จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ขอน้อมกราบนมัสการหลวงพ่อ เยื้อน ขันติพโล(พระไพศาลศาสนกิจ)
ท่านได้เดินทางข้ามนํ้า ข้ามทะเลมา เพื่อสงเคาระห์ ลูกศิษย์ท่านที่ประเทศอังกฤษค่ะ

ขอกราบอนุญาติเล่าธรรมะของท่าน ที่ได้เทศน์โปรดญาติโยมตามนี้
ก่อนนั่งสมาธิ ท่านได้ให้นํานํ้ามาดืม ที่มีความเย็นมาดืม คนละแก้ว
แล้วท่านก็กล่าวว่า การจะทําให้จิตนิ่งนั้น ต้องมีหลัก คือในที่นี่
จิตต้องรู้ว่าหลักเสาร์ อยู่ตรงไหน?

ถ้าไม่รู้ก็ไปคิดปรุงแต่งเรื่องราวต่างๆนาๆ ในอคีดที่ผ่านมาแล้ว และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
นั้นคือ ธรรมชาติของจิต ห้ามไม่ได้ ท่านจึงให้ดืมนํ้า
และจับเอาความรู้สึก
ของความเย็นนั้นว่าลงไปถึงจุดไหน คือ ตามความเย็นไป แล้วทําสติรู้อยู่กับความเย็นนั้น
คือไม่ให้จิตส่งออกนอกนั้นเอง...

ท่านกล่าวไว้ว่าตอนท่านบวช ท่านเป็นพระที่ไม่รู้หนังสืออ่านไม่ออก
ท่านก็เอาความเย็นนี่แหละเป็นตัวภาวนา ท่านจิตลงดิ่งไปถึงฐานที่เจ็ด

โดยไม่ต้องแยกแยะอะไร ท่านเข้าสมาธิจนไม่สามารถออกจากสมาธิได้
เพราะท่านไม่รู้วิธีออก แล้วหลวงปู่ดุลย์ ท่านก็บอกวิธีออกให้ท่าน
แล้วท่านก็เข้าไปถึง ความว่าง คือวางแบบโลกุตละ แล้ว
หลวงปู่ดุลย์ก็ได้ส่งท่านไปหาองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านใช้เวลา
อยู่ที่นั้นท่านเป็นพระที่ซื่อตรงมากๆ คือ ท่านไม่มีตัวตน องค์หลวงตาจะใช้
ท่านทําอะไร

ท่านก็ทําตามแบบว่านอนสอนง่ายเลยที่เดียว พอท่านได้รู้ธรรมเห็นธรรม
จิตท่านจะรู้หมดรอบ เพราะท่านตัดสังขารของท่านได้ตั้งแต่การบวชของวันที่สอง
ที่ท่านได้รู้ธรรม เห็นธรรมแล้วจิตท่านบอกว่าถ้าเราไม่มีกิเลสแล้ว
เราก็ไม่ต้องไปตัดกิเลส เพราะเราแค่เป็นผู้ดู อย่างเดียว

ท่านบอกว่า การแสดงธรรมท่าน เพื่อต้องการให้ผู้ฟังเห็นธรรม รู้ธรรมตามเท่านั้น
ท่านก็พอใจ ท่านเคยคิดจะละสังขารท่านไปตั้งนานแล้ว แต่จิตบอกท่าน
มีคนอีกเยอะที่รอท่านอยู่ ยังไปไม่ได้ การแสดงธรรมของท่าน เน้น ตัวสติ
และความหลุดพ้น เป็นถ่ายเดียว และผู้ฟังอย่างข้าพเจ้านี่ ถึงใจสุดๆ
ไม่ลดสายตาจากท่านเลย

ข้าพเจ้าขอนํามา แบ่งปันให้ทุกๆท่านได้นําไปทดลองดู ว่าการดืมนํ้าที่เย็นสักหนึ่งแก้ว
แล้วเอาสติไปจับไว้ ที่ความเย็นก็เหมือนเรารู้อยู่ตลอดเวลา ว่าความเย็นอยู่ตรงไหน
แล้วความเย็นหายไปเมื่อไหร่ แล้วตอนนี่ความรู้สึก นํ้าอยู่ตรงจุดใด นั้นก็ลองทําดู
ก็ไม่ต่างกับการที่เราจับภาพพระ หรือ"จิตเกาะพระ" นั้นเอง
แต่การดืมนํ้านั้นเราได้สัมผัส
แต่การจับภาพพระนั้นอาจจะยากสําหรับคนที่ยังไม่สติต่อเนื่องพอค่ะ และในโอกาสนี้

ข้าพเจ้าขอกุศลผลบุญใดๆที่ข้าพเจ้าได้ทําไปแล้ว
ขอบุญบารมีทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้สะสมมาจง บันดลบันดาลให้ท่านทั้งหลาย
จงเป็นผู้มีความสุข กาย สุขใจอยู่ทุกเมื่อด้วยเทอญ สาธุค่ะ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อเยื้อนที่เคารพเจ้าค่ะ...สาธุๆๆ _/\_ _/\_ _/\_

 

ขอน้อมจิต กราบพระคุณเจ้า หลวงพ่อเยื้อน ที่เคารพเจ้าค่ะ ...กราบ กราบ กราบ

โมทนาสาธุในธรรมทาน ที่คุณเพ็ญ ได้รับฟังพระธรรมเทศนาของท่าน หลวงพ่อเยื้อน
แล้วนำมาแบ่งปันให้พวกเราได้อ่านเหมือนกับได้ไปนั่งฟังท่านด้วยตนเองเลยทีเดียว...นับเป็นการแบ่งปันที่มีคุณค่ายิ่ง
ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ คุณเพ็ญ

สาธุค่ะ

 

หลวงพ่อเยื้อนบอกเล่าประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของท่านค่ะ

เสียงธรรม พระอาจารย์เยื้อน ขันติพโล
วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร จ.สุรินทร์​

ขอย้ำว่า...ห้ามพลาด !!
ได้ความรู้ผสมความฮาาาาาาค่ะ..^^​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=YFUztvh6bPs&feature=em-share_video_user]การปฏิบัติธรรมของอาตมา บรรยาย พระอาจารย์เยื้อน ขันติพโล - YouTube[/ame]

หลวงพ่อ ถาม-ตอบ คำถาม​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=KNd9h1PkH3o&feature=em-share_video_user]การปฏิบัติธรรมของอาตมา ถาม ตอบ พระอาจารย์เยื้อน ขันติพโล - YouTube[/ame]

 

น้อมกราบหลวงปู่ตื้อเจ้าค่ะ...
ท่านมีเมตตากับดวงจิตโง่ๆดวงนี้มาก -/\-
กราบ กราบ กราบ _/\_ _/\_ _/\_ สาธุๆๆ

 

เรื่อง การห้ามจิตคิดชั่ว ห้ามไม่ได้แต่ ห้ามไม่ให้คิดคล้อยตามได้


ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนา โดย ท่านจิตโต...​

จิตยังอยู่กับกาย ไม่มีวันที่จะทำให้จิตดวงนี้ดีได้ตลอดเวลา คิดดีได้ตลอดเวลา จำแต่สิ่งดี ๆ ได้ตลอดเวลา
มีอารมณ์เป็นสุขได้ตลอดเวลา อย่าไปหวัง สิ้นหวังแล้วนะ ไม่ต้องหวัง ถ้าร่างกายยังมีอยู่ไม่ต้องหวัง
แล้วยิ่งร่างกายมันช่วงนี้ด้วยนะ กระแสที่มีความวุ่นวายรุนแรงเกิดขึ้น ยิ่งจะทำให้จิตของเธอเนี่ยกระสับกระส่ายมากกว่าเดิม
กรรมก็แรง ในเวลาเดียวกัน บุญก็แรง

ยกตัวอย่างว่าสมัยหลวงพ่อน่ะ ถ้าเธอเคยอ่านหนังสือปฏิปทาท่านผู้เฒ่า ก่อนที่ ... สมัยที่ท่านยังศึกษาอยู่ยังไม่จบกิจ
ที่ท่านปฏิบัติที่วัดโพธิ์กระมัง ...ถ้าจำไม่ผิดน่ะนะ เวลาจะได้ดีขึ้นมา มันจะต้องมีอะไรกระทบแรงมาก ทุกครั้งเวลาท่านได้ดี
แต่ละคราวเนี่ยมันจะต้องมีเรื่องราวอะไรแรง ๆ มาหาท่าน โหมเข้ามาโหมเข้ามา แต่ว่าท่านมีความมั่นคงในการปฏิบัติ ใช่มั้ย?
ครูบาอาจารย์สอนอย่างไรท่านก็เคร่งครัดในการปฏิบัติอย่างนั้น ท่านไม่เคยทิ้งสมาธิ ไม่เคยทิ้งในการควบคุมใจของท่าน
งั้นโอกาสที่ท่านจะได้ขัดเกลาจิตใจของท่านไปในทางที่ดีน่ะ มีสูง มีกระทบก็แรงขึ้น แรง ๆ รอบตัวท่านนะไม่มีใครเป็นมิตร
มีแต่วาจากล่าวจาบจ้วงตลอดเวลา ประทุษร้ายท่านอย่างนั้น ประทุษร้ายท่านอย่างนี้ ไม่มีวาจาดีให้ท่านได้ยินได้ฟังเลย
ท่านอยู่โดดเดี่ยวอยู่องค์เดียว ในสถานที่ที่ทุกคนน่ะห้อมล้อมด้วยการคิดแบบจะปองร้ายท่าน คิดร้ายท่าน
กล่าววาจาจาบจ้วงท่าน ตำหนิติเตียนท่านตลอด ขับไล่ท่านทำทุกอย่างเลยแหละ

แต่ สิ่งที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับท่านกลับเป็นผลดีให้ท่านน่ะ หนักแน่น แล้วก็ชนะกับบุคคลเหล่า ๆ นั้น
จนท่านไม่หวั่นไหวและสั่นสะเทือนกับสิ่งที่บุคคลเหล่านั้นจะทำอะไรท่านเลย ...นี่ครูบาอาจารย์ของเราก็เจอแบบนี้มานะ กว่าจะได้อะไร
มันก็มีเรื่องเข้ามาให้ท่านต้องรบกวนจิตใจอย่างแรง ท่านถึงจะเกิดมรรคเกิดผล

เราทุกคนก็ไม่อยากเจอแบบท่านหรอกนะ เพียงแต่จะเปรียบเทียบให้ฟังว่า สมัยนี้เริ่มแล้วนะ มันเริ่มแบบลักษณะคล้าย ๆ อย่างนี้
แล้วเธอจะต้องถูกกระทบในรอบตัวที่เธอคาดไม่ถึง คนที่ไม่เคยกระทบเธอเลยนั่นแหละ จะมากระทบตัวเธอเอง
คนที่ดีกับเธอมานานแสนนาน ก็จะมีวาจากระทบใจเธอได้อย่างง่ายดาย จนเธอคาดคิดไม่ถึงว่า อะไรกันนี่ ....


เรามีวิธีปฏิบัติเพียง อย่างเดียวว่า เราไม่คล้อยตาม เข้าใจคำว่าไม่คล้อยตามมั้ย? ไม่คิดตามต่อ ไม่คิดต่อไป

บางเวลามันคิดไม่ดี ก็รีบคิดว่า นี่!!! มันคิดไม่ดี มันเกิดแล้ว ไม่ต้องไปหนักใจมัน มันไม่ดีไม่เป็นไร แต่เราจะไม่คิดตามมันไป
ไม่เอามันมาเป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่จะคล้อยตาม ยินดีตามมันไป กลับดึงใจมันกลับมาว่า ไม่ได้!!! เอ็งคิดอย่างนี้ไม่ถูก ลองตั้งสตินึกนับหนึ่งกันใหม่สิ
แล้วเริ่มต้นคิดใหม่สิว่า ไอ้ที่คิดมันถูกหรือไม่ถูก สงบใจลงไปใหม่สิ
แบบนี้แหละนะ เค้าเรียกว่า จิตตานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน ... เหมือนมั้ย? เอาให้เหมือนให้ได้

แต่ จะเรียกว่าอะไรก็ช่างเถอะนะ เรื่องของตำรา เราเป็นนักปฏิบัติไม่ใช่นักเกาะตำรา เอาความจริงเข้าว่า
เป็นความจริงที่ปรากฏกับเธอทุกคนเช่นนี้หรือเปล่า เป็นมั้ย? .... เป็น!!!
งั้นเป็นเธอต้องยอมรับนับถือก่อนว่า ไม่มีใคร ทำให้ใจของตนน่ะคิดดีได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่มีใครทำให้อารมณ์ใจของท่าน
สามารถจะแช่มชื่นได้ตลอดทั้งวันทั้งคืนได้ ตราบใดที่ยังมีร่างกายอยู่ เป็นไปไม่ได้!!! ไม่ได้ก็คือไม่ได้ นะ...อย่าฝืน

ในเมื่อเป็นความ จริงที่ไม่สามารถทำให้มันเป็นตามใจเราได้ ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นไปไม่ได้ ... ยอมรับมั้ย?
ต้องยอมรับมันก่อนนะว่า เราไม่สามารถที่จะทำสิ่งนี้ ให้มันดีได้ตลอดเวลา ให้มันมีอารมณ์โปร่งได้ตลอดเวลา เป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่ร่างกายมีอยู่
ไม่มีทาง!!! เราจึงมีหน้าที่เพียงแค่ว่า ไม่คล้อยตาม อันนี้แหละสำคัญที่องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงชี้ให้เราได้เห็นว่าจงอย่าได้ปรุงแต่ง ภาษาพระเรียก "ปรุงแต่ง" หมายความว่า คิดตาม ยินดี คล้อยตามมันไป

ท่านผู้รู้มีสติดีมากจน ถึงขึ้นบริสุทธิ์แล้ว คิดไปดีก็ไม่ปรุงแต่งตาม คิดไปไม่ดีก็ไม่ปรุงแต่งตาม คือไม่ไปทั้งยินดีและยินร้ายทั้งสองอย่าง
เพราะเห็นว่าสิ่งนี้ไม่มีสาระที่จะต้องไปตามอะไรกับมัน มันเป็นเรื่องของร่างกาย เราต้องการเพียงแค่พ้นจากร่างกายนี้ไป อยู่ยังไง?
ก็อยู่อย่างเฉย ๆ รู้ความจริงมันคืออะไรก็ปล่อยมันไป พระท่านมักจะพูดว่า "เกิดแล้วก็ดับ" ไม่มีอะไร กว่าจะพูดคำนี้ได้นี่ ก็ล่อมาหลายอสงไขยนะ

งั้น วันนี้ขอเน้นเรื่องเดียว เพราะนับแต่นี้เป็นต้นไป ปีนี้ เธอจะต้องผจญกับอารมณ์ที่กระทบมากขึ้น กว่าที่เคยผ่านมา
ขอยืนยันว่าเธอทุกคนจะต้องผ่านสิ่งเหล่า ๆ นี้ กำลังใจของเธอต้องหนักแน่นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าในปีก่อน ๆ
ปีนี้เธอต้องหนักแน่นกว่าเดิม ต้องฉลาดกว่าเดิม ถ้าเธอแย่กว่าเดิมล่ะก็ .... แย่กว่าเดิมแล้วเป็นยังไง? เสร็จ!!!! นะ เสร็จแน่ ๆ
ฉันไม่ได้พยากรณ์นะแต่เป็นการคิดเอาเอง ... คิดเอาเอง นึกเอาเอง คิดเอา อย่าเพิ่งเชื่อนะ เพราะนี่เป็นเรื่องของการนึกเอาเอง คิดเอาเองนะ

ก็ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป มันจะมีแต่ความวุ่นวายรุกเร้าเข้ามาในใจของทุกคน มันเป็นกระแสของความเร่าร้อน จะเกิดขึ้น หุนหันพลันแล่นโดยเฉียบพลัน
ความคิดแปรปรวนไปในทางลบมากกว่าทางบวก คือทางดีน่ะไม่ค่อยคิด มันจะไปในทางไม่ค่อยจะดีมากกว่า
เธอต้องเตรียมใจได้แล้วว่า ถ้าเราไม่โง่เราก็สู้ได้ แต่ถ้าเราโง่เราก็จะเดือดร้อน

 

Hello ! Everyone...

Have a nice weekend...


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 33 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 29 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
Natcha@uk, Mx5_Mk4, kongkiatm, Golden Sky​

 

...ลูกขอน้อมกราบหลวงพ่อเยี้อนด้วยความเคารพ และกราบน้อมรับพระ

พระธรรมคำสั่งสอนขององค์ท่านมาปฏิบัติ และขออนุโมทนากับคุณเพ็ญค่ะ

ที่ได้นำธรรมะของท่านมาพวกเราได้นำมาปฏิบัติพระธรรมคำสอนของท่านที่

คุณเพ็ญได้เมตตานำมานี้ นี่ก็เป็นบุญของผู้เขียนถึงแม้ว่าไม่ได้ไปกราบท่านนะ

ที่นั้น แต่เมื่อทราบว่าท่านจะมาโปรดญาติโยมที่วัดสันติวงศารามใจของผู้เขียน

ก็อยู่ที่นั่นแล้ว ก็ถือว่าเป็นบุญนะที่คุณเพ็ญได้นำมาลงในกระทู้ขออนุโมทนาค่ะ

...และขออนุโมทนากับทุกๆท่านที่ได้ไปกราบท่าน และได้รู้จิตของตนเอง

-และขออนุโมทนาที่ท่านได้รู้ธรรมเห็นธรรมอนุโมทนาสาธุ...

...ลูกขอน้อมกราบนมัสการและขอบพระคุณในธรรมะธรรมทานค่ะกราบๆๆ

 

ขอกราบด้วยครับ และ"ขออนุโมทนาในกุศลอันดีงาม"ทุกๆประการครับ ...

... ^_^ ...
... _/\_ ...

 

คุณรู้กันหรือไม่ว่าเกศาของท่านหลวงตาเยื้อนตอนนี้น่าจะเป็นพระธาตุ สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นแล้ว เพราะก่อนนี้ สองถึงสามปีที่แล้ว จากภาพที่ผมมี เป็นพระธาตุไปแล้วครึ่งหนึ่ง (ติดไว้ในรถ)เป็นเครื่องยืนยันอะไรบางอย่างที่วิทยาศาสตร์ไร้คำอธิบาย เคยไปหาท่านที่วัดแต่ท่านไม่ค่อยอยู่ไปต่างประเทศตลอดน่าเสียดาย แต่ก็ดีใจที่อยู่อำเภอเดียวกันกับท่านคงจะมีโอกาสได้พบท่านอีก แต่ก็น่าแปลก วัดของท่านห่างบ้านผมราวๆ ๑๐ กว่ากิโล และวัดหลวงปู่ดุลย์ ก็ห่างจากที่ทำงานปัจจุบัน ๑๐ กว่ากิโลเหมือนกัน

 

...สาธุขออนุโมทนาค่ะ ที่ท่านได้นำมาเล่าสู่กันฟัง ท่านมาถึงอังกฤษ แต่

ผู้เขียนก็ไม่มีโอกาสได้ไปกราบท่าน แต่เมื่อทราบว่าท่านมาที่วัดสันติวงศาราม

ใจก็จดจ่ออยู่ที่นั่นแล้ว ถึงแม้ไม่ได้ไปกราบท่านแต่ก็มีความรู้สึกเหมือนได้ไป

กราบท่าน เพราะมีหลายอย่างที่ทำให้ได้รู้ได้เห็น โดยเฉพาะ พระธรรมคำสั่ง

สอนขององค์ท่าน น้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนขององค์ท่านค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ

...กราบนมัสการหลวงตาเยื้อนเจ้าค่กราบ กราบ กราบ

 

...ผู้บำเพ็ญเพียร มุ่งดับทุกข์ มิได้แก้ทุกข์...

...เพราะทุกข์นั้น ยิ่งแก้เท่าไร ก็ยิ่งเพิ่มทุกข์ รัดแน่นขึ้นไปเรื่อย ๆ...

...เพราะผู้บำเพ็ญเพียร นั้น เพียรแต่ หาทุกข์ใส่ตัว...

...เพราะไม่บำเพ็ญเพียรในทางที่ พระพุทธเจ้าท่านได้ทรงสอน...

...การบำเพ็ญนั้น ต้องทำด้วยใจศรัทธา ทำความดี ปฏิบัติในสิ่งที่ดี...

...ทำความดีโดยไม่มีข้อแม้...ไม่มีเงื่อนไข...ไม่มีข้อต่อรอง จึงจะเป็นบารมี...

...เมื่อทำความดีแล้ว ความดีทีเราได้ทำมาอย่างต่อเนื่องนั้นจะส่งผลบุญมาเอง

...ผู้ที่ทำนั้นจึงจะรู้ผล และเห็นผลด้วยตนเองค่ะสาธุ ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านค่ะ...

 

...หลวงพ่อปาน โสนันโท ท่านสอนไว้ว่า...

...ความรีบร้อน คือ เครื่องหมายจิตที่อ่อนแอ...

...ความฉับไว คือ เครื่องหมายของจิตใจที่เข้มแข็ง...

...คนทำบาป (ทำความชั่ว) ถึงกายจะสบาย มั่งมีศรีสุข...

...แต่ใจหาความสุขมิได้...

...น้อมกราบหลวงพ่อปานด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ...

 

เป็นจริงดั่งที่คุณ mzbot เล่ามาเลย...เข้าไปเจอใน Youtube หลวงพ่อเยื้อนท่านได้อธิบายเรื่องที่เกศาของท่านกลายเป็นพระธาตุไว้ค่ะ

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=rh9eSYmXx54"]http://www.youtube.com/watch?v=rh9eSYmXx54[/ame]

รวมภาพถ่าย เกศา หลวงพ่อเยื้อน เป็นธรรมธาตุ เพราะผลของการฝึกจิต | หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล ว�​

 

ประวัติหลวงพ่อเยื้อน ขันติพะโลok.flv - YouTube

พระอริยสงฆ์
พระพิศาลศาสนกิจ
(พระอาจารย์เยื้อน ขนฺติพโล)
เมื่อปี 2549ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ "พระพิศาลศาสนกิจ"
เป็นเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร อำเภอบัวเชด
เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ดุลย์และหลวงตามหาบัว
ปัจจุบันท่านทำงานอนุป่าไม้อย่างต่อเนื่อง ร่วมกับทหารพรานจากกองกำลังสุรนารี
และตำรวจตระเวนชายแดนมาอยู่ประจำวัดเขาศาลาฯ เพื่อพิทักษ์ป่าฯ
[เจ้าคณะจังหวัด แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 เวลา 14:39 น.]
http://th.wikipedia.org/wiki/เจ้าคณะจังหวัด

ลูกขอน้อมจิตก้มกราบหลวงพ่อเยื้อนฯ ด้วยเศียรเกล้า สาธุๆๆ
ฟังดูแล้วท่านก็มีเจ้ากรรมนายเวรคอยขัดขวางทุกอย่าง
ก็เลยหวนกลับระลึกนึกถึงหลวงพ่อฤาษีฯของพวกเรา

"มารบ่มีบารมีบ่อเกิด"

ผมก็เลยนำมาลงให้พวกเราได้รู้จักกันว่า..
จะสามารถผ่านขันติบารมีของท่านอย่างไร

ก็อย่างนี้แหล่ะ ถ้าบุคคลใดได้มรรคผลแล้ว ก็จะต้องเดินผ่านกรรมของตนให้ได้
ถ้าจิตธรรมดาๆ ยิ่งเอาสังขาร คือคิดปรุงแต่งของตนเป็นตัวเป็นตนด้วยแล้ว
คำว่า นิพพาน จะไปถึงกันได้อย่างไร

ขอโมทนาสาธุกับคุณGolden Sky คุณPugsleyที่ช่วยกันนำเสนอด้วยครับ ​

 

ลูกขอน้อมจิตก้มกราบหลวงพ่อเยื้อนฯ ด้วยเศียรเกล้า สาธุๆๆ
ฟังดูแล้วท่านก็มีเจ้ากรรมนายเวรคอยขัดขวางทุกอย่าง
ก็เลยหวนกลับระลึกนึกถึงหลวงพ่อฤาษีฯของพวกเรา

"มารบ่มีบารมีบ่อเกิด"

ผมก็เลยนำมาลงให้พวกเราได้รู้จักกันว่า..
จะสามารถผ่านขันติบารมีของท่านอย่างไร

ก็อย่างนี้แหล่ะ ถ้าบุคคลใดได้มรรคผลแล้ว ก็จะต้องเดินผ่านกรรมของตนให้ได้
ถ้าจิตธรรมดาๆ ยิ่งเอาสังขาร คือคิดปรุงแต่งของตนเป็นตัวเป็นตนด้วยแล้ว
คำว่า นิพพาน จะไปถึงกันได้อย่างไร


สาธุค่ะครูพี่ภู ท่านกล่าวถูกต้องเลย ถ้าเราไม่ต่อสู้กับ มารภายในของเราก่อน มีหรือ? ที่เราจะสามารถต่อสู้กับมารภายนอกได้ เพราะเราไม่แข็งแกร่งพอก็หมดทางที่จะเอาชนะมารได้ อีกอย่างหนึ่งที่ครูพี่ภู ได้หวนไปนึกถึง หลวงพ่อฤาษีลิงดํานั้น หนูก็เกิดอาการคิดถึงหลวงพ่อฤาษีมากๆ ขณะนั่งฟังเทศน์ของท่าน จิตบอกว่า"ทําไมนะท่านถึงได้คล้ายหลวงพ่อฤาษีจัง" ยิ่งการแสดงธรรม และท่าทางของท่านด้วย ยิ่งเหมือน แต่เราก็ยังไม่เคยเห็นตัวจริงของหลวงฤาษีเห็นแต่ใน youtupe เพราะฟังเทศน์ของท่าน แต่จิตคิดอย่างนั้นเลย พอครูพี่ภูมาพูดอย่างนี้ จึงต้องขอเล่าความในใจว่า ท่านเหมือนหลวงฤาษีลิงดํามาก แม้แต่ท่านั่งเลยนะค่ะ ขอกราบขอบพระคุณ ครูพี่ภู ที่นําประวัติท่านมาลง และขออนุโมทนาสาธุค่ะ

ลูกขอน้อมกราบหลวงพ่อ เยื้อน ขันติพโล ด้วย กาย วาจา และใจ และจะน้อมนําธรรมที่ได้รู้มาปฏิบัติตาม ด้วยเศียรเกล้าค่ะ

 

สาธุ สาธุ ยิ่งอ่านยิ่งวางยิ่งได้
ยิ่งวางยิ่งได้ ยิ่งสว่าง ... ^_^ ... ขอบพระคุณมากๆครับ สำหรับข้อมูลดีๆ ...

 

​

 

"แสงอาทิตย์เหมือนความดีที่เราทำ

-ขณะที่เราทำดีความภูมิใจย่อมเกิดขึ้นทันที-

ทให้ใจไม่เศร้าหมองแต่ผ่องใส...การยกย่องชื่นชมจากคนอื่น

-เป็นผลพลอยได้...พลังงานดวงอาทิตย์มีอนุภาพมาก-

...แต่พลังจิตของมนุษย์มีอนุภาพมากกว่า...

...การทำดีและได้รับผลดีที่ทำไป

-จึงไม่ต่างจากการฉายแสงอันเจิดจ้าของดวงอาทิตย์-

พลันที่อาทิตย์ส่องแสง...ความความมืดของโลกก็หายไป

-ความสว่างไสวก็ตามมา...เช่นเดียวกับเวลาที่จิตฉายแสงความดี...

...ความชั่วก็หมดไป...ความผ่องใสก็ตามมา...

...อิจฉาพยาบาทเหมือนเมฆหมอก...

-อิจฉาพยาบาทบังใจเหมือนเมฆหมอกบังแสงอาทิตย์"

โดยพระราชญาณกวี (ปิยโสภณ) คัดจากหนังสือ...ทำดีให้ดีปรากฏ

...กราบขอบพระคุณพระราชญาณกวี ปิยโสภณเจ้าค่ะ...

 

อนุโมทนาสาธุค่ะแม่นี...ชัดเจนดีจริงๆค่ะ
สาธุๆๆ