หลวงปู่เกลี้ยง เตชธัมโม

สัมมาอะระหัง อิติมานัง สุขขัง โหนตุ สัพพะทา

 

ดูหลวงปู่ จะอ้วนขึ้นนะครับ ดีใจครับหลวงปู่แข็งแรง สาธุ...

 

ผมได้เหรียญ ชนะมาร อัลปาก้า กับ หนุมาน รุ่น เจริญพรบน มาครับ ดีใจมาก

 

สวัสดีครับคุณเล็ก ที่ผมทักเพราะเราเคยเจอกันที่ไปรษณีย์ศรีษเกษ จำได้ไหมครับ ผมกำลังส่งรูปหล่อยืนที่ผมอ้อนหลวงพี่ฉลาดมาได้ เพราะผมนำขึ้เครื่องไม่ไหว ผมจำคุณเล็กได้เพราะเคยเห็นในรูป แต่คุณเล็กไม่รู้จักผม เสียดายน่ะครับเราก็เป็นลูกศิษย์หลานศิษย์เหมือนกัน แต่ยังไม่ได้มีโอกาศคุยกัน ผมจะขึ้นมาหาหลวงปู่อย่างน้อยปีละครั้ง ทำอย่างนี้หลายปีแระทุกครั้งที่มีโอกาศก็จะไปวัดไปนอนตึกหลังกุฎิหลวงปู่ ล่าสุดหลวงพี่ทำกฎิหลังน้อยใหม่อยู่ ท่านชวนผมอยู่คงได้ไปปีหน้า ถ้ามีโอกาศคงได้เจอกันครับ

 

จำได้ครับ ผมเห็นกำลังแพ็ครูปหล่อยืนหลวงปู่ ในครั้งที่ไปกราบหลวงปู่หงษ์ก็เจอกับญาติธรรมในเว็ปพลังจิตเข้ามาทัก แต่บางครั้งต้องขอโทษหลายๆท่านด้วยที่ผมอาจจะไม่รู้จัก แต่ก็เข้ามาทักทายได้เลยครับ ยินดีที่จะรู้จักกับทุกท่านครับ

 

พระกิตติคุณ หลวงปู่เกลี้ยง เตชะธัมโม
ข้าพเจ้า ได้ไปกราบนมัสการหลวงปู่เกลี้ยงตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๘-๓๙ ในช่วงแรกที่ได้ไปกราบนั้นท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดบ้านขมิ้น เมื่อพบกับหลวงปู่ครั้งแรกนั้น ท่านแข็งแรงกว่าปัจจุบันนี้มากอยู่
บ่อยครั้งที่ข้าพเจ้ามีเรื่องทุกข์ร้อนใจมักจะไปหาหลวงปู่ สอบถามถึงปัญหาที่รุมเร้าและการแก้ไข และมักจะคอยนั่งดูพุทธศาสนิกชนคนอื่นๆ ที่เข้ามากราบถามหลวงปู่ ในเรื่องต่างๆ อยู่เนืองๆ ซึ่งมีหลายเรื่องที่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าหลวงปู่เป็นพระที่ทรงอภิญญา สำเร็จฌาน แล้วหลายประการ...ดังเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้

 

• หลวงปู่เก่งในทางรักษาคนป่วยที่กระทำโดยวิญญาณ หรือเทพ
ครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้มากราบหลวงปู่ มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง พาญาติ ผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ ยี่สิบกว่าปี เป็นบ้า นำมาให้หลวงปู่ช่วยรักษาอาการป่วย และลูกศิษย์ก็ถามว่าอยู่ไหน? ได้พาตัวมาด้วยหรือไม่? สักครู่ ผู้หญิงคนที่เป็นบ้านั้น ก็เดินเข้ามาที่ศาลานั้น และแสดงอาการให้เห็นทันทีว่าไม่ใช่คนปกติแน่นอน โดยอาการที่มานั่งหน้าหลวงปู่ แล้ว ยกมือไหว้ขึ้นเหนือหัวแล้วจึงกราบลงเหมือนท่ากราบที่คนโบราณเขากราบพระเจ้าแผ่นดิน พร้อมกับพูดว่า “ถวายบังคม เพคะ” และทันทีที่ผู้หญิงคนนั้น หันมามองทางข้าพเจ้า (ข้าพเจ้านั่งอยู่ข้างค่อนมาด้านหน้าของผู้หญิงคนนี้) ก็พบกับสายตาที่แข็งกร้าวและไร้แววผิดปกติจากสตรีทั่วไป และผิดจากคนบ้าทั่วไปที่มักจะมีแววตาอีกแบบหนึ่ง หญิงคนนี้ ได้คุยกับหลวงปู่ อยู่สี่ห้าประโยค แล้วอยู่ๆหญิงคนบ้านี้ก็พูดภาษาประหลาดๆ ออกมาจากปาก ทีแรกที่ข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังนั้น ข้าพเจ้าคิดว่า เป็นภาษาเขมร แต่เมื่อฟังไปฟังมาสักพัก ก็รู้สึกว่าไม่ใช่ เพราะ สำเนียงนั้น มีความไพเราะ กว่าภาษาเขมรมาก คล้ายกับการร้องเพลงที่ไพเราะในภาษาอังกฤษ จึงรู้ว่าไม่ใช่ภาษาเขมร เมื่อหญิงบ้าคนนั้นได้พูด ไปสี่ห้าคำ หลวงปู่ก็ตอบภาษาประหลาดๆ เหล่านั้น เช่นกัน หลวงปู่กับหญิงบ้านั้น คุยกันด้วยภาษาประหลาดๆ นั้นประมาณ ๕-๑๐ นาที ก็ยุติลง และหญิงบ้านั้น บอกว่า ถวายบังคมลาเพคะ และพยายามจะเดินไปบนกุฏิ แต่พวกลูกศิษย์ ก็ช่วยกันไว้ และบอกว่าเป็นผู้หญิง ขึ้นไปชั้นบน กุฏิหลวงปู่ไม่ได้ ไปเดินดูรอบๆ วัดแทน
เมื่อหญิงบ้าคนนั้นเดินพ้นไปจากบริเวณแล้ว หลวงปู่ก็ได้สอบถามญาติ ที่พามารักษาว่า ได้พากันจัดงานบุญ หรือไม่ ? ญาติผู้นั้นก็รับว่าได้จัดงานบุญจริง หลวงปู่ก็เลยบอกว่า พระสองรูปที่เป็นผู้นำในการจัดงาน และทำพิธีนั้น
หลวงปู่ได้บอกว่า ภาษาที่พูดกับหญิงบ้านั้น เป็นภาษา “มคธ” และในเนื้อความภาษามคธนั้น ได้บอกว่า พระที่ทำพิธีในงานบุญนั้น ได้กล่าวบทสวด อัญเชิญเทวดามา บทสวดนั้น ได้ยินไปถึงเทวดาเป็นจำนวนมาก และก็พากันมาชุมนุมตามคำเชิญ แต่เมื่อมาถึงในพิธีแล้วก็ไม่ได้บอกเหล่าเทวดาว่า เชิญมาทำอะไร คือเชิญมาแล้วไม่บอกว่าจะให้ทำอะไร? ทำให้เทวดา องค์หนึ่ง ในจำนวนเหล่านั้น โกรธว่าทำให้ตนเสียเวลา จึงได้เข้าหญิงคนดังกล่าว และและสะกดบังคับให้หญิงคนที่เป็นบ้า ให้พูดประโยคที่เป็นที่มาของเรื่องนี้เป็นภาษามคธ เมื่อญาติพี่น้องพาไปรักษาที่วัดใด ก็จะพูดภาษา มคธเล่าเรื่องดังกล่าวออกมา เมื่อพระฟังไม่รู้เรื่องก็ด่าพระมาหลายวัดแล้ว และตอนนี้ พระสองรูปที่ทำพิธีนั้น ก็โดนเล่นงานจนตอนนี้ตาดำคล้ำไปหมดแล้วใช่หรือไม่ ? ญาติผู้พามารักษาก็ยอมรับว่าใช่ ...
หลวงปู่จึงให้ญาติพี่น้องคนนั้น ได้กลับไปแต่งเครื่องเซ่นไหว้ ผ้าแพร และพาหวาน (ชุดของหวาน) และบอกกล่าวถึงวิธีการทำพิธี การขอขมาลาโทษ ให้แก่เทวดาองค์นั้น พร้อมคำกล่าวขอขมา ข้าพเจ้าก็เป็นคนจดรายการเครื่องไหว้ และประโยคคำพูดการกล่าวขอขมาให้กับญาติพี่น้องของคนเหล่านั้น เอง จึงสามารถนำเรื่องเหล่านี้มาเล่าได้ คือความสามารถในเรื่องของการรักษา เกี่ยวกับอาการป่วยที่เกิดจาก การล่วงเกินเทวดาเจ้าที่เจ้าทางทำให้เกิดอาการป่วย ซึ่งส่วนใหญ่อาการป่วยเหล่านี้ไม่เป็นอะไรมาก เพราะท่านเหล่านี้เป็น “เทพ” แล้ว เมื่อผู้ที่ได้ล่วงเกินกระทำผิดต่อท่าน ยอมมาขอขมาลาโทษ ก็จะยกโทษให้และเลิกราไป

 

หลวงปู่รักษาคนป่วยเพราะถูกผีเข้า
อีกเรื่องหนึ่งก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่ถูกผีเข้าที่ข้าพเจ้าได้เห็นด้วยตนเอง ก็คือ มีชาวบ้านคนหนึ่งได้พาแม่ตนเองมารักษา โดยบอกว่า ถูก”ผีเข้า” หญิงชราคนนั้น อายุในราว ๗๐-๘๐ ปี เมื่อถูกญาติๆ ลูกหลานพาเข้ามาหาหลวงปู่ ก็มีอาการดิ้นรน ไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลวงปู่ พยายามจะหนีออกไป เมื่อถูกญาติจับมานั่งอยู่ต่อหน้าหลวงปู่ ก็แสดงกิริยาพยายามจะถอดผ้าซิ่นออก ญาติพี่น้องที่เป็นผู้ชายเป็นลูกหลานต้องช่วยกันจับเอาไว้ ๔-๕ คนก็จับไม่ค่อยจะอยู่
เมื่อหลวงปู่ได้ถามว่าเป็นใครมาจากไหน ก็ไม่ยอมพูด ไม่ยอมตอบ
เมื่อหญิงชราที่โดนผีเข้านั้นถูกจับให้นั่งลงแล้ว หลวงปู่ก็เอาฝ้ายสายสิญจน์ ผูกเป็นวงกลมประมาณศีรษะ และนำไปคล้องเข้าหัวหญิงชรานั้น เมื่อฝ้ายเข้าที่คอ หญิงชราก็มีอาการดิ้นรน ดูอ่อนเปลี้ยลงทันตา และเหมือนกับว่า ทรมานอย่างมาก แต่กลับไม่มีแรงไปดึงเอาสายสิญจน์ที่คล้องคอเลย
หลวงปู่ก็บอกว่า ผีที่เข้าหญิงชรานี้ มันเป็นประเภทไม่ยอมพูดแต่มัน “ทำ” เอาอย่างเดียว คือไม่ยอมพูดแต่ลงมือทำร้ายผู้คน และหลวงปู่บอกว่าไม่เกินสามวัน ผีตนนั้นต้องออกจากร่างหญิงชรา เพราะหากไม่ออก ก็จะยิ่งทวีความร้อนแรง ราวกับโดนไฟเผาตลอดเวลา ....
เมื่อผ่านไปจากนั้นประมาณ สองสามเดือน ผมไปกราบหลวงปู่เกลี้ยงอีก ก็พบกับญาติพี่น้องของหญิงชราคนดังกล่าวมาทำบุญกับหลวงปู่ ได้ทักทายกัน ก็ได้รับคำบอกเล่าว่า แม่ของเขาหายดีแล้ว เลยมาทำบุญกับหลวงปู่…เหล่านี้ ส่วนอีกเรื่องเป็นเรื่องอาการป่วยที่เกิดจากถูกพวกผีเกเรกระทำเอา (ต้องเข้าใจว่าคนตามบ้านนอกบ้านนานั้น ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยไม่หิ้งพระประจำบ้านเท่าใดนัก)

 

• หลวงปู่เก่งในทางยาแพทย์สมุนไพรโบราณ
เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๖ อาผู้ชายของข้าพเจ้าชื่อว่า อาฮงเจ็ก ได้ป่วยเป็นโรคประหลาดๆ คือ เมื่อยืนอยู่ๆจะมีอาการหน้ามืด เห็นดาวทองระยิบระยับและเดินไปไหนมาไหนไม่ค่อยได้ ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลรักษา หมอก็หาสาเหตุของอาการป่วยไม่เจอ ...เทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลหลายครั้ง สุดท้ายหมอก็ให้ยามากินและไล่กลับมานอนที่บ้าน เพราะหาสาเหตุไม่เจอ ข้าพเจ้าได้เป็นธุระ ลองพาไปหาหลวงปู่เกลี้ยงให้ท่านช่วยรักษา เพราะการรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน รักษาแล้วไม่ดีขึ้น กินยามากมายหลายขนาน จนจะป่วยมีอันเป็นไป เพราะกินยามากเสียก่อน ...ในตอนที่ไป นั้นอาข้าพเจ้าเดินไม่ค่อยจะถนัดแล้ว ...เริ่มเป็นอัมพฤกษ์แล้ว เมื่อไปถึง หลวงปู่ก็สอบถามว่าเคยโดนกระแทก หรือโดนรถชนอย่างแรงหรือไม่? ซึ่งก็เป็นความจริง คืออาฮงเจ็ก เคยนั่งมอเตอร์ไซด์ซ้อนท้ายเพื่อน แล้วโดนรถสิบล้อ ชนท้ายจนกระเด็นไปตกในคูน้ำข้างทาง รถมอเตอร์ พังยับ นาฬิกาข้อมือที่ใส่ในตัวแตกยับหมด แต่ตัวเอง ถลอกปอกเปิดนิดๆ หน่อย ไม่มีอะไรหัก หรืออาการอื่นปรากฏออกมา(อาฮงเจ๊กในตัวห้อยหลวงปู่ทองจันทร์ อ.มหาฯ จ.โยโสฯ) ...หลวงปู่บอกว่าอาการป่วยเหล่านี้ เกิดจากการที่โดนกระแทกอย่างแรง เลือดที่อยู่ในเนื้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เสีย และเกิดเป็นพิษขึ้นมา แต่อาการเสียของเลือดนี้จะไม่ตรวจพบด้วยเครื่องมือแพทย์ปัจจุบัน แต่มันฝังอยู่ทั่วไป ในส่วนต่างๆ ของร่างกายและผิวหนัง ต้องเปลี่ยนเอาเลือดเสีย หลวงปู่ก็ได้บอกยาสมุนไพร มาให้สูตรหนึ่ง พวกลูกศิษย์หลวงปู่ เรียกว่า ยาเปลี่ยนเลือด (มีมะยมพู่ รังมดแดงฮ้าง และอีกสองสามอย่างจำไม่ได้แล้ว)... เมื่อนำเอามาต้มกินตามวิธีที่หลวงปู่บอก เมื่อกินหม้อที่สอง อาของผม ที่ป่วยลุกไปไหนมาไหนไม่ได้เป็นเวลาหลายเดือน ก็กลับลุกเดินไปไหนมาไหนได้ตามปกติ... แต่ก็เป็นที่น่าเสียดาย ที่ภายหลังประมาณ สี่ห้าเดือนถัดมา อาของผมท่านนี้ ได้ไปดื่มเบียร์ เหล้า ทำให้อาการของโรคกลับมาอีก และทรุดหนักลงจนกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด...เพราะฉะนั้น ท่านที่เคยเสพเหล้ายา เมื่อไปรักษาด้วยสมุนไพรจนอาการเริ่มดีแล้ว ก็อย่าได้ไปดื่มเหล้าเบียร์ เป็นเด็ดขาด สอบถามคุณนง บอกว่าร่างกายเพิ่งเปลี่ยนเลือด และฟื้นอาการป่วยใหม่ๆ ยังไม่แข็งแรง พอไปดื่ม พิษแอลกอฮอล์ก็เลยขึ้นเต็มที่

 

• หลวงปู่เก่งในทางทำนายทายทัก...
เมื่อประมาณปี๔๔-๔๕ (จำไม่ค่อยได้) มารดาข้าพเจ้าและเพื่อนของมารดาข้าพเจ้า ได้ไปกราบหลวงปู่เกลี้ยง ในวันที่ไปนั้น ปีนั้น ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านขมิ้น มีชาวบ้านไปกราบท่านมากมาย ชนิดเดินเข้าออกกันอยู่ตลอดเวลา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไม่ได้หยุด แต่ละคณะจะมากัน ๔-๕ คนบ้าง ๘-๑๐ คนบ้าง เมื่อถึงคิวที่คณะมารดาข้าพเจ้าได้เข้าไปถาม...หลวงปู่ก็จะให้บอกวัน เดือน ปีเกิด ออกมาก่อน แล้วหลวงปู่ก็จะพูดว่าคนที่เกิดในเดือนนี้เป็นอย่างไร? พอหลวงปู่พูดจบ คุณแม่ ของข้าพเจ้าได้ถามเรื่องที่ดินที่จะขาย ว่าจะได้ขายหรือไม่? หลวงปู่ก็พูดว่า จะมีคนมาช่วย จะมาเดือน มกราคม ถึง กุมภา นั่งรถมาจากที่ไกล เป็นผู้หญิงคน ผู้ชายอีกคน ...คุณแม่ก็เลยถามว่าทั้งสองนี้เป็นผัวเมียกัน ใช่ไหม? ....หลวงปู่เกลี้ยงก็ตอบว่าใช่ เมื่อแม่ถามว่าเขาจะซื้อไปเลยหรือไม่ หลวงปู่ก็ตอบสั้นๆ “เขาจะมาช่วย”.....ความจริงแล้วคุณแม่ ได้ติดต่อ เพื่อนเก่าคนหนึ่งเป็นคนที่มีฐานะดีมาก เขาก็บอกว่าจะมา ในช่วงปีใหม่ แต่ความที่แม่เป็นกังวลมาก เพราะหากเขาไม่มาจริง ก็อาจจะถูกธนาคารยึดได้ จึงได้ไปถามดังกล่าว ซึ่งหลวงปู่ก็พูดออกมาราวกับตาเห็น หรือมารับรู้เรื่องด้วยตนเองตั้งแต่ต้น
เมื่อถึงคิวเพื่อนของคุณแม่ ก็บอกวัน เดือน ปีเกิด ของลูกชาย เมื่อหลวงปู่พูดลักษณะของคนที่เกิดวัน เดือน ปี เกิดนี้เสร็จ ก็ได้ถามเรื่องที่ลูกชายจะลงทุนเปิดร้านขายคอมพิวเตอร์ หลวงปู่ก็พูดว่า “เมื่อก่อนที่ลงทุนไป เมื่อโยนทรายลงทะเล แต่งานที่ลงทุนครั้งนี้ จะไปได้ด้วยดี “ ...ซึ่งก็เป็นความจริง ลูกชายของเพื่อนแม่คนนี้ประสบมรสุมชีวิต ออกมาเปิดกิจการเอง คุณแม่ลงทุนอะไรไป ก็มีแต่หมดกับหมด มีแต่ขาดทุน แต่เมื่อมาลงทุนเรื่องการขายคอมพิวเตอร์ ก็เริ่มได้ทุน มีกำรี้กำไรขึ้นมา ที่มาถามหลวงปู่ ก็ไม่มั่นใจ หากลงทุนเพิ่มกว่านี้จะขยายกิจการดีหรือไม่? จึงได้มาถาม
สำหรับท่านที่ประสงค์จะสอบถามปัญหากับหลวงปู่เกลี้ยง เมื่อท่าน เข้าไปครั้งแรก ก็ให้บอกวัน เดือน ปีเกิดของท่านกับหลวงปู่ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นหลวงปู่จะบอกลักษณะของคนเกิดในวันดังกล่าวออกมา เมื่อหลวงปู่พูดจบ ก็ถามปัญหาที่ท่านต้องการทราบต่อเนื่องไปเลย อย่าเงียบอยู่นาน เมื่อท่านตอบมาแล้วพยายามจดไว้ในกระดาษ หรือจำสิ่งที่หลวงปู่บอกไว้ หรือหาเพื่อนที่เป็นคนในท้องที่ไปช่วยฟัง และแปลอีกทีหนึ่ง เพราะบางคำเป็นภาษาพื้นเมือง ถ้าท่านไม่ใช่คนอีสาน อาจจะฟังไม่ออก และหลวงปู่ท่านอายุมากแล้ว การที่จะพูดมากๆ หรือพูดเสียงดังท่านก็จะเหนื่อย (ณ เดือน ต.ค. ๔๙ นี้หลวงปู่อายุ ๙๙ ปีแล้วครับผม ) เพราะฉะนั้นหากเราจะให้ท่านช่วยก็ขออย่าให้ท่านต้องเหนื่อยมาก ...

อีกประการหนึ่งอันนี้เป็นความรู้ที่จะบอกกล่าวกันก็คือ การที่หลวงปู่ถามวัน เดือน ปีเกิดนั้น เป็นการเปิดประตูมาดู เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับอดีต และอนาคตของตัวเรานั่นเอง เพราะฉะนั้น เมื่อท่านบอกวัน เดือน ปีเกิดเสร็จ ท่านมีเรื่องสงสัยอะไรที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิต ก็ถามต่อเนื่องไปได้เลย แต่อย่าไปถามโดยไม่บอกวันเดือนปีเกิดเสียก่อน ...เกจิแต่ละท่านที่ได้ฌานนั้น จะมีการเริ่มต้นในการ “ดู” ไม่เหมือนกัน บางรูป บางคน จะต้องใช้รูปถ่ายไม่ต้องบอกชื่อ วัน เดือน ปีเกิดใดๆ บางคน ต้องบอกชื่อ ออกมาก่อน ไม่ต้องบอกวันเดือนปีเกิด ไม่ต้องเห็นรูปถ่าย ส่วนหลวงปู่เกลี้ยงนั้น ท่านให้บอกวันเดือน ปีเกิดเป็นหลัก แต่ไม่ต้องบอกชื่อ หรือ ไม่ต้องเอารูปถ่ายมาดู
หมายเหตุ ปัจจุบันนี้ (๗ ก.ย. ๕๖) หลวงปู่อายุ ๑๐๖ปี ท่านอายุมากแล้ว หากจะถามสิ่งใดเหมือนเมื่อปี ๔๙ – ๕๐ ก็ไม่ได้แล้วท่านพูดมากก็เหนื่อย แต่ว่าหลวงปู่ได้ “ครอบ” ญาณในการดูเหล่านี้ให้กับลูกศิษย์ของท่าน คือหลวงพี่สุบิน นะครับ ผมได้ลองทดสอบดูแล้ว ได้เหมือนหลวงปู่ครับ ลองสอบถามเวลาที่สะดวกกับทางวัดเอานะครับ แต่ที่ผมไปดูเป็นช่วงเช้า หลังหลวงพี่ท่านทำพิธีสเดาะเคราห์เสร็จครับ ก่อนดูก็เหมือนเดิม คือแต่งขันธ์ มีดอกไม้ ธูป เทียนใส่จานพร้อมปัจจัย ตามแต่ศรัทธา มากน้อย ท่านไม่ว่าหรอกครับ

 

หลวงปู่รักษาคนป่วยผ่านสายสิญญ์
ในช่วงปี ๔๗-๔๘ ช่วงนั้นผมศึกษา ป.โท อยู่ มีเพื่อนร่วมงานที่เป็นครูด้วยกัน เป็นผู้หญิง อายุเท่ากันกับผมคือเกิด ๐๗ ได้ป่วยขึ้นมา ทีแรกผมก็ไม่ได้สนใจ คิดว่าป่วยธรรมดา แต่พักหลังมา ได้ข่าวว่า อาจารย์สมมติชื่อว่า ครู “น” ละกัน เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลหลายแห่ง ไป กรุงเทพ ศิริราช รามา ก็ตรวจไม่เจอสาเหตุ แต่กลับมาพบสาเหตุเมื่อมาตรวจที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิ์ที่ จ.อุบลฯ พบว่าเป็นโรคเดียวกับ พุ่มพวง....ในช่วงนั้น เพื่อนครูรุ่นน้องที่เป็นผู้หญิงก็เล่าให้ฟังว่า ครู น. (ผู้ป่วย) บอกว่าถูกกระทำด้วยคุณไสย เนื่องจากป่วยไม่ทราบสาเหตุ และเคยไปดูกับหมอ ถามกับพระผู้มีญาณ ส่วนใหญ่ก็ยืนยันว่า โดนกระทำด้วยไสยศาสตร์ ในตอนที่ข้าพเจ้าทราบเรื่องนั้น ครู น. คนนี้ ได้นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลนาน นับหลายเดือนแล้ว และด้วยการที่ทราบว่าป่วยโรคพุ่มพวง ทำให้ผมสงสัยว่าน่าจะโดนคุณไสย เพราะตอนข่าวพุ่มพวงเสียชีวิต ผมได้อ่านสัมภาษณ์แม่พุ่มพวงว่า ลูกตนเองโดนกระทำแต่ไม่มีใครเชื่อ ซึ่งอาการป่วยของคนที่โดนคุณไสยนั้น มักจะตรวจหาสาเหตุของโรคไม่พบ หรือหากตรวจพบสาเหตุ ก็มักจะเป็นโรคประหลาดที่ทางการแพทย์ปัจจุบันพบได้น้อยมากและไม่มียารักษา.....ทำให้ผม ตัดสินใจลองเอารูปถ่าย ครูท่านนี้ ไปให้หลวงพ่อที่นับถือดู (หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดป่าธรรมรังสี) ท่านดูแล้ว ท่านก็ยืนยันว่าโดนกระทำจริง “แต่อาตมาไม่รู้ว่าเป็นของแบบไหน เห็นเขาเดินผ่าน แล้วโยนลูกหมาใส่หน้าอก”....ก็เป็นอันว่า ที่คนป่วยมักบอกเสมอว่า ตนเองโดนกระทำคุณไสย นั้นเป็นเรื่องจริง...แต่ปัญหาก็คือ สามีของครู น. ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้เลยนี่คือปัญหาใหญ่ วันที่ไปดูนั้นเป็นวันอังคาร
วันเสาร์ผม ไปเรียน ขากลับจึงได้แวะเยี่ยมอาการป่วย ครู น. ทราบมาว่า เมื่อวันอังคาร ที่ผ่านมา ครู น. หัวใจหยุดเต้นไปสิบนาที ทีมแพทย์ ปั๊มหัวใจคืนมา และได้บอกสามีของครู น. ว่า ครู น. ป่วยเพราะโดนคุณไสย และได้แนะนำครูบาครูที่สามารถรักษาอาการป่วย ไปสองสามองค์ ได้แก่ หลวงปู่เคน หลวงพ่อสวัสดิ์ และหลวงปู่เกลี้ยง แต่แนะนำหลวงปู่เกลี้ยง มากที่สุด ....แต่สำหรับ วิธีการที่จะบอกให้สามีคนป่วยอย่างไร จนยอมไปหาหลวงปู่นั้น ท่านใดอยากทราบก็ติดต่อมาด้วยตนเองอีกทีหากเจอปัญหากรณีแบบนี้
หลังจากนั้นประมาณ ๕-๖ เดือน ก็ได้ทราบว่า อ.น.หายป่วยแล้ว ออกมาพักฟื้นที่บ้าน ผมได้ไปเยี่ยม และทราบเหตุการณ์หลังจากวันที่ผมไปเยี่ยมที่ รพ. ว่า เช้าวันถัดมา สามี และพ่อ ครู น.ได้ไปกราบหลวงปู่เกลี้ยง เอาวันเดือนปีเกิดไปให้ดู และขอความเมตตาจากหลวงปู่ให้ช่วยเหลือ...หลวงปู่ดูดวงแล้ว บอกว่าไม่ตายหร้อก...แล้วหลวงปู่ก็ให้ด้ายสายสิญญ์ เส้นใหญ่ประมาณนิ้วก้อย สั่งว่าให้เอาไปหัวเตียงคนไข้ บนหมอนที่หนุนนอน... ครูน. ได้สายสิญจน์มาตอนเย็น ในคืนนั้น ครู น.รู้ตัวเองเลยว่า อาการดีขึ้นๆๆ ทั้งคืน เพราะตลอดเวลาที่ ครู น. ผู้ที่เป็นคนป่วยนั้น รู้ด้วยตนเองเลยว่า มีแต่แย่ลงๆ ทุกคืน....แต่เมื่อได้สายสิญจน์หลวงปู่กลับดีขึ้นตลอดคืน จนครูน. ตื่นเช้ามาเจอสามี ได้เขียนบอกสามีในกระดาษว่า“ไม่ตายแล้วพ่อ” (ตอนนั้น ครูน. พูดไม่ได้แล้ว สายให้อาหาร สายอ้อกซิเยน+อาการป่วยหนัก ได้แต่สื่อสารด้วยการเขียน).....
หลังจากนั้น ครูน.ก็หายวันหายคืน ดีขึ้นจนกระทั่ง สามารถกลับบ้านได้ แต่ก็ไม่แข็งแรงเหมือนก่อนหน้า เนื่องจากการที่ป่วยเป็นระยะเวลายาวนานจึงทำให้ไตวาย ครูน.ต้องคอยไปฟอกไตทุกอาทิตย์ หรือสองอาทิตย์....
สิ่งที่น่าฉงน ก็คือ หลวงปู่เพียงให้สายสิญจน์ ไปเส้นหนึ่งเท่านั้น????

 

น้อมกราบพระรัตนตรัย

น้อมกราบองค์หลวงปู่เกลี้ยง

สวัสดีคุณปัญญาชน และศิษย์องค์หลวงปู่ทุกท่าน และขออนุโมทนาบุญกุศลที่คุณปัญญาชนและคณะได้ทำไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ...​

 

ไปกราบหลวงปู่เพ็ง วัดบ้านโพธิ์ศรีฯ ได้เข้าไปกราบท่านใกล้ๆ และถวายปัจจัยให้ท่านเป็นการส่วนตัว ท่านไม่มีวัตถุมงคลให้ แต่ท่านให้ก้มหัวไปใกล้ แล้วท่านเอามือลูบหัวไปมาหลายรอบ พร้อมว่าคาถาไปด้วย เสร็จแล้ว ท่านบอกว่า "เดินทางไปไหนมาไหนให้ระลึกถึง ไปมาปลอดภัยทั้วทิศ"

จำได้ว่าท่านว่าคาถาเสียงดังให้ได้ยิน

"กัน หะ เนหะ อิ สะวาสุ" 5 รอบ...........

 

100 ปี

 

ชนะมาร ใครมารเยอะ บารมีหลวงปู่จะขจัดไปให้สิ้น