ก้อนหิน

เชฟกระเหล็กประเทศไทย ยยย
โจทย์วันนี้ คือ ก้อนหิน
หิน มันก็คือหิน อือโจทย์หินจริงๆ
หิน มีรูปร่างอะไรบ้าง สามเหลี่ยม สีเหลี่ยม หลายเหลี่ยม กลม แบน รี อิสระ คน สัตว์
จานบิน เห็ด ตา-ยาย หินย้อยช้าง หินย้อยพญานาค รูปเทพ พระพุทธ มีทุกรูปกระมัง

สีอะไร มีทุกสีเลย ที่ชอบคงเป็นสีเพชร ไพลิน ทับทิม ทัวร์มาลีน แซฟไฟร์ แอเมทีสต์ เขียวหยก มรกต สีทองอันนี้ก็ชอบ ไม่เจียรนัยมันก็แค่หินนะ พอเป็นอัญมณีคนก็สนใจ สนใจมากก็มีค่ามาก มีมากสนใจน้อยมันก็ไม่มีค่า

รสอะไร เปรี้ยว หรือ หวาน มัน หรือ เค็ม เคยกินหรือเปล่านะ มีแต่นอนกลางดินกินกลางทราย แต่ก็คงมีแร่หินบางอย่างที่ปรุงเป็นยา

หินมีกลิ่นไหม มีนะ มันเป็นกลิ่น....กลิ่นหิน

ขนาดเล็กเป็นฝุ่น ใหญ่ ใหญ่มาก ใหญ่โคตร โคตรใหญ่เลยว่ะ

หินส่วนใหญ่หนัก เบาก็มีลอยน้ำเลย ส่วนใหญ่แข็ง อ่อนก็มีนิ่มเป็นลาวาเลย

บางทีหินไม่ใช่หิน เป็น หมา เป็น แมว เป็นคน เป็นสัตว์ ไอ้หิน คุณหิน บางทีเป็นวงดนตรี
หิน เหล็ก ไฟ

บางทีเห็นแล้วหัวเราะ บางทีทำให้คิดถึงคนให้ บางทีใช้หนี้ได้ บางที่เขาว่าใส่แล้วมีโชค
บางทีก็ไว้ฆ่าสัตว์ บางทีก็น่ากลัว...ผีหิน

บางทีเห็นคนละมุม

 

ได้ทุกอย่างเลยครับ ไม่จำกัด
ถ้านึกถึงหิน...คุณนึกถึงอะไรบ้าง..
แล้วมาลองฝึกกันว่า ความคิดสร้างสรรค์ ทำได้อย่างไร
โดยตัวอย่างคือ จะทำอาหารเมนูใหม่สักเมนูหนึ่ง...

แต่ก่อนอบรมคอร์สนี้ 5 วัน ค่าใช้จ่ายวันละ 5000 บาททีเดียว...ในเวลานั้นทองคำยังราคาบาทละ 8-9000 บาท...

 

ผมนึกถึงก้อนหินแล้วนึกถึง ความแข็ง, ความซับซ้อน, ความลึกลับ, และความยาวนาน

 

ดิฉันคิดถึงความแข็ง ความหยาบ(นึกถึงตอนลับมีด) ปะจุไฟ(นึกถึงที่คนสมัยก่อนเอามากระทบกันให้มีประกายไฟ) มีน้ำหนัก และสีเฉพาะตัวค่ะ

 

คุณสมบัติของก้อนหิน มีสี มีลาย เรียบ ขรุขระ เย็น สวย มีหลายรูปแบบ แข็ง หนัก

 

ขอเล่นด้วยค่ะ ส่วนตัวนึกถึงหินสีขาวขุ่น ไม่ใส ไม่กลมเกลี้ยง
พื้นผิวขุระขระ หยาบเหมือนหินทราย ตรงกลางมีรอยบุบเหมือนโดนทุบ
เป็นหินที่พบได้ทั่วไป ดูเผิน ๆ เหมือนนิ้วหัวแม่โป้งแบบที่งอนิ้วนะค่ะ

 

ระหว่างรอคอยให้นึกเรื่องคุณสมบัติและลักษณะของก้อนหินนั้น
ก็จะขอเล่าเรื่องราว ในอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งอยู่กับชีวิตประจำวันของเราทุกคน แต่ไม่ค่อยมีใครจะมองเห็น...

เพื่อนคนนึง ขับรถปาเจโร สีขาว สภาพยังใหม่ ...
แต่วันก่อน ไปโดนเศษก้อนหิน(อีกแล้ว) กระเด็นใส่ ระหว่างที่ขับรถตามหลังรถบรรทุก..
เกิดเป็นรอยร้าวเล็กๆ ที่กระจก ด้านคนขับ...
เนื่องจากในตะวันออกกลางยังไม่มีที่ซ่อมรอยร้าวกระจก มีแต่ต้องเปลี่ยนใหม่ไปเลย...

เพื่อนคนนี้จึงทนใช้ไป และทุกครั้งที่ขึ้นมาสตาร์ทรถ เขาจะบ่นถึงแต่รอยร้าวนี่แหละ เวลาขับรถไป มันก็น่าหงุดหงิดกับรอยร้าวเล็ก นี่เอง เพราะมันเห็นอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา ก็มันอยู่ด้านคนขับนี่นะ....รอยร้าวเล็กๆนี้ แม้จะเล็กน้อย แต่มันก็สร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้ทุกครั้งที่มองเห็นมัน....

สมัยก่อนผมก็เคยโดนเบียดที่มุมกันชนรถ เป็นรอยปื้นเล็กๆสีขาว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เมื่อเห็นเข้าก็ต้องบ่นเสียดายกันทุกครั้ง เพราะรถยังดีๆ ไม่น่าโดนเลย แล้วก็ไม่ใช่ขับไปเบียดเอง ใครก็ไม่รู้มาเบียด และเบียดเอาตอนไหนก็ไม่รู้ เหมือนกัน...

ในอีกมุมมองหนึ่งที่ผมเห็นนั้น ผมขึ้นไปขับรถแล้วก็พบว่าเครื่องยนต์ดีมาก พาผมไปได้ทุกแห่ง ให้ผมสะดวกสบาย...สีตัวถังรถส่วนอื่นๆ ยังสมบูรณ์ดี ซึ่งจะวัดพื้นที่แล้ว มันมีพื้นที่ของสีที่ยังดี และสมบูรณ์นั้น มากกว่าพื้นที่ของรอยถลอก หลายร้อยเท่าทีเดียว แต่แปลกนะที่ไม่มีใครมองเห็น...เบาะก็ยังดี แอร์ก็ยังเย็น กระจกก็เรียบร้อย ผมพิจารณาโดยรวมแล้ว รถยนต์ที่ผมใช้มันมีข้อดีมากกว่าข้อเสียมากมาย...แล้วเรื่องอะไรนะ ที่ผมจะเอารอยถลอกเล็กๆ ไปทำร้าย ทำลาย สิ่งดีๆที่มีอยู่อีกมากมายนั้นเล่า ...คุณว่าผมบ้าไหม ถ้าเพียงเพราะรอยถลอกเล็กๆนี้ จะทำให้ผมหงุดหงิด รำคาญ เสียความรู้สึก เซ็ง ทุกครั้งที่เห็นมัน โดยที่ส่วนต่างๆแม้แต่สีบริเวณอื่น มันยังดีอยู่...

เปล่าเลย...สิ่งที่ผมเห็น คนทั่วไปกลับบอกว่าเพี้ยน...
ผมบอกเพื่อนผมเช่นกันถึงรอยร้าวที่กระจกหน้ารถเขา อธิบายให้เขาฟังว่ารถคันนี้ยังมีส่วนดีตรงไหนบ้าง มีมากมายเพียงใด อยากให้เขาลองคิดดู แล้วมองดูสิ่งดีๆเหล่านั้น แล้วคุณจะเห็นว่า มันก็แค่รอยร้าวที่กระจกเล็กๆเท่านั้นเอง มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ....

กับชีวิตคนเราก็เช่นกัน ผ่านช่วงเวลากันมาถึงป่านนี้แล้ว แต่ละคนย่อมประสบพบกับรอยร้าวเล็กๆในหัวใจตน ซึ่งได้รับมันมาจากคนรอบๆข้าง...แล้วเราก็เฝ้ามองมัน หงุดหงิดกับมันทุกครั้งที่นึกถึง เสียอารมณ์ เสียความรู้สึก เครียด และกดดัน...แม้ว่ามันจะเป็นจุดเล็กๆในใจของเราก็ตาม...


(ปล. ที่ไม่สรุปให้ เพราะเชื่อว่าแต่ละท่านมีภูมิปัญญาเป็นของตนเอง คิด นึก พิจารณาได้เอง และรู้ได้เห็นได้เองในที่สุด ดังนั้นจึงเพียงฝากแง่มุมหนึ่ง ในชีวิตประจำวันใกล้ๆตัว ไว้ให้แต่ละท่านพิจารณา)

 

แท้จริงแล้วเราทุกๆคน ต่างมีความคิดสร้างสรรค์อยู่ในตัวกันทุกคน เพียงแต่มันยังไม่เคยถูกกระตุ้นออกมาใช้อย่างถูกวิธี หรือยังไม่มีใครชี้จุดให้ดูอย่างชัดๆ จุดนี้ก็ไม่ได้อยู่ระหว่างลูกกะตาหรอกนะ(อันนี้แอบขบกัดเล็กๆน้อยๆ ฮาๆ) เดี๋ยวมาสรุปคุณสมบัติก้อนหินกัน ใครที่โพสไว้แล้ว นึกอะไรเพิ่มเติมได้ก็ใส่กันเพิ่มเข้ามาได้ ไม่จำกัด...
แล้วคืนนี้มาลองดูกันว่า...ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน มีอยู่จริงๆ จะถูกนำมันออกมาใช้ในคืนนี้แหละ...

เรื่องตรงนี้ ทำไปเล่นๆ ดูเหมือนเล่นสนุกกัน แต่ทุกท่านทราบไหมว่า ผู้บริหารระดับประเทศของอเมริกา ญี่ปุ่น จีน คณะรัฐมนตรี ที่ปรึกษาสำคัญๆขององค์กรณ์ระดับโลก ต้องมาเรียนสิ่งนี้กัน...เนื่องเพราะในยามที่วิกฤตที่สุดแล้ว เขาต้องการทางออก ทางออกที่สร้างสรรค์ และในยามที่ทุกอย่างมืดมนไร้หนทาง หมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง...

วิธีการสร้างสรรค์เช่นนี้ จะพา ประเทศ องค์กร หน่วยงาน แม้แต่สถาบันที่เล็กที่สุดคือ ครอบครัว ให้รอดพ้นจากวิกฤตได้...ผมจึงอยากให้ทุกคนมาร่วมกันเล่น...ผมทำนายไม่ได้ว่าอนาคตจะต้องเจอะเจออะไรบ้าง แต่ผมบอกได้ว่า การเตรียมพร้อมเป็นสิ่งที่ดี และการเตรียมพร้อมคือการฝึกฝนตนเองให้พร้อม...

ไม่ว่าคุณจะมีอุปกรณ์เครื่องมือใดๆ บุคคลไหนๆก็ตาม เมื่อยามวิกฤตเกิดขึ้นกับชีวิตคุณ สิ่งเหล่านั้นจะไร้ค่าไปทันที ถ้าคุณคิดไม่ออกว่าจะจัดการกับมันอย่างไร จะสร้างสรรค์มันขึ้นมา จะแหวกว่ายออกจากความมืดดำนั้นได้อย่างไร...เมื่อคุณคิดไม่ออก...สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องทำคือ...คิด...คิดให้ออก...คิดอย่างไรให้ออก คิดอย่างไรให้สร้างสรรค์...


เรื่องเล่นๆที่ชวนมาเล่นนี้ สำหรับผมแล้ว มันไม่"ล้อเล่น"เลยนะ มันออกจะ"จริงจังนะ" เสียด้วยสิ...เอาแถม "ติง ติง"เข้ามาอีกหน่อย กันน้อยใจ...

 

555555 ++++++ ....
เสน่ห์ของคนทุกๆคน ไม่ว่าหญิงหรือชาย ดิฉันว่าคือคนที่มีอารมณ์ขันนั่นเอง แถมคนอารมณ์ดี จะบันทึกบุญและกระแสดีๆได้ง่ายอีกด้วย เหมือนที่หลวงตาท่านสอนเลยค่ะ

เรื่องหยิกแกมหยอก ท่านใช่เล่นเลย เดี๋ยวแฟนบอร์ดก็ตรึมล่ะ เตรียมลายเซ้นต์สวยๆไว้โตยเน้อค่า อิอิ

ช่วงนี้คงไม่ได้เข้ามาบ่อยๆแล้วนะคะ คงจะแอบดูอยู่ห่างๆนานๆคงจะได้เข้ามา
แต่จะติดตามอ่านทุกข้อความค่ะ คาดว่าท่านๆคงช่วยกันอัพเดทนะคะ กระทู้ดีๆ มีน้ำหนัก ได้ประโยชน์ มุมเล็กๆที่ยิ่งใหญ่อย่าง "ก้อนหิน"

รักษาสุขภาพด้วยนะคะทุกคน มีความสุขมากๆนะคะ สาธุ

 

มันมีสีหม่นๆ...ไม่เรียบ ทรงเหมือนก้อนชิ้นเนื้อหมูที่โดนปาดออก


ผมคิดได้แค่นี้อ่ะพี่...

 

เห็นป๊ะป๋าใ้ห้บรรยายคุณสมบัติ ของก้อนหิน ตามมุมมองของจริงจังนะ นะคะ
ก้อนหินมีลักษณะหลายอย่าง บางก้อนกลมมน บางก้อนขรุขระ บางก้อนคมสามารถทำใ้ห้เราเลือดตกยางออกได้

โดยส่วนตัวชอบก้อนหินที่มีลักษณะกลมมน ตอนเด็กเห็นหินกลมๆไม่ได้ ต้องเลือกมาเก็บไว้ ไว้เล่นหมากเก็บกับเพื่อนๆค่ะ

หินกลมๆ เราสามารถเอามาทำเป็นอาหารในยามข้าวยากหมากแพงได้ด้วยนะคะ ป๊ะป๋า
เมนูนี้จำมาจากก๋งค่ะ(ก๋งฟังมาจากก๋งอีกทีค่ะ) เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนในเมืองจีนยามข้าวยากหมากแพงไม่มีอะไรจะกิน ก็ไปหาเก็บก้อนหินที่ทรงกลมๆ เอามาคั่วกับเกลือหรือน้ำเกลือประมาณนั้นค่ะ คั่วจนความเค็มซึมเข้าไปในก้อนหิน
แล้วก็ตักข้าวต้มมานั่งซด พร้อมกับหยิบก้อนหินมาดูดเอาความเค็มค่ะ
คิดว่าคงเข้าท่ากว่าซดน้ำข้าวต้มเฉยๆเยอะเลย
ในยามข้าวยากหมากแพงตอนนี้น่าลองทำทานเหมือนกันนะคะ อิอิ

 

ก้อนหินในความรู้สึกก้อนหินจะมีลักษณะ
เฉพาะตัวคือทึบแสงไม่โปร่งใสและความ
รู้อีกอย่างคือความมีน้ำหนักของก้อนหินแค่
เราพูดว่าก้อนหิน2สิ่งแรกที่เรารับรู้ได้โดยที่
เรายังไม่ได้พิจารณาอะไรลึกลงไปคือความทึบและ
ความหนัก เบื้องต้นคิดได้แค่นี้ค่ะ

 

ร่วมด้วยช่วยคิดเรื่องหินค่ะ

ให้นึกถึงก้อนหินก้อนหนึ่ง...แต่ก็นึกเห็นหินหลายก้อนอ่ะ เหมือนจะงกยังไงไม่รู้^^
ทำตามกติกาก็ได้.. คัดหินกองโตออกไป เหลือนึกแต่หินก้อนหนึ่ง

ลักษณะ ไม่ได้สวยงามกลมมนแต่ขรุขระมีเหลี่ยมมีมุม ขนาดพอเหมาะมือ จะถือไว้นานก็หนัก จะขว้างไปโดนหัวใครก็แตก แต่แอนตาซิลไม่จ่าย คนขว้างต้องจ่ายเอง
ถ้าวางไว้เฉยๆก็งั้นๆ เอาไปวางไว้ใต้ต้นไม้ ก็เพิ่มประโยชน์หน่อยเพิ่มพื้นที่ความชื้นให้ดิน
วางไว้เดี่ยวๆตรงทางเดินอาจจะมีโทษเวลาคนเดินไม่มองไปสะดุดหรือเหยียบ
แต่ถ้าเอาไปรวมกลุ่มกับพรรคกับหมู่ก็เป็นทางเดินที่สวยงามดี

หินดูเหมือนจะแข็ง แต่ก็ไม่แกร่งมาก พอโดนทุบก็แตกกระจาย อาจจะกลายเป็นฝุ่นผงย้อนกลับกระเด็นเข้าตาคนทุบและคนรอบข้างก็ได้ กรอบนอกนุ่มในนะเนี่ยยย ^__^

ประโยชน์หลายขนาน แต่ก็พร้อมจะเกิดโทษมหันต์ เมื่อใช้ผิดที่ทางอย่างแก๊งค์ปาหิน^0^

 

ก้อนหินแบนราบ นำไปเผาให้ร้อนจัด นำหมูหมัก กุ้ง ปลาหมึก มาวางบนก้อนหินร้อน
เหมือนย่างบนเตาถ่าน นั่งล้อมวงทานกันในครอบครัว
เป็นการประหยัดไม้ที่ต้องมาเผาเป็นถ่าน ดีมั้ยคะ

 

พี่ระมิงมาเร็วๆ...เค้ามารอกันเพียบแล้ว

 

คิดไม่ออก คิดได้แค่นี้จริงๆ หรือจะลองคิดดูก็เห็นแต่พวกพลอยสีสวยๆ ไม่ก็เป็นพระธาตุพ่อแม่ครูบาอาจารย์ไปเลย

 

นึกถึงหินแล้ว นึกถึงความหนัก แข็งแกร่ง จิตใจคน(คนใจดำ ใจหิน ใจหนักแน่น) การตอกย้ำบ่อยๆ(น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน) งานที่ยากลำบาก ถ้ำที่อยู่อาศัย ถนน อาวุธ หนังสติก ค้อน เครื่องประดับ ฟุตบอล(เตะหินเล่นเวลาเดินเล่น) ของเล่น ที่นั่งพักหรือนั่งเล่น ที่แต่งสวน อุปกรณ์คลุมดินป้องกันความชื้นระเหยไปเร็ว เพื่อนที่เก็บความลับได้ดีไม่เคยมีปากมีเสียง(เพราะหินมันพูดไม่ได้)

 

เพิ่งมาอ่านกระทู้คุณระมิงค์ ขอเล่นด้วยคนค่ะ


พูดถึงก้อนหิน คิดถึงความมน ที่ไม่มีเหลี่ยมมุมแหลมคม ความเกลี้ยงเกลา ความแน่นแข็ง มีน้ำหนักพอประมาณ อาจมีฝุ่นหินติดอยู่เล็กน้อย ถ้าเป็นก้อนโตมากๆ ก้จะเรียบแบน ขึ้นไปนั่งเล่น นอนเล่นได้ หรือถ้าอยู่ริมหน้าผา ก้น่าใช้นั่งสมาธิภาวนา หรือนั่งผ่อนคลายทอดสายตาไปไกลๆ ...



สมาธิภาวนา ในความรู้สึกแล้ว มันเป็นลักษณะ รูปแบบ ที่เหมือนอยู่ในกรอบ ทำให้อึดอัด และไม่ชอบนั่ง ก้เลยต้องใช้วิธีทรงสติเอา ซึ่งวิธีนี้ ทำให้หลงตลอด *~* ได้มาอ่านที่คุณระมิงค์เขียนแล้ว รู้สึกดีมากเลยค่ะ ช่วยน้อมนำจิต สติได้พอสมควร ขอติดตามด้วยคนค่ะ

 

คิดถึง หิน

ก้อนหนึ่ง

ถ้าช่วงนี้ ก็คิดถึง เพชร ค่ะ(เพราะความจนเข้าครอบงำ)

เพชร เป็นหิน ที่แข็งแกร่งที่สุด มีเหลี่ยม ผลึก เล่นสีแสงแวววาว แต่เปราะ นี่ซี ๕๕๕๕
แล้ว เพชร ก็แพง เอาไปขาย ซื้อข้าวกินได้หลายๆ เมนู


(ใจจริงรู้ว่า เพชร ก้อนหิน ที่สุดแพง นั้นคุณค่า สู้ดินที่อุดมสมบูรณ์ ปลูกพืชพรรณธัญญาหาร ให้กินไม่ได้ แต่ถ้ามีเพชรตอนนี้ ข้าน้อยจะเอาไปขาย)

 

เริ่มด้วยหินติดข้างฝาว่าหินอ่อน
สลักซ้อนชื่อกับนามตามสมัย
ปิดทองที่ร่องหินใว้ก่อนใคร
แผ่นเล็กใหญ่ได้ดูงามตามวัดวา

มีชื่อผู้บริจาคทรัพย์ประดับฝา
โบสถ์ศาลาวิหารบุญทานนั้น
บำรุงพระศาสนาสืบมากัน
ก้อนบุญนั้นฝากบนหินทุกถิ่นไป