พระอรหันต์

พระอรหันต์



การบรรลุธรรมขั้นสูงสุดของพุทธศาสนา เรียกว่า "พระอรหันต์" พระอรหันต์ คือ ผู้รู้ด้วยตนเอง แยกได้หมด ว่างเปล่า ไม่มีตัวตน มีอิทธิฤทธิ์ ทำอภินิหารได้ อยู่ด้วยตนเอง"



การกระทำการใดก็ตาม ต้องศึกษาและเรียนรู้ สิ่งเหล่านั้นให้เข้าใจ เพื่อจะได้ทราบว่าสิ่งเหล่านั้นใช่หรือไม่ใช่ศาสนาเป็นของบริสุทธิ์ การเลื่อมใสศรัทธา ต้องใช้ปัญญาพิจารณาเหตุผล มิใช่โง่งมงาย การนับถือศาสนาต้องศึกษาและเรียนรู้ให้เข้าใจก่อนว่าศาสนานั้น คืออะไร? มีความเป็นมาอย่างไร? มีคุณลักษณะอย่างไร? และปฏิบัติอย่างไร? ต้องพิจารณาได้เองว่าใช่หรือไม่ใช่ หลอกลวงหรือไม่?



การเป็นพระอรหันต์ของศาสนาพุทธ มีความเป็นมาหลายขั้นตอนจะว่ายากก็ได้ จะว่าง่ายก็ได้ อยู่ที่ผู้ปฏิบัติ และเข้าถึงพระธรรมคำสอนขั้นตอนความเป็นมาการเป็นพระอรหันต์ของศาสนาพุทธ เริ่มต้นมาจากการเป็นพระสงฆ์



คุณลักษณะของพระสงฆ์ มี 5 ประการ



1. พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ให้เป็นพระสงฆ์ หรือพระอุปัชฌาย์ และคณะสงฆ์ที่ได้รับ พุทธานุญาต อนุญาตให้เป็นพระสงฆ์ อุบาสกที่อนุญาตให้เป็นพระสงฆ์ได้ ต้องมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้ คือ เข้าใจพระธรรมคำสอน ไม่โลภ โกรธ หลง ไม่มีกิเลสตัณหาและทรัพย์สินเงินทอง

2. ปฏิบัติเคร่งครัดตามพระธรรมวินัย คือ ศีล 227 ข้อ กิจวัตร 10 ประการ งดเว้นมังสัง 10 ไม่อวดอุตริมนุษยธรรม ไม่ประมาท ไม่แสวงหาทรัพย์

3. ศึกษาหาความรู้พระธรรมคำสอน 84,000 ธรรมขันธ์ ให้แจ่มแจ้ง

4. ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนอย่างเคร่งครัด

5. บูชาครูพระรัตนตรัย นำพระธรรมคำสอนสู่สาธุชนทั่วไป สอนอุบาสก อุบาสิกาให้เข้าใจพระธรรมคำสอน และปฏิบัติได้



พระสงฆ์แบ่งออกเป็น 5 ระดับ



1. พระสงฆ์ศึกษาหาความรู้พระธรรม ปฏิบัติตามพระธรรม และพระธรรมวินัย อย่างเคร่งครัด กอร์ปกิจกรรมพระสงฆ์ได้หมดทุกอย่าง มีบารมีในตน คนทั่วไปพบเห็น เคารพนับถือ และสักการบูชา



2. พระสงฆ์รู้ธรรมวิเศษ คือ เริ่มรู้ได้ด้วยตนเองจากการปฏิบัติธรรม แยกได้ด้วยตนเอง รู้ดีรู้ชอบ ได้หรือไม่ได้ ชอบหรือไม่ชอบ รู้ชาติกำเนิด เกิด แก่ เจ็บ ตาย ลักษณะและเหตุผลนี้ คือ พระสงฆ์ที่ได้บรรลุธรรมขั้น 1 โสดาบัน ขั้นนี้กลับไปกลับมาได้



3. พระสงฆ์ปฏิบัติธรรมได้แก่กล้าด้วยตนเอง ถอดแบบได้ ทำได้จริง ปฏิบัติได้จริง พูดได้จริงหมด คือ พระสงฆ์ที่ได้บรรลุธรรมขั้น 2 สกิทาคามี ขั้นนี้มั่นคงไม่กลับไปไปกลับมา พระสงฆ์ที่บรรลุธรรมขั้นนี้ที่รู้จักมีดังนี้

1. สมเด็จเจ้าพะโคะ (หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด) วัดพะโคะ จังหวัดสงขลา

2. สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง

3. หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาถ

4. พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช

4. พระสงฆ์ปฏิบัติธรรมได้ขั้นรู้ความจริง ปฏิบัติได้จริง ทำได้จริง รู้อะไรจริงไม่จริง แยกจิตออกจากร่างกายได้จะออกธุดงค์ อยู่ป่าเป็นส่วนใหญ่ เพื่อแสวงหาความจริง อยู่วัดน้อยที่สุด ไม่ต้องการที่อยู่อาศัย ระดับนี้ คือพระสงฆ์ที่ได้บรรลุธรรมขั้น 3 อานาคามี ขั้นนี้ก็มั่นคงแน่นอน พระสงฆ์ที่บรรลุธรรมขั้นนี้ที่รู้จักมีดังนี้

1. พ่อท่านนน (พ่อท่านจาบ) ถ้ำหิน จังหวัดกระบี่

2. พ่อท่านแก้วแดง (พ่อท่านแก้ว) ภูเขาแกละ หรือภูเขาตี จังหวัดกาญจนบุรี

3. หลวงพ่อกาเหว่า ที่ถ้ำพระ ภูเขาแก้ว จังหวัดเชียงราย

4.หลวงพ่อโอภาสี วัดบางมด บ้านเกิดอยู่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช

5.หลวงปู่สรวง บ้านละลม จังหวัดศรีสะเกษ



5. พระสงฆ์ได้บรรลุธรรมวิเศษ คือ รู้ด้วยตนเองรู้ได้หมดทุกอย่าง ว่างเปล่า ไม่มีตัวตน เพราะแยกได้หมด ระดับนี้ คือพระสงฆ์ที่ได้บรรลุธรรมขั้น 4 เป็น "พระอรหันต์" พระอรหันต์ยังมี แต่ไม่มีตัวตนอยู่ด้วยตัวเอง เพราะแบ่งแยกได้หมด พระอรหันต์แบ่งได้ 84,000 องค์ ล่องหน หายตัว ทำอภินิหารได้ พระอรหันต์ไม่มี กระดูก เถ้าถ่าน เมื่อดับแล้วมีพระธาตุอย่างเดียว พระอรหันต์อยู่ด้วยตัวเอง อยู่เหนือโลก ชีวิตอมตะต้องการดับก็ได้ ไม่ดับก็ได้ ตามความพอใจของตัวเอง



พระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน (พ.ศ.2556) ที่รู้จักมี 5 รูป คือ



1.หลวงปู่กาแก้ว อยู่ป่าหิมะพาน เมืองเลย อายุได้ 1,229 ปี

2.พ่อท่านแก้ว (หลวงปู่แก้ว) อยู่วัดพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ผู้สร้างพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช อายุได้ 1,125 ปี

3.พระครูเทพโลกอุดร อยู่เมืองเหนือ อายุ 987 ปี

4.หลวงปู่โพรงโพธิ์ อยู่ที่โพรงต้นโพธิ์ ป่าเขาแก้ว เมืองเชียงตุง อายุ 792 ปี

5.หลวงพ่อแก้วมรกต (พระแก้วมรกต) อยู่ป่าหิมะพาน เมืองพะเยา อายุ 187 ปี



ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ปี พ.ศ. 2600 พระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ จะออกมาสอนอุบาสก อุบาสิกา และสาธุชนทั่วไป ให้รู้ธรรมอย่างแท้จริง และจะมีพระอรหันต์เพิ่มขึ้น 100 รูป สาธุชนที่มีชีวิตอยู่ในช่วงนั้น จะได้พบกับสิ่งที่ดีดี พ.ศ. 2599 สิ้นกาลียุค ในเมื่อรู้เข้าใจ ความเป็นมา หลักการและข้อปฏิบัติของศาสนาแล้ว ในการเลื่อมใสศรัทธา ก็ใช้ความคิด พิจารณาว่า ตรงตามหลักการของศาสนาหรือไม่? ใช่หรือไม่ใช่? การเชื่ออย่างโง่งม-งาย จะถูกหลอกลวงได้ ตัวอย่างเช่น "พระสงฆ์รูปหนึ่งบอกชาวบ้านว่า ล่องหนหายตัวได้ ไปพบเทวดาบนสวรรค์เทวดาสั่งว่า ให้ชาวบ้านบริจาคเงินมากๆ จะได้บุญมาก จะได้ไปเกิดที่เมืองสวรรค์" กรณีอย่างนี้ พิจารณาตามหลักการของศาสนาได้ว่า "เป็นการอวดอุตริมนุษยธรรม ผิดข้อบัญญัติของศาสนา" ถ้าเป็นพระสงฆ์จะไม่ประกาศอย่างนี้ พระสงฆ์จริงๆ จะเก่งกล้าดีในเรื่องใด ผู้ศรัทธา พบเห็นสังเกตและรู้เอาเอง พระสงฆ์บอกเองไม่ได้ การบอกว่าให้บริจาคเงินมากๆ จะได้บุญมาก ก็ผิดหลักศาสนาเช่นกัน เป็นการแสวงหาทรัพย์ การบวช คือการเลิกจากทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด การทำบุญ คือการเสียสละ ให้ทำตามกำลังทรัพย์ ตามภาษาชาวบ้านว่า "ตามมีตามเกิด" มีมากทำมากมีน้อยทำน้อย กุศลผลบุญได้เท่ากัน คือ "ได้เสียสละ" ถ้ากล่าวถึงพระอรหันต์แล้ว เรื่องนี้ใหญ่มาก พระอรหันต์ผู้บรรลุธรรมขั้น 4 ผู้รู้ด้วยตนเอง แยกตัวเองได้หมด อยู่กับตัวเองอยู่ได้ทุกที่ ปรากฏได้ทุกหน ทุกแห่ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ไม่ต้องนั่งรถ ลงเรือ ไปเหนือล่องใต้ ไม่ต้องใช้เครื่องบิน ไปด้วยจิตของตัวเอง ซึ่งแยกได้ 84,000 องค์ ที่กล่าวมานี้เป็นตัวอย่างเบื้องต้น ในการพิจารณาของผู้ศรัทธาเลื่อมใสในศาสนาพุทธ กรณีอื่นๆ ยังมีอีกมากมาย ให้ผู้ศรัทธาเลื่อมใส พิจารณาและคิดเอาเอง


ปากพนังทำนาย
วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2556

ข้อมูลจาก : http://kormai.blogspot.com/2013/08/blog-post.html

 

ท่านคือใครผมใคร่อยากสนทนาธรรมกับท่าน ผมพูดกับคนอื่นๆไม่ได้ เขาหาว่าผมบ้า crazy ไปแล้ว

 

พระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่หมายความว่าอย่างไร แล้ว จะ ไปพบท่านได้ที่ไหน อย่างไร