เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ที่หลัง กระดูกอก (Stermum) จะมีต่อมไร้ท่ออยู่ ต่อมหนึ่ง เรียก ต่อม ไทมัส
ตามตำราว่าเป็นต่อมน้ำเหลือง และเมื่อโตขึ้นมีอายุสูงขึ้น
ต่อมนี้จะถูกไขมันเข้าเบียดและหยุดการทำงานไป(รายละเอียด ให้ถามอากู๋เอาเองนะ)

ความจริงแล้วต่อมนี้ไม่ได้หยุดทำงานเลย
เขาทำงานสัมพันธ์กับต่อมได้สมอง(กลางกั๋กศีรษะ) ก่อให้เกิดพลังชีวิต และออร่าห่อหุ้มร่างกาย ฯ
(การฝึกพลัง จึงมีจุดนี้เป็นหนึ่งในการฝึกกำหนดจิต)

หากมีผู้เอาพลังแปลกปลอมมาติดตั้งอยู้บริเวรออก
เช่นการแขวนพระเครื่องพลังสูงๆ พลังนั้นจะขัดขวางหรือเสริมการทำงานของต่อมนี้
เราจะรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว หากมากเกินไป และไม่สบายเป็นนั่นเป็นนี่ หากพลังนั้นขัดขวางให้ทำงานให้น้อยลง
หากทนๆไป จนชิน และทิ้งไว้นาน การสร้างพลังชีวิตของเราจะถูกขัดขวาง ขาดๆ เกินๆ
ไม่นานร่างกายก็จะเสียสมดุลย์ โรคภัยต่างๆก็จะถามหา และขอย้ายสำมโนครัวมาขออยู่ด้วย

คำถามก็คือ เราควรจะแขวนพระ ที่มีพลังเท่าใดจึงจะดีกับตัวเรา
ก็วันนี้ เขานิยมกันว่า พระยิ่งแรง ยิ่งมีพลังสูง ยิ่งดี จึงเสาะหาพระพลังสูงๆกันอุดตะลุดมาแขวนคอ
เฮ้อ...หาเหาใส่หัวโดยแท้

แล้วเราจะหาพระมาแขวนแบบใด จึงจะใส่ได้สบายตัว คุ้มครองเราได้และไม่เป็นปฏิปัก กับร่างกายเรา และเป็นต้นเหตุแห่งโรคภัย

 

จากข้อความข้างบน จะเห็นว่าพลังของพระเครื่องที่สำคัญมีอยู่ ๒ ชนิด คือพลัง static และพลัง dynamic
พลังที่คงที่ ขององค์พระเปล่งออกมาตลอดเวลา คือพลัง static (เป็นพลังพระที่เรารู้จักกัน และใช้เป็นตัวเริ่มแรกในการตรวจเช็คพระ)
ส่วนพลัง dynamic เป็นพลังที่ถูกกระตุ้นให้เกิดในช่วงเสี้ยววินาทีที่เกิดเหตุ

ดังนั้นพลังพระที่จะกดทับต่อมไทมัส ให้ทำงานผิดเพี้ยนไปก็คือพลัง static ขององค์พระนั้่นเอง
พลัง static ของพระเครื่อง ทั่วๆไปอยู่ที่ ๑๗ - ๓๐กว่าหน่วยอาชวิน ขึ้นไป และมีพระพิเศษบางองค์ มีพลังสูงถึง ๙๐กว่าหน่วยอาชวิน

พระที่ทำขึ้นทั่วๆไป ช่วงพลังพระกลุ่มที่ ๑ จะเกาะกลุ่มจะอยู่ที่ ๑๗-๑๙ หน่วยอาชวิน (พบได้ทั่วไป มีมากเป็นอันดับ ๒)
กลุ่มที่ ๒ จะเกาะกลุ่มอยู่ที่ ๒๑-๒๓ หน่วยอาชวิน (พบเห็นได้ทั่วๆไป มีมากสุด)
กลุ่มที ๓ จะเกาะกลุ่มอยู่ที่ ๒๕-๒๘ หน่วยอาชวิน พระพวกนี้จะเป็นพวกเมตตาแคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี
กลุ่มที่ ๔ จะเกาะกลุ่มอยู่ที่ ๓๒-๓๔ หน่วยอาชวิน (พบน้อยมาก พระพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคงกระพันชาตรี อย่างเดียว พวกทหารนักรบเขาใช้กัน)
กลุ่มที่ ๕ เป็นกลุ่มพิเศษ โครงสร้าของพลัง Static จะเป็นแบบขนมโดนัด
คือหนาแน่นด้านข้างโดยรอบ มีพลังสูงเป็นร้อยๆ และมีช่องตรงกลางที่พลังงานลดลงเหลือประมาณ ๑๓-๑๙ หน่วยฯ จนบางครั้งสัมผัสแทบไมเจอ

พลังงานทั้งห้ากลุ่มดังกล่าว ได้ละพลังงาน dynamic ไว้ไม่กล่าวถึง
และขอให้เข้าใจว่า พลังตัวนี้เป็นพลังสำรองลึกๆขององค์พระ ที่ยิ่งมากยิ่งดี

พลังในเชิงวิทยาศาศตร์ เป็นแนวแรงที่มีทิศทาง หากผู้ที่เรียนในสายวิทย์ จะเข้าใจทันที
พลังขององค์พระ และพลังของกายมนุษย์ ก็มีแนวแรงเช่นกัน หากเสริมกัน พลังก็เพิ่มขึ้น หากมีทิศทางขัดแย้งกัน ก็จะลดลง
การรวมกันของแรง เป็นการรวมแบบ เวคเตอร์ ซึ่งมิใช่ ๑+๑ =๒

การแขวนพระหลายๆองค์รวมกัน พลังรวมของพระก็จะรวมแรงแบบ เวคเตอร์ เช่นกัน
บางครั้งจัดตำแหน่งไม่ดี พลังรวมก็จะลดลง หากจัดตำแหน่งถูกต้องพลังรวมก็มากขึ้น (ทั้งๆที่ ก็พระชุดเดิมนั่นแหละ - เพียงวางสลับตำแหน่งกัน)

สรุปเลยแล้วกันนะ
มนุษย์ที่มีออร่าปกติอยู่ที่ประมาณ ๗๐-๑๐๐หน่วย ให่ใช้พระที่มีพลัง(static)อยู่ที่ ๑๗-๑๙ หนวยอาชวิน
คนที่มีออร่า อยู่ที่ประมาณ ๑๐๐-๑๕๐ หน่วน ให้ใช้พระที่มีพลัง ๒๒-๒๔ หน่วยอาชวิน (โดยประมาณนะ)
ส่วนพวกที่มีออร่าประมาณ ๑๕๐-๒๐๐ หน่วยฯ ก็อาจใช้พระทีแรงมากขึ้นในระดับ ๒๖-๒๘ หน่วยฯ

ส่วนพวกพระที่แรงกว่า ๓๐ หน่วยอาชวินขึ้นไปนี่ พวกที่จะใช้พระพวกนี้ต้องผ่านการฝึกปรือฝีมือ มาอยู่ในระดับผู้เยี่ยมยุทธ์ทีเดียว

ก็มีผู้ถามว่า แล้วมนุษย์ที่มี ออร่าไม่มาก แต่ต้องป้องกันตน จะทำอย่างไร
พวกนี้เกจิโบราณท่านก็หาทางออกไว้ให้แล้ว
ก็ใช้พระแบบพิเศษที่มีช่องว่างตรงกลางซิ ก็แบบมีพลัง static แบบขนมโดนัดนะ คือคำตอบ
แต่ก็ดีอย่างเสียอย่างนะ ไอ้พวกนี้กันปืนผาหน้าไม้ระยะไกลได้ แต่กันไอ้ที่เข้าประชิดตัวไม่ได้เลย

 

ผมมีความเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์มาก สำหรับผู้สวมใส่พระเครื่อง เพราะลองใช้อากู๋ ดูเรื่องเกี่ยวกับต่อมไทมัสตามที่ท่านอาจารย์แนะนำแล้วพบว่าอยู่ในตำแหน่งพอดีหรือใกล้เคียงกับตำแหน่งพระเครื่องที่คนไทยนิยมสวมสร้อยคอแขวนพระเครื่องมาก และในบทความที่ผมอ่านพบว่าทางการแพทย์แผนจีนก็ให้ความสำคัญกับต่อมไทมัสนี้มาก ตามที่ท่านอาจารย์สุวิกล่าวไว้

ดังนั้น สำหรับคนไม่มีความสามารถในการสัมผัสพลังพระอย่างผมหรือคนส่วนใหญ่ คงต้องอาศัยความรู้สึกว่าหลังจากสวมใส่พระเครื่องแล้ว มีความรู้สึกอย่างไรหลังจากสวมใส่บ้าง เช่นอึดอัด หรือสบายตัวขึ้น ใช่ไหมครับท่านอาจารย์ เพื่อเป็นการตรวจสอบแบบคร่าวๆ


อีกเรื่อง คือ พระบูชา ที่มีอยู่ที่หิ้งในห้องพระในบ้าน ไม่ทราบว่าเรื่องพลังของพระบูชาจะมีลักษณะอย่างไร ส่งผลอย่างไรต่อผู้บูชาและบ้านที่อยู่อาศัย คงต้องขอความเมตตาท่านอาจารย์สุวิเขียนบอกเป็นวิทยาทานแก่กระผมและสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาให้ได้รับทราบ เพื่อการปฏิบัติที่ถูกต้องได้ผลดีกับผู้บูชา เพราะผมคิดว่าพระบูชาก็มีพลังงาน หรือความศักดิ์สิทธิ์อยู่มากเช่นกัน


สาธุๆครับ

 

เคยนำพระเครื่องและวัตถุมงคลหลายๆชิ้นไปให้อาจารย์อาชวินเชคพลัง
บางทีท่านก็ก็อปปี้พลังพระใส่พระเปล่า(พระที่ยังไม่ได้ปลุกเสก)ให้
บางทีก็มีคนแอบย่องไปหาซื้อพัดเปล่าๆจากจตุจักรมาก๊อปปี้พลังใส่ลงไป^^

แต่ครั้งนึงท่านขอก๊อปปี้พลังจากมีดหมอ
นำไปใส่เก็บไว้ในตะปูและน็อต
ค้นพบว่าพลังจากน็อต มีพลังแรงยิ่งกว่าพลังจากมีดหมอเล่มเดิมเสียอีก
คือจากเดิมพลังเป็นแบบทิ่ม จิ้ม แทง
แต่พอพลังอยู่ในน็อตแล้วมีความเป็นเกลียว ทะลวง รุนแรงยิ่ง
สันนิษฐานว่า รูปทรงของวัตถุ ก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

 

รูปทรงของวัตถุ มีผลต่อการแพร่กระจายสนามพลัง ออกไป รอบตัว อยู่แล้ว ครับ
ลอง สังเกตุ ดู เสาอากาศ วิทยุ โทรศัพท์ ซิ
มี รูปร่างหน้า ต่า หลายแบบ ต่างกันออกไป
ที่ เป็น แท่ง ตรงๆ ก็ มี
ขดเป็นวงกลม ก็ มี เป็นเกลียว ก็มี
ถ้าเสาทีวี นอกอาคาร มักใช้ แบบ ยากิ ( ลักษณะคล้ายก้างปลาทู )

สรุปได้ว่า รูปร่าง ลักษณะ ของเสาอากาศ มีผลต่อการแพร่กระจายคลื่น

เรื่องพลัง ก็ในทำนองเดียวกัน
พลัง ก็ เป็นคลื่นความถี่ เหมือนกัน
( แต่ยังหาคนมาตอบให้ชัดๆว่า อยู่ในย่านความถี่ เท่าไร บ้าง ไม่ได้สักที....55)

หากเรารู้ ว่าความถี่ที่ต้องการนั้น อยู่ในย่านใด มีความถี่เท่าไร
ก็ จะหาความยาวคลื่นได้
เช่น ความถี่ 144 Mhz มีความยาวคลื่น = 2 เมตร
การสร้างเสาอากาศที่เหมาะสม กับคลื่นความถี่นี้ จึงใช้ ความยาว 2 เมตร
เป็นตัวตั้ง

 

ท่านหมอกะเฮียดาว ท่านว่ากะผู้ที่มาขอความช่วยเหลืออยู่เสมอว่าบุญเท่านั้น ช่วยท่านได้ สะสมบุญมากะเค้ามั่งนิ๊ดโหน่ย รับอนุโมทนาด้วยนะ

ร่วมสร้างอาคารรังสีรักษาหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก 500 บาท
ร่วมช่วยเหลือผู้อพยพที่ศูนย์อพยพแม่สุริน อ. ขุนยวม 500 บาท
ช่วยค่าใช้จ่ายบ้านสัตว์เลี้ยงกำแพงเพชร ขาดแคลนอาหาร น้ำ ยารักษาโรค 1,000 บาท
ร่วมทอดผ้าป่าวัดบ้านโนนสุขสันต์ อุบลราชธานี 500 บาท
ร่วมทอดผ้าป่าวัดสว่างอารมณ์อุบลราชธานี 3,000 บาท
ร่วมทอดผ้่าป่าวัดบ้านคำม่วง กาฬสินธุ์ 500 บาท
ร่วมทำอุทิศแด่คณาจารย์และปิยชนผู้ล่วงลับไปแล้ว 2,500 บาท
ถวายพระเป็นรายเดือน 2,000 บาท
เวปพลังจิตเป็นรายเดือน 1,000 บาท
ทำบุญที่โรงพยบาลสงฆ์ทุกเดือน เดือนละ 3,900 บาท
เพิ่มทุนสร้างพระประธาน วัดป่ากังวาลไพร ชัยภูมิ 2,000 บาท
กองทุนหมอสุวิ 5,000 บาท
สงเคราะห์ญาติเป็นรายเดือน เดือนละ 15,000 บาท
สงเคราะห์เด็กนักเรียนเป็นรายเดือน เดือนละ 2,000 บาท
เอาแค่ที่เพิ่งทำแค่นี้แระกันนะเจ้าคะ
ขอให้เค้าเลิกอยากทุบอยากถอง ไม่อยากเบียดเบียนอิชั้นสิ้นกาลนานเทอญ
จงเป็นสุขโดยทั่วทุกรูปทุกนามเถิด
จงพบกันด้วยดี มีเมตตาต่อกันและกันเถิด

 

ยินดีในบุญกับคุณวรรณนันท์ด้วยครับ
สาธุ สาธุ สาธุุ

 

อนุโมธนาบุญ กับคุณหนึ่ง ด้วยครับ
ช่างทำบุญ สุนทรทาน ได้ เพลิดเพลินดี แท้ น้อ
ขอให้ มีสุข รื่นเริง บังเทิงในบุญ ยิ่งๆขึ้นไป นะครับ.....สาธุ

 

รบกวนถามอาจารย์ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าตัวเองมีพลังออร่าเท่าไหร่

 

อยากรุ้ ก็ ต้องไปวัด ออร่า ดู แหละครับ
จะด้วยวิธี ใช้กล้องถ่ายออร่า ตรวจดู แต่ วิธีนี้ ได้ภาพมา
แล้ว เค้าจะ อ่านและ อธิบายให้ฟัง ว่า เป็นออร่า แบบไหน
ส่วนการวัดระดับพลัง ไม่รู้ ว่า เค้าจะ อ่านออกมาได้ หรือเปล่า
แม้นหาก เค้าอ่านค่าพลังได้ ก็ ต้องไปศึกษาดู ว่า เค้าใช้หน่วยวัดแบบไหน
เมื่อเทียบกับ หน่วยวัดที่ เราใช้กัน ได้ เท่าไหร่

เพราะหน่วยวัด ที่เราคุยกัน นี้ เราใช้ สเกลวัด แบบ อาชวิน
ก็คือ หน่วยวัด แบบอาจารย์ อาชวิน นั่นแหละ

ส่วนถ้าห่วง เรื่อง ห้อยพระ แรงๆไม่ได้ หรือ พระที่มีพลังแรงเกินไป จะห้อยไม่ไหว
เรื่องนี้ มีทางออก เพราะผมเอง ก็ ห้อยพระระดับ พลังสูงๆ ทั้งน้าน เลย

ติดตาม อ่านต่อไป เดี๋ยว อ.สุวิ คงมาเล่า ต่อ ครับ

 

รออ่านด้วยใจระทึก

 

ได้โอนเงิน 1000 บาท เมื่อวานตอนประมาณ 10 โมงเช้ากว่าๆเพื่อร่วมทำบุญสร้างพระใหญ่ ที่วัดป่ากังวาลไพร จ.ชัยภูมิ.. ขออนุโมทนาค่ะ

 

เรื่องพลัง ของพระบูชา
ก็ทำนองเดียวกัน กับพระเครื่อง
แต่วัตถุประสงค์ ต่างกัน
พระเครื่อง สามารถนำติดตัว ไปไหนมาไหนได้
พระบูชา ตั้งบูชาไว้ที่บ้าน
ในส่วนพลังคุ้มครอง ก็คล้ายๆกัน
ในพระบางองค์. ผู้สร้าง ท่าน ตั้งใจไว้ให้ ขอพร ได้ ก็ ตั้งธาติ ให้เหมือนมีชีวิตจิตใจ
หรือเชิญบารมี เทพยาดา มาลงรักษา

เพื่อใช้ผู้ นำไปบูชา บนบานสานกล่าว ได้. ขอพรได้ เป็นต้น

สรุปได้ว่า. ทั้งพระเครื่อง และพระบูชา. ในด้านพลัง. เหมือนกัน
แล้วแต่ว่า. ผู้สร้าง ท่านสร้าง และประจุพลัง มาได้มากน้อยเท่าไร. และใส่พลังแบบๆหนมาบ้าง


อธิบายเริ่อง พลังพระเครื่อง. แบบผิวๆ. ไปๆมาๆ คงจะต้อง ลงลึก ละมั้ง จึงจะทำให้คนอ่าน เข้าใจ ถึงเรื่องราว ความเป็นมาได้

 

ระหว่างรอ อ.สุวิ มาเล่าต่อ
อธิบาย เรื่องการแผ่กระจายคลี่น ออกไปรอบตัว อีกสักหน่อย
รัศมีรอบตัว หรือออร่า ก็ดี
การ ส่งพลัง ออกไป จากตัว ก็ ดี
รวมไปถึง การแผ่ กระจาย ของพลังสิ่งศักสิทธิ์ ด้วย

ในส่วนแรก ต้องเข้าใจก่อนว่า พลังที่ว่า นี้ ก็ เป็นความถี่
คล้ายกับ คลื่นความถี่วิทยุ คงจะพอถึงภาพออกได้ง่ายหน่อย
แม้นแต่ แสง , เสียง ก็เป็นคลื่นความถี่
จะว่าไป แล้ว พลังงานทุกอย่างหรือ แทบทุกอย่าง ก็ น่าจะเป็นคลื่นความถี่ ทั้งสิ้น

ต่างกัน เพียง ว่าอยู่ใน ย่านความถี่ ที่เท่าไหร่ เท่านั้นเอง
เช่น เสียง ที่ มนุษย์ เรา ได้ยิน จะมี ความถี่ ระหว่าง 20 hz ถึง 20 Khz

คลื่นวิทยุ เอฟเอ็มที่ เราเอาไว้ฟังเพลง กัน ใช้ความถี่ ระหว่าง 88 - 108 Mhz

( hz = เฮิร์ต Khz = กิโลเฮิร์ต 1,000 เฮิร์ต Mhz = เม็กกะเฮิร์ต หนี่งล้านเฮิร์ต)

อย่างนี้ เป็นต้น

แสงออร่า ที่ เราพูดกัน
นั้นคือ แสง สี ที่ สิ่งมีชีวิต เปล่งออกมา รอบตัว
ค้นพบครั้งแรก เมื่อหลายสิบปี ก่อน
เท่าที่ผม พอจะจำได้ นะ
ผู้ค้นพบครั้งแรก เป็นฝรั่ง ชื่อนายเกอร์เลียน (หรือนายคอเดีย นี่แหละ) ต้องขออภัยที่จำได้ไม่ชัดเจน
เค้าพบโดยบังเอิญ ตอนที่ทำไฟช๊อต เครืองไฟฟ้า แล้ว ทำให้ฟิล์มเอ็กซ์เรย์ ที่ อยู่ใกล้ๆ เสียหมด
เค้า ค้นหาต่อไป จนสร้างเครื่องมือต้นแบบ สำหรับถ่ายภาพออร่า ของวัตถุสิงของ
และยังพบต่อไป ว่า ทั้งมนุษย์ และ สัตว์ รวมไปถึง ต้นไม้ใบหญ้า ด้วย ล้วนมี ออร่า
การทดลอง ถ่ายภาพออร่า ในยุคแรกๆ ต้นทุนสูง เพราะต้องใช้ฟิล์มเอกซ์เรย์ เป็นตัวรับแสง เพื่อสร้างภาพออกมา แล้ว นำฟิล์มนั้น ไป ล้าง เพื่อดูภาพ ที่ถ่ายได้

การถ่ายแบบนี้ ทำเองเพื่อทดลอง ได้ไม่ยาก

สมัยหนุ่มๆ ผม เอาฟิล์มไสลด์ ขนาด 4 คูณ 6 นิ้ว มาเป็นตัวรับแสงออร่า

เดี๋ยวมาเล่า ต่อนะ ขอพักเดี๋ยว.....​

 

เครื่องถ่ายภาพออร่า แบบไทยประดิษฐ์ ต่อครับ
ผมใช้ ฟิล์มสไลท์ ขนาด 4X6 นิ้ว เป็นฟิล์มถ่ายภาพนั่นแหละแต่ ใช้กับกล้องขนาดใหญ่ เอาไว้ถ่ายภาพโฆษณา หรือทำงานที่ต้องการภาพที่ละเอียดๆมากหน่อย

เมื่อได้ฟิลม มาแล้ว ห้ามไม่ให้ ฟิล์ม โดนแสง นะ
ต้อง หาซอง ทึบแสง มาใส่ไว้ เป็น แผ่นๆ ( ตอนซื้อมา เป็นกล่องๆละ10 แผ่น ห่อหุ้มมาอย่างดี ป้องกันแสงเข้า)
พอเรา แกะออกมาจากกล่อง จากซอง ต้องทำในห้องมืด
เอาออกมา เป็นแผ่นๆ แล้วใส่ซองทึบแสง ไว้ เป็นใบ ใบ

ซองทึบแสง ก็ ทำเองได้ โดยใช้กระดาษดำ ทึบแสง ตัดพับเป็นซอง
ใส่ฟิล์มแล้ว ก็ ปิดผนึกให้ ดี ไม่ให้แสงรั่วเข้าไปได้

ที่นี้ ก็ ต้องมี เครื่องมือ ที่ ปล่อยกระแสไฟฟ้า สัก หมื่นโวลท์ ขึ้นไป
จะเป็นสองสามหมื่นโวลท์ ก็ ได้ไม่ว่ากัน

ผมใช้ คอลยจุดระเบิด ของรถยนต์ แทนหม้อแปลงไฟฟ้า
ใช้ไฟฟ้าในบ้านเรา นี่แหละ 220V เป็นแหล่งกำเนิดพลังงาน

ต้องระวังไฟดูด ด้วย (อันตรายมากนะ อย่าประมาท)

ไฟฟ้า220V ต่อผ่านสวิทต ก่อน แล้วค่อย
นำมาต่อ กับไดโอด ก่อน เพื่อให้ได้ เป็นไฟ DC (กระแสตรง)
จะได้เป็นไฟดีซี สามร้อยโวลท์ โดยประมาณ
แล้ว จำกัดกระแส ด้วย ค่าความต้านทาน (R) เพื่อให้กระแสไฟฟ้า ผ่านได้ เพียงเล็กน้อย ระดับ ไม่กี่มิลลิแอป์ ก็พอ
แล้ว จึงมาต่อกับ คาปาซิเตอร์ (C) เพื่อเก็บประจำ แล้วจึงต่อเข้ากับคอย รถยนต์

เป็นเสร็จ พิธี ได้ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า แรงสุง แล้ว

ต่อสายไฟ ด้าน ขาออกจากคอย
ด้านบวก ให้ เอาไว้ แตะ วัตถุ ที่ ต้องการจะถ่ายภาพออร่า
ด้านลบ ต่อไว้กับ แผ่นโลหะ วางไว้บนโต๊ะ

ตอนจะถ่ายภาพ ให้นำแผ่นฟิล์ม ที่เราใส่ซองกันแสง ไว้ แล้ว มาวางบน แผ่นโลหะที่เตรียมไว้

นำ กิ่งไม้ ต้นไม้ ที่นำมาเป็นแบบในการถ่าย วาง บน แผ่นฟิล์ม
ต่อสายไฟ ขั้วบวก กับ ใบไม้
เปิดสวิทต แล้วปิด ( สวิต ใช้ แบบกดกริ่งก็ได้ )

เท่านี้ เป็น กันเสร็จ
ได้ภาพแล้ว แต่ เรายังมองไม่เห็น

ต้องนำฟิล์ม ไป ล้าง ก่อน
จะได้ภาพ ใบไม้ ที่เราถ่าย พร้อมมีรัศมี เรืองรอง ออกมารอบๆ นี่แหละแสงออร่า

ถ่ายภาพคน ก็ได้
ให้ เอา ฝ่ามือ วาง บนแผ่นฟิลม แล้ว เอาขั้วบวกแตะ (เปิดสวิทด้วย)

จะมี แสง ออกมา แวบหนึ่ง

แสงนี้ แหละ จะวิ่ง ทะลุ ซองทีบแสง ผ่านแผ่นฟิล์ม ลงไป ถึง เพลตโลหะที่ วางรอง ข้างล่างได้

ทำให้ ฟิล์ม ในซองทึบแสง ได้รับแสง นี้ ไป ด้วย
เมื่อนำไปล้าง จะ เห็นภาพ และแสงออร่า ตามที่ต้องการ

สำหรับคนที่ จะนำไปทำ
ให้ระวัง ไฟฟ้าดูด ด้วย นะครับ ด้าน 220V นั่นแหละ อันตราย
ส่วนด้าน ทางออก แม้นจะ หลายหมื่นโวลท แต่ เราจำกัดกระแสมันให้ผ่านได้ นิดเดียว โดนดูด ด้านขาออก ไม่อันตราย

เครื่องถ่ายภาพออร่า แบบไทยประดิษฐ์ จึง เอวัง ดัวยประการละฉะนี้

 

มาถึงยุคปัจจุบัน
เครื่องถ่ายภาพออร่า ถูกพัฒนาให้ ใช้ง่ายขึ้น
ดังจะเห็นจาก ในงานวิทยาศาสตร์ทางจิต ที่จัดขึ้นทุกปี
จะมี หลายร้าน ที่นำเครื่องถ่ายภาพออร่า มาให้บริการ

เท่าที่สังเกต จะมี อยู่ 2 แบบ
1. เป็นกล้องโพรารอย ที่ติตตั้งอุปกรณ์ สำหรับจับภาพออร่าไว้ด้วย
ถ่ายเหมือนถ่ายรูปปกติ ภาพที่ออกมา ก็เป็น ฟิล์มโพรารอย คือ ถ่ายปุ๊บได้ภาพออกมาปั๊บ
2. ใช้คอมพิวเตอร์ ถ่ายภาพด้วยกล้องเวปแคม ธรรมดาๆ นั่นแหละ
แต่ตอนจะถ่าย เค้าจะให้เราวางมือ บนแผ่นโลหะก่อน
แบบนี้ เค้าวัดออร่า แสงสี จากมือเรา แล้วนำไป ซ้อนกับภาพถ่ายของเราที่ถ่ายด้วย
กล้องเวปแคม นั่นแหละ โดยมีโปรแกม จัดการ ให้ สำเหร็จรูป ราคาจึงถูกลงมาหน่อย

แต่จะถ่ายแบบไหน ก็ ตาม พอได้ภาพออกมา ก็ ต้องใช้คนที่ฝึกฝนการอ่านภาพ
มาอธิบาย ความหมายของออร่า ให้ เราฟัง อีกที

มี หลายคน ที่สนใจในพระเครื่อง นำพระเครื่องมาถ่ายออร่า
ผลออกมา ก็ คล้ายๆ กับ ถ่ายคน นั่นแหละ

แต่ ผลการอ่านภาพออร่า ของพระเครื่อง นี่สิ
ผม สังเกตดู จากภาพ ที่ ร้านเหล่านี้ นำมาโชว์ มีพระปลอม อยู่มาก
ซึง เค้า มักเชื่อว่า เป็นของดี มีราคา พลังมหาศาล
เช่นพระใน ตะกูลเบจภาคี พระสมเด็จ พระนางพญาพิษณุโลก พระซุ้มกอ พระทุ่งเศรษฐี พระรอด เป็นต้น
ซึ่งเป็นพระในตำนาน ว่า มีพุทธคุณยอดเยี่ยม แถมราคาเช่าหากัน เป็นล้านหรือหลายล้านบาท
ภาพเหล่านี้ ที่นำมาโชว์ อาจเรียกความสนใจ จากคนที่พบเห็นได้ พอควร

แต่สำหรับผม เห็นแล้ว จ๋อย หมดศรัทธา ไป เหมือนกัน
เพราะพระเหล่านี้ มักจะเป็นพระเก๊

(พระเก๊ หมายถึง พระที่ทำเลียนแบบ พระแท้ราคาแพง โดยมีเจตนาให้คนหลงเชื่อว่า เป็นพระแท้ๆ )
ส่วนพระที่ วัดต่างๆ ทำใหม่ โดยล้อหรือเลียนแบบทรงพิมพ์ ของพระกรุพระเก่า
นั่นเรียกว่า พระใหม่ หรือ พระสร้างย้อนยุค ไม่ถือว่า เป็นพระเก๊
พระสร้างใหม่ แต่หากผู้สร้าง ได้ประจุ พลัง พุทธคุณ หรือ พลัง ฯลฯ ไว้ ก็ มีพลังได้

แสดงให้ เห็นว่า การอ่านจากภาพออร่า ยัง คงเป็นเพียงการอ่าน จากสถิติ ที่ ยังขาดข้อมูล ที่ ถูกต้อง อยู่มาก

อันที่จริง น่าจะทำได้ โดย
นำพระแท้ๆ ดี ดี ที่มีพุทธคุณ แบบที่ พิสูจน์ได้ เช่น กันกระสุน ได้จริง
มาถ่ายออร่า เปรียบเทียบกับ พระธรรมดา หรือ เทียบกับ ก้อนอิฐ ก้อนดิน

ทำบ่อยๆ ก็ น่าจะ จับทางได้ ว่า ภาพถ่ายออร่า ของ พระที่มีพลังคุ้มครองสูง เป็นอย่างไร

แต่ ก็ นั่นแหละ จะหาคน ที่ มีความรู้ ในศาสตร์ด้านพลัง แล้วยังต้องรู้ เรื่องพระเครื่อง แล้วยังต้องมี ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ อีกด้วย
อาจจะต้องเป็นนักยิงปืน ด้วยหรือ เปล่า
นั่นแหละ จะได้ รวบรวม ข้อมูล ที่ถูกต้องชัดเจน ออกมาให้เราได้ศึกษา แบบไม่หลงทาง กัน..............55​

 

อาสุวิ ไม่เล่านิทานก่อนหยุดสงกรานต์ซักเรื่องเหรอคะ
อยากกกกฟัง

 

เมื่อวานนี้ 11-04-2556 ผม,ภรรยา,ลูกสาว ได้โอนเงิน 1,000.- บาท ร่วมสร้างพระประธาน 14 เมตร วัดป่ากังวาลไพร บัญชี 865-0-39663-6 คุณพัชรินทร์

และอนุโมทนาบุญกับทุกท่าน

 

อ้าว ก็เรามีคุณดาวอยู่แล้วไง ไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว...อิอิ โยนงานให้เลย
ใครเห็นด้วยก็ยกมือโวทย์เลยครับ....
กล้องโพรารอย ที่ติตตั้งอุปกรณ์ผมพอมีแต่ไอ้ฟิล์ม์ตอนนี้หายากหน่อย...

 

ร่วมบุญเพิ่มเติม สร้างพระประธานความสูง ๑๔ เมตร ณ วัดป่ากังวาลไพร จ.ชัยภูมิ
โอนเงินเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ เลขที่ ๘๖๕๐๓๙๖๖๓๖ แล้ววันนี้ เวลา ๑๔:๒๙ น. จำนวน ๑๑๑.๑๑ บาท

ขอน้อมจิตโมทนาบุญของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ สาธุ