หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

ขอขอบคุณทุกท่านท่านที่ช่วยออกความเห็นครับ ค่อนข้างจะสรุปได้แล้วว่า ทำตามความตั้งใจของเราให้ดีที่สุด พยายามทำให้สวย และดูเหมาะสม ส่วนฐานจะสูงจะต่ำอย่างไรนั้นไม่สำคัญ เพราะเราสามารถปรับแต่งตำแหน่งการวางขององค์รูปเหมือนครูบาอาจารย์ และรูปเหมือนองค์หลวงปู่ได้ ว่าจะต้องการให้วางสูงกว่า ต่ำกว่า ได้ไม่ยาก แต่ส่วนลวดลายที่ฐานนั้น คงต้องฝากให้เป็นหน้าที่ของช่างปั้นคิดลวดลายให้ดูสวยงามและเหมาะสมที่สุด เพราะจากประสบการณ์การปั้นของเขาผ่านงานใหญ่ๆมามากมาย เพราะฉะนั้นอาจมีไอเดียร์ที่ดีกว่าที่เราคิด แต่หากสมมุติว่าช่างปั้นฐานออกมายังไม่ถูกใจเราเท่าที่ควร เราก็สามารถให้เขาปรับเปลี่ยนได้อีกครับ..

 

ว่าไงว่าตามกันให้ช่างเสนอมาแล้วค่อยปลับแต่งก็ดีเผื่อมีไอเดียอะไรดีๆ

 

ขอนอกเรื่องสักนิดหนึ่งครับ มีรายงานจากลูกศิษย์หลวงปู่ท่อน โทรมาเล่าให้ฟังว่า.. เบี้ยแก้ที่ทางคณะศิษย์หลวงปู่พิศดูสร้างถวาย โดยนำเอาหอยเบี้ย ปรอท มวลสาร ที่องค์หลวงปู่พิศดูได้อธิษฐานจิตไว้เรียบร้อยแล้ว นำมาสร้างเป็นเบี้ยแก้รุ่นแรก ถวายหลวงปู่ท่อน วัดศรีอภัยวัน เมื่อวานก็ได้นำเข้าพิธีอธิษฐานจิตพร้อมกันกับเหรียญหลวงปู่ท่อนรุ่นเศรษฐี ที่ทางวัดจัดสร้างเอง เป็นพิธีปฐมฤกษ์ และวันนี้ หรือทุกๆวันเบี้ยแก้ชุดนี้ก็จะอยู่ในพิธีอธิษฐานจิตพร้อมกับเหรียญรุ่นเศรษฐี เนื่องจากเหรียญรุ่นเศรษฐีนี้ หลวงปู่ท่อนตั้งใจทำอย่างดีที่สุด โดยจะทำพิธีอธิษฐานจิตอยู่ในห้องนอนของท่านทุกวันเป็นกรณีพิเศษ หากเมื่อถึงเวลาที่ท่านรับแขก ทางคณะศิษย์ก็จะนำเบี้ยแก้ชุดนี้ วางไว้ใกล้ๆองค์หลวงปู่ตลอดเวลา และเมื่อมีคณะศรัทธาหรือญาติโยมนำของ หรือวัตถุมงคลมาให้ท่านเมตตาอธิษฐาน เบี้ยแก้ชุดนี้ก็จะถูกนำไปวางไว้ในพาน หรือวางไว้บนกองเดียวกันกับของที่มีผู้มาขอเมตตาทุกครั้ง อย่างเช่นวันนี้ก็มีผู้มาให้ท่านเมตตาอธิษฐานของให้ทั้งวัน เบี้ยแก้นี้ก็จะร่วมพิธีอยู่ด้วยทั้งวันเช่นกัน หรือแม้แต่เวลาที่หลวงปู่ท่อนท่านทำน้ำมนต์ เบี้ยแก้ชุดนี้ก็จะถูกนำมาวางไว้ข้างๆขันตลอดเวลาที่ท่านทำน้ำมนต์ เรียกได้ว่าเก็บรายละเอียดทุกพิธี ทุกวาระเลยก็ว่าได้ จนกว่าจะถึงวันงานมุทิตาจิตเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 85 ปีของหลวงปู่ท่อน งานเริ่มวันที่ 3-5 พฤษภาคม วันนั้นเป็นวันมหาบุญมหากุศล และจะมีพระอริยะ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ พระเถรานุเถระในสายวิปัสนากรรมฐานหลายร้อยรูป มาร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา และพุทธาภิเษกสมโภชน์วัตถุมงคลต่างๆ รวมถึงเหรียญรุ่นเศรษฐี และเบี้ยแก้รุ่นแรกของหลวงปู่ท่อนรุ่นนี้ด้วย..
และยังทราบอีกว่า พอลูกศิษย์ขององค์หลวงปู่ท่อนทราบข่าวว่า มีการสร้างเบี้ยแก้รุ่นแรกถวายหลวงปู่ท่อน เพื่อร่วมสมทบทุน สร้างผอบทองคำบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ โดยเฉพาะบรรดาพระครูบาทั้งหลายที่ถวายงานอุปัฏฐากองค์หลวงปู่ และญาติโยมที่ทราบข่าว ต่างก็ฮือฮาอยากได้เบี้ยแก้ชุดนี้กันทุกคน ผลการตอบรับดีมากๆ ก็อาจคาดเดาได้ว่า ต่อไปอาจจะเป็นวัตถุมงคลอีกรุ่นหนึ่งของหลวงปู่ท่อน ที่จะมีผู้แสวงหามาบูชากันอย่างมากรุ่นหนึ่งครับ..

​

 

เบี้ยแก้รุ่นนี้ เขาให้สมนามกันว่า.. " เบี้ยเศรษฐี แก้จน " ครับ..

 

ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับคณะศรัทธาทุกท่าน และขอร่วมบุญที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วยนะครับ

 

สุดยอดทั้งพิธีและชื่อที่เป็นมงคลมากครับ

 

เบี้ยแก้จากพระอริยะ สาธุๆ

 

ช่างปั้นคนนี้ผลงานเขามากครับ เท่าที่ทราบแน่ๆ หุ่นไฟเบอร์กลาส หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม หลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ หลวงตามหาบัว และครูบาอาจารย์สายป่าหลายท่าน ช่างคนนี้เขาเป็นคนทำเอง รวมถึงงานรูปลอยองค์จตุคาม รามเทพ รุ่นดังๆหลายรุ่นในอดีต ฯลฯ ก็เลยอยากลองให้เขาออกแบบฐานให้ เอาให้สวยงาม ดูดี แบบสไตล์พระป่า คิดว่าน่าจะดีครับ..

 

แต่ภาพเบี้ยแก้ที่เห็นนี้ยังไม่สมบูรณ์นะครับ เพราะต้องนำไปถักเชือกจับขอบอีก คล้ายกับเบี้ยที่ของหลวงปู่เปรี่ยม โดยเชือกที่ถักน่าจะเป็นสีชมพู เพราะว่าหลวงปู่ท่อนท่านเกิด วันอังคาร ครับ..

ทราบมาว่าเบี้ยแก้ชุดนี้ สร้างตามตำหรับของหลวงปู่รอด วัดนายโรง ครับ แต่จะมีการประยุคกรรมวิธีให้ดียิ่งๆขึ้นไป คือ เพิ่มตัวมวลสารอีกหลายอย่างบรรจุเข้าไปด้วย

คงมีบางท่านอาจสงสัยว่า หลวงปู่ท่อนท่านเป็นพระสายวิปัสนากรรมฐาน ท่านจะเสกเบี้ยแก้เป็นหรือ หรือว่าท่านเคยไปเรียนการทำเบี้ยแก้มาด้วยหรือ..??? ขอตอบให้ดังนี้ครับ..

หลวงปู่ท่อนท่านเรียนการทำเบี้ยแก้มาหรือเปล่านั้น ท่านก็ไม่เคยบอกครับ แต่ที่แน่ๆ พระอริยสงฆ์ชั้นสูงสุดอย่างหลวงปู่ท่อนนั้น เสกเบี้ยแก้ได้สบายมากครับ เพราะอย่าลืมนะครับว่า การเสกของพระอริยสงฆ์นั้นไม่ใช่การปลุกเสกโดยใช้วิชาอาคม แต่เป็นการเสกด้วยการอธิษฐานจิตขอบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ พรหมเทวดาทั้งหลาย และกำลังบารมีธรรมที่สั่งสมมา และบวกด้วยอำนาจจิตอันบริสุทธิ์ของท่านเป็นหลัก เพราะฉะนั้นความศักดิ์สิทธิ์ย่อมมีกำลังสูงกว่าการปลุกเสกโดยใช้วิชาอาคมมากมายนักอย่างเทียบกันไม่ได้เลย และอีกอย่างครับเท่าที่ศึกษามา ไม่ว่าการสร้างเบี้ยแก้ของสำนักใดก็ตาม คาถาหลัก ที่ใช้ในการเสกเบี้ยแก้นั้นก็คือ..พระพุทธมนต์ครับ เช่นบท พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ฯลฯ ครับ ซึ่งบทพระคาถาเหล่านี้ พระสงฆ์ท่านก็ใช้สวดทุกวันเป็นปกติอยู่แล้ว
และที่แน่นอนที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ หลวงปู่ท่อน ท่านเคยมีเบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และเคยพกใส่ในกระเป๋าอังสะด้วย..!!! อะ..ฮ้า.. หลายท่านอาจไม่รู้นะครับ แต่ลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ดูแลอุปัฏฐากรู้กันดีครับ ต่อมาท่านได้มอบให้ลูกศิษย์คนหนึ่งไปแล้ว ซึ่งก็ไม่แน่นะครับ หลวงปู่ท่านอาจจะใช้ญาณสแกนสัมผัสดูเบี้ยแก้ลูกนั้น ซึ่งอาจทำให้ท่านล่วงรู้กรรมวิธีการสร้าง และเสกเบี้ยแก้แบบหลวงปู่บุญก็เป็นได้ เพราะว่าก่อนหน้านี้ เคยมีลูกศิษย์นำเบี้ยแก้ของสำนักอื่น มาให้หลวงปู่ท่อนท่านเมตตาอธิษฐานให้ ท่านก็นำเบี้ยแก้ดังกล่าวนั้นมาเสกด้วยบทที่ขึ้นต้นว่า.. " เบี้ยเอ๋ย เบี้ยแก้ เบี้ยแท้... ฯลฯ "(เรียกสูตร นาม) แถมท่านยังสอนวิธีการใช้เบี้ยแก้ให้อย่างละเอียดอีกด้วย ประมาณว่า เวลาโดนสัตว์มีพิษกัดต่อย ให้เอามาถู... เวลาใส่ติดตัวไว้จะป้องกัน... พระธุดงค์ หรือพวกพรานเวลาเข้าป่า ก็จะพกเบี้ยแก้นี้ ไว้ป้องกันไข้ป่า... ฯลฯ นี่เป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นผู้รู้ขององค์หลวงปู่ท่อนท่านนะครับ แถมในวงพระวิปัสนาจารย์สายกรรมฐานบางท่าน เช่น หลวงปู่ลือ วัดป่านาทาม จ.มุกดาหาร หลวงปู่ถิร ฐิตธัมโม วัดบ้านจิก จ.อุดรธานี หลวงปู่หลวง กตปุญโญ ฯลฯ ท่านก็ยังสร้างเครื่องราง ปรอท และเบี้ยแก้ เพื่อแจกจ่ายแก่หมู่พระ หรือลูกศิษย์ลูกหาเพื่อใช้ป้องกันไข้ป่า คุณไสย ดูดพิษ ปรับธาตุ...ฯลฯ และในเมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ระดับต้นๆในวงพระสายกรรมฐาน ท่านสร้างสรรผลงานชั้นเลิศแบบนี้ เพื่อยังประโยชน์แก่หมู่คณะของท่าน มีหรือพระวิปัสนาในสายเดียวกันจะไม่ทราบความ ยอมรับ หรือไม่รู้จักเกียรติคุณความดีของท่านเหล่านั้น เนื่องจากพระสายวิปัสนากรรมฐานทั้งหมดนั้น เหมือนกับเป็นเครือข่ายเดียวกัน ก็ย่อมถึงซึ่งกันทั้งหมดเป็นปกติอยู่แล้ว... ซึ่งก็ไม่แน่ หลวงปู่ท่านอาจจะได้เคยศึกษาการสร้างเบี้ยแก้ หรือการเสกปรอทมาจากพ่อแม่ครูอาจารย์องค์หนึ่งองค์ใดมาก็เป็นได้ เบี้ยแก้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องมีปรอทเป็นหัวใจสำคัญในการสร้าง เพราะถ้าหากขาดปรอทแล้ว เบี้ยแก้ที่สร้างนั้นก็คงไม่มีคุณภาพในการป้องกันไข้ป่า ดูดพิษ หรือปรับธาตุต่างๆได้เลย

 

ไม่ทราบว่าเบี้ยแก้ใช้เปลือกหอยอะไรได้บ้างครับ

rat_wtingไม่ทราบว่าเบี้ยแก้ใช้เปลือกหอยอะไรได้บ้างครับ
มวลสารที่บรรจุประกอบด้วยอะไรบ้างครับ
ถ้าตกน้ำเบี้ยแก้ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ
นอกจากรักษา ป้องกัน แล้วใช้อย่างอื่นได้ไหมครับ
ต้องมีคาถาบูชาไหมครับ;aa2
ขอร่วมอนุโมทนาในทุกบุญกุศลด้วยครับcatt17

 

รูปนี้เป็นรูปที่ต้องขออนุญาติหลวงปู่ถ่ายจึงจะติด
ส่วนพระสมเด็จองค์เล็กหลวงปู่มอบให้คุณแม่ โดยฝากน้าชายมา
ท่านทราบด้วยจิตว่าคุณแม่ผมชอบพระองค์เล็ก
และเหรียญหลวงพ่อลี ท่านมอบให้ผมกับมือครับ เลยอยากเอาแชร์ให้เพื่อนๆชมกัน

 

กราบนมัสการพระอุปคุต และหลวงปู่พิศดู ค่ะ
ติดตามมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งศรัทธาค่ะ ขออนุโมทนากับพี่ๆทุกท่านที่เผยแพร่บารมีหลวงปู่ค่ะ

 

​

เปลือกหอยที่ใช้ทำเบี้ยแก้ เขามักใช้ เปลือกหอยตระกูล " หอยเบี้ย " ใช้ได้เกือบทุกชนิดเลยครับ แต่ต้องเป็นพันธ์ที่มีเปลือกหนาพอสมควร ไม่แตก ไม่ร้าว แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ตามตำราระบุไว้ว่า เปลือกหอยเบี้ยที่จะใช้ทำเบี้ยแก้นั้นต้องมีฟันครบ 32 ซี่ จะดีมาก แต่สมัยนี้อาจดูเป็นสิ่งไม่ค่อยจำเป็นแล้ว เนื่องจากหายากมาก เพราะหากเป็นเปลือกหอยตัวใหญ่(ที่เขาใช้ทำเบี้ยครู) ฟันก็มักจะเกิน 32 แต่ถ้าเป็นหอยเบี้ยตัวจิ๋ว ฟันก็มักจะไม่ถึง 32 ไป

สิ่งสำคัญในการใช้เปลือกหอยมาสร้างเบี้ยแก้นั้น ก็เพื่อต้องการให้เป็นที่เก็บปรอท เนื่องจากเชื่อกันว่าปรอทจะมีรังสีสามารถป้องกันไข้ป่า และดูดพิษบางอย่างได้ และสิ่งที่ปิดผนึกที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ปรอทรั่วไหลออกมาก็คือ ชันโรง โดยจะนำมาปิดไว้ที่ปากหอยเบี้ย ชันโรงเป็นรังของตัวแมลงชนิดหนึ่งคล้ายผึ้ง มักกินน้ำหวานจากเกษรดอกไม้เป็นอาหาร ชอบทำรังอยู่ตามซอกหิน โพรงไม้ จอมปลวก และตามรูใต้ดิน รังมีลักษณะเหนียว คล้ายยางขี้ผึ้ง มีมากแถบภาคอีสาน คนอีสานชอบเอามาอุดตามเครื่องใช้บางอย่าง เช่น เต้าแคน (เครื่องดนตรี) โดยจะนำชันโรงมาปิดระหว่างเต้าแคนกับลุกแคน เพื่อกันไม่ให้ลมที่เป่าไปรั่วออกมา และยังใช้ปิดตามรอยต่อของเรือ เพื่อป้องกันน้ำเข้า ฯลฯ
แต่บางสำนักก็จะใช้เปลือกหอยชนิดอื่นๆมาบรรจุปรอทแทนเปลือกหอยเบี้ยก็มี เช่น หอยโข่ง หอยจุ๊บแจง หอยจุ๊บโจ่ง ฯลฯ แต่ส่วนใหญ่คณาจารย์สมัยโบราณ ท่านมักใช้เปลือกหอยเบี้ยมาเป็นที่เก็บบรรจุปรอท ก็เนื่องมาจาก เปลือกของหอยเบี้ยมีลักษณะแข็งแรง และหนา ลวดลายสวยงาม และชื่อของหอย เบี้ย เป็นชื่อมงคล ที่ใช้เรียกแทนเงินตรา แสดงถึงความมั่งคั่ง มั่งมีในโภคทรัพย์ และเปลือกหอยเบี้ยบางชนิดได้เคยถูกนำมาใช้เป็นเงินตราซื้อขายแลกเปลี่ยนกันในสมัยโบราณ เพราะฉะนั้นหอยเบี้ยจึงเป็นหอยมงคลมาช้านานแล้ว
ส่วนปรอทที่ใช้ในการทำเบี้ยแก้นั้น ต้องเป็นปรอทแท้จากธรรมชาติ ปรอทมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด และมีอยู่หลายสี ปรอทคือโลหะธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสถานะเป็นของเหลว ปรอทที่มักจะนำมาใช้ทำเบี้ยแก้นั้นส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นสีเงินยวง และมีน้ำหนักมากกว่าทองคำ สารประกอบของปรอทเป็นพิษ แต่บางอย่างก็ใช้เป็นยาได้ เชื่อกันว่าปรอทเป็นธาตุกายสิทธิ์ในตระกูลเหล็กไหล มีอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ในตัว โดยปริยายหมายถึงอาการ ที่เป็นไปอย่างรวดเร็วว่องไว เช่น ไวเป็นปรอท สามารถเตือนภัยให้รู้ตัวก่อนได้
ส่วนชันโรงที่ใช้นำมาปิดผนึก เพื่อป้องกันไม่ให้ปรอทรั่วไหลออกมานั้น คณาจารย์ตำหรับเบี้ยแก้ได้กำหนดว่า ต้องเป็นชันโรงที่อยู่ใต้ดินเท่านั้น เนื่องจากชันโรงในลักษณะนี้มีคุณในตัว สามารถป้องกันอาถรรพ์จากสิ่งไม่ดีได้ ซึ่งสังเกตุดูว่า หากบ้านไหนมีชันโรงทำรังอยู่ในบริเวณบ้าน บ้านนั้นมักจะไม่ถูกกระทำด้วยคุณไสย หรืออาถรรพ์ต่างๆเลย คณาจารย์แต่เก่ามาท่านทราบดีด้วยญาณวิถี จึงได้นำชันโรงมาใช้ในการสร้างวัตถุมงคลต่างๆหลายอย่าง เช่น ใช้อุดที่ปากเบี้ยแก้ หมากทุย พอกตะกรุด อุดใต้ฐานพระชัยวัฒน์ หรือ ใต้ฐานพระปิดตา อุดที่ด้ามมีดหมอ... ฯลฯ ชันโรงจะมีลักษณะพิเศษคือ มีความเหนียวมาก ยืดหยุ่น ทนต่อแรงสั่นสะเทือน และน้ำหนักของปรอทได้ดี
และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการใช้ทำเบี้ยแก้ก็คือ ตะกรุดที่ใช้ปิดปากเบี้ย ซึ่งส่วนใหญ่ควรจะมีด้วย เพราะของสิ่งนี้เหมือนกับเป็นสิ่งที่เสริม หรือเพิ่มอานุภาพให้กับเบี้ยแก้อีกสำทับหนึ่งด้วย ซึ่งในแต่ละสำนักก็จะมีการใช้วัสดุ หรือการลงอักขระ เลข ยันต์ ตามกรรมวิธี ซึ่งก็แล้วแต่สูตรของใคร ซึ่งอาจไม่เหมือนกันเสียทีเดียวครับ..

 

สาธุ.. ภาพนี้ถ่ายตั้งแต่สมัยที่หลวงปู่ท่านอยู่กุฏิหลังแรกเลยนะครับเนี่ย.. สุดยอดมากครับ ขอขอบคุณพี่ jonnyj141 ที่นำภาพหาดูได้ยากนี้มาเผยแพร่กันครับ..

 

ลืมสังเกตุไป ว่ายังตอบให้ไม่หมดครับ..

หากเบี้ยแก้ตกน้ำก็เปียกครับ แต่ไม่เป็นอะไร ไม่เสียหายครับ แต่สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ ความร้อน เช่น ตากแดดนานๆ หรือเอาไว้ในรถที่จอดตากแดดทั้งวันบ่อยๆ ไม่ควรทำครับ เนื่องจากอาจทำให้ชันโรงที่ปิดผนึกไว้ละลาย อาจทำให้ปรอทรั่ว ซึมออกมาได้

นอกจากเบี้ยแก้จะมีพุทธคุณเด่น ในทางรักษา ป้องกัน คุ้มครองแล้ว ก็จะเพิ่มในเรื่องของการเตือนภัยด้วย โดยเบี้ยแก้ที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆจะสามารถสั่นเตือนภัยได้ อย่างเช่นเบี้ยแก้ขององค์หลวงปู่พิศดู ก็เคยมีคนเจอประสบการณ์เบี้ยสั่นแบบนี้มาแล้ว.. นอกจากนี้ยังมีพุทธคุณในเรื่องกลับร้ายให้กลายเป็นดี และเรื่องของโภคทรัพย์ เมตตามหานิยม เพราะคำว่าเบี้ยนั้น เป็นสรรพที่ใช้เรียกแทนความหมายของทรัพย์สิน เงินทองด้วยครับ เบี้ยแก้หรือของที่อธิษฐานโดยพระอริยสงฆ์ มีพุทธคุณดั่งแก้วสารพัดนึกอยู่แล้ว ตามแต่จะอธิษฐานเอาครับ

ส่วนคาถาบูชาจะมีหรือไม่มีก็ได้ อธิษฐานเอาเลยก็ได้ครับ แต่ถ้าต้องการคาถาอาราธนาเพื่อเสริมกำลังใจ ก็ใช้คาถาเหมือนกับที่อาราธนาพระเครื่องทั่วไปนั่นแหละครับ เช่น
(ตั้งนะโม... 3 จบ)
" พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง พุทธังประสิทธิเม ธัมมังประสิทธิเม สังฆังประสิทธิเม "
เนื่องจากเวลาเสก เขา(ท่าน)ก็ใช้บทพระพุทธมนต์เสกครับ เช่นบท พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ(อิติปิโส) พาหุงฯ มหากาฯ ฯลฯ
ส่วนคาถาปลีกย่อยก็อาจจะมี หัวใจนวหรคุณ อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ , หัวใจพระไตรสรณคม พุท ธะ สัง มิ , หัวใจพระรัตนตรัย อิ สวา สุ... ซึ่งบทหัวใจต่างๆเหล่านี้ก็มาจากบทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณทั้งสิ้น

หรือจะกำกับด้วยหัวใจแม่ธาตุต่างๆอีกก็ได้ ได้แก่.. นะโมพุทธายะ , นะมะพะธะ , จะภะกะสะ , นะมะอะอุ

แม่ธาตุใหญ่ = นะ โม พุท ธา ยะ (หัวใจพระเจ้า 5 พระองค์)
นะ คือ ธาตุนํ้า ที่หล่อเลี้ยงหมุนเวียนในร่างกาย เรียกว่า อาโปธาตุ
โม คือ ธาตุดิน ได้แก่ของที่แข็ง มีหนัง มีเนื้อ มีกระดูก เรียกว่า ปฐวีธาตุ
พุท คือ ธาตุไฟ ได้แก่ความอบอุ่นในร่างกาย เรียกว่า เตโชธาตุ
ธา คือ ธาตุลม ลมหายใจ เข้า-ออก เป็นต้น เรียกว่า วาโยธาตุ
ยะ คือ อากาศธาตุ ช่องว่างในกาย

ธาตุทั้ง 4 (ธาตุหลัก) = นะ มะ พะ ธะ
นะ คือ ธาตุนํ้า
มะ คือ ธาตุดิน
พะ คือ ธาตุไฟ
ธะ คือ ธาตุลม

ธาตุพระกรณี(ธาตุพี่เลี้ยง) = จะ ภะ กะ สะ
จะ คือ ธาตุน้ำ
ภะ คือ ธาตุดิน
กะ คือ ธาตุไฟ
สะ คือ ธาตุลม

แก้ว 4 ดวง(หนุนธาตุ) = นะ มะ อะ อุ
นะ คือ แก้วมณีโชติ (ธาตุน้ำ)
มะ คือ แก้วไพฑูรย์ (ธาตุดิน)
อะ คือ แก้ววิเชียร (ธาตุไฟ)
อุ คือ แก้วปัทมราช (ธาตุลม)

ซึ่งธาตุต่างๆดังที่กล่าวนี้ จะว่าไปก็คือ.. กรรมฐานกองหนึ่ง นั่นคือ กสิณ อันเป็นปัจจัยทำก่อให้เกิด ฤทธิ์ อภิญญา หรือ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆนั่นเอง..

 

ขอบคุณมากครับได้ความรู้ดีห้ามเก็บไว้ในที่ร้อนจัด

(smile)ขอบคุณมากครับได้ความรู้ดีหลายๆอย่าง
ห้ามเก็บไว้ในที่ร้อนจัด
เบี้ยแก้ตกน้ำก็เปียกครับ แต่ไม่เป็นอะไร ไม่เสียหายครับ แต่สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ ความร้อน เช่น ตากแดดนานๆ หรือเอาไว้ในรถที่จอดตากแดดทั้งวันบ่อยๆ ไม่ควรทำครับ เนื่องจากอาจทำให้ชันโรงที่ปิดผนึกไว้ละลาย อาจทำให้ปรอทรั่ว ซึมออกมาได้

นอกจากเบี้ยแก้จะมีพุทธคุณเด่น ในทางรักษา ป้องกัน คุ้มครองแล้ว ก็จะเพิ่มในเรื่องของการเตือนภัยด้วย โดยเบี้ยแก้ที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆจะสามารถสั่นเตือนภัยได้ อย่างเช่นเบี้ยแก้ขององค์หลวงปู่พิศดู ก็เคยมีคนเจอประสบการณ์เบี้ยสั่นแบบนี้มาแล้ว.. นอกจากนี้ยังมีพุทธคุณในเรื่องกลับร้ายให้กลายเป็นดี และเรื่องของโภคทรัพย์ เมตตามหานิยม เพราะคำว่าเบี้ยนั้น เป็นสรรพที่ใช้เรียกแทนความหมายของทรัพย์สิน เงินทองด้วยครับ เบี้ยแก้หรือของที่อธิษฐานโดยพระอริยสงฆ์ มีพุทธคุณดั่งแก้วสารพัดนึกอยู่แล้ว ตามแต่จะอธิษฐานเอาครับ
ขอบคุณมากครับ อนุโมทนาสาธุการครับ
ลึกซึ้งจริงๆยิ่งนัก(good)

 

พกเบี้ยแก้ไม่ควรใส่ตลับทอง โบราณว่าปรอทจะรั่วออกมากินทอง จริงเท็จประการใดไม่ทราบครับ นักสะสมรุ่นเก่าเตือนผมไว้ :VO

 

เมตตาของหลวงปู่ท่อนครับ

 

น้อมกราบบูชาคุณหลวงปู่พิศดู เเละขอน้อมกราบบูชาคุณ หลวงปู่ท่อนครับ