เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===============

    การฝึกฌาณสมาธิ แบบทรงสมาธิฌาณตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน แบบทั้งหลับตาและไม่หลับตา แบบทั้งก่อนนนอนและหลังเข้านอน ทุกขณะที่ฝึก หมายรวมถึงการรักษาสมาธิไว้ให้ต่อเนื่อง รักษาจิตให้มีสติปัญญารู้ทันทุกอย่างที่กระทบจิตและรู้ทันจิต ไม่เคลื่อนออกไปไหน รู้กระทบปล่อยวาง จิตว่างสว่างเกิดภายใน แม้ในขณะที่จิตทรงฌาณ อภิญญาเกิดภายในก็รู้วางไม่ปรุงแต่ง เป็นการฝึกให้จิตทรงอารมณ์ฌาณไว้ เป็นจิตที่เป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง แบบทั้งข่มไว้และทั้งแบบอาศัยปัญญาประกอบ

    สุดท้าย หากทำได้ต่อเนื่อง จิตเข้าถึงความว่าง เป็นปรกติ จิตยกภูมิสูงขึ้น เป็นผู้ห่างไกลทุกข์มากยิ่งขึ้น ก้าวเข้าสู่อริยะบุคคลนั่นเอง เป็นผู้รักษาจิตไว้สะอาดยิ่งขึ้นไม่กลับไปสกปรกอีกแล้วนั่นเองครับ ขออนุโมทนาครับ ขอให้ทำต่อไป เฉกเช่นพระอริยะหลายท่าน ที่ท่านทรงฌาณสมาธิไม่ขาดครับ สาธุ
     
  2. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    _________
    "การฝึกฌาณสมาธิ แบบทรงสมาธิฌาณตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน แบบทั้งหลับตาและไม่หลับตา แบบทั้งก่อนนนอนและหลังเข้านอน"

    การฝึกสมาธิแบบไม่หลับตาและหลังเข้านอนทำอย่างไรคะท่านtjs
    กราบขอบพระคุณค่ะ
     
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =============

    หากจะตอบแบบง่ายๆ ก็ต้องตอบแบบว่า ก็แล้ว การทำสมาธิแบบหลับตาและแบบก่อนเข้านอนท่านทำอย่างไร สมาธิแบบไม่หลับตาและสมาธิหลังเข้านอนก็ทำอย่างนั้นแหละครับ ต่างกันแค่กริยาทางกายภายนอกเท่านั้นที่ต่างกัน แต่ภายในคือการดำรงจิตรักษาจิตให้ทำเหมือนกันครับ

    ปัญหาคือท่านที่ทำมาชำนาญแล้ว เวลาจะพลิกแพลงมันก็เข้าใจได้ง่ายทำได้ง่ายเพราะได้ปูพื้นฐานไว้ดีคือทำไว้ดีแล้ว พอมาทำต่อมาพลิกแพลงต่อก็ไม่ยากนักไม่เกินความพยายามก็จะทำได้สำเร็จ

    แต่ท่านที่ยังไม่เคยทำไม่เคยปฏิบัติ มันก็จะเป็นของยากเพราะไม่ได้สร้างพื้นฐานไว้

    กระผมเคยกล่าวไว้ว่า สมาธิทั้งหลายมีเพียงสี่แบบ แบ่งตามกริยาของกายและจิตคือ
    1 สมาธิ แบบกายสงบนิ่ง จิตสงบนิ่ง
    2 สมาธิ แบบกายสงบนิ่ง จิตเคลื่อนไหว
    3 สมาธิแบบ กายเคลื่อนไหว จิตสงบนิ่ง
    4 สมาธิแบบ กายเคลื่อนไหว จิตเคลื่อนไหว

    ซึ่งแบบที่4นั้นทำได้ยาก เพราะในเมื่อกายที่เคลื่อนไหวไปพร้อมกับจิตที่เคลื่อนไหว นั้น ทำให้เกิดสมาธิได้ยากกว่าวิธีอื่นๆ เป็นสมาธิที่ต้องอาศัยการทำสมาธิทั้งสามข้อข้างต้นมาชำนาญแล้ว นั่นเองครับ

    ซึ่งสมาธิในข้อที่สี่จะทำให้เราเป็นผู้มีสติตื่นอยู่ตลอดเวลา นั่นเอง จึงเป็นผู้มีปัญญารู้แจ้งทุกลมหายใจเข้าออกเพราะสมาธิเกิดพร้อมทุกขณะนั้นเองครับ สาธุ
     
  4. spyderco

    spyderco เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +201
    รบกวนถาม คุณก้อง ครับ

    หากเราเคยบนบานศาลกล่าวไว้กับเจ้าพ่อ แล้วเราก็ได้สิ่งที่เราขอแล้ว
    เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือนๆ ผมไม่มีเวลาไปถวายสิ่งที่บนไว้สักที
    ผมจึงต้องเสียสิ่งที่ได้มาไปจริงๆเลย

    ตอนนี้เวลาผ่านไป 2 ปีแล้ว ผมยังจะต้องไปถวายสิ่งที่บนไว้มั้ยครับ
    เพราะท่านก็เอาของที่เราขอ คืนไปแล้ว
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    4 สมาธิแบบ กายเคลื่อนไหว จิตเคลื่อนไหว
    ขออธิบายเสริมให้กระจ่างว่า สมาธิในข้อ4นี้ คำว่าจิตเคลื่อนไหว ในที่นี้หมายถึง เป็นการที่เราไม่ได้ใช้อำนาจจิตไปบังคับให้จิตสงบนิ่งหรือบังคับให้ไหลไป แต่เป็นสภาวะที่เราปล่อยวางเป็น อุเบกขาญาณ ไม่บังคับควบคุมใดๆปล่อยให้จิตมันเคลื่อนไหลไป

    และแน่นอนว่า ใหม่ๆจะควบคุมได้ยาก สมาธิเกิดดับ ไม่แน่นอนไม่มั่นคงเพราะการไหลไป เคลื่อนไปของจิต มีการปรุงแต่งตัณหาอุปทานหรืออวิชาร่วมด้วยเสมอ

    แต่เมื่อเราทำไปเรื่อยๆ จิตจะเกิดการเรียนรู้ของมันเอง จะเกิดปัญญารู้แจ้งเข้าใจธรรมชาติของมันเอง ว่าสภาพของมันไม่แน่ไม่นอนไม่ยั่งยืนอะไร เมื่อฝึกฝนต่อเนื่อง จิตจะเข้าใจธรรมชาติ จิตจะสักแต่ว่าไหลสักแต่ว่าเห็นสักแต่ว่ารู้สักแต่ว่ากระทบ แต่จะไม่ปรุงแต่งสืบเนื่องต่อไปใดๆอีก สักแต่ว่ากระทบแล้วดับไป
    อำนาจของสมาธิก็จะเกิดต่อเนื่องไปเพราะจิตคงสภาพเป็นธรรมชาติของมันเป็นอย่างนั้นไม่ได้ปรุงแต่งใดๆอีก แต่จิตแค่อาศัยรู้ อาศัยเห็นการกระทบที่จิตและวางลง เสมือนจิตล่องลอยไปว่างเปล่าไม่ยึดมั่นถือมั่นใดๆ ไม่ยึดมั่นใดๆ สมาธิก็เกิดของมันไปเช่นนี้ไม่มีดับ สว่างเป็นปกติตลอดไปครับ เป็นจิตที่ตื่นเบิกบานเป็นปกตินั่นเองครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2013
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===========

    ขอเรื่องๆหนึ่งไว้ ขอคนๆหนึ่งไว้ แล้วเขานำกลับไป นั้น ใช่เพราะอะไร ยังไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริง

    แต่ที่รู้คือเขาไม่อยู่กับเราแล้ว
    ปัญหาคือ เราไม่รู้ว่า เจ้าพ่อ ท่านมาเอากลับคืนไปหรือเพราะเหตุใด แล้วอย่างนี้เราจำเป็นต้องไปแก้บนหรือเปล่าจึงยังตอบไม่ได้ครับ ต้องขอตรวจสอบก่อนครับ
     
  7. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    กราบขอบพระคุณท่าน tjsค่ะ ดิฉันยังไม่เคยทำแบบที่สี่ เคยแต่เวลาเดินในที่ๆปลอดภัยเช่นที่ทำงาน ในเวลาที่มีสติจะเดินแบบรับรู้การตกกระทบของรองเท้าและพื้น หรือบางครั้งจะภาวนาสั้นๆ 3-4คู่เพื่อแผ่ส่วนกุศลให้สรรพสัตว์รอบๆ ยังไม่เคยสังเกตการเกิดดับของจิต รับรู้แต่ว่าจิตเป็นสุขจากการคิดดีกับสิ่งที่ตาอาจมองไม่เห็น อาจจะยังเข้าใจเรื่องจิตเกิดจิตดับยังไม่ดีนัก ดิฉันจะลองปฎิบัติและสังเกตสภาวะนี่ค่ะ
    ด้วยความเคารพอย่างสูง
     
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    กายเคลื่อนไหว จิตเคลื่อนไหว ข้อนี้ให้เริ่มต้นฝึกด้วยการเดินจงกรมครับ แต่ในการเดินเริ่มต้นให้ฝึกแบบกายเคลื่อนไหว จิตสงบนิ่งให้ได้ก่อน เมื่อสามารถฝึกกายเคลื่อนไหวจิตสงบนิ่งได้แล้ว จึงค่อยฝึกกายเคลื่อนไหว จิตเคลื่อนไหวต่อไป เมื่อฝึกถึงที่สุดแล้ว จิตที่เคลื่อนไหว ก็กลับคืนสู่สภาวะสามัญคือจิตไม่เคลื่อนไหวคือหยุดเคลื่อนไหลหยุดไหลปรุงแต่งใดๆทั้งปวงครับ สาธุ
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===============

    เนื่องจากกระผมได้สื่อจิตถึงท่านเจ้าพ่อองค์นี้แล้ว แต่ท่านไม่รับสื่อหรือไม่ได้พูดคุยกัน จึงไม่สามารถสอบถามรายละเอียดได้ เจ้าพ่อองค์นี้ มีมนต์ไสยดำ มีวิชาดีพอตัว จากที่เห็นในสมาธิ ท่านมีอิทธิฤทธิ์มาก

    เพื่อความถูกต้องกันไว้ดีกว่าแก้ ควรไปแก้บนให้ท่านครับ เพราะถือว่า ท่านได้ช่วยให้คุณได้สมปราถนาตามที่บนไว้แล้ว อนึ่งเรื่องที่บนบานไว้บางเรื่องเมื่อได้มาครอบครองแล้ว จะอยู่กับเรานานแค่ไหน ก็มีหลายปัจจัย ครับ ขอให้เข้าใจและยอมรับนะครับ จึงขอแนะนำอย่างนี้ครับ สาธุ
     
  10. spyderco

    spyderco เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +201
    ขอบคุณ คุณก้อง ครับ
    ผมบนกับ เจ้าพ่อสามพระกาฬ ที่ลพบุรี ว่าขอให้ได้งานตำแหน่งที่ต้องการ ในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง แล้วจะเลี้ยงกล้วยลิงสามพระกาฬ 199 หวี
    คือบนแบบไม่คิดว่าจะได้ เพราะตั้งแต่บนอะไรมาในชีวิตไม่เคยได้เลย แต่ครั้งนี้ผมก็ได้อย่างที่ต้องการโดยไม่คาดคิด
    แต่ผมต้องไปทำงานประจำที่ เขตจังหวัดเลย ไกลมาก งานก็ยุ่ง
    ทำไปเดือนกว่าๆ ก็เกิดมีเรื่องกับเพื่อนร่วมงานและบริษัท ผมจึงพิจารณาตัวเองออกก่อน เพราะถ้าอยู่ครบโปร 6 เดือน คงไม่ผ่านโปรอยู่ดี เสียเวลาออกเลยดีกว่า
    แล้วผมก็อยากบวชพระมาก จึงไปบวชพระ นอนในป่า ใกล้กับรอยพระพุทธบาทที่เชียงใหม่ ได้เกือบ 3 เดือน จึงสึก เพราะหลายสาเหตุ

    ปัญหาคือ ตอนนี้ผมทำงานอยู่เชียงใหม่ หาเวลาลงไปลพบุรี แล้วซื้อกล้วยตั้งเป็นลำรถกระบะ ทำได้ยากมาก ไม่มีโอกาสไปสักที แต่ก็คิดไว้ว่า ปีหน้านี้จะลาพักร้อนไปอะคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ================

    ครับ ไม่เป็นไร คือเมื่อเราไม่สะดวก ขอให้เราจุดธูปบอกกล่าวท่านให้ท่านรับทราบไว้ครับ ว่าเราจะทำช่วงไหนครับ แล้วถึงเวลาก็ค่อยไปแก้บนให้ท่านครับ ให้จุดธุป9ดอกบอกท่านไปก็ได้ครับ ท่านจะรับทราบครับ
    ขอให้ท่านเมตตาด้วยเพราะลูกไม่สะดวกจริงๆ

    ส่วนที่แปลกคือ ตอนที่คุณพูดถึงเรื่องบนบาน นี้ทำไมจิตผมนิมิตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งและมีเด็กชายคนหนึ่งปรากฏด้วย จึงไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ผ่านมาแล้วก็ปล่อยวางไปดีกว่าครับ อย่าไปสนใจอะไร เอาเป็นว่า เรื่องไหนที่ติดค้างควรแก้ไขก็ต้องรีบทำให้ดีงามเพื่อชีวิตที่ดีของเราเองครับ

    ท่านเจ้าพ่อศพระกาฬท่านมีหลายอวตาลครับ องค์ที่ปรากฏเป็นองค์ดำครับ มีฤทธิ์มากครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ ขอให้เราคิดดี ทำดี สิ่งดีๆก็จะบังเกิดแก่เราครับ สาธุ
     
  12. spyderco

    spyderco เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +201
    ขออีกเรื่องเดียวได้มั้ยครับคุณก้อง เพราะติดในใจมานานมากแล้ว
    3ปีก่อน ผมไปเอาพระขุนแผนมาจากพระอาจารย์ท่านนึง 2 องค์ เป็นพายกุมารทอง
    รับมาแรกๆ สวดมนต์อยู่ก็มีเสียงเด็กวิ่ง ตุบตับๆ รอบตัวเราเลย คุ้ยของบนหิ้งพระด้วยเสียงดังฟังชัด(ไม่ไช่หนู,แมว) บางทีนอนตื่นสายก็ กระชากแขนก็มี
    แล้วมีเพื่อนมาขอพักด้วยชั่วคราว คืนแรกที่มา เพื่อนบอกว่าฝันเหมือนจริงมาก โดนเด็กผู้ ญ ผมสั้น จับหัวกดน้ำ หายใจไม่ออก
    ....ผมไม่เชื่อตัวเองเต็ม 100% เพราะคิดว่า จิตเราอาจหลอนเองรึป่าว

    ตอนนี้เอาวางไว้ที่หิ้งพระ 2 องค์ ไม่เคยแตะต้องเลย 3 ปีแล้ว เพราะไม่ส่งเสียง ส่งสัญญาณอะไรว่ายังอยู่ ไม่รู้ไปเกิดรึยังอะครับ

    เคยอ่านในเวปเค้าให้เอาไปฝังดิน ผมไม่ค่อยแน่ใจเลยไม่ทำ จึงเอาทิ้งไว้ที่หิ้งพระ

    ควรทำอย่างไร รบกวนคุณก้องแนะนำทีครับ (รบกวนเรื่องไร้สาระอีกแล้ว)
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ================

    พรายกุมาร ที่รับมา 2องค์นั้นยังอยู่ครับ เป็นหญิง1 ชาย1 น่าจะเป็นพี่น้องกันครับ เมื่อรับมาแล้วก็ควรดูแลเขา หรือตอนนี้หากไม่พร้อมก็ ให้ทำพิธีดังนี้คือ
    1 ให้จุดธุป7ดอก พร้อมด้วยพวงมาลัย ผลไม้ น้ำหวานหรือน้ำเปล่า แล้วบอกกล่าวให้เขาทราบ
    2 ให้อธิฐาน ให้เขาอนุโมทนาบุญทั้งปวงที่ตนได้กระทำมาและที่จะกระทำในอนาคต เราขออุทิศบุญทั้งปวงให้เขาด้วย
    3 ให้อธิฐาน อันเคหะของเรา ยินดีต้อนรับหากยินดีจะมาจะอยู่ หรือหากจะกลับไปก็ยินดี ขอให้เขาโชคดีมีแต่ความสุข
    4 กรรมอันใดที่เคยล่วงเกินต่อกัน เราขออโหสิกรรมให้และขอให้เขาจงอโหสิกรรมให้เราด้วย
    5 ให้เก็บพรายกุมารไว้ที่หิ้งพระได้ หรือหากเขาต้องการให้ทำอย่างไรขอให้เขามาบอกหรือเข้าฝันให้ทราบก็จะจัดการให้ตามที่ต้องการครับ





     
  14. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    กราบขอบพระคุณค่ะ
    เพิ่งเข้าใจการเดินจงกรมวันนี้เองว่าในที่สุดจิตจะหยุดไหล เคยอ่านวิธีการแล้วทำตามแต่รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติเพราะมัวเฝ้าสังเกตการเดินอย่างเดียว จิตเลยปฏิเสธเล็กน้อยในการเดินจงกรม กราบขอบพระคุณมากค่ะ
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =============

    เริ่มต้น เราต้องทำสมาธิในการเฝ้าสังเกตุการเดินอย่างเดียวให้ได้ก่อน ให้รู้ทัน การย่างก้าว เมื่อสมาธิตรงนี้มั่นคงดีแล้ว ความสงบจะเกิดขึ้น การก้าวเดิน ก็จะไม่รับรู้สภาวะภายนอก จิตสงบนิ่งในการย่างก้าว เมื่อฝึกฝนมากยิ่งขึ้น
    สมาธิที่เกิด จะปรากฏชัดในลักษณะการย่างก้าวทุกก้าว ความรู้สึกทางกาย การก้าวเดิน เวทนาที่ปรากฏในการก้าวเดิน สภาพจิตขณะก้าวเดิน ธรรมารมณ์ทั้งหลายที่ปรากฏ จนในที่สุด จิตจะเข้าสู่สภาวะธรรมจะเห็นแจ้งในสภาวะเกิดเป็นปัญญา

    ดังนั้นการเดินจงกรมจึงมีลำดับขั้นตอน ที่เราต้องละเอียดอ่อนในการฝึกและพัฒนาการฝึกอบรมจิตให้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปครับ ลองดูนะครับ สาธุ
     
  16. kantinanna

    kantinanna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +1,819
    ขออนุโมทนาสาธุค่ะ _/\_
     
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ทำไม จึงกล่าวว่า อันชีวิตคนเรานั้นชั่งสั้นนัก ขอธิบายว่า

    1 ก็เพราะชีวิตคนเรานั้นไม่แน่ไม่นอน ความตายเกิดขึ้นกับเราได้เสมอ ความพลัดพรากเกิดขึ้นกับเราได้เสมอ

    2 เพราะแท้จริงแล้ว อายุไขของคนเราประมาณ100ปี แต่หากเปรียบเทียบกับโลกวิญญาณนั้น อายุไขมากกว่าหลายเท่านัก เราเกิดเป็นคนและตายไปเมื่อเปรียบเทียบกับโลกวิญญาณชั่งรวดเร็วมากครับ ตัวอย่างที่ใกล้กับชั้นของเราคือชั้นเปรต อสุรกาย สัมพเวสี มีอายุห่างกับเราเพียง7วัน คือ1วันของเขาเท่ากับ7วันของเรา

    ดังนั้นชีวิตคนเราจึงสั้นนักเมื่อเปรียบเทียบกับโลกวิญญาณ ครับ

    และด้วยอายุไขของคนเราที่สั้นนัก กระผมจึงขอกล่าวว่า ชีวิตนี้จึงมีความสำคัญยิ่งนัก
    เพราะหากเราเกิดมาแล้วไม่หมั่นทำความดี ก็จะกลายเป็นการสร้างบาบกรรม บาบกรรมที่สร้างในครั้งที่เรามีชีวิตอยู่ แค่ช่วงเวลาสั้นๆ หากเป็นกรรมหนัก ก็จะทำให้เราต้องไปตกนรก
    และใช้เวรใช้กรรมนานแสนนานเลยทีเดียว
    หรือหากทำกรรมดี กรรมดี แค่ครั้งเดียวก็อาจส่งผลให้ไปเสวยทิพย์วิมานนานแสนนานก็มี
    ดังนั้น แม้ชีวิตนี้สั้นนัก แต่ชีวิตนี้ก็สำคัญยิ่งนักครับ สาธุ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    สวดมนต์อย่างไรให้ เกิดสมาธิสู่ระดับฌาณ

    จากการที่กระผมสวดมนต์และภาวนาทุกวัน ทำให้รับทราบในสภาวะของการสวดมนต์และการภาวนา อันเป็นสมาธิที่มีความแตกต่างกัน

    การสวดมนต์นั้น สมาธิและจิตเราจะระลึกตั้งอยู่ในบทสวดมนต์ คือทุกคำที่ท่องหรือเปล่งวาจาออกมา อาศัยสติ สมาธิระลึกรู้ตรงนี้ไม่ขาดสาย
    และจากการสวดมนต์นี่เอง กระผมขอแนะนำวิธีการสวดมนต์เพื่อให้เกิดสมาธิลงลึกในระดับฌาณว่าจะต้องกระทำดังนี้
    1 การสวดมนต์นั้น จะต้องทรงกายให้เบาสบาย คืออยู่ในท่านนั่งหรือยืนหรือนอนก็ได้ แต่ให้ปล่อยวางทางกาย ให้กายนั้นเบาสบาย
    2 การสวดมนต์นั้นเมื่อมีกายที่เบาสบายแล้ว ให้กำหนดจิต มีสติตั้งอยู่เฉพาะบทสวดมนต์ภาวนาเท่านั้น
    3 ในขณะที่ทำการสวดมนต์กล่าวพระคาถาต่างๆนั้น ให้กำหนดจิตรวมเป็นสมาธิไว้ที่กลางกระหม่อม และระลึกถึงบทพระคาถา จะเป็นแบบปรากฏเห็นเป็นตัวหนังสือพระคาถา หรือจะปรากฏเป็นตัวหนังสือก็ได้ แต่กำหนดสมาธิให้สติและจิตจดจ่ออยู่กับบทสวดมนต์เท่านั้น
    4การกำหนดสมาธิลงเฉพาะที่บทสวดมนต์นั้น ในการสวดมนต์เปล่งวาจาหรือไม่เปล่งวาจาก็ดี ให้กำหนดการสวดมนต์ที่จะต้องไม่สวดแบบเร็วหรือช้าเกินไป แต่จะต้องกำหนดให้พอดี และถูกต้อง ตามอักขระ โดยจะต้องหลับตาลง และบทสวดมนต์ดังกล่าวต้องสามารถท่องจำได้แล้ว
    5การหลับตาลง จะทำให้ไม่มีผัสสะจากดวงตาทำให้ จิตไม่ส่ายไปหาภาพที่ตาเห็น ทำให้จิตสงบนิ่งและตั้งอยู่ที่กลางกระหม่อมอยู่กับบทสวดมนต์และพระคาถา เมื่อทำถึงขั้นนี้ สมาธิจะรวมเป็นหนึ่งเดียวอยู่กลางกระหม่อม และอยู่กับพระคาถาที่ท่องสวดมนต์
    จิตจะไม่ส่ายไปไหน ไม่รับรู้เวทนาทางกาย ไม่รับรู้สัญญาใดๆ จะปรากฏรู้เฉพาะพระคาถาที่กำลังสวดมนต์เท่านั้น

    เมื่อทำได้อย่างนี้จิตจะเข้าสู่สมาธิระดับฌาณ1-2คือ วิตกวิจารณ์ดับไป เวทนาทางกายดับไป สัญญาทั้งหลายดับไป แต่จิตจะอาศัยอยู่เฉพาะสัญญาความจำในพระคาถาเท่านั้น มีปิติปรากฏมี สุข และเอกคตาปรากฏ ต่อเนื่อง เมื่อเราทำเช่นนี้ต่อเนื่องเราจะสัมผัสหรือรับรู้ถึงสภาวะความสงบเป็นอย่างยิ่งในการสวดมนต์พระคาถา และจะสังเกตุได้ว่า การสวดมนต์ของเราจะไม่มีผิดเพี้ยนแต่อย่างใดเลยแม้นิดเดียว ทุกอักขระสามารถสวดท่องจำกล่าวได้อย่างถูกต้องละเอียดแม่นยำ และด้วยกำลังสมาธิที่เกิดเช่นนั้นอันเป็นสมาธิระดับฌาณ ทำให้จิตมีความสว่างไสว ด้วยอำนาจของ สมาธิระดับฌาณ นั่นเอง

    เมื่อเราจะทำการภาวนาต่อก็สามารถทำได้ง่ายเพราะสมาธิอยู่ในระดับฌาณอยู่แล้ว สามารถเดินสมาธิฌาณในระดับสูงต่อไปได้อีกโดยง่ายครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2013
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===================

    จากการสวดมนต์ที่ฝึกอบรมสมาธิให้ก้าวไปสู่ระดับฌาณนี่เอง

    จะทำให้สมาธิจิตมีกำลัง ก่อให้เกิดอิทธิฤทธิ์ อภิญญาได้ในระดับต้นๆ

    แต่ไม่ควรยึดติดในส่วนนี้ ควรปล่อยวางในกาย เวทนา ปิติ สุข ธรรมารมณ์ทั้งหมด ลงไปให้หมด ให้เหลือเฉพาะจิตและพระคาถาเท่านั้น

    เมื่อไหร่ที่สงบมากเป็นที่สุด จิตจะเข้าสู่ฌาณ4 ปรากฏเฉพาะความว่างให้ปล่อยวางพระคาถาลง สภาวะนี้ จิตก็จะว่างไม่รับรู้อะไร เป็นอุเปกขารมณ์ เป็นอุเบกขาญาณที่เกิดขึ้่น เป็นบรมสุขคือความว่างปราฏอยู่ภายใน นั่นคือจิตกำลังเข้าสู่สภาวะนิพพานชั่วคราวเท่านั้น ให้มีสติรู้ ให้กำหนดแค่รู้เท่านั้น ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะประคองไว้ได้

    เมื่อทำได้อย่างนี้บ่อยครั้งและนานขึ้น ปัญญาวิมุติ จะปรากฏแก่ท่าน ปฏิเวธจะปรากฏแก่ท่านว่าผลแห่งความว่างในจิตมีสภาพอย่างไรให้ผลแก่จิตท่านอย่างไรครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2013
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ระยะนี้อากาศหนาว มีโอกาสเจ็บป่วยเป็นหวัดกันมาก

    อากาศที่หนาวในช่วงปีใหม่จะทำให้เราท่านทั้งหลายเจ็บป่วย จากภัยหนาว แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่มีโรคภัยจากเชื้อหวัดนกหรือเชื้อโรคอื่นๆ

    การสวดมนต์ภาวนาในช่วงนี้ก็ขอให้รักษาไว้ให้ปกติ แม้จะหนาวก็ต้องอดทน แต่หากท่านทำเป็นประจำ เมื่อท่านภาวนาเจริญสมาธิ ความหนาวและโรคภัยจะทุเลาลงเบาลง
    หลังจากนั้น การพักผ่อนก็จะทำได้เต็มที่ ตื่นมาก็สดใสมีพละกำลังมากครับ

    ฉะนั้นเทศกาลปีใหม่นี้ ควรระมัดระวังให้มากในการดูแลสุขภาพให้ดีเพื่อการจะได้มีกำลังกาย กำลังใจในการทำความดี สร้างบารมีต่อไป ให้ยิ่งๆขึ้นไปครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...