ปิดรับบริจาค จะทำบุญให้รีบทำเมื่อมีโอกาส

เมื่อวานนี้วันเสาร์ที่ 26 ธ.ค. 2556 ตั้งแต่ตี 4 ถึงค่ำ 3 ทุ่มเศษ ผมเดินทางไปกับคณะเศรษฐีทำบุญคณะหนึ่งที่ต้องการให้ผมไปทำข่าว แต่กลับกลายเป็นว่า หลังจากทำบุญเสร็จ ผมไม่รู้จะเขียนข่าวอย่างไรที่จะไม่ทำให้เกิดความเสียหาย ดีที่สุดก็คือไม่ทำข่าวนี้เสียเลยนั่นแหละดี แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยถึงเพื่อเป็นการเตือนสติแก่ผู้มีเงินที่อยากทำบุญแต่บังเอิญพบวัดที่มีลักษณะอย่างที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังนี้ ซึ่งเป็นวัดที่เพื่อน ๆ ของเศรษฐีแนะนำกันไปโดยไม่รู้มาก่อนว่าจะเป็นแบบนี้

ดังที่จะได้เล่าและโพสต์รูปที่ไม่เอ่ยถึงชื่อบุคคล, สถานที่ให้เกิดความเสียหายแก่ใครทั้งสิ้นครับ

 

คณะเศรษฐีที่ต้องการให้ผมไปทำข่าวออกเดินทางตั้งแต่ตี 4 ไปยังจังหวัดหนึ่งซึ่งผมไม่ขอเอ่ยชื่อจังหวัดและชื่อวัด เนื่องจากเป็นวันหยุดช่วงปีใหม่วันแรก รถติดมาก ถึงวัดประมาณเีที่ยงพอดี คณะเศรษฐีถึงกับงงกับงานที่วัดจัดขึ้นอย่างอลังการ มีงานฉลองข้ามปีใหม่ไปอีกหลายวัน มีโรงต่าง ๆ แบบว่า มหรสพ บันเทิง มีโรงทานทั้งฟรีและไม่ฟรี มีการจัดตั้งตู้ทำบุญสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา และอื่น ๆ อีกมากพอสมควร ซึ่งตอนแรกพวกคณะเศรษฐีก็เพียงแต่นึกว่า วัดนี้เขาต้องการจัดงานให้คนเข้าวัดเท่านั้น คงทำไปเพราะอยากดึงคนเข้าวัด

 

เจ้าอาวาสออกมาต้อนรับคณะเศรษฐีตามที่ได้นัดกันมาทอดผ้าป่า เพื่อนเศรษฐีคนที่แนะนำวัดได้ขอให้เพื่อน ๆ เศรษฐีทุกคนนำเงินทำบุญลงขันที่ทางเจ้าอาวาสจัดไว้ต้อนรับ โดยบางคนหย่อนลงไปก่อน แต่บางคนก็ตามหย่อนลงไปทีหลัง ใครจบจตุปัจจัยเสร็จก่อน อธิษฐานเสร็จก่อนก็หย่อนลงไปก่อน คนแรกที่สุดหย่อนลงไป 300,000.- บาทก่อน

 

เศรษฐี 3 คนนี้ คนกลางบอกว่าในซองกระดาษมี 450,000.- บาท ส่วนคนซ้ายสุดกับขวาสุดถือไว้คนละ 100,000.- บาท กำลังจะจบอธิษฐาน

 

เศรษฐี 2 คนซ้ายขวาอธิษฐานเร็วกว่า เพราะไม่ต้องยกถุงกระดาษอธิษฐาน หย่อนจตุปัจจัยลงขันไปก่อน ผมถ่ายไม่ทัน

 

เศรษฐีที่ยกถุงกระดาษขึ้นอธิษฐานช้ากว่าก็หย่อนถุงกระดาษลงไปในขัน

 

เศรษฐีด้านหลังอีก 3 คน ผมถ่ายไม่ทันตอนอธิษฐาน แต่ทราบเอาภายหลัง ได้เอาเงินที่เพิ่งจบเสร็จหย่อนตามลงไปคนที่ 5 จำนวน 100,000.- บาท คนที่ 6 จำนวน 60,000.- บาท และคนที่ 7 จำนวนบอกว่า ไม่กี่พันบาท

 

จตุปัจจัยเงินในขันขณะนั้น นาทีที่คณะเพื่อน ๆ เศรษฐีลงขันเสร็จเป็นเงินล้านกว่าบาทก่อน ยังรอให้คนอื่น ๆ ได้ร่วมบุญกันอีก ขณะนั้นเจ้าอาวาสได้บอกความประสงค์ในการใช้เงินบางอย่าง ลักษณะว่า ได้ใช้เงินในการจัดงาน มีการจ้างโรงมหรสพ มีงานรื่นเริง และมีอะไรต่อมิอะไรจำนวนมาก และเป็นเวลาหลายวันหลายคืนมาก ในส่วนค่าใช้จ่ายปาเข้าไปหลายล้านบาท

คณะเศรษฐีบางคนยกมือลักษณะที่ว่า ฉันไม่เห็นด้วย เรื่องจัดงานเขาไม่เอา

 

ก็ไม่ทราบว่าเศรษฐีคนที่ติดต่อกับเ่จ้าอาวาสคุยกันมายังไง ? แต่คณะเศรษฐีคนอื่น ๆ เขาไม่รู้ด้วย แต่เขาก็ไม่ได้เอาเงินคืน ถวายแล้วก็ถวายเลย วันหน้าวันหลังใครก็แล้วแต่ที่เป็นคนติดต่อกับเจ้าอาวาสหรือติดต่อวัด ให้ใช้คำพูดที่ว่า ห้ามไม่ให้มีงานเลยนะ ถ้ามีงานทุกชนิดจะกลับบ้านทันที ไม่ทำบุญกันละ เอาอย่างนั้นจะดีกว่าไหม ?

 

ระหว่างทางกลับก็มืดเสียก่อนแล้ว

สู้ผมอยู่กับบ้านไม่ได้ บอกบุญ ทำบุญ ส่งไฟฉายให้พระในถิ่นทุรกันดาร ส่งเครื่องกรองน้ำ รักษาพระอาพาธ ช่วยเป็นที่ปรึกษาพระภิกษุในด้านต่าง ๆ การได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ได้ส่งเสริมให้ท่านได้จาริกธุดงค์ ได้ศึกษาพระไตรปิฏกต่าง ๆ อยู่กับบ้าน รู้สึกว่ายังดีกว่าแบบนี้เสียอีกครับ

 

ผมเคยได้ยินเรื่องกฐิน พอดีต้ังใจจะทำบุญ เเม่บอกว่าต้องมีเงินเป็นเเสนนะ
จะเป็นเจ้าภาพได้ ผมเลยถามว่าวัดไหนบอกมา จะได้ไม่ไป เลยสงสัยว่า
เดี๋ยวนี้วัดเค้าเรียกร้อง หรือญาติโยมเข้าใจผิดกันไปเอง

 

กฐินก็เช่นกัน แข่งกันว่าวัดไหนได้กี่แสน ได้กี่ล้าน หรือกี่สิบล้าน กี่ร้อยล้าน และกี่พันล้าน ในที่สุดเมื่อวานได้ยินคำว่า กี่หมื่นล้านบาท ผมถึงกับ " งง "

ผ้าผืนเดียวก็เป็นกฐินได้แล้ว ผมอยู่บ้านแบบนี้แหละ ไม่ต้องไปหาข่าวที่ไหน เดี๋ยวก็มีพระภิกษุบอกเข้ามาในกระทู้บ้าง โทรมาบ้าง ที่ไม่รู้จักดี ผมก็อาจจะยังไม่ทำ ที่ค่อนข้างพอไว้ใจได้แล้ว ผมจึงปาวรณาและตกลงทำตามที่ท่านต้องการ เช่น มีกรณีพระอาพาธ ก็บอกบุญตั้งกระทู้ให้ท่านต่อทันที แล้วก็รอดูฟี๊ดแบค ( ผมขอให้ท่านส่งรูปกลับมา รูปพระอาพาธ รูปถวายเงิน ใบเสร็จ หลักฐานต่าง ๆ ที่ท่านควรต้องมี ให้ท่านส่งกลับมาหรือโพสต์ในกระทู้ ) พระภิกษุรูปใดเข้าใจวิธีการบอกบุญ ทำบุญในอินเตอร์เน็ทก็จะโพสต์หรือส่งรูปกลับ ผมก็สามารถตั้งกระทู้ต่อไปเรื่อย ๆ ให้ท่าน รูปใดที่ไม่เข้าใจวิธีการทำงานบนเน็ท เช่น พอได้รับเงินแล้วหายไปเลย ( ซึ่งมีน้อยมาก ไม่ถึง 5% ) ผมก็เลิกตั้งกระทู้บอกบุญให้กับรูปนั้นหรืองานบุญนั้นไป

ตั้งแต่ผมบอกบุญด้วยวิธีตั้งกระทู้ในอินเตอร์เน็ทมาขณะนี้เลยสิบปีไปแล้ว นับจำนวนพระภิกษุหรือคนที่ทำเป็นไม่เข้าใจวิธีบอกบุญทางเน็ทว่า เราต้องส่งรูป โพสต์รูปหลักฐานเท่าที่มีคิดว่ายังไม่ถึง 50 ราย ดังนั้น ผมสามารถเลือกที่จะบอกบุญได้ เห็นท่าไม่ดีผมก็เลิกซะก่อน ถ้าดีเราก็ทำต่อไป

พระภิกษุที่แท้จริงส่วนมากที่ผมเลือกทำงานตั้งกระทู้ให้ท่าน มักเป็นพระภิกษุนักปฏิบัติ จะมากจะน้อยก็มีการปฏิบัติเป็นพื้นฐานอยู่ เพราะผมมักสนทนาด้วยก่อนการตั้งกระทู้บอกบุญให้ ผมน่ะไม่เอาอะไรอยู่แล้ว ไม่ต้องจ่ายค่าใด ๆ ให้ผม อย่างครั้งนี้เศรษฐีท่านหนึ่งที่ให้ผมไปทำข่าวนี้ก็ไม่ได้จ่ายอะไรให้ผม เขาต้องการดึงผมไปทำงานอยู่กับเขาโดยมีเงื่อนไขให้ผมหยุดการบอกบุญทุกชนิดโดยเด็ดขาด เพราะรู้ว่าถ้าผมยังบอกบุญอยู่และทำงานอยู่ใกล้ท่าน ท่านอาจต้องขนหน้าแข้งหลุดไปหลายเส้น ผมได้ปฏิเสธงานนั้นไปแล้ว เพราะผมเคยผ่านทุกช่วงของชีวิตมาแล้ว ขณะนี้่ผมบอกบุญตั้งกระทู้ทำบุญทำทานไปเรื่อย ๆ นี้มีความสุขดีแล้วทางใจ

 

ทีนี้่รุ้รึยังทำไมถ้าีมีนั่นมีนี่ผมไม่เอาเลย

 

ในกรณีของคุณ vichai ซึ่งเป็นบุคคลที่ชัดเจน ย่อมไม่ผิดพลาดได้ง่าย ๆ ครับ ผมจำได้เมื่อปีนั้นที่คุณ vichai ให้ผมหาสถานที่ตั้งประดิษฐานพระพุทธรูปขนาด 59 หรือ 69 นิ้วโดยต้องเป็นวัดที่ได้พัทธสีมาแล้ว ต้องยังไม่มีพระพุทธรูปที่มีขนาดหน้าตักถึง 59 นิ้วในพระอุโบสถ และพระพุทธรูปไปใหม่ต้องได้ตั้งวางในพระอุโบสถ ต้องไม่มีค่าฉลองสมโภชใด ๆ ที่จะมาเรียกร้องจากคนถวายพระพุทธรูป ต้องไม่มีการเรียกร้องเงินค่าใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งหากวัดใดยังไม่มีแท่นวางขนาดที่จะตั้งพระพุทธรูปองค์นั้นได้ แล้วจะขอค่าทำแท่นก็ไม่เอา คือทุกอย่างมีความชัดเจนตั้งแต่ต้น จึงไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดใด ๆ เกิดขึ้นได้เลย แล้วในที่สุดปีนั้นผมก็หาที่ตั้งประดิษฐานให้ได้ด้วยความยากพอสมควร

..............................

กรณีของคุณ vichai ที่ไปวัดแห่งหนึ่งที่คุณ vichai นับถือมาก ๆ พร้อมกับเงินสด 3 ล้านบาท แล้วค่อย ๆ นำออกมาทีละ 1 แสนเพื่อกราบเรียนถามพระภิกษุว่า ต้องใช้เกี่ยวกับอะไรบ้าง แล้วคุณ vichai ระบุเลยว่า แสนนี้สำหรับอะไร ก็เป็นความชัดเจนอีกอย่างหนึ่งที่ตอนแรกผมไม่เข้าใจคุณ vichai ว่า ทำไมต้องทำอย่างนั้น ทำไมไม่มาถึงก็วางลงไปทั้งหมด กล่าวคำถวายแล้วก็จบ มาร้องอ๋อก็วันนี้นี่เอง เพราะการที่พระภิกษุได้กล่าวออกมาด้วยวาจาทีละประเด็น ก็จะเท่ากับท่านรับรู้วัตถุประสงค์ในการถวายทีละก้อน ทีละก้อน ตามที่คุณ vichai จะทำให้มั่นใจว่า จะได้รับไปเพื่อทำให้ถูกวัตถุประสงค์นั่้นเอง ผมเคยตำหนิคุณ vichai ในข้อนี้ ผมต้องขออภัยด้วยนะครับ

และเพื่อเป็นการยืนยันว่า ผมไม่เคยเรียกร้องเงินค่าทำข่าว หรือ ค่าเดินทางไปด้วยกัน หรือค่าอื่นใด ผมจึงเขียนไว้บนกระทู้นี้ครับ และก็ไม่เคยใช้ความเป็นเพื่อนไปบอกบุญเป็นการส่วนตัวใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าจะบอกบุญ ผมจะตั้งกระทู้เพียงอย่างเดียวครับ

 

วันก่อนโน้น เศรษฐีคนที่ทำบุญ 450,000.- บาทในกระทู้นี้ที่ผมเขียนมาแล้วนั้น ได้นัดให้ผมไปทำข่าวอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้นัดผมติดรถไปทำข่าวต่างจังหวัดโดยเตรียมเช็คไปทำบุญร้อยกว่าล้านบาท แต่บังเอิญท่านประสบอุบัติเหตุเล็กน้อยเสียก่อนจึงไม่ได้ไปทำข่าวกัน

คาดว่าท่านคงไม่ไปทำที่วัดนั้นแล้วละ เพราะเห็นท่านบอกว่า วัดนี้คงไม่มีบุัญ ผมเองไม่แสดงความคิดเห็น เห็นแต่ว่าคนเราจะทำความดี มัีกมีอะไรเข้ามาขวางเสมอ ๆ ต่างหากครับ