ชินบัญชร ถามผู้รู้

ผมท่องได้แล้วครับ แต่ท่องแล้วขับรถปลอดภัยดีครับ

 

การสวดมนต์เป็นการเจริญพุทธานุสติ ธรรมานุสติ และสังฆานุสติ จุดมุ่งหมายเพื่อให้ใจเกาะเกี่ยวกับพระรัตนตรัย เป็นการเจริญสติเบื้องต้น
จะสวดสั้น สวดยาว หรีอสวดบทใดก็ตาม จะสวดชินบัญชรหรือยอดพระไตรปิฎก ถ้าจิตใจเลื่อมใสเป็นสมาธิเสมอกันย่อมมีผลเสมอกันทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับจิตใจผู้สวดเป็นหลัก บทสวดเป็นเพียงอุปกรณ์เพื่อให้ใจผ่องใส
การอาราธนาพระอรหันต์ให้มาสถิตยังส่วนต่างๆของร่างกาย ก็เป็นอุบายให้ความมั่นใจ พระท่านไม่ได้มาสถิตจริงๆ แต่การระลึกถึงพระอรหันต์ย่อมเกิดบุญมหาศาล บุญนั่นเองที่มาคุ้มครองชีวิตของเรา
ในส่วนของเจ้าของกระทู้ถ้าคิดว่าสวดแล้วเกิดความกินแหนงแคลงใจ ก็ไม่ควรสวดบทนี้ ไปสวดบทอื่นที่เรารู้สึกสบายใจที่สุด บทสวดที่ทำให้ใจเราผ่องใสที่สุด บทนั้นแหละคือบทที่เหมาะกับเราที่สุด จะสวดชินบัญชรหรือท่องพุทโธคำเดียว ถ้าใจผ่องใสก็เป็นอันบรรลุวัตถุประสงค์ของบทสวดแล้ว

 

ในสิ่งที่ดีที่สุด
แต่ผู้ใช้ไม่ควรแก่งาน ไร้ซึ่งคุณธรรมควรคู่ กับสิ่งที่ท่องบ่นเป็นนิจ
เมื่อสมาธิจิตบังเกิด ล้วนชักนำความสมปรารถนา แต่เคลือบด้วยความทุกข์และโรคภัยมาให้ไม่รู้สิ้น

ในถานะหมอ ได้พบโรคภัยแปลกๆ อันเกิดจากการสวดคาถาบทนี้มากมาย
แต่ละเคส ล้วนมีที่มายิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
บ้างใหญ่จริง บ้างใหญ่ปลอม

พวกที่ใหญ่ปลอมๆ เราก็พอรักษาได้
แต่เจอพวกใหญ่คับฟ้า หมอก็ต้องถอนตัว ใส่ตีนหมา ภวนาหลวงพ่อโกยช่วยด้วย

 

พาหุงมหากา

เป็นบทสวดที่เรียบง่าย ทุกคนใช้ได้ดี ไร้ข้อโต้แย้ง และไร้ซึ่งผลข้างเคียง
น่าสวดที่สุด

ผู้ที่ทรงคุณธรรมสูงมีศีลครบ ชินบัญชร เหมาะกับท่านมาก
หากไม่แน่ใจ สวดพาหุงมหากาเถิด ปลอดภัยที่ซู๊ด

 

อาจารย์ ... เผอิญสวดบทนี้เป็นประจำ ..อยากขอคำอธิบายอาจารย์เพิ่มเติมค่ะ...อะไรคือใหญ่จริง / ใหญ่ปลอมคะ แล้วโรคภัยประเภทไหนที่เกิด เกิดเพราะอะไรคะ ...ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

 

พระคาถาชินบัญชรนี้ เป็นคาถาพระโบราณ ที่สมเด็จฯโตค้นพบที่กำแพงเพชร
เพราะว่ายุคโบราณพระต้องช่วยรบกับศัตรูด้วย เช่นมหานาคฯ อยุธยา มหาเถรคันฉ่องอาจารย์สมเด็จพระนเรศวรชาวพม่าเป็นต้น
ดังนั้น พระคาถานี้จึงเป็นคาถาทาง "โลกียะ"ล้วนๆ เพื่ออิทธิฤฤทธิปาฏิหารย์ต่างๆ
ดังนั้นจึงเป็นของร้อน ไม่เย็น
หลวงปู่แหวนเวลาทำน้ำมนต์ ท่านสวดบทอิติปิปโส แผ่เมตตาธรรมดาๆพื้นๆไม่ต้องท่องมากมาย น้ำมนต์ก็ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งแล้ว และเย็นด้วย ไม่ร้อน
ใครอยากร้อนด้วยโลกียัฤทธิ์ ก็สวดชินบัญชรไป
ใครอยากเย็นก็สวดแค่แผ่เมตตาไป ก็สงบร่มเย็นแล้ว เพราะเป็นโลกุตตละ

 

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suwi
ในสิ่งที่ดีที่สุด
แต่ผู้ใช้ไม่ควรแก่งาน ไร้ซึ่งคุณธรรมควรคู่ กับสิ่งที่ท่องบ่นเป็นนิจ
เมื่อสมาธิจิตบังเกิด ล้วนชักนำความสมปรารถนา แต่เคลือบด้วยความทุกข์และโรคภัยมาให้ไม่รู้สิ้น

ในถานะหมอ ได้พบโรคภัยแปลกๆ อันเกิดจากการสวดคาถาบทนี้มากมาย
แต่ละเคส ล้วนมีที่มายิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
บ้างใหญ่จริง บ้างใหญ่ปลอม

พวกที่ใหญ่ปลอมๆ เราก็พอรักษาได้
แต่เจอพวกใหญ่คับฟ้า หมอก็ต้องถอนตัว ใส่ตีนหมา ภวนาหลวงพ่อโกยช่วยด้วย
</TD></TR></TBODY></TABLE>

การที่จะตอบคำถามนี้ให้เข้าใจ ต้องกล่าวย้อนหลายเรื่อง และต้องอุปมาอุปมัยในหลายๆเรื่องเช่นกัน

๑. ทุกท่านทราบดีว่า รอบกายมนุษย์เราจะมีเกราะป้องกันตัวจากการเบียดเบียนต่างๆ
ทั้งจากโรคภัยไข้เจ็บ(ธรรมชาติ) และการเบียดเบียนจากอมนุษย์ต่างๆ
เกราะดังกล่าว ก็คือ ออร่า รัศมีรอบตัวนั่นเอง
ออร่านี้จะสัมพันกับสุขภาพกาย และจิตของท่านผู้นั้น ผู้ที่ฝึกมาดีจะสามารถเข้าควบคุม สั่งการ เกราะออร่านี้ได้
แม้ไม่ได้ฝึกจิต เกราะนีก็มีอยู่โดยธรรมชาติ และยังคงสั่งงานได้ด้วยจิต(ถ้าสั่งเป็น)

๒.คาถาชิณบัญชร เป็นคาถาเปิดร่าง อัญเชิญ(ยอมให้)ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างมาประทับหรือนั่งในส่วนต่างๆ ในร่างของเราได้
พูดง่ายๆก็เหมือนขึ้นบ้านใหม่ เปิดบ้านเชิญผู้ทรงคุณ มาเหยียบบ้านเพื่อเป็นศิริมงคลไง
พูดง่ายๆก็คือ อธิษฐานเปิดออร่า เชิญให้แขกเข้าบ้าน

๓. ปัญหามันอยู่ตรงนี้นะ

ผู้ออกบัตรเชิญ ทรงคุณบารมีแค่ใหน
บางท่าน บ้านเรือนตนเองก็ยังหมักหมม ด้วยกิเลส ดังขึ้กองใหญ่ วางไว้บบที่นั่ง
แล้วเชิญให้ผู้ทรงคุณวิเศษ ไปนั่งทับขี้กองใหญ่ที่หมักหมมอยู่
ผู้ที่มีกายและใจสะอาด ใครจะไปนั่งลงได้ ด้วยเมตตาก็แค่ให้พรแล้วผ่านไป

อีกประการ ผู้มีจริตแบบใด ก็ย่อมแผ่กระแสจริตนั้น ชักจูงผู้มีจริตที่สอดคล้องกันให้เข้ามาหา
ดังนันแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ย่อมมาอวยชัยให้พรมากโขอยู่
บางท่านอวยพรแล้วจากไป
บางท่านถือโอกาส เอ็งเชิญมานะ แล้วเอ็งไม่ส่งข้ากลับ ข้าก็ขออยู่ตรงนั้นนั่นแหละ(มันก็ขวางทางเดินเลือดลมนะซิ)

แขกเหล่านี้มีบางท่านฝึกฝนมาดี ทรงคุณวิเศษอยู่ และก็เข้าใจในตนเองว่าสำเร็จแล้ว
มีปริญญาบัตรเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ บ้างก็เป็นเนรฯ(คุณ) บ้างก็เป็นท่านโน้นท่านนี้
ที่หนักๆก็ว่า ข้าสำเร็จเป็นพุทธนะโว้ย ข้าเป็นอริยะเจ้านะ ข้าเป็นโพธิสัตว์โว้ย
เอ็งเชิญข้าแล้วข้าก็เข้าไปนั่งซิ

ก็ข้ามีสิทธิ์นิ ตามที่ข้าเข้าใจ และเอ็งก็เข้าใจตามที่ข้าเข้าใจไง (ชักงงวุ้ย)
แล้วก็สั่งสอนชักจูงกันไปตามจริตที่มี
ในเวปนี้ก็มีเยอะ ในมิติก็มากโข
ทีเป็นตัวจริงก็พอมี (ใครได้ตัวนี้มาก็พอรอดตัว)
ที่เป็นตัวหลอกก็มากยิ่งกว่า(ใครได้ตัวนี้ นับว่าซวยไป)

พวกนี้ว่าตนสำเร็จแล้วแต่ก็ยังเต็มไปด้วยโมหะ ถกเถียง ด่าทอ และสุดท้ายก็บีบบังคับ ให้คนข้างเคียงทำสิ่งที่ตนปรารถนา
ครั้งไม่ได้ดังใจ ก็อาละวาดเอา (ในเวปนี้ก็มีเยอะ)
เจ้าของร่างก็เจ็บตัวฟรี

คำถามที่ว่า "อะไรคือใหญ่จริง / ใหญ่ปลอมคะ แล้วโรคภัยประเภทไหนที่เกิด เกิดเพราะอะไรคะ "

ที่ใหญ่จริงก็คือผู้สำเร็จทางจิต ระดับใดระดับหนึ่ง เป็นผู้มีฤทธิ์
แต่ยังเป็นปุถุชน (บางท่านเข้าใจตนว่าสำเร็จแล้ว)

ถ้าเป็นผู้มีสัมมาทิฐิ ก็สั่งสอนกัน ร่วมกันสร้างบารมีธรรม
พวกนี้ มีน้อยมั๊กๆ จงอย่าหวังว่าจะพบเจอง่ายๆ

ถ้าเป้นพวกมิจฉาทิฐิ ก็พากันชักชวนสร้างทางลงนรกโดยง่าย

ที่ใหญ่ปลอมก็คือ พวกผี ปีศาจ สัมภเวสี ฯลฯ เข้าสวมสิทธิ์ เป็นท่านโน้นท่านนี้
โห้ พวกนี้มากซู๊ดๆ
ที่อ้างเป็น ร. ๕ จี้กง กวนอิมฯลฯ พวกนี้ทั้งนั้นแหละ
แต่พวกที่ทรงคุณธรรมที่อ้างก็มีนะ ท่านมาทำหน้าที่แทนเป็นมือเป็นเท้าให้ตัวจริงนะ อย่าเหมาว่าเป็นตัวร้ายซะหมดละ

แล้วรู้ได้ไง
ก็สภาพธรรมที่ท่านแสดงไง เป็นตัวบ่งชี้
ถ้าท่านรู้และเข้าใจธรรมนั้น ท่านก็จะแยกออก
หากท่านไม่รู้ธรรม หรือรู้น้อยกว่า ก็จงศึกษาธรรมที่เขาบอกและวางอุเบกขาเสีย อย่ากระดี้กระด้าให้มากนัก
แล้วศึกษาให้รู้ลึกลงไปเรื่อยๆ พอเรารู้เราเข้าใจสภาพธรรมแล้วเรก็จะแยกเขาออกได้

โรคภัยไข้เจ็บที่พวกนี้ชักนำมามีอะไรบ้างละ

๑.พวกตัวปลอมนี่นะ บางท่านก่อนตาย
บ้างป่วยตาย บ้างประสพอุบัติเหตุแขนขาขาด ฯลฯ
อาการเหล่านั้น และความเจ็บปวด จะยังคงฝังอยู่ในจืตเขา
เมื่อท่านเหล่านั้นมาอยู่กับผู้ใด อาการเหล่านั้นจะปรากฎในกายของท่านนั้นๆด้วย
ไปตรวจกี่หมอๆ ก็หาที่มาของโรคไม่เจอ

๒. ตำแหน่งที่ท่านเหล่านั้นเข้าไปอยู่ มันจะขวางทางเลือดลมที่ไปหล่อเลี้ยงร่างกาย
บ้างก็ดูดซับปราณจากจ้าของร่าง เพื่อมาหล่อเลี้ยงตนเอง
ทำให้บริเวรนั้นขาด ปราณหล่อเลี้ยง สักพัก ร่างกายส่วนนั้นๆก็จะอ่อนแรงไป โดยไร้สาเหตุ
ไปหากีหมอๆ ก็หาเหตุแห่งโรคไม่เจออีกนั่นแหละ

๓. ในร่างคนที่มีภูมิต้านทานดี ร่างกายจะสร้างพังผืดมาปิดหุ้มสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาฝังตัวอยู่ ทำให้เป็ซิสต์ เป็นเนื้องอก และสุดท้านเป็นมะเร็ง
พวกนี้หมอหาต้นเหตุเจอนิ ก็ตัดออก โยนทิ้งไปซะ
แต่พวกนี้ เขาเชิญมาแล้วนี่กูไม่ไปใหนง่ายๆร๊อก กูก็ย้ายที่อยู่ใหม่ก็ได้นิ
ว่าแล้ว ก็ย้ายจาก นมไปอยู่ที่มดลูกแทน แล้วก็ไปที่ตับ ปอด เซ่งจี้ ดอกจอก ตัวเดียวอันเดียวแทน(หมดยังหว่า)
ถ้าจะให้ไปอยู่ที่อื่นนะ ต้องจ่ายค่าขนย้ายนะ แต่ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ใหนนะ
นอกจากค่าขนย้ายแล้วต้องไปสร้งบ้านใหม่ให้ด้วยนะ ไม่งั้น ชั้นไม่ปาย
อ้อ เฟอร์นิเจอร์ในบ้านใหม่ต้องครบนะ
โอ้ยเหนื่อยโว้ย ต่อรองกับไอ้พวกนี้
แล้วหมอก็ต้องสำรองจ่ายไปก่อน ไอ้คนไข้ก็ไม่ค่อยเข้าใจ
จบแต่ละเคส หมอก็แทบสิ้นเนื้อประดาตัว

 

บุญรักษาครับ

ความคิดเห็นของผม โดยส่วนตัวเกี่ยวกับพระคาถาชินบัญชร นะครับ

1. เป็นพระคาถา ที่ยกเอาคุณพระพุทธเจ้า และพระมหาอสีติสาวก คือเป็นพระมหาเถระที่ได้รับการยกย่องจากพระโอษฐ์ของพระพุทธองค์ เชิญท่านเหล่านั้นมาเป็นที่พึ่งที่ระลึกถึง ในการทำความดี ทำกุศลให้เกิดขึ้น ( เหมือนเป็นอุบายธรรม )

2. การสวดมนต์ภาวนานั้น เป็นสิ่งที่ได้ยาก ( ในบางคน ) แต่บางคนก้อเริ่มต้น จากการให้ทาน รักษาศีล สวดมนต์ภาวนา ตามลำดับ * ( แต่ก้อเหมือน ข้อโซ่ จะหยิบตรงไหนก่อนก้อได้ เด่วข้ออื่นก้อตามขึ้นมาเอง )

3. เป็นสังฆานุสติ เพราะได้ระลึกถึง สมเด็จโต ฯ พระมหาเถระ ที่ควรแก่การกราบไหว้บุชา

4. อานิสงค์ของพระคาถานี้สุดพรรณา

5. โรคภัย ไข้เจ็บ ที่ไม่เกินกรรม หรือ ไม่ใช่โรคกรรม ย่อมเบาคลายหายได้

6. สิ่งอัปปรีย์ สิ่งอวมงคล ลมเพลมพัด ทั้งปวง ย่อมไม่แผ่วพาน

7. เป็นที่รักของมนุษย์ และ เทวดา ทั้งหลาย

8. อื่น ๆ อีกมากมาย


ประสบการณ์ส่วนตัว

1. คลาดแคล้ว จากการปองร้ายด้วยอาวุธปืน ( จ่อขมับ แต่ยิงไม่ออก )

2. เจอกลุ่มคู่อริ 8 คน มุ่งเข้าทำร้ายพร้อม ๆ กัน ( ปรากฏว่า กำบังและอำพรางตัวเองได้ ) คือ เค้าเห็นเราเป็นคนอื่น เห็นคนอื่นเป็นเรา แล้วจากนั้น ก้อ ลุยกันเอง ฯ

3. เคยทำน้ำมนต์ ให้แก่ ผู้ที่โดยกระทำ ( เรื่อง ผัว ๆ เมีย ๆ ) ด้วยเราเป็นผู้มีจิตเมตตา จึงสงเคราะห์ให้ ปรากฏว่า เมื่อหญิงคนดังกล่าวได้ดื่มกินน้ำมนต์ที่ทำด้วยพระคาถาชินบัญชรนี้แล้วนั้น เกิดอาเจียน มีแต่เส้นผม ของเน่าเหม็น ต่อหน้าลูก ๆ และคนในครอบครัว หลังจากนั้น ครอบครัวเค้า ก้อดีขึ้น หน้าตาแจ่มใสขึ้น สามีกลับบ้าน อย่างนี้เป็นต้น

4. เป็นสื่อทางโลกลี้ลับได้เป็นอย่างดี

5. ผู้ที่ปรารถนาใคร่อยากจะบูชา พระสมเด็จ ฯ ที่เค้าว่า ราคา หลาย ๆ ล้าน ไม่ต้องดิ้นรนหาให้เมื่อย สวดไปเถอะ วันหนึ่งสิ่งนั้นจะตอบสนองเหมือนผม ( แต่ต้องอธิฐานขอนะครับ ) ตัวผมเองก้อมีบางขุนพรหมกรุเก่า ที่พระเถราจารย์ มอบให้ครับ

6. ทุกครั้ง ๆที่จะมีเหตุการณ์ หนัก ๆ ในชีวิต ก้อคลี่คลายไปในทางที่ดี ตลอดครับ

7. ได้พบแต่กัลยาณมิตร แนะนำแต่สิ่งดี ๆ

8. จิตใจโอนอ่อน เข้าหาธรรมะได้ง่าย

9. ชินะปัญชรพรหม มีอยู่จริงรึป่าว ( อันนี้ " ปัจจัตตัง " ครับ )

ทั้งหมดทั้งปวงที่กล่าวมา " อย่าประมาทในวัย " ดีที่สุดครับ


ขออนุโมทนาครับ

 

ขอบพระคุณอาจารย์สุวิที่ให้ความรู้ค่ะ อ่านแล้วก้อพิจารณาตัวเองว่าเป็นเจ้าเรือนตัวเองแบบไหน แต่แหม ..อาจารย์เปรียบเทียบซะสะดุ้งเลยค่ะ

 

ผมพบผู้หญิงคนหนึ่ง ประมาณ ปี พ.ศ.2530 เป็นภรรยาพ่อค้าในตลาดจังหวัดพะเยา พอเห็นหน้า ผมเพ่งมองด้วยความประหลาดใจในความผ่องใสของเขา ซึ่งขาว และสวย ตามแบบชาวเหนือ............ก็เลยพูดว่า


ผม : เฮีย ....แฟนเฮียคนนี้ดูแลเอาใจใส่เขาให้ดีนะ ผมเห็นอะไรแปลก ๆ ในตัวเขา

พ่อค้า : เออ..ลื้อตาดี แฟนอั๊วเก่งมาก สามารถท่องพระคาถาชินบัญชรได้ภายในคืนเดียว แกไม่ได้นอนเลย ท่องทั้งคืน เช้ามาบอกว่า ท่องจำได้หมดแล้ว.........

ผม ; เป็นงง..................... ความจริงผมเห็นแกสวยเท่านั้น อายุก็มากกว่าผม

ส่วนการท่องพระคาถาชินบัญชรว่า เหมาะกับผู้หญิงหรือไม่นั้น ผมว่าการบรรลุธรรมไม่มีเพศ ครับ หญิง-ชาย มีโอกาสเท่ากันในเรื่อง สติปัญญา ผู้หญิงต่างหากมีความละเอียดมากกว่าชาย อารมณ์อ่อนไหวง่าย แล้วอดทน ใจดี อ่อนโยน ง่ายต่อการแผ่เมตตามากกว่า.......

 

อย่างไรก็ตามผมขอยืนยันข้อความที่ผมเขียนนี้

" คาถา ชิณบัญชรนี้ เป็นคาถาที่ดีมีอานุภาพสูงมาก"
แต่ผู้ใช้ ผู้ท่องบ่นต้อง เป็น ผู้ที่ทรงคุณธรรมสูงมีศีลครบ"

คาถาชินบัญชร จะเหมาะกับท่านมาก

น้อยคนนัก ที่จะประสพความสำเร็จในคาถานี้
และท่านอาจเป็นผู้ทรงอภิญญา โดยไม่ต้องออกแรงฝึกปรือด้วยตัวเองมากนัก
ดังเช่นท่านผู้นี้

บุญรักษาเช่นกันครับ
น้อมเคารพคุณธรรมสูงสุดที่คุณทรงอยู่
สุวิ

 

สำนักปู่สวรรค์ ยังอยู่และขยายการทำงานช่วยมนุษย์ออกไปอีกมาก ไปดูเองนะ

 

ช่วงหลายปีก่อน ที่ปฏิบัติธรรมกราบพระสวดมนต์ เคยฝันถึงครับ
ฝันว่าที่หน้าบ้าน หมาเห่าเยอะมาก จนเราต้องเดินออกมาดูที่หน้าบ้าน พอเดินออกมา มองหาก็ไม่มีอะไร(ในฝันนะครับ) พอจะวกตัวกลับเข้าบ้าน มีคนแต่งชุดขาวทั้งตัวสวมหมวกขาวปลายยาวแหลมปีกกว้่างไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ ยืนตะหง่านที่ทางเข้า เราตะลึง ผงะ แทบตกใจ ว่า โห ขาววอก ทั้งตัว เราเกิดกลัว เราเลยขว้างหินไส่ ซะเลย เพราะหมาก็เห่าดังมาก จนเราตื่นขึ้นมา โทรไปสอบถาม ท่าน ขุนพล ท่านบอกว่า น่าจะเป็นท้าง(ว)ปัญชระ เพราะเรา สวดชินบัญชร ตลอด นั่นเอง

อ่ะ แค่เล่าให้ฟังครับ ไม่มีอะไร มากไปกว่านี้ครับ

 

อดีตผมก็เคยท่องอยู่ ฝึกท่องประมาณ 2 ชั่วโมงท่องได้หมด จำได้ทุกตัวอักขระ ไปไหนมาไหนก็ท่องไปเรื่อยๆ
ปัจจุบันไม่ได้ท่องกลับมาฝึกเรื่องของจิตตรงๆ ถอนสัญญาต่างๆ ออก จิตก็เฉยๆกับการสวดมนต์ ก็ดีอีกแบบครับ

 

แต่ เมื่อครั้งที่ผม ไปพบ คุณโเรมอนที่หนองบัวแดง ชัยภูมิ คุณโเรมอน เขาพูดว่า คาถาชินบัญ๙ร มีการแก้ไขเพิ่มเติม มาในตอนท้าย โดยใครจำไม่ได้ (ผมจำไม่ได้) ว่า แก้ให้มัน ไม่ถูกต้อง คุณโดเรมอน ผู้เชี่ยวชาญด้สนภาษา และ ตีความรหัส ต่้าง ๆ เขาว่ามาครับ
อันนี้ มีใคร อยากเพิ่มเติม มั้ยครับ เกี่ยวกับเรื่องนี้

สำหรับ ผม แล้ว ดีไม่ดี อยู่ที่จิตใจคน ท่องครับ อยู่ที่เจตนา ครับ

 

ไปอ่านเจอบันทึกของ
หลวงปู่คำ วัดอมรินทร์. ลายมือบันทึกปี 2410 คำที่ถูกต้องคือ ชิยาสรากะตา แทน ชะยาสะนาคะตา

ถูกผิดอย่างไรว่าตามหนังสือ