ทุกข์ใจมากๆ ขอคำปรึกษาคะ

มาให้กําลังใจเพิ่มอีกนะขอรับ..อดทนสู้ๆแนะใช้สติจับจิตบังคับความคิดแต่สิ่งดีๆมีกุศลในชาตินี้มากๆนะคับ..แนะวิธีแก้ไข..ให้กรรมเบาบางและมีกําลังใจต่อสู้ชีวิต(จะไม่พูดถึงอดีตชาติและกรรมเก่าว่าเคยทําอะไรมานะคับ-เน้นทําดีในปัจจุบันนี้แหละคับ)..และลดกิเลสความอยากในโลภ-โกรธ-หลงในตัวเองลงได้คับ.." ศีล " นั้น แปลว่า " ปกติ " คือสิ่งหรือกติกาที่บุคคลจะต้องระวังรักษาตามเพศและฐานะ ศีลนั้นมีหลายระดับคือ ศีล๕ ศิล ๘ ศิล ๑๐ และ ศีล ๒๒๗ และในบรรดาศีลชนิดเดียวกันก็ยังจัดแบ่งออกเป็นระดับธรรมดา มัชฌิมศีล ( ศีลระดับกลาง ) และอธิศีล ( ศีลอย่างสูง ศีลอย่างอุกฤษฏ์ )

คำว่า " มนุษย์ " นั้น คือผู้ที่มีใจอันประเสริฐ คุณธรรมที่เป็นปกติของมนุษย์ที่จะต้องทรงไว้ให้ได้ตลอดไปก็คือศีล ๕

บุคคลที่ไม่มีศีล ๕ ไม่เรียกว่ามนุษย์ แต่อาจจะเรียกว่า " คน " ซึ่งแปลว่า " ยุ่ง " ในสมัยพระพุทธกาลผู้คนมักจะมีศีล ๕ ประจำใจกันเป็นนิจ

ศีล ๕ จึงเป็นเรื่องปกติของบุคคลในสมัยนั้น และจัดว่าเป็น " มนุษย์ธรรม " ส่วนหนึ่งในมนุษย์ธรรม ๑๐ ประการ ผู้ที่จะมีวาสนาได้เกิดมาเป็นมนุษย์จะต้องถึงพร้อมด้วยมนุษย์ธรรม ๑๐ ประการเป็นปกติ ( ซึ่งรวมถึงศีล ๕ ด้วย )

การรักษาศีล เป็นการเพียรพยายามเพื่อระงับโทษทางกายและวาจา อันเป็นเพียงกิเลสหยาบมิให้กำเริบขึ้น และเป็นการบำเพ็ญบุญบารมีที่สูงขึ้นกว่าการให้ทาน

ทั้งในการถือศีลด้วยกันเองก็ยังได้บุญมากและน้อยต่างกันไปตามลำดับต่อไปนี้ คือ

๑ . การให้อภัยทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๕ แม้จะถือเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๒ . การถือศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๘ แม้จะถือเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๓ . การถือศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๑๐ คือการบวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา แม้จะบวชมาได้เพียงวันเดียวก็ตาม

๔ . การที่ได้บวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา แล้ว รักษาศีล ๑๐ ไม่ให้ขาด ไม่ด่างพร้อย แม้จะนานถึง ๑๐๐ ปี ก็ยังได้บุญน้อยกว่าผู้ที่ได้อุปสมบทเป็นพระในพระพุทธศาสนาที่มี ศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อ แม้จะบวชมาได้เพียงวันเดียวก็ตาม

ฉะนั้น ในฝ่ายศีลแล้ว การที่ได้อุปสมบทเป็นพระในพระพุทธศาสนาได้บุญบารมีมากที่สุด เพราะเป็นเนกขัมบารมีในบารมี ๑๐ ทัศ ซึ่งเป็นการออกจากกามเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติธรรมขั้นสูง ๆ คือการภาวนาเพื่อมรรค ผล นิพพาน ต่อ ๆ ไป ผลของการรักษาศีลนั้นมีมาก ซึ่งจะยังประโยชน์สุขให้แก่ผู้นั้นทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

เมื่อได้ละอัตภาพนี้ไปแล้ว ย่อมส่งผลให้ได้บังเกิดในเทวโลก ๖ ชั้น ซึ่งล้วนแต่ความละเอียดประณีตของศีลที่รักษาและที่บำเพ็ญมา ครั้นเมื่อสิ้นบุญในเทวโลกแล้ว ด้วยเศษของบุญที่ยังคงหลงเหลืออยู่แต่เพียงเล็กๆ น้อยๆ หากไม่มีอกุลกรรมอื่นมาให้ผล ก็อาจจะน้อมนำให้ได้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ที่ถึงพร้อมด้วยสมบัติ ๔ ประการ เช่น อานิสงส์ของการรักษา ศีล ๕ กล่าวคือ

๑ . ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๑ ด้วยการไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ด้วยเศษของบุญที่รักษาข้อนี้ เมื่อน้อมนำมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะมีพลานามัยที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัย ไม่ขี้โรค อายุยืนยาว ไม่มีศัตรูเบียดเบียนให้ต้องบาดเจ็บ ไม่มีอุบัติเหตุต่างๆที่จะทำให้บาดเจ็บหรือสิ้นอายุเสียก่อนวัยอันควร

๒ . ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๒ ด้วยการไม่ถือเอาทรัพย์ของผู้อื่นที่เจ้าของมิได้เต็มใจให้ ด้วยเศษของบุญที่น้อมนำมาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้ได้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย การทำมาหาเลี้ยงชีพในภายหน้ามักจะประสบกับช่องทางที่ดี ทำมาค้าขึ้นและมั่งมีทรัพย์ ทรัพย์สมบัติไม่วิบัติหายนะไปด้วยภัยต่างๆเช่น อัคคีภัย วาตภัย โจรภัย ฯลฯ

๓ . ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๓ ด้วยการไม่ล่วงประเวณีในคู่ครอง หรือคนในปกครองของผู้อื่น ด้วยเศษของบุญที่รักษาศีลในข้อนี้ เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็จะประสบโชคดีในความรัก มักได้พบกับรักแท้ที่จริงจังและจริงใจ ไม่ต้องอกหัก อกโรย และอกเดาะ

ครั้นเมื่อมีบุตรธิดา ก็ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อด้าน ไม่ถูกผู้อื่นฉุดคร่าอนาจารไปทำให้เสียหาย บุตรธิดาย่อมเป็นอภิชาตบุตร ซึ่งจะนำเกียรติยศชื่อเสียงมาสู่วงศ์ตระกูล

๔ . ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๔ ด้วยการไม่กล่าวมุสา ด้วยเศษของบุญที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อนำมาเกิดเป็นมนุษย์ จะทำให้เป็นผู้ที่มีสุ้มเสียงไพเราะ พูดจามีน้ำมีนวลชวนฟัง มีเหตุมีผลชนิดที่เป็น พุทธวาจา มีโวหารปฏิภาณไหวพริบในการเจรจา จะเจรจาความสิ่งใดก็มีผู้ฟังและเชื่อถือ สามารถว่ากล่าวสั่งสอนบุตรธิดาและศิษย์ให้อยู่ในโอวาทได้ดี

๕ . ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๕ ด้วยการไม่ดื่มสุราเมรัย เครื่องหมักดองของมึนเมา ด้วยเศษของบุญที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อนำมาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้เป็นผู้ที่มีสมอง ประสาท ปัญญา ความคิดแจ่มใส จะศึกษาเล่าเรียนสิ่งใดก็แตกฉานและทรงจำได้ง่าย ไม่หลงลืมฟั่นเฟือนเลอะเลือน ไม่เสียสติวิกลจริต ไม่เป็นโรคสมอง โรคประสาท ไม่ปัญญาทราม ปัญญาอ่อน



อานิสงส์ของศีล ๕ มีดังกล่าวข้างต้น สำหรับศีล ๘ ศีล ๑๐ และศีล ๒๒๗ ก็ย่อมมีอานิสงส์เพิ่มพูนมากยิ่ง ๆ ขึ้นตามระดับและประเภทของศีลที่รักษา แต่ศีลนั้นแม้นจะมีอานิสงส์เพียงไรก็ยังเป็นแต่เพียงการบำเพ็ญบุญบารมีในชั้นกลาง ๆ ในพระพุทธศาสนาเท่านั้น เพราะเป็นแต่เพียงระเบียบหรือกติกาที่จะรักษากายและวาจาให้สงบ ไม่ให้ก่อให้เกิดทุกข์โทษขึ้นทางกายและวาจาเท่านั้น ส่วนทางจิตใจนั้นศีลยังไม่สามารถที่จะควบคุมหรือทำให้สะอาดบริสุทธิ์ได้

ฉะนั้น การรักษาศีลจึงยังได้บุญน้อยกว่า การภาวนา เพราะการภาวนานั้น เป็นการรักษาใจ รักษาจิต และซักฟอกจิตให้เบาบางหรือจนหมดกิเลสคือ ความโลภ ความโกรธ และความหลง อันเป็นเครื่องร้อยรัดให้บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสงสารวัฏ การภาวนา จึง เป็นการบำเพ็ญบุญบารมีที่สูงสุด ประเสริฐที่สุด ได้บุญมากที่สุดเป็นกรรมดีอันยิ่งใหญ่เรียกว่า " มหัคคตกรรม " อันเป็นมหัคคตกุศล

 

ทำกำลังใจให้ดี มีสติครับ

 

คุณคะ คนที่เขาหย่าแล้วไปแต่งงานใหม่นะ ถ้า คนทั้งสองฝ่าย ไม่มีความรักต่อกันอีก ก็ถือว่าเลิกลาจากกัน เหมือนคนที่ทสามีหรือภรรยาไปคบชู้นะ ใครจะไปทนแต่งงานอยู่กับคนที่นอกใจ ดังนั้นก็ถือว่าไม่ใช่คู่กัน หาคู่ใหม่ก็ไม่ผิดศีลหรอก - ประพฤติผิดในกามเนี้ย เขาหมายถึงการไปนอกใจ ไป ประพฤติทางกามารมต่อ บุคคลต้องห้าม ซึ่งได้แก่ ต้องห้าม โดย พ่อแม่, ผู้ปกครอง, จารีต กฏหมาย วัฒนธรรม หรือ ต้องห้ามด้วยตัว บุคคลเองที่เขาไม่ประสงค์จะมีความสัมพันธ์ด้วย อย่าง ขมขื่น ก็ถือว่าผิดศีล ข้อ กาเม ฯ แต่ ถ้า บุคคลทั้งสองเขาหย่าขาดจากกัน ไม่รักกันแล้ว สัคมก็ยอมรับตรงน้น ถือว่า ไม่บาปคะ เพราะ ที่ พระพุทธองค์ ตั้งว่า การทำบาป หลักๆเนี้ย คือ การ ไป ทำความ ไม่สบายใจ ไม่พอใจ ทำความรู้สึกไม่ดีในเรื่องเพศต่อบุคคลอื่นอันนี้บาป แต่ถ้าหย่าขาดต่อกันแล้ว ญาติพี่น้องเห็นดีด้วย ไม่มีใครระคายใจ หรือ หนักใจ ตัวบุคคลทั้งสอง หญิงกะชายเอง ก็ ปลงใจที่จะเลิกจากกัน ไม่มีใครติดใจต่อกัน ก็เหมือนเจ้ากรรมนายเวรอโหสิซึ่งกันและกันแล้ว นั้นถือว่าไม่บาป

 

เข้ามาให้กำลังใจ ครับ
สู้ๆ นะครับ

 

ไม่มีอะไรที่เกิดแต่ผลโดยที่ไม่ได้สร้างเหตุไว้ Peaceful777บุญเก่ามีอยู่ครับเดี๋ยวชีวิตก็ดีขึ้นเอ็งครับ แค่แบบกสังขารมันก็ทุกข์ เอามันออกจากหัวครับสิ่งที่คิดหลายอย่างมันไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย และมันก็เป็นอดีตไม่ต้องเก็บมาคิด นะครับคนแย่กว่าเรามีตั้งมากมาย สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากกรรมก่านะครับ แต่คุณสามารถผ่านพ้นไปได้ครับ คุณไม่ค่อยสวดมนต์ นั้งสมาธิเลยครับ ชอบเอาความทุกข์มาเป็นสรณะ ไม่ดีนะครับเอาพระรัตนตรัยมาเป็นสรณะนะครับเปลี่ยนใหม่ครับ ตั้งแต่นี้ไปสวด อิติปิโส เมตตาใหญ่นั้งสมาธิโดยกำหนด หายใจเข้า พุธ หายใจออกโธ ครับ นั้งซัก10 นาทีก่อนเพราะไม่เคยนั้งเลย ฐานะก็ดูดีแต่แปล็กเหมือนไม่ค่อยจะทำบุญ ว่างๆก็ไปปล่อยปลานะครับเอาในตลาดที่เขาจะทุบหัว เอาไปปล่อย 9 ตัวนะครับไม่ต้องอธิธานนะครับ ขอให้โชคดี มีแต่ความสูขนะครับ

 

แฟนใหม่ต้องบอกเขาก่อนจะแต่งงานกับเขา
หาจังหวะเอาเอง
บอกหลังแต่งงานจบเห่แน่นอน

เรื่องสูติบัตร หาใครเซ็นเป็นพ่อให้ก็ได้
เรื่องวีซ่าก็ไม่ต้องไปห่วงมาก
ไปประเทศที่ไม่ต้องใช้วีซ่ามีเยอะแยะ
หรือเอาแค่เมืองไทยก็เที่ยวได้ทั้งชีวิตแล้ว

 

ขอบพระคุณหลวงพี่ thitiwats ที่เมตตาคะ ต่อไปจะเอาพระรัตนตรัยมาเป็นสรณะ สวด อิติปิโส เมตตาใหญ่ ก่อนนอนและนั่งสมาธิ 10 นาทีใช่ไหมคะ ต่อไปนี้จะตั้งใจทำบุญปล่อยปลาทุกๆเดือน 9 ตัว ที่ผ่านมาก็ชอบซื้อในตลาดไปปล่อยนะคะ แต่ชอบอธิษฐาน ต่อไปนี้ไม่อธิษฐานแล้วคะ

 

แฟนใหม่ต้องบอกเขาแน่นอนคะ ถ้าผ่านช่วงโปรโมชั่นไปแล้ว ตอนนี้ดูกันได้แค่เดือนเดียวยังไม่แน่ใจคะ ว่าจะไว้ใจได้หรือไม่ เรื่องสูติบัตรถามทางเขตต้องเป็นพ่อที่แท้จริงแล้วมาตรวจดีเอ็นเอเท่านั้น คะ ตั้งใจจะพาพ่อแม่ไปทัวร์ยุโรป อีกห้าปี เป็นความฝันของแม่คะ

 

ขออนุญาติเพิ่มเติมขอมูลที่มีประโยชน์จากคุณมากิ เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือใครๆที่มีปัญหาแบบดิฉันคะ

ถ้ามีแผนจะพาลูกไปต่างประเทศ
แนะนำว่าไม่ต้องลงชื่อลูกในใบสูติบัตรค่ะ


1. เคสที่ไม่ใส่ชื่อแต่แรกเลย
ก็ไม่จะไม่มีขั้นตอนอะไรตามมา บุตรเป็นของแม่คนเดียว
และบิดาก็จะไม่มีตัวตนเลยทางกฏหมาย ข้อเสียคือในใบสูติบัตรจะไม่ปรากฏชื่อบิดา อันนี้ก็ง่ายมากๆๆๆๆๆค่ะ ไม่ต้องทำอะไรต่ออีก

แต่ว่าให้คูณเช็คดูใบรับรองการเกิดของลูกด้วยนะคะ โรงพยาบาลออกให้โดยใส่ชื่อพ่อเด็กหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ใส่ ก็ดีเลย ไปทำสูติบัตร โดยไม่ประสงค์ใส่ชื่อพ่อเด็กได้เลยค่ะ แต่ถ้าใบรับรองการเกิด ใส่ชื่อพ่อเด็ก ก็ให้นำไปแก้ขีดฆ่าชื่อออกค่ะ ไปโรงพยาบาลนั้นเพื่อให้เขาแก้ไขให้ค่ะ

2. เคสที่ใส่ชื่อพ่อเด็กลงในใบสูติบัตร
ตราบใดที่พ่อไม่ได้เซ็นต์รับรองบุตร
บุตรก็จะเป็นของแม่คนเดียวตามกฏหมาย
การเซ็นต์เอกสารราชการไทย ไม่มีผลใดๆ คือ ไม่จำเป็นต้องเีรียกพ่อเด็กมาเซ็นต์
ถ้างั้นใส่ชื่อพ่อเด็กดีไหม ＝≫ ก็อาจจะดี มันคนจะดีที่ในสูติบัตรมีชื่อพ่อ
อย่างน้อยมันก็ชัดเจนกับตัวเด็กว่าใครเป็นพ่อเค้า

แต่ปัญหาที่ตามมาคือ การทำพาสปอร์ต
การเซ็นต์เอกสารทั้งหมดไม่จำเป็นต้องให้พ่อมาเซ็นต์ ยกเว้น การทำพาสปอร์ตค่ะ

ถ้าอย่างนั้น เราจะทำพาสปอร์ตยังไง
่ มี 2 วิธีค่ะ

1) ตามพ่อมาเซ็นต์ที่กรมการกงศุล ถ้าพ่อมาไม่ได้ให้พ่อไปติดต่ออำเภอแล้วให้ทางอำเภอทำหนังสือ
มาว่าบิดายินยอมให้เด็กทำพาสปอร์ตและบิดาไม่สามารถมาปรากฏตัวได้ที่กรมการกงศุล

2) แนวทางที่ 2 ก็จะยุ่งยากขึ้นมาอีก นั่นคือการยื่นคำร้องที่อำเภอแจ้งว่าตัดขาดกันกับบิดามานานแล้ว
และไม่สามารถติดต่อได้ ตอนนี้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เคสนี้บิดาจะไม่สามารถกลับมาผูกพันได้อีกเลยทางกฏหมาย
เคสนี้ทางอำเภอก็จะออกหนังสือให้ แล้วเราถือหนังสือไปที่กรมการกงศุลเพื่อทำพาสปอร์ตได้ค่ะ

หวังว่าคงพอช่วยคุณได้นะคะ
makigochan

 

ตอนนี้ในสูติบัตรไม่มีชื่อพ่อเด็กคะ แต่ดิฉันอยากเพิ่มชื่อพ่อเด็กที่แท้จริงก่อนที่ลูกจะเข้าโรงเรียนก่อน 2 ขวบ เพราะกลัวว่าลูกจะมีปมด้อยและจะบอกเหตุผลให้ลูกว่าเรามีเหตุผลที่ทำให้อยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่ลูกก็เกิดมาจากความรัก พ่อและแม่ทั้งสองคนต่างรักลูก (ซึ่งตอนนี้เขาก็เสียใจและรักลูกนะคะ แต่มันคงสายไปแล้ว) แต่ด้วยเหตุผลหลายอย่างทำให้กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้
การทำพาสปอร์ตคงใช้แนวทางที่ 2 คือการยื่นคำร้องที่อำเภอแจ้งว่าตัดขาดกันกับบิดามานานแล้วและไม่สามารถติดต่อได้ ตอนนี้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เคสนี้บิดาจะไม่สามารถกลับมาผูกพันได้อีกเลยทางกฏหมาย เคสนี้ทางอำเภอก็จะออกหนังสือให้ แล้วเราถือหนังสือไปที่กรมการกงศุลเพื่อทำพาสปอร์ต ตามที่คุณมากิแนะนำคะ คงต้องไปปรึกษาญาติทางฝ่ายชายให้ช่วยพูดกับพ่อเด็ก ซึ่งเขาก็เข้าใจและยินดีช่วยเหลือคะ ขอบคุณคุณมากิมากๆนะคะ ที่ช่วยหาทางออกให้ขอให้ผลบุญนี้นำพาชีวิตคุณให้รุ่งเรืองปราศจากอุปสรรค์ทั้งหลายคะ

 

ถ้ามันยุ่งมากนัก จะเป็นคนเซ็นให้เองก็ได้ ถ้าสนใจจะขีด check box นี้ก็ร่อนจดหมายมา เซ็นแล้วจะร่อนกลับไป ไม่เอาตังค์ซักบาท

 

รักษาความดี ถือศีลและหมั่นสวดมนต์ทุกวัน เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีคะ เป็นกำลังใจให้คะ

 

ความลับไม่มีในโลก

เราควรฉลาดคิด ฉลาดทำ และฉลาดพูด โดยอาศัยเหตุผลบนพื้นฐานของความดีความถูกต้อง

ทั้งนี้ต้องอาศัย กาละ เทศะ และบุคคล

ต้องทำความเข้าใจว่า ขอให้พิจารณาให้ดีด้วยเหตุผลประกอบทั้งมวล แต่เราไม่ควรโกหกหรือปกปิด หากแต่ยังไม่ใช่กาละเทศะที่เหมาะสม ก็ย่อมควรรู้ว่าควรวางเฉยอย่างไร แต่เราไม่ได้มีเจตนา ขอให้กาลเวลาพิสูจน์หลายๆอย่าง อีกอย่างหากเราคบกับแฟนใหม่คนนี้จนมั่นใจแน่ใจแล้ว ก็ควรกล่าวความจริง แก่เขาให้ทราบ หากเขารักเราจริงเขาย่อมจะต้องยอมรับ สงสารและเห็นใจเป็นทวีคูณ ครับ หากเขารับไม่ได้ ก็ย่อมแสดงว่าเขาไม่ได้รักเราอย่างแท้จริง หากเป็นอย่างนั้นก็ไม่คู่ควรแก่ครอบครัวของเรา

อนึ่งเรื่องบุตร ควรวางแผนไว้ ว่าเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมควรแสดงความจริงอย่าให้เนินนานมาก อันจะส่งผลเสียหายทางจิตใจของเด็กจะเป็นตราบาบตลอดชีวิตคุณครับ

บนโลกใบนี้ความสัจจริงคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพียงแต่ต้องรอบคอบต้องฉลาดคิด ฉลาดพูดและฉลาดทำ ให้เลือก บุคคล กาละ เทศะให้ดีนะครับ แล้วเรื่องราวร้ายๆย่อมผ่านไปได้ด้วยดีครับ

คนที่เขาลำบาก ยากจน มีปัญหาร้อยแปด แย่สุดๆยิ่งกว่าคุณเขายังเลือกที่จะอยู่ด้วยความจริง ต่อสู้กับความไม่ดีชั่วร้าย ต่อสู้กับชะตากรรมที่เลวร้าย เขาถึงแม้จะต้องลำบากแต่ก็ไม่ยอมผิดสัจจะและต้องทำบาบครับ

คุณควรรักลูกให้มากๆ กว่าการรักตนเอง หรือคนที่คุณกำลังคบหาอยู่ มองให้ทะลุว่า ชีวิตที่มีค่าคืออะไร คุณค่าของชีวิตอยู่ที่อะไร ความสุขจริงแท้ของชีวิตครอบครัวเป็นอย่างไร ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะรักลูกมากที่สุด ส่วนเรื่องคู่ครองแฟนใหม่ อันนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ลูกเราต้องโตขึ้นในอนาคต เขาจะเป็นอย่างไร ตรงนี่ต่่างหาก ที่ควรคิดให้มาก
หากเราทำดี เราก็ต้องได้รับผลที่ดีครับ หากเราทอดทิ้งบุตรของเราอันนนี้เป็นบาบกรรมหนักพอสมควร มันจะทำให้ชีวิตคุณไม่ดีไม่มีความสุขนะครับ

ลองทบทวนดูและคิดใหม่ทำใหม่ในสิ่งที่ถูกต้องนะครับ ด้วยความดีย่อมทำให้คุณเจอคนที่ดี มีครอบครัวที่ดี มีบุตรที่ดีมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นตามมาแน่นอนครับ

 

ขอบคุณนะคะ ยังไงเมื่อแกโตขึ้นเริ่มพูดได้ ดิฉันก่จะบอกว่าแกมีแม่สองคนคือพี่สะใภ้และดิฉัน ดิฉันรักลูกมากที่สุด ตั้งแต่เลี้ยงมาแกเป็นเด็กเลี้ยงง่ายและยิ้มเก่งใครเห็นต่างหลง เมื่อพี่น้องในวัยเดียวกันเริ่มแต่งงานไปมีครอบครัวหมดแล้วดิฉันตั้งใจจะบอกความจริงกับทุกคน เค้าคงไม่มานั่งนินทาเหมือนตอนนี้แล้ว และอยากจะให้ลูกเรียกดิฉันว่าแม่มากคะ เรื่องคู่ครองแฟนใหม่ ดิฉันคิดว่าความรักแบบนี้คือสิ่งไม่แน่นอน มีพบก็มีจาก ยังไงลูกก็ต้องอยู่กับดิฉันไปตลอดชีวิต แทบไม่กล้าคิดที่จะทิ้งแกเลยคะ ส่วนฝ่ายชายดิฉันอโหสิกรรมให้ ขอให้ไม่ต้องพบเจอกันอีกในชาติต่อๆไป ขอตัดขาดจากกัน ณ บัดนี้ ฝ่ายชายจะได้รับกรรมอย่างไรหรือไม่ ดิฉันไม่รู้ และก็ไม่ได้เคียดแค้นพยาบาทเขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ให้เขาไปใช้ชีวิตตามวิถีของเขาค่ะ

 

ลูกรักของแม่
ลูกทำให้รักของแม่แข็งแกร่งขึ้น
ทำให้เวลาของแม่มีน้อยลง
แต่กลางคืนนั้นแสนยาวนาน
ลูกอาจทำให้เงินของแม่มีน้อยลง
แต่ทำให้บ้านเรามีความสุขมากขึ้น
แม้เสื้อผ้าของแม่อาจไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน
ลูกช่วยให้แม่ลืมอดีต
และทำให้อนาคตของแม่ สดใสและคุ้มค่าที่จะอยู่
เพื่อลูกต่อไป

 

อนุโมทนาครับ คุณมีจิตใจที่ดี คิดดี พูดดี ทำดี สิ่งดีๆย่อมเกิดกับชีวิตคุณครับ
ด้วยบุญกุศลที่กระผมเคย ถือสัจจะไม่ฆ่าสัตว์ ตลอดชีวิต บุญจากการทานมังสะวิรัติ ปล่อยชีวิตสัตว์ จากการให้ทาน ทั้งปัจจัยทาน วัตถุทาน สังฆทาน ผ้่าป่า กฐิน วิหารทาน สร้างพระ สร้างรั้วและซุ้มประตูวัด ธรรมทาน อภัยทาน ด้วยบุญแห่งศีล 5 ศีล8 ศีล10 ศีล227ที่เคยปฏิบัติ ด้วยบุญแห่ง การสวดมนต์ การภาวนา การเจริญสมาธิ
ด้วยบุญกุศลทั้งหลายทั้งปวง ที่กระผมได้กระทำไว้แล้ว ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่คุณและครัวครัวของคุณ พร้อมด้วย เทวดาครูอาจารย์ บรรพบุรุษ ญาติ ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวร ทั้งหลาย จงได้รับในผลบุญนี้ ขอเธอและท่านทั้งหลายจงมีความสุข ความเจริญ รุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปครับ ขออุปัทวะเหตุ ทุกข์โศกโรคภัยใดๆขออย่าได้มาเบียดเบียน ขอให้แคล้วคลาดจากสิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง ขอจงประสพแต่สิ่งดีงามสรรพมิ่งมงคลสืบไปครับ สาธุครับ

 

ใจจริงดิฉันอยากให้คุณกลับไปแต่งงานกับพ่อเด็กดีกว่าคะ คิดดูคนเราถ้าถึงขั้นมีลูกด้วยกันได้ ก็หมายความว่าคงต้องรักใคร่ รู้ใจสนิทชิดเชื้อกันมากๆมาก่อน



ดิฉันรู้สึกว่าคุณพลาดตั้งแต่เขากำลังจะแต่งงานด้วย แต่มาขอเงินคุณแล้วคุณไม่ยอมให้ แฟนเก่าคุณจึงโกรธ ดิฉันคิดว่าตอนนั้นคุณน่าจะทำนิ่งเสียอย่าไปโต้ตอบ น่าจะลองพูดกับเขาดีๆลองใช้มารยาหญิงอ้อนๆให้เขาใจเย็นลง เพราะในความเห็นของดิฉัน ลูกของคุณ ก็คงอยากอยู่พร้อมกันกับพ่อและแม่ และตามศักดิ์ศรีผู้หญิงทั่วไป น่าจะอยากแต่งงานกับผู้ชายที่ตนมีอะไรด้วยมากกว่า อันนี้ คคสต ดิฉันไม่ทราบในกรณีของคุณ หรือ ผู้หญิงอีกหลายๆท่านที่มามีชะตากรรมเช่นนี้ ว่า คบกันอะไรกัน ทำไมถึงดูผู้ชายไม่ออก ว่าคนนี้ดีไหม เหตุใดจึงไปมีความสัมพันธ์กับคนที่ไม่ดี มันน่าจะดูกันออกบ้างนะคะ

 

คุณ Tor รู้สึกแกจะ ทำ ป๋า เหลือเกินนะ ทำไมทีกับน้อง เอ็ม กับ น้องหนู ผีเกาหลีของคุณนั้น ไม่ ป๋าๆกับพวกเขาหน่อยละ

 

นั่นล่ะ ปัญหาของคุณถึงละเอียดอ่อนมาก (เราถึงไม่ค่อยอยากออกความเห็น หรือขอคิดดีๆ ก่อนเขียนอะไร) เพราะมีเด็กเข้ามาเกี่ยวข้องนั่นเอง

ลูกต้องได้รับความรักอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น หรือแม้กระทั่งความอาย/ความลับ/ข้อแม้ ฯลฯ

ส่วนการที่จะรอเพื่อพูดความจริงนั้น เราขอออกความเห็นเลยว่า ไม่เห็นด้วยค่ะ เพราะ คุณเองยิ่งผูกพัน กับ ผู้ชายคนนั้นเขาอีก จนเกิดอาการพูดไม่ออก(ถ้าถึง 6 เดือน คุณอาจจะถัดเวลาไปอีก 1ปี) หรือ เสียใจหากเกิดอะไรขึ้น

โตขึ้น ถ้าทางพี่สาวที่รับเป็นบุตรบุญธรรมเขาจะปฎิเสธที่จะคืนลูกคุณหรือเปล่าคะ (ถ้าไม่ปฎิเสธ ก็คงเลิกกังวลได้ค่ะ) กลับมาอยู่กับแม่เหมือนเดิมเด็กก็จะผูกพันค่ะ(ถ้าไม่เกินอายุ 6 ปี) เด็กจะผูกพันมากว่า ไปเลี้ยงเขาตอนโตค่ะ(หาอ่านได้ในหนังสือจิตเวชเด็กค่ะ)

คำนินทาชาวบ้าน แบกไว้ก็หนักอกค่ะ

ส่วนเรื่องไกลตัวอย่าไปคิดมาก(เราหมายถึงเซนชื่อ/ไปเที่ยว )

ยังคงยืนยันว่า ลูกไม่ได้เรียกเราว่า แม่ค่ะ เพราะความหมายของ Grolia ของลูกเรา ลึกซึ้งกว่าคำว่าแม่มากค่ะ เพราะฉะนั้น อย่าไปติดกับสรรพนามจนมาทำให้เกิดทุกข์ (เราหมายถึงอย่ายึดติดนะค่ะ มันหนักมันทุกข์)

ส่วนปมด้อยของเด็ก ถ้าให้ดี ควรปรึกษาจิตเวชเด็กเพื่อเป็นแนวทางค่ะ คงมีทางออกให้ค่ะ หรือลองเข้าไปอ่านกระทู้ sigle mom ดูก็ได้ ว่าเขาทำกันอย่างไร