฮเลรูยา อะไรของเขา...... ใช้เวลานานพอควรกว่าจะหลุดออกมาจากตรงนั้นได้ ก็โดนรุ่นพี่ในโรงเรียนคว่ำบาด ไม่ชอบหน้ากันไปเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2013
  8. Allymcbe222

    Allymcbe222 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +1,445
    คนที่เข้าไปศรัทธาความเชื่อนี้ คงเคยบำเพ็ญบารมีร่วมกันกับกลุ่มเขามาก่อนน่ะครับ
    พอมาเจอกันชาตินี้ เลยพอใจในคำสอน ซึ่งก็ถือเป็นสายของเค้า
    แถมความเชื่อนี้ ฟังดูจะบรรลุมรรคผลง่ายชะมัด ผมอ่านก็ขำๆนะ ผมคงไม่ได้อยู่สายเค้า แต่อยู่สายหลวงพ่อโดยตรง
    แต่ที่ไม่อยากให้เกิด คือ การนำชื่อและคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุงไปลิ้งค์ด้วย
    เพราะคนที่ไม่ได้ศึกษาคำสอนท่าน อาจเกิดการเข้าใจผิด ว่าท่านไปรับรองความเชื่อนี้
    อันนี้อันตรายมาก แต่ก็มีอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่แค่สำนักนี้นะครับ
    บางท่านนำมโนมยิทธิ ไปสอนแบบไม่เหมือนหลวงพ่อ กลายเป็นเข้าทรงตอบคำถามไปเฉยเลย
    นั่งภาวนา นะมะพะธะ สักพักเริ่มรำ แล้วบอกว่าคุณคือผู้ถูกเลือก จากนั้นก็ถามคำถามให้ตอบ
    โอ้ อะไรเนี่ย แบบนี้ไม่มีในคำสอนหลวงพ่อ ใครไม่รู้จักหลวงพ่อมาก่อน มาเห็นแบบนี้ คงคิดด้านลบกับท่านเป็นแน่
    ก็น่าสลดใจ
     
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    คำว่า สมาธิ เป็นคำกลางๆ
    ที่ทำกันมาได้ทุกศาสนาและทั่วโลก จะมีวิถีทางแตกต่างกันออกไป

    บ้างใช้การร้อง บ้างใช้เสียง บ้างใช้อุปรณ์ บ้างใช้การสะกดจิต

    ซึ่ง มันมีมาช้านานตามแต่ชนเผ่า และภูมิประเทศนั้นๆ

    แต่มีสมาธิชนิดนึง ที่ แตกต่างไปจากเขาเป็น อิสระ เป็นสมาธิที่มีโดยธรรม

    นั่นคือ การปฏิบัติตาม สติปัฏฐาน 4
     
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    การปฏิบัติในยุคปัจุบันนั้น มีสาขาและก็มีสำนักมากมาย หลายสำนักเจ้าสำนักก็อาจเคยไปศึกษามากับสำนักต่างๆที่มีชื่อเสียง สุดท้ายก็มาเปิดสำนักเอง โดยการอ้างว่าไปศึกษามาจากที่นู่นที่นี่ แรกๆก็อาจสอนถูกต้องตามสำนักเดิม นานไปก็เพี้ยนไปจากเดิม อย่างนี้ก็มีมาก...

    ลักษณะอย่างนี้มีให้เห็นได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นแบบพระป่า แบบวัดท่าซุง แบบวัดปากน้ำ เป็นต้น ผู้ที่ไม่รู้ไม่เข้าใจไม่เคยศึกษากับสำนักใหญ่มาก็เลยเข้าใจว่าสำนักใหญ่สอนกันแบบนี้ พาเพี้ยนกันไปเรื่อยๆ ฉะนั้นถ้านักปฏิบัติมีศรัทธา ในการปฏิบัติในรูปแบบวิธีของสำนักใหน ทางที่ดีที่สุดอย่าลืมได้สอบเทียบเคียงกับคำสอนเดิมของสำนักใหญ่ที่อ้างถึงนั้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอ้างหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ก็อย่าลืมไปฟังคำสอนเดิมและปฏิปทาของหลวงพ่อสดที่ท่านสอนเองบ้าง....อ้างหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็อย่าลืมไปเทียบเคียงคำสอนและปฏิปทาที่หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านสอนไว้บ้าง...อย่างนี้เป็นต้น ถ้าทำได้อย่างนี้ก็จะไม่ผิดไม่พลาดไป....เรื่องอย่างนี้เห็นได้ง่ายมาก และมีให้เห็นเยอะ ในยุคปัจจุบัน...
     
  11. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ระหว่าง ความวิปลาส (คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง) ส่วนบุคคล กับเรื่อง มรรคผล ส่วนบุคคล ล้วนเป็น "ปัจจัตตัง" ทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับว่า "เราจะเลือกรับเอาอันไหน ระหว่าง วิปลาส กับ มรรคผล" การเลือก เป็น การกำหนด "กฏแห่งกรรม" ที่เราลิขิตขี้นเอง เราทำเอง เรารับเอง โทษใครไม่ได้

    +++ ลักษณะเด่นของความวิปลาส คือ อ่านแล้วมันส์ในอารมณ์ (ฝังรากแน่นในอารมณ์) หนักไปทาง พระเดช (อัตตา + โทสะ) ที่ใครล่วงเกินไม่ได้ (หวงอัตตา) หล่อดีสวย (ราคะ) รวยแหลกราญ (โลภะ) แปลกประหลาดพิสดาร ชวนให้ หลงติดตาม (โมหะ ในความอยากรู้) แต่ทั้งหมด "หาที่มาที่ไป ไม่เจอ" แล้ว "อ้างอิงอุตลุต" สามารถสรุปได้ง่าย ๆ คือ เป็นลักษณะ "สมมติ ซ้อน สมมติ" และจะได้ผลลัพธ์คือ "ทำความเท็จ ให้ฝังรากลึกลงในจิต และ ลบเลือนสัจจธรรม ออกไปจากจิต" การฝังรากลึกลงไปเพียงใด อบายก็ลึกลงไปตามนั้น ตามกัน

    +++ ลักษณะเด่นของมรรคผล คือ อ่านแล้ว บอกทางเดินของจิต และ สามารถทำได้ตามนั้น ผลลัพธ์ที่เป็น ปัจจัตตัง มักเป็นมาตรฐานเดียวกัน ในผู้ฝึกระดับเดียวกัน อาจมีต่างกันแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น "การอ้างอิง มีเพียงแค่ความจำเป็น เท่านั้น" ไม่มีอาการของ "การยกฟ้า ยกแผ่นดิน มาอ้าง" แต่อย่างใดทั้งสิ้น การปฏิบัติจะเป็นไปแบบขั้นตอน ซึ่ง สามารถลดระดับของการอ้างอิงออกได้เป็นขั้นตอน เช่นกัน จนกระทั่งถึงจุดที่ "ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้การอ้างอิงใดอีกแล้ว และ สามารถเดินทางด้วยตนเองได้"

    +++ ทางเลือกมีได้ 2 ทางเท่านั้น คือ "ผิด กับ ถูก" ไม่มีตรงกลาง เพราะเป็นเรื่องของ "กฏแห่งกรรม" และการฝังรากระหว่าง วิปลาส กับ มรรคผล นั้น จะเจริญได้เพียง รากเดียว เท่านั้น นะครับ
     
  12. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  13. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    ลองหาข้อมูลดู พบว่า คุณแม่ เกษร สุทธจิต จันทร์ประภาพ ที่เป็นผู้นำของสำนักแสงทิพย์นิพพานนี้ แต่ก่อน เป็นอดีตพยาบาล มีสามีเป็นหมอ ไปอยู่เมืองนอกมาหลายปี อ่านหนังสือพระไตยปิฏก 45 เล่ม พระอภิธรรมปิฏกก็อ่าน พอกลับมาก็ไปปฏิบัติอยู่สายวัดท่าซุง และ ทำมโนยิทธิ เต็มกำลังตลอดเวลา และกล่าวว่าท่านสามารถเอาจิตไปเฝ้าสมเด็จท่านในนิพพานได้ตลอด ในขณะที่กายยังทำงานต่างๆทางโลกจนได้รับมอบหมายงานพิเศษจากพระบิดา พระวิสุทธิพุทธรังษี (สมเด็จองค์ปฐม ตามความเชื่อของท่าน) โดยตรง ให้เผยแพร่แสงทิพย์อริยธรรมออกไปให้กว้างขวางที่สุด ให้คนไทย ชาวต่างประเทศ ทุกศาสนา ที่มีศีล 5 ครบ ยกฐานะจากคนธรรมดาเป็นพระอริยเจ้า หรือถ้าเป็น"อริยะ"อยู่แล้วก็เพิ่มให้อีก 1 ขั้นสูงขึ้น ปิดอบายภูมิไว้ก่อน

    โดยคุณแม่เกษรกล่าวว่าไดรับธรรมมะจากสมเด็จพระปฐมพุทธ มีใจความว่า เดิมก่อนเกิดสุริยจักรวาล พระปฐมพุทธ ซึ่งท่านกล่าวว่าเป็น "อจินไตย" แต่ท่านก็สรุปว่า พระปฐมพุทธนั้น เป็นภาวะเหนือธรรมชาติ เป็นองค์เดียวกันกับ "พระอัลเลาะห์" "ยะโฮวา" หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า God ... พระปฐมพุทธเป็น God นั่นเอง เดิมอยู่ในภาวะเป็น "นิพฺพาน" ต่อมาท่านเห็นว่าอยากจะสร้างนิพพานบนดิน จึงแตกจิตขององค์ท่าน(ปฐมพุทธะ) เป็นลูกๆ จำนวนมาก เพื่อให้ลงมาสร้างวิมานนิพพานบนโลกมนุษย์ ...แต่ทว่า "ลูกๆ" กลับติดรสกิเลส ตัณหา อุปาทาน ...จนต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏ กลับแดนนิพพานแต่เดิมมาไม่ได้ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ... "ลูกๆ" (หรือดวงจิตปฐมพุทธะหรือลูกๆ ของ God ซึ่งก็คือ เราๆ ท่านๆ) จึงต้องปฏิบัติมโนยิตธิ(ให้มีฤทธิ์ทางใจ) เพื่อจะได้รับแสงทิพย์แสงธรรมจากองค์ปฐมพุทธ(เหมือนอย่างคุณเกษรฯ ได้รับ) ... แล้วจะได้กลับบ้านคืนสู่บ้านบิดา(ปฐมพุทธ)ในแดนนิพพานตามเดิม....
    นอกจากนี้ คุณเกษรฯ ยังได้กล่าวอีกว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ ก็ต้องได้รับแสงทิพย์นี้ด้วย (หากยังไม่ได้-ก็ยังไม่ดีพอ)
    ...การปฏิบัติของท่านรู้จริงเห็นจริง โดยได้รับการคัดสรรจากพระปฐมพุทธะว่าเป็นผู้เหมาะสมที่สุดในโลกที่จะเผยแพร่ธรรม(ตามแนวคุณเกษรเขียนไว้) ....คุณเกษรฯ เข้าเฝ้าพระบรมศาสดาองค์ปฐมพุทธะเพื่อเรียนธรรมะด้วยตนเอง ดังนั้น คำสอนของคุณเกษรฯ (บางอย่าง)จึงไม่มีในพระไตรปิฎก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2013
  14. Allymcbe222

    Allymcbe222 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ฮือๆ หนูกลัว :'(

    ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะครับ ก็อ่านเพลินดี น่ากลัวนิดๆ
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ความเห็นส่วนตัวนะครับ..ที่มาหรือความสำคัญอาจเขียนอย่างไรก็ได้.
    วัตถุประสงค์ในการก่อตั้งจะเป็นเช่นไรก็แล้วแต่.
    ..ถ้ามุ่งให้คนทำความดีแล้วปฏิบัติดีตามแนวทาง
    หรือไม่ก็ควรอยู่ในแนวทางของผู้เป็นเลิศทั้งภพ
    เพื่อการหลุดพ้นด้วยการปฏิบัติของตนเองร่วมด้วยหลักการและแนวทางการปฏิบัติและวิธีการที่ชัดเจน

    ดังธรรมที่ผู้เป็นเลิศท่านกล่าวไว้หรือมีบันทึกไว้ก็ไม่เป็นไรแม้จะกล่าวว่า
    วิธีการของตนเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงได้จริง .แต่ควรมีหลักฐาน
    ที่เป็นรูปธรรมที่เชื่อได้ว่าได้รับการยอมรับบ้างจากพระที่เราเชื่อ
    ว่าเป็นพระอริยะบ้าง.ไม่ว่าจะเป็นธรรมคำสอน

    ที่ผุดมาจากผู้ก่อตั้ง..เปรียบดังธรรมคำสอนของพระอริยะท่านต่างๆที่เราอ่าน
    แล้วมันแสดงถึงความรู้แจ้งแทงตลอดของภูมิธรรมท่านที่ถ่ายทอด
    ว่าดำเนินอยู่อริยะมรรรคมีองค์ หรือไม่...
    แต่ถ้าเอาส่วนนามธรรมแม้ว่าจะมีฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับอภิญญาจิตแต่เป็นฝ่าย
    อภิญญาจิตที่ผสมป้องกัน..และฝ่ายป้องกันที่เป็นเชิงออกทางด้านมืดๆอยู่
    ซึ่งจะแตกต่างจากพระอริยะหลายๆท่าน ที่กำลังทางฝ่ายนี้ของแต่ละท่านจะเด่น
    ชัดเจนเป็นฝ่ายๆไป.เช่น ท่านที่เดินทางสายพระโพธิสัตว์ฝ่ายความดีท่านจะชัดเจน เป็นต้น.
    และที่สำคัญยังมีส่วนกำลังสนับสนุนที่ออกฝ่ายเชิงแปลกๆอยู่

    และก็มีเยอะมากกว่าฝ่ายอื่นๆด้วย.กำลังฝ่ายอื่นๆที่มีก็ผสมๆ
    ไม่เด่นชัดเจนในแต่ละด้าน
    คล้ายๆปนๆสลับกันอยู่บอกได้ว่าควรพึงจารณาไว้ให้ดี.
    ถ้าส่วนตัวดูๆอย่างเดียวนะครับสำหรับกรณีอย่างนี้
    แต่ถ้าพาคนทำความดีอยู่ก็ไม่เป็นไรเรื่องของเค้าครับ.

    ปล.ความเห็นส่วนตัวเป็นปัจจัตตังนะครับ​
     
  16. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    คิดเหมือนกันเลย แต่ตอบแรงกว่าหลายเท่า

    ถ้าฟังมาเยอะ ปฏิบัติมานาน จิตจะบอกมันแปลกๆนะ
     
  17. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    คุณนพพกานต์คะขอถามคะ คือดิฉันฝึกมโณยิทธิครังแรกก็ที่บ้านอาจารย์ท่านนึงที่อาจารย์เปิดเป็นศูนย์ฝึกพาคนกลุ่มเล็กๆมาที่บ้านทีละชุดๆ อาจารย์สำเร็จแล้วและปัจจุบันไปอยู่ช่วย หรือบวชเป็นชีพรามณ์อยู่ที่ วัดท่าซุงอย่างถาวรคะ

    ถ้าดิฉันพูดผิดก็ขอโทษคะ แต่ตอนนั้นดิฉันเองก็ไม่ได้มาอ่านในเวปนี้ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการไปนิพพานต้อง ผ่านการเป็นอริยะบุคคลลำดับขั้นต่างๆเสียก่อน โดยการทำให้ปัญญาเกิดและสามารถขจัดอาสวะกิเลสได้ แต่อาจารย์ทีดิฉันไปฝึกด้วยท่านเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องการตัดสังโยชน์ เรื่อง การเจริญสติ ฯลฯ แต่พูดอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าสามารถฝึกมโณยิทธิเต็มกำลังจนเข้าออกฌาณได้จนเป็นวสีจึง

    กิเลสต่างๆก็จะหายไปเอง จนสามารถสำเร็จอรหันต์ได้ในชาตินี้ โดยไม่ต้องอะไรมาก แค่คิดว่าอยากไปนิพพาน ระลึกถึงความตาย เข้าออกฌาณจนเกิดวสี จิตจะเลื่อนตัวเองเป็นอริยะบุคคลไปเอง หากทำเช่นนี้ได้ แล้วนิพพานก็จะสำเร็จในชาตินี้ จึงอยากทราบว่าที่อาจารย์ที่สอนดิฉันกล่าวนั้นถูกต้องหรือเปล่าคะ

    ที่ดิฉันฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะเมื่อคืนตอนง่วงๆจะหลับเกิดเห็นภาพสมเด็จองค์ปฐมเป็นแก้วใส หลังจากเพ่งก็เลยมานึกๆดูว่า หรือจะจริง ว่าถ้าเรายอมรับว่าท่านเป็น God จะดีไหมคือถ้าท่านเป็น God จริง เราก็สมควรเคารพและให้เกียรติยกย่องนะคะเพราะมีพระคุณต่อเรา แตอีกใจก็ คิดว่าก็คงยังต้องฝึกจิตให้เกิดปัญญาและขจัดอาสวะกิเลสไปด้วยอยู่ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2013
  18. 3719

    3719 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +70
    ชื่อเหล่านี้ไม่ปรากฎในพระไตรปิฎก ไม่ใช่พุทธพจน์ คงแค่มีคนอยากตั้งชื่อเก๋ๆเท่ๆ แปลกๆ มั้ง
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    คุณ Duch ครับในหลักการที่ท่าน อ.ท่านนั้นได้บอกคุณก็ถือว่าถูกของท่านครับ
    เป็นวิธีการหนึ่งครับแต่ไม่ทราบว่าวสีของท่านคือระยะเวลาเท่าไรครับ.
    .เคยได้ยินเรื่องของคนที่เก่งๆ
    คือเร็วกว่าการที่เรากระโดดขึ้นฟ้าแล้วเท้าลงมาเหยียบพื้นนะครับ
    ความสามารถในการเข้าถึงอารมย์อย่างนั้นเนี่ย มันไม่เหมือนความสามารถ
    ในตอนใช้งานความสามารถพิเศษบางอย่างนะครับ.
    และถ้าร่างกายไม่ดีด้วยมีผลนะครับในะระดับกำลังระดับนั้น..
    อย่างเราๆได้หลักนาทีเนี่ยก็สุดยอดของสุดยอดเก่งแล้วครับ.
    เรียกว่าในประเทศเนี่ยนับคนได้ครับ..
    และหาคนทำแทบจะนับคนได้เลยครับ
    และคนที่ทำได้อย่างนี้เรียกว่ากำลังจิตสูง
    จนถึงระดับขั้นที่จะโน้มไปทางเรื่องความสามารถพิเศษ
    อะไรหรือเรื่องอะไรก็ตามเนี่ยเพียงแค่คิดเท่านั้นครับ.
    ความสามารถอย่างนั้นระดับเข้าสู่ปฏิสัมภิทาญานแล้วครับ..
    .เรื่องนี้องค์ประกอบก่อนจะมาถึงจุดที่ อ.ท่านกล่าวได้นั้นไม่ใช่ธรรมดาๆแล้วครับ..
    และมักจะไม่กล่าวในเรื่องที่คุณเกิดความสงสัยเป็นธรรมดาครับ.เพราะถ้าระดับที่
    สามารถเข้าออกฌาน ๔ ได้จนคล่องชนิดที่ว่าเป็นวสีได้ขนาดอย่างที่ท่านกล่าว
    เรื่องที่คุณสงสัยว่าไม่กล่าวถึงคนที่ทำได้อย่างนี้ท่านเลยไปไกลแล้วครับ.
    เพราะว่าพวกที่คุณสงสัยอยู่นั้นเป็นองค์ประกอบในการเข้าถึงกำลังฌาน ๔ ทั้งหมดนั่นหละครับ
    ยังไงก็ต้องรู้และเคยทำและผ่านมาก่อนแต่อาจจะไม่บอกกล่าว
    เพราะถ้าท่านสอนแบบนั้นการไปถามเหมือนกับพื้นฐานทางด้านองค์ประกอบ
    ต่างๆเรายังไม่เพียงพอด้วยแต่ไม่ใช่ท่านไม่ทราบครับเพราะเป็นไปไม่ได้

    ที่ท่านจะไม่รู้ถ้าท่านทำได้คล่องอย่างที่ท่านแนะนำนะครับเพียงแต่แตกต่างกัน
    ไปในเรื่องเทคนิคและวิธีการเท่านั้นเองครับ..
    .บางกรณีนะครับบางคนเนี่ยก็ฝึกอะไรไปได้เร็วข้ามขั้นไปเลยก็มีครับ.
    แต่มักจะมาอธิบายในรายละเอียดหรือไม่ค่อยให้ความสนใจเพราะบางทีก็ไม่ทันสังเกตุ
    .ไม่เหมือนคนที่ผ่านมาละเอียดจะอธิบายได้ทุกขั้นตอน.แต่กรณีแบบ
    นี้จิตใจพื้นฐานมักจะดีพอตัวแล้วครับ.และอย่าลืมว่าทางด้านวิชาพิเศษนั้นจะมีต่อยอด
    ไปทางอะไร ๘ นี่หละครับที่จะย้อนไปดูอดีต อนาคต ฯลฯ อะไรทำนองนี้เพราะฉนั้น
    คนที่ชำนาญมาทางสายนี้ที่มีอภิญญาจิตภายในทั้งหลาย..

    โดยปกติจะเก่งในเรื่องของการอฐิษฐานจิตไปโดยธรรมชาติครับ
    และในส่วนของการอฐิษฐานมันจะดึงลงมาช่วงสภาวะจิตเป็นทิพย์
    และกลับเข้าไปกำลังฌาน ๔อีกรอบเป็นปกติ.
    เค้าเลยไม่ห่วงเรื่องที่ว่าจะไปเขตไปต้องมาเกิดไงครับ.
    แต่จะเป็นสภาวะนิพพานจริงๆแบบที่จิตไม่มีกิเลสไม่มีการเกิดอีก
    และเหลือแต่สุขหรือไม่นั่นอีกประเด็นครับ..
    ส่วนการที่คุณจะนับถือพระพุทธในที่นี้หมายถึงที่มีธรรมกายคล้ายพระพุทธรูป
    คุณจะเรียกอะไรก็แล้วแต่การนับถือเป็นที่สุดนะดีแล้วครับและการที่คุณคิดว่า
    จะต้องฝึกให้จิตเกิดปัญญาและขจัดอาสวะกิเลสก็เข้าใจถูกแล้ว.อย่างกลุ่ม
    ที่จะเข้าออกเป็นวสีในสายวิชาพิเศษหรือมาสายไหนก็ตามมเค้าก็ต้องทำ
    เป็นปกติอย่างที่คุณเข้าใจตอนนี้เหมือนๆกันครับเพียงแต่ว่าเค้าเข้าใจ
    และทำปกติจนเป็นเรื่องธรรมดาเพราะปัญญาในการลดละกิเลส

    .หรือเรื่องอาสวะกิเลสนั้นก็เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งที่แปรฝันในการเข้าออก
    จนเป็นวสีของทางสายวิชาพิเศษอยู่แล้วครับไม่งั้นจะจำกัดความสามารถในการ
    เข้าถึงอารมย์บางจุดสำหรับบางกรณีและความสามารถพิเศษบางอย่าง
    เฉพาะกรณีที่มีฐานมาจากการอฐิษฐานจิตครับ..

    ปล.ระวังเรื่องการปรามาสครับ​
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    คุณนพกานต์คะ อยากทราบว่าเคยเจอสภาวะนี้ไหมคะ
    ที่เราจะจินตนาการนึกภาพใดๆก็ตามแต่ แต่ดวงสิณจะเข้ามาแทรกเอง
    แต่ดวงมันออกเขียวๆเหลืองๆนะคะ แล้วรู้สึกว่าถ้าช่วงไหนนั่งสมาธิเยอะ
    พอนอนหลับมักจะไม่ค่อยฝันและตื่นเร็ว แต่ถ้าช่วงไหนถ้าไม่นั่งสมาธิ
    พอนอนมันก็จะเข้าฌาณแทน ถ้าฝันก็จะเข้าไปติดในฌาณ

    แต่ช่วงนี้เคลียดๆหน่อยเลยหยุดนั่งสมาธิมาเจริญสติแทน
    แบบให้เราไม่ต้องไปนึกเรื่องเคลียดให้มันมากไป บางเรื่องนี้ก็วางยาก
    อย่างโดนคนอื่นพูดประชดใส่ มาเจริญสติก็รู้สึกดีขึ้น

    ส่วนกสิณไฟดิฉันอยากทราบว่ามันเสริมอะไรด้านโมหะหรือเปล่าคะ
    มันแปลกตรงที่เวลาคิดอัคกุศลคิดไม่ดีต่อคนอื่น หรือโมโห หรือเสียใจ
    หรืออะไรที่มันพีคๆ ภาพดวงไฟจะมาปรากฏเองทันทีนะคะ


    edit- หรือว่ามันเตรียมรอให้เรานำไปใช้งานคะ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...