จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. iamprateep

    iamprateep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    448
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,685
    เข้ามาอ่าน และน้อมพิจารณากี่ทีกี่ที "ก็มีความสุขครับ"ช่วงเอาบุญมาฝากกันนี่นะ

    จิตตัดความกังวลในขันห้า และมีอิสระที่สมบูรณ์จากขันห้า นี้คือสิ่งที่กำลังพยายามทำอยู่ครับ
    "อนุโมทนาทุกๆท่าน" เข้ามากระทู้นี้แรกๆ ยอมรับว่าก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นะครับ
    พอหลังๆมาเจอรูปทุกๆท่าน ที่ไปร่วมบุญกันมาที่วัดท่าซุง ฯลฯ ดูแล้วใจรู้สึกสบาย(แม้ผมจะไม่ได้ไป)
    เกิดชื่นใจขึ้นมากๆเลยครับ ...

    ผมเองก็เพิ่งจะไปมาครับที่วัดท่าซุง ไปกับแม่และพระสุปฏิปัณโณสงฆ์ 2 รูป ที่เป็นครูบาอาจารย์
    ของผมเอง แต่นั่นก็สักสองสามเดือนผ่านมาแล้วล่ะครับ ไปบูชาพระแก้วใส 9 นิ้ว(มั้ง ถ้าจำไม่ผิด)
    และก็นำกลับมาถวายให้พ่อแม่(ผ่านแม่) และก็น้อมถวายเพื่อเป็นประโยชน์ในสงฆ์ต่อไปเรียบร้อยแล้วครับ
    (องค์นึงถวายที่ วัดใหม่ดงกระทงยาม จ.ปราจีนบุรี, องค์นึงถวายที่วัดอุทกเขปสีมาราม จ.ชลบุรี ดังที่ท่านเห็นในรูปครับ)

    อาจเราคงเคยเป็นญาติธรรมกับทุกๆท่านมา(เดาเอา) "ดูรูปแล้วสบายใจหลายครับ" ...

    ... อนุโมทนา อีกครั้งนะ ...


    "สาธุ สาธุ สาธุ"

    ^__^
    _/]\_


    ................................. . ................... .................... ...................... .................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2013
  2. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    สนามรบสนามสุดท้าย

    ถาม : ที่เราปฏิบัติอยู่ยังพร่องอยู่ใช่ไหมคะ

    ตอบ : พร่องแน่ ๆ ถ้าไม่พร่องก็ไปพระนิพพานกันหมดแล้ว หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนอยู่เสมอ ๆ ว่า
    สังโยชน์ ๑๐ ต้องละให้ได้ บารมี ๑๐ ต้องทำให้เต็ม

    ท่านให้เขียนสังโยชน์ ๑๐ กับบารมี ๑๐ ติดหัวนอนไว้เลย ตื่นนอนขึ้นมาพิจารณาดูเลย
    สังโยชน์ ๑๐ เราตัดข้อไหนได้บ้าง เราละข้อไหนได้บ้าง ถ้ายังไม่ได้ก็ตั้งหน้าตั้งตาละไป
    บารมี ๑๐ ของเราตรงไหนยังพร่องบ้าง ถ้าพร่องก็เน้นตรงนั้นให้หนักเข้าไว้ แต่บารมีอื่น ๆ ก็อย่าลืม

    ถ้าทำอย่างนั้นทุกวัน ๆ แล้วเราจะชิน จะเข้าถึงธรรมได้เร็วที่สุด
    เพราะว่าสนามรบสนามสุดท้าย จะเป็นสนามของสังโยชน์ ๑๐ กับบารมี ๑๐
    เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว..!



    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช
    ๒๕๔๕
     
  3. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ตัณหา คือ "เชื้อแห่งการเกิด"

    วัจฉะ" เราย่อมบัญญัติความบังเกิดขึ้น สำหรับสัตว์ผู้ยังมีอุปาทานอยู่ (สอุปาทานสุส)

    ไม่ใช่สำหรับสัตว์ผู้ที่ไม่มีอุปาทาน.

    วัจฉ" เปรียบเหมือน ไฟที่มีเชื้อ ย่อมโพลงขึ้นได้ (อคุคิ อุปาทาโน ชลติ)

    ที่ไม่มีเชื้อเป็นโพลงขึ้นไม่ได้.

    ...อุปมานี้ฉันใด อุปมัยก็ฉันนั้น...

    วัจฉะ" เราย่อมบัญญัติความบังเกิดขึ้น สำหรับสัตว์ผู้ที่ยังมีอุปาทานอยู่

    ไม่ใช่สำหรับสัตว์ผู้ที่ไม่มีอุปาทาน.

    "พระโคดมผู้เจริญ"

    ถ้าสมัยใด เปลวไฟ ถูกลมพัดหลุดปลิวไปไกล...สมัยนั้น พระโคดมย่อมบัญญัติซึ่ง

    ซึ่งอะไรว่าเป็นเชื้อไฟนั้น...ถ้าถือว่ามันยังมีเชื้ออยู่? "

    วัจฉะ" สมัยใดเปลวไฟ ถูกลมพัดหลุดปลิวไปไกล เราย่อมบัญญัติเปลวไฟนั้น ว่า

    มีลมนั้นแหละเป็นเชื้อ...

    วัจฉะ" เพราะว่า สมัยนั้น ลมย่อมเป็นเชื้อของเปลวไฟนั้น...

    "พระโคดมผู้เจริญ"

    ถ้าสมัยใด สัตว์ทอดทิ้งกายนี้ และยังไม่บังเกิดขึ้นด้วยกายอื่น. สมัยนั้น พระโคดมย่อม

    บัญญัติซึ่งอะไร ว่าเป็นเชื้อแก่สัตว์นั้น...ถ้าถือว่ามันยังมีเชื้ออยู่?"

    วัจฉะ" สมัยใดสัตว์ทอดทิ้งกายนี้...และยังไม่บังเกิดขึ้นด้วยกายอื่น เรากล่าวสัตว์นี้ว่า

    ...มีตัณหานั่นแหละเป็นเชื้อ เพราะว่า สมัยนั้น ตัณหาย่อมเป็นเชื้อของสัตว์นั้น แล.

    ...คัดจากหนังสือพุทธวจน อินทรีสังวร (ตามดู ไม่ตามไป)
     
  4. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    หลักแห่งการท่องเที่ยวในวัฏสงสาร คือ ในภพชาติต่างๆ นั้นจิตเป็นหลัก

    จิตเป็นตัวสำคัญ จิตเป็นตัวการ ท่านจึงเรียกว่า สังสารจักร ก็คือหมายความว่า ความ

    เปลี่ยนไปตามกฏแห่งกรรม...เพราะจิตอยู่ใต้อำนาจของกฏแห่งกรรม กรรมพาหมุ่นไป

    อย่างไรก็ต้องเป็นไปตามกฏแห่งกรรมนั้นๆ...เนื่องจากจิตยังไม่พ้นวิสัยแห่งกรรม นอก

    จากจิตพระขีณาสพเท่านั้น นั่นท่านพ้นแล้ว ขึ้นชื่อว่าสมมุติไม่เข้าไปเกี่ยวข้องได้เลย

    ไม่ว่าสมมุติดี สมุติชั่ว สมมุติประเภทใด ท่านอยู่เหนือสมมุติ คำว่าเหนือก็คือว่าไม่มีอะไร

    เข้าไปเกี่ยวข้องได้...จิตนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับอะไร เป็นความรู้โดยหลักธรรมชาติของตน

    อยู่เช่นนั้นเมื่อบริสุทธิ์เต็มที่แล้ว นี่เป็นที่สุดของจิต สุดที่ตรงนี้ สุดที่ตรงบริสุทธิ์.

    -พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี

    ...๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑. กราบน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนเจ้าค่ะกราบๆๆๆ.
     
  5. ladylamb

    ladylamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +200
    ลูกหลวงพ่อ และท่านพ่ออีกคนค่ะ

     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เรื่องอื่นๆไม่สำคัญเท่าจิตตน

    ทุกดวงจิตบริสุทธิ์สดใสเสมอภาคกัน

    จิตมัวหมองเพราะกิเลสมาเยือน เกิดตัณหาพาใจพบเจออุปาทาน
    ยากแท้หน๋อ ที่จะตัดใจละ
    พบแต่สุขทางโลก แต่กลับหาทุกข์ทางใจของตนไม่เจอ เพราะจิตไม่นิ่ง
    ปัญญาก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
    เมื่อจิตตนไม่มีปัญญา เราๆท่านๆ ก็ไม่มีวันพ้นทุกข์ เพราะยังหาจิตตนไม่พบเจอ

    บางท่านหาพบเจอแล้ว แต่กลับไม่สนใจ คือไม่ดูจิตตนต่อไป
    ทิ้งขว้างจิตตนเหมือนเศษหิน แต่หันกลับไปให้ความสำคัญคำว่าสมมุติเหมือนเดิม
    แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาตัด มาละ มาปล่อยวางกับกิเลสของเองเล่า

    ลูกเอ๊ย พ่ออยากจะบอกกับพวกเจ้าเหมือนกันว่า เจ้ากำลังเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
    เพราะสิ้นสุดปลายทางนั้นก็คือ ทุกข์ใจ นั่นเอง

    บางท่านหาจิตพบเพรียบพร้อมปัญญา แต่น่าเสียดาย มีบางสิ่งบางอย่างมาทดสอบจิต
    แต่หารู้ไม่ตัวปัญญาธรรมดาๆก็ยังไปไม่รอด เพราะประมาทเมื่อไหร่ ใจเกิดทุกข์ขึ้นมาอีก
    แต่ทำไมจิตบุญถึงยังมีทุกข์อยู่ แต่นิดนึง แค่ตามทันทุกอย่างจึงจบ
    เพราะจิตบุญลืมไปว่ายังต้องละสังขารขันธ์(คราบมนุษย์) อีกหนึ่งตัวดีนั่นก้คือ วิญญาณขันธ์
    นี่ก็คือนามอันละเอียดของเหล่าจิตบุญจะต้องละให้เด็ดขาด
    มุ่งหน้าค้นหากำลังใจของตนไวๆ อย่ารอใคร อย่าดูใคร ใครตำหนิด่าว่าช่างหัวมัน
    มุ่งหน้า โกฟอร์เวิร์ดของตนไป อย่าได้สงสัยสิ่งใด ให้พอใจในผลตนเอง

    เอาจิตตนให้รอดพ้นก่อนจะหมดลมหายใจ หลงมาเกิดกันแล้วไม่สำคัญ ตายไปไหนยังไม่ต้องคิดมัน
    เอาแต่ปัจจุบันกันให้ดี คอยหมั่นตรวจตราจิตของตนเองว่า...
    (ตอนนี้) จิตเราเป็นสมาธิไหม?
    (ตอนนี้) จิตเราตั้งอยู่แต่ฝ่ายบุญกุศลไหม?
    (ตอนนี้) ศีลของเราครบไหม?
    (ตอนนี้) ลมหายใจเรามันแผ่วเบาไหม?
    (ตอนนี้) ระลึกนึกถึงความตายของตนบ่อยไหม?
    (ตอนนี้) ระลึกนึกถึงพระรัตนตรัยบ่อยไหม?

    โดยเฉพาะอารมณ์พระนิพพาน เพราะจิตบุญ ท่านพ่อแสดงธรรมให้ดูกันหมดแล้ว
    แต่ทำไมพวกเราจึงได้ประมาท คือลืมอารมณ์ตอนจิตยกใหม่ จำกันได้ไหม๊ ตอนจิตยก
    พอจิตตกกลับมาโทษครูสอนไม่ดี (ไม่เคยโทษตำหนิหรือโทษตนเองเลย)
    นั่นแสดงว่า ยังมองเห็นแต่ความไม่ดีของคนอื่น ส่วนความไม่ดีของตนกลับไม่เห็น

    อย่าเที่ยวไปมองหาธรรมในจิตของตนเลย ถ้าตราบใดเรายังไม่สนใจจิตตนเอง
    จิตก็ไม่เป็นสมาธิ ปัญญาก็ไม่ต้องพูดถึง
    ไม่หมั่นพยายามสำรวมจิต ศีลมีกี่ข้อก็ขาดก็พร่องหรือด่างพร้อย
    ธรรมในจิตนั้นหรือจะเกิด ไม่มีทาง มองไปทางไหนพบเจอแต่เพื่อนเกลอ คือเพื่อนเมา คือกิเลสแห่งตน
    แล้วมันจะพาไปไหนหล่ะคราวนี้ ถ้าไม่ใช่เพื่อนหลง คือตัณหาและอุปาทานของตน
    และเพื่อนหลงผู้นี้มีแต่จะพาให้ทุกข์ใจแทบทั้งสิ้น มีหน้าที่พาไปอย่างเดียว แต่ไม่พากลับให้เป็นสุขใจเหมือนดั่งเดิม

    เพื่อนๆเอ๊ย จงพิจารณาธรรมนี้กันให้ดี พยายามสร้างสติปัญญาให้มากเข้าไว้เป็นดี
    จะได้ไม่เสียท่าทุกข์หรือกิเลสตน
    จิตอยู่กับธรรม ปลอดภัย สบายใจแฮ!

    โมทนาสาธุกับจิตธรรมทั้งหลาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ตุลาคม 2013
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    งานบุญภายนอกก็จบสิ้นกันไปแล้ว

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

    ต่อไปนี้ ขอให้เป็นงานบุญภายใน คือบุญจากกรรมฐาน คือการดูจิตตนเอง

    เป็นบุญใหญ่อันใหญ่หลวงสำหรับตนเอง


    เพราะเมื่อใดที่จิตนิ่งเป็นสมาธิอยู่นั้น เป็นอานิสงส์แรกสุด ได้แก่ ความสุขใจ ความเบาใจ ความสบายใจ

    และตราบใดที่จิตเขายังคงนิ่งสงบภายใน คือจิตเป็นสมาธิ นี่แหล่ะก็คือบุญภายในของตนเอง

    แต่เราจะได้บุญกุศลนานแค่ไหน ก็ต้องตอบว่า เท่าที่จิตของตนตั้งอยู่ สำรวมอยู่ สงบนิ่งอยู่ นานแค่ไหน

    พอจิตเขตตรงนี้ คำว่านิวรณ์หรือกิเลสจะไม่ค่อยมารบกวนจิต ยิ่งเข้าถึงจิตในจิตก็ยิ่งดีใหญ่เลย

    เพราะยิ่งเป็นุญกุศลหนักเลยคราวนี้

    ขอให้พวกเรานึกถึงจิตพระอริยเจ้าหรือพระอรหันตเจ้า เป็นต้น
     
  8. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
     
  9. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]



    คำสอน สมเด็จองค์ปฐม

    "เวลาทุกขณะจิตมีค่า อย่าทำใจให้เศร้าหมอง จิตจักได้มีกำลังคิด
    และพิจารณา สามารถจักปฏิบัติบูชาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    อย่าลืมเน้นปฏิบัติบูชา เพื่อเข้าถึงซึ่งพระนิพพานเข้าไว้เป็นหลักใหญ่
    หาความสุขสงบ ระงับเข้าสู่จิตให้มาก ๆ พิจารณาใคร่ครวญถึง
    การตัดสังโยชน์ให้มั่นคง เจ้าจงอย่าลืม บุญใหญ่ที่สุดคือ ...
    การมอบกายถวายชีวิตน้อมจิตเข้ามาปฏิบัติบูชา
    นั่นแหละเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ทรงต้องการ
    พระองค์ต้องการให้พระองค์เองพ้นทุกข์จากวัฏฏะสงสารฉันใด
    พระองค์ก็อยากจักให้พุทธบริษัทของท่านพ้นทุกข์ฉันนั้น"

    ธรรมนำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๔
    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน




    .วิธีปฏิบัติทางใจ...

    "(สมเด็จองค์ปฐมเทศน์)การจะไปนิพพานจะนึกเอาเฉย ๆ นั้นไม่ได้
    ต้องปฏิบัติด้วย วิธีปฏิบัติทางใจก็คือ

    ประการแรก นึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ว่าสักวันหนึ่งข้างหน้าเราจะต้องตาย

    ประการที่ ๒ ต้องยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่งแน่นอน คือเอาใจเกาะพระไว้เป็นปกติไม่ยอมวาง
    จะพูดจะคุยทำงานทำการอะไรก็ตามเถอะ จะต้องเกาะพระไว้เสมอ ให้จิตเห็นพระไว้ ซึ่งเป็นฌาน


    ประการที่ ๓ ทุกองค์มีศีลบริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศีลนี่ไม่จำกัด จะรักษาศีล ๕ ก็ได้ ศีล ๘ ก็ได้ ศีล ๑๐ ก็ ได้ ศีล ๒๒๗ ก็ได้....

    แล้วท่านก็เทศน์ต่อไปว่า ถ้าปฏิบัติตามนั้นแล้ว ถ้าทรงตัวได้ ๑. นึกถึงความตาย ๒. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ๓. มีศีลบริสุทธิ์ อย่างนี้เขาเรียกว่า พระโสดาบัน ทุกคนจะไม่ลงอบายภูมิ ถ้าหมดบุญวาสนาบารมี ถ้าไปต่อไปไม่ได้ก็ลงไปเกิดเป็นมนุษย์ แล้วก็ขึ้นมาใหม่ แต่ทางที่ดีก็ควรจะไปนิพพาน...."

    {เกร็ดคำสอนหลวงพ่อ}
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2013
  10. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027

    โมทนาสาธุบุญกับคุณ iamprateep ด้วยทุกประการค่ะ เกาะขอบกระทู้ต่อไปน่ะ รับรองมีอะไรดีๆ ให้คุณได้ร่วมชื่นใจและสบายใจอีกเพียบเลยค่ะ และยินดีกับทุกๆ ท่านที่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งบุญบารมีนี้ เราได้รับพลังจากงานบุญนี้ถึง 2 เด้งเลยทีเดียว..หุๆๆ เดี๋ยวมาเล่าสู่ฟังจ้า...:cool:
     
  11. kantinanna

    kantinanna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +1,819
    สาธุ สาธุ สาธุค่ะ ลูกขอกราบหลวงพ่อเจ้าค่ะ.. _/\_
     
  12. iamprateep

    iamprateep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    448
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,685
    วันนี้ผมกระทบโลกธรรมมากจิตยุบไปเลยครับ(ไปเจอตัวแรงๆ ที่เรายังละไม่ได้เข้า เลยร่วงเลยครับ)
    พอเข้ามาอ่านข้อความนี้แล้วใจชื้นขึ้นมาหน่อยครับ สะดุดตรงคำว่า "2 เด้ง"นี่ล่ะ ... จะรอมาอธิบายนะครับ ... ^^ ..
     
  13. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]
    อุ๊ย..หลังใคร..สวยจัง..(อย่าหันหน้ามาเชียวน่ะ..ฮักดอก..จึงหยอกเล่นน่ะจ๊ะหนูหว้า..คิๆ)​


    เช้าวันเสาร์ที่ 28 กย.56 เราออกเดินทางประมาณ 6.15 โมงเช้า(ออกสายไป 1 ชม.จากที่ตั้งใจไว้) ด้วยรถส่วนตัวที่บ้านปิกอัพford 4 ประตู อายุก็ 10 ปีแล้วค่ะ แรกเริ่มเดิมทีขอบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจจะเอารถคันนี้ไปน่ะค่ะ คิดว่าจะไปเช่ารถเก๋งเกียร์ออโต้คันใหม่ๆ น้องชายจะได้ขับสบายๆ เพราะเดินทางไกลพอสมควร แต่ปรากฎว่าจองไปแล้วล่วงหน้าเช็คดูแล้วไม่มีรถคันไหนเข้าอู่ทันตามวันที่เราต้่องการเลย เหลือแต่รถตู้พร้อมคนขับว่างั้น..ป๊าดดโธ่ะ..จะเอามาทำไมเกินความจำเป็น..ค่ิๆๆ

    ก่อนจะได้รู้ว่าเอารถแอร์กีที่บ้านไป...ก็ปรากฎว่า..เพื่อนของน้องชายที่เป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถเข้ามาซื้ออะไหล่กะน้องชาย เพื่อจะไปซ่อมรถของน้องชาย คุณตาที่บ้านก็เลยบอกพอดีเลยดูสายพานแอร์ให้ตาหน่อยทำไมมันเสียงดัง พอช่างเปิดกระโปรงรถเท่านั้นแหล่ะ ก็เลยบอกน้องชายขับรถตาไปอู่ไป เดี๋ยวจะเช็ครถให้ (คือรถของตากะยายที่บ้านอ่ะค่ะ ท่านไม่ค่อยได้เอาเข้าอู่เช็คอะไรมากมายเป็นประจำ เพราะไม่ได้ขับไปไหนไกลๆ) ก็ปรากฎว่าหมดไป 3 พันนิดๆ ค่าเปลื่ยนอะไหล่เครื่องยนต์ ดูซินั้น..ท่านจัดให้ตั้งแต่รถยนต์ที่พาไปเลยค่ะ (ถ้าเป็นรถเก๋ง คงบรรทุกของที่รับมอบมาจากพี่เมศไม่หมดแน่ๆ โดยเฉพาะจอฉายไม่รู้จะเก็บเข้ารถอีท่าไหน)

    เรากับน้องชายไม่เคยเดินทางมาทางแถบจังหวัดแถวๆ นี้เลยค่ะ (คุ้นเส้นทางสุดก็แค่สระบุรีเท่านั้นเอง) เราตัดสินใจมาทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ตัดเข้าทางหลวงหมายเลข 1 (ถ.พหลโยธิน) ที่ จ.สระบุรี แล้วเข้า จ.ลพบุรี ทางเส้นนี้ถึงจะไกลแต่ถนนดีค่ะ หลายเลน ไม่ไปทางลัด เพราะไม่ชินทาง แถมต้องขับขึ้นเขาแถวหล่มสัก แล้วก็ยังหน้าฝนอีก ถนนแค่สองเลนอีกต่างหาก ด้วยกำลังใจที่มุ่งมั่นเกินร้อย..เอาว่ะ..ก็ช่วยกันดูทางกันกับน้องชาย ช่วงโคราช-สระบุรี รถบรรทุกเยอะมากกก..ขอบอก..ก็ว่าพากันดูทางดีแล้วน่ะ ปรากฎว่า พากันหลงทาง (ป้ายบอกทางไม่ชัดเจน) ไป 1 ชม. ที่ลพบุรี โชคดีว่าถนนหนทางแถบจังหวัดแถวนั้นดีมากๆ ค่ะ สี่เลนกันเกือบตลอดสาย แล้วเค้าก็สร้างถนนเชื่อมหากันหมด พอเข้ามาถึงชัยนาท ก็ให้เลี้ยวไปทาง อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ จะมีทางแยกไป จ.อุทัยธานี (35 กิโลจากชัยนาท)...โห..พอเห็นป้าย อุทัยธานีเท่านั้นแหล่ะค่ะ..โล่งงง..(นี้รอบแรกน่ะค่ะ)...อีกรอบพอมาถึงอุทัยฯ ก็หาวัดท่าซุงกันล่ะทีนี้..หู๊ย..หินอีกรอบค่ะท่านผู้ช๊ม...จ.อุทัยฯเป็น จ.เล็กๆ แต่ผังเมืองโบราณมาก ตัดถนนได้ซับซ้อนมากๆ เช่น เราขับๆ มา ทางก็แยกออกเป็น 2 ทางซะงั้น แล้วเป็นบ้านคนอยู่ตรงเกาะกลาง เอ้า..ไปแยกไหนละทีนี้ คือปรากฎว่าหลงทางอยู่ใน อ.เมืองอุทัยเกือบๆ ชม.อ่ะค่ะ (ตอนนั้นก็ 5 โมงเย็นกว่าๆ แล้ว โชว์เฟอร์เริ่มหิว แต่เราบอกยังไม่กินข้าว ไม่แว๊ะไหนทั้งนั้น ต้องหาวัดให้เจอก่อน เราใจร้ายไปมั้ยนี้ อิๆๆ แล้วก็ต้องแวะซื้อลูกชิ้นเพราะต้องลงไปถามทางด้วย) สุดท้ายเราก็โผล่ทะลุออกมาถนนใหญ่จนได้ (ขอบอกทุกท่านโปรดทราบถ้าใครจะขับรถไปวัดท่าซุงเองน่ะ ป้ายบอกทางไม่ชัดเจนเอามากๆ ถ้าขับอยู่บน ถ.หมายเลข333 แล้วป้ายบอกตรงไป ก็ให้ขับตรงไปเรื่อยๆ แล้วจะมีป้ายมาหลอกเราให้เข้าไปในเมือง ถ้าเจอไม่ต้องหลงกลน่ะ ไม่ต้องเลี้ยวเข้าไป ให้ขับตรงไปเรื่อยๆ เลยค่ะ จากเลี้ยวขวาตรงแยกไฟแดง ขับผ่านโรงพยาบาล แล้วขับตรงไปเรื่อยๆ เลยค่ะ อีกประมาณ 7 กิโลถึงวัดท่าซุงเลย) ก็มาเห็นป้ายวิทยาลัยเทคนิคฯ เท่านั้นแหล่ะ ใช่แล้วๆ ไปเลยๆ โอ้ย..ตอนนี้แหล่ะค่ะฝนเทลงมาชนิดมองไม่เห็นทางเลย ต้องค่อยๆ ขับ ขับมาก็เห็นรั้ววัดสีเหลืองๆ ทั้งสองข้างทาง ใช่มั้ยหว๊าๆ น้องชายก็ขับเลี้ยวเข้าไป เราก็พยายามมองหาป้าย ก็เลยเจอป้ายข้างๆ ว่าวัดจันทาราม เราก็บอกน้องชายว่า ใช่แล้วๆ วัดนี้แหล่ะ โอ้ย..เข้าจอดรถใต้ต้นโพธิ์ตรงเยื้องๆ ตึกรับแขก..เท่านั้นแหล่ะค่ะ พนมมือสาธุท้วมหัวน้ำตาไหลเลย..บอกลูกเจอวัดหลวงพ่อแล้ววว..ในที่สุด..เรามีความรู้สึกว่า..โดนทดสอบยังไงก็ไม่รู้..หลวงพ่อเจ้าขา..ฮื้อ ฮือๆๆๆ...Yes,we made it
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 ตุลาคม 2013
  14. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    แวะเอาผ้ามาซับนํ้าตาให้ค่ะ ติดไว้เช็คนํ้าหมากอ่ะ เช็คนํ้าตาคงพอได้น่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cc.jpg
      cc.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.9 KB
      เปิดดู:
      50
  15. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]
    [​IMG]

    ทีนี่..มาถึงที่พัก..หลังจากนั้นเราก็ค่อยออกไปหาที่พัก (ตอนนี้ก็ 6 โมงเย็นกว่าๆ แล้วค่ะ แต่มืดมากกก เพราะครึ้มฝนด้วย) รีสอร์ทใกล้วัดเต็ม แล้วก็ขับเข้ามาถามคนในเมือง ไปตามที่เค้าบอก เป็นอพาร์เม้นท์ ก็ปรากฎเต็มอีก..หื้ออ..ทำไงล่ะทีนี้..เราก็นึกในใจทันทีเลยว่า..หลวงพ่อเจ้าขาช่วยลูกด้วยเจ้าค่ะ ช่วยให้ลูกได้ที่พักด้วยเถิด ไม่ยังงั้นลูกต้องนอนในรถแน่ๆ...ก็ปรากฎว่าพอออกจากอพาร์ทเม้นท์เลี้ยวออกถนนมา ขับมาช้าๆ เรื่อยๆ ไม่ถึง 5 นาทีค่ะ ท่านผู้ช๊ม..ช่างบังเอิญจริงๆ มาเจอโรงแรมค่า...มีห้องว่างค่ะ คืนนั้นฝนตกไม่ร้อน เราก็เลยเลือกห้องพัดลม 350 บาท เป็นโรงแรมแห่งแรกในจ.อุทัยธานี อายุก็ 30 กว่าปีแล้วค่ะ ชื่อโรงแรมพิบูลย์สุข ก็ดั่งในภาพเลยค่า..สงสัยห้องนี้จะไม่ค่อยถูกเปิดใช้บ่อย กลิ่นห้องเป็นอับๆ...แต่สีทนด้ายย...คิๆๆ (ดีกว่านอนในรถฟ่ะ)...
     
  16. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444

    จัดไป ! คุณลินดา เตรียมเสื่อไว้แร๊ะ ...จับจองที่นั่งตามสบายได้เลยค่ะ ... ท่านผู้ชม...ท่าจะยาว อิ อิ..


    [​IMG]
     
  17. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    และแล้วก็ถึงเช้าวันที่ 29 กย.56 เรามาถึงวัดตอน 9 โมงเช้า อันดับแรกเลยก็ต้องฝากท้องไว้ที่โรงทานซะก่อน (กองทัพเดินด้วยท้อง อิๆๆ) โมทนาบุญกับทุกโรงทานในวันนั้นด้วยค่ะ เสร็จแล้วก็เริ่มทำบุญตั้งแต่ปากทางเข้าวิหาร 100 เมตรเลยค่ะ โชคดีตอนเช้าๆ คนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไร พอเข้ามาในวิหารแก้ววิจิตร ตระการตามากกก สวย อลังการงานสร้างมากกกเลยค่ะ ป๊าดดด..บารมีของหลวงพ่อท่านสร้างไว้..สะอ๊อน..สะออน..อิๆๆ..อากาศก็เย็นดีจัง ไม่ร้อนเลย พอมองเห็นสังขารหลวงพ่อก็เดินรี่เข้าไปกราบคาระวะท่านเลย ดีใจมาก ขนลุกตลอดเลย ก็เลยถือโอกาสนั่งรอคณะที่เดินทางมาจาก กทม.ตรงนี้ซะเลย สักพักใหญ่ๆ ก็ได้พบกับน้องหว้า พี่เมศ และคุณน้องก้องเกียรติ หลังจากนั้นคณะเราก็ไปหาจับจองที่นั่งให้ตรงกับหน้าเลขที่ลำดับที่ 52 เพื่อง่ายต่อการถวายเครื่องไทยทาน และอีกอย่างผู้คนเริ่มเข้ามาในวิหารกันเยอะ กลัวไม่มีที่นั่งค่ะ เลยยึดหัวหาดไว้ซะเลย..อิๆๆ..แต่ปรากฎว่า พอรอบ2 ที่เราจะถวายดันต้องย้ายขึ้นไปอยู่อันดับ 2 เพราะรอบสุดท้ายมีพระอยู่ 50 รูป ต้องพลัดกันเข้าไปถวายต่อพระองค์เดียวกัน (คือ 1-50 แล้วก็ 50-100) แบงค์ 20 ที่แลกมา 100 ใบ แบ่งให้ทุกคน(5 คน) ได้มีโอกาสได้ทำบุญร่วมกันคนละ 20 ใบ (ขอโทษทีคุณเกียรติคงจะมาทีหลังรึเปล่า ไม่แน่ใจ ครูเกษเลยไม่ได้แบ่งให้เลย) ทุกช่วงที่ทำการถวายเครื่องไทยทาน และกล่าวอุทิศบุญให้หลวงพ่อพร้อมๆ กัน..โอ้โห้..ไม่รู้อาการปีติซาบซึ้งในหลวงพ่อมาจากไหน น้ำตาไหลตลอดเลย จิตหนูสัมผัสหลวงพ่อได้จะๆ ก็คราวนี้แหล่ะค่ะ ฮื้อ ฮือๆๆ..สาธุๆๆ...พอเสร็จก็ออกมาถวายสังฆทาน 2 ชุด แล้วก็กลับเข้าไปข้างในวิหารอีกครั้งเพื่อถวายปัจจัยที่เหลือทั้งหมด 32,000 บาท ร่วมทำบุญทุกอย่างกับทางวัดท่าซุงค่ะ ก็ได้หนังสือมาหลายเล่ม เดี๋ยวไว้รอแจกชาวจิตเกาะพระในโอกาสต่อไปน่ะค่ะ หลังจากนั้นก็ไปเติมพลังกันต่อที่โรงทาน ด้วยเวลาอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ในวันนี้ พวกเราก็เลยได้พากันไปกราบสมเด็จพ่อองค์ปฐมฯ ที่เดียวเองค่ะ ท่านพ่อสวยมากกกก อลังการงานสร้างอีกแล้วคับท่าน เข้าไปแล้วไม่อยากจะออกมาเลย..จริงๆ.. หลังจากนั้น ก็ขับรถออกมาเพื่อส่งมอบอุปกรณ์การอบรมจิตเกาะพระจากพี่เมศค่ะ แล้วน้องชายของเราก็เลยถือโอกาสอันดีนี้ แจกแหวนเงินเหรียญบาทที่ตีด้วยมือเค้าเองให้เป็นที่ระลึกค่ะ หลังจากนั้น ถึงเวลาอันสมควร ก็ต้องถึงเวลาที่จะต้องลาจากกันค่ะ เพราะทาง กทม. ต้องเผื่อเวลาขาเข้าฝนอาจตกรถติดได้ แต่สำหรับเรารึ...หุๆๆ...เดี๋ยวมีเด้งที่ 2 มาเล่าสู่ฟังจ๊ะ..แต่ขอเป็นพรุ่งนี้เด้อจ้า...:z12
     
  18. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    555...ขอบคุณค่ะ คุณพี่ลินดา..อุตสาห์เจียดผ้าเช็ดน้ำหมาก มาให้เราเช็ดน้ำตา...มันจะพอมั้ยเนี่ยย...ฮื้อ ฮือๆๆๆcatt3
     
  19. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ป้าดด เสียสละขนาดนะน่าน ตอนนี้ต้องคอยยก ชายผ้าถุง เอ้ย คอกระเช้าขึ้นซับนํ้าหมากแทนละตัวเอ้ง ฮิๆ มารอฟังเด้งที่สองนะจ๊ะๆ ขอบคุณคุณแนทสำหรับหมากค่ะ กะลังเปรี้ยวปากเชียว
     
  20. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    ว่าแต่ว่า ..คำเนี่ย มันแปลว่าอะไรอ่ะ? ...สะอ๊อน ..สะออน​




    [​IMG]


    ธรรมะบันเทิง...
    โดย...
    Linda 2009​


    โอ๊ย ! แนท นั่งขำคุณลินดา กะ ครูน้องเกษ อยู่เนี่ย ...คุณลินดา เนี่ยมาทีไร เรียกเสียงฮา ได้ตลอดเลย ...

    ท่านพี่ภู ... ขออนุญาต คั่นรายการด้วย ธรรมบันเทิง นะคะ ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...