ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ผมว่าคงต้องให้คุณ Miss Brown สอนผมมากกว่าครับ

 

นำบุญมาฝากทุกท่านครับ เนื่องจากวันที่30/3/56 ผมได้ไปทริปกับพี่หญิง "กลุ่มพลังจิตรสัญจร"
ไปกราบนมัสการรอยพระบาท ที่เขาพุทธบาท ราชบุรี ได้ทำความสะอาดสถานที่และรอยพระพุทธบาท พร้อมปิดทองถวายดอกไม้และน้ำอบ
ดูรูปเพิ่มเติมตามลิ้งค์นะครับ

http://palungjit.org/threads/ประมวล...ย-วัดหนองหมี-วัดศิลาลอย-p-11-a.422415/page-11

 

• ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับคุณ am12 ด้วยค่ะ

• อนุโมทนาบุญกับคุณ half wave นะค่ะ ที่ทำให้ชาวเมืองได้รู้จักดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้น ถ้ามีโอกาสคงได้ไปทำบุญกันค่ะ

" เราใช้บุญต่อบุญได้ด้วยการทำบุญให้ใจตัวเองก่อน แล้วส่งผลบุญต่อไปเหมือนแท่งเทียนที่จุดต่อไปให้ผู้อื่น เป็นแสงแห่งธรรมที่แผ่ออกไปไม่รู้จบ
เราทุกคนล้วนมาพบกันด้วยรูปกายนี้ได้เพียงครั้งเดียวบนเส้นทางที่ไม่มีวันหวนคืน พึงพบกันด้วยรัก และจากกันด้วยดี เพื่อส่งผลบุญต่อกันไปใน
ฐานะมนุษย์ ผู้มีจิตใจสูง "

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมบุญในกองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีฯ และติดตามกระทู้นี้ด้วยค่ะ เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดไปทำธุระส่วนตัวมาค่ะ

และขออนุโมทนาบุญกับคุณ half wave ที่ได้นำภาพรอยพระพุทธบาทที่เพิ่งพบไม่นานนี้มาให้โมทนาบุญกันค่ะ

บุญรักษาค่ะ

Numsai

 

สาธุ..หนูดี ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมประมูลดวงแก้วค่ะ และ ขออนุโมทนาบุญ
ทุกๆบุญ รวมทั้งประวัติดวงแก้ว ขออนุโมทนาบุญกับคุณ half wave ที่ได้นำภาพรอยพระพุทธบาทมาให้โมทนาบุญกันค่ะ

หนูดี

 

สาธุๆ ขออนุโมทนาบุญกับคุณ half wave ด้วยนะค่ะ
ที่ได้นำภาพมาให้ชาวเมืองได้ชม และโมทนาบุญกันนะคะ

จันทรกาล

 

..ขอเชิญร่วมบุญด่วน ๒ บุญค่ะ..

ก่อนจะเล่าประวัติดวงแก้วสัจจรัตนบดีที่ค้างอยู่ ขออนุญาตบอกบุญด่วน ๒ บุญดังนึ้ค่ะ

​

เนื่องจากท่าน widya เป็นเจ้าภาพถวายดวงแก้วสิริรัตนโรจน์ฤทธิ์ แด่ครูบาวิฑูรณ์ ในวันอาทิตย์ที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๖ ณ.บ้านอุปัฏฐากครูบาวิฑูรณ์ ใกล้วัดสามพระยา

ดวงแก้วสิริรัตนโรจน์ฤทธิ์นั้น อธิษฐานจิตโดยท่านโชติญาณฤาษี มีกายสิทธิ์ทั้งสิ้น ๒๘,๒๕๐,๐๐๐ องค์ โดยมีพระสิทธิธาตุโพธิสัตว์ เป็นหัวหน้ากายสิทธิ์ ปัจจุบันอยู่ชั้นดุสิต

ส่วนจักรแก้วนามว่า “โตชนฤทธิไกร” ที่อธิษฐานพร้อมกันนั้น มีกายสิทธิ์ ๓๙๕๐๐๐ องค์ มีพระสิทธิโรจน์โพธิสัตว์ เป็นผู้ดูแล ปัจจุบันขึ้นมาแล้ว โดยน้อง kitphi (พิมพมาลีในอดีต) เป็นเจ้าของ

ท่านใดมีศรัทธาร่วมบุญถวายดวงแก้วสิริรัตนโรจน์ฤทธิ์ และสังฆทาน ตามกำลังศรัทธา ขอเชิญร่วมบุญได้ที่...

พุทธารา โรจนฤทธิกร
เลขที่ 732-2-41469-9
ธ.กสิกรไทย
สาขา เดอะมอลล์บางกะปิ
ประเภทออมทรัพย์

ตั้งแต่วันนี้ จนถึง ๖ เมษายน ๒๕๕๖ ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ร่วมบุญถวายดวงแก้วสิริรัตนโรจน์ฤทธิ์และสังฆทานด้วย 100 บาท ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านที่ร่วมบุญในครั้งนี้ด้วยค่ะ

 

..ร่วมบุญบูรณะศาลาเก่า วัดบ้านดงมัน จ.สุรินทร์..

​

บุญที่ ๒ ขอเชิญร่วมบุญบูรณะศาลาปริยัติธรรมวัดบ้านดงมัน อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่เก่าทรุดโทรม เกิดจากน้ำท่วมเมื่อปี ๕๔ ที่ผ่านมา เป็นศาลานี้ พระภิกษุสามเณรใช้ในการเรียนปริยัติธรรม บางส่วนเริ่มทรุดลง ใช้การไม่ได้ ค่ะ

หากท่านใดมีจิตศรัทธา ขอเชิญร่วมบุญได้ที่...

พุทธารา โรจนฤทธิกร
เลขที่ 080-250584-0
ธนาคารไทยพาณิชย์
สาขา ถนนศรีนครินทร์ ( กรุงเทพ – กรีฑา )
ประเภทออมทรัพย์

ขอเชิญร่วมบุญได้จากวันนี้ ถึงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖

เดิมทีจะนำบุญชีของท่านผู้นำบุญ แต่เนื่องจากเป็นบัญชีต่างจังหวัด เกรงท่านที่อยู่ในกรุงเทพไม่สะดวกเรื่องค่าธรรมเนียม จึงได้นำเลขบัญชีของดิฉันแทนค่ะ โดยจะเป็นผู้รวบรวมให้กับผู้ที่จะเดินทางไปร่วมบุญผ้าป่านี้ในวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๖ ค่ะ

หากท่านใดต้องการร่วมบุญทั้งสองอย่างโอนเข้าบัญชีใดบัญชีหนึ่งที่กล่าวมาแล้ว กรุณาแจ้งว่า ท่านต้องการร่วมบุญแต่ละอย่างจำนวนเท่าใดค่ะ

เมื่อร่วมบุญแล้วจะแจ้งผ่านหน้ากระทู้ หรือ PM: Numsai ก็ได้ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆท่าน

 

สาธุ สาธุ สาธุ ทำบุญรวดเร็ว เวลาบุญส่งผลก็สำเร็จได้เร็วค่ะ

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

..บุญด่วน!! ถวายดวงแก้วแด่ครูบาวิฑูรณ์ และบูรณศาลาปริยัติธรรม วัดดงมันค่ะ..

​

บุญแรก เนื่องจากท่าน widya เป็นเจ้าภาพถวายดวงแก้วสิริรัตนโรจน์ฤทธิ์ แด่ครูบาวิฑูรณ์ ในวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๖

ดวงแก้วสิริรัตนโรจน์ฤทธิ์นั้น อธิษฐานจิตโดยท่านโชติญาณฤาษี มีกายสิทธิ์ทั้งสิ้น ๒๘,๒๕๐,๐๐๐ องค์ โดยมีพระสิทธิธาตุโพธิสัตว์ เป็นหัวหน้ากายสิทธิ์

ส่วนจักรแก้วนามว่า “โตชนฤทธิไกร” ที่อธิษฐานพร้อมกันนั้น ปัจจุบันขึ้นมาแล้ว โดยน้อง kitphi หริอพิมพมาลีในอดีต เป็นเจ้าของในปัจจุบัน

ท่านใดมีศรัทธาร่วมบุญถวายดวงแก้วสิริรัตนโรจน์ฤทธิ์ตามกำลังศรัทธา ขอเชิญร่วมบุญได้ที่...

พุทธารา โรจนฤทธิกร
เลขที่ 732-2-41469-9
ธ.กสิกรไทย
สาขา เดอะมอลล์บางกะปิ
ประเภทออมทรัพย์

ตั้งแต่วันนี้จนถึง ๖ เมษายน ๒๕๕๖ ค่ะ

*****************************************

​

บุญที่ ๒ ขอเชิญร่วมบุญบูรณะศาลาปริยัติธรรมที่เก่าทรุดโทรม ณ.วัดดงมัน อ.เมือง จ.สุรินทร์ ท่านใดมีจิตศรัทธา ขอเชิญร่วมบุญได้ที่...

พุทธารา โรจนฤทธิกร
เลขที่ 080-250584-0
ธนาคารไทยพาณิชย์
สาขา ถนนศรีนครินทร์ ( กรุงเทพ – กรีฑา )
ประเภทออมทรัพย์

จากวันนี้ถึงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖ โดยดิฉันเป็นผู้รวบรวมให้กับผู้ที่จะเดินทางไปร่วมบุญผ้าป่านี้ในวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๖ ค่ะ
หากท่านใดต้องการร่วมบุญทั้งสองอย่างโอนเข้าบัญชีใดบัญชีหนึ่ง กรุณาแจ้งว่า ท่านต้องการร่วมบุญแต่ละอย่างจำนวนเท่าใดค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆท่าน

Numsai

 

..ประวัติดวงแก้วสัจจรัตนบดี ตอน ๑ สุทธโสมอำมาตย์ ผู้เปี่ยมด้วยศรัทธา..

​

ย้อนหลังไปก่อนสมัยสมเด็จพระมังคลสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเมืองหนึ่งนามว่า มิถิลานคร พระเจ้านิลสิทธิ์ ผู้ครองเมือง ในเมืองนั้นมีเศรษฐีนามว่า วินทเศรษฐีได้มีทรัพย์มากมายมหาศาลด้วยการเนรมิตดวงแก้วมณีจากท่านวิณฑุสฤาษี ทำให้วินทเศรษฐีมีทรัพย์มากที่สุดในเมืองนี้

ท่านวิณฑุสฤาษีนั้นได้มีพระฤาษี นามว่า “สาฤาษี” เป็นลูกศิษย์ และมีพระดาบสินีอีก ๒ ท่านคือ พระศศิรัตนฯดาบสินี และสิริจันทราดาบสินี อดีตเคยเป็นพระมเหสีและพระธิดาของกษัตริย์เมืองรชตมุนีนคร มีศรัทธาออกบวชได้หลายปี ท่านวิณฑุสฤาษีได้กลับมายังบ้านเกิดก่อนบวช เพื่อตอบแทนบุญคุณบิดามารดา และผู้ดูแลบิดามารดาแทนตน คือ วินทเศรษฐี โดยการเนรมิตดวงแก้วให้ดังกล่าวมาแล้ว

หลังจากได้มอบฉัตรตำแหน่งมหาเศรษฐีแก่วินทเศรษฐีแล้ว พระจ้านิลสิทธิ์ทรงวิตกว่า ทรัพย์สมบัติในท้องพระคลังนั้น หาเทียบเท่ากับทรัพย์ของวินทมหาเศรษฐีไม่ เพียง ๑ ใน ๑๐ ส่วนเท่านั้น เกรงว่าจะถูกครหา จึงได้ส่งสุทธโสมอำมาตย์ และคณะไปทูลเชิญให้วิณฑุสฤาษี เพื่อเข้ามารับภัตตาหารในวัง เพื่อปรึกษา

สุทธโสมอำมาตย์ได้แจ้งความประสงค์แก่วินทเศรษฐีว่า พระราชาปรารถนาที่จะนิมนต์พระฤาษีให้เข้าวัง เพื่อสงเคราะห์พระองค์ ส่วนวินทเศรษฐีนั้น แสดงความยินดีที่ท่านวิณฑุสฤาษีจะได้โปรดพระราชาในวัง

ท่านเคยตั้งจิตปรารถนาต่อดวงแก้วมณี ณ.เมืองรชตนครว่า ขอให้พระราชาของตนมีสัมมาทิฐิตั้งตนอยู่ในทศพิธราชธรรม ขอให้บ้านเมืองมีความสงบสุข เช่นเดียวกับเมืองรชตมุนีนคร ซึ่งท่านได้เคยเดินทางไปค้าขายด้วย ยิ่งเห็นกษัตริย์ของเมืองนั้น ได้สร้างโรงทาน ท่านเองก็อยากให้เมืองมิถิลานครนั้น มีความรุ่งเรืองเช่นเดียวกัน จึงได้พาอำมาตย์เข้าไปในอุทยาน

ฝ่ายวิณฑุสฤาษีนั้น ได้ทราบล่วงหน้าว่าท่านจะได้สงเคราะห์พระเจ้านิลสิทธิ์ จึงได้เข้าสมาธิเนรมิตอาศรมดุจทิพย์วิมาน เพื่อรอรับสุทธโสมอำมาตย์ และคณะ เมื่อคณะอำมาตย์ไปถึง ก็ตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นวิมานแก้ว ประกอบด้วยรัตนะทั้ง ๗ มีดวงแก้วมณีประดับยอดวิมาน คล้ายลอยอยู่เหนือพื้นดิน สร้างความศรัทธาแก่สุทธโสมอำมาตย์เป็นอย่างยิ่ง จึงได้นำผ้าคลุม อันเป็นผ้าประจำตำแหน่งอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่วางบนทางเดิน เพื่อให้ท่านวิณฑุสฤาษีนั้น เดินเหยียบแทนพื้นดิน

ท่านวิณฑุสฤาษีนั้น ทราบความในใจจึงได้เหยียบบนผ้าคลุมนั้น ปรากฏมีรัตนะทั้ง ๗ ร่วงหล่นเป็นอัศจรรย์ ยิ่งเพิ่มความศรัทธายิ่งขึ้น ถึงกับนำเท้าของท่านมาวางบนศีรษะตน ท่านวิณฑุสฤาษีจึงกล่าวว่า...

“สุทธโสมอำมาตย์เอ๋ย ท่านเป็นผู้เปี่ยมล้นด้วยศรัทธา เราขอให้พรท่าน กาลข้างหน้าจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลก ขอให้ท่านมีอายุยืนยาวที่รอรับการปรากฏของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น และได้รับการพยากรณ์จากพระองค์
ขอให้ท่านปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ขอให้ตระกูลของท่านนั้น เป็นผู้มีอายุยืนยาว และได้สร้างบารมีด้วยพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ด้วยสัจจวาจาแห่งเรา จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ”

สุทธโสมอำมาตย์นั้น มีความปลื้มปิติในความเมตตาแห่งสุทธโสมฤาษี ได้ก้มลงกราบที่เท้าอีกครั้ง ท่านวิณฑุสฤาษีกล่าวว่า

“ท่านจงเดินทางไปก่อนเถิด เมื่อถึงแล้วเราจะไปปรากฏที่ท้องพระโรง”

จากนั้นสุทธโสมอำมาตย์ก็ได้เดินทางกลับเมืองมิถิลานครทันที ฝ่ายวินทมหาเศรษฐีนั้น มีความปิติใจเป็นอย่างยิ่งที่คำอธิษฐานของท่านมีผล สำหรับเรือนของวินทมหาเศรษฐีนั้น อยู่ระหว่างเมืองมิถิลานคร และเมืองรชตมุนีนคร แต่จะใกล้รชตมุนีนครมากกว่า เมื่อเดินทางไปค้าขาย ณ.เมืองรชตมุนีนคร ท่านก็จะไปกราบสักการะดวงแก้วมณีทั้งคู่ และขอพรให้เมืองของท่านเสมอ ยังมีต่อ....

 

แจ้งกำหนดการรับสังฆทาน สร้างกุศล
สงเคราะห์ญาติโยมเมตตาท่านพระครูบาวิฑูรย์ ชินวโร
ประจำเดือน เมษายน 56

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ถวายสังฆทานและร่วมทำบุญได้ตามอัธยาศัย
เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล
เวลา 13.00 น. ถวายสังฆทาน
เวลา 18.00 น. ปิดรับถวายสังฆทานเวลา
18.00 น. เป็นต้นไป ร่วมกันทำวัตรเย็นสวดมนต์ใหญ่และเจริญวิปัสสนากรรมฐานร่วมกัน จากนั้นแผ่บุญอุทิศส่วนกุศล

วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ถวายสังฆทานและร่วมทำบุญได้ตามอัธยาศัย
เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล
เวลา 13.00 น. ถวายสังฆทาน
เวลา 18.00 น. ปิดรับถวายสังฆทานเวลา
18.00 น. เป็นต้นไป ร่วมกันทำวัตรเย็นสวดมนต์ใหญ่และเจริญวิปัสสนากรรมฐานร่วมกัน จากนั้นแผ่บุญอุทิศส่วนกุศล

****หมายเหตุกำหนดการต่างๆ อาจมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมได้ ท่านที่จะไปร่วมกราบครูบาวิฑูรย์และถวายสังฆทานตลอดจนปัจจัยต่างๆ สามารถร่วมกองบุญต่างๆ ได้ตามกำลังศรัทธา

สถานที่รับสังฆทาน กรุงเทพฯ
คือ บ้านโฮโลคัพ
ถนนสามเสน บางลำภู
แยกบางขุนพรหมทางซ้าย จุดสังเกตบ้านจะอยู่ตรงข้ามซอยสามเสน 5 และตรงข้ามป้ายวัดสามพระยา ถ้าขับรถเลยหรือจะไปเจอปั๊ม ปตท. ให้ย้อนกลับมาครับ เบอร์โทรถามทาง ๐๒-๖๒๘-๘๖๑๕ หรือ ๐๘๓-๙๐๗-๕๔๓๒ หมอเจ เจ้าของบ้าน


ดูกำหนดการรับสังฆทานหรือรายการบุญต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่...

https://www.facebook.com/vt.preeyanan

 

..ประวัติดวงแก้วสัจจรัตนบดี ตอน ๒ พระเจ้านิลสิทธิ์ กลับใจ..

​

เมื่อสุทธโสมอำมาตย์ได้เดินทางไปถึงเมืองมิถิลานครแล้ว ก็ได้กราบทูลต่อพระเจ้านิลสิทธิ์ และได้ถวายรัตนมณีต่อพระเจ้านิลสิทธิ์ เพื่อเก็บในท้องพระคลัง ความจริงแล้วท่านวิณฑุสฤาษีนั้น ต้องการสงเคราะห์สุทธโสมอำมาตย์ เมื่อพระเจ้านิลสิทธิ์จับต้องก็กลับกลายเป็นหินธรรมดา

ท่านวิณฑุสฤาษีนั้น ทราบความก็เหาะมาปรากฏหน้าท้องพระโรงทันที จึงกล่าวว่า..

“ของสิ่งใดที่เราให้แก่ผู้ใดนั้น เป็นบุญเฉพาะตน เมื่อถึงมือผู้อื่น ก็จะไม่สามารถใช้ได้”

เมื่อสุทธโสมอำมาตย์ได้ยินดังนั้น ก็ก้มกราบขอขมาต่อพระฤาษี ท่านวิณฑุสฤาษีจึงกล่าวว่า...

“เราทราบว่า ท่านเป็นผู้ที่มีศีล และไม่โลภ ของสิ่งนี้จะเป็นสมบัติตระกูลของท่าน เพื่อให้พรที่เราได้ให้ท่านสัมฤทธิ์ผล ขอท่านรักษาไว้เถิด ส่วนพระราชานั้น เป็นหน้าที่ของเราจะมอบให้เอง ขอท่านอย่ากังวล"

จากนั้นพระเจ้านิลสิทธิ์นั้น ก็ได้พาท่านฤาษีไปยังสถานที่จัดเตรียมไว้ เมื่อท่านวิณฑุสฤาษีถึงยังพำนัก และรับน้ำและผลไม้แล้ว จากนั้นก็ให้ทุกคนออกไปด้านนอก ยกเว้นพระเจ้านิลสิทธิ์ ได้สอบถามว่า..

“มหาบพิตร มิทราบว่า พระองค์นิมนต์ข้าฯมาด้วยการใด”

พระเจ้านิลสิทธิ์ทรงอึกอักไม่ทราบจะตอบอย่างไร เนื่องจากพระองค์มีความประสงค์จะได้ทรัพย์เท่ากับ หรือมากกว่าวินทมหาเศรษฐี ท่านวิณฑุสฤาษีทราบวาระจิต จึงกล่าวว่า..

“มหาบพิตร ผู้ที่จะมีทรัพย์มาก ผู้นั้นจะพึงประกอบด้วยศีล ๕ อันบริสุทธิ์ ดุจสุทธโสมอำมาตย์ หรือวินทเศรษฐี มหาบพิตร พิจารณาศีล ๕ ของพระองค์อย่างไรพระเจ้าข้าฯ”

เมื่อวิณฑุสฤาษีถามเช่นนั้น พระราชาถึงกับนิ่งเงียบ เพราะที่ผ่านมา พระองค์นั้นมีพระมเหสีถึง ๒ พระองค์ และมีสนมอีกมากมายนับหมื่น บางครั้งสนมเหล่านั้นหาได้เต็มใจไม่ บางครั้งพระองค์ต้องผิดศีลข้อ ๔ เพื่อหว่านล้อมให้นางเหล่านั้นยินดีในสิ่งที่พระองค์ทำ เมื่อมีงานรื่นเริงก็ทรงเสวยน้ำจัน เมื่อพิจารณาแล้ว ทรงละอายพระทัยยิ่งนัก

ท่านวิณฑุสฤาษีกล่าวว่า...

“มหาบพิตร เหตุต่าง ๆ ที่ผ่านมาเราแก้ไขมิได้ ขอมหาบพิตรให้เริ่มต้นใหม่ หากพระองค์ปรารถนาให้ข้าฯพระองค์อยู่ที่นี่ ขอทรงให้สัจจะว่า จะรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ หากพระองค์ทำไม่ได้ ข้าฯก็จะกลับอาศรมทันที”

พระเจ้านิลสิทธิ์นั้น ทรงวิตกว่า พระฤาษีจะกลับไป จึงกล่าวว่า..

“ข้าฯแต่พระอาจารย์ หม่อมฉันละอายใจยิ่งนักที่จะกล่าว สิ่งที่พระอาจารย์กล่าวมาแล้ว หม่อมฉันได้ผิดศีลทั้ง ๕ ข้อมากน้อยแล้วแต่เวลา
บัดนี้หม่อมฉันสำนึกผิด ขอโอกาสให้หม่อมฉันได้ฝึกตนใหม่ ขอพระอาจารย์ได้โปรดเป็นเนื้อนาบุญแก่หม่อมฉันด้วยเถิด”

ท่านวิณฑุสฤาษีได้ฟังดังนั้น จึงถามว่า “แล้วพระองค์จะพิสูจน์อย่างไร”

พระเจ้านิลสิทธิ์กล่าวว่า...

“ความจริงแล้วในศีลทั้ง ๕ ข้อนั้น หม่อมฉันพร่องที่สุดคือ ศีลข้อ ๓ ด้วยเหตุแห่งความเจ้าชู้ ส่วนข้ออื่น ๆ หม่อมฉันรักษาได้ง่ายพระเจ้าข้าฯ ในการนี้ หม่อมฉันจะประกาศแก่สนมทั้งหลาย หากผู้ใดไม่ปรารถนาจะดำรงตำแหน่งนี้ ก็ให้สามารถลาออก หม่อมฉันจะมอบทรัพย์ส่วนหนึ่งให้ไป และหากผู้ใดต้องการมีเรือนหม่อมฉันจะสนับสนุนพระเจ้าข้าฯ ”

พระฤาษีจึงกล่าวว่า “มหาบพิตร ข้าฯจะให้โอกาส และจะรับอาราธนาอยู่ที่นี่ ๗ วัน เพื่อให้พระองค์รักษาศีลให้บริสุทธิ์ หากวันใดพระองค์ผิดสัจจะ ข้าฯจะกลับทันที หากแม้ครบ ๗ วันพระองค์ทำได้จริง หม่อมฉันจะอยู่ต่ออีก ๓ เดือน”

เมื่อวิณฑุสฤาษีกล่าวจบ สร้างความปิติใจแก่พระเจ้านิลสิทธิ์อย่างยิ่ง จากนั้นพระองค์ได้ทรงประกาศการให้อิสระภาพแก่ทั้งหมด สร้างความยินดีแก่สนมทั้งหลาย เนื่องจากบางท่านยังมีความเป็นพรหมจรรย์อยู่ สนมหลายพันคนได้ขอพระราชทานการสมรสกับเสนาอำมาตย์บ้าง นายทหารในวังบ้าง หรือบุตรเศรษฐีบ้าง

พระเจ้านิลสิทธิ์ทรงพระราชทานน้ำพระสังข์ให้ทุกคู่ พระองค์จึงรู้สึกถึงการสละบุคคลอันเป็นที่รัก และมีความสุขมากขึ้น ที่ไม่ต้องใช้วาจาในการให้สนมเหล่านั้นไม่ขัดขืน แต่ข้อดีของพระองค์คือ การไม่บังคับ ส่วนใหญ่มักจะใช้วาจาหว่านล้อมให้นางเหล่านั้นเต็มใจ

เมื่อมีประกาศออกมา ประชาชนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญพระเจ้านิลสิทธิ์ ทำให้พระองค์รู้สึกมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น แทนที่เมื่อก่อนไม่ทรงสนใจการบ้านการเมืองมากนักปล่อยให้เสนาอำมาตย์ดูแลแทน เมื่อครบ ๗ วัน ท่านวิณฑุสฤาษีได้ต่ออีก ๓ เดือน เมื่อครบ ๓ เดือนท่านก็บอกว่าจะอยู่ต่ออีก ๑ ปี เป็นอย่างนี้ทุกปี ทำให้พระเจ้านิลสิทธิ์นั้น มีความปิติยิ่งนัก ยังมีต่อ...

 

บุญด่วน ขอโอนด่วนก่อนกลับบ้านค่ะ

บัญชีผู้โอนเงิน
เลขที่บัญชี XXXX013003
ยอดเงินคงเหลือในบัญชี XXXXX บาท
บัญชีผู้รับเงิน
เลขที่บัญชี 0802505840 - นางสาว พุทธารา โรจนฤทธิกร


จำนวนเงิน
จำนวนเงินที่ต้องการโอน 500.00 บาท
ค่าธรรมเนียม 0.00 บาท
วันที่ทำรายการ 03/04/2556 - 16:54:45

จำนวน ๕๐๐ บาทนี้ ขอแบ่งเป็น
๑. ร่วมบุญดวงแก้วกับท่านวิทยา ๓๐๐ บาท
๒. ร่วมบุญบูรณะศาลาปริยัติ ๒๐๐ บาท

ขอขอบพระคุณท่านผู้นำบุญท่านวิทยาและพี่น้ำใสผู้นำบุญมาบอกกล่าวนะคะ
ขอให้หนูมีสมบัติอัศจรรย์ทันใช้ ในปัจจุบันด้วยเถิดเจ้าค่ะ
และขอสาธุกับท่านอื่น ๆ ล่วงหน้านะคะ

 

..ประวัติดวงแก้วสัจจรัตนบดี ตอน ๓ พระเจ้านิลสิทธิ์ ผู้กตัญญู..


ต่อมาพระองค์ได้ให้อำมาตย์ไปเชิญวินทมหาเศรษฐีมาพบ และตั้งตำแหน่งที่ปรึกษาของพระราชา พระองค์ทรงขอคำแนะนำเรื่องการพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญโดยปราศจากอัตตาว่า พระองค์เป็นพระราชา ท่านวินทมหาเศรษฐี ได้บอกการแก้ไขต่าง ๆ เกี่ยวกับปัญหาบ้านเมือง

ไม่ช้าทรัพย์ในท้องพระคลังของพระองค์ก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยพระองค์มิได้สนใจว่าจะมีมาก หรือน้อยกว่าวินทมหาเศรษฐี เมื่อถึงวันสำคัญ ๆ วินทมหาเศรษฐี และมหาเศรษฐีอื่น ๆ ก็มักจะนำทรัพย์มามอบให้พระองค์ เพื่อขอบคุณที่ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความสงบสุขร่มเย็น

พระเจ้านิลสิทธิ์นั้น ทรงมีพระชนมายุเพียง ๒๕ ชันษา ยังไม่มีพระโอรส-ธิดา เนื่องจากที่ผ่านมาไม่รักษาศีล จึงได้ปรึกษากับพระอาจารย์ วิณฑุสฤาษีได้แนะนำให้พระองค์ พระมเหสีทั้งสอง และพระสนมที่เหลือประมาณ ๑๐๐๐ กว่าองค์ รักษาอุโบสถศีล ท่านได้ทำพิธีขอพระโอรส-ธิดาจากท้าวสักกเทวราช

ปรากฏว่า มีเพียงพระมเหสีทั้งสองพระองค์เท่านั้น ทรงพระครรภ์ กาลต่อมาได้พระนางศีลจาริณี ทรงประสูติพระโอรส พระนามว่า “เจ้าชายโขมพัตร” และพระนางจินตปาละ พระมเหสีองค์ที่ ๒ ทรงประสูติพระธิดา นามว่า “จินตมณี” ทั้งสองพระองค์เกิดเวลาใกล้เคียงกัน

สร้างความปิติยินดีแก่ประชาชนทั้งหลาย พระเจ้านิลสิทธิ์ทรงเห็นคุณของวินทมหาเศรษฐีได้เป็นผู้นำความมีสัมมาทิฐิ และเป็นแบบอย่างที่ดีสู่พระองค์ ทรงได้ยกให้วินทมหาเศรษฐี เป็นพระบิดาของพระองค์ ทั้ง ๆ ที่มีอายุห่างกันไม่กี่ปี ทุกวันสำคัญของบ้านเมืองพระองค์ พระมเหสีทั้งสอง และพระโอรส-ธิดา ทรงนำเครื่องบรรณาการณ์ทั้งหลายไปมอบแด่วินทมหาเศรษฐี เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ

และทุก ๆ คืนจะไปพระองค์ พระมเหสีทั้งสอง จะฟังธรรมจากวิณฑุสฤาษีมิได้ขาด และได้อุปัฏฐากพระฤาษีด้วยพระองค์เอง ทรงปัดกวาดเช็ดถูอาศรมพระฤาษี หรือการซักผ้านุ่งผ้าห่มของพระฤาษีด้วยความปิติสุข ความดีนี้ทำให้ประชาชนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญว่า พระเจ้านิลสิทธิ์เป็นผู้เปี่ยมด้วยความกตัญญูนับแต่นั้นมา

เมื่อพระราชา และประชาชนต่างมีศีล ๕ บริสุทธิ์ ทำให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี ค้าขายได้กำไรงาม ไม่มีผู้ยากจน วินทมหาเศรษฐีได้ ขอให้พระเจ้านิลสิทธิ์ตั้งโรงทานในเมืองนี้ ๔ แห่ง ทางประตูเข้า-ออก โดยแยกมีที่พักคนเดินทาง คนป่วย เด็กและคนชราใกล้ประตูเมืองแต่ละแห่ง
ทำให้ผู้มาทำการค้าสะดวกสบายมีที่พัก โดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดการ และให้พระนางจินตปาละ พระมเหสีที่ ๒ คอยดูแล ส่วนเรื่องในพระราชวัง พระนางศีลจาริณีทรงดูแล ทำให้การบ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง ยังมีต่อ...

 

..ประวัติดวงแก้วสัจจรัตนบดี ตอน ๔ กลับสู่ป่า..

กาลต่อมาผ่านไปหลายปี บิดามารดาของท่านวิณฑุสฤาษี และวินทมหาเศรษฐีได้ถึงกาลมรณะในวันใกล้เคียงกัน ไปจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีวิมานทองสวยงามด้วยบุญอุปัฏฐากท่านวิณฑุสฤาษี

เมื่อเสร็จพิธีการต่าง ๆ แล้ว ท่านวิณฑุสฤาษี ได้ทราบว่า อีกไม่นาน ถึงเวลาที่จะกลับยังป่ากัจจิตตนะ หรือป่าศักดิ์สิทธิ์ จึงได้กล่าวแก่พระเจ้านิลสิทธิ์ว่า ..

“มหาบพิตร นับแต่นี้ไปอีก ๒ เดือน ขอพระองค์ หรือผู้ใดมาที่อาศรมของข้าฯพระองค์ อีกวันครบกำหนด ๗ วัน ขอให้พระองค์ และพระมเหสีทั้งสองได้โปรดรักษาอุโบสถศีลให้บริสุทธิ์ และขอให้พระองค์เตรียมพานดอกไม้สด มาที่อาศรมของข้าฯพระองค์”

พระองค์ได้รับคำพระอาจารย์ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพียงแต่จัดเตรียมให้ทหารรักษาเวรยามดูแลความปลอดภัยอยู่ห่าง ๆ จากนั้นพระองค์ก็ได้ออกเยี่ยมราษฎรตามปกติ

ครั้นเมื่อใกล้เวลากำหนด ก็ทรงรักษาพระอุโบสถศีล พร้อมพระมเหสีทั้งสองด้วยความเคร่งครัด และเจ้าหญิงจินตมณี ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุได้ราว ๑๕ ชันษา(ตามอายุขัยมนุษย์ปัจจุบัน) ก็ปรารถนาจะรักษาอุโบสถศีลตามพระบิดามารดา ส่วนเจ้าชายโขมพัตร รักษาเพียงศีล ๕ บริสุทธิ์ เนื่องจากทรงฝึกฝนด้านการทหารไม่สะดวกในการรักษาศีล ก่อน

ครบกำหนด ๑ วัน พระเจ้านิลสิทธิ์ก็ได้จัดขบวนเสด็จ มีพระมเหสีทั้งสองพระโอรส-ธิดา วินทมหาเศรษฐี และภรรยา พร้อมด้วยบริวารต่าง ๆ ได้นำพานดอกไม้ตามที่พระอาจารย์กำหนด เมื่อไปถึงอาศรม พบว่า ท่านวิณฑุสฤาษียังไม่ออกมา ต่อมาก็ได้ยินเสียงครืน ๆ ดังสนั่นในอาศรม แผ่นดินบริเวณใกล้เคียงสั่นสะเทือนไปชั่วขณะ ผู้ที่ตามเสด็จต่างก็ทำหน้าตาตระหนกตกใจ ร้องหวีดว้ายไปตามกัน

พระเจ้านิลสิทธิ์นั้น เป็นผู้มีปัญญาคิดว่า ไม่น่าจะเกิดอะไรกับพระอาจารย์ ทรงมีความเชื่อมั่นในตัวพระอาจารย์ ทรงรับสั่งให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ต่อมาก็พบพระฤาษีออกมาพร้อมกับดวงแก้วมณี มีความสุกสว่างงดงามมาก ดวงแก้วนั้นเปล่งประกายคล้ายสีรุ้งออกมา

ท่านวิณฑุสฤาษี ได้หยิบดวงแก้ว และยื่นให้พระเจ้านิลสิทธิ์ และกล่าวว่า..

“มหาบพิตร ถึงกาลที่เราจะต้องจากกันแล้ว ดวงแก้วมณีนี้จะเป็นเครื่องดึงดูดทรัพย์ ความอุดมสมบูรณ์ ความเป็นมงคล ความเจริญด้วยโภคทรัพย์ และความบริสุทธิ์ต่าง ๆ”

พระเจ้านิลสิทธิ์ มีทั้งความปิติพระทัยที่ได้แก้วมณี และมีความเศร้าพระทัยที่จะต้องจากพระอาจารย์ จึงกราบที่เท้าพระอาจารย์และกล่าวว่า ..

“ข้าฯแต่พระอาจารย์ หม่อมฉันขอตามส่งพระอาจารย์ไปยังที่พักได้หรือไม่ เรื่องบ้านเมือง หม่อมฉันจะฝากไว้กับท่านสุทธโสมอำมาตย์ได้ ขอหม่อมฉันได้ติดตามพระองค์ไปเถิด”

ท่านวิณฑุสฤาษีนั้น ได้ใช้ญาณทัสสนะตรวจดูทราบว่า พระองค์จากบ้านเมืองไปด้วยบุพกรรมบางอย่าง จึงอนุญาต เจ้าหญิงจินตมณีนั้น ก็ใคร่ขอติดตามไปด้วย ท่านวิณฑุสฤาษีนั้นก็รับปาก เนื่องจากทั้งสองพระองค์ได้รักษาศีล ๘ บริสุทธิ์ จึงสามารถเข้าผ่านยังป่าศักดิ์สิทธิ์นั้นได้
จึงทำพิธีมอบดวงแก้วมณีให้ประดิษฐานในท้องพระโรง เพื่อให้ประชาชนได้มากราบไหว้บูชา มีการสมโภชน์ดวงแก้วมณีถึง ๓ วัน ๓ คืน เมื่อเสร็จพิธีสมโภชน์แล้ว ทรงเรียกสุทธโสมอำมาตย์มาพูดเป็นการส่วนตัว และกล่าวว่า..

“ท่านสุทธโสม เรามีความภูมิใจที่ได้เกิดมาสร้างบุญร่วมกับท่าน แม้ในต้นชาติเราอาจจะมีผิดทางไปบ้าง การเดินทางคราวนี้อะไรจะเกิดมิอาจรู้ได้ ขอท่านรับวัชระ อันเป็นของศักดิ์ประจำตระกูลของเราดูแลชั่วคราว ขอฝากให้อบรมโอรสของเราให้เป็นพระราชาที่ดีต่อไป”

สุทธโสมอำมาตย์ได้ยินเช่นนั้น ถึงกับน้ำตาร่วง การสั่งเสียครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่พระองค์ทรงประพาสป่า เป็นครั้งคราว ท่านได้รับปากเป็นอย่างดี

วันต่อมา พระเจ้านิลสิทธิ์ได้แต่งตั้งเจ้าชายโขมพัตร เป็นรัชทายาท และแต่งตั้งสุทธโสมอำมาตย์ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จนกว่าเจ้าชายโขมพัตรจะถึงวัยอันเหมาะสมที่จะครองราชย์ต่อไป
และทรงได้ขอธิดาคนที่สองของสุทธโสม นามว่า “นางสิริทิพย์” ซึ่งเป็นสตรีทึ่มีความงดงามยิ่งนัก หาผู้ใดเปรียบได้ในเมืองนั้น และหมั้นหมายให้เป็นพระคู่หมั้นของเจ้าชายโขมพัตร ซึ่งเจ้าชายโขมพัตรนั้นมีความชื่นชอบนางสิริทิพย์อยู่ก่อนแล้ว เมื่อชาวเมืองทราบข่าวก็ต่างชื่นชมยินดี จึงได้มีการเลี้ยงฉลองอีก ๗ วัน ๗ คืน
ต่อมาใกล้ครบกำหนดท่านวิณฑุสฤาษีได้ไปยังเรือนของวินทมหาเศรษฐี มอบพระขรรค์แก้วให้ ๑ เล่ม พร้อมกับกล่าวว่า ..

“วินทะ ขอให้เก็บรักษาพระขรรค์นี้ให้ดี ภายภาคหน้าจะได้สร้างบุญใหญ่กับพระพุทธเจ้า ขอให้น้องจงถวายพระขรรค์นี้แก่พระพุทธองค์ แล้วปรารถนาสิ่งใดก็จะสำเร็จตามความปรารถนา ถึงเวลาที่เราจะกลับไปยังป่าที่เราจากมา ขอให้ช่วยเหลือกิจการของเจ้าชายโขมพัตรให้เต็มที่ เพื่อสั่งสมบุญบารมีของตัวเอง”

วินทมหาเศรษฐี แม้รู้สึกประหลาดใจกับคำกล่าวของพระฤาษีก็นิ่งเสีย คิดว่า อาจจะมีเหตุการณ์บางอย่างที่พระเจ้านิลสิทธิ์ไม่ได้ครองราชย์ต่อ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม ท่านวิณฑุสฤาษีทราบความในใจ จึงกล่าวว่า...

“ถึงเวลาก็จะทราบเรื่องเอง”

จากนั้นท่านก็กลับมาจากอุทยานในพระราชวัง พบว่า พระเจ้านิลสิทธิ์ และเจ้าหญิงจินตมณีมารออยู่ก่อนแล้ว พร้อมเจ้าชายโขมพัตร พระมเหสีทั้งสอง สุทธโสมอำมาตย์ นางสิริทิพย์ พร้อมทั้งข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่

ท่านวิณฑุสฤาษีได้กล่าวว่า...

“ขอโมทนาสาธุการในบุญกุศลที่ท่านทั้งหลายได้อุปัฏฐากข้าฯ ถึงกาลแล้วที่จะต้องกลับไปยังป่าศักดิ์สิทธิ์ พระนางทั้งสอง ขอให้ท่านหมั่นรักษาอุโบสถศีลให้ถึงพร้อม เจ้าชายโขมพัตร และสุทธโสมอำมาตย์ ในกาลข้างหน้านี้ จะมีพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดยังเมืองของท่าน ก่อนเมืองรชตมุนีนคร ขอให้ถวายสิ่งที่ควรถวายแด่พระองค์ ขอพรจะสมความปรารถนาทุกประการ เอาละ มหาบพิตร เจ้าหญิงล่ำลา บุคคลอันเป็นที่รักให้เรียบร้อย จะไปกันแล้ว”

พระเจ้านิลสิทธิ์ และพระธิดาได้ลาหมู่ญาติเรียบร้อย ท่านวิณฑุสฤาษีกำหนดจิตทำสมาธิ จากนั้นเกิดหมอกสีขาวขึ้นมา ทั้งสามก็หายไป สร้างความตื้นเต้น ระคนอาลัยแก่พระมเหสีทั้งสอง และพระญาติ ข้าราชบริพารทั้งหลาย
(ยังมีต่อ)...

 

..ประวัติดวงแก้วสัจจรัตนบดี ตอน ๕ ฝึกวิชา..


กล่าวถึงท่านสาฤาษี พระศศิรัตนฯดาบสินี และสิริจันทราดาบสินี ที่อยู่ป่ากัจจิตตนะ ดาบสินีทั้งสองได้อุปัฏฐากท่านสาฤาษี ผู้เป็นอาจารย์ โดยสิริจันทราดาบสินีนั้น ทำหน้าที่หาผลไม้ น้ำดื่ม และน้ำฉัน โดยมีกระต่ายน้อย คอยช่วยเหลือ

ส่วนพระศศิรัตนฯนั้น ทำความสะอาดบริเวณที่พักอาศัย เสนาสนะต่าง ๆ โดยสร้างอาศรมอยู่ห่างกันตามสมควร

ท่านสาฤาษีได้สอนวิธีการแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย และเรียนรู้การทำให้จิตสงบเย็น ทำให้ดาบสินีทั้งสองได้มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติ และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข หลังจากเสร็จหน้าที่ในแต่ละวัน ต่างคนก็ต่างบำเพ็ญเพียรอยู่เงียบ ๆ ครั้นเวลาค่ำ จะไปถามข้อธรรมจากพระฤาษี ผู้เป็นอาจารย์ เป็นอย่างนี้ทุกวัน

สิริจันทราดาบสินีนั้น มีความรักเอ็นดูกระต่ายน้อยดุจน้องสาว จึงปรารถนาให้กระต่ายน้อยเป็นมนุษย์ จึงปรึกษากับท่านสาฤาษี ท่านกล่าวว่า..

“วิชานี้ มีแต่ศิษย์ผู้พี่ของท่านเท่านั้นจะมีวิชาชุบชีวิตได้ จึงให้รอก่อน แต่เราจะสอนวิชารู้ภาษาสัตว์แก่พระนาง”

จากนั้นสิริจันทราดาบสินีได้เรียนวิชารู้ภาษาสัตว์จากท่านสาฤาษี โดยใช้เวลา ๓ เดือน จึงสำเร็จ นางรู้สึกยินดียิ่งนัก เนื่องจากจะได้สื่อสารความต้องการของสัตว์ในป่า รวมทั้งการได้พูดจากับกระต่ายน้อยด้วย

นางได้สอนวิธีทำให้จิตสงบแก่กระต่ายน้อย โดยให้กระต่ายมองน้ำใสๆในลำธาร เมื่อแสงอาทิตย์กระทบน้ำ ทำให้เห็นเป็นแสง จิตก็ดิ่งสู่ความสงบ กระต่ายน้อยรู้สึกมีความสุข และทุกวัน หลังจากทำกิจต่าง ๆ เสร็จแล้ว สิริจันทราดาบสินี และกระต่ายน้อยจะพากันไปที่ลำธาร กระต่ายน้อยก็ฝึกดูสายน้ำ เมื่อคิดสิ่งใดก็จะเป็นสิ่งนั้น ด้วยอำนาจของจิต

ส่วนพระศศิรัตนฯนั้นไม่ได้ปรารถนาเรียนวิชานี้ เนื่องจากท่านคิดว่า แม้รู้ภาษาสัตว์ก็ยิ่งทำให้วุ่นวาย มิใช่หนทางดับทุกข์อย่างแท้จริง ท่านปรารถนาที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้าทางจิตเท่านั้น จึงได้เพียรทำความสงบในจิตเพียงอย่างเดียว

ท่านสาฤาษีนั้น รู้ว่าจะมีวิบากบางอย่างเกิดขึ้นแก่สิริจันทราดาบสินี จึงได้ให้ฝึกจิตเมตตาแบบมหัคคจิตต์ เพื่อให้วิบากกรรมผ่อนหนักเป็นเบา และให้ฝึกอารมณ์วิปัสสนา ให้เรียนรู้ว่าทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป โดยสิริจันทราดาบสินีนั้น ไม่ทราบเรื่อง นางทราบเพียงว่า พระอาจารย์ให้ทำอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น และตั้งใจศึกษาวิชากับท่านสาฤาษีอย่างเคร่งครัดตลอดมา

 

ผู้ที่เกี่ยวเนื่องในประวัติดวงแก้วสัจจรัตนบดีค่ะ..

ท่านวิณฑุสฤาษี = ท่านโชติญาณฤาษี

ท่านวินทมหาเศรษฐี = พระนารทธรรมราชาบดี

ท่านสาฤาษี = คุณ mooom

พระศศิรัตนดาบสินี = คุณ NamfanBaanfa

พระเจ้านิลสิทธิ์ = คุณ world999

พระนางศีลจาริณี = คู่บารมีคุณ world999ในปัจจุบัน

สุทธโสมอำมาตย์ =น้องธรรมวิวัฒน์
เจ้าชาย/พระเจ้าโขมพัตร = คุณ am12

พระนางสิริทิพย์ = คุณ sereenon


เจ้าหญิงจินตมณี = น้อง Miss Brown


กระต่ายน้อย = น้องหนูดี


ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านค่ะ

Numsai

 

ขอร่วมบุญโดยโอนเข้าบัญชีไทยพาณิชย์ 200 บาท 17.49 น.
แบ่งเป็นบุญที่ 1 จำนวน 100 บาท
บุญที่ 2 จำนวน 100 บาท
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมบุญในครั้งนี้ด้วยครับ