ก้อนหิน

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 10 กรกฎาคม 2013.

  1. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ฉันเป็นเพียงก้อนหินได้ยินไหม
    มีมากมายอยู่ที่ในทุกสถาน
    มีหินอ่อนศิลามาช้านาน
    ยาปูนบ้านยังใส่หินปนดินทราย

    ทำถนนหนทางต้องวางหิน
    ตำพริกกินใช้ครกหินสิ้นสงสัย
    สร้างกำแพงก็ใช้หินถมดินไป
    ลับมีดได้ก็เพราะหินไม่สิ้นคม

    ให้อดทนฝึกตนดั่งเป็นหิน
    เป็นอาจิณจิตแกร่งแข็งหินผา
    เช้าจรดค่ำฝึกจิตได้ทุกครา
    อย่ามัวช้า หาก้อนหิน  ก่อนสิ้นใจ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PICT0885.JPG
      PICT0885.JPG
      ขนาดไฟล์:
      880.3 KB
      เปิดดู:
      125
    • PICT0878.JPG
      PICT0878.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      125
    • PICT0659.JPG
      PICT0659.JPG
      ขนาดไฟล์:
      957.5 KB
      เปิดดู:
      101
  2. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,896
    ใช่ครับผม.เราต้องขอบคุณเจ้าทุกข์อยู่แล้วล่ะฮะ.สำหรับผม.ถ้าไม่มีเจ้าทุกข์ก็จะไม่เห็นผมที่นี่(พลังจิต)

    ปล.ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนกัลยณมิตรเช่นคุณดาวนะครับ.สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กรกฎาคม 2013
  3. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731

    ยินดีต้อนรับสหายธรรมทุกๆท่านค่ะ เมื่อใดที่แก้วน้ำของพวกเรายังไม่เต็มแก้ว พวกเราก็ยังเป็นผู้เสาะแสวงหาหยดน้ำมาเติมให้เต็มแก้วอยู่ดี พวกเราจะช่วยเหลือกันและกันนะคะ

    เส้นทางธรรม มันเส้นทางเดียวกันอยู่แล้วค่ะ แต่ถนนเส้นนี้มันเป็นเส้นใหญ่ และแยกย่อยไปได้อีก แต่จากจุดเริ่มต้นของเส้นทางนี้ ก็จะมีจุดหมายปลายทางที่เดียวกันแน่นอน ใครที่อ่อนล้า ก็ให้นึกถึงรอยยิ้มเข้าไว้ ให้ใช้จิตคิดเอาว่า บนถนนนั้นแม้จะมองไม่เห็นกันและกัน แต่ในขณะที่ท่านล้มลงไปนั้น ยังมีคนข้างๆคอยยื่นมีมาช่วยพยุงให้ลุกขึ้นอยู่ เมื่อท่านลุกขึ้นมาแล้วก็ต้องเดินต่อๆไปให้สุดทาง พวกเรามีทุกข์เป็นตัวผลักดัน มีอริยะสัจ 4 เป็นทางเดิน ...

    ดิฉันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แค่ผู้ร่วมเดินในเส้นทางนี้ "คนหนึ่ง" เท่านั้นเอง
    สาธุค่ะ
     
  4. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731

    :cool::cool: สาธุ สาธุ สาธุ ... อนุโมทนามิ
     
  5. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้ แต่กายตน​


    ในกาลสมัยหนึ่ง ท่านอนาถกบิณฑิกเศรษฐี ท่านมีอันต้องวิบากกรรมเก่า ทำเอาทรัพย์ทั้งหมดของท่านต้องฉิบหาย สิ้นเนื้อประดาตัว ลูกน้องบริวารก็มีอันจากไปหมด จนที่สุดเหลือเพียงข้าวต้มกับน้ำดองผัก มีเพียงเท่านี้ เมื่อครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปพร้อมพระอรหันต์ ไปยังบ้านอนาถกบิณฑิกเศรษฐี ท่านยังถวายทานแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าและพระอรหันต์ ด้วยความเคารพ....

    ตรงนี้ผมเคารพนับถือ น้ำใจของท่านเศรษฐีท่านนี้อย่างมาก และเห็นคุณงามความดีของท่านจริงๆ เห็นอย่างไร ในอีกมุมมองของก้อนหิน...

    ท่านเศรษฐีท่านนี้ เคยทำบุญกับพระผู้มีพระภาคเจ้า และพระอรหันต์สาวกมาเป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน มากกว่าพวกเราๆท่านๆได้ทำกันไว้ และได้ให้ทานช่วยเหลือผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วนด้วยกัน แต่เมื่อถึงคราวที่บุพกรรมเก่าของท่านเข้ามาสนอง ในเวลานั้นท่านต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ยากจนกว่าเราๆท่านๆในตอนนี้ แต่ว่าท่านไม่เคยโทษพระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกทั้งหลายเลยว่า ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วนั้นเหตุใดจึงไม่ช่วยข้าพระพุทธเจ้าให้รอดพ้นจากภัยพิบัติในครั้งนี้...

    ท่านไม่เคยโทษพระผู้มีพระภาคเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายว่า ไม่เตือนท่านก่อนว่าจะเกิดภัยพิบัติ ท่านจะได้เตรียมการล่วงหน้า ไม่ให้ได้รับความฉิบหายมากมายถึงสิ้นเนื้อประดาตัว...

    เมื่อสิ้นเนื้อประดาตัวแล้วท่านก็ไม่เคยเรียกร้องทวงบุญทวงคุณ กับพระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกให้ช่วยนำทรัพย์และความสวัสดีกลับมาสู่ยังท่านและบริวาร

    เมื่อกฎของกรรมเข้ามาสนองดังนี้แล้ว แม้ในสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนชีพอยู่ ก็ไม่ได้ทรงใช้อิทธิปาฏิหาริย์ช่วยให้ทรัพย์ของท่านเศรษฐีได้คืนกลับมา...

    ครั้งนั้นพระสีวลีมหาเถระ ผู้มากด้วยลาภสักการะ ก็ไม่ได้ทรงใช้ฤทธิ์ อภิญญา บุญญาธิการ ช่วยท่านเศรษฐี ผู้ตกยากขนาดนั้นให้กลับคืนสู่ความร่ำรวย....

    ท่านเศรษฐีในเวลานั้น แม้ว่าจะสิ้นเนื้อประดาตัว ท่านยังมีจิตใจเคารพใน พระพุทธ พระธรรมและพระอริยะสงฆ์ไม่เสื่อมคลาย ท่านยังมีจิตใจยึดมั่นในการทำความดี จนในที่สุดฐานะของท่านก็ค่อยๆดีขึ้นจนกลับมาเป็นเศรษฐีได้อีกครั้ง....

    นี่คืออีกแง่มุมหนึ่ง ที่อยากให้เห็นคุณความดีของท่านอนาถกบิณฑกเศรษฐีท่านนี้ ท่านทำความดีอย่างไม่ย่อท้อ และเป็นเยี่ยงอย่างที่ดีต่อพุทธบริษัททั้งหลาย...

    สำหรับท่านที่ยังเห็นว่า การบนบานศาลกล่าวต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตาม หรือการอาศัยเหรียญจากครูบาอาจารย์ต่างๆให้ท่านเจริญ รุ่งเรือง ร่ำรวย ก็ตาม หรือบางท่านได้บูชา หลวงพ่อสีวลี เพื่อให้เกิดโชคลาภ ร่ำรวย ก็ตาม ขอให้ท่านได้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านเศรษฐีท่านนี้ ซึ่งในสมัยนั้น องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ พระสีวลี มหาเถระยังมีชีวิตอยู่ พระโมคคัลลานะ ยังมีชีวิตอยู่ พระอริยะสาวกผู้ทรงปฏิสัมภิทาญาณมีเป็นจำนวนมาก ท่านเศรษฐีเวลานั้น ไม่ได้กราบขออ้อนวอนให้พระท่านช่วยให้กลับมาร่ำรวย และพระท่านก็ไม่ได้ช่วยให้รวย แต่ว่าพระธรรมที่สถิตอยู่กับท่านเศรษฐีท่านนี้ ให้ผล ทำให้ท่านเป็นอริยะบุคคลที่ไม่เสื่อม เป็นผู้สมควรแก่การเป็นพุทธบริษัทฯที่น่าเคารพยกย่อง

    สำหรับท่านที่ทำความดีแล้วยังท้ออยู่ก็ขอให้ดูตัวอย่างจากเศรษฐีท่านนี้

    สำหรับท่านที่ยังไม่รวยยังต้องเที่ยวกราบอ้อนวอน บนบานศาลกล่าวแล้วก็ยังไม่สำเร็จ ก็ขอให้ดูเศรษฐีท่านนี้

    สำหรับท่านที่คิดว่าจะรวยเพราะครูบาอาจารย์องค์นั้นองค์นี่จะช่วยท่านได้ก็ขอให้ดูเศรษฐีท่านนี้

    อันนี้ก็เป็นเพียงแง่มุมหนึ่งของก้อนหิน...


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2013
  6. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ขออนุโมทนาสาธุ ในธรรมที่ท่านยกมาเป็นเครื่องสอนเตือนใจค่ะ กำลังใจของคนและความละเอียดของจิต ตลอดจนถึงการทำบุญหวังผล ยังถือได้ว่าพวกเรามีขวัญกำลังใจยังน้อย ขาดความเข้าใจอย่างถ่องแท้
    ดิฉันขอยกตัวอย่างมานะคะ ในวันหนึ่งเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ น้องดิฉันก็ messages มาหา บอกว่า พี่ไปถามผู้รู้ให้หน่อย ทำไมทำบุญไม่ได้รับผลดีในทันที บนข้อความก็กล่าวเกริ่นมาก่อนว่า วันนี้ได้ไปใส่บาตรมาด้วย ต่อมาก็บ่นเรื่องค้าขายไม่ดี แล้วก็มาลงที่คำถาม ..

    โถ .. พี่ก็ไม่ใช่ผู้รู้ นี่ถ้าไม่ใช่น้องในใส้แท้ๆ คงปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม ฐานที่มีพระศาสนาไว้แค่เพียงในามบัตรประชาชน แต่มาคิดๆดู แหมเราเองก็เพิ่งจะมาตาสว่าง ยังไม่ทันได้ไปไหน ทำท่าจะขึ้นวอเสียแล้ว ก็เลยต้องขยายกันหน่อย และการที่จะนำพาครอบครัวให้รู้จักคำว่าดี-ชั่ว บาป-บุญ กตัญญูหรือการบอกการสอนไปในทางที่ดีนั้นก็เป็นหนึ่งใน สัจจะ ที่ได้ถวายพระท่านไปในครั้งที่ก้าวเข้ามาเส้นทางนี้แต่เเรกๆ เมื่อมีโอกาสแล้วก็เลยถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้สร้าง และทำสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้

    เลยอธิบายแกมสอนสั่งตามปัญญาที่มีเท่าฝ่ามือนี้ จะบอกได้ ก็ยอกย้อนถามไปว่า เวลาหุงข้าวนี่กี่นาที ข้าวถึงจะสุกและกินได้ ปลูกต้นไม้นานเท่าใดจึงจะได้ดอกได้ผล แล้วตักบาตรวันนี้เช้านี้จะหวังผลสิ่งดีใดๆเข้ามาในทันที หรือจะตักบาตรทีให้เทวดาช่วย ให้รวยสิบล้าน .... (ประมาณนี้) และก็มีบลาๆๆๆ ...
    สอนๆสั่งๆเท่าทีมีโอกาส
    ทุกวันนี้ หลังจากที่ดิฉันได้กลับไปหาน้องก็มีพาครอบครัวเขาทัวร์ทำบุญกัน แนะนำเขาในทางที่ถูก ตอนแรกที่ทำให้ดิฉันถึงกับเศร้าใจคือชั้นบนของบ้านมีห้องพระ มีรูปแม่อยู่ แต่ก็ปล่อยให้ฝุ่นเกาะอย่างนั้น ปล่อยไว้อย่างนั้น เหมือนๆกับว่ามีไว้อย่างนั้น แต่ชั้นล่างของบ้าน มี (ตี้จู่เหย) , (เต้จู้หยา) หรือ (เต้จู้เอีย)
    เขาไหว้ทั้งขนม จุดธูป ดอกไม้ และอื่นๆบ้าง...

    ดิฉันไปก็ขออนุญาตเจ้าที่เขา บอกว่าเข้ามาพักอาศัยก็ขอสวดมนต์ จะสวดร่วมกันหรือโมทนาบุญด้วยกันก็ได้ ถ้าบางบท (บทชิณบัญชร) ไปทำให้ท่านไม่ค่อยชอบประการใด โปรดหลีกทางให้ด้วย ... แต่ขนาดทำให้ดูน้องก็ยังไม่ขึ้นมาสวดกับเราด้วยเลย - - "
    แต่หลังๆมาก็มาถามบ่อย นั่น โน่น นี่ เขาก็เริ่มๆซึมซับไปทีละน้อย สามีเขาก็เริ่มเลิกดื่มเหล้า ชีวิตเริ่มเดินเข้ามาทางธรรมมากขึ้น เพราะได้ข่าวในการทำความดีเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ ก็เลยถือว่าใช้ได้ ถ้าแม่ยังมองพวกเราอยู่แม่ก็คงปลื้มไม่น้อย แต่คุณความดีก็ขอยกให้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ที่ได้ให้โอกาสลูกเกิดมาทำความดี แม้ไม่มากไม่มาย แต่ก็ถือว่าออกเดินทางกันแล้ว ...

    เล่ามาซะยาวเลยขออภัยด้วยนะคะ แต่ก็อยากฝากไว้เช่นกันว่า แม้ธรรมใดๆที่ประเสริฐ และมีสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเป็นตัวอย่างมากมาย แรงที่ผลักดันจริงๆแล้วนั้นมาจากตัวเราเองทั้งสิ้น แม้ตถาเองท่านก็เป็นเพียงผู้ที่บอกทางเราเท่านั้น คนที่จะออกแรงก้าวเดินนั้นคือตัวของคนๆนั้นเอง ไม่ใช่ใครที่ไหน อย่างที่ท่าน raming กล่าวมานั้นได้ถูกต้องแล้วคือ "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ" ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนนั่นเอง
    ขอทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วค่ะ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2013
  7. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ไปหาท่านอาวุโสที่ห้องพุทธภูมิมา แปะไว้ตางนั้นเสร็จก็ขออนุญาตเอามาแปะไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ สาธุ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ผู้มีปัญญา เห็นทุกข์ ย่อมอาศัยทุกข์ เป็นเครื่องพ้นทุกข์ ดั่งหนามยอก ย่อมเอาหนามบ่ง....
    ผู้ไม่มีปัญญา เห็นทุกข์ ย่อมติดอยู่ในทุกข์ วนเวียนอยู่กับทุกข์ จนสุขผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่าก็มองไม่เห็น....
     
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ความคิดสร้างสรรค์​


    ประมาณ 6000 ปีก่อน ได้กำเนิดนักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่ ท่านนึง นามว่า โซเครติส
    ท่านโซเครติส เป็นผู้มีลูกศิษย์มาก ท่านมีความสามารถในการโต้เถียงที่หาตัวจับไม่ได้
    ใครที่ท่านโซเครติสเถียงด้วยนี้เป็นต้องแพ้หมดทุกรายไป....

    ลูกศิษย์ของท่านโซเครติสยังคงมีอยู่มากมายมาจนถึงปัจจุบัน ...
    ดังจะเห็นได้ว่า...

    เวลาประชุมกัน มีใครเสนอไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมา ลูกศิษย์ท่านโซเครติสจะคอยหาข้อบกพร่องจุดอ่อนมาคอยคัดง้าง จนกระทั่งในที่สุด ไม่มีใครเสนอไอเดียใหม่ๆ เพราะคิดว่าเสนอไปเดี๋ยวก็โดนแย้งอีกอยู่ดี สู้เราเงียบไว้ดีกว่า ไม่เหนื่อยด้วย...

    เคยไหมเพื่อนเราไปกันทั้งกลุ่ม หารือกันว่า เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันที่ไหนดี
    พอมีคนเสนอว่า ที่ริมน้ำไง...จะมีคนค้านว่า ไม่เอาหรอก พึ่งไปมาเอง ...
    พออีกคนเสนอว่า ที่ร้านลมโชยไง...ลูกศิษย์โซเครติสจะค้านอีกว่า ไม่เอาหรอก ยุงเยอะ
    จนมีคนถามลูกศิษย์โซเครติสคนนี้ว่า แล้วแกว่าจะไปกินร้านไหนดี...

    หมอนี่จะบอกว่า ไม่รู้เหมือนกัน ก็แล้วแต่พวกเราละกัน ว่าจะไปที่ไหน...
    สุดท้ายทุกคนจึงจบที่ บ้านใครบ้านมัน ....
    ลูกศิษย์โซเครติสท่านนี้จะถามอีกว่า อ้าว..ไม่ไปกันแล้วเหรอ..เสียดายนะ..อุตส่าห์นัดกันแล้ว...

    ลองนึกดูกับคนรอบๆตัวจะพบว่ามีลูกศิษย์โซเครติสอยู่ใกล้ๆคุณหลายคนด้วยกัน...

    ทำไม...ทำไม เขาจึงเป็นคนแบบนี้ หรือทำไมหลายๆคนจึงเป็นทำตัวเป็นลูกศิษย์โซเครติส..
    การเรียนการสอนของไทยและของหลายๆประเทศไง เป็นการฝึกคนเหล่านี้ขึ้นมา...
    คุณเคยนึกไหมว่า ข้อสอบที่คุณทำตั้งแต่เด็ก มีหัวข้อให้เลือกคือ ก ข ค ง จ
    ในจำนวน 5 ชอยส์ นั้น มีข้อเดียวที่เป็นคำตอบที่ถูก แต่มีถึง 4 ข้อที่เป็นข้อที่ผิด
    นั่นหมายความว่าคุณอ่านไปแล้วคุณต้องเห็นข้อผิดถึง 4 ครั้ง แต่คุณจะเห็นข้อถูกเพียงครั้งเดียว

    หรือจะบอกว่าคุณต้องจับผิดถึง 4 ครั้งแต่จับถูกเพียงครั้งเดียว
    คุณต้องหาข้อผิดแล้วตัดมันออกไป คุณถูกฝึกให้หาสิ่งที่ผิดเป็น 4 เท่าของสิ่งที่ถูก
    คุณจึงเป็นผู้ชำนาญในเรื่องผิดมากกว่าเรื่องถูก
    คุณจึงจับผิดได้เก่งกว่าจับถูก

    นี่เองจึงเป็นที่มาของลูกศิษย์โซเครติส โดยไม่ได้ตั้งใจ
    และนี่เองคือ ตัวปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์
     
  10. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ยุคสมัยต่อมาเป็นยุคของอริสโตเติล
    ท่านเป็นนักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่ ในเรื่องการแสดงความเป็นเหตุเป็นผล
    ทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาสามารถอธิบายได้ โดยมีเหตุ และผลทั้งสิ้น

    เพราะผู้ชายเป็นเพศที่เข้มแข็งและแข็งแรงกว่า จึงเป็นผู้นำ
    เพราะเป็นเด็กจึงยังคิดไม่ได้ดีเท่าผู้ใหญ่
    เพราะมีน้ำจึงมีปลา
    เพราะเขาเป็นชาวนาจึงต้องทำงานหนัก
    เพราะเขาเป็นครูอาจารย์ เขาจึงต้องได้รับความเคารพเชื่อถือ
    ฯลฯ
    ด้วยเหตุผลทั้งปวงที่มีมา ดังนั้นเขาจึง......

    หน้าบานๆ ดั้งแบนๆ ตัวดำๆ เดินมานั่น...โหย..พวกลาว...พวกบ้านนอก...โง่...ไร้การศึกษา...อย่าไปยุ่งกับมัน...
    เราตัดสินคนๆนั้นไปแล้ว ด้วยการเห็นครั้งแรก แล้วตัดสินไปเลยว่า เพราะอย่างนี้ เขาจึงต้องเป็นอย่างงี้ๆ...

    ทั้งๆที่คนๆนั้นอาจจะเป็นครูสอนวิชาเลข สอนด้วยภาษาอังกฤษ เป็นคนมีการศึกษาสูงพอ ทั้งได้รับตำแหน่งครูดีเด่น 3 ปีซ้อน เป็น คนจังหวัด มหาสารคาม ไม่ใช่คนจากประเทศลาว...แต่เราตัดสินเขาไปแล้ว....

    เราหลายๆคน คิดเรื่องราวต่างๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผล และถูกกำหนดแบบแผนตายตัวเอาไว้ในสมอง ปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ไว้ เพื่อตัดสินเรื่องราวต่างๆ ในรูปแบบเดิมๆ...

    ดูสองคนนั่นเดินไปด้วยกันหัวร่อต่อกระซิก ต้องเป็นแฟนกันแน่ๆเลย...
    ผู้ชายคนนั้นเดินไปกับฝรั่ง สนิทสนมกันขนาดโอบไหล่...คู่เกย์แหงมๆ...

    น้ำแกงต้องใส่ชาม
    ผัดผักต้องใส่จานก้นลึกเพราะน้ำผักจะได้ไม่หก
    ส่วนของทอดใส่จานแบนเพราะไม่มีน้ำให้หกและทำให้ดูเยอะ

    ทุกอย่างที่เราคิดเป็นเหตุเป็นผลต่อกัน...
    ถูกไหม...ก็ถูก...

    และเพราะการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลต่อกันนั้น
    เป็นตัวปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์
    เราจะคิดอะไรออกไปจากกรอบของเหตุผลนี้ไม่ได้
    นี่แหละ ลูกศิษย์ อริสโตเติล...
     
  11. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    Yahhhhh ...... What's up doc ....???
    (คิดถึงท่าทางของกระต่ายเจ้าปัญญาในการ์ตูนค่ะ)

    ยังไม่กดไลท์ ไม่ให้อนุโมทนา เพราะตีความประสงค์ในการยกตัวอย่างนี้ไม่ออก แหะๆ ...

    แบบว่าสติปัญญามีมาน้อยค่ะ อย่างนี้ต้องขยายค่ะ อย่าว่ากันเลยนะคะท่าน raming หากเพื่อนๆท่านใดพอจะเข้าใจขอขยายต่อหน่อยเถอะค่ะ
    ถ้าข้อสอบมันมี ก ข ค ง เท่านั้น แต่ดิฉันมักไม่กากบาท หรือส่งข้อสอบเปล่า (แต่ไม่ใช่ทั้งแผ่นนะคะ) คือว่างค่ะ ไม่ตอบเลย
    ส่วนมากไม่ใช่จะออกแนวเถียงคุณครูที่มีคำตอบมาให้เลือกน้อย หรือมีคำตอบที่สร้างสรรค์มากไปกว่า ก ข ค ง หรอกนะคะ
    ส่วนมากเป็นเพราะไม่รู้คำตอบเลยต่างหากล่ะ :( ฮ่าๆๆๆ

    มันเป็นเสียแบบนี้ล่ะค่ะ แล้วที่ยกๆมานั้น ท่าน raming จะบอกอะไรเอ่ย ????
    ส่วนลักษณะนิสัยนั้น ก็เคยเป็นทั้งลูกศิษย์ของ อริสโตเติล และโซเครติสมาก่อน นี่ถ้าท่านไม่เอ่ยขึ้นมาก็คงไม่สำรวจตัวเองเลย ว่าอืมม จริงแฮะ บางทีเราก็เป็นแบบนั้น
     
  12. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=xXW0rgaX9_w]โกรธมาก อภัยให้ไม่ได้ ทำไงดี - YouTube[/ame]
     
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เรื่องของโซเครติสและอริสโตเติล เป็นการเกริ่นให้เห็นว่า เราทั้งหลายถูกฝึกสอนและติดหล่มความคิดจากนักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่ 2 ท่านนี้ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการคิดสร้างสรรค์

    ความคิดสร้างสรรค์นั้น ไม่ใช่เป็นพรสวรรค์มาแต่กำเนิด มันสามารถสร้างได้ ฝึกฝนได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ เอ็ดเวิร์ด เดอโบโน ได้ค้นพบ จนกระทั่งผู้บริหารชั้นนำของโลกจำนวนมาก ต้องเข้าฝึกอบรมด้วย มหาเธย์ ก็ผ่านหลักสูตรนี้มา ผู้บริหารบริษัท ไอบีเอ็ม ต้องผ่านการฝึกมาทุกคน ....
    แต่ว่าการถ่ายทอดที่ไปลอกท่านมา เดี๋ยวจะโดนข้อหาลิขสิทธิ์ จึงจะค่อยๆเล่า ไปในมุมมองที่คล้ายคลึงกัน...

    ที่จะต้องพูดถึงความคิดสร้างสรรค์ เพราะ สิ่งนี้จะทำให้เราออกไปจากปลักตม ที่จมปลักในความคิดของตัวเอง เปลี่ยนจากการโดดเข้าไปชุลมุนกับปัญหา กับความทุกข์ เปลี่ยนเป็นการก้าวออกมายืนพิจารณา แล้วจะได้พบสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่า...

    นี่จะเป็นเรื่องราวที่บอกถึงว่า คิดบวก ต้องทำยังไง ใครๆก็พูดได้ แต่วิธีทำล่ะ เอามันชัดๆได้ไหม ว่าต้องทำยังไง ในระหว่างที่ชีวิตอยู่ในวิกฤต ยิ่งกว่าตาย หนักกว่าตกนรก จะออกจากตรงนั้นมาให้ได้ก่อนน่ะ ทำยังไง

    โลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย ... พูดน่ะมันง่าย แต่ทำจริงน่ะ ทำยังไง
    เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส... ช่างสรรหาวลีที่ทำให้ผู้พูดดูดีจริงๆนะ แต่วิธีการล่ะ มันจะทำอย่างไร มีกี่คนทำได้บ้าง ในเมื่อสถานะการณ์ที่แต่ละคนเจอมันแตกต่างกัน วิธีการย่อมแตกต่างกัน แล้วจะทำอย่างไร บอกหลักการมาได้ไหม หลักการที่ใครก็ทำได้

    โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ ทุกข์มากมาย ทุกข์ไปหมด การพ้นทุกข์ได้ต้องปฏิบัติธรรมเท่านั้น แล้วมีกี่คนที่มีโอกาสปฏิบัติธรรม ในจำนวนที่ปฏิบัติธรรมนั้น มีกี่คนที่ปฏิบัติอย่างจริงจัง ในจำนวนไม่กี่คนที่ปฏิบัติอย่างจริงจังจะมีกี่คนที่ปฏิบัติได้ตรงทาง ไม่หลงทาง แล้วเหลือกี่คนที่เข้าถึง ปฏิเวช...นั่นจึงน้อย ยิ่งกว่าน้อย

    ดังนั้นหากจะยังต้องเป็นมนุษย์ปุถุชน ยังไม่มีฤทธิอภิญญากะเขา จะอยู่บนโลกนี้อย่างไร ให้โลกนี้เกื้อกูลธรรม จนกว่าจะบรรลุธรรมที่เกื้อกูลโลก

    โลกะวิฑู แปลว่า รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เมื่อรู้อย่างแจ่มแจ้งแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้อยู่บนโลก อยู่ในสังคมที่อุดมไปด้วยทุกข์ อย่างเหนือทุกข์

    คิดบวก คิดอย่างไร?
    คิดสร้างสรรค์ ทำอย่างไร?

    เดี๋ยวค่อยว่าต่อนะ...ช้าหน่อยนะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2013
  14. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ช้าไม่เป็นไรค่ะ เข้าใจว่าของดีไม่มีพร่ำเพรื่อ (เขียนถูกไหมนี่)
    สนตรงที่ว่า โลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสียนี่แหละค่ะ ทำยังไงเราจะกลมกลืนไปกับเขาได้ เหมือนกิ้งก่าที่กลมกลืนเปลี่ยนสีไปกับใบไม้ต่างๆได้

    ปล. เดี๋ยว ไม่ใช่ เด่ว หรือ เด๋ว ค่ะ แหะๆ
     
  15. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    นะโม โพธิสัตโต พรหม ปัญโญ
    นะโม โพธิสัตโต พรหม ปัญโญ
    นะโม โพธิสัตโต พรหม ปัญโญ



    ครั้งหนึ่ง น่าจะราวประมาณปี ๒๕๓๐ ได้มีรถบัสเข้ามาจอดในวัดสะแก จากนั้นก็มีคนแต่งชุดขาวจำนวนหลายคนเดินออกมา ตรงไปที่กุฎิ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ซึ่งขณะนั้นมีลูกศิษย์หนุ่มสาวอยู่ไม่กี่คน

    คนชุดขาวเหล่านั้น จะว่ามากราบนมัสการท่านก็หามิได้ เพราะเมื่อมาถึงที่หน้ากุฎิท่านแล้ว ก็พากันนั่งหลับตา หันหน้าไปทางหลวงปู่ ท่าทางเหมือนจะพยายามนั่งสมาธิเพ่งใส่หลวงปู่ สักครู่คนที่เป็นหัวหน้าก็มานั่งรวมอยู่ด้วย

    ลูกศิษย์หลวงปู่ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็งงๆ ไม่เข้าใจว่าพวกเขามาทำไมกัน แล้วทำไมไม่พูดไม่จา เอาแต่ประจัญหน้ากับหลวงปู่ จากนั้นไม่นานนัก ผู้ที่ดูว่าจะเป็นหัวหน้าคณะ ก็ลุกเดินออกไปอาเจียนที่หน้าบันไดทางขึ้น จากนั้น สานุศิษย์ที่เหลือของเขาก็พากันลุกเดินไปขึ้นรถ

    ลูกศิษย์หลวงปู่ มาเข้าใจในภายหลังว่า พวกคณะรถบัสที่มานี่ เขาเที่ยวตระเวณลองของ ลองกำลังจิตครูบาอาจารย์ พอดีมาเจอของจริง ก็เลยแพ้ภัยตัวเอง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปปรามาสครูบาอาจารย์ที่ไหนต่ออีก แต่อย่างน้อย จากประสปการณ์ที่ได้มาพบหลวงปู่ ก็น่าจะทำให้เขาสำนึกบ้างว่า
    "ของจริงยังมีอยู่"



    https://www.facebook.com/watputtaprompanyo?hc_location=stream

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1808.JPG
      IMG_1808.JPG
      ขนาดไฟล์:
      47.1 KB
      เปิดดู:
      95
  16. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    แว๊ปเข้ามาอัพกระทู้ค่ะ อ่านเรื่องราวหลวงปู่ไปพลางๆก่อนนะคะ สาธุ
     
  17. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ท่าน raming คะ มีเรื่องอยากถามค่ะ จริงๆว่าจะถามหลังไมค์ แต่ก็เอาไว้เผื่อคนอื่นๆด้วย แต่ถ้าใครเห็นว่าหาสาระไม่ได้ หรือไม่มีประสปการณ์เดียวกัน ก็ขอให้ คิดว่าดิฉันเล่านิทานนะคะ

    เรื่องของกรรมนั้นดิฉันเชื่อค่ะ อย่างไม่ต้องเถียงด้วย รู้ว่าตรงตัวให้ผลได้ไม่ผิดคน ที่ถามนี่ก็คล้ายๆกันค่ะ เวลาที่เคราะห์กรรมส่งผลนั้น บางคนก็มีเซ้นต์ หรือมีเหตุการณ์บอกล่วงหน้า เช่น จะมีเคราะห์ร้ายต่างๆเกิดแก่ตนก็มีเป็นความฝันบ้าง ตาเขม้นบ้าง นกหนูร้องบ้าง แมวดำตัดหน้าบ้าง ฯลฯ ให้ใจเสีย และก็เป็นแบบนั้นจริงๆทุกๆครั้งเลย หลายๆคนคงเคยเป็น ถามว่าการบอกเหตุล่วงหน้าแบบนี้นี่แสดงว่า เป็นการเตือนที่หลีกเลี่ยงการเกิดเหตุนั้นได้ หรือ ไม่ได้คะ ...
    ถ้าทุกคนอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมแล้ว ถ้าหลีกไม่ได้ แล้วจะมีการเตือนไปทำไม ...

    หรือเป็นการเตือนที่ช่วยได้ แต่ว่าเราไม่เข้าใจและประมาทเองจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ...


    อันนี้ใครไม่เข้าใจขอให้ผ่านนะคะ เพราะมันก็อิงนิทานที่รู้ได้ด้วยตัวเอง ...
     
  18. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ความคิดสร้างสรรค์
    ความคิดสร้างสรรค์ ถูกทำให้เชื่อว่า มันคือพรสวรรค์ของแต่ละคนที่มีมาแต่กำเนิด และมันจะสร้างขึ้นใหม่ไม่ได้ เป็นบุญวาสนาเฉพาะตัว

    แท้จริงแล้ว ความคิดสร้างสรรค์สร้างได้ เพียงแต่ที่ผ่านๆมานั้น เราถูกแนวความคิดของโซเครติส คือนิยมความขัดแย้ง การโต้แย้ง การหาข้อผิดของสิ่งต่างๆ ผนวกกับ แนวความคิดของอริสโตเติ้ล ที่บอกว่าทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลกัน และเป็นแนวคิดของวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้โดยสมการ เท่านั้น ถ้า....แล้ว.....ก็ต่อเมื่อ.....
    แนวความคิดเหล่านี้เองที่ทำให้เราทั้งหลายถูกกำหนดตัวเองอยู่ในกรอบชนิดหนึ่งซึ่งมองไม่เห็น แน่นอนว่าหลายคนเอาตรงนี้มาพูดว่า คิดนอกกรอบ...ใครๆก็รู้ครับว่า ต้องคิดนอกกรอบ แต่ว่ามันจะเริ่มต้นอย่างไร ที่จะคิดนอกกรอบ คนมักจะพูดถึง อะไร แต่ไม่พูดว่า อย่างไร?

    ความคิดสร้างสรรค์ ประกอบด้วย ความคิดเชิงบวก , จินตนาการ....
    ซึ่งมันยากไปหน่อย สำหรับบางคน...แต่ถ้าบอกว่า...การจะฝึกฝนความคิดสร้างสรรค์นั้น ต้องเริ่มจาก การมีอารมณ์ขันก่อน...

    อารมณ์ขันนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็น Dirty Joke แต่เป็นอารมณ์ขันทั่วๆไป หากหาไม่เจอ ก็ลองอ่านเอาจาก ขายหัวเราะก็ได้ ต่วยตูน ขำขัน... นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความคิดสร้างสรรค์...

    วันหนึ่ง ผมได้ยินเสียง ลูกสาวคนที่ 2 ร้องเสียงดังขึ้นมาว่า.... ” พี่มาก ขา..า...า..“
    ความคิดแบบอริสโตเติลคือ ลูกสาวเรากำลังร้องเลียนแบบ แม่นาคพระโขนง....
    พอหันมามองลูกสาว ก็เห็นว่า เธอกำลัง จ้องมองกิ้งกืออยู่....
    ลูกสาวคนโตบอกว่า ตะขาบก็ด้วย...

    เริ่มต้นที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ คุณต้องเป็นคนที่รู้จักมีอารมณ์ขันก่อน...
    ส่วนกระบวนการคิดต่อจากนั้นเป็นอย่างไร...
    ที่จะทำให้สามารถนำไปใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาจำหน่าย...
    ทำให้มีช่องทางในการขายมากขึ้น...
    ทำให้มีโอกาสเจริญภาวนา ให้ได้เข้าถึงธรรมได้มากขึ้น...
    ทำอย่างไร เดี๋ยวค่อยมาว่ากันต่อ...
     
  19. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    มาดูกันว่า ความคิดสร้างสรรค์ ที่ว่าฝึกฝนกันได้นั้น ทำอย่างไร...

    ถ้าเราคิดจะทำเมนูอาหารขึ้นมาสักเมนูหนึ่ง...
    ต้องการความคิดสร้างสรรค์...แปลกใหม่...ไม่เหมือนเดิมที่เคยเป็นมา...
    จะเริ่มต้นอย่างไร...


    [​IMG]

    ผมอยากให้นึกถึงก้อนหินก้อนหนึ่ง...
    ลองบรรยาย ลักษณะของก้อนหิน ว่ามีคุณลักษณะสมบัติอย่างไรบ้าง เท่าที่นึกได้...
    แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามคิดว่าคุณสมบัติที่คุณคิดนั้น ผิด เป็นไปไม่ได้ หรือจะมีใครว่าคุณว่ามันซ้ำ เชย ใครๆก็รู้...ให้คิดเอาแต่ว่า รูปร่าง ลักษณะ คุณสมบัติของก้อนหิน มีอะไรบ้าง?...
    เขียนทุกอย่างลงไป...
    แล้วมาลองดูกันว่า มันจะไปเกี่ยวอะไรกับการทำอาหารเมนูใหม่ๆ...
     
  20. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ไม่คิดถึงหินแต่คิดถึงก้อนกรวดใสๆ เหมือนทรายแถวทะเล แบบนี้พอได้ไหมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...