ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>ลูกเห็บขนาดยักษ์พัดถล่มออสเตรเลีย
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>ซิดนีย์ 9 ต.ค.- ลูกเห็บขนาดใหญ่โตเท่าลูกเทนนิสถล่มเมืองชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของออสเตรเลีย สร้างความเสียหายให้กับหน้าต่างบ้านเรือน รถยนต์ และอาคารจำนวนมาก
    รายงานแจ้งว่า พายุลูกเห็บพัดถล่มเมืองลิสมอร์เป็นเวลา 15 นาที มีรายงานว่าบางพื้นที่ลูกเห็บขนาดประมาณ 5-6 เซนติเมตร ผู้เชี่ยวชาญสภาพอากาศกล่าวว่า อุณหภูมิลดลงอย่างรุนแรงจาก 29 องศาเซลเซียส เหลือ 15 องศาเซลเซียส ภายใน 1 ชั่วโมงทันทีที่พายุพาดผ่าน และมีคำเตือนว่าจะเกิดพายุฝนฟ้าคะนองตามมาอีก
    การเกิดลูกเห็บขนาดใหญ่เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยคือ เกิดอากาศชื้นและอบอุ่นใกล้ผิวดินปะทะกับชั้นบรรยากาศเย็นจัดที่อยู่สูงขึ้น. –สำนักข่าวไทย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    คัมภีร์ธรรมบทที่พระพุทธโฆษาจารย์เป็นผู้แต่งบอกว่า "วันนี้คนทั้งสามโลกได้เห็นแล้ว ที่ไม่อยากเป็นพระพุทธเจ้านั้น ไม่มีเลยสักคน" ปฐมสมโพธิพรรณนาไว้ยิ่งกว่านี้เสียอีก คือว่า

    "ครั้งนั้นเทพยดามนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน กำหนดที่สุดมดดำมดแดง ซึ่งได้เห็นองค์พระชินสีห์ แลสัตว์คนใดคนหนึ่งซึ่งจะมิได้ปรารถนาพุทธภูมินั้นมิได้มีเป็นอันขาด"
    ** สงสัยจังว่าอย่างนี้ พระโพธิสัตว์ระดับเริ่มปารถนาจะมีอารมณ์ผระมาณไหนกันน่ะ
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จริงหรือ!? แม่เหล็กโลกกลับขั้วทำไทยหิมะตกใน 7 ปี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 ตุลาคม 2550 10:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ภาพของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเสตทในลอสแองเจลลิส (California State University, Los Angeles) สหรัฐอเมริกา ซึ่งแสดงสนามแม่เหล็กโลกโดยเส้นแรงแม่เหล็กวิ่งจากขั้วแม่เหล็กใต้ไปยังขั้วแม่เหล็กเหนือ ทั้งนี้ยังเห็นว่าตำแหน่งของขั้วโลกเหนือและขั้วแม่เหล็กเหนืออยู่คนละตำแหน่งด้วยลูกศรสีแดง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ภาพจากหอดูดาวโรม (Astronomical Observatory of Rome) อิตาลีแสดงสนามแม่เหล็กโลกปกป้องอันตรายจากพายุสุริยะที่ส่งมาจากดวงอาทิตย์ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ผงตะไบเหล็กที่นำมาทดลองเรื่องเส้นแรงและสนามแม่เหล็กได้เป็นอย่างดี ทั้งยังจำลองสภาพขั้วแม่เหล็กโลกและสนามแม่เหล็กได้เข้าใจง่ายด้วย</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ทีมนักธรณีวิทยาสำรวจขั้วแม่เหล็กโลกเหนือ ภาพบนเป็นภาพการสำรวจเมื่อปี 2544 ส่วนภาพล่างเป็นการสำรวจเมื่อปี 2493</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แผนที่แสดงตำแหน่งของขั้วแม่เหล็กโลกเหนือที่เปลี่ยนไปทุกครั้งที่ทำการสำรวจ โดยจุดดาวแดงคือตำแหน่งในปี 2544</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เผยข้อมูลขั้วแม่เหล็กโลกกลับทิศมากว่า 400 ครั้งในช่วง 330 ล้านปี โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ 780,000 ปีที่ผ่านมา และพบการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งด้วยความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อปี หากคงไว้ที่อัตราดังกล่าวขั้วแม่เหล็กโลกจะอยู่ที่ไซบีเรียอีก 50 ปี ด้านผู้เชี่ยวชาญกรมทรัพยากรธรณีไทยเผยปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ทำมนุษย์สูญพันธุ์

    ไม่ทราบว่าได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Absolute Zero ในชื่อไทยว่า "มหาวิบัติวันสิ้นโลก" หรือไม่ แต่ก็สร้างความตื่นตะลึงไม่น้อยกับข้อมูลเตือนภัยพิบัติของ ศ.นพ.เทพนม เมืองแมนที่อ้างว่าได้รับมาจากมนุษย์ต่างดาวอีก โดยระบุว่าภายในปี 2557 นี้โลกจะเผชิญกับการเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กโลกแบบกลับเหนือ-ใต้ ซึ่งจะทำให้เกิดพายุหมุน แผ่นดินไหว อุณหภูมิโลกเปลี่ยนและไทยยังต้องเผชิญกับหิมะตก โดยโลกเผชิญภาวะแม่เหล็กเปลี่ยนขั้วมาแล้ว 8 ครั้ง

    แม้ว่า "เดวิด คอช" (David Koch) ตัวละครเอกของเรื่องอาจไม่เร้าใจสาวๆ หลายคนแต่ภาพยนตร์ข้างต้นก็ได้นำเสนอภาพโกลาหลที่อาจจะเกิดหากขั้วแม่เหล็กโลกกลับทิศ ภายใน 4 ชั่วโมงกว่าของการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันได้นำพาโลกที่อยู่ในละติจูดต่ำกว่า 30 เหนือและใต้จมสู่ความมืดมิดและหนาวเย็นถึง -273 องศาเซลเซียสหรือเท่ากับ 0 เคลวินซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกอุณหภูมิดังกล่าวว่า "ศูนย์องศาสัมบูรณ์" (absolute zero) ขณะที่แถบขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้มีสภาพอากาศเช่นเดียวกับเขตร้อน จินตนาการดังกล่าวจะเป็นจริงในอีก 7 ปีหรือไม่? วิทยาศาสตร์คงมีคำตอบในเรื่องนี้

    เชื่อกันว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกนั้นเกิดขึ้นเมื่อการไหลเวียนของนิกเกิลเหลว (liquid nickel) และเหล็กเหลว (liquid iron) ในแกนกลางชั้นนอกของโลกกระจัดกระจาย จากนั้นก็จัดเรียงตัวใหม่ในทิศทางตรงกันข้ามแต่ยังไม่มีใครทราบถึงสาเหตุของการกระจัดกระจายดังกล่าว หลักฐานการกลับขั้วพบได้ในสันเขากลางมหาสมุทร (mid-ocean ridges) ซึ่งแผ่นเปลือกโลกเทคโทนิค (tectonic plates) ได้แยกออกจากกัน และที่ก้นมหาสมุทรก็เต็มไปด้วยแมกมาซึ่งไหลซึมออกมาจากเปลือกโลกชั้นใน (mantle) อนุภาคแม่เหล็กในของเหลวร้อนดังกล่าวได้พลิกทิศทางของสนามแม่เหล็กโลกในเวลานั้น

    ทั้งนี้ขั้วแม่เหล็กโลกกับขั้วโลก (Geographic pole) นั้นเป็นคนละขั้วและไม่ได้อยู่ตำแหน่งเดียวกัน จากข้อมูลของหน่วยงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งแคนาดา (Geological Survey of Canada) ระบุว่าในช่วง 330 ล้านปีที่ผ่านมามีการกลับขั้วของขั้วแม่เหล็กโลกมากกว่า 400 ครั้ง โดยเฉลี่ย 700,000 ปีจะเกิดขึ้นสักครั้งแต่ช่วงเวลาระหว่างการกลับขั้วก็ไม่คงที่ บางครั้งเกิดห่างกันน้อยกว่า 100,000 ปี และการคำนวณพบว่าช่วงหลังการกลับขั้วเกิดขึ้นทุกๆ 200,000 ปี แต่การกลับขั้วครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 780,000 ปีที่แล้ว

    ขณะเดียวกันนายวรวุฒิ ตันติวนิช ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้ข้อมูลว่าการเปลี่ยนแปลงขั้วแม่เหล็กเป็นเรื่องปกติโดยพบมาหลายพันครั้งแล้วในอดีต แต่ขั้วแม่เหล็กโลกไม่ได้เปลี่ยนแปลงมานานพอสมควร โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในช่วงที่มีมนุษย์คนแรกเกิดขึ้นแล้วและการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นก็ไม่ได้ทำให้มนุษย์สูญพันธุ์แต่อย่างใด

    "นักวิทยาศาสตร์จึงคาดกันว่าการเปลี่ยนแปลงขั้วแม่เหล็กโลกไม่น่าจะทำให้เกิดภัยพิบัติรุนแรงถึงมนุษย์ขั้นสูญพันธุ์ แต่ผลกระทบอาจเกิดแก่เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ต้องอาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อาทิ การสื่อสารวิทยุ โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ที่มีมอเตอร์และได้นาโม เป็นต้น รวมทั้งสุขภาพของคนเนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกจะช่วยปกป้องสิ่งมีชีวิตจากรังสีนอกโลก หากมีการเปลี่ยนแปลงก็อาจทำให้พลังงานจากนอกโลกเข้ามาทำอันตรายสิ่งมีชีวิตได้" นายวรวุฒิกล่าวพร้อมระบุว่ามีการศึกษาเรื่องการกลับขั้วแม่เหล็กโลกไม่มากนัก จึงยังไม่แน่ในว่าการเปลี่ยนแปลงขั้วแม่เหล็กโลกนั้นเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็พบว่าขั้วแม่เหล็กโลกกำลังค่อยๆ เคลื่อนที่ออกจากแคนาดา

    เมื่อปี 2374 นักวิทยาศาสตร์ของแคนาดาได้เดินเรือสำรวจขั้วแม่เหล็กเหนือ (North Magenetic Pole) ของโลกเป็นครั้งแรกและคาดว่ามีตำแหน่งอยู่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรบูเธีย (Boothia Peninsula) ซึ่งอยู่ตอนเหนือสุดของแคนาดา จากนั้นก็มีการสำรวจตำแหน่งของขั้วแม่เหล็กเหนือมาเรื่อยๆ และพบตำแหน่งที่ต่างกัน โดยระหว่างศตวรรษที่ 20 นี้ขั้วแม่เหล็กเหนือได้เปลี่ยนตำแหน่งไปราว 1,100 กิโลเมตรแล้ว ปัจจุบันพบว่าความเร็วของการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งขั้วแม่เหล็กโลกได้เพิ่มขึ้นเป็น 41 กิโลเมตรต่อปี หากการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเกิดขึ้นด้วยความเร็วเท่าเดิมในทิศทางเดิมขั้วแม่เหล็กเหนือจะไปอยู่บริเวณไซบีเรียในอีก 50 ปีข้างหน้า

    อย่างไรก็ดียังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงของขั้วแม่เหล็กโลกนั้นจะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอย่างไรบ้าง มีเพียงจินตนาการจากภาพยนตร์แสดงให้เห็นความหนาวเย็นที่ไม่อาจคาดเดาว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ขณะที่การสำรวจตำแหน่งของแม่เหล็กโลกก็ยังคงดำเนินต่อไป

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000118259
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ถ้าจะเปรียบเทียบกับอารมณ์ของคนสมัยนี้ ก็คงเหมือนกับคนที่ปรารถนาจะได้เป็นอย่าง บิลเกตท์(มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก) กระมังครับ

    [​IMG]
    Bill Gates
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2007
  5. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    น่าจะมีอารมณ์ รัก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ต่อสรรพสิ่ง สรรพชีวิต เป็นหลัก
     
  6. ปฐวี

    ปฐวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +457
    <TABLE id=table1 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="85%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=titlehead align=middle>คำแนะนำในการใช้ตารางกำหนดเขตอันตรายและเขตควบคุมป้องกัน
    (Table of Initial Isolation and Protective Action Distances)</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD class=bullet>ตารางกำหนดเขตอันตรายและเขตควบคุมป้องกัน ใช้ประโยชน์ในการป้องกันประชาชนให้พ้นจากบริเวณที่มีการรั่วไหลของวัตถุอันตราย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเป็นพิษเมื่อสูดหายใจเข้าไป (Toxic by Inhalation, TIH) รวมทั้งวัตถุที่ใช้ในสงคราม หรือให้ก๊าซพิษเมื่อสัมผัสกับน้ำ ตารางดังกล่าวใช้เป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับผู้ดำเนินการโต้ตอบภาวะฉุกเฉินในขั้นต้น ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญและผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินจะเดินทางมาถึง ระยะทางที่ปรากฏในตารางจะแสดงขอบเขตพื้นที่ซึ่งจะได้รับผลกระทบภายในระยะเวลา 30 นาทีแรก หลังจากที่มีการหกรั่วไหลของสารอันตราย และอาจจะขยายเพิ่มขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป เขตอันตราย (Initial Isolation Zone) หมายถึง พื้นที่โดยรอบอุบัติภัยที่เกิดขึ้นซึ่งอาจทำให้ประชาชนในทิศเหนือลมได้รับอันตรายและอาจทำให้ประชาชนในทิศใต้ลมเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
    เขตควบคุมป้องกัน (Protective Action Zone) หมายถึง พื้นที่ใต้ลมของอุบัติภัยที่เกิดขึ้นซึ่งอาจทำให้ผู้ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการป้องกันอันตรายและ/หรือได้รับผลกระทบต่อสุขภาพในขั้นร้ายแรงหรือในขั้นที่ไม่สามารถหวนเป็นปกติได้
    ตารางดังกล่าวจะให้คำแนะนำเฉพาะสำหรับการหกรั่วไหลปริมาณเล็กน้อยและปริมาณมากซึ่งอาจเกิดขึ้นในเวลากลางวันหรือกลางคืน
    การปรับเปลี่ยนระยะเขตอันตรายและเขตควบคุมป้องกันสำหรับเหตุการณ์เฉพาะบางอย่างควรจะกระทำโดยบุคลากรด้านเทคนิคที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะกรณี ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีแนวทางแน่นอนในการปรับเปลี่ยนตารางดังกล่าวในเอกสารเล่มนี้ อย่างไรก็ตามอาจใช้แนวทางทั่วไปต่อไปนี้
    <HR width="85%" color=#000000 noShade>ปัจจัยที่อาจเปลี่ยนระยะควบคุมป้องกัน
    คู่มือจะกล่าวถึงระยะอพยพที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม หากเกิดเพลิงไหม้ในบริเวณที่มีวัตถุอันตรายจะทำให้อันตรายจากพิษของวัตถุมีความสำคัญน้อยกว่าอันตรายจากอัคคีภัยหรือการระเบิด ถ้ามีจำนวนภาชนะหรือถังบรรจุมากกว่า 1 ถัง หรือรถขนส่งมากกว่า 1 คัน ที่เกี่ยวข้องกับการรั่วไหล อาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มระยะ หากเกิดการรั่วไหลขนาดใหญ่
    สำหรับวัตถุซึ่งมีระยะควบคุมป้องกัน 11.0+ ก.ม. (7.0+ ไมล์) ระยะที่แท้จริงจะเพิ่มมากขึ้นในบางสภาวะอากาศ เช่น กรณีที่ถ้ากลุ่มของไอระเหย (Vapor Plume) ของวัตถุอันตรายผ่านเข้าไปในหุบเขาหรืออยู่ระหว่างตึกสูงๆ ระยะดังกล่าวอาจจะมีขนาดเพิ่มขึ้นมากกว่าที่แสดงในตาราง เนื่องจากการผสมกันของไอระเหยกับบรรยากาศมีน้อยกว่า อีกกรณีหนึ่ง เช่น การรั่วไหลในช่วงเวลากลางวันในบริเวณซึ่งมีความแปรปรวนของอากาศต่ำหรือมีหิมะปกคลุมหรือเกิดขึ้นในช่วงพระอาทิตย์ตกและมีลมสงบ อาจต้องการระยะควบคุมป้องกันเพิ่มขึ้น เนื่องจากในสภาวะดังกล่าวสิ่งปนเปื้อนในอากาศจะผสมกันและแพร่กระจายตัวได้ช้ากว่าและอาจเคลื่อนตัวไปได้ไกลกว่าในทิศทางตามลม นอกจากนั้น เขตควบคุมป้องกันอาจมีระยะทางเพิ่มขึ้น หากอุณหภูมิของของเหลวที่หกรั่วไหลหรืออุณหภูมิของอากาศขณะนั้นสูงกว่า 30 C (86 F)
    วัตถุที่เมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำ แล้วให้ก๊าซพิษจำนวนมาก จะมีอยู่ในตารางกำหนดเขตอันตรายและเขตควบคุมป้องกัน อย่างไรก็ตาม ต้องจำไว้ว่าวัตถุพวก TIH (เช่น Bromide trifluoride, Thionyl chloride เป็นต้น) สามารถให้วัตถุ TIH ชนิดอื่น เมื่อหกรั่วไหลลงในน้ำ สำหรับวัตถุพวกนี้ต้องเปิดตารางของทั้ง 2 สาร (สารตั้งต้น และสารผลิตภัณฑ์) ในกรณีที่ไม่ชัดเจนว่ามีการหกรั่วไหลลงบนพื้นดินหรือแหล่งน้ำ หรือทั้งพื้นดินและแหล่งน้ำ ให้เลือกระยะควบคุมป้องกันที่มากกว่า ตารางต่อจากตารางกำหนดเขตอันตราย และเขตควบคุมป้องกัน จะเป็นตารางแสดงสารเคมีที่ เมื่อหกรั่วไหลลงน้ำแล้วให้ก๊าซพิษ และแสดงก๊าซพิษที่สารที่ทำปฏิกิริยากับน้ำผลิตออกมา
    สารที่ทำปฏิกิริยากับน้ำแล้วให้ก๊าซพิษรั่วไหลสู่แหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำ หรือลำธาร แหล่งกำเนิดของก๊าซพิษนี้ อาจเคลื่อนที่ไปตามกระแสน้ำ ห่างจากจุดที่รั่วไหลเป็นระยะทางไกล
    ตารางกำหนดเขตอันตราย และเขตควบคุมป้องกันจะแสดงวัตถุอันตรายที่ใช้เป็นอาวุธสงครามบางอย่าง ซึ่งระยะทางจะกำหนดโดยการคำนวณจากเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุด ในกรณีที่ใช้วัตถุนี้เป็นอาวุธเท่านั้น
    <HR width="85%" color=#000000 noShade>ปัจจัยในการตัดสินใจควบคุมป้องกัน
    ทางเลือกในการป้องกันภัยในแต่ละสถานการณ์จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละปัจจัย ในบางกรณีการหนีภัยอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด บางกรณีการหาที่กำบังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ในบางครั้งอาจจะต้องใช้ทั้ง 2 วิธีร่วมกัน ในภาวะฉุกเฉินหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องให้คำแนะนำแก่สาธารณชนโดยเร็วที่สุด เนื่องจากสาธารณชนจำเป็นต้องทราบข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนคำแนะนำต่างๆ ในการหนีภัยหรือการโต้ตอบภาวะฉุกเฉิน
    การประเมินปัจจัยต่างๆ อย่างเหมาะสม ซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อไปนี้ จะช่วยให้การหนีภัย หรือการป้องกัน ณ สถานที่เกิดเหตุให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ความสำคัญของปัจจัยดังกล่าวอาจแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของภาวะฉุกเฉินในกรณีเฉพาะบางกรณี ปัจจัยอื่นๆ อาจมีความจำเป็นในการวิเคราะห์และพิจารณาด้วยเช่นกัน รายการต่อไปนี้จะเป็นตัวชี้ชนิดของข้อมูลซึ่งอาจจะนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจขั้นต้น
    <TABLE class=bullet id=table2 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>วัตถุอันตราย
    - ความรุนแรงของอันตรายต่อสุขภาพ
    - ปริมาณที่เกี่ยวข้อง
    - ภาชนะบรรจุ/การควบคุมการถ่ายเท
    - อัตราการเคลื่อนที่ของไอระเหย
    กลุ่มประชากรซึ่งได้รับผลกระทบ
    - สถานที่
    - จำนวนประชากร
    - เวลาในการหนีภัยหรือการป้องกัน ณ สถานที่เกิดเหตุ
    - ความสามารถในการควบคุมการหนีภัย หรือการหลบภัย ณ จุดเกิดเหตุ
    - ชนิดของตัวอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวก
    - สถาบันหรือกลุ่มประชากรที่สำคัญ เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก โรงพยาบาล เป็นต้น
    สภาพทางอุตุนิยมวิทยา
    - ผลต่อการเคลื่อนที่ของก้อนเมฆและไอระเหย
    - ความแปรปรวนของอากาศ
    - ผลต่อการหนีภัย หรือการป้องกันภัย ณ สถานที่เกิดเหตุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE><HR width="85%" color=#000000 noShade>การควบคุมป้องกัน
    การควบคุมป้องกัน (Protective Actions) เป็นขั้นตอนที่ทำให้เจ้าหน้าที่ระงับเหตุเบื้องต้น และสาธารณชนมีความปลอดภัยจากวัตถุอันตรายที่หกรั่วไหล ตารางกำหนดเขตอันตรายและเขตควบคุมป้องกัน (แถบสีเขียว) ในข้อมูลขนาดของพื้นที่ใต้ลม ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากกลุ่มก๊าซพิษ ประชาชนในบริเวณนี้ควรอพยพออกจากพื้นที่ และ/หรือหาที่หลบภัยในอาคาร
    เขตอันตรายและห้ามเข้า (Isolate Hazard Area and Deny Entry) คือ บริเวณที่ต้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องในการระงับเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระงับเหตุที่ไม่ได้สวมชุดป้องกันสารเคมีออกนอกบริเวณ การกั้นเขตอันตรายควรทำเป็นอันดับแรก เพื่อควบคุมบริเวณที่ต้องใช้ระงับเหตุ ให้ดูตารางกำหนดเขตอันตรายและเขตควบคุมป้องกันสำหรับข้อมูลของวัตถุแต่ละตัว
    การอพยพ (Evacuate) หมายถึง การเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากบริเวณอันตรายไปที่ที่ปลอดภัยกว่า ในการอพยพต้องมีเวลามากพอเพื่อการเตือนประชาชน เตรียมพร้อมและย้ายออกจากพื้นที่ ซึ่งหากมีเวลามากพอ การอพยพจะเป็นวิธีการควบคุมป้องกันที่ดีที่สุด เริ่มต้นโดยการอพยพประชาชนใกล้เคียงหรือที่จุดเกิดเหตุ เมื่อหน่วยงานช่วยเหลืออื่นมาถึงให้เพิ่มพื้นที่การอพยพในทิศใต้ลมและทิศตั้งฉากกับกระแสลมเป็นระยะทางอย่างน้อยเท่ากับตามที่คู่มือแนะนำ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีการอพยพตามระยะทางที่กำหนดไว้ในคู่มือแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าประชาชนจะมีความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ ไม่ควรให้ประชาชนรวมตัวกันอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ควรอพยพประชาชนให้อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุเพียงพอ และเป็นระยะที่ไม่ต้องอพยพอีกหากลมเปลี่ยนทิศ
    ที่หลบภัยในที่เกิดเหตุ (Shelter In-Place) ประชาชนในที่เกิดเหตุต้องหาที่หลบภัยในอาคาร และอยู่ในนั้นจนกว่าเหตุการณ์จะสงบลง การหลบภัยในอาคารจะทำต่อเมื่อการอพยพประชาชนทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้น หรือไม่สามารถทำการอพยพประชาชนได้ เจ้าหน้าที่ควรนำประชาชนเข้าไปหลบในตัวอาคาร ปิดประตูและหน้าต่างทุกบาน รวมทั้งปิดระบบระบายอากาศ ระบบทำความร้อนและความเย็นทั้งหมด การหลบภัยในอาคาร อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด ถ้าหาก (ก) ไอระเหยสามารถติดไฟได้ (ข) ใช้เวลานานในการลดความเข้มข้นของก๊าซในที่เกิดเหตุ หรือ (ค) ไม่สามารถปิดอาคารได้อย่างมิดชิด นอกจากนั้นยังสามารถใช้ยานพาหนะเป็นที่หลบภัยได้ชั่วคราว ซึ่งต้องปิดหน้าต่างและระบบระบายอากาศของยานพาหนะนั้น อย่างไรก็ตามการใช้ยานพาหนะเป็นที่กำบังจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการหลบภัยในอาคาร สิ่งที่จำเป็นมากอีกประการหนึ่งคือ ต้องมีการติดต่อกับผู้ที่หลบภัยอยู่ในตัวอาคาร เพื่อแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอก ผู้หลบภัยควรอยู่ห่างจากหน้าต่าง เนื่องจากอาจได้รับอันตรายจากเศษกระจก หรือโลหะจากการติดไฟและ/หรือการระเบิด
    อุบัติภัยจากวัตถุอันตรายแต่ละเหตุการณ์จะมีความแตกต่างกัน แต่ละเหตุการณ์จะมีปัญหาและจุดวิกฤตแตกต่างกัน ดังนั้นต้องเลือกการแก้ไขปัญหาเพื่อปกป้องประชาชนอย่างระมัดระวัง ข้อมูลต่างๆ ในคู่มือ เป็นการช่วยตัดสินใจเบื้องต้นว่าควรให้การปกป้องสาธารณชนอย่างไร เจ้าหน้าที่ต้องรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม และประเมินสถานการณ์จนกระทั่งสามารถแก้ไขเหตุการณ์ให้เป็นปกติ
    <HR width="85%" color=#000000 noShade>
    ข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดเขตอันตรายและเขตควบคุมป้องกัน
    การกั้นบริเวณเบื้องต้น และระยะควบคุมป้องกันในคู่มือเล่มนี้ ถูกกำหนดให้ใช้ในกรณีที่มีการรั่วไหลทั้งในปริมาณน้อยหรือการรั่วไหลในปริมาณมาก เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน การประเมินและวิเคราะห์ได้พิจารณาข้อมูลแหล่งกำเนิดแบบจำลองการแพร่กระจายกลุ่มไอของวัตถุ การประยุกต์ทางสถิติ ข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยา และมาตรฐานการสัมผัสทางพิษวิทยาสำหรับวัตถุอันตรายแต่ละชนิด
    ปริมาณและอัตราการแพร่ของวัตถุสู่บรรยากาศ พิจารณาจาก 4 ปัจจัย
    1. ข้อมูลจากฐานข้อมูลของ U.S.DOT HMIS
    2. ขนาดของภาชนะบรรจุสำหรับการขนถ่ายวัตถุอันตราย
    3. อัตราการรั่วไหลจากภาชนะบรรจุที่ถูกทำลาย
    4. การปล่อยไอสาร โดยการระเหยจากของเหลวที่มีการหก/รั่วไหล หรือการปล่อยไอก๊าซโดยตรงจากภาชนะบรรจุออกสู่บรรยากาศหรือทั้งสองกรณี นอกจากนั้นแบบจำลองการแพร่ของวัตถุสามารถคำนวณจากไอก๊าซพิษที่เกิดจากการหกรั่วไหลของวัตถุที่ทำปฏิกิริยากับน้ำ การพิจารณาว่าวัตถุที่รั่วไหลออกมาปริมาณมากน้อยเพียงใดพิจารณาจาก
    • การรั่วไหลปริมาณเล็กน้อย (Small Spills) หมายถึง การรั่วไหลของวัตถุอันตรายปริมาณน้อยกว่าหรือเท่ากับ 200 ลิตร
    • การรั่วไหลปริมาณมาก (Large Spills) หมายถึง การรั่วไหลของวัตถุอันตรายปริมาณมากกว่า 200 ลิตร
    แบบจำลองของการแพร่กระจายในทิศใต้ลมนั้นจะคำนวณปริมาณความเข้มข้นของไอระเหยในทิศทางตามลมในระยะเวลา 24 ชั่วโมง โดยใช้ข้อมูลอุตุนิยมวิทยา 120 เมือง ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก มากกว่าระยะเวลา 5 ปี การคำนวณการแพร่กระจายของวัตถุขึ้นกับเวลาที่วัตถุแพร่ออกจากแหล่งกำเนิด และความเข้มข้นของกลุ่มไอระเหยของวัตถุอันตราย เนื่องจากการผสมของวัตถุกับอากาศในบรรยากาศจะมีผลต่อการแพร่กระจายของกลุ่มไอระเหยของวัตถุในเวลากลางคืนน้อยกว่าเวลากลางวัน ดังนั้น จึงมีแนวทางในการป้องกัน/ควบคุมที่แตกต่างกันในเวลากลางวันและกลางคืน สำหรับตารางนี้
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๑๙ ****

    *** เตือนภัยด้ามขวาน ****

    Lors que serpens viendront circuir l
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๓๔ ****

    *** เตือนภัยก่อนใต้สูญเสียใหญ่ ****

    L
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๗๒ ****

    *** เตือนภัยแย่งแผ่นดิน ****

    Du tout Marseille des habitants change
    Course & poursuitte jusqu
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไต้หวันงัดอาวุธร้ายแรงเพียบอวดสายตาชาวโลก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 ตุลาคม 2550 13:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ไต้หวันงัดอาวุธยุทโธปกรณ์สุดล้ำอวดสายตาชาวโลกในระหว่างการเดินขบวนพาเหรดกองทัพในวันชาติไต้หวันวันนี้ (10 ต.ค.) นับเป็นการเดินขบวนพาเหรดกองทัพครั้งแรกในรอบ 16 ปี เพื่อแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพของกองทัพที่พร้อมตอบโต้กลับหากแผ่นดินใหญ่ดำเนินการโจมตี

    และก่อนการเดินขบวนครั้งนี้ เฉินสุยเปี่ยนผู้นำเกาะ ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์พร้อมระบุ การเสริมเขี้ยวเล็บของกองทัพมังกรนั้นเป็นการคุกคามสันติภาพของโลก พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกกดดันจีนถอนขีปนาวุธเกือบ 1,000 ลูกที่เล็งจ่อไต้หวันออกจากชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ด้วย - เอเอฟพี
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    “สงเฟิง 3” ขีปนาวุธยิงระหว่างเรือสู่เรือความเร็วเหนือเสียง สามารถใช้กับระบบนำวิถีต่างๆ ได้และมีฟังก์ชั่นการทำงานเป็นขีปนาวุธที่ป้องกันการโจมตีด้วยระบบเรดาร์ รวมไปถึงการโจมตีจากเรือและภาคพื้นดิน

    โดยก่อนหน้านี้ จางลี่เต๋อ บรรณาธิการบริหารของวารสารเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางทหารรายเดือนกล่าวถึงขีปนาวุธสุดล้ำของไต้หวันว่า ขีปนาวุธสงเฟิง3 ซึ่งมีพิสัยการยิงอย่างต่ำ 130 กิโลเมตรนั้น ได้รับการออกแบบเพื่อต่อสู้กับขีปนาวุธ SS-N-22 Sunburn ของรัสเซียที่จีนซื้อไป และถูกออกแบบให้โจมตีเป้าหมายด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 2 มัค (1 มัคเท่ากับ 1 เท่าของความเร็วเสียง หรือ 1,181 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งถูกสอยร่วงได้ยากมาก
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    “เทียนคง3” (Tien Kung3) ขีปนาวุธระบบต่อต้านขีปนาวุธเป็นความพยายามของไต้หวันในการพัฒนา “โล่” ป้องกันจรวดมิสไซล์ด้วยตัวเอง ซึ่งเรียกว่าระบบ Anti Tactical Ballistic Missile (ATBM)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=102 height=25>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/TabGalleryUBG.gif height=25>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=11 height=25>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle height=7>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ede9e8><TABLE cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle> </TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">สงเฟิง3</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">ไต้หวันเปิดตัวเครื่องบินสอดแนม “ไร้มนุษย์ขับ” ซึ่งพัฒนาขึ้นเอง </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle>"อาเปี่ยน" โบกไม้โบกมือให้ประชาชนที่มาร่วมชมการเดินขบวนแสดงแสนยานุภาพทางทหารในวันชาติไต้หวัน</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle> </TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">สารวัตรทหารขี่มอเตอร์ไซค์ในระหว่างพิธีฉลองวันชาติไต้หวัน</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">ทหารสวมเครื่องแบบลายพรางประจำอยู่ที่ขีปนาวุธต่อสู้รถถัง</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle>จรวดมิสไซล์เทียนเจี้ยน 1 ใช้ต่อสู้อากาศยาน</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle> </TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">แท่นยิงเคลื่อนที่สำหรับขีปนาวุธโจมตีทางอากาศ เทียนคง1</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">ขีปนาวุธต่อสู้รถถัง TOW ที่สั่งซื้อมาจากสหรัฐฯ</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle>รถเกราะ Cloud Leopard ของไต้หวัน</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"> </TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle height=7>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=right width=12 height=24>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/TabGalleryDBG.gif height=24>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=11 height=24>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ใช้กระจกรวมแสงอาทิตย์ เบนทิศทาง สกัดดาวเคราะห์พุ่งชนโลก </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ใช้กระจกนับพันบานรวมแสงอาทิตย์ เบนทิศทาง สกัดดาวเคราะห์พุ่งชนโลก

    นักวิจัยในอังกฤษอ้างว่าจะมีวิธีการพิทักษ์โลกให้พ้นจากภัยของดาวเคราะห์พุ่งชน ได้ด้วยการปล่อยกระจกบิน 5,000 บานขึ้นไปโคจรรับลำแสงอาทิตย์ เพื่อให้ความร้อนละลายหินดาวเคราะห์และหันเหทิศทางออกไป
    ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ประกาศวิธีพิทักษ์โลกกล่าว หลังจากศึกษาเปรียบเทียบกับวิธีเบี่ยงเบนทิศทางดาวเคราะห์ หรือดาวหางอื่นๆ มาอีก 8 วิธี

    ซึ่งหนึ่งในนั้นมีวิธีการส่งระเบิดนิวเคลียร์ไปสกัดด้วย แต่นักวิทยาศาสตร์เห็นว่าจะเป็นการเสี่ยงเกินไป จากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่าในทุกรอบหนึ่งศตวรรษ โลกของเราจะถูกดาวเคราะห์ขนาด 100 เมตรพุ่งใส่เป็นประจำ นักวิทยาศาสตร์จึงคิดหาทางปกป้องโลกโดยการจะใช้กระจกโคจรขึ้นไปรับลำแสงอาทิตย์ เพื่อละลายหินดาวเคราะห์ด้วยอุณหภูมิประมาณ 2,100 องศาเซลเซียส ทีมวิจัยคาดว่าแผงกระจกประมาณ 100 บาน มีความสามารถที่จะปรับสภาพดาวเคราะห์ขนาด 150 เมตรให้เล็กลงได้เพียงชั่วเวลาไม่กี่วัน

    ผลการศึกษาวิธีเบี่ยงเบนทิศทางดาวเคราะห์นี้ ดร.มาสสิมิเลียโน วาซิล เป็นหัวหน้าโครงการศึกษาและได้เสนอต่อที่ประชุมที่เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการปล่อยดาวเทียมสปุตนิค 1 ที่หอสังเกตการณ์จอเดรลล์แบงค์ ในเชสเชียร์.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE height=45 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=522 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD><TD vAlign=bottom width=500 height=24><!-- Show Head -->ราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้น1.04 $ปิดที่81.30$/บาร์เรล <!-- End Show Head --></TD><TD width=10> </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD bgColor=#d7d4d2>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=10> </TD><TD height=20>โดยทีมข่าว INN News <!-- Show Date -->11 ตุลาคม 2550 07:30:07 น. [​IMG] <!-- End Show Date --></TD><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=522 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=522 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD><TD width=502>
    [​IMG]
    </TD><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height=300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=522 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=20> </TD><TD width=462 bgColor=#dae4ea><TABLE height=300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=460 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=522 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD><TD width=500 bgColor=#d3d4d4>[​IMG]</TD><TD align=left width=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height=300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=522 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD><TD width=1 bgColor=#d3d4d4>[​IMG]</TD><TD vAlign=top width=140><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR><TR><TD height=5></TD></TR>


    <!-- Show Image -->

    <TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=5></TD></TR><!-- End Show Image -->


    </TBODY></TABLE>
    </TD><TD width=1 bgColor=#d3d4d4>[​IMG]</TD><TD vAlign=top width=2>
    </TD><TD vAlign=top width=368>
    <!-- Show Detail -->ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางการกังวลของนักลงทุนต่อกำลังการผลิตนช่วงฤดูหนาว ด้านดัชนีหุ้นสำคัญของสหรัฐ ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง จากผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามที่หวัง

    ราคาน้ำมันดิบโลก ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจกานักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับกำลังการผลิตน้ำมันที่ยังคงตึงตัวในช่วงใกล้ถึงฤดูหนาว ขณะที่นักลงทุนมองว่าการคาดหวังที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปสงค์ของความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกในสหรัฐ ที่เป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดในโลกนั้นก็มีส่วนสนับสนุนให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นด้วย ขณะเดียวกันในวันนี้กระทรวงพลังงานสหรัฐมีกำหนดจะเปิดเผยกำลังการผลิตน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้ ซึ่งคาดการอยางแพร่หลายว่าจะลดลง

    ในช่วงปิดตลาด ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ค รอบส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ปรับสูงขึ้น 1.04 ดอลลาร์ มาปิดที่ระดับ 81.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ที่ตลาดลอนดอน ของอังกฤษ รอบส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ปรับสูงขึ้นอีก 1.11 ดอลลาร์ มาปิดที่ระดับ 78.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ด้านตลาดหุ้นวอลสตรีท วันนี้ดัชนีหุ้นสำคัญของสหรัฐ ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง จากการไม่มีปัจจัยทางเศรษฐกิจเข้ามากระตุ้นการลงทุน รวมถึงจากกรณีความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินดรีมไลเนอร์ 787 ของบริษัทโบอิ้งกว่าที่กำหนด 6 เดือน และผลประกอบการที่เบาบาง ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของนักลงทุน อย่างเช่นบริษัทอัลโค่ บริษัทรายใหญ่ที่ดำเนินการด้านอลูมิเนียม รวมถึงบริษัทด้านน้ำมันเชฟร่อนและอินเตอร์เนชั่นนอล เปเปอร์ เป็นต้น

    ในช่วงปิดตลาด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับลดลง 85.84 หรือ 0.61 เปอร์เซ็นต์ มาปิดที่ระดับ 14,078.69 จุด ขณะที่ ดัชนีสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ปรับตัวลดลง 2.68 จุด หรือ 0.17 เปอร์เซ็นต์ มาปิดที่ระดับ 1,562.47 จุด และดัชนีแนสแดค ปรับตัวสูงขึ้น 7.70 จุด หรือ 0.27 เปอร์เซ็นต์ มาปิดที่ระดับ 2,811.61 จุด
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171


    ผู้ที่เริ่มปรารถนานั้น แค่มีอารมณ์ปรารถนาอยากเป็นอย่างพระพุทธเจ้าท่านเท่านั้นครับ ยังไม่ถึงกับว่ามีอารมณ์จิตรักสรรพสัตว์ทั้งหลาย ตอนนั้นแค่อยากสวย อยากมีบารมีอย่างพระพุทธเจ้า นี่เป็นอารมณ์เริ่มแรกของการปรารถนาเมื่อได้เห็นพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2007
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ยูเอ็นเผยพื้นที่ปลูกฝิ่นในพม่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>11 ตุลาคม 2550 11:38 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ รายงานสถานการณ์ฝิ่นในพม่า ระบุว่าในรอบปีที่ผ่านมาพื้นที่การปลูกฝิ่นในพม่าเพิ่มขึ้นถึงเกือบร้อยละ 30 หลังจากที่มีอัตราลดลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี ทั้งนี้ พื้นที่ปลูกฝิ่นของพม่าในปี 2549 มีจำนวน 132,000 ไร่ ลดลงจากพื้นที่เพาะปลูก 800,000 ไร่ เมื่อปี 2541 อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจล่าสุด พม่ามีพื้นที่ปลูกฝิ่น 171,000 ไร่
    นายแอนโตนิโอ มาเรีย คอสตา ผู้อำนวยการสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า พื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่จะอยู่ในรัฐทางภาคตะวันออกที่มีเขตแดนติดต่อกับจีนและไทย ซึ่งมีกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยควบคุมพื้นที่การเพาะปลูกหาเงินจัดซื้ออาวุธ ขณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของพื้นที่เพาะปลูกก็มาจากความพยายามโน้มน้าวให้เกษตรกรยากจนหันกลับมาปลูกฝิ่นเพื่อรายได้ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ผู้มีอำนาจในรัฐบาลบางส่วนก็ยังได้รับผลประโยชน์จากการลักลอบขนผลผลิตฝิ่นเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งจีน ไทย และลาว
    ทั้งนี้ พม่าเป็นชาติผู้ผลิตฝิ่นออกสู่ตลาดโลกเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอัฟกานิสถาน ซึ่งตัวเลขล่าสุดมีพื้นที่เพาะปลูกฝิ่นสูงถึง 1.1 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากเมื่อปีก่อนร้อยละ 17
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    IMFเตือนศก.โลกอาจชะลอตัวจากวิกฤตซับไพรม์ <HR align=left width="95%" color=#768696 SIZE=1>
    โดย Post Digital 11 ตุลาคม 2550 12:07 น.

    ไอเอ็มเอฟ เตือน เศรษฐกิจทั่วโลกอาจจะชะลอ จากวิกฤติการณ์ซับไพร์มในสหรัฐ


    สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า นายไซม่อน จอห์นสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้แถลงข่าว พร้อมเตือนว่า เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวเนื่องจากตลาดการเงินทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ซับไพรม์ในสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการทดสอบศักยภาพของเศรษฐกิจโลกว่าจะขยายตัวในอัตราเดิมได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานมากมายที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกยังคงสามารถต้านทานปัญหาที่เกิดขึ้นได้

    "ตอนนี้การเงินทั่วโลกยังคงอยู่ในสภาพดีและเม็ดเงินไหลเวียนในภาคเอกชนก็มีเสถียรภาพ แต่ก็ไม่ควรทึกทักเอาว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างรวดเร็วแบบนี้ตลอดไป เศรษฐกิจโลกจะยังคงขยายตัวต่อไป แต่ในอัตราที่ช้าลงกว่าเดิม"

    นายจอห์นสันกล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่ไอเอ็มเอฟจะแนะนำได้ว่าแต่ละประเทศควรใช้มาตรการใดในการรับมือกับปัญหาสินเชื่อที่เกิดขึ้น "เราต้องรอดูจนกว่าสถานการณ์จะชัดเจนกว่านี้ เพื่อทำความเข้าใจและเลือกใช้มาตรการที่จะรับมือกับมัน"

    ในรายงานเดือนก.ค. ไอเอ็มเอฟได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกในปีนี้เป็น 5.2% จากเดิมที่ 4.9% นอกจากนั้นยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะขยายตัว 5.2% ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์เมื่อเดือนเม.ย. 0.3%

    อย่างไรก็ตาม สื่อบางแห่งอ้างแหล่งข่าวจากวงในของไอเอ็มเอฟว่า ตอนนี้ทางไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจในปีหน้าเหลือเพียง 4.8%
    นอกจากนั้นไอเอ็มเอฟยังปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้าลงเหลือ 1.9% จากเดิมที่ 2.8%, แคนาดาเหลือ 2.3% จากเดิมที่ 2.8% และเขตยูโรโซนเหลือ 2.1% จากเดิมที่ 2.5%
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>สัญญาณการเตือนมหันตภัยของโลก <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3>
    โดย Dr.G.G.Junior
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"> </TD><TD class="style50 style50" width="96%">สัญญาธาตุรู้ที่อยู่คู่กับทุกอณูในสรรพสิ่งบอกข้าว่า มีการเปลี่ยนแปลง และมีการเตรียมตัวของสรรพชีวิตมากมาย รวมทั้งมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการเตือนภัยจากมหันตภัย ที่มันมาถึงโลกและจักรวาลของเราแล้ว บางส่วนที่สามารถรับข้อมูลข่าวสารได้ ซึ่งมีทั้งการถ่ายทอดความรู้สู่บุคคลรอบข้าง หรือส่งสารสู่สาธารณะทั่วไปก็มี แต่ก็ยังน้อยเกินไป และยังไม่ทราบถึงวิธีการของมนุษย์ที่ช่วยในการลดความรุนแรง หรือจนสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ให้มหันตภัยนั้นไม่เกิดขึ้นได้ การแผ่เมตตา และการปฏิบัติต่อโลก เพื่อให้เกิดความสมดุลโดยด่วนที่สุดนั้นสำคัญมากที่สุด ได้กล่าวไว้ในเว็บไซต์ www.universal-signal.com แล้ว และจงพิจารณาการเตือนภัยทั้งหลาย ให้เป็นข้อการปฏิบัติในการสร้างสมดุลของธรรมชาติ คือ การสร้างสนามพลังงานแห่งธรรมชาติร่วมกันทั้งโลกไม่เลือกชาติ ไม่เลือกศาสนา ไม่เลือกไม่ถือวรรณะ ไม่ถือเป็นของเราหรือของเขา จงเลือกแต่ทุกชีวิตเป็นหนึ่งเดียวร่วมกัน โดยไม่มีความแตกต่างใดๆ ทุกๆ สรรพชีวิตเหมือนกัน คือ ได้รับผลจากความไม่สมดุลของธรรมชาติถ้วนหน้ากัน มหันตภัยไม่เลือกตามหน้าตามนุษย์และสรรพชีวิต แต่ความโหดร้ายของมันนั้น เป็นไปตามกรรมเวรของแต่ละบุคคลแต่ละชีวิต จนถึงเวลานี้ กรรมเวรของมนุษย์ รวมกันได้ผลออกมาเป็นมหันตภัยล้างโลกเลยทีเดียว สรุปมนุษย์ทุกคนคือ ต้นตอของสาเหตุในการทำลายล้างโลกในครั้งนี้ ที่ร้ายกว่านั้น สรรพชีวิตอื่นที่บริสุทธิ์ ยังต้องรับผลนั้นไปด้วย จงตระหนักถึง ผลแห่งการทำลายล้างโลก จักรวาล ดาราจักร และเอกภพแห่งนี้เป็นสำคัญ อย่างน้อยที่สุด จงเหลือพื้นที่บนดาวดวงนี้ให้ลูกหลาน เด็กเล็กๆ ทั้งหลาย ที่บริสุทธิ์ให้สามารถต่อมีลมหายใจของตน เพื่อการเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ต่อไปด้วยเถิด
    ทั้งหลายทั้งมวลเหล่านี้ข้าได้สัญญาณมาส่งถึงมนุษย์ทั้งหลายให้ตื่น และจงตื่นขึ้นมาสร้างสมดุลแห่งสนามพลังงานแห่งธรรมชาติ ที่เรียกกันว่า Natural Morphic Field โดยการคิดเห็นจริงจากการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน เป็นตัวอย่างดังต่อไปนี้
    ๑. เส้นแรงสนามแม่เหล็กของโลกขาดและมีการสะบัดของเส้นแรงตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวแผ่นดินยุบ มีพายุที่รุนแรงขึ้น เกิดขึ้นในพื้นที่เดิม และพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อน เกิดคลื่นยักษ์ถล่มมนุษย์ที่มีกรรมหนักให้ร่างจมลง จบชีวิตก่อนกำหนด
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="38%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="31%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="31%">
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>
    การกลับของขั้วแม่เหล็กโลก​
    </TD><TD>
    ความเสียหายจากแผ่นดินไหว​
    </TD><TD>
    แผ่นดินทรุด​
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>
    พายุที่เกิดอย่างรุนแรง​
    </TD><TD>
    คลื่นลมที่รุนแรงในทะเล​
    </TD><TD>
    ซึนามิ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>๒. มนุษย์พบเห็นว่าดาวศุกร์มีความสว่างมากขึ้น เสมือนดวงดาวนี้มีขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากโลกปรับตำแน่งของตนคือแกนขั้วของโลกเปลี่ยนแปลงองศาไปนั่นเอง เพื่อให้ตนนั้นสมดุลให้มากที่สุด
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    </TD></TR><TR><TD>
    ตำแหน่งขั้วโลกที่แกว่ง​
    </TD><TD>
    ดาวศุกร์ที่สุกสว่างกว่าเดิม​
    </TD><TD>
    ิ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>๓. มนุษย์จะสามารถพบเห็นค้นพบดวงดาวมากขึ้นในขณะนี้ และพบดาวดวงเล็กๆ มากมาย จากการทำมุมของโลกกับดวงอาทิตย์นั้นเปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง เป็นสัญญาณบอกถึงการเปลี่ยนตำแหน่ง และการหมุนรอบดวงอาทิตย์ และการหมุนรอบตัวเองของโลกใบนี้ที่เปลี่ยนไป มีผลต่อปฏิทินของโลกที่มนุษย์ใช้อยู่ ขาดความเที่ยงตรง ปี ๒๕๔๓ เป็นต้นมาโลกค่อยๆ หมุนรอบดวงอาทิตย์ จนปีปัจจุบัน ๒๕๕๐ การหมุนครบรอบ ๑ ครั้ง เป็นเวลาตามปฏิทินมนุษย์จำนวน ๓๕๔ วันเท่านั้น
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD height=16>
    การหมุนรอบดวงอาทิตย์ของโลก​
    </TD><TD>
    </TD><TD>
    UFO​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>๔. การพบเห็นมนุษย์ต่างดาวน้อยลงกว่าเดิม ด้วยมนุษย์ต่างดาวสำรวจโลกใบนี้ประมาณ ๓๐๐ ปีที่แล้ว และพบว่าโลกนี้กำลังพบกับมหันตภัยล้างโลก จึงเดินทางกลับไป เป็นส่วนใหญ่ หลงเหลือแต่ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางกลับได้ ด้วยยานสำหรับการเดินทางเสื่อมสภาพลง
    ๕. โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วจากความร้อนบนพื้นผิว เนื่องจากความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่มีสาเหตุจากโลกมีป่าไม้ลดลงมาก มีก๊าซบางชนิดทำลายชั้นบรรยากาศ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="28%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="40%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="32%">
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD height=16>
    ความร้อนจากแสงอาทิตย์​
    </TD><TD>
    การตัดไม้ทำลายป่า​
    </TD><TD>
    น้ำแข็งขั้วโลกละลาย​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>๖. โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วจากความร้อนใต้พื้นพิภพ เนื่องด้วยน้ำมันดิบ ที่หล่ออยู่ใต้ผิวโลก มีหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนระหว่างชั้นใต้ผิว จนถึงแกนโลกกับพื้นที่ผิวโลก เมื่อน้ำมันใกล้หมดลง หมายถึงความร้อนจากใต้พิภพ ก็ผุดขึ้นมาแล้ว มีพลังงานความร้อนประทุขึ้นมา มากกว่าที่ได้รับจากความร้อน จากบนผิวเปลือกโลกมากมายนัก ทุกคนใช้น้ำมัน ดังนั้นทุกคนทำให้ความร้อนผุดขึ้นมา ร่วมกัน อีกสาเหตุหนึ่งการใช้เครื่องจักรหนัก การระเบิดหิน การขุดเจาะพื้นหินแข็ง มีผลให้เกิดรอยรั่วรอยร้าวของแผ่นหินกันความร้อนภายใต้พิภพ ความร้อนผุดขึ้น จากใต้พิภพอย่างมากมายเช่นกัน สุดท้ายแสดงด้วยหิมะบนที่สูงและภูเขาน้ำแข็งละลาย
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD height=16>
    ความร้อนใต้ภิภพ​
    </TD><TD>
    น้ำมันเป็นฉนวนกั้นความร้อน​
    </TD><TD>
    การชุดน้ำมันขึ้นมาใช้​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>๗. สัตว์ใต้ผิวโลกและบนผิวโลกเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
    ๗.๑ สัตว์ใต้ทะเลลึกหนีความร้อนขึ้นมาอาศัยบริเวณน้ำตื่นหรือชายฝั่ง เช่น ปลาโบราณ ปลาหมึกขนาดใหญ่ ปูน้ำลึก การเข้ามาเกยตื้นของสัตว์น้ำหลายชนิด เป็นต้น ​
    ๗.๒ สัตว์ที่อยู่ใต้พื้นดินทำรังหรือขุดรูที่ตื่นขึ้นและบางชนิด เริ่มอาศัยอยู่บนผิวดิน หรือโพรงไม้ เช่น ตุ่น งูบางชนิด และยังมีพิษมากขึ้นด้วย เป็นต้น
    ๗.๓ สัตว์พาหะนำโรคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อรับเชื้อโรคที่รุนแรงมากขึ้น ยุงบางชนิดบินได้สูงขึ้น รับเชื้อไวรัสที่กำลังปรับตัวให้สามารถทำลายมนุษย์ทั้งโลก ได้อย่างเฉียบพลันในอนาคตอันใกล้นี้ หนูมีขนที่เริ่มตั้งขึ้นวิ่งเร็วขึ้น มีอาการตกใจมากขึ้น เพื่อรอรับเชื้อกาฬโรคสายพันธุ์ใหม่เช่นกัน ริ้นทะเลและตัวคุ่น (ภาษาภาคเหนือ) คือ แมลงวันดูดเลือดเพิ่มขีดความสามารถในการขยายพันธุ์ และกำลังปรับตัวให้อาศัยอยู่ได ้ในพื้นที่กว้างขึ้น สัตว์ทั้งหมดบนโลกนี้ก็กำลังปรับตัวเพื่อการมีชีวิตรอดเช่นกัน โดยสัตว์มีความสามารถที่จะรับรู้ข่าวสาร จากสัญญาณธาตุรู้ของจักรวาลได้โดยตรง ไม่ต้องแปลออกมาเหมือนที่ให้มนุษย์อย่างนี้
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="35%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="32%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="33%">
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD height=16>
    ยุงที่มีเชื้อรุนแรงมากขึ้น​
    </TD><TD>
    ตัวคุ่น​
    </TD><TD>
    ปลาซีลาแคนท์ที่ชาวประมงจับได้​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>๘. มนุษย์มีอารมณ์รุนแรงขึ้นทุกคนทั่วโลก มีการตายด้วยวิธีแปลกๆ และเป็นกลุ่มใหญ่เป็นหมู่คณะทั้งกระทำเองและธรรมชาติลงโทษ มนุษย์มีวิธีเอาเปรียบกัน เบียดเบียนกันที่รุนแรงและใช้ศาสนาเป็นอาวุธในการทำสงครามไปทั่วโลกแล้วขณะนี้ สุดท้ายมนุษย์ทำร้ายตนเองจนสิ้นโลกไปด้วยสภาวะยุคน้ำแข็ง หรือไม่ก็ความร้อนใต้ผิวโลกร้อนจนพืชสัตว์ตายไปจนหมดและมนุษย์กินกันเอง จนสิ้นทุกตัวตนด้วยโรคร้ายเป็นวาระสุดท้ายของยุคนี้อีกเพียง ๑๐-๑๑ ปีเท่านั้น
    ๙. มนุษย์มีความต้องการเสพในวัตถุที่ตนมองเห็น หรือสัมผัสได้มากขึ้นๆ โดยไม่สนใจ ความเที่ยงธรรม และความสมดุลบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง แต่ในขณะเดียวกัน มนุษย์มีความเข้าใจพลังงานแห่งธรรมชาติน้อยลงๆ เช่นกัน เป็นสาเหตุจากการปรับ สภาพแวดล้อมเข้าหาตนอย่างเดียว จนสัญชาตญาณของตนพิการใช้งานไม่ได้ สุดท้ายมองสิ่งที่มีชีวิตอื่นในแง่ร้าย และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเท่านั้น
    ๑๐. เกิดภัยพิบัติต่อไปนี้บนโลกนี้ทุกวัน เช่น แผ่นดินไหว แผ่นดินยุบ แผ่นดินแยก มีพายุ ลมฝนฟ้าคะนองรุนแรง น้ำอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ เป็นสัญญาณเตือนมนุษย์ให้ระวังไว้ว่า เหตุมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะมาเร็วๆ นี้ อย่างที่มนุษย์คาดไม่ถึงทีเดียว
    เพียงเท่านี้คงพอสำหรับการสื่อสารแจ้งข่าวบอกแก่มนุษย์ทั้งหลายได้ว่า มหันตภัยเกิดขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้จริงจากสัญญาณอะไรบ้าง จงตื่นมาพบกับสถานการณ์ความเป็นจริงของธรรมชาติ จงตื่นมาเพื่อค้นพบตนเอง จงตื่นมาร่วมสร้างความสมดุลของธรรมชาติ ไปกับข้าคือธาตุรู้ในทุกอณูของสรรพสิ่ง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>สภาวะการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย กับมหันตภัยของโลก <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3>
    โดย Dr.G.G.Junior
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=style50 colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"> </TD><TD class="style50 style50" width="96%">ได้ทราบสัญญาณจากธาตุรู้แล้วว่า มนุษย์นั้นเป็นตัวการหลักที่สำคัญที่สุด ในการทำให้โลกนี้เสียความสมดุลอย่างรุนแรง ในขณะที่โลกหมุน และปรับแกนของตน เพื่อถ่วงความสมดุลนั้นกลับคืนมา ถ้าเปรียบกับมนุษย์แล้ว โลกทำงานหนักแสนสาหัส โดยไม่มีเวลาหยุดพักเลย ในทุกๆ ขณะที่กิจกรรมของโลกดำเนินไป มนุษย์ก็ยิ่งสร้าง ความไม่สมดุลให้กับโลกเพิ่มพูนทวี ด้วยความไม่รู้ ไม่เข้าใจถึงสภาวะสมดุลดังกล่าว มุ่งแต่ประโยชน์ และให้ได้มาซึ่งทรัพย์ที่เรียกว่า “ มนุษย์สมบัติ ” ทั้งหลาย สงสารแต่ มนุษย์ตัวเล็กๆ ที่อาจจะไม่มีโอกาสได้รับรู้ความเป็นจริงธรรมชาติตามวัยอันควร ต้องจบชีพตนอย่างเวทนา เนื่องจากมนุษย์ผู้ใหญ่ทั้งโลก มีความเสื่อมของปัญญาทิพย์ อย่างถาวร จึงไม่อาจมี หรือสะสมความรู้ด้านสภาวะสมดุลของตน ของโลก ของจักรวาล มนุษย์ส่วนใหญ่ จึงประกอบอาชีพด้วยการทำลายโลกที่ตนอยู่ ให้ป่วยขั้นสาหัสขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญที่สุดคือ มนุษย์ไม่รู้ว่าตนนั้นทำลายโลก และจักรวาล ให้เสียหายอย่างไร มากมายเท่าใด และยังคงทำต่อไปอย่างที่เรียกว่า ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และทระนงว่า ตนนั้น เป็นฝ่ายพัฒนาโลกนี้ ให้เจริญงอกงามทางเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ หรือการค้นพบนั้นแท้จริงแล้ว มนุษย์ใช้เป็นเพียงเครื่องมือค้นหาธรรมชาติต่างหาก ยังมีธรรมชาติรอให้มนุษย์ค้นหา และเข้าใจอีกมากมายนัก แต่น่าเสียดายที่มนุษย์ ใช้วิทยาศาสตร์ เพื่อการเอาชนะกันเพียงเท่านั้น เช่น เอาชนะว่าใครรู้มากกว่ากัน เอาชนะว่า ใครจะแปรเป็นทรัพย์ (เศรษฐกิจ) ได้มากกว่ากัน เอาชนะด้วยสงครามว่าใคร มีอำนาจเหนือใคร เอาชนะว่า ใครมีชั้นความเป็นอยู่สูงกว่าพวกใคร มนุษย์เกือบทั้งโลก ตกอยู่ในอารมณ์เหล่านี้ทั้งนั้น ไม่เว้นแม้นักปราชญ์ที่พูดเก่ง ก็ซ่อน ความอยากเอารัด เอาเปรียบกับมนุษย์ที่โง่กว่า ไว้ในใจด้วยกันทั้งนั้น มนุษย์ไม่รู้เลยว่า แท้ที่จริง พวกท่านทั้งหลาย กำลังพากันเดินทางเข้าสู่หายนะมหันตภัย ของโลก ที่เกิดจากน้ำมือ ของตนเองทั้งสิ้น ยิ่งมีความรู้ ความสามารถ และ/หรืออำนาจมากเท่าใด ก็ยิ่งทำลายโลก ด้วยความเลวร้ายมากขึ้น และรวดเร็ว มากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุด มนุษย์ไม่สามารถ ชนะสิ่งใดได้เลย แต่ต้องกลับเป็นผู้พ่ายแพ้ตลอดกาล อย่างน่าสงสาร เจ้ามนุษย์เอ๋ย ! จงมองเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างเท่าเทียม จะเห็นว่าสัญญาณข้อความที่กล่าวนี้เป็นจริง เพราะมนุษย์ไม่รู้จัก และเข้าใจซึ้งถึงสิ่งอื่นๆ เลย นอกจากกิเลสที่นำพาตน ดิ่งลงสู่หายนะสภาวะมหันตภัยเพียงเส้นทางเดียว (เริ่มด้วยความอยากนั้นเป็นจุดเริ่มต้น ตามด้วยความโกรธ และตามด้วยความหลง ซึ่งเป็นอบาย ส่องทางให้มนุษย์ เลือกเอา การทำลายสิ่งทั้งหลายทั้งปวงโดยไม่เลือกหน้า อย่างเมามัน และไร้สติ อย่างในปัจจุบัน) แต่นี้ไป มาดูผลงานการทำลายของพวกท่านกันเถิดว่า ยิ่งใหญ่มโหฬาร หรือเลวร้าย แสนสาหัสเพียงใด (ขอยกสิ่งใกล้ตัวคือ ประเทศไทย) ถ้าปราศจากการแก้ไข โดยมนุษย์เอง ตั้งแต่บัดนี้ สำหรับประเทศไทย ถ้ายังอยู่ในสภาวะปัจจุบัน มีข้อมูล ความเสียหายของพื้นที่ จากภัยพิบัติ ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศเริ่มตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวาระสุดท้าย เพื่อการเข้าสู่ ยุคพลังงานใหม่ โดยเริ่มจากจังหวัดเชียงราย มีแผ่นดินยุบบางส่วน โดยเฉพาะ อ.เชียงแสน จะเสียหายจากแผ่นดินยุบ เกือบทั้งอำเภอ จังหวัดเชียงใหม่ เกิดรอยแยกจากรอยเลื่อนของแผ่นดินใต้จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิด ความเสียหายจากแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุด ตามแนวรอยเลื่อน แถบเทือกเขา อำเภอแม่สะเรียง ผ่านขึ้นดอยอินทนนท์ และรอยแยกเข้าที่ลุ่มตัวเมืองเชียงใหม่ ออกไปสู่อำเภอแม่ริม ไปเข้าสู่จังหวัดเชียงราย แถบจังหวัดพิษณุโลก พบภัยจากน้ำเป็นบางส่วน จังหวัดกำแพงเพชรพบภัยจากน้ำเล็กน้อย จังหวัดตาก ส่วนที่เกี่ยวเนื่องเลียบตามชายแดนพม่า และแม่ฮ่องสอนจะเกิดภัยแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก จังหวัดกาญจนบุรีเกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินแยกยุบตามรอยเลื่อน ที่ทอดยาวไปกับเทือกเขาตะนาวศรี เกิดความร้อนผุดขึ้นบางพื้นที่ จังหวัดสุโขทัยพบภัยจากน้ำมากพอสมควร ต่ำลงมาตั้งแต่จังหวัดลพบุรี อ่างทอง อยุธยาจะกลายเป็นที่ลุ่มมากขึ้น กรุงเทพมหานคร ปากน้ำ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ถูกน้ำคุกคามทั้งหมด ส่วนนครปฐม ยังคงอยู่บางส่วน ในที่สูงรอยต่อกับจังหวัดกาญจนบุรีถึงสุพรรณบุรี แต่ต้องระวังที่เก็บน้ำ เช่น ถ้าเขื่อนในจังหวัดกาญจนบุรีแตก พื้นที่เหล่านี้ก็เกิดภัยจากน้ำได้เช่นกัน ภาคใต้ทั้งหมดจะกลายเป็นพื้นที่เกาะ ในส่วนที่เป็นเกาะปัจจุบันเช่น ภูเก็ตจะจมหายไปจนเกือบหมด เป็นไข่มุกใต้ท้องทะเล อีสานเป็นพื้นที่ปลอด จากภัยพิบัติ แต่แห้งแล้งหนัก ในส่วนพื้นดินเป็นดินทรายยิ่งโก่งตัวขึ้นก็ยิ่งแห้งแล้ง ในพื้นที่ดินแดงจะมีน้ำมากขึ้น ภาคตะวันออกนั้น ในพื้นที่อ่อนนุ่ม จะจมน้ำลงไปก่อน แล้วน้ำจะคืนให้บางส่วนทีหลัง ส่วนพื้นที่อยู่ปลายแหลม ไม่มีเหลือที่ให้มนุษย์ มีแต่สัตว์น้ำที่ครอบครองดินแดนแทน
    สัญญาณอณูธาตุรู้ยังบ่งบอกให้รู้อีกว่า ณ วันนี้ (๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๐) ภัยพิบัติ ซึ่งเป็นช่วงแรกของมหันตภัย ระหว่างเดือนกรกฎาคมปีนี้ ถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้านั้น มีความชัดเจนขึ้นมาก ที่มนุษย์และสรรพชีวิตจะต้องพบกับ "ภัยร้ายทางน้ำ" มาเป็นเอก ส่วนภัยทางอื่นรองลงมาแต่มีความเกี่ยวข้องกันด้วยที่ว่าธาตุดิน น้ำ ลม และไฟ ทำงานร่วมกันเสมอ ในพื้นที่ที่มีน้ำน้อยจะประสบสภาวะขาดน้ำ พื้นที่ใดมีน้ำมาก ก็จะมีน้ำมากเกิน จนเกิดโทษ อุปกรณ์ และวัสดุที่มนุษย์ใช้กับน้ำ เช่น เขื่อน สิ่งก่อสร้างใกล้น้ำ ควรตรวจความคงทนแข็งแรง ให้มีความมั่นคงแน่นหนา ในพื้นที่เก็บน้ำในรูปหิมะจะเกิดหิมะละลายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะที่สูง และจะเกิดสภาวะความร้อนสูงเข้ามาแทนที่ เนื่องจากหิมะให้ความเย็น และยังปกปิด ไม่ให้ความร้อนใต้พิภพผุดขึ้นมาตามรอยแตกของหิน ด้วยแรงดึงดูด จากผิวเปลือกโลก จะการเกิดพายุฝน และพายุลมบ่อยมาก และรุนแรงขึ้น ปีนี้มีปริมาณน้ำมาก และสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง ด้วยมีฤดูฝนที่ยาวที่สุด เท่าที่เคยพบมาของมนุษย์ปัจจุบัน และมีแนวโน้มหนักขึ้นทุกปี สมควรที่มนุษย์ เร่งแก้ไขโดยร่วมกันสร้างสนามพลังงานแห่งมวลมนุษยชาติให้แข็งแรง และสามารถลดภัยพิบัติครั้งอีกให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป มนุษย์ใฝ่ดีทั้งโลกนี้ ได้สร้างสนามพลังงานนี้ขึ้นได้มากกว่าเดิม ๑๐ % แล้ว ถึงแม้เพียงน้อยนิด แต่ก็รักษาชีวิตมนุษย์ได้มากทีเดียว ข้าคือสัญญาณธาตุรู้ในทุกสรรพสิ่ง ขออนุโมทนา เป็นปฐม ปกติข้าไม่เคยพึ่งความโชคดี แต่ข้าก็ขออวยพรให้มนุษย์และสรรพชีวิตจงโชคดี หากมนุษย์ยังเฝ้าคอยแต่โชคชะตา โดยไม่รู้จักตื่นไปกับข้า "ธาตุรู้ในทุกสรรพสิ่งแห่งสากลจักรวาล"
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๗๓ ****

    *** อย่าละเลยเพื่อนบ้าน ****

    France a
     
  19. piggypung

    piggypung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +18
    ถ้าดาวหางชนโลกหรือภาวะน้ำท่วมโลก มันก้อกระทบต่อมนุษญ์ทั้งโลกนะครับไม่เลือกว่าศาสนาไหนหรอกครับไทยอาจจะจมอยู่ใต้น้ำด้วยซ้ำ ปฏิบัติดีปฎิบัติชอบดีกว่า
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๗๑ ****

    *** ชะตากรรมหักปลายขวานทอง ****

    La tour marine trios fois prise & reprise,
    Par Hespagnols , Barbares , Ligurins :
    Marseilles & Aix , Arles par ceux de Pise ,
    Vast , feu , fer , pille
     

แชร์หน้านี้

Loading...