อนุตรธรรมมีจริง...และไม่ใช่ลัทธิที่อยู่ทั่วไป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย kenzoo2522@hotmail.c, 12 มีนาคม 2013.

  1. kenzoo2522@hotmail.c

    kenzoo2522@hotmail.c Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +99
    การแจ้งข่าวในกรณีนี้มิได้มีเจตนาจะขัดแย้ง หรือสร้างปัญหาแต่ประการใด ก็แค่คนที่เคยศึกษาค้นคว้ามาจนเห็นจริง จึงมาเพื่อขอยืนยันว่าอนุตรธรรมมีจริงๆ
     
  2. porntips

    porntips เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,410
    แจกแจงเลยครับ ท่านๆทั้งหลายจะได้กระจ่าง
     
  3. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    เห็นด้วย เพราะเคยถามแล้ว ตอบว่า ต้องเข้าไปชั้นธรรมสูงๆ เท่านั้น พอขัดมากเข้าก็ เลยกลายเป็น "งั้นรอตายก่อนเดวก็รู้"

    ยังไม่เคยตายแล้วฟื้น เลยยังไม่รู้เสียที
     
  4. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    อนุโมทนา สาธุ ด้วยนะครับ ธรรมอันใดที่มีอยู่หรือดำเนินไป ในความถึงพร้อมให้หลุดพ้น ซึ่งมีองค์ประกอบ ของ ศีล สติ สมาธิ สัจจะ กุศล ปัญญา สัมมาทิฐิ ส่วนนี้ก็มีหลักอยู่แล้วในพุทธศาสนา ก็แล้วแตู่้ผู้ใดจะนำไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดผล หรือมีกุศลบายแบบใดพอที่จะปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมนั้น ก็ตามกำลังและปัญญาของบุคคลนั้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังกระทำตามวิธีของตนนั้น ยังเป็นไปเพื่อความรู้แจ้งในอริยะสัจ สิ่งนั้นก็ยังชื่อว่ากระทำเพื่อรู้แจ้งในพุทธศาสนา แม้วิธีหรือชื่อที่นำมาบอกกล่าวในการปฏิบัติต่างกัน แต่สิ่งที่กระทำเหมือนกันหรือคล้ายกันนั้น มันก็เป็นสิ่งที่สมมุติบัญญัติกันขึ้นมา เพราะสิ่งเหล่านี้มีครูมีตำรามาอยู่ก่อนแล้ว แล้วแต่ว่าจะนำเอาไปปฏิบัติให้เกิดผลในด้านใด อย่างไร ตัวอย่างเช่น ปฏิบัติแบบ อนุตรธรรม ธรรมกาย โยนิโสมนสิการ ก็ประมาณนี้ครับ ถึงอย่างไรก็เป็นการกระทำเพื่อเข้าถึงธรรม เพื่อบรรลุธรรมได้ทั้งนั้นแหละครับ ถ้าไม่ไปบิดเบือนในสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านได้สมมุติบัญญัติสอนเรามาที่มีอยู่ในตำราพระไตรปิฎก
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ธรรมในโลกนี้มี2ประการตามที่พระพุทธองค์ตรัสกล่าวไว้

    1 โลกิยะธรรม ธรรมของฆารวาส เพื่อความเจริญของฆารวาส
    2 โลกุตตระธรรม ธรรมของผู้ออกบวชหรือของพระสาวก เพื่อความหลุดพ้น

    ส่วนอนุตรธรรมที่พูดกัน ต้องทราบก่อนว่า อยู่ในธรรมข้อใด จากพระไตรปิฏก พระอนุตตระธรรมนี้ คือธรรม ข้อ โลกุตตระธรรม เป็นธรรมของนักบวช ผู้ปราถนาแห่งความหลุดพ้น

    ในภัทรกัปป์นี้ไม่มีใครรู้แจ้งเกินไปกว่าพระพุทธเจ้า และสั่งสอนอธิบายพระธรรมได้ดีเกินไปกว่าพระพุทธเจ้า อนุตตระธรรมมีอธิบายไว้มากมายในพระไตรปิฏก ลองไปหาอ่านดูครับ อ่านแล้วอย่าเพิ่งด่วนสรุปใดๆ ให้ลองนำไปปฏิบัติให้ได้ทำได้แล้ว ท่านก็จะทราบเองครับ ว่า การมีชีวิตอยู่อย่างโลกุตระธรรม เป็นธรรมดา และหากมองคนอื่นๆรอบๆตัวเราช่างต่างกับเรา ที่ต่างกันเพราะคนส่วนมาก ยังไหลไปตามกิเลสตัณหา ยังตึดติดมากในเงิน ทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ ตำแหน่ง ความดี เด่น ความเก่ง ความหล่อ ความสวย อะไรเหล่านี้เป็นต้น แต่โลกุตระธรรมมองสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้น่าหลงไหลยึดติดอะไร โลกุตระธรรมเป็นธรรมที่เหนือโลก เหนื่อชาวโลกที่เขาเป็นกันอยู่ ความสุขที่เป็นบรมสุขที่เข้าถึงได้ยาก ย่อมเข้าถึงๆได้ด้วยอนุตระธรรมหรือโลกุตตระธรรมนี่เองครับ สาธุ
     
  6. kenzoo2522@hotmail.c

    kenzoo2522@hotmail.c Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +99
    อยากรู้จริงป่าวอ่ะ..?
     
  7. kenzoo2522@hotmail.c

    kenzoo2522@hotmail.c Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +99
    ว่างๆก็ลองแวะไปเฟคบุ๊คเทพทศราชดูนะครับ มีเรื่องเล่าให้ฟังนิดหน่อยๆ
     
  8. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ฝากไว้เล็กๆ นะ


    โลกุตรธรรม ตามรากศัพท์จะหมายถึง ธรรมเหนือโลก
    อนุตตรธรรม ตามรากศัพท์จะหมายถึง ธรรมเหนือระดับ เฉพาะส่วนย่อย หรือเล็กๆ
    คือ มีคำว่า "อนุ" ที่แปลว่า "เล็กๆ" เข้ามาบวกกับคำว่า "อุตรธรรม" ที่แปลว่าเหนือ
    (ในที่นี้ ไม่มีคำว่า "โลก" ผสมอยู่ เหนือในที่นี้ จึงใกล้เคียงกับคำว่า "เหนือชั้น" ที่สุด)


    ทั้งสองคำจะแปลต่างกันไปนะครับ
     
  9. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ความเป็นลัทธิหรือไม่เป็นลัทธิ?


    สำหรับการถ่ายทอดธรรมที่ไม่ทำให้เกิดลัทธิ หรือไม่เป็นลัทธินิกายขึ้นมานั้น
    จะส่งผลให้ "ไม่เกิดบุญ ไม่เกิดกรรม" อันเป็นสายโซ่ผูกโยง พ่วงปวงสัตว์ให้
    ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป


    แต่สำหรับการถ่ายทอดธรรมที่ก่อให้เกิดลัทธิ นิกายขึ้นมานั้น ด้วยเพราะมีการ
    เกิด "บุญและกรรม" ร่วมกัน ผูกพ่วงโยงกับปวงสัตว์ไปด้วย เช่น การร่วมบุญ
    สร้างสถานธรรม, วัด, โรงเจ ฯลฯ


    ในกรณีนี้ อนุตตรธรรม เข้าข่ายไหน ดูไม่ยากครับ
    ปล. การเป็นลัทธินั้น ไม่ใช่ความผิดอะไร โดยเฉพาะ
    ในหมู่ฆราวาสครับ การเกิดลัทธิที่ผิดตามพระธรรมก็คือ
    การแตกแยกจนก่อให้เกิดลัทธิ "ในหมู่สงฆ์" ครับ ซึ่ง
    ไม่นับว่าผิดพระวินัยแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นอนันตริยกรรม
    ที่ทำให้ต้องรับโทษหนักไม่น้อยเลยทีเดียว ก็เท่านั้นเองครับ
     
  10. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ลัทธินิกายพราหมณ์ต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ดีต่อพระพุทธศาสนา


    ต้องไม่ลืมอย่างยิ่งครับว่า พระพุทธเจ้า เป็นพราหมณ์ฤษีมาก่อนที่จะตรัสรู้
    และท่านมีอาจารย์ เป็นพราหมณ์ฤษีด้วย (คิดว่าคนไทยเราคงไม่ใช่คนเนรคุณ
    อาจารย์นะขอรับ) กว่าพระพุทธศาสนาจะเกิดขึ้นมาได้ ก็ต้องอาศัยพราหมณ์ด้วย
    เรียกว่า "น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า" ธรรมดาครับ เทพพรหม ลงมาเกิดเป็นพราหมณ์
    ก็เพื่อช่วยงานพระพุทธเจ้าตั้งมากมาย และพระอรหันต์มากมาย ก็ล้วนมาจากคน
    ในตระกูลพราหมณ์กันทั้งนั้น ดังนั้น การที่ "มีลัทธิในหมู่ฆราวาส" จึงไม่ใช่ความ
    ผิด ขอให้เข้าใจตรงนี้ให้ดีครับ


    ลัทธิ มันผิด ก็เมื่อมันอยู่ใน "หมู่สงฆ์" เท่านั้น (ที่เรียกว่า "สังฆเภท" ครับ)
    อย่าเอาไม้เรียวของพระ มาตีฆราวาส แล้วปล่อยให้พระ กลายเป็นเสือนอนกิน
     
  11. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    เชื่อกันไปได้นะครับคนเรา เรื่องเพี้ยนๆๆแบบนี้
    ไม่มีศาสนาอะไรรองรับทั้งนั้น จุดทวารตรงดั้งจมูกยุบๆๆหักๆๆๆ
    เบิกแล้วเข้านิพพานจ่ายร้อยเดียวบ้าง สองร้อยบ้าง สามร้อยบ้าง
    มีพระแม่ปรสิตธรรมเป็นพระเจ้า คำสอนก็มาจากการเข้าทรงสัมภเวสี
    คำก็ภัยพิบัติสองคำก็ภัยพพิบัติ ให้เร่งบริจาคเงินทำบุญอณาจักรธรรม แล้วจะรอด
    แทนที่จะเอาเวลามาหมกหมทุ่นกันเรื่องเพี้ยนๆๆ
    เอาเงินมาถลุงกับลัทธิสัมภเวสี สู้ไปเอามาซื้อเฟอร์บี้เล่นแล้วน้ำลายยืดไม่ดีกว่าหรอครับ
    อย่างน้อยก็ไม่มีพิษมีภัย
    ดีกว่าไปนั่งน้ำลายยืด
    ฟังร่างทรงปลอมๆๆ โม้ตามฝอถังตั้งเยอะ เหอๆๆๆๆ


    ตอนแรกเข้าก็โฆษณาซะหรู ว่าศาสนาของคนใต้หวัน เหอๆๆๆ
    คนใต้หวันส่วนใหญ่เขาเป็นศาสนาพุทธสุขาวดี เป็นศาสนาเต๋า
    ไม่ใช่อนุตตรธรรม ยังกล้าพูดว่าเป็นศาสนาประจำจีนตกทะเล
    อย่างใต้หวัน
    กว่าทางการใต้หวันจะยอมรับ จ่ายเงินให้รัฐไม่ใช่น้อย
    แต่ก็ยังเป็นได้แค่กากเดน ที่ถูกศาสนาเต๋า ศาสนาพุทธสุขาวดีเบียดตกขอบในใต้หวันอยู่ดี
    เลยต้องดีดดิ้นมาหา แดกในไทย
    แต่จะให้สู้กับเถรวาทก็เหมือนเอาไข่เน่าไปกระทบหินผุๆๆ
    ถึงจะผุก็ยังเป็นหินไข่เน่าไปกระทบก็แตก
    จะไปสู้หินได้ไง อย่างมากก็แค่ทำให้หินผุเหม็นเน่าก็เท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2013
  12. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    เตือนเพื่อนๆชาวพุทธครับ ระบาดลัทธิอนุตตร<b style="color:black;background-color:#ff66ff">ธรรม</b>

    เตือนเพื่อนชาวพุทธโปรดทราบ.....ว่าด้วยลัทธิอันตรายอันไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธโดยสิ้นเชิง
    วิถีอนุตรธรรม คืออะไร วิถีอนุตรธรรม "วิถีอนุตรธรรม" หรือ"อนุตรธรรม"เป็นลัทธิความเชื่อหนึ่งที่มีต้นกำเหนิดมาจากประเทศจีนเมื่อมีการแพร่ลัทธินี้เข้าไปในไต้หวันจึงทำให้ต่อมาในไต้หวันมีผู้นับถือลัทธินี้กันมากขึ้นและในปัจจุบันผู้ที่เข้ามาเผยแผ่ลัทธินี้ในไทยจึงเป็นคนไต้หวันเป็นส่วนใหญ่ในไต้หวันเองทางส่วนราชการก็ระบุชัดเจนว่าเป็นลัทธิหนึ่งขึ้นมาต่างหากไม่ใช่พระพุทธศาสนา และทางพุทธสมาคมจีนไต้หวันรวมถึงวัดพุทธในไต้หวันทุกแห่งต่างก็เข้าใจว่าลัทธินี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งหรือนิกายย่อยของพระพุทธศาสนา แต่เป็นการนำเอาหลักธรรมคำสอนของห้าศาสนา ......... (ได้แก่ พุทธ คริสตร์ อิสสลาม ขงจื๊อ เต๋า )มารวมไว้ด้วยกันโดยลัทธินี้มีสิ่งเคารพสูงสุดที่เรียกว่า "พระแม่องค์ธรรม"ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งขึ้นมา(คล้ายแนวคิดเรื่องพระเจ้า ) มีการเซ่นไหว้เจ้าแม่กวนอิม พระจี้กง พระศรีอาริเมตไตร(หมีเล้อฝอ)ลัทธินี้เชื่อว่าการที่ไครจะ บรรลุธรรมได้นั้นต้องมีการเปิดจุดทวารตรงกลางหน้าฝากก่อนและได้มีการอ้างด้วยว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าของเราก็ต้องผ่านการเปิดจุดทวารเหมือนกันซึ่งความเชื่อนี้ถือว่าขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจนเพราะการบบรลุธรรมในพระพุทธศาสนานั้นอาศัยการปฏิบัติธรรมด้วยตนเองไม่ต้องอาศัยการช่วยเหลือจากสิ่งภายนอกส่วนความเชื่อเรื่อง"การลงทะเบียนในใบคำขอคนที่แนะนำอ้างว่าใบคำขอนี้จะทำให้เรามีรายชื่ออยู่บนสวรรค์"นั้นก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดถือเป็นความงมงาย(พระพุทธศาสนาเรียกกิเลสตัวนี้ว่า"ความหลง") ลัทธินี้มีการสื่อกับโลกของวิญญาณโดยใช้ร่างของหญิงสาวพรหมจรรย์ซึ่งเรียกว่า ร่างคุณ โดยร่างคุณจะเป็นสื่อกลางที่จะให้เทพเจ้าพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ พระเยซูคริสต์ นบีมูฮัมหมัดและวิญญาณสัตว์ต่างๆ วิญญาณคนตายซึ่งเห็นได้ชัดว่าขัดกับคำสอนของพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าทรงเว้นจากการทรงเจ้าทรงแนะนำสาวกทั้งหลายให้เว้นจากการทรงเจ้าเพราะเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมพระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเพื่อการอริยสัจจธรรมตามความเป็นจริงหนทางเพื่อการพ้นจากทุกข์ดับกิเลสจนไม่เหลือก็คืออริยมรรคมีองค์ ๘ ฉะนั้นหนทางหรือข้อปฏิบัติอย่างอื่นไม่เป็นไปเพื่อการพ้นทุกข์ผู้ที่หวังการรู้แจ้งอริยสัจ ดับกิเลสอันเหตุของทุกข์พึงศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ตลอด ๔๕ พรรษาและประพฤติปฏิบัติตามด้วยการอบรมเจริญสติปัฏฐานจึงชื่อว่าเป็นผู้ศึกษาพระสัทธรรมของพระพุทธเจ้า

    >>
    และ ผมอยากจะบอกว่า..ลัทธินี้....ไม่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาทั้งเถรวาทและมหายาน..จัดเป็นลัทธิสัทธรรมปฏิรูปคือธรรมปลอมหรือธรรมเทียม....ซึ้งเกิดจากลัทธิมารที่ไม่หวังดีต่อพระพุทธศาสนา ...เที่ยวเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนแบบผิดๆๆ..ทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าพระพุทธศาสนาสอนในสิ่งงมงาย....จึงขอเตือนเพื่อนพี่น้องชาวพุทธทุกๆๆท่านที่ได้มาอ่านกระทู้นี้ว่า..ลัทธิดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องและไม่ข้องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาอย่างที่ลัทธินี้อวดอ้างโดยสิ้นเชิง จาก...พุทธมามกะ

    >>
    ป.ล.เพื่อนพี่น้องชาวพุทธทั้งหลายเมื่อได้อ่านบทความนี้ได้โปรดส่งต่อไปให้มากที่สุดน๊ะครับเพื่อรักษาพระพุทธศาสนาให้ถูกกต้อง....ยาวนานและยั้งยืนจนครบ 5000 ปีโดยไม่มีสิ่งที่ชั่วร้ายเลวทรามเข้ามาปะปน>>
    พุทธังชีวิตังเมปูเชมิธัมมังชีวิตังเมปูเชมิสังฆังชีวิตังเมปูเชมิ>>
    พุทธะบูชาธัมมะบูชาสังฆะบูชา>>
    เพราะเกิดลัทธิพวกนี้จึงทำให้ชาวพุทธบางคน เลิกนับถือศานาพุทธ หันไปนับถือศาสนาอื่น หรือไม่ก็หันไปหลงเชื่อลัทธิลวงโลกดังกล่าวมาจึงฝากมาเตือนครับว่าของให้พี่น้องพุทธบริษัท 4 มั่นคงเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยไม่ไปหลงงมงายกับลัทธิลวงโลกครับถึงแม้ว่า พวกลัทธิลวงโลกนั้นจะอ้างว่าพวกตนทำความดี หรือทำประโยชน์ก็ตามทีเถอะ.......ผมจริงจังมากครับจึงขอฝากเตือนเพื่อนชาวพุทธทั้งหลายด้วยครับ >>
    ขันธ์ธรรม

    การโกง

    ทั้งนี้ยังมีการรับธรรมม่ะที่จะต้องชำระเงิน 200 บาท เพื่อที่จะให้ได้รับธรรมม่ะด้วย ถ้าหากไม่ชำระเิงินตามจำนวนหรือน้อยกว่าก็ไม่สามารถที่จะรับธรรมม่ะได้ เมื่อได้สอบถามผู้รู้ว่าทำไมต้องจ่าย 200 บาท ท่านผู้นั้นได้บอกว่า
    "ทำบุญ ทำๆไปเถอะ อย่าถามมาก"

    และยังมีการโกงอีกมากมายซึ่งจะมาเล่าเพิ่มต่อไปนะครับ
     
  13. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    เมื่อวันก่อนมีงาน "ราตรีอิ่มบุญ" เพื่อนำเ้งินไปสร้างสถานธรรมที่จังหวัดหนึ่ง...(เค้าบอกว่าจะเอาไปสร้าง)
    ก่อนวันงานมีการเรี่ยรายเงินมากมายจากหลายบริษัทและร้านค้าต่างๆ
    และเมื่อถึงวันงาน มีคนนำเงินมาบริจาครวมแล้วโดยประมาณ 6 ล้านบาท
    มีทั้งบริจาคเงินสดและเช็ค ยังมีการประมูลของด้วย
    พอจบงานไม่มีการแจ้งยอดบริจาคที่แน่นอน และผ่านไป 2 อาทิตย์
    ก็ยังไม่มีการแจ้งยอดบริจาคใดๆจากลัทธินี้

    พอผมไปถามคนที่เค้าอยู่ในวงการนี้ เค้าบอกผมว่า
    "ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เห็นต้องรู้เลย ก็เอาเงินไปสร้างสถานธรรมไง"....

    ก่อนหน้านี้ก็จัดงานคล้ายๆแบบนี้เมื่อปีที่แล้วและไม่มีการแจ้งยอดเงินเช่นกัน...
    ที่เค้าบอกว่าจะสร้างสถานธรรมก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ไม่มีการก่อสร้างใดๆ มีคนบริจาคที่ดินให้ แต่ก็ไม่มีการเข้าไปทำอะไรครับ มีแค่การเข้าไปทำพิธีเฉยๆบนพื้นดินเปล่าๆครับ

    เพื่อนๆคนใดเคยเจอแบบผมบ้างครับ

    ปล. ขออภัยถ้ากระทู้นี้ขัดหูขัดตาใคร

    PANTIP.COM : Y10851662 การโกงของลัทธิอนุตตรธรรม รึป่าว??? []

    สั้นๆ กระทู้เตือนภัย ---- อนุตตรธรรม ----

    ที่ขึ้นกระทู้นี้ เพราะเมื่อวาน ไปเจอคนที่นับถืออนุตตรธรรมพยายามมาชักชวนไปเข้าลัทธิอย่างจริงจัง ไอ่เราก็ชาวพุทธชั้นดี แย้งไปเสียทุกข้อ

    โธ่..ก็ข้อที่ยกมาแต่ละอย่าง มันมีแต่คนที่ไม่ได้โน้มใจไปพิจารณา เทียบเคียงกับพระธรรมคำสอนพระพุทธองค์เท่านั้นแหละจะเชื่อ(แต่จะมีสักกี่คนที่จะพิจารณาแบบนี้ สาวกลัทธินี้ จึงมีอย่างมากมาย)

    ง่ายๆเขาจะชวนไป 'รับธรรมะ' ศัพท์ของลัทธินี้เขา หลักการคือให้กินเจระยะหนึ่ง แล้วไปรับธรรมะ การเจิมหน้าผาก หลังจากนั้นให้นั่งสมาธิทุกวัน กินเจ ตลอดชิวิต แล้วได้ไปนิพพาน ..มันง่ายดีจริงๆ

    มีมากกว่านั้นอีก คือ ถ้าไม่ไปรับธรรมะกับเขา จะไม่มีรายชื่อบนสวรรค์
    ถึงปฎิบัติภาวนาจนเข้าพระนิพพานแล้ว ก้เข้าแดนพระนิพพานไม่ได้
    ต้องกลับลงมารอ การรับธรรมะจากเขา เพราะเขายังไม่ได้เปิดจุด มโนทวารบนใบหน้าให้เรา ( --" )

    อ้างว่าคนทุกคน มีจิตบริสุทธิ์ ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากแดนนิพพาน(นิพพาน คือ หมดเชื้อเกิดแล้ว มันจะมาจากแดนนิพพานได้อย่างไร แต่อนุตตรธรรมมันก็อ้างมาได้ ไปค้นเรื่องจิตเดิมแท้ มาสนับสนุนตน) ถือโอกาสที่พระพุทธเจ้า สอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอจินไตย(แปลสั้นๆสำหรับคนไม่ทราบว่า คือ สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องไปรู้)
    ในเมื่อ พระพุทธองค์ไม่บอกว่าคนเรามาจากไหน แต่ลัทธิเขารู้ บอกได้ (แน่นอน เขาไม่ยอมรับว่าเป็นลัทธิ แต่อ้างว่าธรรมอันเที่ยงแท้ รากฐานของการใช้ชิวิต ก็แน่ละ มันไปเอาแก่นของดีของทุกศาสนามาใช้นี่หว่า)
    อนุตตรธรรมอ้างอีกด้วย ว่าพระพุทธองค์ได้บอกใบ้ เป็นการรู้กันกับพระมหากัสปะ เรื่องผู้คนมาจากแดนนิพพาน

    http://www.vithi.com/vithi05.html
    ความลับของ "อนุตตรธรรม" ถูกซ่อนเร้นไว้ในพระคัมภีร์พระสูตรต่างๆ เพื่อรอการเปิดเผยเมื่อเวลามาถึง ในพระสูตรของพุทธศาสนาบทหนึ่งได้กล่าวว่า ครั้งนั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงถือดอกบัวไว้ในมือแล้วชูขึ้นตรงหน้าพระพักตร์

    พระสงฆ์สาวกทั้งหลายที่มาประชุมกันต่างฉงนสงสัยเป็นอย่างมาก มีเพียงพระมหากัสสปะเท่านั้นที่รู้ถึงปริศนาซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดง ท่านจึงยิ้มออกมาเป็นการรับรู้พุทธประสงค์

    พระบรมศาสดาจึงเปล่งธรรมกถาขึ้นว่า
    "ตถาคตมีธรรมอันซ่อนอยู่ภายในดวงตา "นิพพาน" สถิตอยู่ในใจของทุกคน สัจจธรรมนี้ไร้รูปลักษณ์และไม่สามารถบอกกล่าวเป็นคำพูด ตถาคตได้ถ่ายทอดสัจจธรรมอันสูงสุดนี้ให้แก่พระมหากัสสปะแล้ว"
    ^
    ^
    เรียกว่า ตีความคำสอนพระพุทธองค์ สนับสนุนตามความเห็นผิดของตนเต็มๆ


    คนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ชาวพุทธที่พากเพียรภาวนา อาจจะบอกว่า ป.ญ.อ. ใครจะเชื่อ(แต่มีคนเชือเยอะมากนะคุณ)
    เพราะเขามีหลักการ ที่ฟังแล้วน่าเชื่อ สำหรับคนไม่รู้จักศาสนาของตนเองดีนะซิ

    หลักการดังกล่าว มีการดึงเอาหลักจริยธรรม คุณธรรม อริยสัจ4 อริยมมรค8 พระบัญญัติจากศาสนาคริสต์ จากคัมภีร์อัลกุรอาน ไปผสมเป็นหลักการพื้นฐานของผู้เดินทางสายลัทธินี้
    นำไปใช้แบบแนบเนียนด้วย เนียนๆคืออะไร คือการอ้างแก่นคำสอนที่มา ว่ามาจากศาสนาไหนๆ ยกมาเลยทั้งกะบิ ของดีๆจะไปตัดทอนทำไม เพื่อคนในศาสนานั่นๆ จะได้คล้อยตามโดยง่าย ไม่ต้องเลิกนับถือศาสนาเก่า
    กรอบจริยธรรมในการอยู่ในสังคมอันดีงามต่างๆ ล้วนยกมาทั้งหมด ผู้เข้าร่วม โดยรวมจะเป็นผู้เมตตา อยู่ในศีลธรรม มีความประพฤติที่ดีขึ้น และเข้าใจว่าตนได้ไปพระนิพพานแน่ๆ...สำคัญตรงนี้แหละ ทำแค่นี้ ได้ไปนิพพานแน่ๆ ...

    ที่มีแปลกๆยิบย่อย พวกฤทธิ์ ปาฎิหารย์ ไม่มีในพระธรรมคำสอน ไม่ปรากฎในพระไตรปิฎก แต่ของเขามี ซึ่งเราไม่ได้จำมาในรายละเอียด ที่เล่าข้างบนเป็นแค่ตัวอย่างใจความสำคัญที่อ้างว่า ไปพระนิพพานได้เท่านั้น ชาวพุทธในทะเบียนจำนวนมาก ที่ไม่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ วันๆทำงานหาเลี้ยงตัว ชิวิตสุกๆดิบๆ ทำทานบ้าง ศีลมีบ้าง ไม่มีบ้าง ไม่ได้ปฎิบัติธรรม ภาวนา จมอยู่กับความไม่รู้จริง ต้องเข้าใจว่า ลัทธินี้เป็นแก้ววิเศษ ย่อมยินดีปรีดาแน่ๆ

    อะไรได้มาโดยง่ายแบบนี้ คนกลุ่มหนึ่ง และจำนวนมากที่ยังทำบารมีไม่ครบ ยังไม่ได้เจริญภาวนาสติปัญญาณ 4 ได้ความสุขระงับ จากรสพระธรรม ย่อมหลงทางไปเชื่อโดยง่าย ปกติเรื่องชาวบ้านไกลตัว เราคงไม่สนใจ นี่หันมาดู เฮ้ย(เรียกว่าสะดุ้งโหยง)..คนที่จะทำธุรกิจด้วย เขาก็หันไปเอาทางนี้

    เพื่อนเขาก็พยายามมาชวน สังขารคนพวกนี้ ปรุงไปว่าตนเองนั้น ไม่ได้คิดไปเองว่ามันดี แต่เป็นความสุขที่ออกมาจากใจของพวกเขาโดยแท้ เพราะคิดว่าได้เจอธรรมแท้ ได้ประพฤติทำตัวดีขึ้น ได้เมตตาต่อสรรพสัตว์(กินเจ) จะได้พ้นจากความตายที่มาจากภัยภิบัติที่กำลังมาถึงในเร็ววันนี้

    ความไม่รู้ มิจฉาทิฐิของคนพวกนี้ น่าสงสารมาก สำหรับชาวพุทธแท้ๆ
    เช่น อ้างว่าคนที่ได้ฌาน ทำฌานสมาบัติได้ ยังไปรับธรรมะจากเขา
    เช่น อ้างว่าพระที่บรรลุพระนิพพานได้ ยังต้องรอรับธรรมะจากเขา
    เช่น ภัยพิบัติ ที่กำลังมา คนที่นับถือสายนี้ จะพ้นภัยพิบัติ ได้

    สามข้อบน คงไม่ต้องบอกว่าจะแย้งอย่างไรนะ แต่คนเวลามันจะเชื่อ ไม่มีใครไปสอบทานหรอก ว่าไอ่หน้าเหรอ ที่อ้างว่าได้สมาบัติแล้ว ยังไปรับธรรมะ หรือ ได้ฌานจริงๆ หรือ นั่งหลับ
    หรือ แม้แต่ได้ฌานจริงๆแล้ว มันเป็นไปเพื่อการพ้นทุกข์ไหม
    เอ้า..คนไม่ได้ปฎิบัติ ก็คิดว่าได้ฌาน นี่ใกล้พระพิพพาน
    ตรงนี้ มันเริ่มอธิบายกันลำบาก จะบอกว่าใกล้ สำหรับคนเข้าใจ ในการพิจารณาพระไตรลักษณ์
    และคงบอกว่าโค ต ระ ไกลนิพพาน สำหรับคนที่ไปติดในความสุขสงบนั้น
    อธิบายแบบนี้ สำหรับคนไม่ภาวนา มันจะไปเข้าใจอะไรละฮึ!


    มิจฉาทิฐิที่มีในตัวบุคคลทุกระดับ มันแก้ได้ง่ายๆเสียที่ไหน จะเห็นสัมมาทิฐิได้ ต้องพากเพียรภาวนา ต้องปัจจตัตัง รู้เอง เห็นเอง แล้วจะมีสักกี่คน ที่กำลังเดินทางที่ถูกอยู่ คนหลงผิด จึงมีจำนวนมากกกว่ามากๆๆๆนัก

    นี่ยังไม่รวมศาสนาอื่นๆนอกจากพุทธ อันได้แก่ คริสต์ อิสลาม เต๋า ขงจื้อ ที่โดนอุปโลกให้เป็นกิ่งก้านสาขาของเขาไปเรียบร้อย เรียกได้ว่า กินรวบหมดจดยกวงเลยทีเดียว โดยตั้งตนเองเป็นรากแก้ว ของเหล่าศาสนาที่มีอยู่ทั้งหลายก่อนหน้า

    เขียนไปเขียนมา ชักยาว เอาว่าที่เขียนไว้เนี่ย คนที่มาชวนเรา พูดจาก็ ไม่ได้รู้เรื่องการภาวนาหรอก แต่รู้หลักของอนุตรธรรมแม่นมากอยู่
    ส่วนคนที่ไม่ได้ภาวนา ไม่ได้รู้หลักการปฎิบัติธรรม ฟังไป ก็อาจหลงคล้อยตามไปโดยง่าย ใครมีเพื่อน พี่ ญาติที่ไหนมาชักชวนไปเข้า
    หวังว่ากระทู้นี้ จะช่วยให้ผ่านตา ผ่านจิตใจตนเองสักแว่บ ว่า อนุตตรธรรมนี่แหละภัยพระพุทธศาสนา และศาสนาอื่นๆด้วย เป็นทางเห็นผิด ไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์ด้วยการไปพระนิพพานได้จริง (แต่เป็นทางที่ทำให้คุณได้ทำบุญ ทำทาน เป็นผู้เป็นคนที่ดีขึ้นในสังคมเท่านั้น)

    ทางสายเอกสายเดียวที่จะพ้นทุกข์ได้ พระพุทธองค์สอนไว้ คือ การปฎิบัติธรรมภาวนา การเจริญสติปัญญฐาน4 ส้รางรากฐานจากการทำทาน ถือศีล และภาวนา
    สติปัญญฐาน4 อันประกอบด้วย การพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรมเท่านั้น..ย้ำว่าเป็นทางสายเอก สายเดียว
    -- ไม่มีทางสายอื่นๆอีกแล้ว--

    ที่เหลือ การทำทาน การถือศีล การกินเจ(ใจมีความปิติในบุญที่ได้ทำ) เป็นไปเพื่อสวรรคสมบัติเท่านั้น ไม่ใช่นิพพานสมิบัติ

    การจะพ้นทุกข์ได้โดยแท้จริง เราต้องพากเพียรทำด้วยตนเอง ใจจะได้รู้ตื่น สว่างเบิกบานจากปัญญาญาณ จากผลของการพากเพียรภาวนา ไม่ใช่จากปิติสุขอิ่มบุญเล็กๆน้อยๆ หรือ ปิติจากการทำทาน จากการมีใครมามอบธรรมะ มาแต้มหน้าให้ ท่องรหัส 5คำ ผ่านประตู แล้วจะพ้นทุกข์ไปพระพิพานได้ ..อย่าหลงไปง่ายๆ..

    คนปัญญาน้อย ศึกษาพระพุทธศานาเพื่อการพ้นทุกข์สำหรับตนเอง อย่างเรา ก็คงเตือนสติด้วยความปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมสังสารวัฎกันได้เพียงเท่านี้ ถ้าทำให้ใครขัดเคืองก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


    PANTIP.COM : Y10146483 สั้นๆ กระทู้เตือนภัย ---- อนุตตรธรรม ---- []

    ฉันแต่งงานกับสามีที่เป็นลูกชายคนเดียวและทางบ้าน (จ.เชียงราย) ตั้งเป็นสถานธรรม ดิฉันแต่งงานมาตั้งแต่ืปี ๔๙ ปัจจุบันดิฉันโดนสามีขอหย่า เนื่องจาก ทางบ้านรับดิฉันไม่ได้ที่่ไม่ปฏิบัติธรรมะ ซึ่งดิฉันไม่เข้าใจว่าจะให้ปฏิบัติแบบไหน เพราะดิฉันนั่งสมาธิ สวดมนต์ ไปวัดอัมพวันตั้งแต่อยู่ ม.๒ แต่เพื่อครอบครัวดิฉันก็ยอมทานเจตลอดชีวิต แต่เนื่องจากการงานดิฉันต้องอยู่ที่ กทม. ดิฉันอยากรู้ว่าดิฉันผิดอะไร ผิดตรงไหน และตอนนี้ดิฉันกำลังตั้งท้องอยู่ เค้าก็ให้เอาออกเพราะดิฉันเป็นมาร และไม่เข้าใจในหลักธรรมะของพวกเค้า นี่หรือคือสิ่งที่ดิฉันได้รับและตอบแทน ดิฉันอยากทราบว่าอนุตรธรรมนี่เป็นอย่างนี้เลย ดิฉันทำดีสักแค่ไหนก็ไม่เคยดี ตั้งแต่แต่งงานกันมาดิฉันไม่เคยได้รับเงินทองค่าเลี้ยงดูอะไรเลย แต่พ่อแม่เค้าต้องการให้ลูกชายได้แต่งงานกับคนในอาณาจักรธรรมด้วยกัน และฉุดช่วยด้วยกัน แต่ด้วยหน้าที่การงานของดิฉัน ทำให้ดิฉันไม่มีเวลาทำอย่างนั้นได้ ตอนนี้ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ที่พิมพ์อยู่ก็สงสารลูกในท้องมาก หรือว่าฉันเป็นมารอย่างที่เค้าว่าจริงๆ แต่ฉันสวดมนต์และไปวัดเพื่อรักษาศีล ๘ ทุกครั้งที่มีโอกาส และรักและซื่อสัตย์ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีมาตลอด ไม่ว่าแฟนของดิฉันจะทำให้เสียใจแค่ไหน ทั้งแฟนและดิฉันทำงานทหารทั้งคู่ แต่นายของแฟนก็เข้าข้างแฟนเสียเหลือเกิน ท้อแท้มากคะ

    PANTIP.COM : Y10535540 เมื่อชีวิตฉันถูกลัทธิอุตรธรรมทำลาย []
     
  14. iaui

    iaui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +454
    โอ หนอ........
     
  15. จิ๊กซอ

    จิ๊กซอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,062
    ค่าพลัง:
    +2,356
    เป็นลัทธิเฉยๆครับ ไม่ใช่ทางมรรคผลที่แท้จริง ทางปฏิบัติของพระพุทธเจ้ายังมีอยู่ครับ นั่นคือ สติปัฐานสี่ ทำเองได้เองรู้เอง ไม่ต้องไปพึ่งอะไร ไม่มีใครทำให้เรานิพพานได้....เชื่อผมเถอะผมเคยอยู่มาแล้ว ศึกษามาแล้ว...ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
     
  16. iaui

    iaui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +454
    เฆ็นเจ้าของกระทู้ไปตอบในกระทู้ตายนิ่มตายแข็ง ท่านมาตอบมาสร้งความกระจ่างในกระทู้นี้ก่อนม่ดีกว่าหรือท่าน
     
  17. จอมโลกธาตุ

    จอมโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +2,063
    คำว่า อนุตตรธรรม นั้นมีจริงครับเป็นศัพท์ในพุทธศาสนาซึ่งพระพุทธเจ้าได้แจกแจงไว้แล้วว่าคือ
    มรรค4 ผล4 นิพพาน1


    แต่คำว่าอนุตตรธรรม ที่ลัทธิอนุตตรธรรมได้สร้างขึ้นมาใหม่นั้นไม่ใช่แบบที่พระพุทธเจ้าสอน
    แต่กลับบิดเบือนให้เป็นอย่างอื่น และยังได้สร้าง ไตรรัตน์ลวงโลกขึ้นมาเพื่อลบล้างพระรัตนตรัยออกไปแล้วใส่ความหมายแบบมั่ว ๆ ลงไปแทน พูดง่าย ๆ ก็คือเอามาแต่ชื่อแต่ความหมายไม่เหมือนเดิม ..ก็ดูเอานะครับว่า ลัทธิอนุตตรธรรมเขาอุปโลกเรื่องใหม่ขึ้นมาว่าอย่างไร

    วันนี้เราจะเปิดเผยว่าอะไรคือความลับของ ลัทธิอนุตตรธรรม และทุกท่านควรพิจารณาเองว่าจะตรงต่อมรรคผลนิพพานหรือไม่
    (แต่คนที่รับธรรมมะกับเขาจะได้รู้สิ่งต่อไปนี้)

    ความลับนี้เรียกว่า รหัสลับ 3 ประการหรือลัทธินี้เรียกว่า ไตรรัตน์ ๓ ประการ เป็นการเปลี่ยนคำว่า รัตนตรัย ในพุทธศาสนาโดยยกขึ้นมาแทนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จึงเป็นที่น่าเชื่อถือยิ่งนัก แต่เนื้อหาจะไช่หรือไม่ลองติดตาม

    ๑ จุดญาณทวาร แทนพระพุทธคือจุดตรงกลางระหว่างคิ้ว ตรงดั้งจมูกหัก โดยจะทำพิธิเบิกจุดโดยอาจารย์เรียกว่า "เตี่ยนฉวนซือ" ซึ่งมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นเป็นผู้ได้รับโองการสวรรค์จากพระแม่องค์ธรรมหรืออนุตตรธรรมมารดา นอกนั้นทั้งหมดทำไม่ได้ และจะสอนต่อไปว่า จิตของเราตั้งอยู่ที่ตรงนี้ เป็นจุดสถิตแห่งวิญญาน ตรงนี้คือรากต้นธรรมญาณ ธรรมแท้อยู่ที่รากต้นแห่งจิตก็คือตรงนี้ซึ่งคนที่ทราบก็มั่นใจว่าพบพระนิพพานแล้วเพียงทราบจากการบอกเล่าเท่านั้น ซึ่งจะสอนต่อดังนี้ว่าเมื่อคนเสียชีวิตจิตจะออกได้ ๖ ช่องทางคือ หู ตา จมูก ปาก สะดือ กระหม่อม (เขาเรียกว่า ชีววิถี ๖) แต่เมื่อรับธรรมมะจากที่นั้นแล้วจิตจะออกทางประตูนิพพานพิเศษเป็นช่องที่ 7คือ จุดที่เขาเปิดให้ตรงดั้งจมูกระหว่างคิ้วนั้น และจะถึงนิพพาน แม้แต่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก้ต้องรู้และเปิดจุดนี้ได้จึงถึงธรรม (ซึ่งไม่เป็นความจริง)

    และที่มั่วมาก ๆ คือการโยงทุกศาสนามาอย่างง่ายดายเพื่อให้ตรงกับจุดดั้งหัก ๆ ข้อนี้ คือกล่าวว่า ศาสดาทุกพระองค์ได้ทำปริศนาธรรมถึงจุดนี้ทั้งหมดแต่เราไม่ทราบเองดังนี้
    (ดูรูปประกอบด้านล่างสุด)

    ๑ ธรรมจักรแห่งพุทธศาสนา เป็นรูปวงล้อมีแฉกด้านใน (ลองวาดดู) จากนั้นนั้นจะวาดตาไส่สองข้างตรงแกนกลางด้านในให้เป็นหน้าคน ตรงกลางจะเป็นดั้งจมูกพอดี (เข้ากันได้เปะ) และยกอีกเรื่องว่าพระพุทธเจ้าได้กล่าวถึง เชิงเขาคิชกูฏ ซึ่งเป็นปริศนาว่าคือตรงดั้งจมูกนี่เอง

    ๒ ไม้กางเขนแห่งคริสต์ศาสนา ให้วาดรูปไม้กางเขนและวาดวงกลมครอบลงไปจะได้วงกลมมีสี่แฉกด้านในพอไส่ตาตรงแกนสองข้างจะเป็นหน้าคน ตรงกลางก็คือดั้งจมูกเปะ

    ๓ สัญลักษณ์อิสลาม จะเป็นเป็นรุปพระจันทร์เสี้ยวมีดาวชี้ลงมา โดยกล่าวว่านั่นคือหน้าคนด้านข้างดาวนั้นชี้ลงมาที่ดั้งจมูก

    ๔ แจกันและกิ่งหลิวเจ้าแม่กวนอิม จะเป็นรูปกิ่งหลิวแยกเป็นสองแฉกออกไปสองข้าง หากวาดรูปตรงแจกกันจะเป็นจมูก กิ่งหลิวเป็นคิ้วจากนั้นวาดตาไส่ไต้กิ่งหลิว จะเป็นรูปหน้าคนพอดี โดยกล่าวว่าเจ้าแม่กวนอิมต้องบำเพ็ญจนน้ำเต็มแจกันจึงบรรลลุธรรม หากวาดรูปเสร็จปากแจกันที่น้ำเต็มจะตรงกับดั้งจมูกพอดี

    ง่ายดายใหมล่ะ เรื่องทั้งหมดนี้ไม่เป็นความจริงโดยลัทธินี้อุปโลกเรื่องล้างสมองขึ้นมาทั้งนั้นขอให้กลับไปดูจากต้นฉบับแต่ละศาสนาจะทราบความจริงว่าขัดกันกับที่พวกนี้โกหกไว้และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ก็ไม่ได้หมายความเช่นนี้

    ๒ รหัสคาถาพระแม่องค์ธรรม แทนพระธรรม ( อู๋ ไท่ ฝอ หมี เล่อ )
    นี่เป็นรหัสคาถาพระแม่องค์ธรรมเอาไว้เป็นรหัสลับติดต่อสิ่งศักสิทธิ์บนนิพพานที่ใครทราบจะผ่าน ด่านตรีเทพพิทักษ์ และไปนิพพาน หากไม่ทราบก็เข้านิพพานไม่ได้ แต่หากแพร่งพรายความลับสวรรค์จะตกนรกห้ามออกเสียงให้ใครได้ยินนอกจากในพิธีเท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่เขาอุปโลกว่าคือพระธรรม พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสทั้งหมดมีเท่านี้และมีรหัสคาถาซ่อนไว้เช่นนี้ (ซึ่งไม่จริง)

    ๓ ลัญจกรณ์ แทนพระสงฆ์ ป็นสัญลักณ์อันจะผ่านไปสู่ยุคพระศรีอาริย์เมตไตรคล้ายตราประทับศักสิทธิและเป็นการกราบใหว้แบบใหม่เนื่องจากลัทธินี้ล้างสมองว่าขณะนี้ยุคพระโคดมหมดแล้ว ตอนนี้เป็นยคพระศรีอารีย์ (ทั้งที่พระศรีอารีย์ยังไม่อุบัติ) หากใครไม่ทราบท่ามือแบบนี้ก็จะไม่นิพพานและจะพบพระศรีอารีย์ไม่ได้ โดยทำมือดังนี้ (ดูรูปประกอบด้านล่าง)

    ยกมือขวาขึ้นมาเอาปลายนิ้วโป้งกดที่โคนนิ้วนางค้างไว้ จากนั้นนำมือซ้ายมาเชื่อมดังนี้ น้ำปลายนิ้วโป้งซ้ายกดที่โคนนิ้วก้อยขวาจากนั้นโอบมือเข้าหากันโดยมือซ้ายทับขวา จะเหมือนกับที่คนจีนกำมือแสดงความยินดีกันแต่ด้านในจะแตะที่สองจุดนี้คือ โคนนิ้วนางและนิ้วก้อย โดยกล่าวว่านี้คือลักษณะแห่งรากบัวเพราะยุคนี้เป็นยุคแห่งรากบัวหรือยุคแห่งพระศรีอารีย์เมตไตรหรือที่เขาเรียกว่ายุคขาว ส่วนยุคแห่งพระโคดมหมดไปแล้ว โดยจะแบ่งออกเป็นธรรมกาล ๓ ยุคดังนี้

    ๑ ยุคแห่งใบบัว มีพระพุทธเจ้าทีปังกรปกครอง จะไหว้โดยแบมือและยกขึ้นข้างเดียวแบบในหนังจีน
    ๒ ยุคแห่งดอกบัว มีพระโคดมที่เรารู้จักตอนนี้ปกครอง จะพนมมือเป็นดอกบัวตูม (ซึ่งกล่าวว่าหมดแล้ว)
    ๓ ยุคแห่งรากบัว มีพระศรีอารีย์เมตไตรปกครอง ก็ทำมือเป็นลัญจกรณ์อย่างที่อธิบาย (ผู้ที่ทำเป็นจะพบพระศรีอารีย์)

    แต่ไม่ว่ายุคได พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องรับธรรมมะอย่างนี้และได้รับโองการสวรรค์จากพระแม่องค์ธรรมเพื่อปกครองธรรมกาลประกาศศาสนา

    (ลัทธินี้มีการตั้งพระแม่อนุตตรธรรมมารดาขึ้นมาสูงสุดเพื่อเป็นใหญ่เหนือศาสดาทั้งปวงรวมทั้งเหนือกว่าพระพุทธเจ้าและได้แต่งตำราใหม่ว่าพระพุทธเจ้าสรรเสริญและกราบใหว้พระแม่องค์นี้ และเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้บรรลุธรรมด้วยตนเองแต่เป็นเพราะพระแม่องค์นี้มาโปรด
    ทั้ง ๆ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระองค์เองแท้ ๆ แต่ลัทธิกลับแต่งประวัติศาสตร์ใหม่ไส่ร้ายพระพุทธเจ้าแบบไม่กลัวนรก)​




    นี่คือความลับแห่งอนุตตรธรรม ที่เรียกว่าไตรรัตน์ ๓ ประการ สอนว่าผู้ที่เข้า "รับธรรมมะ" กับลัทธิและทราบสิ่งนี้จะถอนชื่อจากนรกทันทีและเข้านิพพานแน่นอน ซึ่งทั้ง ๓ ข้อนี้ทราบได้เฉพาะผู้ที่ได้รับธรรมมะในพิธีที่จัดขึ้นเท่านั้น คนภายนอกไม่มีโอกาศรู้เพราะเป็นการแพร่งพรายความลับสวรรค์ ไม่มีบันทึกแม้ในหนังสือหรือที่ใดทั้งนั้นเพราะฉะนั้นไม่ต้องไปค้นหา จะบอกกัน ปากต่อปาก และเฉพาะเวลาทำทำพิธีเท่านั้น เมื่อจบพิธีจะออกเสียงไม่ได้ ถึงแม้จะอยู่คนเดียวก็ตาม (กลัวผีจะได้ยิน) คิดไนใจได้เท่านั้น หลายคนที่ไปมาแล้วก็ทราบแต่ไม่กล้าบอกใครเพียงเพราะแค่คำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

    ขณะนี้ ลัทธิอนุตตรธรรม กำลังเผยแพร่อย่างเร็วมากในประเทศไทยข้าพเจ้าเพียงนำมาเล่าสู่กันเท่านั้น แต่ผู้อ่านควรพิจาณนากันเองเถิดว่าสิ่งนี้จะตรงต่อรัตนตรัยหรือมรรรคผลนิพพานอย่างไรบ้าง แล้วเดี๋ยวจะมาอธิบายขายความต่อ

    หากกล่าวพลาดพลั้งสิ่งใดข้าพเจ้าต้องขออภัย ณ.ที่นี้
    เจริญในธรรมทุกท่าน

    [​IMG]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=xMaF27_5bOM"]??????????-???????? - YouTube[/ame]

    ลัทธินี้ขับเคลื่อนโดยใช้การเข้าทรงเป็นหลักนี่เป็นตัวอย่างการเข้าทรงในลัทธินี้ 2 ตอนนะครับเพราะคำสอนของลัทธิล้วนมาจากการแอบอ้างเข้าทรงทั้งนั้นมีทั้งในไต้หวันและเมืองไทย
    โดยลัทธินี้เข้าทรงแม้แต่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ และ โพธิสัตว์ทั้งหลายรวมทั้งกษัตริย์ไทยในอดีต​

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=h8c0IY1OAn0"]??????????????????????? ?????????????????????? 24 10 54 - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=DdQrVBSDkNI"]??????????????? ???????????? 24-10-54.wmv - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=2jGyG3ChY9A"]??????????? TSN ?????????????? 25541028 3.flv - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=MIDWHRSrfGY"]??????????? TSN ?????????????? 25541028 1 - YouTube[/ame]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2013
  18. จอมโลกธาตุ

    จอมโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +2,063
    การตั้งลัทธิใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อบิดเบือนลบล้างพุทธศาสนาหรือเบียดเบียนศาสนาอื่น ๆ นั้นไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยมก็ผิดทั้งสิ้น ​


    http://palungjit.org/threads/อนุตตรธรรม-กับความจริงที่จำเป็นต้องรู้.354445/
     
  19. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,162
    ถามแบบโง่ๆ ได้ไหมครับ ว่าพวกคนที่เข้าไปรับธรรมะลัทธินี้ เขาจะทำความชั่วอะไรกันเหรอครับ ไม่เข้าใจ ส่วนเรื่องที่ว่าบิดเบือนก็คงจะมี แต่งงตรงที่มันจะต่างจากปกติตรงไหน ในเมื่อปัจจุบันคนไทยเราเองก็แทบจะไม่ค่อยได้ใส่ใจในพระศาสนากันจริงจังอยู่แล้ว อ่านๆ ไปก็เลยสงสัยว่า ถ้าไปรับธรรมะลัทธินี้มาจะกลายเป็นคนเลวกันเลยหรือครับ

    เคยไปมาครั้งนึงเหมือนกัน ไม่ได้จริงจังอะไร แถมไปจับผิดไปคุยสอนเขาเรื่องธรรมะเสียด้วย แถมระดับอาจารย์เขายังโต้ตอบให้เหตุผลไม่ได้ตั้งเยอะ แต่ตรงจุดนั้นก็จะสรุปทันทีว่าเป็นคนเลวคนชั่วไม่ได้ เพราะเท่าที่คุยและรู้จักคนที่นับถือลัทธินี้ก็เห็นใช้ชีวิตไม่ประมาท มีน้ำใจ มีเมตตา มากกว่าคนที่บอกนับถือพุทธ แต่ทำตัวไม่เหมือนคนพุทธเลย ก็เลยต้องถามอย่างที่ผมเคยสงสัยนี่นะครับ ว่าท่านผู้รู้ทั้งหลายจะว่ายังไง
     
  20. iaui

    iaui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +454
    การบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า การกล่าวว่าพระพุทธเจ้าไม่ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง การกล่าวอ้างว่าพระพุทธเจ้าถูกสั่งโดยพระแม่องค์ธรรมให้มาตรัสรู้ การเข้าทรงพระพุทธเจ้าและสอนในสิ่งที่ไม่มีในพระวจนะของพระพุทธเจ้าแต่อ้างว่าพระพุทธเจ้าพูดจากการผ่านการเข้าทรง การกล่าวว่าพระอรหันต์ไม่เข้านิพพานเพราะไม่ได้รับธรรมจากลัทธิ....สิ่งเหล่านี้ถ้าบุคคลใดเป็นศิษย์ตถาคตแล้วย่อมไม่นิ่งนอนใจเป็นแน่ การออกมาชี้แจงทั้งหลายจะไม่มีเลยถ้าลัทธินี้ไม่เอาคำสอนศาสนาพุทธมาบิดเบือน
     

แชร์หน้านี้

Loading...