หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน ..สมเด็จเกษไชโย พระเครื่องอ่างทอง หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ วัดเงินบางพรหม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย benay, 14 กรกฎาคม 2008.

  1. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    กราบนมัสการครับ
     
  2. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    ผ้ายันต์ พระพรหมสี่หน้า

    หลวงพ่อกร่าย วัดโพธิ์ศรี อ. วิเศษฯ จ. อ่างทอง

    หลวงพ่อกร่ายท่านเป็นเกจิอาจารย์องค์สำคัญอีกองค์หนึ่งของ อ.วิเศษฯ ท่านมีวาจาสิทธิ์มีชื่อเสียงมาก เป็นที่ยอมรับของวงการพระท้องถิ่น ร่างกายท่านมรณะภาพแล้วไม่เน่าเปื่อย แม้แต่ภาพแจกงานศพท่านก็ไม่ไหม้ไฟครับ อันนี้คนพื้นที่ทราบกันดี ผ้ายันต์พระพรหมสี่หน้านี้ท่านได้สร้างไว้ ให้บูชาทางอยู่ยงคงกระพัน ทางมหานิยม และกันสะกด ตามที่ท่านได้เขียนไว้ในผ้ายันต์ หากก่อนนอนหรือไปค้างแรมแปลกที่ ก็ให้อธิฐาน เอาผ้ายันต์เช็ดหน้าเสียก่อนกันกระทำ กันเขาสะกดได้ชะงัดนัก นะครับ

    ..... 1,500 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6314.JPG
      IMG_6314.JPG
      ขนาดไฟล์:
      82.4 KB
      เปิดดู:
      234
    • DSC01648.JPG
      DSC01648.JPG
      ขนาดไฟล์:
      143.7 KB
      เปิดดู:
      3,096
  3. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    [​IMG]

    พระสมเด็จ เกษไชโย หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ วีระไทใจกล้า ตุ๊กตาชาววัง โด่งดังจักรสาน ถิ่นฐานทำกลอง เมืองสองพระนอน


    คำขวัญประจำหวัดอ่างทองบ้านผ๊ม อิอิ....


    มีพระสมเด็จมาให้ชมครับ สนใจสอบภามราคาได้ รับประกันตลอดชีวิตครับแฮ่ๆ พิมพ์นี้เป็นพิมพ์เจ็ดชั้นนอกพิมพ์พิมพ์ พิมพ์นี้เนื้ออกโซนเดียวกันห้าชั้น ซึ่งจัดจ้านแบบพิมโบราณ



    ดูง่าย

    คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเล่นสมเด็จอาจจะเป็นเพราะหลายเหตุผล เช่น ไม่เคยเห็นของแท้เลยฟังแต่นิทานจากคนขาย พอโดนเข้าคนขายไม่รับผิดชอบ เลยทำให้มีอคติเห็นสมเด็จเก๊ไปหมด แฮ่ๆ แต่อย่าลืมว่าของแท้จริงๆมีครับไม่ใช่ไม่มี และแท้จริงคือสามารถขายได้(ให้เช่าต่อได้) พระเก๊จะให้เช่ามาเป็นล้านอาจเหลือหลักร้อย ให้ฟรียังเคือง พระแท้ตามสากลคือพระที่เก็บแล้วเงินไม่สูญเปล่าเพราะยามเดือดร้อนแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ จะขาดทุนหรือกำไรอีกเรื่องแต่ยังไงก็ขายได้เพราะแท้ ต่อมาพระแท้คนเดียว หรือคิดว่าแท้ ถึงเช่ามาเป้นล้าน พอตัวเองตายจะเหลือหลักสิบ หลักร้อย แถมลูกหลานด่าตามมาอีก แฮ่ๆ....สมบัติเก่าพ่อเราตาเราเก๊เป็นปี๊บแฮ่ๆ

    ประกันแท้ตลอดชีพ



    พระที่ถูกจัดเข้าพิมพืจะแพงมาก สมัยนี้หันมาเล่นพระโซนนี้กันมากครับราคาไม่รุนแรง ราคา บาท ดูองค์จริงได้ครับ

    [​IMG]
    <!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 232.jpg
      232.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.6 KB
      เปิดดู:
      99
    • 233.jpg
      233.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.2 KB
      เปิดดู:
      83
  4. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    แหวนนิ้วเนื้อเงิน (สร้างพร้อมเหรียญรุ่นแรก)


    หลวงพ่อเต่า วัดน้ำพุ อ่างทอง


    หายากมากกว่าเหรียญเยอะครับ


    [​IMG]




    ประมาณปี 2490

    วาจาสิทธิ์ นิ้วเพชร

    ประสบการณ์โดดเด่นมากด้าน คงกระพัน มหาอุตม์ กันคุณไสย ทำน้ำมนต์กันเสนียดจัญไร สุดยอดครับ เพราะสมัยท่านทรงสังขารอยู่ ท่านเป็นหมอยารักษาชาวบ้านเป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้เป็นอย่างดี ขนาดคนเป็นอัมพาต ท่านก็รักษาหายด้วยยาและอาคมท่าน คนถูกคุณไสยพอเข้ามาในวงสายสิญท่านถึงกับต้องอาเจียนออกมาทันที และวิชาที่ผู้คนน้อยนักที่จะทราบว่าหลวงพ่อท่าน เป็นองค์เดียวในวิเศษฯที่เรียนสำเร็จ คือวิชานิ้วเพชร ซึ่งหลวงพ่อท่านได้รับถ่ายทอดจากหลวงพ่อภักดิ์ วัดโบสถ์สุดยอดปรมาจารย์แห่งแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ ชาวบ้านวัดน้ำพุ ทราบกันดีว่านิ้วชี้หลวงพ่อนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะเมื่อมีเรื่องเดือดร้อนอะไรไปหาหลวงพ่อท่านจะใช้นิ้วชี้ท่าน วนที่กระดานที่ท่านนั่ง อาการหรือโรคต่างๆเหล่านั้นที่ปากฏอาการหายไปทันที ผมเองเข้าพื้นที่ลงสืบประวัติมาหลายปีตามแต่เวลาจะอำนวย ทำใให้ทราบและรู้ดีว่าชาวบ้านนับถือหลวงพ่อจากรุ่นสู่รุ่น และเอ่ยถึงหลวงพ่อว่าเป็นหมอเทวดา มีอยู่หลายเรื่องราวที่ได้รับถ่ายทอดไว้แต่เวลาไม่อำนวยมากนักผมจึงเขียนลงเพียงคร่าวๆ เกี่ยวกับประวัติหลวงพ่อท่าน และมีหนังสือบางเล่มเคยลงไว้คร่าวๆแต่ไม่ละเอียดนัก นอกจากการรักษาโรคดุจหมอเทวดาที่ผมได้กล่าวไปแล้วหลวงพ่อท่านยังมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง คือมีอยู่ครั้งหนึ่งมีพวกหมอลาว (พวกนี้เท่าที่ผมทราบ จะชอบลองวิชากับพระคณาจารย์เก่งๆ คือเหมือนตระเวนหากินไปด้วยและลองของไปด้วย อย่างหลวงพ่อแพ วัดกลางท่านก็เคยโดนหมอลาวนี่ลองของ หลวงพ่อจัน วัดบางจักก็ถุกพวกนี้ลองของ และอาจารย์อีกหลายท่านในวิเศษยุคเก่าเท่าที่ผมสืบ พวกหมอลาวนี่ลองมาหลายท่าน แต่ทำอะไรไม่ได้แถมโดนเล่นงานกลับซะอ่วม) มาหาหลวงพ่อ พอมาถึงหลวงพ่อท่านทราบล่วงหน้าอยู่แล้ว ท่านเลยขมวดผ้า จีวรผืนใหญ่และโยนให้ไปลองยิง พวกนั้นพอได้ไปก้ไปลอง ข้างกุฏิพระ ยิงกันเสียงดัง เช๊าะแช๊ะ แต่ไม่ออก ลูกศิษย์หลวงพ่อเห็นพวกนี้ถือปืนในวัดเลยเข้าไปสอบถามตักเตือน หลวงพ่อท่าน เห็นท่านเลยพุดขึ้นว่า อย่าไปยุ่งกับมันไอ้พวกหน้าเลือดนี่ อย่าไปยุ่งกับมัน ..ลูกศิษย์หลวงพ่อจึงผละออกมา ต่างคนก็ต่างแยกย้าย แต่พอพวกหมอลาวเดินแยกย้ายออกไปนั้น เดินผ่านต้นมะพร้าวหลังกุฏิ ทันใดนั้นลูกมะพร้าวล่วงลงมะฟาดหัวแตกเลือดอาบหน้าตาแดงไปหมด เป็นดังคำที่หลวงพ่อพุดว่าไอ้พวกหน้าเลือด ทุกประการ.....วิชามหาประสาน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ลุงแถววัดนั่นหละครับ แกขึ้นไปสุมลอมฟาง หลายๆท่านที่อยู่บ้านนอกควรู้จักดี มีแกนไม้ไผ่ตรงกลาง และสุมสูงขึ้นไปหลายเมตร วันนั้นโชคไม่ดี แกพลัดตกลงมาแขนหัก เลยนึกถึงหลวงพ่อได้ก็มาหา และบอกว่าแขนหักครับหลวงพ่อร้องโอยๆ มาแต่ไกล หลวงพ่อท่านก้เลยถามว่ามึงไปทำอะไรมาถึงได้แขนหัก ลุงแกก้เล่าให้หลวงพ่อฟังว่า ตกจากลอมฟาง พอลวงพ่อท่านได้ฟัง ท่านก็บอกให้ลุงแกหยิบกี่ยา มาวางแขน ที่หัก ระหว่างนั้นหลวงพ่อท่านก็ นั่งบริกรรมคาถาไป เอานิ้วชี้ท่านวนที่กระดาน และก้นั่งคุยไปด้วย พอคุยได้สักพัก หลวงพ่อท่านก้พูดขึ้นมาว่า เอาเฮ้ยคุยนานแล้วกูชักอยากดูดยา ยกกี่ยาให้กุที ลุงแกด้วยความลืมตัว ก้เลยเอาสองมือยกกี่ยาถวายหลวงพ่อ หลวงพ่อบอกเอ้าเฮ้ย ไหนมึงบอกแขนหักไง และยกกี่ยาให้กูได้ไง ..ลุงแกลืมตัว และแปลกใจอย่างมาก ว่าแขนที่หักหายเป้นปลิดทิ้ง ก้มลงกราบหลวงพ่อ ด้วยความดีใจ....ปวดท้องแทนเมีย.... เรื่องนี้ หลวงตาที่วัดน้ำพุเป็นคนประสบด้วยตนเอง คือ เมื่อสมัยที่โยมแม่ท่านตั้งท้องน้องชาย โยมพ่อก้มาหาหลวงพ่อเต่า ขอน้ำมนต์ไปให้โยมแม่หลวงตาท่านดื่ม ให้คลอดง่าย เมื่อก่อนจะเดินทางทางเรือ พอมาถึงวัดก้มกราบหลวงพ่อ ท่านก้ทำน้ำมนต์ให้ เพราะเคยบอกหลวงพ่อไว้แล้วว่าจะมาขอน้ำมนต์ หลวงพ่อท่านก้เรียก โยมพ่อของหลวงตามาไกล้ๆ และเอามือจับไปที่น่องของโยมพ่อหลวงตา และท่านก้กล่าวขึ้นว่า เฮ้ย น่องมึงสวยดีนี่หว่า และเอามือตบไปที่น่อง สองสามครั้ง ....หลังจากนั้นก้ลากลับ หลวงตาท่านก้พายเรือกลับเอาน้ำมนต์ไปให้โยมแม่กินเพื่อคลอดน้องชาย ระหว่างทางโยมพ่อหลวงตาเริ่ม ปวดท้อง พอเรือจอดท่าน้ำ หลวงตาได้ขึ้นเอาน้ำมนต์ไปให้โยมแม่ท่านคนเดียวเพราะพ่อปวดท้อง หลวงตาท่านบอกว่า พอโยมแม่ท่านกินน้ำมนตืเข้าไป ระหว่างคลอดไม่มีเสียงร้องสักแอะ แถมยังคุยกับหมอตำแยขำขันยิ้มแย้ม แต่ที่ดิ้นทุรนทุรายคือพ่อหลวงตาที่อยู่ในเรื่อนั่นเอง....... เรื่องราวยังมีอีกมากครับ ไม่ได้มาโม้ให้ฟัง แต่เอาเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นมาเล่าให้ฟัง ...ว่างๆก็ไปกราบรุปปั้น บนบาน ท่านได้ที่วัดน้ำพุ วิเศษชัยชาญ เมืองแห่ง พระคณาจารยืผู้เรืองวิทยาคม ไม่แพ้ใครครับ รับประกัน......
    บุญญาบารมีและอภินิหารหลวงพ่อเต่านั้น เล่าแล้วจะยาวมากครับ แต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่เรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น จนคนจดจำเล่าขานกันมา คนเล่ายังมีชีวิต เห็นกับตาก้ยังอยู่หลายท่าน แต่ละท่านก้ไกล้ๆร้อยเข้าไปทุกที เมื่อสมัยก่อนกรเดินทางจะมาหาหลวงพ่อเต่านั้น ที่คล่องตัวมากที่สุดก้เห็นจะเป็นทางน้ำ วันๆหนึ่ง มีคนมารับการรักษาโรคต่างๆมากมาย บางวันเป็นร้อยคน..มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีผ้คนเข้ามารับการรักษามากกว่าปกติ ทั้งโรคทางถุกคุณไสย และโรคต่างๆสารพัดโรค เข้าคิวรอกันบนศาลาแน่นถนัด ล้นไปจนถึงท่านน้ำหน้าวัด ยังกับตลาดน้ำยังไงอย่างนั้น หลวงพ่อท่านเห็นคนมากเข้าท่านเลยเดินออกมาบอกญาติโยมว่า บนศาลาแน่นแล้ว ท่านเห็นท่าว่าคงจะยืดยาวในการรักษา หลวงพ่อท่านจึงบอกออกมาว่า ให้ทุกคนที่จอดเรือที่ท่านน้ำ จับเอาหัวเรือชนต่อๆกันไว้ ใครจับตัวกันได้ก้จับต่อๆกัน พลันหลวงพ่อท่านก็เดินไปที่ท่าน้ำซึ่งห่างจากศาลาที่รักษาไม่มากนัก ยืนบริกรรมอยู่ครุ่หนึ่ง และเป่าลงไปในแม่น้ำบริเวณที่ชาวบ้านจอดเรืออยู่ ท่านสั่งให้ชาวบ้าน วักน้ำบริเวณนั้น มาดื่มแทนน้ำมนต์ พอดื่มน้ำในแม่น้ำที่หลวงพ่อบริกรรมไว้เท่านั้น คนที่ถุกของโดนของ หรือถูกวิญญาณแฝง หรือมีอาการเจ็บป่วย ก็แสดงอาการออกมาแตกต่าง กันออกไป แต่ทุกคนก้หายจากอาการเจ็บป่วยนั้นด้วยบารมีหลวงพ่อ ทุกคน นี่คือบารมีหลวงพ่อเต่า ที่คนบ้านน้ำพุเขาเคารพมากๆ ครับ สมัยหลวงพ่อเต่าท่านยังทรงสังขารอยู่ ไม่ว่าจะจัดงานวัดครั้งคราใด รับรองว่าผู้คนแห่แหนมาจากทั่วสารทิศ ลิเก ละคร มหรสพ ล้วนแล้วแต่ฟรี คือหลวงพ่อไม่ได้หามาเล่นแต่บรรดาคณะลิเก มหรสพต่างๆล้วนเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ ก็มาช่วยงานกันคับคั่ง.. นอกจากหลวงพ่อจะดังในพื้นที่วิเศษชัยชาญแล้ว บารมีหลวงพ่อท่านยังดังไปถึงกรุงเทพมหานคร ท่านได้รับนิมนต์ไปรักษาคนมากมายในเมืองกรุง และต่างจังหวัด ลูกศิษย์ลูกหาหลวงพ่อ เป็นใหญ่เป็นโต ระดับนายพลก็เยอะ ข้าราชการก้เพียบ ระดับเจ้าสัวโรงงาน ก้หลายท่าน แม้แต่ จองพลผิน ชุนหะวัณ ก้ยังมานิมนต์หลวงพ่อไปรักษาภรรยาท่าน จนหาย และถวายเรือยนต์ไว้ 1 ลำ ..ปัจจุบันเรือนี้ไม่อยู่แล้ว.... และอีกอย่างที่สำคัญครับ ในการเสกพระแต่ละครั้งหลวงพ่อจะเสกเดี่ยว และต้องเสกจนเหรียญนั้นร้อนจนแดง จึงจะถือว่าใช้ได้ ที่เล่ามานี้ไม่ได้มาโม้ให้ท่านนั่งอ่านกันครับ กลัวโม้ก็ไปที่วัดเลยครับ รับรองว่าท่านจะ....หาเช่าพระท่านไม่ทัน อิอิ


    สวยราคา 9,500 บาท พร้อมส่ง

    ลืมบอกไปครับหลวงพ่อเต่าท่านสนิทสนมกับหลวงปู้นาควัดระฆังเป็นอย่างมากเพราะหลวงพ่อเต่าท่านไปเรียนที่วัดมหาธาตุพระนคร หลายครั้งท่านเอาพระเก่าๆสมเด็จหลวงปู่นาคมาแจกที่วัดบ่อยครับ


    <!-- google_ad_section_end -->



    เช่าแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 229.jpg
      229.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.6 KB
      เปิดดู:
      92
    • IMG_6423.JPG
      IMG_6423.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.3 KB
      เปิดดู:
      75
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2013
  5. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    พระสมเด็จ หลวงพ่อเต่า วัดน้ำพุ

    สวยเดิมๆหนาๆครับ นานๆเจอแบบหนา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 230.jpg
      230.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.7 KB
      เปิดดู:
      77
    • 231.jpg
      231.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.6 KB
      เปิดดู:
      78
  6. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    ประวัติหลวงปู่คำ พระครูวิตถารสมณกิจ


    วัดโพธิ์ปล้ำ จ.อ่างทอง เป็นวัดโบราณสร้างมาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมชื่อ วัดพายทองสำหรับใครเป็นผู้สร้างนั้นไม่ปรากฏหลักฐานเป็นที่ยืนยันแน่นอน ด้วยอายุการสร้างที่ยาวนานผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายชั่วอายุ ทั้งเจริญรุ่งเรืองหรือเสือมโทรมเป็นบางขณะจากลำดับเจ้าอาวาสหลายต่อหลายองค์จากอดีตจวบจนปัจจุบันนั้น ดูเหมือนหลวงปู่คำ
    ปญฺญาสาโร ดูจะเป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการพระเครื่อง เนื่องจากท่านเป็นอีกหนึ่งพระคณาจารย์ดังของ จ.อ่างทอง วัตถุมงคลที่สร้างและปลุกเสกเอาไว ้มีมากมายหลายชนิดทั้ง พระสมเด็จ เหรียญ พระเนื้อว่านผสมผงยา ผ้ายันต ์ตะกรุด รูปถ่าย ที่ได้รับความนิยมสูงพร้อมทั้งมากล้นประสบการณ์คือ เบี้ยแก้
    หลวงปู่คำวัดโพธิ์ปล้ำนามเดิมคือ คำ นามสกุล ทรัพย์ประเสริฐ เป็นบุตรของพ่อเส็งแม่ไท เกิดเมื่อวันพฤหัสบด ีเดือน 10 ปีฉล ูปีพ.ศ.2432 ณ ปากคลองวัดโพธ ิ์ครั้นเมื่ออายุครบได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์โดยมีพระพระญาณไตรโลก (อาจ) วัดศาลาปูน เป็นพระอุปัชฒาย ์พระครูวินญานุโยก แห่งวัดกษัตราธิราชพร้อมทั้งพระอุปัชฌาย์จั่น วัดทำนบ เป็นพระกรรมวาจาจารย ์และอนุสาวนาจารย์ตามลำดับ ได้ศึกษาพระเวทย์วิทยาคมพร้อมทั้งสรรพวิชาต่างๆ จากสมุดข่อย ที่พบในโพรงต้นโพธิ์ภายในวัดจนเชี่ยวชาญชำนาญอย่างยิ่งยวดอีกทั้งยังแลกเปลี่ยน
    วิชากับอีกหลายพระคณาจารย์ ไม่ว่าจะเป็น ล.พ.พริ้ง วัดบางปะกอก, ล.พ.จง วัดหน้าต่างนอก, ล.พ.พักวัดโบสถ์และท่านเจ้าคุณสุธรรมธีรคุณ วัดสระเกศ เนื่องจากมีอายุใกล้เคียงกันแม้ว่าบางองค์จะอาวุโสมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหลวงพ่อพักวัดโบสถ์จะไปมาหาสู่กันอยู่เสมอๆซึ่งจะเห็นว่าเบี้ยแก้ของท่านทั้งสองจะมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก โดยเฉพาะเบี้ยเปลือยจนบางครั้งยังมีการเล่นหาสะสมข้ามวัดข้ามสำนักกันอยู่เรื่อยเป็นประจำ หลวงพ่อคำวัดโพธิ์ปล้ำถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2503รวมสิริอายุ 72 ปี 52 พรรษา
    ลักษณะเบี้ยแก้หลวงปู่คำวัดโพธิ์ปล้ำ การสร้างวัตถุมลประเภทเบี้ยแก้ของท่านนั้น เริ่มสร้าง
    มาตั้งแต่ก่อนปีพ.ศ.2493 เท่าที่พบเห็นเล่นหาเป็นสากลเบี้ยของท่านจะเป็นเบี้ยเปลือยไม่มีการถักเชือกแต่อย่างใด ส่วนการเลี่ยมจับขอบไม่ว่าจะด้วยเนื้อทองคำ เงิน นาค นั้น แล้วแต่ลูกศิษย์ที่ได้รับจะนำไปเลี่ยมกันเองไม่เกียวกับท่านซึ่งร้านที่มักนิยมนำเบี้ยไปเลี่ยมนั้นเป็นร้านเดียวกับลูกศิษย์ของหลวงพ่อพักวัดโบสถ์นำ ไปเลี่ยมกันเป็นร้านทองในตลาดวิเศษชัยชาญ ฉะนั้นลักษณะการเลี่ยมหากเป็นเบี้ยเปลือยของทั้งสองสำนักนี้จึงมีลักษณะเดียวกัน เพราะเลี่ยมร้านเดียวกัน
    กันนั่นเอง จึงเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควรในการจะแย่งแยกและพิจารณา แต่มักมีข้อเปรียบเทียบง่ายๆ อยู่ว่าเบี้ยแก้ของหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์มักจะตัวใหญ่กว่าของหลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงในการชี้ชัดจุดตายตัวได้
    การปิดท้องเบี้ยภายหลังบรรจุปรอทเข้าไปในตัวเบี้ยแล้วจะปิดทับด้วยชันโรงและแผ่นหรือตะกรุดเนื้อทองแดง(ต่างจากหลวงพ่อพักที่ใช้ตะกรุดเนื้อชินเนื้อตะกั่ว) ในส่วนของการปิดทับด้วยชันโรงนั้นแบ่งเป็น 3 ยุค 3 ลักษณะด้วยกัน กล่าวคือเบี้ยแก้ยุคแรกจะปิดทับด้วยชันโรงที่ได้รับจากธรรมชาติอันแแท้จริง แต่เนื่องจากเป็นของทนสิทธิ์ที่ได้จากธรรมชาติจึงหาได้ยาก ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นชันยาเรือผสมว่านแทนและท้ายสุดอุดทับด้วยชันยาเรือผสมผงอิทธิเจซึ่งลักษณะประการหลังนี้พบเห็นได้น้อยมากในเบี้ยแก้หลวงปู่คำวัดโพธิ์ปล้ำ จ.อ่างทองนั้น เมื่อเขย่าดู
    เสียงปรอทจะแตกต่างออกไปไม่เหมือนเบี้ยแก้สำนักอื่นๆที่เวลาเขย่าจะมีเสียงดังขลุกๆจะเสียงดังแซ๊กๆคล้ายกับเสียงของเม็ดท้ายวิ่งอยู่ภายในนับเป็นเอกลักษณะอีกอย่างหนึ่งของเบี้ยแก้สำนักนี้ที่สามารถใช้เป็นจุดสังเกตได้
    พุทธคุณของเบี้ยแก้สำนักนี้ก็เหมือนกับเบี้ยแก้สำนักอื่นๆ คือป้องกันคุณไสยยาสั่งแก้เหตุร้ายให้กลับกลายเป็นดีพร้อมทั้งแคล้วคลาดปลอดภัยคงกระพันชาตรี เป็นต้น

    พระอุปัชฌาย์ คำ หรือนามตามสมณศักดิ์ ..พระครูวิตถารสมณกิจ นามสมณศักดิ์ของท่านได้รับพระราชทานโดยล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๖ ..

    พระครูวิตถารสมณกิจ (อ่านว่า - วิด-ตะ-ถา-ระ-สะ-มะ-นะ-กิด) มีความหมายว่า พระผู้ทำกิจในวิชชาโดยบริบูรณ์

    ครั้งที่ท่านเจ้าคุณพระธรรมวรนายก (ทองหล่อ ปทุมานนท์ ปธ.๘) อดีตเจ้าคณะภาค ๑๕ อดีจเจ้าคณะเขตดุสิต และอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพ ฯ ซึ่งเป็นศิษย์แต่ครั้งบรรพชาเป็นสามเณร ยังมีชีวิตอยู่ เคยไปเรียนถามประวัติจากท่าน ด้วยความไม่รู้ เรียกนามสมณศักดิ์ว่า พระครู-วิด-ตะ-ถาน-สะ-มะ-นะ-กิด ท่านเจ้าคุณแย้งว่า ไม่ใช่ ที่ถูกต้องอ่านว่า วิด-ตะ-ถา-ระ ฯ ซึ่งมีความหมายดังกล่าวแล้ว ในหลวงรัชกาลที ๖ ทรงพระราชทานนามเอง ด้วยทรงทราบในจริยวัตรอันงดงามของท่าน

    พระครูวิตถารสมณกิจ หรือพระอุปัชฌาย์ คำ เป็นพระรัตตัญญู คือมีพรรษายุกาลมาก เป็นพระที่สมถะ ใจดี ไม่สะสมเงินทอง ท่านมรณะภาพที่โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพ ฯ ด้วยโรคลมปัจจบัน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ ภายหลังจากท่านมรณะภาพแล้ว ได้มีการสำรวจทรัพย์สินในกุฏิของท่าน ปรากฏว่า ไม่พบปัจจัยและทรัพย์สินมีค่าใด ๆ เลย ท่านบริสุทธิ์โดยแท้...สุปฏิปันโน สาวกสังโฆ..ฯลฯ ผูสมควรแก่การกราบไหว้ ฯ

    วัดโพธิ์ปล้ำ แต่เดิมมีสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมมาก ท่านเจ้าคุณพระธรรมวรนายก ท่านระลึกถึงพระคุณของพระอุปัชฌาย์ จึงได้ชักชวนญาติโยมไปร่วมบูรณะวัดโพธิ์ปล้ำ ทั้งวัด เริ่มตั้งแต่..โบสถ์ ซ่อมใหม่ทั้งหลัง รวมถึงทำกำแพงแก้ว สร้างศาลาการเปรียญใหม่ ๑ หลัง สร้างหมู่กุฏิและหอสวดมนต์ใหม่ทั้งหมด และเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น ..วัดโพธิ์คำธรรมาราม เพื่อเป็นเกียรติแก่พระอุปัชฌาย์ ซึ่งมีนามว่า .คำ..


    พระพิมพ์เนื้อชันอุดเบี้ย ผสมผงว่านยา (||)

    หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ พบน้อยมากครับพิมพ์นี้ สร้างปี 249กว่าๆ


    การสร้างในช่วงระยะเวลาพอๆกับเบี้ยแก้ท่านครับ พุทธคุณเด่นมากด้านแคล้วคลาด คงกระพัน กันแก้โรคภัย ครับ เพราะผสมว่านยาด้วย


    หายากครับ..1500 บาท พร้อมส่ง ems
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 234.jpg
      234.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.9 KB
      เปิดดู:
      79
    • 235.jpg
      235.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.3 KB
      เปิดดู:
      106
    • IMG_1752.JPG
      IMG_1752.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.6 KB
      เปิดดู:
      938
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2013
  7. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    ในบรรดาภาพถ่ายที่เล่นหากันในอ่างทอง ภาพถ่ายของหลวงพ่อคำ ถือเป้นภาพถ่ายที่หายากที่สุด และสร้างก่อนพระคณาจารย์ที่เล่นหากันหลายปี ภาพถ่ายหลวงพ่อคำสร้างประมาณปี 2490 หลวงปู่ภู วัดดอนรัก 2501 หลวงพ่อกุ่ม วัดฝาง สร้างประมาณปี 2500 เป็นต้น ภาพถ่ายแสตมนี้จะหาชมยากมากครับ เล่นพระมาสิบกว่าปี เจอทั้งสวยและไม่สวยน่าจะไม่เกิน 5 ภาพ ......................วัดโพธิ์ปล้ำ จ.อ่างทอง เป็นวัดโบราณสร้างมาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมชื่อ วัดพายทองสำหรับใครเป็นผู้สร้างนั้นไม่ปรากฏหลักฐานเป็นที่ยืนยันแน่นอน ด้วยอายุการสร้างที่ยาวนานผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายชั่วอายุ ทั้งเจริญรุ่งเรืองหรือเสือมโทรมเป็นบางขณะจากลำดับเจ้าอาวาสหลายต่อหลายองค์จากอดีตจวบจนปัจจุบันนั้น ดูเหมือนหลวงปู่คำ
    ปญฺญาสาโร ดูจะเป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการพระเครื่อง เนื่องจากท่านเป็นอีกหนึ่งพระคณาจารย์ดังของ จ.อ่างทอง วัตถุมงคลที่สร้างและปลุกเสกเอาไว ้มีมากมายหลายชนิดทั้ง พระสมเด็จ เหรียญ พระเนื้อว่านผสมผงยา ผ้ายันต ์ตะกรุด รูปถ่าย ที่ได้รับความนิยมสูงพร้อมทั้งมากล้นประสบการณ์คือ เบี้ยแก้
    หลวงปู่คำวัดโพธิ์ปล้ำนามเดิมคือ คำ นามสกุล ทรัพย์ประเสริฐ เป็นบุตรของพ่อเส็งแม่ไท เกิดเมื่อวันพฤหัสบด ีเดือน 10 ปีฉล ูปีพ.ศ.2432 ณ ปากคลองวัดโพธ ิ์ครั้นเมื่ออายุครบได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์โดยมีพระพระญาณไตรโลก (อาจ) วัดศาลาปูน เป็นพระอุปัชฒาย ์พระครูวินญานุโยก แห่งวัดกษัตราธิราชพร้อมทั้งพระอุปัชฌาย์จั่น วัดทำนบ เป็นพระกรรมวาจาจารย ์และอนุสาวนาจารย์ตามลำดับ ได้ศึกษาพระเวทย์วิทยาคมพร้อมทั้งสรรพวิชาต่างๆ จากสมุดข่อย ที่พบในโพรงต้นโพธิ์ภายในวัดจนเชี่ยวชาญชำนาญอย่างยิ่งยวดอีกทั้งยังแลกเปลี่ยน
    วิชากับอีกหลายพระคณาจารย์ ไม่ว่าจะเป็น ล.พ.พริ้ง วัดบางปะกอก, ล.พ.จง วัดหน้าต่างนอก, ล.พ.พักวัดโบสถ์และท่านเจ้าคุณสุธรรมธีรคุณ วัดสระเกศ เนื่องจากมีอายุใกล้เคียงกันแม้ว่าบางองค์จะอาวุโสมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหลวงพ่อพักวัดโบสถ์จะไปมาหาสู่กันอยู่เสมอๆซึ่งจะเห็นว่าเบี้ยแก้ของท่านทั้งสองจะมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก โดยเฉพาะเบี้ยเปลือยจนบางครั้งยังมีการเล่นหาสะสมข้ามวัดข้ามสำนักกันอยู่เรื่อยเป็นประจำ หลวงพ่อคำวัดโพธิ์ปล้ำถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2503รวมสิริอายุ 72 ปี 52 พรรษา
    ลักษณะเบี้ยแก้หลวงปู่คำวัดโพธิ์ปล้ำ การสร้างวัตถุมลประเภทเบี้ยแก้ของท่านนั้น เริ่มสร้าง
    มาตั้งแต่ก่อนปีพ.ศ.2493 เท่าที่พบเห็นเล่นหาเป็นสากลเบี้ยของท่านจะเป็นเบี้ยเปลือยไม่มีการถักเชือกแต่อย่างใด ส่วนการเลี่ยมจับขอบไม่ว่าจะด้วยเนื้อทองคำ เงิน นาค นั้น แล้วแต่ลูกศิษย์ที่ได้รับจะนำไปเลี่ยมกันเองไม่เกียวกับท่านซึ่งร้านที่มักนิยมนำเบี้ยไปเลี่ยมนั้นเป็นร้านเดียวกับลูกศิษย์ของหลวงพ่อพักวัดโบสถ์นำ ไปเลี่ยมกันเป็นร้านทองในตลาดวิเศษชัยชาญ ฉะนั้นลักษณะการเลี่ยมหากเป็นเบี้ยเปลือยของทั้งสองสำนักนี้จึงมีลักษณะเดียวกัน เพราะเลี่ยมร้านเดียวกัน
    กันนั่นเอง จึงเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควรในการจะแย่งแยกและพิจารณา แต่มักมีข้อเปรียบเทียบง่ายๆ อยู่ว่าเบี้ยแก้ของหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์มักจะตัวใหญ่กว่าของหลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงในการชี้ชัดจุดตายตัวได้
    การปิดท้องเบี้ยภายหลังบรรจุปรอทเข้าไปในตัวเบี้ยแล้วจะปิดทับด้วยชันโรงและแผ่นหรือตะกรุดเนื้อทองแดง(ต่างจากหลวงพ่อพักที่ใช้ตะกรุดเนื้อชินเนื้อตะกั่ว) ในส่วนของการปิดทับด้วยชันโรงนั้นแบ่งเป็น 3 ยุค 3 ลักษณะด้วยกัน กล่าวคือเบี้ยแก้ยุคแรกจะปิดทับด้วยชันโรงที่ได้รับจากธรรมชาติอันแแท้จริง แต่เนื่องจากเป็นของทนสิทธิ์ที่ได้จากธรรมชาติจึงหาได้ยาก ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นชันยาเรือผสมว่านแทนและท้ายสุดอุดทับด้วยชันยาเรือผสมผงอิทธิเจซึ่งลักษณะประการหลังนี้พบเห็นได้น้อยมากในเบี้ยแก้หลวงปู่คำวัดโพธิ์ปล้ำ จ.อ่างทองนั้น เมื่อเขย่าดู
    เสียงปรอทจะแตกต่างออกไปไม่เหมือนเบี้ยแก้สำนักอื่นๆที่เวลาเขย่าจะมีเสียงดังขลุกๆจะเสียงดังแซ๊กๆคล้ายกับเสียงของเม็ดท้ายวิ่งอยู่ภายในนับเป็นเอกลักษณะอีกอย่างหนึ่งของเบี้ยแก้สำนักนี้ที่สามารถใช้เป็นจุดสังเกตได้
    พุทธคุณของเบี้ยแก้สำนักนี้ก็เหมือนกับเบี้ยแก้สำนักอื่นๆ คือป้องกันคุณไสยยาสั่งแก้เหตุร้ายให้กลับกลายเป็นดีพร้อมทั้งแคล้วคลาดปลอดภัยคงกระพันชาตรี เป็นต้น

    พระอุปัชฌาย์ คำ หรือนามตามสมณศักดิ์ ..พระครูวิตถารสมณกิจ นามสมณศักดิ์ของท่านได้รับพระราชทานโดยล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๖ ..

    พระครูวิตถารสมณกิจ (อ่านว่า - วิด-ตะ-ถา-ระ-สะ-มะ-นะ-กิด) มีความหมายว่า พระผู้ทำกิจในวิชชาโดยบริบูรณ์

    ครั้งที่ท่านเจ้าคุณพระธรรมวรนายก (ทองหล่อ ปทุมานนท์ ปธ.๘) อดีตเจ้าคณะภาค ๑๕ อดีจเจ้าคณะเขตดุสิต และอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพ ฯ ซึ่งเป็นศิษย์แต่ครั้งบรรพชาเป็นสามเณร ยังมีชีวิตอยู่ เคยไปเรียนถามประวัติจากท่าน ด้วยความไม่รู้ เรียกนามสมณศักดิ์ว่า พระครู-วิด-ตะ-ถาน-สะ-มะ-นะ-กิด ท่านเจ้าคุณแย้งว่า ไม่ใช่ ที่ถูกต้องอ่านว่า วิด-ตะ-ถา-ระ ฯ ซึ่งมีความหมายดังกล่าวแล้ว ในหลวงรัชกาลที ๖ ทรงพระราชทานนามเอง ด้วยทรงทราบในจริยวัตรอันงดงามของท่าน

    พระครูวิตถารสมณกิจ หรือพระอุปัชฌาย์ คำ เป็นพระรัตตัญญู คือมีพรรษายุกาลมาก เป็นพระที่สมถะ ใจดี ไม่สะสมเงินทอง ท่านมรณะภาพที่โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพ ฯ ด้วยโรคลมปัจจบัน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ ภายหลังจากท่านมรณะภาพแล้ว ได้มีการสำรวจทรัพย์สินในกุฏิของท่าน ปรากฏว่า ไม่พบปัจจัยและทรัพย์สินมีค่าใด ๆ เลย ท่านบริสุทธิ์โดยแท้...สุปฏิปันโน สาวกสังโฆ..ฯลฯ ผูสมควรแก่การกราบไหว้ ฯ

    วัดโพธิ์ปล้ำ แต่เดิมมีสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมมาก ท่านเจ้าคุณพระธรรมวรนายก ท่านระลึกถึงพระคุณของพระอุปัชฌาย์ จึงได้ชักชวนญาติโยมไปร่วมบูรณะวัดโพธิ์ปล้ำ ทั้งวัด เริ่มตั้งแต่..โบสถ์ ซ่อมใหม่ทั้งหลัง รวมถึงทำกำแพงแก้ว สร้างศาลาการเปรียญใหม่ ๑ หลัง สร้างหมู่กุฏิและหอสวดมนต์ใหม่ทั้งหมด และเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น ..วัดโพธิ์คำธรรมาราม เพื่อเป็นเกียรติแก่พระอุปัชฌาย์ ซึ่งมีนามว่า .คำ..



    เช่าแล้วครับ


    <a href="http://upicy.com/share-3C46_52704E14.html"><img src="http://upicy.com/image-3C46_52704E14.jpg" border="0"></a>
    <a href="http://upicy.com/share-C0FF_52704E14.html"><img src="http://upicy.com/image-C0FF_52704E14.jpg" border="0"></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2013
  8. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    รายการที่ลงไหม่ๆดูในสองเวปนี้นะครับ






    ......................

    ดูรายการพระเพิ่มเติมได้อีกเพียบครับ รายการรวม จะอยู่ในนี้ครับ


    ร้าน เบ็น วิเศษฯ บ้านนี้มีแต่พระ... บ้านพระ Baanpra.com




    เวปท่าพระจันทร์ ลงไม่ค่อยซ้ำกันครับ ลองดูครับ


    .::thaprachan.com ชมรมพระเครื่องท่าพระจันทร์::.
     
  9. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    <a href="http://upicy.com/share-F204_52705585.html"><img src="http://upicy.com/image-F204_52705585.jpg" border="0"></a>​




    ตระกรุดโทน ไขตะกั่วปึ๊ก

    หลวงพ่อภู วัดดอนรัก

    สุดยอดตระกรุดเมืองอ่างทอง

    พระคณาจารย์ยุคอินโดจีน 2485 และพระเกจิอาจารย์ ที่หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน ท่านนับถือมากองค์นึงครับ

    ตระกรุดหลวงพ่อภูวัดดอนรักท่านเป็นพระคณาจารย์ที่ล่ำลือกันมานานตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายด้านมหาอุด คงกระพัน กำบังกาย อย่างยิ่งยวดและเชื่อถือได้อย่างยิ่งครับ ประสบการณ์ ฉกาจฉกรรมากตั้งแต่ครั้งก่อนแต่เมื่อไม่นานมานี้ มีอยู่ครั้งนึงงานสงกรานต์ที่วิเศษฯ จังหวัดอ่างทองวัยรุ่น มีเรื่องกับคู่อริ โดนทั้งปืน มีด แต่ ไม่ระคายผิวครับ ปืนก้เปรียบเช่นกระบองอันนึงอย่างที่หลวงพ่อภู ท่านเคยพูดกับคนที่ไปเช่าตระกรุดของหลวงพ่อภู ว่ามีตระกรุดกูมึงไม่ต้องกลัว เห็นปืนเป็นกระบอง หลวงพ่อท่านมั่นใจในของๆท่านอย่างมากครับ ขนาดโดนจนสลบแต่ผิวหนังไม่มีรอยเลือดครับแค่ยางบอน แต่เสื้อเขากระจุยครับ เสื้อตัวที่ใส่วันนั้นเขาก็เก็บไว้ดูเพื่อนึกถึงอภินิหารของหลวงพ่อภู มาจนวันนี้ และเขามีความมั่นใจในพระเครื่องหลวงพ่อภูอย่างมากครับ เพราะเจอมาขนาดนั้นถ้าไม่มันใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงครับ หลวงพ่อท่าน เป็นคณาจารย์ที่ เหล่าศิษย์สมัยนั้นให้ความนับถือท่านอย่างมาก เอาเป็นว่าตระกรุดท่านถ้าตัวจริงนิยมมากๆ และเป็นที่เล่าลือกันครับ มีอีกรายหนึ่งลุงคนนี้บ้านอยู่เลยวัดศรีกุญชรไปหน่อยเขาเป็นคนชอบลองของครับ มีอะไรดังๆเอามาลองหมด ผมเคยถามเขาว่าตระกรุดหลวงพ่อภูเคยลองไหม ลุงเขาบอกลองมาหมดแล้ว หลวงพ่อภูนี่ลองมารู้เท่าไรจนมั่นใจว่ายิงไม่ออก บางดอกออกแค่ไม้ขีดไฟคือยิงออกแต่ออกแบบฟู่ๆไม่ดัง บางดอกเอาใส่ถุงครับและลองระยะไกล้ๆประมาณฟุตนึง แบบจ่อๆ ปืนนั้นดังครับแต่ลูกไม่รู้ไปทางไหนไม่ถุกถุงเลยแม้แต่น้อย อันนี้เรื่องจริงครับ ไม่มีโม้(แต่ลองแล้วก้เท่ากับไปปรามาสท่าน )แฮ่ๆ ลุงสมคนแถบวัดดอนรัก สมัยก่อนออกล่ากระต่ายป่าคาดตระกรุดหลวงพ่อภูออกไป ยิงกระต่ายยิงเท่ารไก้ไม่ออก สรุปว่าวันนั้นไม่ได้กระต่าย พอไปกราบเรียนหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านบอกว่าวันหลังก้อย่าเอาตระกรุดท่านไป......เสือลบ เสือเฟื่อง ที่เลื่องชื่อสมัยก่อน ก็ยังต้องยอมสยบต่อหลวงพ่อ โดยหลวงพ่อท่านจารเสื้อยันต์ไว้ให้คนละตัว ลงชื่อและ พ.ศ.ไว้ว่า....ของเสือลบ 2487 ของเสือเฟื่อง 2487.....คือจารให้ไว้เมื่อ 2487 ครับ..เสื้อตัวนี้ยังตกอยู่กับคนดอนรัก แต่บอกไม่ได้ เอาเป็นว่าเล่าให้ฟังพอครับ.......

    ตระกรุดหลวงพ่อภูนี้เล่นไม่ยากครับผม ต้องมีประสบการณ์ในการดูครับมีวิธิการดุหลายๆอย่าง รวมทั้งที่ไปที่มาที่ดี ตระกรุดมีทั้งโทนและเอว (ตระกรุดชุด) มีการแบ่งตระกรุดชุดที่ชำรุดออกมาขายเป็นดอกๆ ขายเป็นตระกรุดโทนครับแต่ไม่เหมือนกัน

    เพิ่มเติมครับ ไม่อยากกั๊กมาก อิอิ หลวงพ่อท่านวิชามากมายครับ ดูดวง หาคนหายได้ชงัดนัก การจารตระกรุดของท่านส่วนมากไม่มีใครทราบว่าท่านต้องลงไปจารในสระข้างวัดนะครับ และการดุดวงของท่านต้องดูกลางแจ้ง หากเมฆชนกันจะดูไม่ได้ อันนี้น่าจะเป็นวิชาเฉพาะของท่านและอีกมากมายครับสำหรับหลวงพ่อภูพระคณาจารย์ผู้เรืองเวทท่านนี้


    ขนาด 3 นิ้ว


    ..........บาท พร้อมส่ง


    หลวงพ่อทรงท่านยังมีภาพหลวงพ่อภูไว้บูชาน่ะครับอยู่หัวนอนท่านที่บ้านหลานท่านครับ

    บางท่านนิยมติดในรถยนต์น่ะครับกันได้สารพัดครับ

    หมายเหตุ


    เท่าที่คลุกคลีมาครับตระกรุดท่านอย่างที่บอกว่าดังมานานมากแล้ว คนรุ่นก่อนเขาตัดแบ่งให้ลูกๆถ้ามีลูกหลายคนก็เอาไปคนละดอก สองดอก เพราะทุกดอกท่านจารยันต์ไม่เหมือนกันพุทธคุณ 1 ชุด 12 ดอกก็มีพุทธคุณ 12 อย่างแบบของหลวงพ่อจงครับ ดังนั้น เขาจึงแบ่งกันได้และมประสบการณ์ด้วยครับ ของท่านศักสิทธิ์ขนาดแบ่งจากเอวเป็นดอกๆยังได้ครับ



    ..คาถาคาดตระกรุดโทน..นะโม 3 จบ...อะหัง บังจิตติ เวสสะ ภูสะ......


    คาถาคาดตระกรุดชุด 12 ,13 ,16 ดอก..คาถานี้กว่าจะไดมาเหนื่อยครับ เผยแพร่ครับ..นะโม 3 จบ.. นะอุด นะอัด นะมัด นะผูก นะสังกะโลโฆ นะ โม พุท ธา ยะ.... ถ้าทำด้วยความเชื่อมั่นแล้ว สุดยอดครับเล่าลือกันมาหลายสิบปีทีเดียว


    <a href="http://upicy.com/share-086C_52704F03.html"><img src="http://upicy.com/image-086C_52704F03.jpg" border="0"></a>

    <a href="http://upicy.com/share-54A4_52704F03.html"><img src="http://upicy.com/image-54A4_52704F03.jpg" border="0"></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2013
  10. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    <a href="http://upicy.com/share-4761_52705E5E.html"><img src="http://upicy.com/image-4761_52705E5E.jpg" border="0"></a>​



    ภาพถ่าย ขนาดห้อยคอ

    หลวงปู่แพ วัดกลางราชครูธาราม


    ...........องค์ที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ท่านเป็นพระคณาจารย์ยุคเก่าอีกท่านหนึ่ง ที่ผม และคนในตำบลให้ความศรัทธาและเคารพท่านมาก ท่านเป็นพระที่มีวาจาศักสิทธ์ยิ่งนัก ทั้งอาคมท่านเด็ดขาดและประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของคนในท้องที่ และคนวิเศษฯ จนเป็นที่เล่นหากันโดยทั่วไป เพราะท่านเป็นพระคณาจารย์ที่อยู่ในพื้นที่แถวบ้านผมเอง กล่าวถึงหลวงพ่อแพวัดกลางราชครูธารามตามประวัติที่ผมได้สอบถามมาท่านเกิดเมื่อ พ.ศ.2436 ไม่ทราบว่าท่านบวชกับใคร รู้แต่ว่าท่านเพื่อนท่านอีกองค์หนึ่งคือ หลวงพ่อเปลื่อง ไปเรียนวิชาด้านเสือ แต่ไม่ทราบอาจารย์ เหตุที่ไม่ทราบอาจารย์เพราะไม่มีใครกล้าไปซักท่าน เพราะท่านเป็นพระพูดน้อย และมีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก ความเคร่งของท่านนั้น ขนาดท่านอยู่บนวัดท่านยังห่มจีวรมิได้ขาด ถึงแม้จะเดินมาคุยกับพระลูกวัดท่านก็จะห่มจีวรโดยตลอดจึงทำให้คนเกรงท่านไปเองหลวงพ่อ ท่านเป็นพระคณาจารย์ที่ติดอันดับความเคร่งครัดองค์ต้นๆของจังหวัดอ่างทองในสมัยนั้นด้วยเหตุนี้เองประวัติท่านจึงไม่ค่อยมีคนทราบมากมายนักแต่คนส่วนใหญ่จะมารู้เรื่องขอวัตถุมงคลของท่านมากกว่าเพราะมีประสบการณ์มากและนิยมในท้องที่ เขาจะหวงกันมากครับ เรื่องประสบการณ์จะเล่าต่อไป หลวงพ่อแพท่านมีชื่อเสียงมากพอสมควรในสมัยนั้น คนสามหน่อนาคู คนทางบ้านไผ่วง และผู้คนต่างๆที่ก็ให้ความเคารพท่านอย่างมาก ท่านสร้างทั้งมงคลสวมคอ ตระกรุดหังวัวตายท้องกลม (ต้องนำวัวที่ตายทั้งแม่ลูกโดยธรรมชาติและผ่าเอาลูกวัวออกและเอาหนังมาทำ) และตระกรุดหนังหน้าผากเสือ (ตอนนั้นหน้าผากหายากท่านจึงอนุโลมให้ใช้หนังเสือทั้งหัวเสือเลยมีน้อยครับหนังเสือจะเป็นดอกสั้นๆประมาณนิ้วครึ่ง) ว่านร้อยแปดปั้นเป็นเม็ดเท่ายาลูกกลอน ผ้าขอดมหาอุตม์ รูปถ่าย ทั้งขนาดห้อยคอและภาพบูชา ทุกอย่างล้วนมีประสบการณ์เด่นชัดมากด้านมหาอุตม์คงกระพัน จากที่กล่าวมาแล้วว่าท่านไปเรียนวิชาเสือโดยท่านไปเรียน สองคนกับหลวงพ่อเปลื่อง เรียนคู่กันไว้แก้ทางกันเวลาคับขัน ท่านทั้งสองนี้ทำวิชานี้ได้ขลังยิ่งนักจนเป็นที่กล่าวขานกันว่า ท่านสำเร็จวิชานี้และสามารถแปลงเป้นเสือได้ โดยให้หลวงพ่อเปลื่องทำน้ำมนต์แก้ แต่ว่าตอนที่ท่านมรณะภาพทางกรรมการวัดนำโดย หลวงพ่อหรุ่ม วัดบางจักร หลวงพ่อเล็กวัดทำนบ และกรรมการวัดหลายท่าน ได้ตรวจสอบกุฏิท่าน พบพระเครื่องมากมายอยู่ในไห และพบว่าในย่ามท่านนั้น มีพระเครื่องของพระคณาจารย์ ที่เป้นสหธรรมมิกกับท่านและอาจเกี่ยวเนื่องกับวิชาท่านด้วยที่พบในย่ามท่านมี เหรียญหลวงพ่อเข็มวัดข่อย ปี 2477 เหรียญหลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่า ปี 2466 เหรียญหลวงพ่อจันทร์ วัดบางจักร ปี 2483
    เหรียญหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ปี 2490 เหรียญหลวงพ่อนุ่ม วัดนางในปี 2490 ท่านกลัดติดย่ามท่านไว้ รวมกับพระเครื่องของท่านเองอีกจำนวนหนึ่ง


    กล่าวถึงภาพถ่ายของหลวงพ่อท่านมีความศักสิทธิ์มากครับ ไม่แพ้พระเครื่องของท่าน หลวงพ่อท่านได้ทำภาพถ่ายขนาดห้อยคอและภาพบูชาไว้ไม่มากนักส่วนมากจะเป็นความต้องการของคนในพื้นที่เอง มาขอท่าน(ภาพบูชา) ส่วนภาพขนาดห้อยคอนั้นท่านทำขึ้นแจกจ่ายพร้อมกับสมเด็จเนื้อว่าน สมัยนั้นการที่จะไปขอพระหลวงพ่อแต่ละอย่างนั้นต้องใช้ความพยายามและอดทนมากเพราะจะขอและองค์ท่านจะเทศเป็นชั่วโมง นั่งฟังกันจนหลับแล้วหลับอีก ท่านถึงจะให้ดังนั้นส่วนมากคนจึงไม่ค่อยไปขอท่านมากนักและท่านก็หวงของท่านมากถ้าใครไม่ขอก้จะไม่ให้ ยกเว้นแต่ว่าท่านได้รับนิมนต์ไปฉันเพลที่บ้านนั้นๆท่านก็จะเอาพระไปแจกบ้างเป็นคนไปนะครับไม่ได้ทุกคน อย่างที่กลาวไปแล้วว่าหลวงพ่อท่านเป็นพระพูดน้อยคนจึงเกรงท่าน และวัติปฏิบัติของท่านนั้นเคร่งครัดมาก ขนาดเจ้าคณะจังหวัดในสมัยนั้นยังต้องเกรงใจท่าน ท่านเป็นคนชอบคนจริงและชอบคนมีสัจจะ และท่านจะไม่ค่อยด่าว่าใครเพราะท่านทราบว่าหากพูดอะไรไม่ดีออกไปก็จะเป็นไปตามปากท่าน ลักษณะท่านนั้นเป็นพระผู้ใหญ่ที่น่าเกรงขามตาท่านจะดูดุมากแต่จริงๆแล้วท่านใจดี อยากให้ศิษย์ได้ดีมากว่าท่านจึงสั่งสอน กลับมาที่ภาพถ่ายของท่าน ประสบการณ์นั้นเด่นชัดด้านแคล้วคลาด มีอยู่ครั้งหนึ่งคุณลุงคนนี้ไปทำงานที่กรุงเทพเป็นช่างก่อสร้าง ก็ปีนป่ายไปทำงานในที่สูง ครั้งหนึ่งเขาเอาบันได พาดกับผนังตึกและก็ทำงานต่อไปเรื่อยๆประเหมาะเคราะร้ายอะไรไม่ทราบบันไดที่พาดไว้นั้น เกิดลื่นไหลทำให้เขาตกลงมา แต่โชคร้ายที่ว่าที่ที่เขาทำงานอยู่ตรงกับที่บันไดพาดมีการผูกเหล็กไว้และเหล้กนั้นโด่เด่เต็มไปหมดเขาบอกว่านึกในใจว่าตายแน่และก็เตรียมตัวโดนเหล้กที่อยู่ข้างล่างแทงเต็มที่ แต่ในใจพลางนึกถึงหลวงพ่อแพว่าหลวงพ่อช่วยด้วย ทันใดนั้นพอดีกับที่เขาตกลงมาแต่เขากลับไม่ได้ตกลงบนปลายเหล้กแหลมอย่างที่คิดไว้เขาตกลงเลยจากเหล็กแหลมนั้นไปแค่พอดีช่วงตัวของเขาพอดี จนคนในที่ทำงานประหลาดใจว่าไม่น่าจะรอดได้แน่นอนเพราะเขาตกลงมาตรงเปะเลยกับปลายเหล็กแหลมพอดี คนี่ทำงานจึงถามว่ามีอะไรดีลุงก็เลยโชว์ให้ดู เป็นรูปถ่ายหลวงพ่อแพ วัดกลางครับ อีกเรื่องหนึ่เหตุการณ์ทำนองเดียวกันคนนี้ชื่อพี่ป้อมบ้านอยู่แถวๆบ้านผมนี่หละเขาเป็นเด็กวัดขึ้นไปผูกลำโพง บนต้นสะตือใหญ่ข้างวัด สะตือต้นนี้ใหญ่มากครับสูงจนน่าหวาดเสียว เขาปีนขึ้นไปข้างบนจนถึงที่วางลำโพง เขาก็ทำงานไปเรื่อยๆไกล้จะเสร็จ พอดีเขาเกิดพลาดเหยียบผดไปเหยียบเอากิ่งไม้ผุเข้าทำให้พลาดตกลงมา คิดดูนะครับสะตือต้นนี้สูงไม่ต่ำกว่าตึกสามชั้นนะครับนับจากที่พี่ป้อมอยู่ เขาตกลงมาด้านล่าง แต่ก็อีกนะครับข้างล่างนั้นเขาวางนั่งร้านเวทีไว้เต็มไปหมดเป็นเหล็กทั้งนั้น พี่ป้อมนี่แกตกลงมาระหว่างช่องว่างของเหล็กเวทีพอดี เฉียดกับเหล็กเวทีนิดเดียวนี่เขาเล่าให้ฟังเอง ในใจระหว่างตกลงมาก็นึกถึงหลวงพ่อให้ช่วย และเขาก็รอดมาได้ แต่หากว่าเขาตกลงไปในกองเหล็กจริงๆอย่างที่คิดผมว่าไม่พิการ ก็ต้องหยอดข้าวต้ม หรือไม่ก็ให้อาหารทางสายยางเลยหละครับเพราะสูงมากจากที่เขาหล่อนลงมา เรื่องราวประสบการร์ของหลวงพ่อท่านยังมีอีกมากผมแค่เล่าเอาพอสังเขปเท่านี้ ภาพท่านสามารถกันลมพายุ กันไฟ และกันภูติผีปีศาจได้ดียิ่งนัก


    นานๆจะเจอสักภาพ ประสบการณ์เพียบบบ



    เช่าแล้วครับ



    <a href="http://upicy.com/share-6422_52705DEB.html"><img src="http://upicy.com/image-6422_52705DEB.jpg" border="0"></a><a href="http://upicy.com/share-E980_52705DEB.html"><img src="http://upicy.com/image-E980_52705DEB.jpg" border="0"></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2013
  11. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    <a href="http://upicy.com/share-90A1_52711188.html"><img src="http://upicy.com/image-90A1_52711188.jpg" border="0"></a>​

    ...เหรียญรุ่นแรก เนื้อเงินลงถม พิมพ์ใหญ่ ปี 2490

    หลวงพ่อเต่า วัดน้ำพุสิทธาราม วาจาสิทธิ์ นิ้วเพชร


    เหรียญหลักที่หาของแท้ดุได้ยากมากเหรียญหนึ่งของวิเศษชัยชาญครับ ประสบการณ์โดดเด่นมากด้าน คงกระพัน มหาอุตม์ กันคุณไสย ทำน้ำมนต์กันเสนียดจัญไร สุดย...อดครับ เพราะสมัยท่านทรงสังขารอยู่ ท่านเป็นหมอยารักษาชาวบ้านเป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้เป็นอย่างดี วันหนึ่งๆมีผู้คนมารับการรักษาฟรีจากหลวงพ่อโดยท่านจะตั้งกระบุงไว้หนึ่งลูก ใครจะทำบุญก็ทำไม่ทำท่านก็ไม่ว่า ในแต่ละวันคยนับร้อยครับ บางวันเรือนพัน ท่านฟังไม่ผิดน่ะครับ บางวันนับพันคน งานวัดย่อยๆเลยน่ะครับ และหลวงพ่อท่านมิได้รักษาทีละคนนะครับ ท่านรักษาทีละหนึ่งศาลา คนเต็มศาลา เข้ามาในวงสายสิญหลวงพ่อ ใครถูกของคุณไสยทุกชนิด ออกหมด รักษาฝีที่ว่าเป็นแล้วตาย ท่านรักษาหายขาด ในการรักษาคนแต่ละครั้งหลวงพ่อท่านจะขึ้นนั่งธรรมมาส และใช้นิ้วชี้ของท่านวนที่กระดานในการรักษา เรียกว่านิ้วเพชร หรือวิชาเรียกโรค ที่ท่านฝึกฝนมานับสิบๆปีกว่าสำเร็จได้สขนาดคนเป็นอัมพาต ท่านก็รักษาหายด้วยยาและอาคมท่าน คนถูกคุณไสยพอเข้ามาในวงสายสิญท่านถึงกับต้องอาเจียนออกมาทันที และวิชาที่ผู้คนน้อยนักที่จะทราบว่าหลวงพ่อท่าน เป็นองค์เดียวในวิเศษฯที่เรียนสำเร็จ คือวิชานิ้วเพชร ซึ่งหลวงพ่อท่านได้รับถ่ายทอดจากหลวงพ่อภักดิ์ วัดโบสถ์สุดยอดปรมาจารย์แห่งแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ ชาวบ้านวัดน้ำพุ ทราบกันดีว่านิ้วชี้หลวงพ่อนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะเมื่อมีเรื่องเดือดร้อนอะไรไปหาหลวงพ่อท่านจะใช้นิ้วชี้ท่าน วนที่กระดานที่ท่านนั่ง อาการหรือโรคต่างๆเหล่านั้นที่ปากฏอาการหายไปทันที ผมเองเข้าพื้นที่ลงสืบประวัติมาหลายปีตามแต่เวลาจะอำนวย ทำใให้ทราบและรู้ดีว่าชาวบ้านนับถือหลวงพ่อจากรุ่นสู่รุ่น และเอ่ยถึงหลวงพ่อว่าเป็นหมอเทวดา มีอยู่หลายเรื่องราวที่ได้รับถ่ายทอดไว้แต่เวลาไม่อำนวยมากนักผมจึงเขียนลงเพียงคร่าวๆ เกี่ยวกับประวัติหลวงพ่อท่าน และมีหนังสือบางเล่มเคยลงไว้คร่าวๆแต่ไม่ละเอียดนัก นอกจากการรักษาโรคดุจหมอเทวดาที่ผมได้กล่าวไปแล้วหลวงพ่อท่านยังมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง คือมีอยู่ครั้งหนึ่งมีพวกหมอลาว (พวกนี้เท่าที่ผมทราบ จะชอบลองวิชากับพระคณาจารย์เก่งๆ คือเหมือนตระเวนหากินไปด้วยและลองของไปด้วย อย่างหลวงพ่อแพ วัดกลางท่านก็เคยโดนหมอลาวนี่ลองของ หลวงพ่อจัน วัดบางจักก็ถุกพวกนี้ลองของ และอาจารย์อีกหลายท่านในวิเศษยุคเก่าเท่าที่ผมสืบ พวกหมอลาวนี่ลองมาหลายท่าน แต่ทำอะไรไม่ได้แถมโดนเล่นงานกลับซะอ่วม) มาหาหลวงพ่อ พอมาถึงหลวงพ่อท่านทราบล่วงหน้าอยู่แล้ว ท่านเลยขมวดผ้า จีวรผืนใหญ่และโยนให้ไปลองยิง พวกนั้นพอได้ไปก้ไปลอง ข้างกุฏิพระ ยิงกันเสียงดัง เช๊าะแช๊ะ แต่ไม่ออก ลูกศิษย์หลวงพ่อเห็นพวกนี้ถือปืนในวัดเลยเข้าไปสอบถามตักเตือน หลวงพ่อท่าน เห็นท่านเลยพุดขึ้นว่า อย่าไปยุ่งกับมันไอ้พวกหน้าเลือดนี่ อย่าไปยุ่งกับมัน ..ลูกศิษย์หลวงพ่อจึงผละออกมา ต่างคนก็ต่างแยกย้าย แต่พอพวกหมอลาวเดินแยกย้ายออกไปนั้น เดินผ่านต้นมะพร้าวหลังกุฏิ ทันใดนั้นลูกมะพร้าวล่วงลงมะฟาดหัวแตกเลือดอาบหน้าตาแดงไปหมด เป็นดังคำที่หลวงพ่อพุดว่าไอ้พวกหน้าเลือด ทุกประการ.....วิชามหาประสาน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ลุงแถววัดนั่นหละครับ แกขึ้นไปสุมลอมฟาง หลายๆท่านที่อยู่บ้านนอกควรู้จักดี มีแกนไม้ไผ่ตรงกลาง และสุมสูงขึ้นไปหลายเมตร วันนั้นโชคไม่ดี แกพลัดตกลงมาแขนหัก เลยนึกถึงหลวงพ่อได้ก็มาหา และบอกว่าแขนหักครับหลวงพ่อร้องโอยๆ มาแต่ไกล หลวงพ่อท่านก้เลยถามว่ามึงไปทำอะไรมาถึงได้แขนหัก ลุงแกก้เล่าให้หลวงพ่อฟังว่า ตกจากลอมฟาง พอลวงพ่อท่านได้ฟัง ท่านก็บอกให้ลุงแกหยิบกี่ยา มาวางแขน ที่หัก ระหว่างนั้นหลวงพ่อท่านก็ นั่งบริกรรมคาถาไป เอานิ้วชี้ท่านวนที่กระดาน และก้นั่งคุยไปด้วย พอคุยได้สักพัก หลวงพ่อท่านก้พูดขึ้นมาว่า เอาเฮ้ยคุยนานแล้วกูชักอยากดูดยา ยกกี่ยาให้กุที ลุงแกด้วยความลืมตัว ก้เลยเอาสองมือยกกี่ยาถวายหลวงพ่อ หลวงพ่อบอกเอ้าเฮ้ย ไหนมึงบอกแขนหักไง และยกกี่ยาให้กูได้ไง ..ลุงแกลืมตัว และแปลกใจอย่างมาก ว่าแขนที่หักหายเป้นปลิดทิ้ง ก้มลงกราบหลวงพ่อ ด้วยความดีใจ....ปวดท้องแทนเมีย.... เรื่องนี้ หลวงตาที่วัดน้ำพุเป็นคนประสบด้วยตนเอง คือ เมื่อสมัยที่โยมแม่ท่านตั้งท้องน้องชาย โยมพ่อก้มาหาหลวงพ่อเต่า ขอน้ำมนต์ไปให้โยมแม่หลวงตาท่านดื่ม ให้คลอดง่าย เมื่อก่อนจะเดินทางทางเรือ พอมาถึงวัดก้มกราบหลวงพ่อ ท่านก้ทำน้ำมนต์ให้ เพราะเคยบอกหลวงพ่อไว้แล้วว่าจะมาขอน้ำมนต์ หลวงพ่อท่านก้เรียก โยมพ่อของหลวงตามาไกล้ๆ และเอามือจับไปที่น่องของโยมพ่อหลวงตา และท่านก้กล่าวขึ้นว่า เฮ้ย น่องมึงสวยดีนี่หว่า และเอามือตบไปที่น่อง สองสามครั้ง ....หลังจากนั้นก้ลากลับ หลวงตาท่านก้พายเรือกลับเอาน้ำมนต์ไปให้โยมแม่กินเพื่อคลอดน้องชาย ระหว่างทางโยมพ่อหลวงตาเริ่ม ปวดท้อง พอเรือจอดท่าน้ำ หลวงตาได้ขึ้นเอาน้ำมนต์ไปให้โยมแม่ท่านคนเดียวเพราะพ่อปวดท้อง หลวงตาท่านบอกว่า พอโยมแม่ท่านกินน้ำมนตืเข้าไป ระหว่างคลอดไม่มีเสียงร้องสักแอะ แถมยังคุยกับหมอตำแยขำขันยิ้มแย้ม แต่ที่ดิ้นทุรนทุรายคือพ่อหลวงตาที่อยู่ในเรื่อนั่นเอง....... เรื่องราวยังมีอีกมากครับ ไม่ได้มาโม้ให้ฟัง แต่เอาเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นมาเล่าให้ฟัง ...ว่างๆก็ไปกราบรุปปั้น บนบาน ท่านได้ที่วัดน้ำพุ วิเศษชัยชาญ เมืองแห่ง พระคณาจารยืผู้เรืองวิทยาคม ไม่แพ้ใครครับ รับประกัน...... พระครูธรรมพิริยคุณ (เต่า ธมฺมธโร) เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 10 ค่ำ เดือนยี่ ปีจอ ตรงกับวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2441 ที่บ้านตำบลคลองขนาก อำเภอวิเศษไชยชาญ จังหวัดอ่างทอง เป็นบุตรของ นายเชย มณีโชติ และ นางจันทร์ มณีโชติ ในวัยเด็กได้ศึกษาขั้นต้นจากสำนักเรียนวัดนางชำ จนเมื่ออายุได้ 15 ปี บรรพชาเป็นสามเณร ปี พ.ศ.2461 อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดนางชำ โดยมีพระครูสุกิจวิชาญ เจ้าคณะอำเภอวิเศษไชยชาญ เจ้าอาวาสวัดข่อย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์จันทร์ วัดบางจักร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูวิเศษชัยสิทธิ์ วัดอ่างทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ อุปสมบทแล้วมาจำพรรษาที่วัดนางชำ ทำการสอนภาษาไทยได้ 1 พรรษา ก็ขอพักเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม ศึกษาอยู่ 3 ปี จึงย้ายไปศึกษาต่อยังวัดมหาธาตุฯ กรุงเทพมหานครในปี พ.ศ.2465 จนถึงปี พ.ศ.2471 ก็ย้ายมายังวัดอ่างทอง และเข้าสอบนักธรรมเอกและบาลีประโยค 3 ได้ในปีนั้น จากนั้นในปี พ.ศ.2474 เมื่อทางวัดน้ำพุว่างตำแหน่งเจ้าอาวาส ชาวบ้านได้พากันนิมนต์ให้ พระครูธรรมพิริยคุณ (เต่า ธมฺมธโร) มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ปี พ.ศ.2480 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรที่พระครูธรรมพิริยคุณ ปีรุ่งขึ้นก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอวิเศษไชยชาญ และมรณภาพลงเมื่อปี พ.ศ.2499 เหรียญหลวงพ่อเต่า ท่านจัดสร้างด้วยกัน สามแบบ สามครั้งในปีเดียวกัน เนื่องจากไม่พอต่อความต้องการของประชาชนและลูกศิษยืหลวงพ่อ ซึ่งทั้งหมดสามครั้งหลวงพ่อเสกไว้อย่างทิ้งทวน จำนวน ทั้งหมด 1500 เหรียญซึ่งทำครั้งละ 500 เหรียญ ครั้งแรก ออกให้ทำบุญที่วัดวันอุทิศให้ทำบุญเหรียญละ 20 บาทซึ่งสมัยนั้น แพงงงเอาเรื่อง เอาเป็นว่าให้ทราบคร่าวๆครับ เพราะไม่แยกเรื่องราคา พิมพ์ใหญ่ขอให้แท้ ราคาเท่ากัน พิมพืเล็กซึ่งสร้างครั้งสุดท้าย ราคาห่างกันนิดหน่อย..........ถ้าชอบลองสอบถามดูครับ


    ราคาตามสภาพครับ.......45,000 บาท พร้อมส่ง




    <a href="http://upicy.com/share-287E_52711332.html"><img src="http://upicy.com/image-287E_52711332.jpg" border="0"></a><a href="http://upicy.com/share-2206_52711332.html"><img src="http://upicy.com/image-2206_52711332.jpg" border="0"></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2013
  12. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ



    <a href="http://upicy.com/share-03C8_52719630.html"><img src="http://upicy.com/image-03C8_52719630.jpg" border="0"></a>
     
  13. หมีเมืองนนท์

    หมีเมืองนนท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,711
    ค่าพลัง:
    +2,534
    ติดตามชม เซียนใหญ่ตาลายไปหมดเยอะจิงๆ มีอันไหนแจกบ้างคับ
     
  14. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    สวัสดีครับอาจารย์ หายไปเลยนะครับช่วงนี้
     
  15. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    [​IMG]
    พระนางเสาร์ห้า หล่อโบราณ



    <a href="http://upicy.com/share-49C6_5272512F.html"><img src="http://upicy.com/image-49C6_5272512F.jpg" border="0"></a>
    <a href="http://upicy.com/share-A968_5272512F.html"><img src="http://upicy.com/image-A968_5272512F.jpg" border="0"></a>


    หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน วิเศษฯ


    หายากกว่าของหลวงพ่อคำครับ


    พระชุดนี้หลวงพ่อนุ่มท่านได้ทำการหล่อเองภายในวัดครับประมาณปี 24กว่าๆครับ ท่านเป็นประธานจับสายสิญเททองและตบแต่งกันภายในวัด องค์นี้ที่มาแจ่มจรัสครับและดูง่ายสบายตาด้วยครับ พิมพ์นี้นิยมเล่นกันเป็นสากลครับในสายนี้ ประสบการณ์ฉกาจฉกรรด้านมหาอุตม์คงกระพัน และแคล้วคลาดอย่างยิ่งครับ


    สภาพใช้มาพอควรครับ




    ราคาสอบถามครับ
     
  16. หมีเมืองนนท์

    หมีเมืองนนท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,711
    ค่าพลัง:
    +2,534
    กินหลายตำแหน่งก็แบบนี้ สงใสจะยกบริษัทให้ ก็เข้าทักทายนะงานเยอะมากดีมากกก
     
  17. tuaang

    tuaang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    818
    ค่าพลัง:
    +1,634
    น้องเบน อุ๊ปไม่ใช่ ต้องเรียกเสี่ยเบน
    เจอะเจอคู้สลอด บอกได้นะครับ.รอ ล้อ รอ ครับ
     
  18. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514

    รับทราบครับพี่ปู น้องเบ็นชื่อจริงครับ. เสี่ยเบนนั่นเขาเรียกกันเล่นๆครับ555
     
  19. benay

    benay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    12,221
    ค่าพลัง:
    +15,514
    เบี้ยแก้ หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง หายากครับ

    เบี้ยแก้หลวงพ่อโปร่ง พบน้อย วัดท่าช้าง หายากมาก พระคณาจารย์เก่าๆสายอ่างทอง หลวงพ่อโปร่งวัดท่าช้าง ท่านนี้เก่งมากครับด้านเบี้ยแก้ด้วยครับเป็นพระยุคเดียวกับหลวงพ่อคำวัดโพธิ์ปล้ำ แต่หลวงพ่อโปร่งท่านอายุน้อยกว่า หลวงพ่อโปร่งท่านเป็นพระหมอยารักษาคนบ้าคนถูกคุณไสย มีอยู่ครั้งหนึ่งคนบ้าที่มาให้ท่านรักษาเกิดคลุ้มคลั่ง คว้ามีดล็อคคอหลวงพ่อแล้วปาดคอหลวงพ่อเลยครับ แต่ท่านไม่เป้นไรเลยและท่านก็ไม่โกรธคนบ้าคนนั้นด้วย(เจ้าอาวาสวัดท่าช้างองค์ปัจจุบันท่านเล่าให้ฟังครับ)หลวงพ่อโปร่งท่านเป็นที่นับถือของคนละแวกวัดเป็นอย่างมากเพราะเขาได้รู้เห็นมาโดยตลอดว่าท่านเป็นอย่างไร แต่คนไม่นำประวัติท่านมาเผยแพร่มากนักเลยและก็ไม่มีคนเชียร์ท่านด้วย พาลทำให้คนนอกไม่รู้จักท่านไป จริงๆแล้วท่านเก่งมากครับ และหลังจากท่านมรณะภาพ ท่านก็ไม่เน่าเปื่อยครับ สังขารท่านยังอยู่ที่วัดจนปัจจุบันครับ ประสบการณ์ที่เขาพบกันก็คงกระพัน แคล้วคลาดเด่นชัดมากๆครับ เป็นพรtคณาจารย์สายอ่างทองที่เก่งมากองค์หนึ่ง คลาสสิคครับ เบี้ยแก้ของท่านในหมู่ลูกศิษย์เจอกันมาเยอะครับ คนไกล้เท่านั้นที่ทราบ พุทธคุณเกินบรรยายครับ แถมหายาก หลวงพ่อทรงท่านนับถือหลวงพ่อโปร่ง มากน่ะครับ เห้นว่าท่านเอ่ยถึงหลวงพ่อโปร่งบ่อยๆ ราคา สอบถามด่วน ของดีไปไว อิอิ ช่วงนี้ของหายากครับ ประกันแท้ตลอดชีพ ถ้าไม่ใช่หลวงพ่อโปร่งจะคืนเงินให้สองเท่าของราคาที่เช่าไปครับ ใช้เป้นแนวทางการเล่นเบี้ยเก่าได้ครับ เล่นเบี้ยต้องเน้นดุง่าย ชันไม่ซ่อม แล้วท่านจะปลอดภัย จากของเก๊..


    สวยงาม เดิมๆไม่ได้ใช้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled-2.jpg
      Untitled-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.5 KB
      เปิดดู:
      46
    • Untitled-10.jpg
      Untitled-10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.7 KB
      เปิดดู:
      74
  20. วรัท

    วรัท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    505
    ค่าพลัง:
    +2,387
    ถ้ายังไม่มคนจองผ้ายันต์ ขอจองค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...