นักปฏิบัติสมาธิ ที่ไม่เคยผ่าน อ่านแล้วอย่าเพิ่งหัวเราะ !!

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิษณุ12, 9 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เกร็ดธรรม
    หลวงปู่พุธ ฐานิโย
    วัดป่าสาละวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา

    *********************

    จิต สมาธิ
    ที่เริ่มต้น ตั้งแต่ ฌานที่ 1
    ซึ่งประกอบลงไปด้วยองค์
    คือ วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกกัคคตา

    ขั้นนี้สภาพจิต ของผู้ปฏิบัติ
    ได้หายขาดจากสัญญาเจตนาไปแล้ว
    มีแต่จิตมีแนวโน้ม ไปสู่ความสงบเองโดยอัตโนมัติ
    จะป่วยกล่าวไปใย ถึงจิตอยู่ในขั้นอัปนาสมาธิอย่างละเอียด
    ที่เราจะสามารถน้อมจิต ไปสู่อารมณ์แห่ง วิปัสนาได้ ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้

    ที่อาตมะพูดอย่างนี้

    ถ้าผู้ที่มีภูมิจิตยังไม่เคยผ่าน ฟังแล้วก็น่าหัวเราะเยาะอีกเหมือนกัน
    เพราะฉะนั้น นักปฏิบัติทั้งหลาย พึงทำความเข้าใจว่า

    สภาพจิตที่เข้าก้าวไปสู่ ความสงบ นับตั้งแต่
    ขั้น ฌานที่ 1 คือปฐมฌาน

    ต่อจากนั้น

    จิตจะดำเนินไปสู่ ฌานที่ 2 ที่ 3 ที่ 4
    เค้าจะดำเนินไปเองโดยอัตโนมัติ โดยพลังแห่งสมาธิ
    เช่นจะเป็นไปเอง

    สัญญาเจตนา ที่จะน้อมนึก ให้เป็นไปอย่างนั้นย่อมไม่มีแล้ว

    ในเมื่อเรายังมีสัญญาเจตนาที่จะน้อมนึกอยู่
    จิตก็เปลี่ยนจากอารมณ์ที่ยึดมั่นในขณะนั้น
    ในเมื่อ จิตเปลี่ยนแปลงจากอารมณ์ที่ยึดมั่นเป็นอารมณ์ฌาน
    เอาอารมณ์อื่นเข้ามาแทรก จิตจะถอดออกจากฌานทันที

    เพราะฉะนั้น

    การที่ทำจิตให้สงบเป็นสมาธิ
    ตั้งแต่ ฌานที่ 1 ถึง ฌานที่ 4
    นักปฏิบัติจึงไม่มีโอกาส หรือไม่มีทางที่จะน้อมจิตน้อมใจ ให้ไปสู่ วิปัสนาได้

    นอกจากว่า

    สมรรถภาพทางจิตของท่านผู้นั้น
    จะบันดาลให้เกิดความรู้ ความคิด ความอ่าน ขึ้นมาเอง
    ซึ่งผู้ปฏิบัติ มิได้มี สัญญาเจตนา ที่จะให้เป็นไปอย่างนั้น
    แต่จิตเค้าจะปรุงเป็นความรู้ ซึ่งเราเรียกกันโดยทั่วไปว่า

    " ธรรมะอุทานเกิดขึ้นในสมาธิ "

    ********************


    อ่านต่อที่นี่ http://palungjit.org/threads/วิธีฝึก-สมถะภาวนา-โดย-หลวงปู่-พุธ-ฐานิโย.287864/
     
  2. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..ผมเหมือนเปี๊ยบเลย..ฌาน1-4 มิน่าผมเห็นแสงสว่างที่วิ่งบนพื้นดินได้ด้วยตาปล่าว อิอิ
     
  3. aces

    aces เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +587
    สงสัยมานานและครับ เราจะรู้ตัวเราเองได้ไงว่าอยู่ฌานไหนแล้วครับ
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ดูจาก วิตก 3 สิครับ

    วิตก 3 คือ

    กามวิตก

    พยาบาทวิตก

    วิหิงสาวิตก

    **************

    ถ้า จิตไม่ได้ไหลไปกับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ไม่มี กามวิตก
    ก็ พอจะกล่าวได้ว่า จิตมีปฐมฌาณ

    ถ้า จิตไม่ได้ไหลไปกับ พยาบาทวิตก ทั้งก่อนการปฏิบัติ และ
    หลังปฏิบัติ ไม่ได้มีความปริวิตกไปในเรื่อง กรรมเวร เจ้ากรรม
    เจ้าเวร รวมถึง บุญคุณ ด้วย ก็พอจะกล่าวได้ว่า จิตมีทุติยฌาณ

    ถ้า จิตไม่ได้ไหลไปกับ ใครจะมาเบียดเบียนเรา เราจะไปเบียด
    เบียนใคร รวมถึง ใครยังไม่นับเราเป็นสหาย เรายังไม่เข้าหมู่
    ใคร แบบนี้ก็พอจะกล่าวได้ว่า จิตมีตติยญาณ

    แต่.....จิตไม่ได้แล่นไปในเรื่อง สัตว์ ตัวคน บุคคล เรา เขา เทพ
    มาร อินทร์ พรหม ยมยักษ์ หน้าไหนๆ ไม่แล่นไปสู่โลก (เรื่อง
    ของสัตว์ เทพ เทวา อินท พรหม ) จิตพิจารณาแต่ อาการของ
    จิต พิจารณาพฤติจิตไปตามความเป็นจริง อันนี้ก็พอกล่าวได้ว่า
    จิตมีจตุถฌาณ


    *********

    ยกตัวอย่าง " จิตสงสัยเกิดขึ้น "

    1. จิตสงสัยเกิดขึ้น แล้ว พิจารณาไม่เห็นว่า เป็นจิตสงสัยเกิดขึ้น อันนี้ จิตไม่ได้อยู่ใน จตุถฌาณ แน่นอน

    2. จิตสงสัยเกิดขึ้น แล้ว พิจารณาเห็นไปว่า ใครหนอจะมาช่วยเรา หรือ ไม่มาช่วยเรา ก็นะ วิหิงสาวิตก เกิดขึ้น.....ฌาณอะไรเขาชมว่าเลิศ จะมีไหม?

    3. จิตสงสัยเกิดขึ้น แล้ว พิจารณาเห็นไปว่า เราแย่แล้วหนอ ไม่พ้นเวรกรรม ไม่พ้นโลก แล้วหนอ ก็นะ พยาบาทวิตก เกิดขึ้น.....ฌาณอะไรที่เขาว่าดี จะมีไหม

    4. จิตสงสัยเกิดขึ้น แล้ว พิจารณาเห็นความคิด ความอ่าน ดีๆ มากมาย เคยฟังมาอย่างนั้น อย่างนี้ จะสมาทานอันไหนดีหนอ อันนี้
    ก็นะ กามวิตก มันกัดเข้าไปเต็มๆ ฌาณอะไรที่พอจะอาศัย จะมีไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2013
  5. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ฮ่าฮ่าๆๆๆๆ...ผมเคยเห็นเป็นดวงๆ สว่างๆ ลอยไปมา ช่วงใกล้ค่ำ ตอนนี้หลับตาบางทีเห็นเหมือนลืมตาเลยแต่คนละสถานที่

    แต่ว่าตอนนี้ผมเพิ่งตื่น ...:cool::boo:

    สุดท้าย..มรรคผลยังไม่ครบเลย ( _ _!!)
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อันนี้ขอพูด ฌานในแง่ของ สมถะก่อน

    จะเริ่มนับอัปนาสมาธิ ที่ปฐมฌาน
    มีอัปนาสมาธิอย่างละเอียด คือ จตุตฌาน

    ทีนี้ ในขณะ เริ่มเข้าอัปนาสมาธิจากหยาบเริ่มไปสู่ความปราณีตขึ้น
    มันไม่บอกหรอกว่าฌานไหนที่เท่าไร

    มีแต่มันจะไล่ ความแนบแน่น
    ไปตาม องค์ประกอบของฌาน ตามกำลังที่เราอบรม

    ฌานแบบสมถะนี้ ต้องเริ่มฝึกด้วย กาย ที่สงบนิ่ง
    มีท่านั่ง และ นอน จะส่งเสริม ได้ดี
    การไล่ความแนบแน่นหรือจะเรียกว่าทำให้อยู่ในอารมณ์เดียว
    หากฝึกบ่อยๆ มันจะมีจุดสังเกตุ ช่วงเข้า และออก ฌาน

    นั่นคือ ปิติ
    ปิติ ตัวนี้ เป็นปิติที่ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะรู้สึกเหมือน ร่างกายโดนกระแสพลังงาน แผ่ซ่านไปรอบๆตัว ไล่ลงมาจากกระหม่อม ลงบ่าลงตัวซ่านไปจนทั่วตัว
    เวลาพลังงานซ่านๆแบบนี้ ลงผ่านกาย ขนจะลุกพอง จะรู้สึกปลอดโปร่ง
    เบาสะบายกาย หากนั่งๆอยู่ปวดเมื่อย อาการพวกนี้จะบรรเทา
    ยิ่งหาก ปิติแผ่ซ่าน ได้นานและต่อเนื่อง อาการปวดเมื่อจะหายไปเลย
    จะมีแต่ความเบาสะบายกาย

    ทีนี้ หากเราผ่านการอบรมบ่อยๆในการทำฌานของสมถะนี้

    มันจะเห็นจุดก่อนที่ปิติจะเกิดขึ้น นั่นคือ การตรึกนึกถึงอารมณ์เดียว
    หากเราขึ้นด้วยลมหายใจ กรณีเริ่มชำนาญ เพียงน้อมนึกถึงลมเข้า
    อาการปิติ จะมาทันที
    ยิ่งชำนาญเท่าไรในการฝึก เราจะ สั่งปิติได้ตามใจ

    จุดนี้จะเป็นจุดชี้วัด ว่าเราเริ่มทำ วสี ในการเข้าฌานได้

    พอคล่อง พอชำนาญ มันจะมีพลังในการอธิฐานอีก
    จนเกิดครบองค์ ใน วสีทั้ง 5

    หากเราทำได้ ตรงนี้ เดี๋ยวจะเข้าใจ รูปฌาน 4ไปเองเรื่อยๆ
    หากทำตรงนี้ไม่ได้ ก็จะทำรูปฌาน 4ได้ยาก


    ฉะนั้นแล้ว หาก ในระหว่างฝึก
    เกิด มีวิตก วิจาร มีปิติ ร่างกายเบาสะบาย วนอยู่ในอารมณ์นี้โดยที่ไม่วอกแวกไปไหน
    หากเกิดสังสัย หรือเอะใจแต่เพียงนิดเดียวว่า เอ๊ะ นี่
    เราอยู่ฌานไหนแล้วนะ เท่านั้นล่ะ จิตมันจะหลุดจากฌานทันที

    ทีนี้ หากเป็นอย่างนี้แล้วจะทำไงต่อ
    ก็ไม่ต้องทำไร ก็ น้อมเข้าอารมณ์ กรรมฐานเราต่อไป

    ความทำบ่อยๆ ทำต่อเนื่องเท่านั้น จึงจะทำให้เข้าถึงฌานที่ 4
    หรือ อัปนาสมาธิอย่างละเอียดได้

    หากเข้าถึงฌานที่4 ได้ อันนี้เป็นแต่เพียง เสต็บแรกเท่านั้น
    ไม่ใช่เรื่อง ง่ายๆเลย ต้อง อาศัย สัปปายะ ที่ สมควรต่อตนเองด้วย
    ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ อาหาร สุขภาพ เป็นต้น


    ทีนี้ หากไปวัดเอาหรือไปเข้าใจว่า นั่งสมาธิต้องเห็นนิมิต เห็นสวรรค์เห็นนรก
    เห็นเจ้ากรรมนายเวร เห็นญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้วตามที่อยากเห็น
    ไม่ได้เดินนิมิตที่ตั้งในกรรมฐาน
    อันนี้ มันจะไม่เข้าเดิน ปฐมฌาน
    มันจะไปหลงแต่นิมิต หลอกลวงตนเองไปเรื่อย

    เรียกว่า ฝึกนั่งเพ้อเจ้อ ไม่ได้ฝึกนั่งสมาธิ

    เอาเท่านี้ก่อนครับ จะพูดอีก ก็จะยาว


    จำไว้แต่เพียง ว่า เวลาฝึก เลือกกรรมฐานใดอย่างนึง
    ต้องเดินกรรมฐานนั้น ให้สุดๆ

    และที่สำคัญ ต้องเรียนรู้ วิธีการก่อนฝึกให้พอได้แนวทางจึงจะไปได้เร็ว
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    จาก #rep ๑ที่ผู้ปฏิบัติแก้ปัญหานี้ในลักษณะของการวางอารมย์ไงครับ คุณ ปราบ
    ถ้าถึงอารมย์พิจารณา.ถ้าตัดเรื่องภพภูมิ ในลักษณะที่เราส่งออกไป.หรือที่ท่านแวะเข้ามาได้
    ..การวางอารมย์ไว้ก่อน..จะทำให้วิปัสสนาได้เฉพาะในเรื่องที่ได้วางอารมย์ไว้.โดยมากจะทำได้หรือพิจารณาได้ที่ละเรื่องๆไป.


    โดยที่จะไม่กลายเป็นวิรรณ์.หรือว่าอยู่นิ่งๆเหมือนอยู่ในอวกาศ หรือคิดอะไรไม่ออกแล้วก็หลับไป..
    รวมทั้งติดในอาการปิติต่างๆโดยคิดอะไรไม่ได้..และไม่ได้เป็นเจตนาสัญญาอย่างที่หลวงพ่อท่านได้กล่าวไว้...
    จนสุดท้ายทำให้หลุดออกจากอารมย์ ณ จุดนี้ไป.
    โดยต้องอาศัยกำลังสติในระดับที่ควบคุมจิตให้อยู่ในร่างกายในขณะที่ จิตแยกกันชั่วคราว กับร่างกายได้
    หรือในขณะที่จิตเกิดความเป็นทิพย์
    .และกำลังสมาธิสะสมหรือพลังสมาธิแบบสม่ำเสมอรวมทั้งพฤติกรรมการปฏิบัติตัวในชีวิต
    ประจำวันเพื่อเข้าสูอารมย์นั้นพอสมควรหรือที่หลวงพ่อท่านเรียกว่า สมรรถภาพทางจิตนั่นหละครับ
    หากไม่มีตรงจุดนี้ คือเรื่องการวางอารมย์ กำลังสติ และกำลังสมาธิสะสม ครบองค์ประกอบทั้ง ๓ส่วน.จะทำให้ผู้ปฏิบัติ..
    หลุดออกจากอารมย์นี้.หรือมีอาการค้างไว้เฉยๆ.และอาจเกิดปิติ.ร่วมทั้งไปสัมพัสเรื่องภพภูมิต่างๆ..ไม่ก็.
    จะเลยขึ้นไปสู่อรูปฌานแบบไม่สามารถพิจารณาอะไรได้เลยนั่นเอง..
     
  8. polka1

    polka1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +84
    ฉะนั้นแล้ว หาก ในระหว่างฝึก
    เกิด มีวิตก วิจาร มีปิติ ร่างกายเบาสะบาย วนอยู่ในอารมณ์นี้โดยที่ไม่วอกแวกไปไหน
    หากเกิดสังสัย หรือเอะใจแต่เพียงนิดเดียวว่า เอ๊ะ นี่
    เราอยู่ฌานไหนแล้วนะ เท่านั้นล่ะ จิตมันจะหลุดจากฌานทันที
    ..................................................................................
    ผมเป็นตลอดเลยพยายามจะไม่คิด มันยังเข้ามากวนตลอด
     
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

แชร์หน้านี้

Loading...