เตือนภัยสำหรับผูุ้ที่มีทิพยจักขุญาณ

มันเริ่มมีผู้นำวิชามนต์ดำบางอย่างมาใช้แบบผิด โดยทำการติดตั้งมนต์ดำไว้ในตัวผู้ใดผู้หนึ่ง เพื่อกำหนดไว้ว่า ถ้าใครใช้ทิพยจักขุส่องดูบุคคลอื่น ซึ่งคนที่ใช้ทิพยจักขุญาณส่องดูนั้นเป็นผู้หญิงก็อาจจะโดนดึงวิญญาณขันธ์ไปเสพกามที่อีกคนหนึ่งได้ เพราะฉะนั้นการใช้ทิพยจักขุญาณจะต้องระมัดระวังมาก แต่ถ้าพลาดท่าพลาดที ให้ภาวนาว่า โอมมณีเปเมฮุม ไปเรื่อยๆสักครึ่งชั่วโมง ก็จะ
พอเอาตัวรอดได้

 

มีจริงๆ หรือคะ สามารถทำกันได้ด้วยหรือคะ

 

ผู้ได้ ทิพยจักขุญาณ อันมีสมาธิเป็นบาทฐาน

วิชามนต์ดำ ไสยศาสตร์ ทำอะไรท่านมิได้หรอก

แค่คนมีศีล ก็ทำอันตราย ยากแล้ว อย่าไปพูดถึงระดับ ฌาน สมาธิเลย

 

ผมมีทิพจักขุ เหมือนกันครับ เช่น วารสาร หนังสือพิมพ์ กล้องในโทรศัพท์ โทรทัศน์ก็มีตั้ง 6 ช่อง และ อินเตอร์เนตอีกหลายๆช่อง ครับ ทิพจักขุผม เห็นได้ มากเลย เห็นทั้งสาวสวยและไม่สวย เลือกดูได้ ตามสบาย เพราะ สมัยนี้ สาวๆนุ่งสั้น จนแทบจะไม่ไส่เสื้อผ้า ออกสื่อกันเยอะ ตกลง เรามา พูดถึง ความจริงกันดีกว่าครับว่า ถ้าไม่อยากให้ คนดู คนเห็น คนเสพ คนชอบ คนรัก คนเกลืยด แล้ว ออกสื่อทำไมครับ โชว์เฟส โชว์อินเตอร์เนตทำไมกัน
ก็ขนาด ขายสินค้า เขายังขายกันทางสื่อ ทิพจักขุ กันอยู่แล้ว ถ้าไม่อยากให้คนอื่น วิจารย์ เห็น เสพ ก็ อย่าออกสื่อสิครับ หัดรักษาตนเอง สิครับ จะออกมาโชว์ทำไมกัน

เมื่อออกมาโชว์ มีคนเห็น และมีคนวิจารณ์ และคิดกัน แล้ว จะมาทำเป็น กังวลทำไมกับ เรื่องพวกนี้กันครับ ก็ในเมื่อ โลก มันก็เป็น แบบนี้

 

รู้จัก มั้ยครับ คำว่า รู้หลบเป็นปีก รู้หลิกเป็นหาง รู้เอาตัวรอดเป็นยอดดี
ก็ในเมื่อทุกวันนี้ สังคมเสื่อม จิตใจคนเสื่อม แล้ว คนยังจะ ออกมาโชว์หน้าโชว์ตา ต่อหน้าสื่อ ให้คนรู้ คนดู คนเห็น ทั้งโลก ทำไมกันครับ เพราะ ถ้าทำแบบนี้ ก็แสดงว่า คุณไม่มีปัญญาพอ นั่นอง ที่จะรู้จัก เก็บตัว รักนวลสงวนตัว ก็ในเมื่อสัตว์นักล่า(คนรวย คนไร้ศีลธรรม คนชั่ว )มันเยอะแยะ เต็มบ้านเต็มเมือง แล้วยังจะมา โชว์ ทำไมกัน
หัดโทษ ตนเองสิครับ ที่ เสนอตัวออกสื่อเอง เสนอตัวเข้าปากเสือเอง คนดี เขาคงไม่ทำกัน คนมีปัญญาเขาคง ไม่นำพาตนเอง เข้าปากเสือปากจะเข๊ หรอกครับ

 

นี่แหล่ะ ความจริงแท้ ของคำว่า กลียุค ล่ะ
สังคมเสื่อม จิตใจคนเสื่อม ศีลธรรมหดหาย ยุคมือใครยาวสาวได้สาวเอา เงินเป็นพระเจ้า
คนมีเงินทำอะไรไม่ผิด คนมีเงินทำชั่วไม่ผิด คนมีอำนาจทำชั่วไม่ผิด จริงหรือ
ถามตนเองดูเถิดว่า ตนเอง มีทางเลือก หรือไม่

 

ผมเกลียดที่สุด ก็คือ พวกที่ชอบ กล่าวโทษ คนอื่น หรือสิ่งอื่น ว่า เป็นต้นเหตุแห่ง ความทุกข์ความเดือดร้อน แต่ไม่เคยกล่าวโทษตนเองเลยว่า ตนเองด้อยปัญญา เอง จึงต้อง ทุกข์และเดือดร้อน โลกก็เป็นเช่นนี้แหล่ะ

 

ผู้มีปัญญาที่แท้จริง คงไม่กล่าวโทษ คนอื่นหรือ สิ่งอื่นว่า เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ ของตน หรอกมังครับ และยังมีอีกสิ่งหนึ่งก็คือ กรรม ที่ เขาคนนั้นต้องได้รับ หรือผลกรรมที่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะกรรมส่งผล มา ดังนั้น เมื่อตนเองได้รับกรรม ก็อย่าบ่น อย่าดีโพยดีพาย อย่าโวยวาย สิครับ
เพราะ ถ้าตนเองไม่เคยสร้างกรรมชั่วเอาไว้ แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ มันจะเกิดได้ยังไง ถ้าไม่ไช่ผลกรรมชั่วที่คุณเคยได้กระทำมา

 

ตลกล่ะ มีดึงวิญญาณด้วย

 

บางคน โวยวายว่าตนเองโดนหลอก แต่ไม่สำนึกว่านี่คือ ผลกรรมที่ตนเองได้เคยกระทำ เอาไว้ เมื่อครั้งอดีต ถ้า ตนเองเคยสร้างกรรมดีไว้จริง กรรมชั่ว มันจะมาส่งผล ต่อคุณได้ยังไง ยังไม่พอ พอตนเอง ได้รับผลกรรมชั่วของตนที่เคยกระทำมา กลับไม่สำนึก ยังจะมาเรียกร้อง หาความเป็นธรรม จากใครได้อีก ก็ในเมื่อ ความเป็นธรรม มันแสดง ความจริง ของมันอยู่

 

ก็คนมัน กำลัง เว่อร์ครับ พึ่งรู้พึ่งเห็น ว่า ความจริง มันเป็น เช่นไร
ก็ ต้องออกมา หาเรตติ้ง กันหน่อยสิครับ ต่อไปจะได้ แสดง องค์ธรรม ของตนต่อไป ไงครับ ก็แค่ อยากจะบอกว่า อ้าว มาจากไหนเนี่ย เขารู้กันมาตั้งนานแล้ว เพิ่งคลอดเหรอ อิอิ

 

หลายๆคนคิดแต่ว่าตนเองเป็นคนดี ไม่น่าจะได้รับกรรมชั่ว หรือได้เจอเรื่องชั่วๆ เลย
ที่ไหนได้ มันก็เพิ่งจะมาทำดี ได้ไม่กี่วันเอง

 

ถ้ากลัวคนอื่นมาส่องเราโดยเราไม่อนุญาติบูชาพระปิดตาสิครับ
เหมือนเคยอ่านเจอนานแล้วครับ
ท่านจะช่วยบังให้ ^^
จริงไม่จริงไม่รู้ครับ แต่ถ้าเราศรัทธาก็สบายใจครับ
แล้วท่านก็เป็นผู้สมควรแก่การบูชาด้วยครับ

 

เอาเป็นว่า อย่ากล่าวโทษ สิ่งอื่น
เพราะ ถ้ายังคงกล่าวโทษว่า สิ่งอื่นกระทำ ให้ตนเอง ทุกข์อยู่ ก็คือ หลงผิดอยู่ นั่นเองครับ
แสดงว่า ไม่เชื่อ กฏแห่งกรรม นั่นเอง แล้วจะมาบอกว่า ตนเอง เป็น พุทธศานิกชน ทำไม

 

ชีวิต เป็นของคุณ รูปนามเป็นของคุณ ใครจะทำอะไรให้คุณได้
ทุกข์สุข ใครจะมาทำให้คุณได้ นอกจากคุณทำตัวของคุณเอง
ความคิด เป็น ของคุณ ชีวิตเป็นของคุณ
แล้วทำไม ไม่ นำพาตนเองให้ เป็นของคุณเอง

ตนเองหิว ก็รู้เอง ตนเองอิ่มก็รู้เอง ตนเองสุข ก็สุขคนเดียว แล้วเวลาทุกข์ ทำไม ต้องโทษ คนอื่น สิ่งอื่น ไม่เข้าใจจริงๆ

 

กรรมเป็นผู้แจกแจง
กรรมเป็นแดนเกิด
กรรมเป็นผู้พาไป
กรรมเป็นผู้ให้ผล
กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ หัดยอมรับความจริง สิ่งนี้ ให้ได้ก่อน เป็นไง ท่าน
แล้วค่อย หาทาง ออก จากสิ่งเหล่านี้ ว่า จะหาทางออกด้วยวิธีใด
ซึ่งทางออกนั้น มีอยู่ แต่ สะสมปัญญา มา ได้ เพียงพอที่จะ เผชิญความจริงหรือยัง

 

ถ้าเป็นผู้ชายล่ะ..จะให้ส่งไปที่ไหน

ช่วยแนะนำได้ไหม..น่าสนใจน่ะ.

 

อย่ากังวลไปเลย ไสยศาสตร์ทำอะไรพุทธศาสตร์ไม่ได้หรอกครับ

.......................................

ท่องแค่ นะ โม พุท ธา ธะ ก็พอ

 

มนต์ดำของสกปรกอย่างนั้นจะมาทำอะไรผู้ทรงญาณได้

เจ้าของกระทู้มั่วมาก

 

ไม่เอาดีก่าว..เดี๋ยวโดนไม้ลูกชิ้น..แทงตาเอา.