จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209

    ครับตั้งกำลังใจกันขี้เกียจครับผมแต่ในอารมณ์จิตแบบสบายๆครับตามที่ถ้าไม่ตั้งกำลังใจแบบนี้มันจะขี้เกียจครับและมารมาก่อกวนสารพัดครับ

    จริตเบื่อง่ายต้องเอาแบบนี้ครับและได้ผลดีครับขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำครับจะนำไปปฎิบัติครับเรื่องพรหมวิหาร4

    เดี๋ยวต้องทำการบ้านส่งครูอีกเดี๋ยวโดนครูตีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2013
  2. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  3. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]
    ที่มาfb
     
  4. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "จิตพระอรหันต์ไม่ได้อยู่ในอำนาจของขันธ์"

    ขันธ์ก็เป็นขันธ์จะมีอะไรกัน...อันนี้มันเป็นไปได้ ทำให้งอ ทำให้หงิก ให้กระตุกกระ

    ติก ให้บางทีทิ้งเนื้อทิ้งตัวไปได้ เพราะเส้นมันกระตุก มันเป็นขันธืเหมือนกับว่าไฟกับฟืน

    ไหม้กันนั่นแหละ...ระเบิดปึงปังๆ มันอยู่เป็นสุขได้เมื่อไร...

    -อันนี้ก็เหมือนกัน...เวลามันรัดตัวเข้าเต็มที่แล้ว ก็อาจมีกระตุกกระติก หรือเป็น

    ในแง่ต่างๆ เช่น นิสัยที่เคยมีครวญครางอาจเป็นได้พระอรหันต์น่ะ แต่่จิตของท่านไม่เป็น

    ...เป็นด้วยอาการของขันธ์ที่มันกระทบกระเทือนกันนี้ เวลาสุดท้ายของมันที่จะแตกกระ

    จายออกจากกันมันเป็นได้ เรายอมรับอันนี้ แต่เรื่องจิตของพระอรหันต์ที่เข้ามาสุงสิงกับ

    อันนี้...ให้มามั่วมาสุมมาหลงใหลอันนี้ นั่นเป็นอฐานะ เป็นไปไม่ได้...

    -ดังนั้นที่หลวงปู่มั่นท่านพิจารณารู้เห็น ที่ว่าพระอรหันตนิพพานในท่าต่างๆ กันนั้น

    เราจึงเชื่อร้อยเปอร์เซนต์...เพระาจิตของท่านไม่ได้อยู่ในอำนาจของขันธ์เหมือนสามัญ

    ชนทั่วๆ ไปนี่ ท่านจึงนิพพานในท่าต่างๆ ได้ตามอัธยาศัยของผู้มีจิตใจที่อยู่เหนือโลกแล้ว.

    -คัดจากหนังสือพระอรหันต์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี-

    ...น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
  5. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    จิตเกาะพระ

    ขออนุญาตครูลูกพลังนำบทความนี้มาโพสเพื่อเป็นธรรมทานอีกครั้งนะค่ะ...สาธุค่ะ

    การปฎิบัติธรรมจิตเกาะพระโดยสังเขป
    เรียบเรียงโดย : ลูกพลัง


    สืบเนื่องมาจากมีผู้คนสงสัยในการปฎิบัติธรรมจิตเกาะพระกันมาก คือว่าเป็นของใหม่สำหรับท่านๆ เหล่านั้น จึงมีการดำริขึ้นมาว่าควรที่จะ

    ทำการรวบรวมข้อมูลอธิบายความการปฎิบัติธรรมจิตเกาะพระโดยสังเขป เพื่อเป็นธรรมทานแก่ผู้อ่านทั่วไปหรือผู้สนใจจะปฎิบัติธรรมอย่าง

    จริงจัง จะได้รับทราบโดยองค์รวมของการปฎิบัติรวมถึงเป้าหมายปลายทางว่าเป็นเช่นไร


    ที่มา: สมเด็จองค์ปฐมพระพุทธเจ้าทรงมีเมตตา แนะนำถ่ายทอดผ่านท่านพี่ภูลงมา โดยมีท่านพี่ภูเป็นผู้ปฎิบัติสำเร็จเป็นคนแรกแล้วก็ถ่ายทอดต่อมายังบุคคลท่านอื่นๆตามลำดับต่อมา แล้วในวันหนึ่งกาลภายภาคหน้า การปฎิบัติธรรมจิตเกาะพระนี้จะเป็นที่แพร่หลายแก่พุทธศาสนิกชนสืบต่อไป ตั้งแต่ยุคกึ่งพุทธกาลนี้เป็นต้นไป..


    วัตถุประสงค์: เป็นการปฎิบัติธรรมซึ่งเจริญรอยตามอริยมรรควิธีของพุทธศาสนา (ศีล สมาธิ ปัญญา) เพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้นมีดวงตา

    เห็นธรรมโดยใช้เวลาไม่นานนัก คือนอกจากจะเป็นทางสายตรงแล้วก็ยังเป็นทางลัดด้วย..(คำว่าทางลัดในที่นี้หมายถึง ผลแห่งการปฎิบัติ

    จะเกิดประสิทธิผลด้านเวลาอยู่มาก)


    อานิสงค์: มีดวงตาเห็นธรรม สามารถตัดสิ้นอาสาวะกิเลสทั้งปวง ถึงมรรค ผล นิพพานในภพชาตินี้


    อรรถาบรรยาย: ความจริงแล้วก็เป็นการปฎิบัติธรรมเชกเช่นเดียวกับการปฎิบัติธรรมในรูปแบบอื่นๆ สายอื่นๆสำนักอื่นๆ แต่ที่มีความต่างอย่าง

    เห็นได้ชัดเจน คือ รูปแบบการปฎิบัติสามารถเข้ากับภาระกิจทางโลกได้ง่ายไม่ยุ่งยาก สามารถปฎิบัติได้ ทุกที่ทุกเวลา มีความคล่องตัว

    ในการปฎิบัติไม่มีเงื่อนไขมาก ทำแบบสบายๆ ทำไปเรื่อยๆ และที่สำคัญคือ ประสิทธิภาพประสิทธิผลแห่งการปฎิบัติ เมื่อเทียบกับเวลาที่สูญเสียไปทุกวันๆ (ลองไปหาดูในกระทู้เก่าๆที่เขียนข้อเด่นเอาไว้แล้ว)


    วิธีการปฎิบัติ: แบ่งออกได้เป็น 4 ขั้น


    (ขออนุญาติใช้ภาษาทางโลกตอนที่เราๆท่านๆเข้าโรงเรียน เรียนหนังสือเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับทางธรรม..)

    ตามลำดับดังนี้:-

    -------------------------------------------------------------------------

    ขั้นที่ 0: อนุบาล - ทาน (ทานศีลภาวนาพื้นฐานทั่วๆไป)

    วัตถุประสงค์: เพื่อเตรียมความพร้อมพื้นฐานทางจิตและ/หรือข้อปฎิบัติสำหรับพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปที่ใฝ่ดี

    อานิสงค์: ของการทำบุญทำทานหรือการสร้างทานบารมีนั้นยังผลให้เกิดความไม่อับจนในโภคทรัพย์ และยังผลให้มีกำลังใจ(เมื่อบารมีมากขึ้นๆ) ในการปฎิบัติธรรมขั้นสูงๆต่อไป โดยที่ไม่อับจนข้นแค้นในทางโภคทรัพย์จนเกินไป

    อรรถาบรรยาย: การสร้างทานบารมีคือการทำบุญภายนอก ลดความตระหนี่ถี่เหนียวแห่งใจ มีเมตตาจิตช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้อื่นที่ตกทุกข์
    ได้ยากหรือจะช่วยส่งเสริมพุทธศาสนะกิจให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป มีกำลังใจเป็นบาตรฐานในการรักษาศีล มีหิริโอตัปปะ เมื่อสิ้นอายุขัยก็จะไปจุติยังเทวโลก เมื่อกลับมาเกิดยังโลกมนุษย์อีกก็จะมีความเป็นอยู่ไม่ขัดสนไม่อับจน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการสร้างทานบารมี ในความเป็นจริงแล้วการสร้างทานบารมี มีข้อรายละเอียดอยู่อีกมากแต่ในที่นี้ก็ขอละไว้เท่านี้ก่อน

    วิธีการปฎิบัติ: ก็ไม่มีอะไรมากคือว่า หมั่นทำบุญทำทานตามกาล ฟังเทศน์ฟังธรรม อ่านธรรมะ รักษาศีล(ปุถุชน-ศีล5) สวดมนต์ ภาวนาเบื้องต้นตามกาล ซึ่งโดยทั่วๆไปแล้วพุทธศาสนิกชนใฝ่ดีก็ได้ปฎิบัติตนกันอยู่แล้ว เมื่อปฎิบัติมากๆเข้าก็จะเกิดมีกำลังใจสูงขึ้นๆ "กำลังใจ"หรือบารมีนี้แหล่ะจะเป็นบาตรฐานในการก้าวเข้าสู่การปฎิบัติธรรมขั้นสูงขึ้นๆ ต่อไป

    หมายเหตุ: ในกรณีท่านที่มีบุญบารมีเดิมหรือบุญเก่ามานั้นแท้จริงแล้วคือ ท่านได้สั่งสมบารมีต่างๆมาในภพชาติก่อนๆ เช่น ทานบารมี ศีลบารมี (บารมี10ทัศ) ดังนั้นแล้วกำลังใจของท่านในการที่จะปฎิบัติธรรมในขั้นที่สูงๆขึ้นไป จึงไม่เป็นปัญหาเมื่อเทียบกับบุคคลที่ยังต้องหวังพึ่งการให้กำลังใจจากผู้อื่นอยู่ (คือท่านสามารถเติมกำลังใจให้แก่ตนเองได้..ว่างั้นเถอะ)

    -------------------------------------------------------------------------

    การเจริญอริยมรรควิธี (แก่นแท้แห่งพระพุทธศาสนา)

    ขั้นที่ 1: ประถม - ศีล

    วัตถุประสงค์: การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ แบ่งเป็นศีลหยาบ กลาง ละเอียด (กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม)

    อานิสงค์: เมื่อรักษาศีลให้บริสุทธิ์ได้แล้วก็ยังผลให้เกิดบารมีหรือกำลังใจที่สูงขึ้นเป็นบาตรฐานแห่งสมาธิในขั้นต่อไป

    อรรถาบรรยาย: การทรงศีลให้บริสุทธิ์เป็นการชำระกิเลสเบื้องต้น(ปิดประตูอบายภูมิ) ทำให้จิตมีความสงบและนิ่งมากยิ่งขึ้น เหมาะสมควรแก่งานด้านการเจริญสมาธิภาวนาให้ได้ผลมากยิ่งๆขึ้นไป

    วิธีการปฎิบัติ: หมั่นมีสติระลึกรู้ที่จะไม่ทำผิดศีล รักษาศีลยิ่งชีวิต จนกระทั่งจิตจะทำการรักษาศีลให้เราเองโดยอัตโนมัติ (นี่..ต้องทำให้ได้ถึง
    ขั้นนี้ จนศีลเป็นฝ่ายรักษาเรา)

    เพิ่มเติม: กรรมเก่า คือการกระทำในครั้งอดีตของตนเองทั้งในอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติโดยเฉพาะในทางอกุศล ก็จะมีเจ้ากรรมนายเวรมาคอยขัดขวางการเจริญปฎิบัติธรรมของเราทำให้ไม่ก้าวหน้า (คือเหนี่ยวรั้ง ขัดขวางหรือมีเหตุให้ไม่สามารถปฎิบัติได้ต่อเนื่อง) แล้วจะทำอย่างไร? เพราะว่าไม่มีใครย้อนอดีตไปแก้ไขกรรมนั้นได้

    วิธีแก้ไข คือ ให้อุทิศบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวรและขออโหสิกรรม ทุกๆครั้งที่เราได้กุศลผลบุญมา เช่น ทำบุญทำทานมา(กุศลยังน้อยนัก..บุญภายนอก) รักษาศีลบริสุทธิ์ เจริญสมาธิ (กุศลมากโข) แล้วหมั่นอุทิศบุญ(อย่าลืม ขอบารมีพระรัตนตรัยช่วยแปรเปลี่ยนบุญกุศลนี้ให้เป็นบุญ
    กุศลที่เขาสามารถรับได้ และเมื่อได้รับแล้วก็ขออนุโมทนาสาธุการ อโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ..) ทำอยู่เนืองๆทำบ่อยๆภายหลังจากได้บุญกุศลมาทุกครั้ง นานวันไปเจ้ากรรมก็จะอโหสิกรรมและละวางกรรมเก่าของเราเอง (แต่ว่าไม่ใช่เขาจะละวางทั้งหมดนา อย่าเข้าใจผิดคือมันจะมีกรรมบางประเภทที่จะอย่างไรก็มิอาจหลีกหนีได้...อีอันนี้ก็วิบากใครวิบากมัน..รับกันไป)

    อีกกรรมหนึ่งที่สำคัญมากๆ คือ อกุศลกรรมกับบุพการี ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ อย่ารอช้าให้รีบไปขอขมาแล้วให้ท่านอโหสิกรรมให้แก่ตัวเรา

    เพื่อเป็นการตัดเวรตัดกรรม ไม่เป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งในการเจริญธรรม


    อย่าลืม!!.. แล้วก็ตัวโตๆเอาไว้ด้วยว่า


    "จะไม่สร้างอกุศลกรรมใหม่ใดๆขึ้นมาอีก"


    มิฉะนั้นตามโหสิกรรมจนตายก็ไม่หมดซักที..


    สรุปว่า เมื่อทรงศีลบริสุทธิ์และจัดการเรื่องโหสิกรรมแล้ว บารมีหรือกำลังใจก็จะทะยานพุ่งขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง อันเป็นบาตรฐานแห่งการ

    เจริญสมาธิสืบต่อไป (เริ่มเข้าสู่กระแสแห่งธรรมแล้ว มองเห็นโลกุตระอยู่ไม่ไกลแล้ว)


    -------------------------------------------------------------------------


    ขั้นที่ 2: มัธยม - สมาธิ


    วัตถุประสงค์: การทำจิตเกาะพระเพื่อเจริญสมถกรรมฐาน(แถมวิปัสสนากรรมฐานบางส่วน) เพื่อเสริมสร้างกำลังแห่งสมาธิ อันประกอบด้วย
    องค์ฌานทั้ง 5 ได้แก่ วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกัตคตา ให้ได้ตลอดทั้งวันทั้งคืนหรือตลอดเวลานั่นเอง

    อานิสงค์: การทำสมาธิจิตเกาะพระยังผลให้เกิดกำลังฌานสมบัติ(แถมสติตามรู้)คือทรงฌานได้ตลอดเวลา เพื่อเป็นบาตรฐานในการเข้าสู่การเจริญวิปัสสนากรรมฐานในขั้นปัญญาต่อไป

    อรรถาบรรยาย: การเจริญวิปัสสนาโดยขาดกำลังฌานสมาบัติเป็นบาตรฐาน พระท่านเรียกว่า "วิปัสสนึก" คือไม่อาจทำให้เกิดปัญญาอย่างแท้จริงในการตัดสิ้นซึ่งอาสวะกิเลสได้ ขอให้ทุกท่านได้โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย ปัญญาทางธรรมหรือเรียกว่า ปัญญาวิมุติ จะต้องมีกำลังฌานสมาบัติเป็นบาตรฐานเท่านั้น จึงจะเกิดได้ (มิฉะนั้นมันก็เป็นปัญญาทางโลกเท่านั้นเอง) ดังนั้นเราจึงจะเห็นได้ว่าการเจริญสมถกรรมฐานนี้เป็นบาตรฐานที่สำคัญยิ่งทางพุทธศาสนา และก็เป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ติดกันอยู่ตรงนี้มากๆเลย คือว่า บางท่านก็ปฎิบัติมาเป็นสิบ ๆ ปีก็ยังไม่ไปถึงไหน ติดเวทนาปวดขาปวดหลังฟุ้งซ่านไปเรื่อย หรือเข้าได้แค่ฌาน1(ก็บุญแล้ว..) หรือเข้าได้แค่ฌาน 2-3 ติดสุขอีก หรือเข้าฌาน 4 ได้ ติดฤทธิ์ติดอภิญญาอีก เพิ่มทิฏฐิมานะ ทรงคุณวิเศษ เหนือบุคคลธรรมดา หลงตัวหลงตนหนักข้อเข้าไปใหญ่ โน้นออกทะเลไปเลย (เห็นแก่อามิส วันหนึ่งกิเลสเข้าครอบงำอภิญญาเสื่อมถอย ก็ต้องโป้ปดมดเท็จไปเรื่อย ผิดศีลข้อ 4 มุสาอีก ดันสร้างอกุศลกรรมขึ้นมาใหม่อีก ยิ่งแย่เข้าไปอีก) หรือปฎิบัติได้ทุกวันวันละ 1-2 ชม. ขาดความต่อเนื่องในการปฎิบัติ ติดๆดับๆ เป็นเวรเป็นกรรมเสียช่างกระไรนี่ จนท้อแท้กำลังใจหดลงก็พาลโทษว่าบุญเก่าเรามีน้อย..


    การทำจิตเกาะพระถือเป็นสมถกรรมฐานที่เป็น พุทธานุสติ+กสิน สามารถเจริญกรรมฐานกองนี้ไปได้ถึงฌาน 4 เพิ่มความรวดเร็วและความ

    ต่อเนื่องในการปฎิบัติให้ได้ผลเป็นอย่างดี(สำหรับผู้ที่ตั้งใจปฎิบัติจริงนะ) และสามารถเข้าออกฌานได้อย่างคล่องแคล่ว คือทรงฌานได้

    ตลอดเวลานาที จนกระทั่งจิตทำหน้าที่ทรงฌานเองเป็นอัตโนมัติ
    (ลองไปหาดูในกระทู้เก่าๆที่ได้เขียนข้อเปรียบเทียบที่เด่นๆเอาไว้แล้ว)


    วิธีการปฎิบัติ: เนื่องจากมีรายละเอียดยาวมากๆจึงละไว้ว่าให้ไปหาอ่านในกระทู้ว่ามีวิธีการปฎิบัติอย่างไร

    บางครั้งการปฎิบัติไม่ก้าวหน้า ก็ให้หมั่นกลับไปสำรวจตรวจสอบขั้นอนุบาลและขั้นประถม(ทาน ศีล กรรมเก่า) อยู่เป็นนิจว่าได้ชำระสะสางไปมากน้อยแค่ไหนด้วย เพราะว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้นะเป็นเส้นผมบังภูเขาเลย จะบอกให้..

    การระลึกนึกถึงพระให้ได้ทั้งวันทั้งคืนนั้นได้อานิสงค์ 2 ประการ คือ

    1) สามารถทรงฌานได้ตลอด

    2) มีสติที่ไวไม่เผลอ ในความเป็นจริงแล้วเจ้าสองสิ่งนี้คือ ฌานกับสติ (คล้ายๆไก่กับไข่หรืองูกินหาง) ถ้ามาก็จะมาคู่กัน ถ้าหายก็หายไปพร้อมกัน

    คือมันเป็นสิ่งที่หนุนเนื่องซึ่งกันและกัน แล้วจะต้องทำให้ได้อย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง จิตของเราจนจำได้ นี่ข้อนี้คือข้อสำคัญ "ความต่อเนื่อง

    แห่งการปฎิบัติ" บางท่านปฎิบัติมาเป็นสิบๆปีแต่ไปไม่ถึงไหนก็เพราะว่าขาดความต่อเนื่องคือทำเฉพาะก่อนนอน 1-2 ชม. จิตยังไม่ทันได้จำ

    เอ้าพอรุ่งขึ้นก็ไปวิ่งตามกระแสแห่งกิเลสต่อ จิตมันก็เพลินกับกิเลส จิตมันก็ลืมต่อ พอตกค่ำก็มาบอกกับมันใหม่ ทำอยู่อย่างนี้เป็นสิบ ๆ ปี

    มันก็ไม่ไปถึงไหนนะซีครับ..

    เพราะว่าเวลางานก็ไม่ทรงฌาน(สติก็หาย) จึงสรุปว่ามีแต่พระชีเณรเท่านั้นที่จะทำได้เพราะว่าท่านๆเหล่านั้นมีเวลา แต่อันตัวเราไม่มีเวลาแถมต่อว่าบุญเก่ามันน้อยไปอีก.. ท่านทั้งหลายเหล่านี้คือข้อเท็จจริงและเป็น"อวิชชา" คือความไม่รู้(บางท่านเรียกว่าความโง่) จึงทำให้ผู้ปฎิบัติหลาย ๆ ท่านยังติดอยู่ในวังวนอันนี้ไม่ไปไหน..


    การทำจิตเกาะพระสามารถแก้ปัญหาการทรงฌานและทรงสติระหว่างวันหรือตลอดเวลาอย่างต่อเนื่องได้...อย่างน่าอัศจรรย์!!

    ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้ต้องการให้ท่านผู้อ่านเชื่อ แต่ต้องการให้ท่านผู้อ่านลองไปปฎิบัติแล้วค่อยมาตัดสินกันว่าจะเชื่อหรือไม่..

    เมื่อผู้ปฎิบัติสามารถทรงฌานได้แล้วถึงขั้น "เมาฌาน" คือจิตมันจะดิ่งอย่างเดียว ครูฝึกก็จะเริ่มสอนการวิปัสสนาขั้นต่อไป

    ผู้สำเร็จขั้นอุปจาระสมาธิหรืออัปปนาสมาธิขั้นต้นคือฌาน 1-2 ก็สามารถตัดสังโยชน์ขั้นต้นบรรลุเป็นอริยบุคคลขั้นต้นได้ คือ ขั้นโสดาบัน สกิทาคามี กำลังฌาน 4 มีความสำคัญมากในการวิปัสสนาตัดสังโยชน์ในขั้นอริยบุคคลขั้นอนาคามีขึ้นไป มิให้กิเลสกลับมากำเริบอีก ตัดขาดจริงๆ


    ดังนั้นสมถะเป็นบาตรฐานของวิปัสสนา เป็นเนื้อเดียวกันมิอาจจะแยกออกจากกันได้ การเขียนตำราทางโลกเราสามารถแยกเป็นหมวดหมู่

    ออกจากกันได้ แต่ว่าเวลาปฎิบัติทั้งสองนี้หนุนเนื่องเกื้อกูลซึ่งกันและกันไม่สามารถแยกจากกันได้จริงๆ..


    -------------------------------------------------------------------------


    ขั้นที่ 3: มหาลัย - ปัญญา


    วัตถุประสงค์: ภายหลังจากที่ผู้ปฎิบัติสามารถทรงฌานได้เป็นวสี(ชำนาญ)แล้ว ก็จะเจริญวิปัสสนากรรมฐานต่อไปเพื่อที่จะบังเกิด

    "ปัญญาวิมุติ" คือรู้แจ้งแทงตลอดในสภาวะธรรมต่างๆแห่งธรรมชาติ มีดวงตาเห็นธรรมเป็นอันจบกิจ


    อานิสงค์: ผลแห่งการปฎิบัติจะนำมาซึ่งการละ เลิก วาง หลุดพ้นจากอาสาวะกิเลสต่างๆ ตามลำดับๆ จนจิตยกเข้าสู่โลกุตระ สำเร็จเป็น อริยบุคคลในขั้น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และอรหันต์ ตามลำดับชั้นในการละสังโยชน์ 10 ได้

    อรรถาบรรยาย: การเจริญวิปัสสนากรรมฐานนี้ก็ได้อาศัยตามคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าคือ การเจริญมหาสติปัฏฐาน 4

    หนทางสายเอกแห่งปัญญาวิมุติ


    วิธีการปฎิบัติ: การมีสติอยู่ตลอด(จะทำได้เมื่อทรงฌานได้ตลอด) และนำสติตามรู้ปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบ แล้วก็ปลงลงพระไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หมั่นปฎิบัติอยู่เนืองๆทั้ง กาย(ขันธ์5) เวทนา จิต ธรรม จนบังเกิดเป็นวิปัสสนาญาณ (จิตจะทำงานเองเป็นอัตโนมัติ) จนอินทรีย์แก่กล้าบารมีเต็มเปี่ยม สำเร็จมรรคผล เป็นลำดับขั้นขึ้นไปจนถึงอรหันต์ปฎิผล..ก็เป็นอันเสร็จกิจแห่งการปฎิบัติธรรมทางพุทธศาสนา

    เมื่อยังมีอายุขัยอยู่ก็หมั่นบำรุงและสืบสานพุทธศาสนา ประกอบกิจทางโลกบ้าง ช่วยยกจิตผู้คนเป็นธรรมทานเสริมสร้างบารมีต่อไปบ้าง จวบจนละสังขารขันธ์..


    ประโยชน์ของครูฝึก:-- เราจะเห็นได้ว่าการปฎิบัติธรรมจนถึงขั้นสมถะและวิปัสสนาแล้วจะเริ่มมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งๆขึ้น

    ถ้าเราคิดเองคือใชัสัญญา(ความจำ) ทางโลกเข้านำการปฎิบัติเอง บางครั้งมันจะเป็นเรื่องเสียเวลาหรือว่าอาจจะหลงทางไปเลย

    เพราะครูฝึกท่านผ่านมาหมดแล้ว ท่านจะช่วยตอบแล้วให้ผู้ปฎิบัติได้วางกำลังใจได้อย่างถูกต้องและปฎิบัติได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

    - ครูฝึกจะทำการสอบอารมณ์ในการปฎิบัติทั้งสมถะและวิปัสสนา แล้วแนะนำต่อยอด

    - และอื่นๆอีกมากมายถามว่า:ไม่จำเป็นต้องมีครูฝึกสามารถปฎิบัติได้หรือไม่? คำตอบ: ได้ถ้ามีผู้รู้ช่วยชี้แนะตามขั้นๆไป

    แต่เหนือสิ่งอื่นใดดังคำพูดที่กล่าวไว้ว่า "จิตสำนึกไม่สามารถจับยัดใส่หัวกันได้ มันจะต้องเกิดจากตัวเราเองขึ้นมา" ฉันใด "อันผู้ใดปฎิบัติ

    ผู้นั้นพึงได้" หรือ "ผู้ใดกินผู้นั้นก็อิ่ม ไม่สามารถกินแทนกันได้จริงๆ" ก็ฉันนั้น..

    แต่เราก็พอจะเข้าใจผู้ที่ยังถนัดการปฎิบัติเอง ว่าก็มีเหตุปัจจัยในเรื่องความพร้อมทางด้านจิตใจตนเอง (เราก็เคยเป็นมาก่อนจึงพอที่จะเข้าใจ

    หลายๆท่านที่ขอซุ่มแอบฝึก เกาะขอบกระทู้ฝึก ความจริงแล้วดีกว่าหลายๆท่านมากๆที่ยัง"หลง"ตามกระแสโลกอยู่)


    จึงเป็นเหตุปัจจัย ให้เราเขียนภาพรวมของการปฎิบัติธรรมจิตเกาะพระโดยสังเขป เพื่อให้ผู้ปฎิบัติได้เข้าใจว่าเรากำลังทำอะไร ทำแล้ว

    ไปที่ไหน เป็นแผนที่นำทางฉบับย่อๆ โดยเฉพาะกับบุคคลจำพวกพุทธจริต(ปัญญาจริต) ได้เข้าใจแล้วก็จะได้ลงมือปฎิบัติ รวมถึงท่านพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปด้วย ที่มีวาสนาบารมีเกี่ยวเนื่องกันด้วย.. ก็ขอเอวังด้วยประการละฉะนี้..


    สุดท้ายนี้ก็ขออวยชัยอวยพรให้ทุกๆท่านจงถึง บารมี 10 ทัศ ศีลบริสุทธิ์ ฌานสมาบัติ ปัญญาวิมุติและมรรคผลนิพพานโดยเร็ววันด้วยเทอญ..


    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยครับ.. สาธุสวัสดี..


    พุทธนุสติกรรมฐานและกสิณ โดยหลวงพ่อฤาษีฯ
    (อาศรมไผ่มรกต.com) พระคุณเจ้าหลวงพ่อดาบส สุมโน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  6. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    ความรักขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า



    ความรักของสมเด็จพระพุทธองค์ สูงส่งบริสุทธิ์ผ่องใส
    ไม่ให้ทุกข์ไม่ให้โทษไม่ให้ภัย แก่ชีวิตจิตใจใดๆทั้งนั้น

    ด้วยทรงมีความรักบริสุทธิ์สูงส่ง ไม่มีเสมอเหมือน
    พระพุทธองค์จึงทรงแผ่พระมหากรุณาได้กว้างใหญ่ไพศาล
    ไม่มีขอบเขต ทั้งแก่พรหมเทพ มนุษย์สัตว์ ปรากฏแจ้งชัดใน
    โอวาทปาติโมกข์ ที่ทรงแสดงในวันมาฆบูชา

    พึงไม่ทำบาปทั้งปวง
    พึงทำกุศลให้ถึงพร้อม
    พึงรักษาจิตของตนให้ผ่องใส


    บาปย่อมก่อให้เกิดทุกข์โทษภัยแก่ผู้ทำและผู้อื่น
    พระพุทธองค์จึงทรงเตือนไม่ให้ทำ

    กุศลย่อมเป็นคุณแก่ผู้ทำและผู้อื่น
    พระพุทธองค์จึงทรงเตือนให้ทำ

    จิตผ่องใสคือจิตที่ไกลได้จากกิเลส โลภโกรธหลง ที่มีอยู่เต็มโลก
    ย่อมให้ความสุขสงบอย่างยิ่งจนถึงเป็นบรมสุข

    พระพุทธองค์จึงทรงเตือนให้รักษาจิตของตน

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    Cr...FB Motanaboon.com

     
  7. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    วันนี้อยากจะดูคนอวดผี

    จิตตอบว่าจะดูทำไมสักวันเราก็เป็นผีอยู่แล้ว

    เลยไม่ดูcopyคำสอนหลวงพ่อเรื่องพุทธานุสสติใส่โทรศัพท์ใส่small talk

    ยัดใส่หูฟังจับภาพพระไปด้วยสบายใจ

    นั่นแน่เริ่มมาแล้ววิปัสสนาเล็กๆ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  8. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976

    ขออนุโมทนาสาธุ กับคุณ therd 2499 ด้วยค่ะ ที่ท่านสามารถตัดนิวรณ์ คือ ความอยากดูแล้วไม่ดูได้
    เพราะถ้าเราเอาชนะความอยากดู อยากรู้ อยากเห็น หรือ เรียกอีกอย่างว่า"นิวรณ์" ที่มาก่อกวนเราไม่ให้เข้าถึงการปฏิบัติ แต่คุณสามารถระงับมันได้ และก็มีธรรมะของหลวงพ่อฟังแทน ถือว่าคุณมีความตั้งใจสูง ขอเป็นกําลังใจ และขออํานาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยจงคุ้มครองและบันดล บันดาลให้คุณจงเป็นผู้เจริญก้าวหน้าในทางธรรมของคุณยิ่งๆขึ้น
    ไปค่ะ สาธุ
     
  9. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  10. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  11. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "ศรัทธาแบบพระโสดาบัน"

    -ภิกษุทังหาย สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วย ธรรม ๔.ประ

    การ (ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เที่ยงแท้ต่อพรนิพพาน...)

    ...เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใส อันหยั่งลงมั่น ไม่หวั่นไหวใน...

    ๑. องค์พระพุทธเจ้า เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบ...

    ๒. องค์พระธรรม เป็นสิ่งที่ตรัสไว้ดีแล้ว ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง...

    ๓. พระสงฆ์ เป็นผู้ปฏิบัติดี-ตรง-รู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์-ปฏิบัติสมควรอันได้

    -แก่ คู่แห่งบุรุษสี่คู่...

    ๔. ประกอบด้วยศีลเป็นที่พอใจของเหล่ายอริเจ้า...ไม่ขาดทะลุ ด่าง พร้อยเป็นศีลที่

    เป็นไทจากตัณหา.คัดจากหนังสือพุทธวจน.กราบนมัสการพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตุถิผโล
     
  12. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    มาร กับ ความดี

    มาร ไม่ใช่ศัตรู แต่เขาคือครูของเรา

    มาร ๕ อย่างประกอบด้วย...

    กิเลสมาร... ความชั่วที่อยู่ในใจของเราเอง
    ขันธมาร ...สภาพร่างกายของเราเอง
    เทวปุตมาร... เทวดาที่มาทดสอบกำลังใจของเรา
    อภิสังขารมาร... บุญ-บาปที่มาขวางเรา
    มัจจุมาร... ความตายที่มาขวางเรา

    *-*-*-*-*-*-*-*-*

    กิเลสมาร ...ความชั่วในใจของเรา รู้อยู่แล้ว รัก โลภ โกรธ หลง ที่มันเกิดขึ้น

    ขันธมาร ...คือสภาพร่างกายคอยกลั่นแกล้ง คอยขัดขวางเราอยู่ เวลาที่เราไม่คิดจะทำดี ร่างกายแข็งแรงทำโน่นทำนี่ได้สารพัด บางคนกินเหล้าเมาหัวทิ่มนอนตากน้ำค้างทั้งคืนไม่เป็นไร แต่พอหันเข้ามาถือศีลปฏิบัติธรรมป่วยแทบตาย กลายเป็นบางคนเข้าใจผิดไปเลยว่าเข้าวัดแล้วทำให้เป็นยังงี้ ก็เลยพาลไม่เข้าไปเลย

    เทวปุตมาร ...เทวดาที่มาลองใจเรา ถ้าหากว่าเราทำข้อสอบนั้นผ่านได้ ไม่รัก โลภ โกรธ หลง ไปตามการณ์ที่ยั่วยุทดสอบของท่าน เราก็จะไม่แพ้ในตรงจุดนั้นอีก แต่ถ้าหากเราพลาด ไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ ท่านก็เลยกลายเป็นมารคือ ผู้ขวาง ผู้ฆ่าของเรา แต่จริง ๆ เจตนาของท่านก็คือต้องการทดสอบให้เราผ่าน

    อภิสังขารมาร ...บุญ-บาป บาปเรารู้ว่าขวางความดีอย่างไร แล้วบุญขวางได้ยังไง ก็อย่างเช่นว่า อรูปฌาน เป็นเนวสัญญานาสัญญายตนะ อรูปพรหม อายุตั้ง ๘๔,๐๐๐ มหากัป คุณไม่ต้องทำมาหากินอะไรหรอก ติดแหง็กอยู่แค่นั้น พอกินบุญหมดแล้วลงยาว ถ้าหากว่าไม่มีเศษบุญเหลือ ดีไม่ดีลงนรกไปเลย มันขวางได้ขนาดนี้

    ตัวสุดท้ายคือ มัจจุมาร บางคนกำลังใจเข้มแข็งแรงมาก เขารู้ว่าถ้าหากว่าปล่อยให้เราทำความดี เราพ้นมือเขาแน่ เขาตัดให้ตายไปเลย อาศัยช่วงจังหวะอุปฆาตกรรมที่เข้ามาถึง ทำให้เราจะต้องสิ้นชีวิตลง เสียเวลาไปเกิดใหม่อีกรอบหนึ่ง ใช้วิธีเหยียบเบรกไว้ก่อน สกัดดาวรุ่ง

    มารทั้งหมดไม่ใช่แค่ความรู้สึกเฉย ๆ มันมีตัวมีตนของมันจริง ๆ สามารถพบเห็นได้ ถ้ามีทิพจักขุญาณจริง แต่ว่ามันแปลกตรงที่ว่าเขาแฝงมาอย่างแนบเนียนที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของเรา เขาสามารถแฝงเพื่อใช้งานได้หมด อันนี้ฟังไว้เฉย ๆ ไม่ต้องกลัว บอกแล้วว่าเขาเป็นครูที่ดี

    เพราะฉะนั้นครูที่ดีการสอนต้องละเอียดมาก เคยพูดเต็มปากเต็มคำว่า มาร กับความดี หน้าตาเหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่ว่าก้าวสุดท้าย ความดีชักเราไปสุคติ ไปสวรรค์ ไปพรหม ไปนิพพาน แต่มารพาเราลงนรกบ้าง เป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานบ้าง จ่อมจมต่อไป

    เพราะฉะนั้นสรุปว่า เขาทำหน้าที่ของเขา ให้เขาทำไป หน้าที่ของเรา เราก็ทำของเราไป ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่มีใครเป็นศัตรูกับใคร ครูมีความสามารถสูง ขยันออกข้อสอบ เด็กอย่าไปกลัวเลย ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำ

    พระอาจารย์เล็ก เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน
    อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
     
  13. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  14. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    บรรลุขั้นไหนแล้ว ​


    พระอาจารย์รูปหนึ่ง เล่าว่า ครั้งหนึ่งมีการเล่าลือว่า
    ลูกศิษย์ของหลวงพ่อรูปหนึ่งเป็นพระอรหันต์
    พระบางรูปก็เชื่อ บางรูปก็ไม่เชื่อ อดรนทนไม่ไหว
    รูปหนึ่งก็เลยเอาเรื่องนี้ไปกราบเรียนถามหลวงพ่อ

    หลวงพ่อตอบว่า...

    “ท่านเป็นก็เป็น ไม่เป็นก็ไม่เป็น
    ผมก็ไม่ได้เป็นอะไร ผมไม่มีอะไรจะเป็น
    เรื่องของเรา เป็นเรื่องของเรา
    เรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
    เรื่องของคนอื่นไม่ใช่เรื่องของเรา”

    คำตอบของหลวงพ่อ แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีถึงทัศนะของท่าน
    ต่อการบรรลุคุณธรรมขั้นสูง ท่านไม่ส่งเสริมให้ลูกศิษย์ลูกหาใส่ใจในเรื่องนี้
    แต่ให้เข้าใจว่าการปฏิบัตินั้น ก็เพื่อการปล่อยวาง
    ท่านมักตำหนิการจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น
    องค์นั้นได้ขั้นนั้น องค์นี้ได้ขั้นนี้ แต่กำชับให้ดูตัวเองมากกว่า
    ว่า ยังมีโลภไหม ยังมีโกรธไหม ยังมีหลงไหม
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อผลการปฏิบัติของตัวเอง
    หลวงพ่อเตือนเสมอไม่ให้ปลงใจเชื่อง่าย ๆ ว่าตัวเองบรรลุเป็นอะไร​

    พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
    วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
    จากหนังสืออุปลมณี น.๓๓๒​
     
  15. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ติดตามอ่านมาถึงหน้า218อ่านเป็นแนวทางเข้าใจการปฎิบัติแล้วครับ

    เป็นอย่างงี้นี่เองจะว่ายากก็ยากจะว่าง่ายก็ง่ายคิดว่าทำได้ครับ

    ไอ้เราก็ชอบฝึกแบบวิชาสาม มานะ เยอะลองเปิดจิตที่ฝึกมาสะเปะสะปะเอามารวบรวมเรียบเรียงใหม่ วางกำลังใจใหม่

    ถามตัวเองว่าเอาวิชาสามไปทำไปทำไร ตัดกิเลส แล้วถ้าตัดไม่ได้หละหลงในลาภสักการะ

    หลงตัวเองว่าตัวเองเก่ง แทนที่จะไปนิพพานกลับไปลงนรกแทน

    ฝึกจับภาพพระเป็นฌาณแล้วเอากำลังฌาณตัดกิเลสด้วยวิปัสสนาดีกว่า

    หลวงพ่อเคยบอกว่าพวกที่ได้วิชาสาม อภิญญา โลกีย์ ไอ้เราก็โง่ยังอยากได้ ยังเด็กเพราะมันเสื่อมได้ มันไม่เที่ยง มิน่าหลวงพี่เล็กวัดท่าขนุนถึงไม่สอน

    ผมเข้าใจในคำสอนนั้นแล้วครับพิมพ์ไปเลยคิดถึงหลวงพ่อครับน้ำตาจะไหล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2013
  16. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ขอเป็นกำลังใจให้น้องนะคะ การวางกำลังใจในแต่ละขั้นตอนมีความสำคัญมาก ขอให้มีความมุ่งมั่นแต่ไม่บีบคั้นตนเอง น้องทำได้แน่นอน แต่ที่สำคัญกว่านั้นหลังจากจิตยกแล้วเราต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตามกำลังใจของเรา โดยไม่ต้องไปสงสัยหรือติดใจว่าเราเป็นอะไร ถึงขั้นไหนแล้ว ดูจิตของเราว่ามันละ ความยึดมั่นถือมั่นได้แค่ไหน รักโลภโกรธหลง เราเบาบางไปหรือไม่ ตามที่ท่านผู้รู้ท่านกล่าวไว้หมดแล้ว ..สู้ๆค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    โมทนาสาธุ รู้ตัวเร็วดีน่ะ ยินดีด้วยค่ะ เพราะของอย่างนี้ แม้แต่ครูก็ยังพูดยังบอกไม่ได้ค่ะ ถ้ายังไม่ถึงเวลาอันสมควร..รับรองไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ค่ะ ที่คุณได้เข้ามาในกระทู้นี้ ได้มารู้จักจิตเกาะพระ(พระนิพพาน) ได้มารู้จักพวกเราที่นี้ จิตคุณเริ่มรู้และสัมผัสอะไรได้บางอย่างแล้วน่ะ เพราะแค่จากบทความสั้นๆ ที่เขียนมา ความมานะ ถือตัวถือตนของคุณลดลงมากเลยค่ะ อย่างนี้แหล่ะดี จะไปได้ไวขึ้นค่ะ ตอนนี้จิตเปิดขึ้นมากแล้ว ต่อไปให้ทำจิตนิ่งๆ แล้วกลับไปทบทวนในสิ่งที่ครูแนะนำไปให้ดีๆ น่ะ แล้วคุณจะเก็ตอะไรได้ในหลายๆ อย่าง เพราะคุณไม่ใช่คนโง่ค่ะ ไปต่อกันที่เมล์เลยจร้าา...

    ปล. ณ ตอนนี้ครูเกษอนุญาตให้คุณจับภาพครูก็ได้น่ะ ครูเกษ(จิต)อยู่ตรงไหน เดินตาม(จิต)ครูเกษมาเลยค่ะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ตุลาคม 2013
  18. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    โอ้โห..คุณtherd2499...คุณจารู้ตัวมั้ยเนี่ย..ว่าคุณช่างโชคดีเสียนี้กระไร..เพราะว่าเราไม่เคยเห็นคุณพี่ลินดาออกมาให้กำลังใจใครสุดๆ อย่างออกหน้าออกตาขนาดนี้มาก่อนเลยน่ะ..จาบอกหั่ย...หุๆๆ..(งานนี้คุณมีเจ๊ดันซะแล้ววว..555)catt3
     
  19. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ผมมีเจ๊ดันแล้วดีใจจังครับ

    อ่านได้ถึง270ไม่ไหวแย้ว

    พี่ลินดาเคยตามไปอ่านกระทู้พี่ก้องครับผมเองก็ได้พี่ก้องคอยช่วยอยู่

    พี่ลินดาคงจะทราบว่าผมเป็นยังไงครับ

    อีกอย่างเวลาผมทำบุญจะอธิฐานทุกครั้งว่าขอให้นิพพานหาก

    เดินทางผิดก็ขอให้รู้ตัวและกลับตัวทัน ดักไว้ครับ^^
     
  20. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    เห็นน้องเค้ามานานแล้วน่ะ ไม่อยากให้บาดเจ็บไปมากกว่านี้ (ดูดิี๊๊ เหลือแต่ส่วนหัวนะทียังไม่พนแผล แล้วดูเค้ารักษาพันแผลให้ตัวเองดิ่ น่าเอ็นดู๊) ครูเกษเมตตามาช่วยน้องรักษาแผลให้หายเร็วๆ ให้ผ่องอย่างนี้เลยนะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...