บทอ่านฝึกปลงอสุภะ & ภาพปลงอสุภะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 2 ธันวาคม 2007.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    บทอ่านฝึกปลงอสุภะ
    ช่วงนี้ขอให้ทบทวนพิจารณาโดยภาพรวม คือ มองความเป็นไปในวงกว้าง โดยความตายของคนเรามีหลายสาเหตุ เช่น<O:p</O:p
    ซากศพที่ตายเพราะอุบัติเหตุ จะมีโลหิตไหลออกอาบอยู่ ถ้าถูกรถไฟทับศพนั้น มือเท้าและศีรษะจะกระเด็น ไปคนละทาง บ้างก็ลำตัวขาดเป็นท่อนๆ บ้างก็ขาดกลางลำตัวหรือว่าภาพในเว็ปนี้อื่นๆก็ได้
    <O:pความตายปรากฎแล้ว</O:p
    <O:p<O:p(มองไปพิจารณาตามเนื้อความแล้วสร้างภาพตามไป)</O:p</O:p
    <O:p<O:pร่างกาย จากสีแดงเหลืองค่อยๆซีดลงๆ 3 วันผ่านไป ร่างกายก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวคลํ้าผสมกับสีดำแดงเป็นจํ้าๆ และซากศพเริ่มเน่าเหม็นพองอืดขึ้น เริ่มมีนํ้าหนองไหลออกมาจากร่างกาย แมลงวันแมลงหวี่บินว่อนเต็มไปหมด ต่างรุมเข้าดูดกินนํ้าเหลือง แล้วไข่ขยายพันธ์ต่อไป เพียงแค่ 3 วัน เท่านั้นหนอนตัวเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร ก็มีอยู่ทั่วร่างซากศพแล้วกลิ่นเหม็นของซากศพโชยไปทั่วทิศ หมู่สัตว์ทั้งหลายอันมีสุนัข หนู นก แร้ง กา ต่างก็ตามกลิ่นเข้ามารุมทึ้งซากศพ ทำให้ซากศพกระจัดกระจายกองทั่วพื้นอันมี ผม ขน เล็บ ฟัน ผิวหนัง เนื้อ เอ็น เยื่อในกระดูก ไต ตับ หัวใจ ม้าม ปอด ถุงนํ้าดี พังผืด มันข้น ไขมัน มันสมอง อาหารใหม่ อาหารเก่า ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล้ก นํ้าปัสสาวะ อุจจาระ นํ้าเหลือง เลือด เสมหะ เหงื่อ ไขข้อ นํ้าตา นํ้ามูก นํ้าลาย และโครงกระดูก ของซากศพที่เรียงกันพอจะดูออกว่า เป็นกระดูกคนนอนกองอยู่กับพื้น<O:p</O:p
    เมื่อพิจารณา โดยสีที่กำลังเปลี่ยนแปลง โดยรูปสัณฐานที่ค่อยๆ เน่าเละ 1 เดือนผ่านไป ร่างกายอันเป็นที่รักของเราก็สลายไป เห็นคราบนํ้าเหลือง นํ้าหนอง เศษเนื้อหนังก็สลายไปในที่สุด ทุกอย่างว่างเปล่า มองไปเหลือเพียงกองกระดูกที่เป็นของแข็งที่ยังย่อยสลายไม่หมด 1 ปีผ่านไป ลม ฝน แสงแดดและการกัดกินของหมู่สัตว์ กองกระดูกค่อยๆ ผุพังสลายไป กลายเป็นดิน มองพิจารณาโดยรอบอีกครั้ง
    <O:pณ ที่แห่งนั้น มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีเรา ไม่มีเขา <O:p</O:p
    เราไม่มีกายสังขารเป็นภาระ เราจึงมีแต่ความสบาย สงบวิเวก<O:p</O:p
    แล้วก็ตั้งต้นใหม่อีกครั้งเหมือนเห็นตัวเราเกิดใหม่แล้วก็เริ่มต้นพิจารณา อาการผุพังเน่าเปื่อยของกายเนื้อต่อไป ไปเรื่อยๆหลายๆครั้ง<O:p</O:p
    นี่คือ การพิจารณาโดยภาพรวม<O:p</O:p
    อ่านแบบเต็มรูปแบบ จาก(หนังสือแนวคำสอนสมเด็จโต สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต )
    <O:pระวังอุปาทานหวาดกลัวจากการปลงอสุภะ</O:p
    <O:pในการฝึกปลงอสุภะนั้น ตามหลักการให้พิจารณาซากศพของคนอื่นที่เน่าเปื่อยไม่สวยงาม<O:p</O:p
    แต่เมื่อจำภาพที่เน่าเปื่อยได้แม่นแล้ว ต้องตั้งสมมติฐานให้เห็นร่างกายตัวเองเป็นซากศพที่กำลังเน่าเปื่อยที่ไม่สวยงาม อันเป็นการพิจารณาให้เห็นว่ากายนี้ก่อเกิดขึ้นด้วยการรวมตัวของธาตุทั้ง 4 คือ ดิน นํ้า ลม ไฟ เมื่อตายลงหมดลมหายใจ เป็นการขาดธาตุลม ธาตุอื่นอีก 3 ธาตุ คือ ไฟ นํ้า ดิน ก็ต้องแตกสลายออก กายเนื้อก็จะผุพังเน่าเปื่อยสลายไป ในที่สุดไม่เหลืออะไรให้เห็นสัมผัสยึดมั่นว่านี่ คือ ตัวเราเป็นการชี้ชัดให้เข้าถึงสัจธรรมแห่งสามัญลักษณะ 3 ประการที่ว่า อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ อนัตตา ความไม่ใช่ตัวตนเราเขา <O:p</O:p
    เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ เมื่อเกิดขึ้นตั้งอยู่จะต้องดับไป<O:p</O:p
    ในขณะที่กำลังปลงอสุภะร่างกายอันไม่สวยงามของเรานั้น<O:p</O:p
    ไม่ว่าจะฝึกแบบตั้งสมมติฐาน หรือฝึกแบบตาทิพย์เห็นตัวเราเองนั้น<O:p</O:p
    เมื่อเจริญถึงตอนที่กายเนื้อกำลังเน่าเปื่อย น่าเกลียดน่ากลัว หรือตอนที่กายเนื้อสลายไปหมดแล้ว ขอให้อย่าพึ่งรีบคลายออกจากการเจริญภาวนาขณะนั้น เพราะถ้าไปคลายถอนออกจากสมาธิในขณะนั้นแล้ว จะทำให้ยึดอุปาทานของกายเนื้อที่กำลังเน่าเปื่อย หรือว่ากายเนื้อที่สูญสลายหายไปนั้น พอออกจากสมาธิแล้วจิตใจจะไม่สมบูรณ์ รู้สึกตนเอง ไม่สมประกอบ เหม่อลอยหรือตื่นตระหนกตกใจได้
    <O:pวิธีปฏิบัติให้ถูกต้อง</O:p
    <O:pเมื่อเจริญสมาธิภาวนาปลงอสุภะ ไม่ว่าด้วยวิธีใดหรือปลงสังขารกายเนื้อที่กำลังเน่าเปื่อยอยู่ในภาวะใดก็ตามแม้จะมีธุระรีบด่วน<O:p</O:p
    ควรที่จะปรับภาพนิมิต หรือภาพจินตนาการในขณะนั้นให้กายเนื้อค่อยๆ เกิดสมบูรณ์กลับคืนสู่สภาพครบอาการ 32 ประการก่อนดังนี้<O:p</O:p
    1. ถ้าปลงอสุภะซากศพเห็นกำลังเน่าเปื่อยไม่หมดก็ให้ตั้งจิตอธิษฐาน ให้กายเนื้อที่กำลังสลายนั้นค่อยๆ เต็ม มีเนื้อหนังสมบูรณ์ขึ้นมา และจากสภาพที่เน่าเละให้ผิวค่อยๆ ปกติ จนมีสีเลือดดังคนมีชีวิตเมื่อครั้งสมบูรณ์พร้อมแล้ว ก็ส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปในภาพนั้นกลับคืนสู่สภาพเหมือนคนมีชีวิตที่สามารถเคลื่อนไหวได้ แล้วค่อยๆเหนี่ยวนำภาพนั้น กลับคืนสู่ร่างกายเนื้อที่นั่งอยู่นั้นอีกครั้งหนึ่ง ตื่นขึ้นมาจะได้มีจิตใจที่สมบูรณ์<O:p</O:p
    2. ถ้าปลงอสุภะซากศพถึงตอนที่ละลายหมดแล้ว ให้ตั้งสติขึ้นว่าตัวเรายังไม่หมดกรรมในภพนี้ชาตินี้วิญญาณยังต้องคืนร่างเพื่อใช้กรรมชาตินี้ให้หมด<O:p</O:p
    ด้วยเหตุนี้ ขอให้รวบรวมจิตใจความนึกคิดให้เป็นหนึ่งมองไปข้างหน้า อธิษฐานรูปนิมิตหรือวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนกายเนื้อนั้น ปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่งแล้ว ตั้งจิตเหนี่ยวนำรูปนิมิตหรือวิญญาณนั้นเข้าคืนสู่ร่างอย่างปกติสมบูรณ์แล้วจึงคลายออกจากสมาธิจิตใจจะได้สมบูรณ์สมประกอบอีกครั้ง
    <O:pท่านที่ไม่เจริญสมาธิต่อ ก็เตรียมตัวถอนออกจากการปลงอสุภะ ด้วยการค่อยๆถอนลมหายใจลึกๆ 10 ครั้ง และหายใจแบบปรกติ 10 ครั้ง จึงค่อยๆลืมตาขึ้น ครู่หนึ่งต่อมา จึงลุกขึ้นจากที่นั่งได้
    เรื่องอ่านให้คิดอีก
    การอบรมวิปัสสนา ในการพิจารณาปลงอสุภะ ที่ทำให้เห็นว่าสังขารนี้เป็นของไม่เที่ยง เป็นของไม่สวยงาม เมื่อมีชีวิตอยู่ก็ดูออกสวยงาม เมื่อตายลงหมดลมหายใจเมื่อใด ร่างกายก็จะเริ่มผุพังเน่าเปื่อยเป็นของไม่สวยงามเลย พิจารณาเช่นนี้อยู่เป็นประจำแล้วจิตใจก็จะคลายจากความยึดมั่นถือมั่น ในความสวยงามของร่างกาย จนกระทั่งเกิดความหดหู่เบื่อหน่าย ไม่อยากที่จะครองแบกสังขารร่างกายนี้ให้เป็นภาระอีกต่อไป คิดมากๆ เข้าจึงอยากจะฆ่าตัวตาย<O:p</O:p
    ในสมัยโบราณ<O:p</O:p
    มีกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมกลุ่มหนึ่ง พิจารณาปลงอสุภะเป็นอารมณ์อยู่เนื่องๆ เกิดเป็นนิมิตภาพที่เห็นได้ทั้งขณะลืมตาและหลับตา เกิดความเบื่อหน่ายเศร้าสลดจนเกิดภาวะจิตใจห่อเหี่ยวหมดแรงที่จะแบกภาระแห่งการครองสังขารร่างกายนี้อีก จึงมีการไปจ้างศาสนิกชนต่างศาสนาให้ช่วยฆ่าตนให้ตายเสียที จะได้หมดเวรหมดกรรมที่จิตวิญญาณต้องคอยแบกภาระอันหนักหน่วงของกายเนื้อนี้
    <O:pวิธีแก้ไข</O:p
    <O:p<O:pความคิดและการกระทำการฆ่าตัวตายเช่นนี้เป็นการผิดอย่างมาก<O:p</O:p
    เพราะต้องเข้าใจว่า<O:p</O:p
    พุทธศาสนิกชนเป็นผู้กล้าเผชิญกับความจริงแห่งชีวิตโดยไม่เกรงกลัวความตาย เพราะรู้อยู่แล้วว่า เกิดมาแล้วต้องตายอย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็วเท่านั้น<O:p</O:p
    คนเราเกิดมาเพราะมีกรรมของตนเป็นที่ตั้ง มีกรรมของตนเป็นเผ่าพันธุ์วิญญาณมาเกิดอาศัยอยู่กับกายเนื้อเพื่อใช้กรรมให้หมดไปตามวาระ เมื่อถึงเวลาตายก็ต้องตายอย่างแน่นอน และการฆ่าตัวตายนั้นเป็นบาป ที่จะทำให้ต้องตกนรกอีกหลายชาติ<O:p</O:p
    การปลงอสุภะพิจารณาสังขาร เป็นของไม่เที่ยงไม่สวยงามนี้ เป็นเพียงอุบายแห่งการลดการทรนงหลงตนที่คิดว่ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกยาวนานเท่านั้น<O:p</O:p
    คนเราครั้งมีชีวิตอยู่ เมื่อสามารถคลายจากการยึดมั่น ถือมั่น ในกายเนื้อแล้ว ก็จะไม่เป็นทุกข์กับร่างกายเรา กายเรานี้สักแต่ว่ากายไม่ใช่บุคคลตัวตนเราเขา ช่วงเวลาแห่งการมีชีวิตอยู่เราก็ไม่ทุกข์ร้อนกับการอยู่ เรากลับรู้ว่า ร่างกายนี้พร้อมที่จะแตกดับสลายอยู่ทุกเมื่อ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะต้องรีบเร่งสร้างกุศล ทำความดีบำเพ็ญฝึกอบรมบ่มนิสัยให้จิตเบาบางจากกิเลสให้ได้<O:p</O:p
    เรายังมีกรรมที่ต้องใช้อีกในภพนี้ ที่ยังใช้ไม่หมด ใช้หมดเมื่อใดก็ตาย<O:p</O:p
    ด้วยจิตที่คิดดีแล้ว<O:p</O:p
    พิจารณาตั้งสติได้แล้ว<O:p</O:p
    ท่านย่อมเป็นบุคคลหนึ่งที่มีสติสัมปชัญญะรู้ระลึกพร้อมอยู่กับเหตุการณ์อันจะเกิดขึ้น ท่านจึงสามารถควบคุมสติตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ผ่านพ้นจากอุปสรรคอันอาจจะเกิดขึ้นกับท่านได้ ที่จะไม่เกิดความคิดที่จะฆ่าตัวตาย<O:p</O:p
    จิตที่ได้ถึงภาวะธรรมแล้ว ท่านจึงเป็นผู้หนึ่งที่มีสติสัมปชัญญะที่มั่นใจในการปฏิบัติฝึกจิตเจริญสมาธิวิปัสสนาสืบเนื่องต่อไปได้อย่างมั่นคง

    http://uk.geocities.com/pic_asupa/pic_asupab.htm
    </O:p
    </O:p
    <O:p</O:p
    </O:p
    </O:p
    </O:p
    </O:p
    </O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2007
  2. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=648 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=642 colSpan=22>[SIZE=+1]หากภาพไม่ขึ้นกดเข้าไปดูภาพปลงอสุภะได้ที่นี่ค่ะ http://www.geocities.com/pic_asupa5/21.html[/SIZE]

    [SIZE=+1]ครับภาพต่อไปนี้ก็ดูไว้เพื่อพิจารณาศพครับว่าทุกสิ่งทุกอย่างนะมันก็ไม่เที่ยง เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป รวมทั้งภายในร่างกายของเรานะข้างในนั้นไม่มีอะไรที่เราชอบใจเลยก็อยู่เพื่อทำความดีในมากๆจะดีกว่าครับเพื่อความสุขสบายของเราเองในอนาคตครับ[/SIZE]

    </TD><TD colSpan=4 height=60></TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ครับเมื่อเราตายไปใบหน้าแม้ว่าเรามีชีวิตอยู่เราจะหล่อ แต่พอเราตายแล้วก็ดูไม่ได้เลยครับ ก็พยายามฝึกคลายจากตัวตนบ้างครับ ลดมานะการถือตัวของเราลงบ้างก็ดีครับ รวมทั้งฝึกลดละกิเลสด้วยนะ​

    [​IMG]

    ครับ ภาพนี้ก็ทำนองเดียวกันนะ แม้ว่ายามเรามีชีวิตอยู่เราอาจจะหน้าตาดีก็ตาม แต่ถ้าตายแล้วก็ดูไม่ได้เลย ก็มีชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่าหลงกับทางโลกให้มากนักครับ อย่าพยายามยึดติดกับรูปกายเนื้อของใครครับ ยึดมากก็ทุกข์ใจมาก เรามีชีวิตอยู่นี้หัดฝึกคลายจากตัวตนดีกว่า แล้วก็ฝึกหัดลดกิเลสในตัวเราให้น้อยลงก็จะดีมากๆเลยครับ​

    [​IMG]

    ผมก็คงจะเขียนแนวเดิมครับ ว่าเราควรที่จะฝึกหัดการปล่อยวางบ้างครับ อย่าพยายามยึดติดกับใคร ฝึกเอารูปศพของคนอื่นนี้แหละครับ น้อมนำมาสู่ตัวเราบ้าง แล้วให้เราคิดว่าในอนาคตนะเราก็ตายเหมือนกัน มีชีวิตอยู่ในโลกผืนนี้ ก็อย่าพยายามหลงให้มากนัก ทำความดีในปัจจุบันให้มากดีกว่าเท่าที่โอกาสเราพอจะทำได้ ​

    [​IMG]

    ครับ กายเนื้อของเรานะ ถ้าเกิดว่าตายแล้วเหลืออยู่ในสภาพแบบนี้ก็ดูไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นเราควรคิดว่าในอนาคตเราก็ตายเหมือนกันนะ พยายามทำความดีให้มากๆจะดีกว่า ก่อนที่ความตายจริงๆ จะเกิดขึ้นกับเรา เมื่อเราตายกลายเป็นสภาพวิญญาณแล้วเราจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเรายังทำบุญได้ไม่เต็มที่ครับ​

    [​IMG]

    ครับ ตัวเรานะถ้าตายอยู่ในสภาพศพขึ้นอืดนะ ในรูปที่เห็นเป็นสีขาวๆเยอะๆนั้นคือหนอนนะ ไต่เต็มตัวเลย เราควรคิดว่าหนอนมันเกิดรวมทั้งอยู่ได้ในสภาพที่สกปรก แล้วทำไมมันถึงอยู่ในตัวเราที่ตายได้ แสดงว่าร่างกายของเราภายในก็สกปรกเหมือนกัน ก็คิดแล้วก็น้อมนำมาสู่เราว่า เรามีชีวิตอยู่เราควรทำความดีให้มากๆ ฝึกสมาธิบ้างแบบไหนก็ได้ที่ฝึกแล้วจิตสงบ รวมทั้งฝึกการปล่อยวางจากตัวตนบ้าง ก็จะดีมากๆเลยครับ​

    [​IMG]

    ภาพนี้ขอให้เราคิดว่า ภายในร่างกายของเรานั้น มันก็สกปรกเหมือนกันนะ ก็อย่าพยายามยึดติดใครให้มากนัก อยู่ในโลกนี้พยายามทำความดีให้มากๆจะดีกว่า แล้วก็ฝึกการปล่อยวางจากตัวตนรวมทั้งฝึกสมาธิทำจิตให้สงบบ้างแบบไหนก็ได้ครับ​

    [​IMG]

    ภาพนี้นะ ก็ดูระยะใกล้ ก็ดูร่างกายใกล้ๆแล้ว ก็น่ากลัวเหมือนกันนะภายในร่างกายคนเรา​

    [​IMG]

    มาภาพแนวใหม่ต่อนะ ร่างกายของเราถ้าอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์มันก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ถ้าเราตายเพราะความประมาทเราก็อยู่ในสภาพแบบนี้ ก็อย่าประมาทล่ะกันครับ ​

    [​IMG]

    พิจารณากายที่ขาดครับก็ดูแล้วมันก็น่ากลัวเหมือนกันนะ เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ก็อย่าประมาทล่ะกัน ถ้าเราประมาทเราก็จะจบชีวิตเร็วน่ะครับ​

    [​IMG]

    ภาพแนวนี้นะ ดูเพื่อฝึกพิจารณาว่า ภายในร่างกายของเรานั้นมันก็น่าเกลียดรวมทั้งน่ากลัวเหมือนกันนะ ก็ดูครับ ถ้าเราลองผ่าออกก็เห็นภายในเป็นแบบนี้เหมือนกันครับ ก็น่ากลัวเหมือนกันครับภายในร่างกายของเราเนี่ย แล้วทำไมเราถึงหยิ่งจังเลยหรือว่าทำไมเราถึงชอบด่าคนอื่นล่ะ ตั้งคำถามเองครับ แล้วก็นึกถึงความจริงให้มาก นิสัยที่ไม่ดีของเราก็จะแก้ไขได้ครับ ด้วยการฝึกนึกถึงความจริงของภายในร่างกายของเรา ข้างในของเรามันก็น่าเกลียดน่ากลัวเหมือนกัน ของร่างกายคนอื่นก็มีแบบนี้เหมือนกัน แล้วทำไมเราต้องคิดไม่ดีกับเค้าล่ะ ทั้งๆที่กายเนื้อก็เหมือนกัน มีสิ่งสกปรกภายในเหมือนกัน ถ้าเราคิดเราก็ทุกข์ใจ แต่ถ้าเราไม่คิดเราก็ไม่ต้องทุกข์ใจ ก็อยู่แบบไม่คิดดีกว่าครับ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2007
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ
     
  4. maiyasan

    maiyasan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +1,182
    โอ้ว ? เยี่ยมเลยครับ เป็นอสุภกรรมฐาน และ มรณานุสสติ ดีมากครับ โมทนาด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...