... ชมแบบนี้พี่เขิลเลยนะคะ .. อันนี้ที่บอกได้เพราะเคยศึกษามาก่อนในเรื่องแบบนี้ เพราะตนเองก็เคยมีคนให้รับขันธ์บ่อย ๆ แต่พี่ไม่รับคะ ก็ยกท่านให้เป็นครูบาอาจารย์เป็นผู้มีพระคุณของเราไป เพราะว่าเราไม่สามารถรักษากฏระเบียบที่มีได้คะ เพราะการจะเป็นร่างทรงที่ดีได้จริง ๆ ไม่ใช่ง่ายเลย สุ่มเสี่ยงมาก ๆ เหมือนดาบสองคมที่จะทำร้าย และ ให้คุณเราได้ในเวลาเดียวกัน หากเราประพฤติตนถูกต้องตามครรลองที่มี ชีวิตก็จักเจริญรุ่งเรื่องด้วยบุญบารมีเป็นที่พึ่งแห่งหมู่ชนทั้งหลายได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ประพฤติผิดแล้วไซร้ หนทางดิ่งลงสู่นรกก็จักเปิดรอทันที แม้มีลมหายใจอยู่ก็จักเหมือนตายทั้งเป็น เพราะเทวดาท่านละทิ้งผู้เป็นร่างไปเหลือไว้แต่ พวกมิฉาทิฐิ หรือ เปรต อสุรกายแทน โดยที่เราไม่รู้ตัวก้ได้ ... อะไรที่บอกเตือนกันได้ก็บอกเตือนกันไปแหละคะ .. น้องเขามีบุญมีวาสนาก็อยากให้เขาใช้มันเดินให้ถูกให้ควรก็เท่านั้น พี่ไม่ไใช่คนเก่งอะไรนักหรอกคะ แต่แค่ชอบอ่าน ศึกษาค้นคว้าเลยรู้มากหน่อยแค่นั้นคะ .. อันที่เอามาบอกน้องเขาพระอาจารย์พี่ท่านก้สอนมาอีกที ...
มาพูดถึงระดับที่สูงกว่าที่มีในตอนนี้คือ การทำสัญญาลักษณ์ต่างๆแล้วล้อมด้วยวงกลม เช่น สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยน แปดเหลี่ยม พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว พระอาทิตย์ ดาวหกแฉก ห้าแฉก สัญลักษณ์ เลขไทย หนึ่งสองไปจนถึงหลักล้าน ทำเป็นยกกำลังเอา เลขไทย จะพาท่านไปเมืองมาร หลับตาแล้วลองทำดู เลขอารบิกจะพาท่านไปเมืองสวรรค์ หลับตาแล้วลองทำดู คือเอาเลขหนึ่งล้อมด้วยวงกลม จะไปแต่ละชั้นของสวรรค์ ทำให้สี่คนแล้วเปิดตาเห็นตามที่บอก สำหรับคนที่เป็นสายสัญญากันเท่านั้นถึงจะเห็นน้อ คนมีบารมีไม่พอไม่อาจเห็นได้นะครับ เป็นของมนุษย์ต่างดาวที่มีวิวัฒนาการเหนือโลกเราเป็นหมื่นเท่าอยู่นอกอาจินไตยเรา ใครที่โจ๊กเปิดตาแล้วเห็นพระอาทิตย์ลองทำดูนะครับจะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์น้อ
ใครคิดจะทำตามก็เตรียมรับชะตากรรมบางอย่างเอาเองนะจ๊ะ รังสีอัลตร้าไวโอเลตในแสงแดดประกอบด้วย 2 ส่วนคือ รังสีอัลตร้าไวโอเลต – A ( ความยาวคลื่น 320 – 400 nm ) รังสีชนิดนี้มีผลทำให้สีผิวคล้ำลง , ผิวหนังเหี่ยวย่น , และเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งผิวหนัง เมื่อเปรียบเทียบกับรังสีอัลตร้าไวโอเลต – B รังสีชนิดนี้จะมีพลังงานต่ำกว่า แต่กลับสามารถผ่านเข้าไปในชั้นลึกของลูกตาได้มากกว่า รังสีอัลตร้าไวโอเลต – B ( ความยาวคลื่น 280 – 320 nm ) รังสีชนิดนี้มีผลทำให้ผิวไหม้ และก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ รังสีชนิดนี้มีพลังงานสูงกว่า และมีผลเสียมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับรังสีชนิดแรก ส่วนผลที่จะเกิดต่อดวงตาก็คือรังสีนี้จะถูกดูดซึม และทำให้เกิดอันตรายต่อกระจกตาและเลนส์แก้วตา แต่มักไม่มีผลต่อจอประสาทตา รังสีอัลตร้าไวโอเลตเป็นรังสีพลังงานสูงที่ตาเรามองไม่เห็น เมื่อรังสีถูกดูดซับเข้าไปจะทำให้เกิดปฏิกริยาเป็นอันตรายต่อส่วนต่างๆ ของดวงตา เช่น หนังตา ทำให้ผิวแห้ง, เหี่ยวย่น, มะเร็งผิวหนัง กระจกตา ถ้าโดนรังสีอัลตร้าไวโอเลตในระยะสั้นเป็นชั่วโมง บนชายหาดหรือหิมะ โดยไม่ใส่เครื่องป้องกันดวงตา จะทำให้เกิดกระจกตาอักเสบ มีอาการปวดเคือง และตามัวชั่วคราวได้ ส่วนผู้ที่ต้องได้รับรังสีอัลตร้าไวโอเลตเป็นเวลานานอยู่เป็นประจำก็จะทำให้เกิดต้อเนื้อได้ เลนส์แก้วตา รังสีอัลตร้าไวโอเลต – B จะไปทำลายโปรตีนในเนื้อเลนส์แก้วตา ซึ่งจะทำให้เกิดโรคต้อกระจกได้ จอประสาทตา รังสีอัลตร้าไวโอเลตทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ( Age – Related Macular Degeneration ) ________________________________________________ ที่มาของข้อมูล: http://www.eyebankthai.com/index.as...A%A7%E1%B4%B4+&getarticle=77&keyword=&catid=5
ผมคิดว่าอย่าขวางทางกันเลยครับใครทำได้ผมอนุโมทนาด้วย แต่ขอฝนแถวหนองคาย ด้วยละกัน อ.เฝ้าไร่นะแม่บอกไม่มีฝนเลย
เห็นด้วยครับ ไอ้เราก็บอกไปเหมือนกันแต่เจ้าของกระทู้โพสข้อความต่อว่าผม แบบนี้มัน... หรือมันถูกจ้างมาจากพวกธุรกิจที่ทำแว่นขาย มาหลอกให้คนตาเสีย แล้วก็ไปซื้อแว่นแพงๆทีร้านของพวกมัน แง่นี้ก็น่าคิดเหมือนกัน(เป็นการคาดเดาเอาไม่ได้ว่าใคร) 555 อย่าซีเรียสไปไอ้น้อง ทางที่ดีควรไปทำเรื่องขอบริจาคอวัยวะดีกว่ามานั่งเพ่งดวงอาทิตย์
อโลกกสิณ หรือ กสิณแสงสว่าง ที่บอกว่าเท่าเหรียญห้าบาทนั่นคือดวงธรรม ถ้าจิตถึงขั้นบังคับให้ลอยไปลอยมาได้ควรกระดิกจิตให้ดวงธรรมลอยไปอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด ซึ่งอยู่บริเวณกลางท้อง แล้วทำใจหยุดนิ่งมองดวงธรรมตรงกลางท้องไปเรื่อยๆ แต่ต้องนั่งสมาธิหลับตาใช้เวลานานหน่อยเดี๋ยวก็เจอพระ อย่าไปรีบดูไปเรื่อยๆ
ที่สมัครสมาชิกวันนี้เพราะต้องการทราบค่ะว่ามีใครสามารถมองพระอาทิตย์ด้วยตาเปล่าได้หรือเปล่า เลยใช้คีย์เวอร์ดตามหา พบที่นี่เลยสมัครเข้ามาเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ เพราะเกิดกับตัวเองเช่นกันค่ะ
ผมก็มองพระอาทิตย์ด้วยตาเปล่าได้นะ นานกว่าห้าวิ คือมองได้จนเห็น เป็นดวงกลม ๆ แล้วขอบของดวงอาทิตย์จะเป็นสีเลื่อม ๆ อ่ะ บอกไม่ถูก ตอนนี้ก็ยังมองได้อยู่ มองแล้วก็แค่มีสีที่เกิดจากภาพติดตา เพราะแสงจากดวงอาทิตย์ ปรากฏเป็นดวง ๆ กลม ๆ สีแดง ๆ ม่วง ๆ ฟ้า ๆ เขียว เหลือง น้ำเงิน ขาว ไล่เฉดไปสลับ ๆ กัน เหมือนเวลามองหลอดนีออน แล้วหลับตาจะเห็นเป็นแถบยาว ๆ สองสามนาทีก็หาย ตอนนี้ไม่สนใจจะมองมานานละครับ เพราะที่ผ่านมา ใช้สายตาเยอะเกินไป กลัวมันจะบอด เริ่มมองไม่ค่อยเห็นในที่มืดละ (ที่มองพระอาทิตย์ได้ เพราะดวงตาผมอาจไม่ไวต่อแสงก็ได้มั้ง เพราะมองอะไรในป่ากล้วยตอนกลางคืนไม่ค่อยจะเห็น พ่อผมนี่ ในป่ากล้วยมืด ๆ เดินไปดูตามทางแกบอกได้เลย ว่าอะไรเป็นอะไร อยู่ตรงไหน *0* ร่างกายของคนเรามันไม่เหมือนกันเป็นเรื่องธรรมดาน่ะนะ) ผมว่าถ้าจะบูชาดวงอาทิตย์แค่น้อมจิตก็พอแล้ว ไม่ต้องถึงขั้นมองหรอก ไม่มีอะไรชำระใจคนเราได้เท่าตัวเราเอง+พระธรรม (ถ้าเข้าใจน่ะนะ) คนอื่นหรือสิ่งอื่นช่วยชำระใจให้เราไม่ได้ และถึงเราจะชำระใจเราได้จริง ถ้า ใจเรายังรับสิ่งไม่ดีอยู่ การชำระด้วยสิ่งอื่นมันก็เท่านั้น