ทำไมหลวงพ่อฤาษีลาพุทธภูมิครับ

=========

หลวงพ่อท่านกล่าวไว้ไม่ผิดหรอก แต่ท่านลูกศิษย์ที่จดบันทึกมานั้นเข้าใจที่หลวงพ่อท่านกล่าวไว้หรือเปล่าครับว่าท่านสื่อมาบอกกล่าวไว้นั้นหมายถึงอะไรครับ

ภัทรกัปป์นี้มี5 พระองค์ เท่านั้น กัปป์หน้า เป็นสุญญกัปป์ ไม่มีพระพุทธเจ้าและพุทธศาสนา และกัปป์ต่อไปนั้นแแหละเป็นกัปป์ที่หลวงปู่ทวดและสมเด็จโต แล้วจึงเปลี่ยนไปสู่กัปป์ต่อไปอีก กระผมขอกล่าวแค่นี้เพราะครูอาจารย์ท่านสอนมาแบบนี้ครับ

 

คุณ tjs

ถ้าตามหลักฐานในพระไตรปิฎกจริงๆ พระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้าทำนายไว้ มีแค่พระองค์เดียวคือ พระศรีอริยเมตไตร หรือพระศรีอารย์ ส่วนที่เหลือมาจากคัมภีร์ชั้นหลังชื่อ คัมภีร์อนาคตวงศ์ ส่วนหลังจาก 10 พระองค์นี้ อาจจะมีนิยตพระโพธิสัตว์
แต่ไม่ได้ถูกระบุไว้ในคัมภีร์ก็ได้

ส่วน การโยงบุคคลในประวัติศาสตร์ไทย เข้ากับคัมภีร์ อนาคตวงศ์ นั้นอย่าพึ่งปักใจเชื่อเพราะ แต่ละที่มักพูดไม่ตรงกัน ถ้าเป็นไปด้วยคุณ tjs ช่วยอ้างที่มาด้วยครับว่า ไปเอาข้อมูลตรงนี้มาจากไหน

เพราะ ลูกศิษย์ ลพ ฤาษีลิงดำ ระบุว่า หลวงพ่อปาน จะเป็น พระธรรมราชาพุทธเจ้าหรือพระเจ้าปเสนทิโกศล (ไม่ใช่พระเจ้าโกศลเฉยๆ เหมือนที่ คุณบุญทรงพูด) ส่วนข้อมูลของคุณ tjs ระบุว่า คือ พระเทวเทพพุทธเจ้า หรือ สุภมานพในพุทธกาลนี้

อีกเรื่องที่เห็นการกล่าวอ้างกันบ่อยในหลายสำนัก คือ พระสุมงคลพุทธเจ้า (ช้างปาริไลยกะในพุทธกาลปัจจุบัน) บ้างก็ว่าคือ ในหลวง ร.9 บ้างก็ว่า คือคนโน้น บ้างคนนี้บ้าง ผมเลย รู้สึกว่า ไม่ตรงกันซักที่ จึงขอไม่ให้ความสำคัญในส่วนนี้ละกัน เพราะมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะตัดสินได้ว่าใคร ถูกใครผิด จริงๆ ส่วนที่พูดๆมาก็ฟังหูไว้หูดีกว่า

 

แต่ที่แน่ๆ กัปนี้ มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และองค์ต่อไปคือพระเมตไตร

นี่เป็นพุทธพจน์ของแท้จากพระโอษฐ์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

นอกจากนี้ข้อมูลในหนังสือกระโถนฯ นั้นมีข้อความไม่ตรงกับคัมภีร์อนาคตวงศ์คือ

ในหนังสือกระโถนบอกว่า เมื่อสิ้นภัทรกัป (กัปที่มีพระพุทธเจ้า 5 องค์) นี้แล้วกัปต่อไปก็ยังคงเป็นภัทรกัปอีกครั้ง โดยจะมี พระรามพุทธเจ้า พระธรรมราชาพุทธเจ้า พระธรรมสามีพุทธเจ้า พระนารทะพุทธเจ้า พระรังสิมุนีพุทธเจ้า ตรัสรู้ในกัปเดียวกัน

แต่ในคัมภีร์อนาคตวงศ์ ระบุว่า พอสิ้นกัปนี้แล้ว จะเป็นสุญญกัป ไปอีก 1 อสงไขย (10000..000 มีเลข 0 ทั้งหมด 140 ตัว) กัปเลย ต่อจากนั้นจะเป็น มัณฑกัป ซึ่งมีพระพุทธเจ้า 2 องค์คือ พระรามพุทธเจ้า กับ พระธรรมราชาพุทธเจ้า (พระเจ้าปเสนธิโกศล) พอหลัง จากนั้นจะเป็นสารกัป ซึ่งพระพุทธเจ้าองค์เดียวคือพระธรรมสามีพุทธเจ้า (พระยามาราธิราช ที่คอยขัดขวางพระโคดมพุทธเจ้า)

ส่วนของคุณ tjs นั้นใกล้เคียงกับคัมภีร์อนาคตวงศ์แต่ต่างกันที่ ระยะห่างระหว่าง ภัทรกัปนี้ กับ มัณฑกัป เป็นสุญญกัป เพียงกัปเดียว

 

อนุโมทนากับหลายๆท่านครับ
อนุโมทนาในการอธิบายความรู้ ความเชื่อของแต่ละท่าน
อนุโมทนาที่ใช้เหตผลที่มีที่มาที่ไปมาเสนอต่อกันอย่างสุภาพ
อนุโมทนาผู้ที่ไม่ตัดสินหรือปรามาสครูบาอาจารย์ของผู้ใด
อนุโมทนาครับ

 

เมื่อครั้งถึงกาลสมัยแห่งพระพุทธเจ้า ได้มาตรัสรู้นั้น ขอกล่าวว่า การ พุทธทำนายที่จะทำนายแก่พระโพธิสัตว์ นั้น มีเหตุอยู่ว่า
1 พระพุทธเจ้าจักต้องทำนายถึงพระโพธิสัตว์ องค์ต่อไปที่จะรับช่วงสืบทอดพุทธศาสนาต่อจากพระองค์ ซึ่งพระโพธิสัตว์พระองค์ต่อไปที่บารมีใกล้เต็มแล้วพร้อมที่จะเป็นพระพุทธเจ้า ก็จะถูกเชิญให้ไปจุติเสด็จตามพระพุทธเจ้า ตรงนี้เป็นพุทธวิสัย และพุทธจริยาแห่งพุทธภูมิ
2 พระโพธิสัตว์ ที่สร้างบารมีขั้นปรมัตถ์ และมีมโนปนิธาณ แน่วแน่แล้วนั้น บารมีมากพอแล้วนั้น จะมีกำลังบุญและกำลังจิตที่แรงกล้า ตามพระพุทธเจ้าลงมาเพื่อมาสร้างบารมีเลื่อนภูมิ จากพระอนิยตะโพธิสัตว์ ไปสู่ พระนิยตะโพธิสัตว์ ซึ่ง
2.1 เกิดมาเป็นสัตว์ เช่นช้างปาลิยะกะ ช้างนาฬาคีรี
2.2 เกิดมาเป็นมนุษย์

ส่วนกรณีของท่านในหลวงเป็นสิ่งที่ยากจริงๆ กระผมเองก็ไม่ทราบ แต่กระผมก็เคยนิมิต เห็นอดีตชาติของท่าน ครั้งหนึ่ง ท่านเคยเกิดเป็นพญาช้างเผือกมีช้างบริวารมาก
ตรงนี้กระผมเคยมีนิมิตเห็นเช่นกันดังนี้ แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าช้างปาลิยะก็อดีตชาติหนึ่งหรืออาจจะไม่ใช่ก็ไม่อาจทราบได้ เพราะพระโพธิสัตว์ทั้งหลายส่วนมากต้องเคนเสวยพระชาติเป็นพญาช้างเผือกครับ

ผมไม่มีข้อมูลครับทุกอย่างที่ผมตอบไปก็ตามฌาณและญาณสมาธิครับที่รับจากครูอาจารย์ของกระผมอีกที เมื่อมาฆะบูชาที่ผ่ามา ผมได้ขอเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปานอย่างเป็นทางการ ด้วย ธุป เทียน ดอกบัวขาวบัวตูม1ดอก หมากพลู 5คำ ผมถวายท่านและท่านสื่อจิตผ่านร่างกายผม และรับผมเป็นศิษย์ เรื่องทางฌาณและญาณสมาธินั้นผมผ่านมามากแต่ก็ไม่ขอกล่าวอะไรอีกครับ

สุดท้ายหากกระผมได้กระทำการล่วงเกินต่อพระรัตนตรัยและครูอาจารย์ กระผมขอกราบขอขมากรรม ขอท่านโปรดอโหสิกรรมเพื่อการสำรวมระวังต่อไปจะได้ไม่กระทำอีกครับ สาธุ

 

กระผมเคยโพสญาณนิมิตของกระผมไว้นานแล้ว ดังนี้ครับ 24-07-2012, 01:52 PM #15
TPC
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jun 2012
ข้อความ: 495
Groans: 24
Groaned at 8 Times in 3 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 2,283
ได้รับอนุโมทนา 2,318 ครั้ง ใน 425 โพส
พลังการให้คะแนน: 177
TPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond reputeTPC has a reputation beyond repute

ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นครับ แต่ก็ยังไม่ขอยืนยันครับ และไม่กล้าไปเจริญสมาธิไปดูหรือรู้เรื่องนี้

แต่ครั้งหนึ่งเคยทำสมาธิและมีนิมิตเกี่ยวกับในหลวงของเรา ผมเคยนิมิตเห็นท่านเป็นพระยาคชสารช้างเผือกเป็นผู้นำโขลงช้างในคราวนั้น และท่านก็มีความรอบรู้ในเรื่องป่า เรื่องน้ำ ชำนาญมาก ท่านสามารถนำพาโขลงช้างจรลีไปทั่วทั้งป่าอันกว้างใหญ่ในเทือกเขาตลอดเป็นอาณาบริเวณและมีบริวารช้างและสัตว์อื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน

และครั้งหนึ่ง พญาคชสารช้างเผือกเชือกนี้กล้าหาญยิ่งนัก ตอนนั้นมีโขลงช้างป่ามีกำลังมากมาจากอีกทิศอื่นตรงเข้ามาต่อสู่กัน หวังต้องการยึดครองป่าและอาณาเขตบริเวณ แต่ด้วยพละกำลังและบุญบารมี ท่านพระยาคชสารช้างเผือกเชือกนี้สามารถต่อสู่ขับไล่ช้างโขลงใหญ่เหล่านั้นไปได้ และดูเหมือนว่า หัวหน้าช้างฝูงนั้นที่ถอยกลับไปดวงตาข้างหนึ่งถูกงา ของพญาช้างเผือกเชือกนี้แทงทะลุ เบ้าตา ทำให้เจ็บปวดอย่างมากจึงถอยกำลัง กลับไปและไม่กล้าเข้ามาในอาณาเขตของพญาช้างเผือกเชือกนี้อีกเลย ซึ่งพญาคชสารช้างเผือกรูปนี้และสรรพสัตว์ผู้เป็นบริวารก็อาศัยอยู่ในป่าแถบนี้อย่างร่มเย็นเป็นสุขสืบไป

ตอนนั้นพอนิมิตเห็นเช่นนั้นก็บังเกิดวิจิกิจฉาว่า ท่านพญาคชสารผู้นี้เป็นใครหรือ ขอเดชะบารมี พระรัตนตรัย ครูแลอาจารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดช่วยให้นัยตาของลูกได้มีปัญญารู้แจ้งด้วยเถิด เพื่อจะได้สักการะบูชาท่านได้ถูกต้อง เมื่ออธิฐานเสร็จแล้วจึงทำสมาธิภาวนาต่อ ภาพนิมิตที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ปรุงแต่งใดๆกลับพบว่า เป็นภาพนิมิตของท่านในหลวงที่กระผมเคารพรัก ครับ

อนึ่ง ชื่อพระยามาธิราชพุทธเจ้า ครับ นี่แหละคือพระมหาโพธิสัตว์แห่งเมืองสยามประเทศของเรานี้ครับ ผมรักและเทิดทูนเจ้าอยู่หัวของเราครับ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย TPC : 24-07-2012 เมื่อ 01:56 PM
ฯ ๗๑ Add to TPC's Reputation แจ้งทีมงาน โพสต์ผิดกฏ ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม Multi-Quote This Message ตอบข้อความนี้แบบรวดเร็ว Groan ได้ให้อนุโมทนา

 

พระที่เล่าเรื่องในหลวงเคยเกิดเป็น ช้างปาริไลยกะ คือ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
ดังนี้

http://www.dharma-gateway.com/ubasok/special-06.htm

และตามคัมภีร์อนาคตวงศ์ ช้างปาริไลยกะ ในภายภาคหน้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสุมงคลพุทธเจ้า (องค์ที่ 10 นับจากพระศรีอาริยเมตไตรย เป็นองค์ที่ 1)

และขอถามคุณ tjs นิดหนึ่งนะครับ

คุณเล่าว่าเห็นนิมิตในหลวงเคยเป็น พญาช้างเผือก แล้วคุณเห็นนิมิตท่านเคยเป็นพระยามาราธิราชด้วยหรือครับ?

แต่ทั้งนี้ผมยังไม่ปักใจเชื่อ ว่า พระยามาร จะเป็นนิยตโพธิสัตว์ แม้คัมภีร์อนาคตวงศ์จะระบุไว้ก็ตาม เพราะ ตามที่อรรถกถาจารย์กล่าวไว้ว่า "นิยตโพธิสัตว์" จะไม่มาบังเกิดเป็นเทวดากลุ่ม "มาร" ในสวรรค์ ซึ่งตามหลักแล้ว คัมภีร์ที่น่าเชื่อถือในการอ้างอิงได้คือ พระไตรปิฏกบาลี กับ อรรถกถา แม้แต่อรรถกถาเอง ก็ต้องพิจารณาตรวจทานกับพระบาลีอีกที ส่วนคัมภีร์อนาคตวงศ์นี่ เป็น คัมภีร์ ที่แต่งภายหลัง ซึ่งมีส่วนเดียวที่มีในพระไตรปิฎก คือ เรื่องพระศรีอริยเมตไตร เท่านั้น ส่วน ที่เหลือ อาจจะเกิดจากนิมิตของผู้แต่งคัมภีร์ก็ได้ ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงอย่างไร เพราะไม่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎกและผู้ที่จะสามารถตัดสินและบอกได้ว่าถูกหรือผิดจริงๆนั้น เห็นจะมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น

 

อนุโมทนา สาธุครับ ความรู้ปราดเปรื่องประเทืองปัญญา รู้ไว้ซิว่าใส่บ่าแบกหาม แม้พลั้งพลาดผิด อย่าคิดประจาน ทุกๆคำบอกเล่าเขาฟังแล้วชื่นบาน เป็นคำกล่าวขานถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอน้อมไว้เหนือเกล้าฯ รักกันไว้เถิดเราเกิดแค่ตาย มั่นสะสมบุญไว้ให้ลีกเล้นห่างไกลความชั่ว

 

=========

นำ มอ ออ ฟอทีเย ปอลอเย กวนสี่อิมฟู่สัก
นำโมฮุก นำโมฮวบ นำโมเจ็ง นำโม กวนสี่อิมฟู่สัก สาธุ สาธุ สาธุ

ลูกขอน้อมรับพุทธโอวาท พระพุทธเจ้าข้า

ผิดถูกอย่างไร กราบขออภัย ครับสาธุ
แม้พระแม่เจ้ากวนอิมโพธิสัตว์ และพระกษิติครรภ์โพธฺิสัตว์ผู้มี่บารมีมาก ก็ยังไม่พร้อมที่จะอัญเชิญลงมา เกิดเพื่อให้พระพุทธองค์ตรัสพยากรณ์ ก็ด้วยเหตุใด
ก็ด้วยเหตุแห่งมโนปณิธาณแห่งโพธิญาณบารมีที่อธิฐานไว้ยังไม่ใกล้ถึงที่สุด หากถึงเมื่อไหร่ เมื่อนั้น ย่อมถึงวาระเวลาของท่านครับ
นี่เป็นดำรัสแห่งพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์กล่าวแก่กระผมไว้ในสมาธิญาณนิมิตครับเมื่อไม่นานมานี้เองครับ สาธุครับ

 

ชื่อพระยามาธิราชพุทธเจ้า ไม่ใช่พระยามารโพธิสัตว์แน่นอน พระนามนี้เกี่ยวด้วยเหตุว่า

พระยามาธิราช มีที่มา คือ ด้วยพระมหาโพธิสัตว์ ผู้นั้น ผู้สร้างบารมี ใน สยามประเทศไว้มากมาย ผู้ทรงเป็นพระมหาธรรมราชา ในสมัยนั้น หาได้มีกษัติย์ใดมีบุญญาบารมีเกินไปกว่าพระองค์ กษัติย์อื่นทั้งหลายต่างยกย่องให้พระองค์เป็นพระมหากษัติย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในกาลเวลานั้น ก็เพราะด้วยพระองค์ทรงปกครองแผ่นดินสยามประเทศนี้ด้วยทศพิศราชธรรม นี่เองครับ

อีกพระนามหนึ่งคือ พระสยามภูมินทรามหาธรรมราชาธิราชเทวราชโพธิสัตว์ ครับ

 

ที่ผมถามเพราะ คุณ tjs เพราะว่า คุณระบุไว้ในความเห็นก่อนว่า

4พระธรรมสามีสัมพุทธเจ้า หมายถึงพระมหาสุธรรมราชายามาธิราช หรือในหลวง ร 9

ซึ่งในคัมภีร์อนาคตวงศ์ระบุว่า พระธรรมสามีพุทธเจ้า คือ พระยามาราธิราช ที่คอยขัดขวางพระโคดมพุทธเจ้า และ ชื่อที่คุณ tjs ระบุ (พระยามาธิราช) ซึ่งไปคล้ายกับ พระยามาร(าธิราช) ในอนาคตวงศ์ ก็เลยสอบถามดูพราะอยากรู้น่ะครับ

 

ยินดีแลกเปลี่ยนครับ ผิดถูกอย่างไรขอให้อย่าไปกังวลครับ ขอให้คิดไว้ว่าไม่ว่าท่านพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะได้มาตรัสรู้ในกาลยุคสมัยใด ก็ขอให้เราได้มีโอกาส พบพระพุทธองค์ หากวาสนาบารมีเราพร้อม ก็ขอให้ได้บรรลุธรรม เช่นเดียวกับพระพุทธองค์

คำกล่าวของกระผม กล่าวออกไปด้วยกระผมเป็นสื่อกลางของครูอาจารย์และสิ่งศักสิทธิ์ ผิดหรือถูกนั้น ขอให้ดูที่ผลดีที่จะได้รับ ขอให้ดูที่เจตนา คือเหตุที่ดีงามครับ

สุดท้ายกระทู้นี้เราคุยกันเรื่อง หลวงพ่อท่านลาพุทธภูมิ ด้วยเหตุใด ซึ่งก็มีผู้ตอบไปแล้ว
และก็อย่างที่พุทธภูมิด้วยกันทราบดีคือ อรหันต์พุทธภูมิ หากลาพุทธภูมิเพื่อก้าวสู่ความเป็นอรหันต์นั้น กำลังบุญบารมีทั้งหลายที่เคยสร้างมาจะรวมกำลังในทันทีให้ผลในทันที นั่นหมายถึง จิตย่อมยกสู่ความเป็นอรหันต์ได้อย่างรวดเร็วเพราะทำมามากแล้ว อีกประการหนึ่งคือ บุญกุศลที่เคยค้ำชูพระพุทธศาสนาที่ทำไว้มากให้ผล การสร้างปุชณียสถานและวัตถุ ก็กระทำการใดๆก็จักสำเร็จ

อรหันต์พุทธภูมินี่มีกำลังบุญมาก และกระผมขอกล่าวด้วยความสัจจริงว่า หลวงพ่อ ท่านนั้นได้สร้างความเจริญทั้งในทางหลังธรรมคำสอน การสร้างโรงเรียนปริยัติ ตลอดจนการก่อสร้างศุนย์ปฏิบัติธรรม หรือศาสนสถานและวัตถุมากมาย มีคุณต่อประเทศไทย ต่อการศาสนาพุทธ เป็นอย่างมาก เป็นพระอรหันตสาวกพระองค์หนึ่งที่ไม่มีใครเสมอเหมือนครับ สาธุครับ

 

เมื่อคืนกระผมนุ่งชุดขาว สวดมนต์ไหว้พระ ทำวัตรเย็น สวดบูชาพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ต่อด้วย สวดพระคาถา พาหุง มหากา ยอดพระกัณฑ์ ชินบันชร อรหันต์แปดทิศ สัมพุทเธ พระธารณปริตร ข่ายพระพุทธเจ้า และคาถาอื่นๆอีกพอสมควร เสร็จแล้วก็ภาวนาเจริญสมาธิ

เมื่อจิตสงบนิ่งได้นานพอสมควรไม่รับรู้สภาวะทางกาย จิตไม่ส่ายไปไหน หรือรับอะไรใดๆ เพราะฝึกจนชินแล้ว จนสงบนิ่งอยู่อย่างนั้น ปรากฏแสงสว่างจ้า กระผมรู้ด้วยสติว่าอันแสงสว่างนี้มิได้เกิดด้วยจิตเรามันปรุงแต่งเพราะเราไม่ได้สนใจและกำหนัดอยากรู้อยากมีอยากเห็นอยากได้ในแสงสว่างสีทองที่ปรากฏนี้
จิตเราก็วางเฉยสงบว่างอยู่อย่างนั้น แสงสว่างดังกล่าวหายไปมีกายทิพย์ ชายผู้หนึ่ง นั่งประทับอยู่บนช้างเผือกที่มีประดับตกแต่งสวยงาม หน้าตาหล่อคมเข้ม ไว้หนวดยาวพอสวยงาม ชายดังกล่าวแต่งชุดองค์แบบมหาเทพ กายท่านสว่าง ท่านมีอาวุธประจำกาย คือพระขันธ์ คทา หอยสังข์และจักร ท่านมี4กร ท่านกล่าวออกมาในสมาธิด้วยเสียงกังวาลไพเราะว่า
มหาเทพ: ดูก่อนท่านมานพน้อย ความสงสัยในเรื่องพระอนาคตวง์ทั้ง10พระองค์นั้น ท่านคลายข้อสงสัยหรือยัง
กระผม: ตอบว่า ไม่ได้มีความสงสัยใดๆอีกแล้วครับ แล้วท่านมหาเทพเป็นใคร ขอท่านโปรดอนุเคราะหตรัสสอนอบรมธรรมแก่กระผมด้วยเถิดครับ
มหาเทพ: เราคือ มหาเทพปาลิยะกะเทพบุตรโพธิสัตว์ เหตุที่เรามาหาท่านมานพน้อยที่นี้ เพราะ ธรรมดาพระโพธิสัตว์จักต้องอนุเคราะห์และสงเคราะห์ แก่เหล่าพระโพธิสัตว์ด้วยกัน เราขอจะตรัสกล่าวแก่เธอว่า พระอนาคตวงค์ทั้ง10พระองค์ที่พระศาสดาตรัสไว้แล้วนั้น ย่อมเป็นสัจจริงไม่มีเป็นอื่น
กระผม: สาธุ กระผมใคร่ขอเรียนถามว่า ท่านคืออดีตช้างปาลิยะกะใช่หรือไม่ขอรับ
มหาเทพ: ใช่นั้นคืออดีตของเรา ครั้นมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาตรัสแก่เราให้เรากลับไปยังที่ของเราคือกลับเข้าสู่ป่าปาลิยะกะ เราได้เสียใจและสินชีวิต หลังจากนั้น ครั้นเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพาน เราได้ฟังธรรมอันเป็นปัจฉิมโอวาท หลังจากนั้น ได้7วัน เราได้จุติใหม่ มีกายและความเป็นทิพย์เป็นอย่างนี้
กระผม: สาธุ กระผมขอเรียนถามว่า พระมหากษัติย์ปัจจุบันของประเทศไทยขณะนี้ใช่ท่านหรือไม่
มหาเทพ: ไม่ใช่ เราคือเรา เรายังไม่ได้ไปจุติ เพราะยังไม่ถึงกาละของเรา ส่วนท่านมหากษัติย์ที่ปกครองประเทศอยู่ในเวลานี้ ท่านเป็นพระมหาโพธิสัตว์ผู้มีบารมีมากพระองค์หนึ่ง และท่านก็ต้องสร้างบารมีอีกมากเช่นกัน
กระผม: มหากษัติย์พระองค์นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้ามีพระยามว่า พระยามาธิราชพุทธเจ้าใช่หรือไม่ กระผมมีความเข้าใจเป็นอย่างนี้ครับ สาธุ
มหาเทพ: เธอเข้าใจถูกต้องแล้ว นั่นเป็นเพราะท่านสร้างบารมีสั่งสมไว้มากมาย อนาคตกาล ท่านมหาโพธิสัตว์ผู้นี้จะเป็นที่เคารพ นับถือและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเหล่าประชาชนชาวสยามสืบไป จวบจนพุทธกาลครอบ5000ปี
กระผม:สาธุครับ
มหาเทพ:ก่อนที่เราจะกลับไปยังที่ของเรา เราขอกล่าวว่า อันญาณที่เรียกว่า สัพพัญญุตญาณ หรือญาณหยั่งรู้ ในวิถีแห่งพุทธเจ้านั้น จะบังเกิดมีได้ ก็เฉพาะมนุษย์ผู้ที่ปราถนาโพธิญาณ สร้างบารมีแห่งพุทธภูมิมามากพอ ย่อมถึงซึ่งพระสัพพัญุตญาณ แต่อันญานนี้ย่อมส่งสมพอกพูนงอกงามยิ่งขึ้นก็ด้วยการสร้างบารมีที่ยิ่งๆขึ้นไป เมื่อไหร่บารมีที่เราสร้างเต็มบริบูรณ์แล้ว ก่อนตรัสสรู้พระอนุตระธรรม ญาณพระสัพพัญญุตญาณนี้ก็ถึงที่สุดพร้อมด้วยเช่นกัน สุดท้ายนี้ขอให้เธอพึงหมั่นเจริญในธรรม หมั่นเจริญภาวนา หมั่นสร้างบารมี เพราะหน้าที่ของเธอยังมีอีกมากรออยู่ สาธุ สาธุ สาธุ

 

คุณ tjs อย่าไปยึดมั่นนิมิตในฌานว่าเป็นจริงเป็นจรังนะครับ คิดซะว่า ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เหมือนฝัน ทำแต่ความดีนั้นดีที่สุด

จิตสามารถสร้างภาพได้มากมายจึงได้ชื่อว่าจิตเพราะมันวิจิตรพิสดารพันลึก

เรื่องช้างปาลิไลยกะนั้น อรรถกถาบอกว่า ตายตั้งแต่พระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานด้วยซ้ำ ไม่ใช่ตายหลังปรินิพพาน เพราะเสียใจที่ไม่ได้ปรนนิบัติรับใช้พระพุทธเจ้า แต่ไปเกิดในสวรรค์ด้วยจิตเลื่อมใสในพุทธคุณดังรายละเอียดต่อไปนี้

ช้างทำกาละไปเกิดเป็นเทพบุตร                              ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะช้างนั้นว่า “ปาริเลยยกะ นี้ความไปไม่กลับของเรา, ฌานก็ดี วิปัสสนาก็ดี มรรคและผลก็ดี ย่อมไม่มีแก่เจ้าด้วยอัตภาพนี้, เจ้าหยุดอยู่เถิด.”                พระยาช้างได้ฟังรับสั่งดังนั้นแล้ว ได้สอดงวงเข้าปากร้องไห้ เดินตามไปข้างหลังๆ. ก็พระยาช้างนั้น เมื่อเชิญพระศาสดาให้กลับได้ พึงปฏิบัติโดยอาการนั้นแลจนตลอดชีวิต.                ฝ่ายพระศาสดาเสด็จถึงแดนบ้านนั้นแล้ว ตรัสว่า “ปาริเลยยกะ จำเดิมแต่นี้ไป มิใช่ที่ของเจ้า, เป็นที่อยู่ของหมู่มนุษย์. มีอันตรายเบียดเบียนอยู่รอบข้าง, เจ้าจงหยุดอยู่เถิด”                ช้างนั้นยืนร้องไห้อยู่ในที่นั้น, ครั้นเมื่อพระศาสดาทรงละคลองจักษุไป, มีหัวใจแตก, ทำกาละแล้ว เกิดในท่ามกลางนางเทพอัปสรพันหนึ่ง ในวิมานทองสูง ๓๐ โยชน์ ในภพดาวดึงส์ เพราะความเลื่อมใสในพระศาสดา ชื่อของเทพบุตรนั้นว่า “ปาริเลยยกเทพบุตร” ฝ่ายพระศาสดาได้เสด็จถึงพระเชตวันแล้วโดยลำดับ.

http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=11&p=5

อีกอย่าง ผมไปเจอกระทู้เก่า เกี่ยวกับเรื่องใครคือช้างเชือกนี้กลับชาติมาเกิด พบว่ามีหลากหลายความเชื่อ ซึ่งไม่ค่อยจะตรงกันเลย คิดซะว่าดูเล่นๆอย่าไปจริงจังละกันนะครับ

http://palungjit.org/threads/โพธิสัตว์องค์ไหนคือ-ช้างปาลิไลย์.225886/

 

ที่นำมากล่าวแสดง ไม่ได้ให้ยึดติด ใดๆ แค่เพื่อแลกเปลี่ยนประสพการณ์ที่ได้สัมผัส
ถูกต้องครับ ผมไม่เคยเชื่อในเรื่องนิมิต แม้มันจะจริงหรือไม่จริงก็เรื่องของมัน แม้เคยนิมิตเห็นเลขเกือบทุกงวด แต่ก็ไม่เคยสนใจทั้งๆที่มันก็ออกตรงตามนั้น พอเราไม่ยึดติดนิมิตมันก็หายไปเอง

ผมมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนใครคือจิตใจที่ดีและเปิดกว้าง และมีความคิดเสมอว่า ต้องคิดดี อย่าไปคิดร้าย หรือคิดไม่ดี อะไรจะเกิดมันก็เกิดของมัน ขอให้จิตเรารับรู้ คือแค่รู้เฉยๆจิตจะไม่เข้าไปยึดมั่นกับธรรมารมณ์เหล่านั้นที่เข้ามากระทบ จิตนี้จะพยายามรักษาไว้ซึ่งอุเบกขา คือเป็นกลาง ปล่อยวาง มีความว่าง เป็นบรมสุข จิตผมมันก็มีแค่นี้ครับ

อวิชชา คือสิ่งที่ต้องทำลาย วิชชาเกิดแล้ว ก็ปล่อยวางไม่ยึดติดในวิชชา แม้วิชชาเกิด อภิญญาเกิด จิตก็ไม่ยึดติดในอภิญญาเช่นกัน ในโลกนี้ไม่มีอะไรให้น่ายึดติดหรือยึดมั่นทั่งนั้นครับ สาธุ

 

ขออนุญาตแสงดความคิดเห็นนะครับ
ถ้าคำกล่าวของผมล่วงเกินปรามาสคำกล่าวพระอริยเจ้าท่านใด คำพูดของท่านใด ความเห้นอย่างไร ผมขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
จะขออัญเชิญคำกล่าวของ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง ที่กล่าวไ้ว้ว่า
" ...ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนามเคยเป้นช้างนาฬาคิริง ส่วนในหลวงองคืปัจจุบัน เป็น ช้างป่าเลไลยก์ นะ..."
ถ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยเสวยพระชาติเป็นพระยาช้างป่าเลไลยก์ แสดงว่า จะเข้าในหมวดของพระบาลีในบทสวดนมัสการพระอนาคตวงศ์ทั้ง 10 พระองค์ ที่ว่า "...ปาลิไลยโย สุมังคะโล..." = พระสุมังคลสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช่ไหมครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่สำคัยหรอกนะครับ ผมเพียงแต่แสดงความคิดเห็นเท่านั้นเอง และทุกครั้งๆ ที่สวด พระคาถานมัสการพระอดีตวงศ์ ปัจจุบัน อนาคตวงศ์ ผมจะระลึกนึกถึงหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์ปัจจุบันเสมอๆครับ เพราะทรงเป็นโพธิสัตว์ทั้งสิ้นครับผม
อนุโมทนาบุญครับ สำหรับธรรมทานและความเห็นที่เป็นกุศลของแต่ละท่าน

 

อนุโมทนาครับ ถือว่าแลกเปลี่ยนกันนะครับ ผิดถูกอย่าไปกังวล แต่ให้เรายังคงรักษาความดีของเราไว้

เรื่องจริง ความจริง ไม่นานก็ปรากฏ มันก็เป็นเรื่องของมัน สำคัญคือการฝึกตนให้ห่างไกลกิเลสครับ สาธุ

 

เรื่องนี้ ข้อมูลอยู่ที่ดุสิตนะ ไปหาที่นั่นจะตรงกว่า