{{หลวงพ่อคูณ257}}ศึกษาพระสมเด็จ/เบญจภาคีองค์ครู26ขุนแผนพรายกุมาร4ลพ.พรหม68พ่อท่านคลิ้ง105

วัตถุมงคลรุ่นคุณพระ "เทพประทานพร"

วัตถุมงคลรุ่นคุณพระ เทพประทานพร จัดสร้างโดยบุญนิธิปริสุทธญาณ โดยกาจัดตั้งของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ และได้ออกใบอนุญาติพิเศษให้จัดสร้าง วัตถุมงคลรุ่นคุณพระ "เทพพิทักษ์" และรุ่นคุณพระ "เทพประทานพร" เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2535 เพื่อจัดหารายได้เข้าสมทบก่อตั้งเป็นกองทุนบุญนิธิปริสุทธญาณขึ้น เพื่อเป็นทุนใช้ในการทำนุบำรุงพระศาสนาสืบไป

 

วัตถุมงคลรุ่นคุณพระ "เทพประทานพร" นี้ หลวงพ่อได้มีเมตตานั่งสมาธิเป็นแบบให้เป็นครั้งแรกโดยเฉพาะในการทำวัตถุมงคลรุ่นนี้เท่านั้น โดยทุกพิมพ์ที่จัดสร้างเป็นพิมพ์สมาธิจากแบบจริงทั้งสิ้น และจัดสร้างด้วยความปราณีตงดงามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อันจะเป็นวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งของหลวงพ่อสืบไป วัตถุมงคลรุ่นนี้จึงควรค่าอย่างยิ่งต่อการมีไว้สักการะบูชา และเข้าร่วมสมทบทุนในกองทุนบุญนิธิปริสุทธญาณของหลวงพ่อ

 

การสร้างพระรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรกรุ่นคุณพระเทพประทานพร



จำนวนการสร้าง
1. ชุดทองคำ 1,000 ชุด ประกอบด้วย ทองคำ, เงิน , นวะโลหะ , ทองฝาบาตร , ทองแดง
(พระในชุดทองคำตอกโค้ดและหมายเลขทุกองค์และตอกคนละตำแหน่งกับพระนอกชุดทองคำ)
2. เนื้อเงิน 3,000 องค์ ตอกโค้ดตัว มิ ที่ก้นด้านริมซ้ายมือเรา
3. เนื้อนวะโลหะ 5,000 องค์ ตอกโค้ดตัว มิ ที่ก้นด้านริมขวามือเรา
4. เนื้อทองฝาบาตร 3,000 กว่า องค์ ตอกโค้ดตัว มิ ที่ก้นตรงกลางค่อนขวามือเรา
5. เนื้อทองแดง 20,000 องค์ ตอกโค้ดตัว มิ ก้นตรงกลางค่อนซ้ายมือเรา

สร้างเต็มตามจำนวนที่ระบุในเอกสารทุกรายการ
ยกเว้นพระรูปเหมือนปั๊มเนื้อทองฝาบาตรทำได้แค่เพียงสามพันกว่าองค์
เนื่องจากบล็อคทั้งหมดชำรุด

อ้างอิง คุณ chokchai

 

พระรูปเหมือนปั๊มนวะโลหะพิเศษ (กรรมการ)
เนื้อนวะโลหะพิเศษ (กรรมการ) จำนวน 25 องค์ ตอกโค้ด มิ ที่ใต้ฐานและ
ตอกโค้ด นะ (โค้ดที่ตอกเหรียญเสมาโภคทรัยพ์)ที่ชายสังฆาฏิด้านหลัง
จริง ๆ แล้วเป็นพระที่ปั๊มออกมาเป็นพระตัวอย่างคือ
เนื้อเงิน 1 องค์ เนื้อนวะโลหะ 100 องค์ เนื้อทองฝาบาตร 100 องค์
เนื้อทองแดง 100 องค์ ให้หน่วยรับจองโชว์ให้ผู้ที่สนใจ
ชมเป็นตัวอย่าง จึงเป็นพระบล็อกแรก ตอนนั้นยังไม่มีการตอกโค้ดใด ๆ
เมื่อปิดการสั่งจองแล้วจึงเก็บคืนมาได้แค่เนื้อละประมาณ 20 กว่าองค์
ได้นำมาตอกโค้ดและเข้าพิธีปลุกเสกเรียบร้อยแล้ว เก็บทิ้งไว้นานสิบห้าปี
มาตรวจดูอีกทีปรากฏว่าคนที่ตอกโค้ดได้ตอกโค้ดเพิ่มโดยใช้โค้ดตัวนะที่ตอกเหรียญเสมา
และพระบูชา ตอกเพิ่มไว้ที่ชายสังฆาฏิด้านหลังจำนวน 26 องค์
เป็นเนื้อนวะโลหะ 25 องค์ เป็นเนื้อทองฝาบาตร 1 องค์ ที่เหลือตอกตามปกติ
ไม่ได้ตอกเพิ่มอะไร พระทั้งหมดอยู่ที่กรรมการจัดสร้าง ไม่มีในสนามพระ
เนื้อนวะโลหะพิเศษจะแตกต่างจากเนื้อนวะธรรมดาอย่างชัดเจน
และที่เห็นมีเนื้อนวะธรรมดาตอก นะ ด้านหลังตัวใหญ่ ๆ นั้น
เป็นพระแท้ที่บุคคลอื่นตอกกันเอาเองครับ

 

สวยมากครับ พี่หนุม

 

สวยมากครับ พี่หนุ่ม

 

รุ่นนี้ผมมีแต่เหรียญฝาบาตรครับ คุณหนุ่ม คุณหนุ่มเป็นแฟนพันธ์แท้ คงมีเยอะหลายรุ่นมากแน่นอนที่สุดครับ สวยๆทั้งนั้นเลยครับสะสมไว้2เหรียญครับ สีฝาบาตรสวยดีครับ

 

* แนะนำพระดี ที่แขวนแล้วรวย ชีวิตก้าวหน้า *

พระเครื่องและของขลังในเมืองไทยเรามีมากมายมหาศาล อาจมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ มีทุกแบบ ทุกชนิดให้สะสมบูชาตามจริตของแต่ละคน และด้วยคนไทยเราส่วนมากนับถือศาสนาพุธเป็นหลัก จึงมักแขวนพระกันเป็นนิสัยและปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก แต่มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจในอำนาจพระพุทธคุณของพระที่เรานับถือและแขวนบูชา ยิ่งคนที่แขวนหรือสะสมตามกระแสนิยมยิ่งไม่มีจุดยืนหรือความศรัทธาจากใจของตนเองมากนัก ถึงจะแขวนเป็นพวงครั้งละสามหรือห้าองค์ พระดีราคาสูงอย่างไร แต่ก็ไม่เคยรับรู้ประสบการณ์อะไร แต่มักปลอบใจตนเองว่า การไม่มีอะไรคือประสบการณ์ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า คำว่าประสบการณ์ไม่ใช่ต้องเป็นรูปธรรม โดนแทง รอดจากอันตรายเท่านั้น ส่วนที่เป็นนามธรรมก็สามารถรับรู้และสัมผัสได้ ผมเขียนแง่คิดนี้จากประสบการณ์ของตนเองที่แขวนพระมาตลอด เลือกบูชามามากและก็ไม่ได้เป็นเซียนหรือเสี้ยนพระอะไร ไม่ใช่นักปฏิบัติธรรมฝันเฟื่อง โดยสังเกตมาทุกวัน จนพบกับประสบการณ์ใหญ่ๆหลายครั้งและส่งผลให้ชีวิตก้าวมาอยู่ในจุดที่อาจเรียกได้ว่าสูงสุดของความต้องการในชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งที่อยากมี อยากดี อยากได้ อยากรวย อยากให้คนรอบข้าง พ่อแม่ ลูกเมีย กินดีอยู่ดี มีใช้

ตลอดสามปีหลังนี้ ผมพบกับสิ่งดีๆ ตลอดจนอำนาจเร้นลับที่เกื้อหนุนช่วยบันดาลให้งานของผมก้าวหน้าแบบไม่คาดฝัน ทั้งงานในประเทศและต่างประเทศ และทดลองซ้ำไปซ้ำมาจากพระเครื่องที่อธิษฐานขอได้และเห็นผลอย่างชัดเจนมาก เหตุการณ์แบบนี้เกิดกับผมมากกว่า 20 ครั้งในสามปี ทำให้ผมอยากเผยแพร่สิ่งดีๆที่ทดลองและคัดเลือกมานานจนเห็นผลชัดเจน ที่บางคนอาจนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตบ้าง ไม่ได้มีเจตนาโอ้อวดแต่อย่างใดและไม่คิดว่าจะเป็นการทำให้มีผู้เสียประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นในองค์อาจารย์ของคนหนึ่งคนใดทั้งสิ้น เพียงแต่เล่าจากสิ่งดีๆที่ได้สัมผัสโดยตัวเองไม่ใช่ตามคำร่ำลือ ไม่ได้อยากโชว์หรืออยากดัง ไม่ใช่การโปรโมตขายพระในสต๊อก และผมไม่มี blog หรือweblog ของตัวเองเพื่อคุยในเนตหรือขายของสักอย่างเดียว
ก่อนอื่นลองตั้งใจและตั้งข้อสังเกตดูตนเองและรอบๆตัวในสังคมของคนที่สนใจและนับถือพระเครื่องกันดูซิว่า เราอยู่ในจุดไหนของคำว่าผู้มีศรัทธาในอำนาจพระพุทธคุณ และความศักดิ์สิทธิ์ แม้จะมีบางคนบอกว่าธรรมมะเป็นของแท้แน่จริง ผมก็ไม่เถียงว่าไม่จริง อย่าลืมว่าคนเราจิตละเอียดไม่เท่ากัน แต่หากพระเครื่องไม่ดีจริงหรือไม่มีผลกับผู้บูชา พระอริยะหลายองค์คงไม่เมตตาสร้างหรือปลุกเสกให้ผู้ศรัทธาในตัวท่านหรอก คนโบราณสมัยก่อนก็คงไม่เอามาแขวนให้หนักคอสืบต่อกันมาแน่นอน เขาลอง เขาเห็นผลกันมาแล้วจึงจดจำสืบต่อกันมาเหมือนยาสมุนไพร มีแต่ยุคนี้ที่เบี่ยงเบนเจตนาให้เป็นแฟชั่นตามกระแสที่มีผลประโยชน์เกี่ยวพัน ฉลาดมากเลยโง่นาน ที่รู้มากก็ฉลาดน้อย

คนชอบพระและของขลังมีหลายแบบ หากจัดแบบง่ายๆ ท่านจัดอยู่ในกลุ่มไหน

กลุ่มแรก เป็นนักเลงพระเครื่อง มักเป็นคนใจนักเลง กล้าได้กล้าเสีย หลงตัวเองอยู่ไม่น้อย เจ้าชู้ ขี้โอ่อีโก้สูง และมีความมั่นใจในตัวเองสูงส่ง ชอบอวด อยากโชว์ แขวนพระเพราะอยากมีระดับในสังคมพระเครื่องมากกว่าจากใจศรัทธา มุ่งหาแต่พระดังและมีราคาแพง อยากให้ลองสังเกตดูคนรอบข้างได้เลยว่าเป็นอย่างนี้หรือไม่ กลุ่มนี้มักไม่ได้รับผลในแรงอธิษฐานมากนัก เพราะศรัทธาไม่ได้เกิดจากจิตใต้สำนึกหรือจากพื้นฐานของจิตใจ แต่มาจากการทำธุรกิจพระเพื่อการพาณิชย์ แต่ไม่ใช่ทุกคนนะครับ


กลุ่มที่สอง คนที่หลงใหลในพระเครื่อง มักเป็นคนจิตตก ใจไม่มั่นคง เกิดวิตกจริตได้ง่าย เห็นอะไรก็มักเกิดอุปาทานไปในทางพระทางผีได้ง่ายๆ ไม่มีจุดยืนของตนเอง ชอบเปลี่ยนพระไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุดตามแต่ใครว่าอะไรดีก็เฮไปตามๆกัน บ้าตามโฆษณา ชอบอ่านชอบโชว์ อยากวิจารณ์ จึงมักไม่มีประสบการณ์เด่นชัดเพราะใจไม่นิ่งเลยถือไม่ขึ้นตามคำโบราณว่า ในโลกอินเตอร์เน็ตมีคนพวกนี้มาก


กลุ่มที่สาม คนที่ศรัทธาในพระเครื่อง มักมีความมั่นคงในพระที่แขวนบูชา ไม่สนใจว่าถูก ว่าแพง และมักมีพระน้อยไม่มากมายอย่างสองพวกแรก ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาทั่วไป ชอบทำบุญทำทาน ไม่ชอบซื้อพระ ยึดมั่นถือมั่นในครูบาอาจารย์ ใจมั่นคง พระพื้นๆทั่วไปก็ศรัทธาไม่ดูแคลน แขวนองค์ไหนก็อยู่ติดตัวนาน มักมีประสบการณ์เกิดขึ้นกับตัวให้เห็น

คนสองกลุ่มหลังนี้ผมอยากแนะนำว่าลองอ่านเอาเกร็ดเล็กน้อยไปเป็นมุมมองเล็กๆของประสบการณ์สำหรับกลุ่มแรกนั้น ขอให้มองข้ามผ่านไปเลย หากอ่านแล้วมันบาดอารมณ์ของผู้เจนจัดวงการพระ
พระเครื่องดีๆมีอยู่ทั่วไปอยู่ที่ว่าเราค้นพบด้วยตัวเราเองหรือไม่ พระแต่ละองค์ใช่ว่าจะบูชาแล้วเกิดผลดีกับทุกคนเหมือนกัน หากเราและพระผู้สร้างวัตถุมงคลนั้นๆเคยเกื้อกูลกันมาแต่ครั้งก่อน หรือมีใจศรัทธาเลื่อมใสอย่างปราศจากข้อกังขา ย่อมเกื้อหนุนให้เกิดผลชัดเจนและรับรู้ได้ แต่กับบางคนก็ไม่เห็นผลชัดเจนอย่างที่หวังเอาไว้ ทั้งที่แขวนพระแท้ ราคาแพง
บางคนไปโทษการเลี่ยมพระแบบไม่ให้พระหายใจหรือเลี่ยมพลาสติกปิดมิดชิด หากพระที่เราเลี่ยมพลาสติกแล้วช่วยเราไม่ได้ ก็อย่าแขวนพระเลยจะดีกว่า เพราะแค่พลาสติกใสๆที่กั้นหรือห่อหุ้มไว้ ยังปิดกั้นพลังความศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้ช่วยเราได้ แขวนไปก็ทรมานพระท่านที่อยู่ในกรอบพลาสติกเปล่าๆ ลำแสงจากไฟฉายสามารถพุ่งออกมาจากกระบอกไฟฉายได้ฉันไดทั้งที่มีกระจกกั้นอยู่ รังสีของพลังพุทธคุณก็ย่อมต้องพุ่งออกมาได้ฉันนั้น ยิ่งกว่านั้นอำนาจจิตที่ได้ระดับของผู้มีอภิญญาย่อมสูงส่งและสามารถทะลุทะลวงได้เช่นเดียวกับรังสีแกรมม่า รังสีเอ๊กซ์เรย์ หรือ คลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า อีกทั้งอาจไร้ขีดจำกัดของระยะทางและมิติของเวลา ปราศจากขอบเขตขีดกั้น หากลองนึกดูว่าในยุคหลัง 2520 มานี้ การเลี่ยมพลาสติกเป็นที่แพร่หลายและยอมรับของผู้แขวนพระ หากพลาสติกสามารถกั้นพลังงานแห่งอภิญญาธรรมและกระแสจิตที่แรงกล้าได้แล้ว ทำไมพระอริยะเจ้าหลายองค์จึงยังสร้างพระเครื่องที่บางรุ่นเป็นพระผงที่ต้องเลี่ยมพลาสติกใช้ ยิ่งกว่านั้นบางวัดยังเลี่ยมให้เรียบร้อยจากวัดมาเลยทีเดียว มีหรือที่พระระดับกรรมฐานชั้นสูงจะไม่รู้ว่าพระของท่านจะหุ้มพลาสติกได้หรือไม่

พระเครื่องโดยทั่วไปย่อมดีเด่นด้วยกันบนพื้นฐานของความคงกะพัน แคล้วคลาด เมตตา หรือมหาอุดซึ่งเป็นอำนาจจิตพื้นฐานของ ผู้ได้ฌานหรือได้อภิญญาระดับพื้นฐาน พระที่หาได้ยากมากคือพระที่มีพลังอำนาจของการเกื้อหนุนชีวิตให้รุ่งเรืองก้าวหน้า และพระที่อำนวยผลตามการอธิษฐาน เท่าที่พบและสัมผัสมาแล้วโดยตัวเอง (พระอื่นๆก็มีดีแน่นอน เพียงแต่ผมอาจไม่มี ไม่ได้ทดลองใช้ หรืออาจใช้แล้วไม่ถูกโฉลกกับตัวผมเองก็เป็นได้)
- พระเครื่องหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม

- พระเครื่องของแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม

- พระเครื่องหลวงพ่อกวย ชุตินธโร ชัยนาท

- พระเครื่องหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ระยอง

- พระเครื่องหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา

- พระเครื่องหลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่

- พระเครื่องหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง

- พระเครื่องหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน ศรีสะเกษ

พระเครื่องของพระคุณเจ้าเหล่านี้ เพียงขอให้แท้แน่จริงเท่านั้น คำว่าแท้มีนิยามง่ายๆว่า ท่านรับรู้การสร้างและท่านเต็มใจปลุกเสกให้เอง แท้แบบของนักพุทธพาณิชย์คือว่า พิมพ์ใช่ เนื้อใช่ ตำหนิใช่ ขายได้ อาจใช้ไม่ได้กับนิยามของผม เพราะผมรู้ว่าพระเครื่องหลายรุ่นที่เราเล่นหาสะสมกันทุกวันนี้ ยัดวัดอุปโลกน์ ทั้งๆที่จริงๆไม่เคยมี โมเมเล่นตามๆกันมา เอาของปลอมมาเป็นบรรทัดฐานตั้งแต่แรกแล้ว ลูกปูก็เลยต้องเดินตามแม่ปูไปด้วย บางรุ่นของหลวงพ่อที่ดังๆอาจเป็นของจริงครึ่งเดียว เพราะเมื่อก่อนนายทุนนักสร้างพอเปิดรับจองอาจมีคนจองน้อย ก็เลยทำออกมาแต่พอควร ขนไปปลุกเสกแค่ให้เห็น แล้วมาโหมโฆษณาใส่สีตีข่าว เกิดติดตลาดขึ้นมาก็มาผลิตภายหลังและส่งขายไปตามศูนย์ต่างๆเรื่อยๆ ไอ้ที่ว่าทำลายบล็อก ทำลายโค๊ต เคยไปดูกันหรือว่าเป็นบล็อกตัวเดียวกับที่ผลิต แล้วเขาทำไว้กี่ตัว ทำลายไปหนึ่ง ยังเก็บไว้อีกสิบ หากเป็นคนวงในหรือสนใจวงการพระเครื่องจริงๆ ก็คงไม่ไร้เดียงสาเกินไปแน่ที่จะรู้เรื่องนี้

พระเครื่องของแต่ละท่านก็ไม่ใช่ว่าจะมีความศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันทุกรุ่น อยู่ที่เวลาปลุกเสกอธิษฐานนั้น พระคุณเจ้าท่านเน้นสมาธิจิตไปทางไหน ท่านมีกสิณและอำนาจจิตแก่กล้าแบบใด และส่วนผสมในวัสดุที่เป็นองค์พระมีอะไรเป็นองค์ประกอบ ยกตัวอย่างเช่น หลวงปู่สิม ท่านเน้นที่เหรียญเมตตาว่าดีและควรหามาบูชา เป็นต้น หลวงปู่ทิมเน้นให้เอาปรกมะขามไปลองปืน(หากอยากลอง)เป็นต้น
ลองหาที่ใช่แบบว่าแท้และใช่จริงๆ แขวนบูชาดู ทุกเช้าก่อนแขวน อธิษฐานถึงท่านในสิ่งที่ต้องการ เราเองเท่านั้นที่จะสัมผัสได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้างในรอบวัน เพียงแค่ 15 วัน เท่านั้นเราสามารถรับรู้ได้ถึงสัมผัสระหว่างพระเครื่องและเราผู้บูชาโดยตัวของเราเอง อาจแขวนองค์เดียวก็ได้ หรือเอาใส่กระเป๋าอีกสักองค์ก็ได้ ไม่ต้องเอาท่านแขวนทุกองค์หรอกครับ แต่ก่อนแขวนบูชา เราก็ต้องรู้ก่อนว่าท่านเป็นใคร ดีอย่างไร เป็นพื้นฐานของแรงศรัทธา หากแขวนแบบไม่มีอะไรในใจบ้างเลยแม้แต่แรงศรัทธา ก็ไม่ต่างอะไรกับการแขวนเครื่องประดับสักชิ้น ความศรัทธาและงมงายห่างกันแค่พลิกฝ่ามือ เมื่อแขวนบูชาแล้วให้นึกถึงท่านบ่อยๆ พลังใจจะเกิดกับเราจากความศรัทธาและการเชื่อมั่น และตัวเราเองต้องตั้งใจให้มีจิตมุ่งมั่นในปลายทางที่คาดหวัง สำหรับงานหรือกิจที่จะกระทำ หรือเรียกว่าสร้างแรงบันดาลใจ เพราะจิตของเราจะเป็นสื่อนำพาความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธคุณในพระเครื่องที่เราน้อมนำอยู่ไปช่วยในสิ่งที่อธิษฐานขอท่านให้ช่วยอย่างถูกที่ถูกเวลา แต่อย่าสะเปะสะปะขอไปเรื่อยเปื่อยไร้เหตุผลและไร้จุดโฟกัส


อย่าเชื่อแบบงมงายหรือศรัทธาแบบสุดโต่งไม่อยู่บนพื้นฐานของหลักธรรม อย่าให้ปาฏิหาริย์เกิดจากจิตหลอน หรือใจที่อ่อนไหวของตัวเอง อย่าหลงเชื่อโดยตัวเองไม่เคยพิจารณาข้อเท็จจริงในความน่าจะเป็นบนพื้นฐานของความเหมาะสม อย่าให้ความอ่อนโลกของตัวเองเป็นเส้นทางของนักหลอกลวงได้ก้าวเดินเข้ามาหาเพื่อโฆษณาชวนเชื่ออะไรที่จะเป็นตัวบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ในพระเครื่องที่เราแขวนบูชา น่าจะเป็นผลจากการอธิษฐานในสิ่งที่ขอ และประสบการณ์จากการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ตัวของผมเองทดลองแขวนพระมาหมดแล้วทั้งหลักล้านยันหลักร้อย มีพระเครื่องที่เก็บไว้ในรอบ 25 ปี มากกว่า 1000 องค์ นับร้อยหลวงพ่อ ตั้งแต่ปี 2525 เป็นต้นมา พระแพงๆที่เขานิยมเสาะหากันก็เคยแขวนบูชา แต่ประสบการณ์มีน้อยและไม่เห็นผลชัดเจน จนมาพบสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองและเชื่อได้ว่าอำนาจนอกเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มีจริง


เท่าที่แขวนพระมาและเห็นว่าดีแน่นอนอยากแนะนำให้ลองพิจารณาดังนี้
1. พระของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แนะนำให้ลองหาพระเนื้อดินหรือพระชัยวัฒน์แต่อาจมีราคาแพงในปัจจุบันและแยกแท้หรือเก๊ได้ยาก หากมีโอกาสก็ขอแนะนำให้หามาบูชา

2. พระของแม่ชีบุญเรือน แนะนำให้หาพระสมเด็จมงคลมหาลาภ ที่ยังมีราคาถูก เป็นของดีราคาถูกเพื่อคนทำมาหากินจริงๆ อธิษฐานขอได้แทบทุกอย่าง เป็นของดีมากที่อยากให้เก็บไว้สักองค์ อย่าไปมุ่งหาเฉพาะพระพุทธโธน้อย ของท่านที่ปลอมแบบแสบทรวง และขอให้เชื่อว่าหากได้ของแท้ๆแล้วละก้อ พระมงคลมหาลาภเห็นผลชัดเจนกว่ามาก เพราะยังมีพระคุณเจ้าสายกรรมฐานอีกหลายองค์ร่วมอธิษฐานจิตให้อีกด้วยเป็นเวลานาน พระมงคลมหาลาภนี้ เพื่อนผมในต่างประเทศแบ่งเอาไปบูชาค้าขายได้ผลดีมากอีกด้วย ไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้น เพียงแต่เขามีศรัทธามั่นคง ยังหาได้และดูไม่ยาก ราคายังถูก ผมว่าไม่ด้อยกว่าพระวัดระฆัง

3. พระของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หากแท้ๆรับรองว่าเรื่องแคล้วคลาดจากอันตรายเชื่อถือได้แน่นอน พระกริ่งชินบัญชร(แท้ๆ)ของท่านให้ผลด้านความก้าวหน้าอย่างชัดเจน ลองหาพระของท่านที่ไม่มีเสริม ไม่มีเรื่องพาณิชย์เกี่ยวข้องมาใช้สักรุ่นดูก็ได้เช่น เหรียญผูกพัทธสีมาปี 17 หรือพระผงวัดไร่วารี พระสมเด็จชินบัญชร ทั้งสามแบบที่แนะนำไม่มีมั่ว ไม่มีปั้นเรื่อง ดีแบบพื้นบ้านตามแบบพระสำหรับแขวนบูชาและยังไม่แพงมาก ไอ้ที่แพงๆให้เขาไว้โชว์กันเถอะ เบื้องหลังมีมากมายนัก บอกไปก็วงแตกเปล่าๆ ของบางชิ้นก็ต้องเป็นไปตามทางที่ขีดให้เดิน

4. พระของหลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง ขอแนะนำรุ่นเมตตาเลยครับ เห็นผลชัดเจนในเวลาสั้นๆเลย และเป็นพระที่สร้างมาให้ผู้บูชาได้พึ่งพาพลังพุทธคุณได้แน่นอน ขอให้แท้ รับรองว่าดีกว่าพระหลักล้าน ไม่เฉพาะด้านเมตตาที่เด่นดัง แต่ด้านความก้าวหน้าก็เชื่อถือได้ ขอแนะนำเลยครับ

5. พระของหลวงพ่อกวย ชัยนาท อยากแนะนำให้ลองหาเหรียญหลังหนุมานหรือเหรียญจตุรพิธพรชัยของท่าน ของดีราคาถูก ปัญหาน้อย ดูง่าย มีที่มาที่ไป ท่านตังใจปลุกเสกมาก เรื่องป้องกันอันตรายแน่นอนเชื่อถือได้เลยและยังดีทางเมตตาอีกด้วย ท่านเป็นพระที่เด่นมากทางอิทธิฤทธิ์ อำนาจจิตสูง ตั้งใจทำพระให้ลูกศิษย์ด้วยใจที่ห่วงใยแม้นาทีสุดท้ายของสังขารท่าน

6. พระของหลวงปู่ดู่ อยุธยา รุ่นเปิดโลก ที่ราคาถูกมีอยู่คือเหรียญหลวงพ่อวัดพนัญเชิงและพระผงพรหม ของท่าน หากแท้ๆเราพึ่งพาท่านได้กับแรงอธิษฐานที่ท่านเมตตาต่อศิษย์ เรื่องแคล้วคลาดหนึ่งไม่เป็นสองในแผ่นดิน แต่อาจต้องเหนื่อยใจกับของเสริมของปลอมมากหน่อย

7. พระของหลวงพ่อเกษม ลำปาง รุ่นห้ารอบ ชุดมงคลเกษมและเหรียญที่สร้างก่อนปี 18 เป็นที่ยอมรับกันว่าพระของท่านมีบารมีเหลือล้น แม้แต่เซียนรุ่นเก่าๆที่แขวนแต่พระกรุ ยังต้องมีติดไว้สักองค์ โดยเฉพาะรุ่นห้ารอบที่ท่านการันตีว่า หากใช้ไม่ดี ให้เอามาคืน ผมแนะนำว่าดีจริงๆ

8. พระของหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน แนะนำเหรียญนารายณ์ทรงครุฑ และพระผงดวงเศรษฐี ซึ่งราคาถูกและมีพลังของความศักดิ์สิทธิ์แรงมาก อยากให้ลองหามาบูชาดู สิ่งนอกเหนือเหตุผลเกิดขึ้นได้เสมอ อย่าไปมุ่งแต่ของแพงๆ ยิ่งราคาสูงๆมีของโคลนนิ่งมาก เราดูเป็นจริงหรือไม่

แต่ไม่ว่าจะหาพระดีอย่างไรมาแขวนบูชาหรือสะสมพระดีๆให้ล้นห้อง หากเราลืมพระในบ้านคือพ่อแม่ของเรา ก็อย่าหวังว่าจะได้ผลเต็มร้อยสำหรับชีวิตอย่างที่หวังเลย สำหรับชีวิตของเรานั้น มีกรรมเก่าเกาะกินในตัวทุกคน แรงแห่งผลบุญการทำดี ผลของความกตัญญู รู้คุณจะช่วยลดแรงกรรมให้น้อยลง และช่วยให้อำนาจของความศักดิ์สิทธิ์ส่งให้เห็นผลเร็วตามที่หวัง

การทำบุญ สร้างทานกุศล ช่วยให้เราได้รับผลบุญเร็วอย่างที่ต้องการเมื่อผนวกกับแรงส่งจากอิทธิคุณของพระเครื่อง มีข้อคิดให้เตือนใจว่า พระแท้ดีทุกองค์หากผู้แขวนพระเป็นคนแท้ ขอให้ทุกคนจงโชคดีครับ......... อากร คุปตธนเมธี (หนุ่มเมืองแกลง)

 

เหรียญหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ รุ่นวางศิลาฤกษ์ เนื้ออัลปาก้า หรือเรียกอีกอย่างว่าเหรียญ "ดาบหัก" ทำไมรึ ............?

'หลวงพ่อมุ่ย' มงคลวัตถุที่มีประสบการณ์สูงยิ่ง (จาก นสพ เดลินิวส์)
“อภินิหาร” ที่เป็นจริงและปรากฏการณ์ที่เหลือเชื่อแบบ “เหนือลิขิต?? ประกาศิตฟ้าดิน??” ในดินแดน “สุพรรณบุรี” นั้นมีมากมายหลายเหตุการณ์ชนิดบอกได้ว่าเป็นเรื่องที่ “เหลือเชื่อ” แต่ก็ทำให้ผู้คนเกิด “พิศวงงงงวย” กันมามากต่อมากอย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมาแต่ก็ยัง ร่ำลือกันมาจนถึงทุกวันนี้ “เหนือลิขิต?? ประกาศิตฟ้าดิน??” ฉบับนี้จึงขอนำเรื่องราวมาขานไขให้ทราบกันเพราะเป็นอีกหนึ่ง “เรื่องจริง” ที่มีพยานยืนยันได้อย่างดีโดยเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ชื่อเสียงของ “หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่” ขจรขจายจาก “ทุ่งเดิมบางนางบวช” ไปทั่วทั้ง “จังหวัดสุพรรณบุรี” แล้วเล็ดลอดมาถึง “กรุงเทพฯ” ก็เพราะมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับ “เสี่ยเจ้าของบ่อดินลูกรัง” มีชื่อว่า “นายแจ่ม สังข์งาม” หรือที่ชาวอำเภอเดิมบางนางบวชเรียกขานว่า “เสี่ยโห้” ปัจจุบันอายุ ๕๓ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๑๑๘/๔ หมู่ ๕ ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี (เหตุที่บอกบ้านเลขที่ไว้เผื่อใครสนใจอยากไปฟังเรื่องราวกับหูตัวเองก็เชิญ ได้เลย) ซึ่งวันนั้นวันที่เกิดเหตุ “เสี่ยโห้” นั่งดื่มสุราอยู่กับพรรคพวก ๒ คนที่ร้านข้าวต้ม “เฮียฮ้อ” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ “สถานีรถเมล์” สายเดิมบางนางบวช ต.ท่าช้าง อ.เดิมบางนางบวช เวลาประมาณ ๒๒.๐๐ น.

หลัง จากดื่มกินกันไปหลายขวดเพื่อนสองคนเมาจน “หลับพับคาโต๊ะ” จึงเหลือ “เสี่ยโห้” คนออกตังค์นั่งโจ้อยู่คนเดียวระหว่างกำลังดื่มเพลิน ๆ อยู่นั้นพลันก็มี “มีดดาบ” ฟันฉับลงบน “ลำคอเสี่ยโห้” ทางด้านหลังเต็มแรงยังผลให้ “เสี่ยโห้” หัวทิ่มลงไปกับพื้นพร้อมกับบังเกิดความมึนงงอยู่ชั่วขณะ พอตั้งสติได้จึงหันไปมองผู้ที่ย่องมาลอบทำร้ายก็พบเห็นเป็น “นายซีน” (ขอสงวนชื่อจริง) ลูกชายของ “ร้านตัดกางเกง” ซอยตลาดบนในตลาดท่าช้างนั่นเองซึ่งเป็นคนรู้จักกันดียืนผงาด “มือกำดาบ” ขาววับเล่มใหญ่กำลังเงื้อดาบหมาย “ฟันซ้ำ” อีก “เสี่ยโห้” เห็นเช่นนั้นรีบลนลานลุกขึ้นวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนด้วยความกลัวท่ามกลาง “สายตาของชาวบ้าน” ที่เห็นเหตุการณ์หลายสิบคน “เสี่ยโห้” ที่วิ่งแบบไม่คิดชีวิตตามแบบฉบับของคน “หนีตาย” ไปได้ชั่วครู่ก็วิ่งไปชนเอารถเมล์ที่จอดอยู่ที่ “ท่าจอดรถ” เสียงดังสนั่นผลก็คือตัวเอง “ล้มกลิ้งกับพื้น” ทำให้ “นายซีน” ที่วิ่งไล่กวดมาติด ๆ พอเห็น “เสี่ยโห้” ล้มกลิ้งอยู่กับพื้นจึงใช้มีดดาบเล่มที่ถืออยู่ในมือ “แทงเสี่ยโห้” แบบไม่ยั้งกระทั่งดาบเล่มนั้น “หักคามือ” ท่ามกลางสายตาของ “ไทยมุง” ที่เรียงรายมาล้อมวงดูเหตุการณ์

ระหว่างนั้น “จ่าธง” แห่ง “สภ.เดิมบางนางบวช” ได้ยินเสียงคนเอะอะจึงวิ่งมาดูเหตุการณ์พร้อมทำการ “ระงับเหตุ” ก็พบว่าผู้ถูกทำร้ายนอนสลบเหมือดอยู่กับพื้นแล้วจึงจับ “นายซีน” ไปโรงพักทางด้านเพื่อนร่วมดื่มของ “เสี่ยโห้” ที่บัดนี้หายเมาแล้วกลับคิดว่าเสี่ยโห้ถูกมีดแทงตายแล้วจึงช่วยกันหามร่าง เสี่ยโห้ไปยัง “ศาลาวัดท่าช้าง” จากนั้นก็ไปแจ้งข่าว “คุณพ่อคุณแม่” ของ “เสี่ยโห้” ให้ทราบเรื่องซึ่งพอทราบเรื่อง “คุณพ่อคุณแม่” ของเสี่ยโห้รีบรุดไปดูลูกชายทันทีแต่พอไปถึง “ศาลาวัดท่าช้าง” ก็เห็นลูกชาย “ลุกนั่ง” แต่อยู่ในสภาพ “โงนเงน” เต็มทีเลยตกใจเพราะตามคำของผู้ไปบอกนั้น “ลูกชาย” ถูกแทงตายแล้วจึงตรงไปสำรวจตรวจดูตามร่างกายปรากฏว่า “ลูกชาย” ไม่มี “รอยแผล” ใด ๆ เลยเพียงแต่ที่ “คอด้านหลัง” มีรอยแดงเป็นทางยาวปูดนูนออกมาให้เห็นชัดเจนส่วนลำตัวที่ถูกถอดเสื้อออกแล้ว พบว่ามี “รอยขีดข่วน” เต็มไปหมดที่ด้านหลังโดยที่ “พระเลี่ยมทอง” พร้อม “สร้อยคอทองคำ” ที่ใช้แขวนพระเป็นเพื่อนที่ช่วยหามเสี่ยโห้เก็บเอาไว้ก็พบว่าเป็น “สร้อยคอทองคำหนัก ๓ บาท” ที่อยู่ในสภาพ “ขาดกระจุย” ร่วงตกอยู่ในเสื้อของ “เสี่ยโห้” ที่เกิดจากแรงฟันของดาบส่วน “พระเลี่ยมทอง” ซึ่งก็คือ “เหรียญหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่” รุ่น “วางศิลาฤกษ์” ปี ๒๕๐๗ ที่มีเพียงเหรียญเดียวก็ยังอยู่ครบจึงเป็นที่กล่าวขวัญกันในหมู่ผู้ที่เห็น เหตุการณ์ครั้งนั้นว่า “เสี่ยโห้” รอดตายเพราะ “เหรียญหลวงพ่อมุ่ย” ช่วยไว้แน่นอนเพราะขณะโดนฟันโดนแทง “เสี่ยโห้” แขวนเหรียญหลวงพ่อมุ่ยเพียง “เหรียญเดียว” ที่แต่เดิมชาวบ้านเรียกว่า “เหรียญ ๕ เสาร์” แต่พอมีเหตุการณ์นี้จึงเรียกเหรียญรุ่นนี้ใหม่ว่า “เหรียญดาบหัก”

“พระครูสุวรรณวุฒาจารย์” (มุ่ย พุทธฺรักฺขิโต) เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๓๒ บิดาชื่อ “นายเหมือน” มารดาชื่อ “นางชัง” ในสกุล “มีศรีไชย” ที่บ้านดอนไร่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี อุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ โดยมี “พระครูธรรมสารรักษา” (อ้น) วัดดอนบุปผาราม อ.ศรีประจันต์ เป็นพระอุปัชฌาย์ “พ





ขอบคุณภาพพระ คุณม่านพฤกษา

 

เหรียญ๙พระเกจิอาจารย์ที่หลวงปู่ดู่บอกว่า'เก่งจริง'

เหรียญ๙พระเกจิอาจารย์ที่หลวงปู่ดู่บอกว่า'เก่งจริง'

อย่างที่ทราบกันดีว่า หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นพระภิกษุที่ถึงพร้อมในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นวัตรปฏิบัติ หรือการเจริญภาวนา
กล่าวกันว่า การปฏิบัติธรรมของท่าน หวังผลในเรื่องของพุทธภูมิ สำหรับในส่วนของวัตถุมงคล ถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งที่นำทางให้บรรลุผลตามหลักของพระพุทธศาสนา แต่ท่านก็ได้อนุโลมให้มี และรับรองถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตให้
สำหรับสิ่งที่หลวงปู่ดู่ยกไว้เหนือยิ่งกว่าวัตถุมงคลก็คือ การปฏิบัติ คำสอนของท่านก็กล่าวยืนยันว่า การปฏิบัติภาวนาเหนือกว่าเครื่องรางของขลัง คือ
“เอาของจริงดีกว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรนัง คัจฉามิ นี่แหละของแท้”
คำถามจึงมีต่อไปว่า ในบริบทการอนุโลมของหลวงปู่ดู่ บรรดาพระเกจิอาจารย์ที่สร้างวัตถุมงคล รูปใดที่หลวงปู่ดู่ท่านรับรองว่า เก่งจริง
คำตอบสำหรับคำถามนี้ กิจกรรมทางพุทธศาสนาของอดีตผู้บัญชาการเรือนจำกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา นายเรียน นุ่มดี น่าจะอธิบายได้ดี เรื่องมีอยู่ว่า
นายเรียน นุ่มดี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นศิษย์ผู้ใกล้ชิดคนหนึ่งของ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ในสมัยนั้นท่านกำลังใกล้จะเกษียณอายุราชการ และจะกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดที่ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
แต่เนื่องด้วย วัดเขาใหญ่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ซึ่งเป็นวัดใกล้บ้านเกิดของท่าน ขณะนั้นมีสภาพทรุดโทรม เสนาสนะต่างๆ ที่มีอยู่ก็ไม่ได้รับการบูรณะมานานมากแล้ว
ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่นในเรื่องของบุญกุศล นายเรียนจึงมีความตั้งใจที่จะหารายได้จำนวนหนึ่งเพื่อนำไปบูรณปฏิสังขรณ์วัดเขาใหญ่ให้สวยงาม พร้อมทั้งสร้างวิหารจตุรพิธพรชัยขึ้นใหม่ นายเรียนจึงได้นำความมาปรึกษากับหลวงปู่ดู่ว่า ตนเองจะทำอย่างไรดี
หลวงปู่ดู่จึงได้เมตตาแนะนำและให้คำปรึกษาในการจัดสร้างวัตถุมงคล ขึ้นมารุ่นหนึ่ง โดยได้บอกกับนายเรียนว่า ให้ไปขอความเมตตาจากพระเกจิอาจารย์เหล่านั้น เพื่อขออนุญาตสร้างเหรียญรูปเหมือนของแต่ละท่าน ด้วยเหตุผลที่ว่าท่านเหล่านี้ล้วนเป็นพระเกจิอาจารย์ที่หลวงปู่ดู่บอกว่า เก่งจริง คือ
๑.หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
๒.พระครูประสาทวิทยาคม (หลวงพ่อนอ) วัดกลาง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
๓.พระครูประสาทวรคุณ (หลวงพ่อพริ้ง) วัดโบสถ์โก่งธนู อ.เมือง จ.ลพบุรี
๔.พระครูศรีพรหมโสภิต (หลวงพ่อแพ) วัดพิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี
๕.พระรักขิตวันมุนี (หลวงพ่อถิร) วัดป่าเลไลยก์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
๖.พระราชสุวรรณโสภณ (หลวงพ่อโกย) วัดพนัญเชิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
๗.หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
๘.พระครูสันทัดธรรมคุณ (หลวงพ่อออด) วัดบ้านช้าง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
๙.หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
พระเกจิอาจารย์แต่ละท่านได้เมตตาอนุญาตให้จัดสร้างขึ้นได้ ตามวัตถุประสงค์
เมื่อเหรียญได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายเรียนได้นำเหรียญของพระเกจิอาจารย์ที่กล่าวถึงข้างต้นนี้ ไปให้แต่ละท่านปลุกเสกตามอัธยาศัย เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม
หลังจากนั้น เหรียญทั้งหมด พร้อมกับพระผงรูปแบบต่างๆ เช่น พระปิดตา พระแก้วสามฤดู พระผงสามสมัย ฯลฯ ได้นำมาให้หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ปลุกเสกเดี่ยวอีกครั้ง เป็นหนึ่งเดือนเต็มเช่นกัน
และขั้นตอนสุดท้าย วัตถุมงคลรุ่นนี้ที่มีชื่อว่า “จตุรพิธพรชัย ได้นำเข้าสู่พิธีพุทธาภิเษก ณ วัดรัตนชัย (วัดสามจีน) จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อปี ๒๕๑๘ เล่ากันว่า หลังจากพิธีเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ได้มีนักเลงในพื้นที่กล่าวดูหมิ่นว่า จะขลังสักแค่ไหน ซึ่งหลวงพ่อกวยได้ขออนุญาตพระเกจิอาจารย์ในพิธี นำเหรียญของท่านออกมาชูขึ้นหน้าอุโบสถ แล้วบอกว่า
“ใครจะลองบ้าง”
คำถามดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างดี โดยมีนักเลงคนหนึ่ง อาสานำไปยิงที่หลังอุโบสถ ปรากฏว่า เหรียญของหลวงพ่อกวยยิงไม่ออก นักเลงคนนั้นจึงได้นำเหรียญมาคืนหลวงพ่อกวย และกราบขอขมา
ปัจจุบัน พระเกจิอาจารย์ที่หลวงปู่ดู่รับรองว่า เก่งจริง ได้มรณภาพไปหมดแล้ว ความเก่งจริงของพระเกจิอาจารย์เหล่านั้น ได้ปรากฏผลเป็นรูปธรรมชัดเจน ด้วยดัชนีของราคาค่านิยมที่วัดกันในตลาดพระเครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหรียญหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค และ เหรียญหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม มีราคาค่อนข้างสูง และหายาก
สำหรับท่านที่ไม่สามารถหาเหรียญหลวงปู่สี และเหรียญหลวงพ่อกวย รุ่นนี้ได้ ก็ไม่ต้องกังวลใจ เหรียญของหลวงพ่อท่านอื่นๆ ที่จัดสร้างขึ้นในคราวเดียวกันนี้ ก็สามารถอาราธนาแทนกันได้
ขอเพียงแต่ขอให้ท่านมีจิตใจที่มั่นคง และน้อมนำขอความเมตตาไปถึงพระเกจิอาจารย์ท่านนั้นๆ ก็เป็นอันใช้ได้เหมือนๆ กัน
ทั้งนี้ก็เพราะว่า เป็นพระเกจิอาจารย์ที่หลวงปู่ดู่ ท่านได้แนะนำให้ อีกทั้งยังได้เมตตาปลุกเสกให้ด้วย จึงรับรองได้ว่า "ดีแท้แน่นอน"

อ้างอิง คมชัดลึก

 

รายนามพระคณาจารย์ที่มรณภาพแล้วสังขารไม่เน่าเปื่อย

1.หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
2.หลวงปู่นพ ภูวริ วัดมหาพฤฒาราม กรุงเทพฯ
3.พระอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมน กรุงเทพฯ
4.หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา แต่เผาท่านครับ กรุงเทพฯ
5.หลวงพ่อวงศ์ วัดปริวาส กรุงเทพฯ
6.หลวงปู่วงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน
7.ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนาม จ.ลำพูน
8.หลวงปู่เกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง
9.หลวงปู่ปัญญา คันธิโย วัดนาคตหลวง อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
10.หลวงพ่อบุญเหลือ วัดเขาตะกร้าทอง จ.ลพบุรี
11.หลวงพ่อเภา วัดเขาวงกต อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
12.หลวงปู่หิน อาโสโก วัดหนองนา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี
13.หลวงพ่อเจริญ ติสสวัณโณ วัดเขาวงกต ต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
14.หลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี
15.หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี
16.หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.ลพบุรี
17.หลวงพ่อบุญเหลือ วัดเขาตะกร้าทอง จ.ลพบุรี
18.ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่
19.หลวงปู่ครูบาน้อย วัดบ้านปง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
20.หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ วัดป่าตึง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
21.**ครูบากองแก้ว วัดต้นยางหลวง จ. เชียงใหม่ ศพไม่เน่า แต่ท่านให้เผ่า พอเผ่าแล้ว กระดูกท่าน
กลายเป็นพระธาตุ ในวันนั้นเลย **
22.ครูบาอินสม วัดทุ่งน้อย ต.บ้านโป่ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
23.ครูบาธรรมชัย วัดท่งหลวง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
24.หลวงปู่ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง – วัดทุ่งปุย อายุ 101 ปี จ.เชียงใหม่
25.หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
26.หลวงปู่พรหม วัดช่องแค จ.นครสวรรค์
27.หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว จ.นครสวรรค์
28.หลวงพ่ออินทร์ วัดเกาะหงส์ จ.นครสวรรค์
29.หลวงปู่ทอง วัดถ้ำทอง ต.ชอนเดื่อ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
30.หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ จ.นครสวรรค์
31.หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว นครปฐม
32.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นครปฐม แต่สงสัยว่าจะเผาไปแล้ว
33.หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา นครปฐม
34.หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม นครปฐม
35.หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม
36.หลวงปู่ตี๋ วัดหลวงราชาวาส จ.อุทัยธานี
37.**หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี**
38.หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี
39.หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี
40หลวงปู่ทอง วัดทุ่งสามัคคีธรรม อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
41.หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ อ.สามชุก จ. สุพรรณบุรี
42.หลวงพ่อทองใบ วัดคลองมะดัน(วัดเดียวกับหลวงพ่อโหน่ง) อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
43.พระอาจารย์ใบ วัดอัมพวัน อ.สองพี่น้อง จ. สุพรรณบุรี
44.หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ จ.สุพรรณบุรี
45.หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี
46.หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ สามชุก จ.สุพรรณบุรี
47.หลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะฯ จ.กาญจนบุรี
48.หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดถ้ำแฝด จ.กาญจนบุรี
49.พระอาจารย์โหพัฒน์ โรงเจชุ่นเทียนติ้ว หลังตลาดท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
50.หลวงพ่อชื่น วัดถ้ำเสือ จ.กาญจนบุรี
51.หลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
52.หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท
53.หลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท
54.หลวงพ่อนิพนธ์ อัตถกาโม วัดจั่นเจริญศรี อ.สรรค์บุรี จ.ชัยนาท
55.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
56.หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข อ.บางระจัน จ.สิงหบุรี
57.หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
58.หลวงปู่นิล อิสสโร วัดครบุรี จ.นครราชสีมา
59.หลวงปู่แจ้ง วัดใหม่สุนทร จ. นครราชสีมา
60.หลวงปู่เสน อาจารย์ของหลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน อยุธยา นั่ง มรณะที่ถ้ำสระบุรี ศพไม่เน่า พอนำศพท่านเผา เส้นผมกลายเป็นทองคำ
61.หลวงพ่อปู่โหน่ง วัดคลองมะดัน อยุธยา แต่ลูกศิษย์ดันเผาครับ
62.หลวงปู่สด วัดโพธิ์แดงใต้ อยุธยา
63.หลวงพ่อมุ่ย วัดป่าระกำเหนือ จ.นครศรีธรรมราช
64.หลวงปู่เขียว วัดหรงบน อ.ปากพนัง จ.นครศรธรรมราช หลวงปู่คลิ้ง วัดถลุงทอง จ.นครศรีธรรมราช
65.พ่อท่านเกลื่อม ฐานิสสโดร วัดคคาวดี ต.ปากแพรก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
66.พ่อท่านคล้าย วาจาศิษย์ วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช
67.หลวงพ่อพัฒน์ นารโท วัดพัฒนาราม(ใหม่บ้านดอน) อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
68.หลวงปู่สุวัฒ วัดศรีทวีป จ.สุราษฏร์ธานี
69.หลวงพ่อแดง วัดคุณาราม(เขาโปะ) เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี
70.หลวงพ่อพรหม วัดนาราเจริญสุข อ.เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี
71.หลวงปู่เมฆ วัดป่าขวางปางพระเลไลย์ อ.สิงหนคร จ.สงขลา
72.หลวงปู่ทอง วัดป่ากอ จ.สงขลา
73.หลวงพ่อเปียกวัดนาสร้าง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
74.หลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จ.ชุมพร
75.หลวงพ่อคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน จ.ชุมพร
76.หลวงปู่ไสย์ วัดเทพเจริญ จ.ชุมพร
77.พ่อหลวงคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร
78.หลวงพ่อพันธ์ วัดบางสะพาน อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
79.หลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง จ.พิษณุโลก ไม่รู้เผาไปหรือยัง
80.หลวงพ่อทองใบ วัดอบทม อำเภอวิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง
81.หลวงพ่อเกษม วัดม่วงครับ จ.อ่างทอง
82.หลวงพ่อแก้ว วัดโคกโดน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
83.หลวงปู่นำ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง
84.หลวงปู่สาย วัดหนองสองห้อง จ.สมุทรสาคร
85.หลวงพ่อวัด ประชาโฆษิตาราม จ.สมุทรสาคร
86.หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี
87.หลวงพ่อจ่าง วัดเขื่อนเพชร จ.เพชรบุรี
88.หลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง แถวๆ ดอนพุด จ.สระบุรี
89.หลวงปู่ใจ ฐิตธัมโม วัดหนองหญ้าปล้องใต้ ต.ไก่เส่า อ.หนองแซง จ.สระบุรี
90.หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี แห่งวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ภาคอิสาน จังหวัด จ.อุบลราชธานี
91.หลวงปู่พรหมมา สำนักสวนหินผานางคอย จ.อุบลราชธานี
92.หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม จ.ระยอง
93.หลวงปู่ทองทิพย์ วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์ จ.หนองคาย
94.หลวงพ่อยวง วัดทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
95.หลวงพ่อเริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ ศรีราชา จ.ชลบุรี
96.หลวงพ่อแหวง วัดคึกคัก จังหวัดพังงา
97.หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสารวัล จ.นครราชสีมา
98.ท่านพ่อ ลี วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
99.หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ อยู่ในโลงแก้ว
100.หลวงปู่เหมือน วัดคลองทรายใต้ จ.สระแก้ว
101.หลวงพ่อท้วมวัดเขาโบสถ์ อยู่ในโลงแก้ว
102.หลวงพ่อเม้ย วัดราชเมธีงกร ราชบุรี ไม่เน่า แต่เผ่า
103.หลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน นนทบุรี
104.หลวงพ่อทบ วัดช้างเผือก เพชบูรณ์
105.หลวงปู่สิงห์ วัดแก้วโกรวาราม จังหวัดกระบี่
106.หลวงปู่แดง วัดเชิงเขา จ. นราธิวาส
107.หลวงพ่อแดง วัดทองดีประชาราม สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
108.หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ สมุทรสงคราม
109.หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ ราชบุรี

** รู้สึกจะมีชื่อซ้ำกันอยู่บ้าง ถือว่าเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆ
ถ้ามีโอกาสจะได้แวะไปกราบท่านครับ

 

ตัวอย่างเหรียญจตุรพิธพรชัย ของดีที่ยังไม่แพงเกินไป

ตัวอย่างเหรียญจตุรพิธพรชัย ของดีที่ยังไม่แพงเกินไป
ขอบคุณท่านเจ้าของภาพทุกท่านด้วยครับ

เหรียญจตุรพิธพรชัย หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง

 

เหรียญจตุรพิธพรชัยหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม

 

เหรียญจตุรพิธพรชัยหลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์

 

เหรียญจตุรพิธพรชัย หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค

 

ขอบพระคุณมากครับ พี่เค
ที่นำเหรียญมาร่วมแจมให้ชมกัน
เหรียญรุ่นนี้ ออกแบบได้สวยงามมากครับ
ออกพร้อมรูปเหมือนปั้มเทพประทานพร
พระดี พิธีใหญ่ เจตนาบริสุทธิ์
แต่เนื่องจากเหรียญมีปริมาณมาก ราคาจึงยังไม่แพง
ยังน่าเก็บไว้ให้ลูกหลานได้ใช้
ผมก็มีเหรียญรุ่นนี้ในชุดเดินทาง
รวมถึงได้เช่าให้น้องๆ ใช้ด้วยครับ

 

การสร้างพระรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรกรุ่นคุณพระเทพประทานพร (ต่อ)



จำนวนบล็อคที่ใช้ทั้งหมดรวมทั้งหน้าและหลังมีจำนวนทั้งหมดห้าสิบกว่าบล็อค
ถ่ายพิมพ์มาจากพิมพ์ตัวผู้ตัวเดียวกันลักษณะจึงละหม้ายคล้ายกันทั้งหมด
ผิดกันตรงที่เสี้ยนเล็กเสี้ยนน้อยจะแตกต่างกันไป

ขณะนี้ยังไม่มีพระเก๊เพราะพระรูปเหมือนปั๊มทำยากมาก ยากกว่าเหรียญเยอะ
และถ้าชุบบล็อคไม่ดี บล็อกจะพังไวมาก

พิธีปลุกเสกก็ถือว่าสุดยอด พระทุกองค์ได้รับการปลุกเสกในโบสถ์ทั้งหมด ไม่มีการโยงสายสิญน์ไปยังรถบรรทุกใด ๆ ทั้งสิ้น โดยพิธีปลุกเสกเริ่มตั้งแต่บ่ายของวันที่ 6 พ.ย. 2536 โดยพระสงฆ์สวดพุทธมนต์เจริญมงคลคาถาชินบัญชร 999 จบต่อเนื่องไปจนถึงเช้าวันที่ 7 พ.ย. แล้วเวลาประมาณตีห้ากว่า ๆ หลวงพ่อคูณ ก็มาทำพิธีปลุกเสกเดี่ยวอีกประมาณครึ่งชั่วโมงจึงแล้วเสร็จพิธี

 

พระรุ่นนี้ปั๊มครั้งเดียวไม่มีการ สร้างเสริมใด ๆ ทั้งสิ้น ตอนที่เริ่มเปิดจองเป็นช่วงที่หลวงพ่อคูณเริ่มจะดัง และเป็นรุ่นแรกที่ให้เปิดจองกันอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ อีกทั้งหลวงพ่อคูณท่านมานั่งสมาธิให้เป็นแบบในการจัดสร้างและเห็นว่าเป็นรูป เหมือนปั๊มนั่งสมาธิรุ่นแรกอีกด้วยบรรดานักเก็งเลยจองตุนกันไว้เยอะ แต่กว่าพระจะออกมาก็ใช้เวลาร่วมสามเดือน ตลาดพระใหม่ก็เริ่มวายพอดี พระเลยเหลือติดมือกันเป็นจำนวนมาก ก็เลยทิ้งไว้ลืม ๆ จนถึงทุกวันนี้ เลยในบางทีอาจจะเห็นคนนำออกมาทีละห้าสิบองค์หรือร้อยองค์ก็มี ร้อยองค์ตอนจองก็แค่สองหมื่นบาทเอง ใครๆ ที่เก็งไว้ก็มีได้ครับ
แต่เนื้อทองคำยอดจองเต็มจำนวนสร้างรวมทั้งลอยองค์จิ๋วทองคำด้วย
จึงไม่ค่อยได้พบเห็นกันเลย

 

ข้อมูลในส่วนของพระเนื้อทองคำนั้น
ผมมีข้อมูลอีกด้านนึง ซึ่งเป็นข้อมูลวงใน
ซึ่งขัดแย้งกับบทความข้างต้นที่คัดลอกมา

เป็นข้อมูลที่ได้จากสายตรงหลวงพ่อคูณที่เล่นหาพระชุดเทพประทานพร
ตั้งแต่พระยังไม่แพง เล่าให้ฟังว่า พระรูปเหมือนปั้มเนื้อทองคำรุ่นนี้
ไม่ได้ถูกเช่าไปหมดในปีที่จัดสร้าง ยังมีพระจำนวนนึงที่ค้างตู้อยู่เป็นเวลานาน
ในช่วงต่อมา ราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
ก็เลยมีร้านทองเช่าพระเนื้อทองคำไปหลอมเสียจำนวนหนึ่ง
สังเกตุจากพระรูปเหมือนปั้มรุ่นนี้ มีหมุนเวียนในสนามไม่เกิน 300-400 องค์
ตั้งแต่เค้าเริ่มซื้อขายและบันทึกหมายเลขพระทุกองค์ที่ผ่านมือและผ่านตา
แน่นอนว่าบางส่วนถูกเก็บเข้ารัง แต่ก็เชื่อว่ามีไม่น้อยที่ถูกหลอมไป
ไม่รู้ว่าไอ้คนที่ซื้อพระไปหลอม มันคิดได้ยังไง
จำนวนพระรุ่นนี้ จึงเหลือไม่ถึง 1,000 องค์ ตามที่สร้าง
เรื่องนี้ ถ้าสงสัย ลองสอบถามกลุ่มสายตรงบนพันธุ์ทิพย์ได้ครับ
ก่อนหน้านี้ พระชุดนี้ถูกมองข้ามมาเป็นเวลานาน
เป็นที่รู้จักและเล่นหากันอย่างจริงจัง หลังเหรียญเจริญพรครับ

 

ดร. พระมหาปรีชา (ในขณะนั้นท่านเป็นจำพรรษาอยู่ที่วัดใหม่อมตรส)ซึ่งเป็นหลานแท้ ๆ ของหลวงพ่อคูณ เคยหอบหิ้วกันไปลำบากลำบนที่ประเทศอินเดียกับหลวงพ่อเมื่อหลายสิบปีก่อน ท่านได้ดูแลโรงเรียนพระปริยัติธรรมซึ่งอยู่ในความอุปถัมภ์ของหลวงพ่อคูณอยู่ ท่านก็มาเบิกค่าใช้จ่ายต่อหลวงพ่ออยู่เรื่อย ๆ แล้ววันหนึ่งหลวงพ่อก็ได้ดำริว่าให้ท่านสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อขึ้นมา เพื่อเป็นกองทุนไว้ใช้จ่ายในเรื่องของโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่ท่านดูแลนี้ ขึ้นมา เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว ดร. พระมหาปรีชาจึงได้ปรึกษากับลูกศิษย์คนสนิทก็คือ คุณโอฬาร อากาศวิภาต อดีตวุฒิสมาชิกสมัยนายกฯเปรม และอดีตนายกสามคมโรงสีข้าวแห่งประเทศไทย ให้ช่วยจัดการดำเนินการให้และได้สร้างเหรียญออกมารุ่นหนึ่ง คือ รุ่นคุณพระเทพพิทักษ์ และออกให้บูชาได้รายได้มาจำนวนหนึ่งเล็กน้อยไม่บรรลุวัตถุประสงค์ให้ โรงเรียนพระปริยัติธรรมอยู่ได้ด้วยตนเอง จึงได้ทำการจัดสร้างขึ้นมาใหม่อีกรุ่นหนึ่งซึ่งก็คือรุ่นคุณพระเทพประทานพร นี่เอง คำว่า คุณพระเทพ หมายถึง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ในโอกาสที่ท่านเสด็จมายังวัดบ้านไร่ ในปีนั้น และรุ่นคุณพระเทพประทานพรนี่เอง ที่ทำให้บรรลุวัตถุประสงค์สามารถตั้งกองทุนบุญนิธิฯได้เพียงพอที่จะบริหาร จัดการในการที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไปในด้านโรงเรียนพระปริยัติธรรม ได้ต่อไปสมดังเจตนาของหลวงพ่อคูณที่ดำริไว้ทุกประการ
เพิ่มเติมอีกครับว่าเคยจำเหตการณ์ตึกถล่มที่โคราชเมื่อปี 2536 ได้ไหมครับ คุณโอฬารและทีมงานอีกหนึ่งคนได้เข้าพักในโรงแรมนั้นด้วยด้วยธุระเรื่องการ ติดต่อกับธนาคารเรื่องการให้ธนาคารร่วมเป็นหน่วยรับจองด้วย 10 แห่ง ท่านบอกว่าท่านออกจากโรงแรมนั้นก่อนตึกถล่มแค่เพียงหนึ่งชั่วโมงเอง ท่านเล่าว่าเช้าวันนั้นรู้สึกอยู่ไม่สบาย รู้สึกร้อนรุ่มท่านเลยบอกคนที่มาด้วยว่าเช็คเอาท์กันเถอะ ท่านออกไปไปนานก็ได้ข่าวว่าโรงแรมที่ท่านพักถล่มลงมาคนเจ็บตายจำนวนมาก ท่านว่าหวุดหวิดจริง ๆ คราวนี้ พระรุ่นนี้เกือบจะไม่ได้ออกซะแล้วครับ ปัจจุบันท่านได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยโรคปอดบวมและมะเร็งตับหลังจากที่พระ สร้างเสร็จไม่ถึงปี หลวงพ่อคงต่อเวลาให้ท่านสร้างพระรุ่นนี้ให้เสร็จเรียบร้อยโดยสมบูรณ์ก่อน พูดแล้วยังขนลุกอยู่เลยครับ เรื่องมันสิบห้าปีมาแล้ว ไว้นึกอะไรได้เอาไว้ค่อยมาเล่าใหม่ครับ