เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ครับไปถามกันเยอะๆครับ

เดี๋ยวจะแบบหลวงตา ท่านไม่ค่อยพูด ตอนมีสังขาร ล่ะสะงขารไป สิบกว่าปี ตอนนี้ออกมาเล่ากันใหญ่ แต่ลงท้ายขายของอยู่ดี

ถ้าพระโคตรเศรษฐีดัง ....ก็จะแบบเดียวกัน เนื้อเรื่องจะตาม พ.ศ. ปรับไปตาม เจตนา ไม่ใช่เหตุการณ์จริง

ต้องช่วยกันบันทึกไว้ครับ

 

"หนอน" ถึงยังก็เป็นหนอนครับ ทำอะไรให้บิดเบือนความจริงไม่ได้หรอกครับ ที่กระทู้นี้ยังยืนหยัดอยู่ได้เพราะใช้ความจริง เชื่อจริง ศรัทธาจริง คนจริง พระจริง และไม่ว่าจะล้าน สองล้าน สามล้าน ถึงสิบล้าน หรือจนเราทุกคนอาจจะไม่ได้เข้ามาคลิ๊กแล้วก็ตาม ผมเชื่อว่าต้องมีคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาในกระทู้นี้เสมอเพราะบารมีของหลวงปู่และหลวงพ่อของเรา แผ่ไปไม่มีประมาณครับผม

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี
กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง

และขอคารวะพี่ใหญ่บ้านเหรียญบินที่เป็นผู้นำเรื่องราวต่างๆของหลวงปู่และหลวงพ่อของเรามาตีแผ่ความจริง ขอรับ

 

​

 

เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 2 ก.ย. พระมงคลวิสุทธิ์ หรือหลวงปู่สุภา กันตสีโล อายุ 119 ปี ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ ขณะจำวัดอยู่ที่วัดคอนสวรรค์ ต.ค้อเขียว อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ซึ่งเป็นบ้านเกิด เพราะการอาพาธด้วยโรคชรา ซึ่งเริ่มทรุดหนักตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.56 ทางวัดได้แจ้งให้แพทย์และพยาบาลเข้ามาดูแลรักษาอาการอย่างใกล้ชิด ก่อนละสังขารด้วยอาการสงบภายในกุฏิ

น้อมส่งหลวงปู่สู่แดนสงบครับ

 

องค์นี้องค์สำคัญทีเดียวครับ ไม่เคยมีวาสนากราบท่าน ไปภูเก็ตก็ไม่มีโอกาศได้เจอครับ

กราบ ๆ ๆ

 

วันนี้เหนื่อยมาก รถติดอีก สองชั่งโมงกว่า ขอนอนล่ะครับ

 

พระโพธิ์เก้าใบหลังรูปเหมือน ( เคล็ดพลิกแผ่นดิน )​

 

(ผมจะเอาบุญ)

...............................................................
เอามาทำไม...เงิน ให้โอกาสผมทำบุญบ้าง ในฐานะศิษย์เหรียญบินเหมือนกัน
จริงไหมครับ อจ.ช้าง ศิษย์พี่อ้อย และเสี่ยรุ่ง (ผมจะเอาบุญ)

 

ภาพงานซ่อมหลังคาอาคารกรรมฐานคณะ ๕ วัดราชสิทธารามครับ

นำมาให้ญาติธรรมคณะบ้านเหรียญบิน-แพโบสถ์น้ำ โมทนาร่วมกันครับ

ชุดแรกเป็น วัสดุก่อสร้างที่สั่งเข้ามาครับ















ส่วนสองเป็น ภาพช่างกำลังเริ่มงานก่อสร้างครับ







สาธุๆๆๆ

 

ขอโอกาส ลุงพี ลุงช้าง นำภาพพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อนซึ่งอยู่ใน
อาคารกรรมฐานคณะ ๕ วัดราชสิทธารามมาให้ดูนะครับ

เพื่อที่ว่า ญาติธรรมคณะบ้านเหรียญบิน-แพโบสถ์น้ำจะได้เกิดปีติ ชุ่มชื่นใจ
ที่ได้ร่วมรักษาของโบราณในพุทธศาสนา ยุคต้นรัตนโกสินทร์ไว้ด้วยกันครับ


เริ่มที่
หุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน สมเด็จโต สองศิษย์อาจารย์ครับ




หุ่นขี้ผึ้งคณาจารย์กรรมฐานวัดพลับ(วัดราชสิทธาราม)สมัยโบราณครับ


หุ่นขี้ผึ้งขรัวตาทอง วัดท่าหอย ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระสังฆราช (สุก) อีกทีหนึ่ง ครับ




เตียงบรรทม ของสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน ครั้งเป็นสมเด็จราชาคณะ (พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน)


ธรรมาสน์ รัชกาลที่ 1 สร้างถวายรัชกาลที่ 3 ครั้งทรงผนวช ที่วัดราชสิทธาราม เมื่อ พ.ศ. 2351 สร้างโดยช่างจีน สมัยราชวงศ์ชิง




ไม้เท้าสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน



ไม้เท้าเบิกไพรไผ่ยอดตาลของบูรพาจารย์ยุคต่างๆ
สืบทอดมาหลายร้อยปีแล้วครับ











บาตรและบริขารต่างๆ ของสมเด็จพระสังฆราช (สุก)ไก่เถื่อน



ตาลปัตรใบลานของสมเด็จพระสังฆราช (สุก)ไก่เถื่อน




หุ่นการเดินจิตแบบกรรมฐานโบราณครับ






ตำรากรรมฐานโบราณครับ
คัมภีร์บันทึกกรรมฐาน ของสมเด็จพระสังฆราช(สุก ไก่เถื่อน)วัดราชสิทธาราม สืบเนื่องมาจากสมเด็จพระพนรัตวัดป่าแก้ว





คุณปอ พิธีกรช่องสามมานั่งกรรมฐานที่พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อนครับ

 

คณาจารย์กรรมฐานวัดพลับ(วัดราชสิทธาราม)สมัยโบราณนั้นมีหลายท่านที่โด่งดังด้วยกันแต่ครั้งนี้ผมอยากขอโอกาสลุงพี ลุงช้าง
ญาติธรรมคณะบ้านเหรียญบิน-แพโบสถ์น้ำแนะนำหลวงปู่ชุ่มซึ่งเป็นครูบาอาจารย์องค์สำคัญในยุคเปลี่ยนผ่านคือสมัย รัชกาลที่ ๔ ที่ ๕ครับ

รูปพระสังวรานุวงศ์เถร (ชุ่ม)




ประวัติพระสังวรานุวงศ์เถร (หลวงปู่ชุ่ม)
๑๒. ประวัติพระสังวรานุวงศ์เถร (ชุ่ม) | Somdechsuk.org

พระสังวรานุวงศ์เถร มีนามเดิมว่า ชุ่ม เกิดที่ตำบลเกาะท่าพระ อำเภอบางกอกใหญ่ จังหวัดธนบุรี เมื่อวันพุธ แรม ๑ ค่ำ

เดือน ๑๒ ปีฉลู เบญจศก จ.ศ. ๑๒๑๕ ตรงกับวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๙๖ ในต้นรัชกาลที่ ๔ ได้เล่าเรียนภาษาไทย ภาษาบาลี ในสำนักพระอาจารย์ทอง วัดราชสิทธาราม ตั้งแต่ ๑๐ ขวบ ปีพระพุทธศักราช ๒๔๐๙ ในรัชกาลที่๔

อายุ ๑๓ ปี ท่านบรรพชาเป็นสามเณร ในสำนักพระสังวรานุวงศ์เถร (เมฆ)
ท่าน อุปสมบทแล้วศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ กับพระสังวรานุวงศ์เถร (เมฆ) และศึกษาพระกรรมฐานต่อกับ พระสังวรานุวงศ์เถร (เอี่ยม)ทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ ปีพระพุทธศักราช ๒๔๕๘ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม ปีพระพุทธศักราช. ๒๔๗๐ ท่านมรณภาพลงด้วยโรคชรา เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๔๗๐ รวมสิริรวมอายุได้ ๗๕ ปี พรรษา ๕๔ เมื่อท่านมรณะภาพไม่นาน มีผู้คนคณะสงฆ์ที่เคารพนับถือท่านได้มาที่วัดราชสิทธารามกันแน่นวัดมีเรือ จอดที่คลองหน้าวัดแน่นขนัด เก็บสรีระของท่าน ไว้บำเพ็ญกุศลประมาณ ๑๐๐ วัน

ครั้ง
พระสังวรานุวงศ์เถร (ชุ่ม) ครองวัดราชสิทธารามแล้ว พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ในสมัยท่านเจริญรุ่งเรืองมาก

มีพระเถรพระมหาเถร มาศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับกันมากมาย มีปรากฏชื่อเสียงหลายท่านคือ พระภิกษุพริ้ง (พระครูประสาธสิกขกิจ ) วัดบางประกอก พระภิกษุสด(พระมงคลเทพ มุนี) วัดปากน้ำ พระภิกษุโต๊ะ (พระราชวังวราภิมนต์) วัดประดู่ฉิมพลี พระภิกษุกล้าย (พระครูพรหมญาณวินิจ) วัดหงส์รัตนาราม พระภิกษุขัน (พระครูกสิณสังวร) วัดสระเกศ พระภิกษุเพิ่ม (พระพุทธวิถีนายก) วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อปานวัดบางนมโค มาศึกษากับพระสังวรานุวงศ์เถร (ชุ่ม)ไม่ทัน ท่านจึงไปศึกษากับ หลวงพ่อพริ้ง วัดบางประกอกฯ แทน ในกาลต่อมา
=================================
รูปลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงของพระสังวรานุวงศ์เถร (ชุ่ม)ครับ


หลวงพ่อสด(พระมงคลเทพ มุนี) วัดปากน้ำ





หลวงปู่พริ้ง วัดบางประกอก



หลวงปู่โต็ะ วัดประดู่ฉิมพลี



หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว





=====================================
สิ่งที่ทำให้คนทั่วไป รู้จัก หลวงปู่ชุ่ม;พระสังวรานุวงศ์เถร คือ น้ำเต้ากันไฟครับ

 

ประวัติ-ตำนาน น้ำเต้ากันไฟ ของเจ้าคุณสังวรา (หลวงปู่ชุ่ม) วัดพลับ



น้ำเต้ากันไฟหลวงปู่ชุ่มคือเครื่องรางของขลังที่ถือกันว่ามีพุทธานุภาพ เข้มขลังในด้าน "ป้องกันอัคคีภัยตามเคหสถานบ้านเรือน" และมีชื่อเสียงรู้จักกันแพร่หลายและมีประสบการณ์จนขึ้นชื่อลือชา

เครื่องรางอย่าง "น้ำเต้ากันไฟ" ซึ่งท่านได้วิชานี้มาขณะออกเดินธุดงค์ คราท่านหลวงปู่ชุ่มไปธุดงค์นั้นได้พบวัดแห่งหนึ่ง ถูกอัคคีภัยคันธากุฏิ ศาลา ชะลอย ไหม้ด้วยเปลวเพลิง คงเหลือแต่หอระฆัง
ที่ไม่ต้องด้วยอัคคีภัย ด้วยมีน้ำเต้าโบราณแขวนไว้อยู่ลูกหนึ่ง

หลวงปู่ชุ่มจึงเข้าสมาธิ เล็งญาณดูถึงเหตุดังกล่าวว่าเพราะเหตุใดท่านก็รู้ในจิตว่า น้ำเต้าลูกนี้ศักสิทธิ์ มีอานุภาพมาก แล ท่านก็อธิษฐานกำหนดจิตถึงครูผู้ประสิทธิวิชาน้ำเต้าดังกล่าว เพื่อขอเรียนวิชา(ในสมาธิ)หลวงปู่ชุ่ม ท่านจึงได้วิชาน้ำเต้ากันไฟ มาสร้างน้ำเต้ากันไฟอันเป็นสุดยอดวัตถุมงคล ดังกล่าว

เมื่อเรียนเสร็จแล้วท่านได้นำน้ำเต้าติดตัวกลับมาด้วย ภายหลังกลับไปพบว่าศาลาดังกล่าวถูกไฟป่าไหม้เสียหายแล้ว เมื่อประจักษ์ในอภินิหารดังกล่าว ท่านจึงได้สร้างน้ำเต้าบรรจุคาถาแจกจ่ายแก่ศิษยานุศิษย์ จนมีชื่อเสียงถึงทุกวันนี้

น้ำเต้าของท่านจะเลือกเอาแต่น้ำเต้าตรงตามลักษณะที่ตำราบ่งบอกไว้และแก่จัดมากๆ มาควักเอาเนื้อในและเม็ดออกให้หมดแล้ว นำมาลงอักขระเลขยันต์ และปลุกเสกตามสูตรโบราณ ที่ท่านได้ศึกษามา ที่เคยพบบางลูกก็มีการถักเชือกและลงรักปิดทองไว้ บางลูกก็ไม่มี ไม่เป็นที่แน่นอนเสมอไป แต่ชาววงการมักจะนิยมและเล่นหาแบบถักเชือกและลงรักมากกว่า


อานุภาพ ของน้ำเต้า ใช่จะมีกฤษตยานุภาพด้านกันภัยอย่างเดียวนะครับ ด้วยกำลังอานุภาพวัฏฏกะปริตร ตลอดยันต์หัวใจต่างๆทำให้ ยังมีอานุภาพด้านอดิเรกลาภสักการะด้วย

 

***กราบ อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ***

 

***ขออนุโมทนาด้วยครับ***

 

แหะๆ

งั้นเอาสักหลักร้อยก่อน ขอเก่ายังพอมีเหลือ แจกฟรีอย่างเดียวครับ ยันต์หลังพิมพ์ด้วยได้ไหมครับ

 

พระในดวงใจทั้งสิ้น หลวงพ่อวัดปากน้ำ หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่เพิ่ม ฯลฯ

กราบ ๆ ๆ

 

หลวงพ่อจิ๋ว ยังทำไหมครับ...แหะๆ

 

น้ำเต้าวัดใหม่ฯ

ไม่มีของวัดพลับบูชาวัดใหม่ฯแทน

เฮียหมูให้มานาน น่าจะลืมไปแล้ว ผมเลยเอาไปขอหลวงปู่ เจิมให้อีก

เดี๋ยวไม่มีน้ำเต้าแจก เดี๋ยวถ่ายรูปชัดๆ อัดแจกซ่ะ กันไฟ ดูดทรัพย์ซ่ะเลย...แหะ

 

หลวงตา้เสกทั้งสองรายการ อย่าไปเชื่อคำพูดเจตนาแปลกๆว่าไม่ได้เสก คนที่ทัน ยังอยู่ อีกหลายคน ยังไม่ตาย สนใจกราบเรียนเชิญที่สำนักแม่ชี ประทุม โชติอนันต์ ครับ