ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. sun2555

    sun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +6,619
    ขอร่วมประมูลที่ 5800 บาท
     
  2. widya

    widya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +13,214
    ร่วมบุญ ประมูลจักรแก้วสีชมพู. “เบญจรัตนประทีป” .....

    เพื่อเข้ากองบุญแก้วบรมจักรพรรดิ

    เพื่อร่วมบุญสร้างฐาน “พระพุทธอัมรินทร์รัตนบพิตร”

    เพื่อร่วมบุญถวายดวงแก้วอัคคีรัตนบวร

    ๕,๙๑๖ .๑๖ บาท
     
  3. mooom

    mooom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +9,291
    ขอร่วมประมูลที่5900บาทครับ
     
  4. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ขอแสดงความยินดีกับท่าน widya ด้วยเจ้าค่ะ..

    ____________________________________
    วันนี้ 07:43 PM
    sereenon ยินดีกับผู้ประมูลได้ด้วยค่ะ อนุโมทนาด้วยค่ะ

    วันนี้ 07:39 PM mooom ขอร่วมประมูลที่5900บาทครับ

    วันนี้ 07:39 PM

    widya ร่วมบุญ ประมูลจักรแก้วสีชมพู. “เบญจรัตนประทีป” .....

    เพื่อเข้ากองบุญแก้วบรมจักรพรรดิ

    เพื่อร่วมบุญสร้างฐาน “พระพุทธอัมรินทร์รัตนบพิตร”

    เพื่อร่วมบุญถวายดวงแก้วอัคคีรัตนบวร

    ๕,๙๑๖ .๑๖ บาท

    วันนี้ 07:39 PM

    sun2555 ขอร่วมประมูลที่ 5800 บาท
    วันนี้ 07:38 PM
    mooom ขอร่วมประมูลที่5700บาทครับ

    ____________________________________

    ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับท่าน widya ด้วยเจ้าค่ะ

    และขออนุโมทนาบุญกับคุณ sun2555 คุณ mooom คุณ am12 และคุณ sereenonที่ร่วมประมูลในครั้งนี้ด้วยค่ะ

    Numsai
     
  5. Clearly

    Clearly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +281
    ยินดีกับคุณ widya ด้วยค่ะ ประมูลได้ลุ้นระทึกกันมากๆ อนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ
     
  6. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติจักรแก้ว “เบญจรัตนประทีป” ตอนที่ ๑ บุพกรรมแต่กาลก่อน..

    Image090.jpg

    ขอย้อนไปก่อนสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า “พระโลกุตรสัมมาสัมพุทธเจ้า” ยังไม่อุบัติเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กาลนั้นพระพุทธองค์ทรงดำรงตำแหน่งเป็น ท้าวสันตดุสิต ผู้เป็นใหญ่บนสวรรค์ชั้นดุสิต

    และสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็น ท้าวสักกเทวราช มีเทพธิดา ๓ องค์ เสวยทิพยสมบัติอยู่บนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี โดยกาลก่อน นางเทพธิดาทั้งสามได้เคยเกิดเป็นพี่น้องกัน นามว่า “สุมิตตรา สุทัสนา และสุนิสา”

    นางทั้งสามเป็นบุตรมหาเศรษฐี นามว่า ท่านสุริยชาติเศรษฐี มีทรัพย์นับแสนโกฏิ เมื่อบุตรสาวทั้งสามได้แยกเรือนไป ต่างก็ได้รับการแบ่งทรัพย์นับหมื่นโกฏิ

    นางทั้งสามนั้นเป็นพี่น้องที่รักกันมาก มีอุปสัยชอบช่วยเหลือคน เป็นที่รักของชาวเมืองทั้งหลาย แต่มีอุปนิสัยในการสร้างบุญต่างกัน


    นางสุมิตตรา พี่คนโตนั้น มีหน้าตาผิวพรรณงดงาม นางเป็นรักสวยรักงาม นางชอบสะสมรัตนชาติ เมื่อได้แต่งงานแยกเรือนไปอยู่กับสามี ซึ่งเป็นบุตรเศรษฐีอีกเมืองหนึ่งนามว่า..
    “เศรษฐบุตร” เมืองนี้มีแร่รัตนชาติมากมาย นางสุมิตรานั้นได้สนิทกับผู้ทำการค้าเกี่ยวกับรัตนชาติ นางจึงมักสะสมรัตนชาติไว้ เป็นจำนวนมาก


    เมื่อใดที่นางได้สร้างบุญนางมักจะให้ทานด้วยรัตนชาติ หรือให้ของขวัญผู้อื่นด้วยรัตนชาติ นางจึงเป็นที่รักของชาวเมืองทั้งหลาย ในบรรดาพี่น้องทั้งสาม นางเป็นผู้ที่มีทรัพย์มากที่สุด


    นางสุทัสสนาเทวี มีหน้าตาผิวพรรณงดงามกว่าพี่น้องทั้งสาม เมื่อเติบโตออกเรือนไปกับเศรษฐีในเมืองนั้น นามว่า ปุณณกะเศรษฐี ซึ่งมีทรัพย์น้อยกว่านาง นางมีความตระหนี่ในการสละทรัพย์สร้างทาน เกรงว่าทรัพย์ของตนจะหมด จึงมักชอบใช้แรงกายในการสร้างบุญ ชอบทำความสะอาดสถานที่เป็นสาธารณประโยชน์ สละกำลังทรัพย์เพียงเล็กน้อย ใครต้องการให้นางช่วยอะไร นางไม่เคยปฏิเสธ จึงเป็นที่รักของชาวเมืองเช่นกัน


    ส่วนนางสุนิสาเทวี เป็นผู้มีความงามน้อยกว่าผู้ใด ออกไปทางขี้ริ้วขี้เหร่ด้วยซ้ำ จึงยังไม่ได้ออกเรือน ท่านสุริชาตินั้นไม่คิดบังคับให้บุตรสาวแต่งงานครองเรือนแต่อย่างใด เมื่ออายุครบ ๑๖ ปี ถึงเวลาที่บุตรสาวควรมีทรัพย์เป็นของตน จึงได้แบ่งทรัพย์เท่า ๆ กับพี่สาวทั้งสอง และให้แยกเรือนออกไปอยู่ใกล้ ๆ กับเรือนของตน

    เมื่อบิดาให้ทรัพย์มา นางก็นำไปสร้างโรงทาน ๔ แห่งในเมืองนั้น นางมิได้ร้อนใจเรื่องการครองเรือน วัน ๆ นาง ต้องคิดว่า วันนี้เราจะทำอะไรให้ทาน แก่คนยากจน หรือนักเดินทาง เวลาผ่านไปจนนางอายุได้ ๑๘ ปี

    กล่าวถึงนางสุมิตราเทวีนั้น วันหนึ่งมีคนรับใช้ขุดรัตนชาติชิ้นใหญ่ได้มา ๓ ชิ้น มีเป็นไพลิน ทับทิม และบุษราคัม แม้อยู่ต่างเมืองก็ยังนึกถึงน้องสาวทั้งสอง จึงได้ให้คนรับใช้นำรัตนชาติที่นางเพิ่งได้มา เจียระไนสวยงาม นางเก็บไพลิน(สีน้ำเงิน)ไว้เอง นางได้มอบทับทิม(สีแดง) เม็ดใหญ่หาได้ยากแต่นางสุทัสสนาเทวี เพื่อให้น้องสาวมีชีวิตคู่ทึ่ดี และมอบบุษราคัม(สีเหลือง)น้ำงามแก่นางสุนิสาเทวี ด้วยเห็นว่า น้องสาวคนเล็กเป็นคนชอบสีเหลือง

    เมื่อนางทั้งสองได้รับของขวัญจากพี่สาวต่างก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง นางสุทัสสนาได้นำไปให้ช่างทำเป็นสร้อยคอเครื่องประดับสวยงาม

    ส่วนนางสุนิสานั้น เนื่องด้วยนางมีภาระมากในเรื่องการจัดการเรื่องโรงทาน นางจึงได้นำใส่ผ้าพกติดตัวไว้ ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร เนื่องจากนางคิดว่า ตนไม่ใช่คนสวย ทำอะไรใส่คงไม่สวยไม่งามเหมือนผู้อื่น และต้องการเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงพี่สาวคนโต

    วันหนึ่งขณะที่นางได้จัดเตรียมอาหารไว้ให้ทานแก่คนยากจน นางสุนิสาเทวีได้มองเห็นสมณะมาแต่ไกล นางคิดว่า..

    “วันนี้ เป็นวันมงคลของเราแล้ว ในเมืองนี้ไม่เคยมีสมณะรูปใดผ่านมาเลย ท่านผู้นี้มีผิวพรรณผ่องใส งดงามยิ่งนัก เราใคร่จะมีผิวพรรณผ่องใสเช่นท่านบ้าง รูปนั้นอาจจะเปลี่ยนไม่ได้เนื่องจากบุญเก่าไม่ได้ทำมา แต่ผิวพรรณนั้นน่าจะเปลี่ยนได้”


    นางนึกเช่นนั้นจึงได้ให้พี่เลี้ยงคนสนิท นามว่า นางสุคนธา ไปนิมนต์สมณะรูปนั้นมา แท้จริงแล้วสมณะรูปนี้ เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าออกจากนิโรธสมาบัติ เล็งเห็นผู้มีบุญคือชาวเมืองนี้ และนางสุนิสาเทวี จึงเหาะจากเขามธุรสสถานมา เพื่อโปรดนาง

    ส่วนนางสุนิสาเทวีนั้น ก็ได้จัดเตรียมอาหารที่ดีที่สุด ไว้ถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อพระองค์มาถึงนางนึกได้ว่า ไม่ได้เตรียมผ้าปูลาดสำหรับสมณะ มีเพียงสถานที่พักคนเดินทาง นางคิดได้ดังนั้น นางจึงได้นำผ้าคลุมศีรษะของตน ถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ปูลงบนพื้น และจัดเตรียมภัตตาหารถวายแก่พระองค์
    พระปัจเจกพุทธเจ้าได้รับภัตตาหารนั้น และทรงเสวยทันที สร้างความปิติใจแก่นางสุนิสา และบริวารที่อยู่เป็นอย่างยิ่ง


    ระหว่างที่พระปัจเจกฯ ทรงรับภัตตาหารนั้น นางก็พินิจพิจารณาว่า วันนี้พระสมณะมาโปรดเรา การถวายภัตตาหารนั้น ก็ควรอยู่ แต่ก็ไม่มีความแตกต่างอะไรกับการให้ทานแก่ผู้เดินทางทั้งหลาย อาหารก็เป็นอาหารที่เราเตรียมสำหรับการให้ทานเช่นทุกวัน

    "เราจะเอาอะไรถวายทานดีหนอ ซึ่งเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุดในการถวายทานครั้งนี้ สิ่งใดที่มีค่าที่สุดในตัวเรา"


    นางจึงนึกได้ว่า มีบุษราคัมที่นางสุมิตตราเทวีได้มอบเป็นของขวัญ จึงนึกว่า..

    “บุษราคัมนี้ เป็นรัตนชาติที่หาได้ยากยิ่ง โอกาสที่จะได้มาก็ยาก แต่การที่เราได้พบพระสมณะนี้ยิ่งมีโอกาสยากยิ่งกว่า เราควรตัดใจเสีย เราจะถวายบุษราคัมแก่พระสมณะนี้ เพื่อบูชาคุณของท่าน”


    เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้า รับภัตตาหารเรียบร้อยแล้ว นางสุนิสาเทวี จึงกล่าวว่า..

    “ข้าฯแต่พระสมณะผู้เจริญ ขอดิฉันได้ถวายของอันมีค่าแก่ท่าน เพื่อเป็นการบูชาคุณความดีของท่านด้วยเถิดเจ้าข้าฯ”
    พระปัจเจกพุทธเจ้าทรงยื่นบาตรให้ นางได้หย่อนบุษราคัมลงไป เมื่อเสียงบุษราคัมกระทบบาตร เกิดแผ่นดินสะเทือน ร้อนถึงท้าวสักกเทวราชลงมาดูว่า โลกมนุษย์เกิดอะไรขึ้น

    เมื่อทราบว่า นางสุนิสาเทวีได้สละของอันมีค่าที่สุดของนางแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า จึงได้กล่าวโมทนาสาธุการ ๓ ครั้งว่า .. “สาธุ สาธุ สาธุ”

    ผู้เห็นเหตุการณ์นั้น ต่างก็สาธุการกันทั้งสิ้น รวมทั้งท่านเศรษฐี ผู้เป็นบิดา หลายคนเมื่อเห็นนางสละทรัพย์นั้น ต่างก็นำของมีค่าที่สุดของตนมาถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า นางสุนิสาเทวีนั้น ได้อธิษฐานว่า ..

    “ขอผลบุญแห่งการถวายทานนี้ ขอให้หม่อมฉันได้สมความปรารถนาอันสูงสุดของอิตถีไม่ว่า จะเกิดภพชาติใด ๆ ขอให้ดิฉันได้เป็นผู้นำบุญแห่งการถวายทานที่เลิศที่สุดในยุคนั้น ๆ ด้วยเถิด สาธุ..”

    พระปัจเจกพุทธเจ้า ทรงตรัสว่า “เอวัง โหตุ” (ขอเธอจงสมหวังในความปรารถนาเถิด


    จากนั้นท่านได้เหาะไปยังมธุรสสถานบรรพต ทรงแสดงอานุภาพให้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าอีก ๙๙๙ รูป และได้นำบุษราคัม และเครื่องประดับอันมีค่า เป็นการบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ชาวเมืองก็ได้เห็น ยิ่งมีความปลื้มปิติ นางสุนิสาเทวีได้เห็นดังนั้น จึงได้กล่าวอธิษฐานว่า..

    “ขอผลบุญครั้งนี้ เมื่อละโลกแล้ว ให้ดิฉัน บิดามารดา พี่สาวทั้งสอง และชาวเมืองทั้งหลายได้บังเกิดบนสวรรค์ชั้นสูงสุดด้วยเถิด เสวยทิพยสมบัติที่เลิศที่สุดด้วยเถิด”

    เสียงหมู่เทวดาทั้งหลายต่างโมทนาในคำอธิษฐานของนาง ทุกคนต่างก็มีความปลื้มปิติในบุญเป็นอย่างยิ่ง

    เมื่อละโลกแล้ว ท่านสุริยชาติเศรษฐี ภรรยา และบุตรสาวทั้งสาม ตลอดทั้งบริวาร และชาวเมืองต่างก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ตามคำอธิษฐานของนางสุนิสาเทวี

    ทั้งหมดมีวิมานตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน วิมานของท่านสุริยชาติเศรษฐี และภรรยา เป็นวิมานแก้ว ประดับทอง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก

    วิมานของนางสุมิตตราเทวี เป็นวิมานคล้ายโบสถ์ประดับรัตนะทั้ง ๗ ด้วย นางมักจะมอบรัตนชาติแก่ผู้อื่น แต่ไม่เคยถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ทำให้มีวิมานขนาดย่อม

    ส่วนวิมานของนางสุท้สสนาเทวีนั้น มีขนาดเล็กกว่าใครเพื่อน เนื่องด้วยนางมีความตระหนี่กว่าพี่น้อง แต่วิมานของนางก็มีความสว่างไสว เป็นแก้วประดับทอง ด้วยบุญที่ทำความสะอาดในที่สาธารณประโยชน์

    สำหรับวิมานของนางสุนิสาเทวีนั้น มึความวิจิตรงดงามมากกว่าผู้ใด หลังใหญ่ประกอบไปด้วยรัตนชาติทั้ง ๗ โดยบุษราคัมที่นางได้ถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น บังเกิดเป็นแท่นอาสนะบนวิมานของนาง มีความวิจิตรตระการตา เป็นประธานเครื่องทิพย์ในวิมานทั้งปวง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2013
  7. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ต๊ะเอ๋ ! ท่านสุนิสาเทวี...
    แอบมาอ่านเรื่องเล่าก่อนนอนค่ะ...อิอิ
    ขอโมทนาและแสดงความยินดีกับท่านวิทยาด้วยนะเจ้าคะ...
    ได้จักรไปครอบครองอีกองค์แร้ว ^^
     
  8. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ผู้เกี่ยวข้องกับประวัติจักร"เบญจรัตนฯ" ตอนแรก

    ท่านสุริยชาติเศรษฐี = ท่าน widya

    เศรษฐบุตรเศรษฐี = คุณ am12

    สุมิตตราเทวี = คุณ sereenon

    สุทัสสนาเทวี = คุณ kittphi (คู่ปัจจุบัน = ปุณณกะเศรษฐี)

    สุนิสาเทวี = Numsai

    สุคนธาพี่เลี้ยง = คุณจันทรกาล

    __________________________

    สำหรับคุณ sun2555 และคุณ mooom ยังไม่ปรากฏในตอนแรกค่ะ รอตอนต่อไปค่ะ(วันพรุ่งนี้ค่ะ)

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2013
  9. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ฮั่นแน่...น้องตาลแอบส่องอีกแระ:cool::cool: อิอิ แหม..กะไม่เฉลยแล้วนะ

    หลับฝันดีนะจ๊ะ

    Numsai
     
  10. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376

    ไม่ได้ส่องเลยเจ้าค่ะท่านพี่ แหะ ๆ
    แค่แท่นบุษราคัมก็ร้องอ๋อแล้วคร้า...

    ไปอยู่ชั้น ๖ กันหมดทั้งเมือง...
    พี่เอ๋ จันทรกาลก็ไป
    ท่านอำมาตย์สุทธโสมก็ยังไป
    แล้วใครจะไปอยู่ชั้น ๔ กะหนูล่ะเนี่ย...
    เฮ้อ...เหงาแย่เลยเจ้าค่ะ ไม่ได้ก่อกวนใครเนี่ย อิอิ
    โมทนาคร่า...หลับฝันดีเช่นกันนะคะ ทุก ๆ ท่าน
     
  11. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    สวัสดีค่ะพี่น้ำฝน ต้องขออภัยที่ตอบช้าค่ะ ติดธุระค่ะ

    เอ๋ขอนุญาต นำข้อความเดิมที่พี่น้ำใส โพสต์ไว้มาให้อ่านอีกครั้งนะค่ะ จะมีเลขที่บัญชีของวัดท่าขนุน ด้วยค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับพี่น้ำฝนด้วยค่ะ

    *** ปล. ต้องขอบพระคุณ และโมทนาบุญ กับพี่ธรรมวิวัฒน์ ที่ตอบกระทู้ให้ค่ะ

    จันทรกาล[/QUOTE]

    ***********************************************************************************

    ไม่เป็นไรค่ะน้องเอ๋ ขอบพระคุณมากค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2013
  12. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,407
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,419
    ไม่หรอก น้ำตาล การไปอยู่ชั้น 6 ก็อยากไปนะ
    แต่เราคงไม่เก่งขนาดนั้น ทุกวันนี้ก็ไม่ประมาทนะครับ
    ยังต้องทำดีต่อไปเรื่อยๆ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดครับ
    เพื่อตัวเรา และลูกหลานบริวารของเรา จะได้พบเจอสิ่งที่ดี

    อีกอย่างเรามันยังมีกิเลสอยู่ อย่าแซวมากเราเขินจ้า
    ยังฝึกวางอุเบกขาไม่ได้ อิอิ......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2013
  13. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376

    ท่านอำมาตย์เขินไม่เป็นไร...
    เราไม่เขินเป็นใช้ได้ อิอิ...


    รออ่านต่อนะเจ้าคะ พี่น้ำใส
    อรุณสวัสดิ์ค่ะ วันนี้อากาศที่อุดรธานีตุ่น ๆ พิกล
    รู้สึกเหมือนฝนจะตกเจ้าค่ะ ...
     
  14. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905
    ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับท่าน widya ด้วยเจ้าค่ะ

    จันทรกาล
     
  15. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905
    ************************
    สวัสดีจ้าน้องตาลจ๋วยจ้า

    ต้องขออนุโมทนาบุญ สาธุๆ กับพระธิดาสุนิสาเทวี พระธิดาสุมิตตราเทวี และพระธิดาสุทัสนาเทวีด้วยนะค่ะ
    ด้วยความมีพระทัยอันงดงามและใจบุญ ของพระธิดาแท้ๆ
    ที่ทำให้บริวารทั้งหลายได้ขึ้นไปอยู่ชั้น 6 กันทั้งเมืองเลย

    เอ....แล้วชาตินี้จะพาพี่เลี้ยง และชาวเมืองไปอยู่ชั้น 6 ด้วยได้หมัยหน๋อ อิอิ


    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านนะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กุมภาพันธ์ 2013
  16. widya

    widya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +13,214
    ท่านสุริยชาติเศรษฐี มีทรัพย์นับแสนโกฏิ


    เสียดายท่านเศรษฐี รู้จักเรื่องการทำบุญน้อยไป ไม่ทุ่มเทเท่าที่ควร ให้สมกับเป็นมหาเศรษฐี

    ดีนะมีลูกสาวใจบุญ รู้จักการทำบุญ ทั้งที่อายุยังน้อย แค่ ๑๖ ปี แทนที่จะไปเที่ยวห้าง เล่น

    เกม เหมือนวัยรุ่นทั่วไป กลับไ้ด้เป็นผู้นำบุญ ต้นบุญให้กับเศรษฐีให้กับเหล่าบริวาร

    และชาวเมือง ตั้งโรงทานทั้ง ๔ ทิศ และเป็นเหตุให้พระปัจเจกพุทธเจ้ามาโปรด สุดท้ายก็

    ไปพักผ่อนชั้น ๖ เลยรอดตัวไป แต่ก็ยังไม่สมใจ เพราะยังต้องทุ่มเทให้บารมี ๑๐ อีกเยอะ

    เพราะคิดว่าทานบารมีเป็นพื้นฐานของบารมีที่เหลือและอาศัยซึ่งกันและกัน ในการต่อเติม

    เชื่อมโยงให้บารมีทั้ง ๑๐ ไปด้วยกัน

    ถ้าเป็นปัจจุบันมีทรัพย์นับแสนโกฏิ นอกจากจะแบ่งให้ท่านสมาชิกกองบุญแก้วจักรพรรดิแล้ว

    บุญทั้งหลายมี ทาน สังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน บุญสร้างพระ สร้างพระเจดีย์ เป็นต้น

    และบุญอันเป็นสาธารณะประโยชน์ต่างๆ และอีกเยอะแยะ ก็จะทำให้สมใจทีเทียว

    (แชวท่านเศรษฐีและลูกสาวเศษรฐีเล่น ๆ นะครับ ฮิฮิฮิ)

    ขอโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลกับท่านสุนิสาเทวี ท่านสุมิตตราเทวี ท่านสุทัสนาเทวีและท่านอื่น ๆด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2013
  17. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    น้ำฝนขอแสดงความยินดีกับท่านภันเตวิทยาด้วยเจ้าค่ะ _/|\_
     
  18. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    ขอกราบอนุโมทนาบุญทุกบุญย้อนหลังกับท่านสุมิตตราเทวี ท่านสุทัสนาเทวี และท่านสุนิสาเทวีด้วยค่ะ _/|\_
     
  19. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับท่าน widya ด้วยเจ้าค่ะ น้ำใสขออนุญาตเล่าต่อนิดเจ้าค่ะ เนื่องจากเมื่อวานมีข้อสงสัยว่า การทำบุญครั้งเดียวส่งผลให้ขึ้นสวรรค์ชั้น ๖ ได้จริงหรือ

    จึงไปดูต่อ พบว่า มีเหตุมากกว่านั้นเจ้าค่ะ ทุกคนได้ทำบุญต่อเนื่องจากสิ้นอายุขัย และตลอดอายุขัยของพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น

    ขออนุโมทนาบุญกับท่าน widya และทุก ๆ ท่านด้วยเจ้าค่ะ

    Numsai
     
  20. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรชมพู “เบญจรัตนฯ” ตอน ๒ กำเนิดวิมานรัตนะทั้ง ๗


    ขอย้อนเรื่องการสร้างบุญของบุคคลทั้งหมดสักเล็กน้อย เพื่อความเข้าใจ หลังจากที่ได้สร้างบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้าครั้งแรก กาลต่อมานางสุนิสาเทวีได้ส่งข่าวไปยังนางสุมิตตราเทวี เรื่องงานบุญนี้

    นางสุนิสาเทวีได้คิดหาวิธีในการอาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้าทางอากาศ โดยให้ช่างดอกไม้จัดดอกไม้สด และอาหารคาวหวานตามความนิยมของมนุษย์ยุคนั้น เพื่อเป็นเครื่องบวงสรวงบูชาครู

    เมื่อตั้งเครื่องบูชาครูแล้ว นางนึกถึงภาพพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์นั้น แล้วตั้งจิตอาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้าให้มารับภัตตาหารที่เตรียมไว้(อีกชุดหนึ่ง) ปรากฏว่า มีพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ รูปเสด็จมาทางอากาศ เพื่อรับภัตตาหาร เมื่อชาวเมืองเห็นต่างก็นำข้าวของจากเรือนของตน เพื่อถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ณ.โรงทานแห่งนั้น

    กล่าวถึงท่านสุริชาติเศรษฐี ได้ดำริว่า "การที่เราอาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้ามาแล้ว อยู่ปะปนกับนักเดินทาง มิเป็นการสมควร เราจะสร้างวิหารสำหรับรองรับ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๑๐๐๐ รูป เพื่อให้ท่านได้มีเสนาสนะอันร่มรื่นนั้น "
    เมื่อคิดแล้ว ท่านได้ออกปากถวายอุทยาน สำหรับเป็นที่พักผ่อนส่วนตัวของท่าน และประกาศบอกบุญสร้างวิหารถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า เพื่อให้ท่านได้แสดงธรรมแก่สาธุชนด้วย ชาวเมืองต่างร่วมบุญกัน จนได้ทรัพย์มาจำนวนมาก


    (ในยุคนั้น ยังไม่มีกษัตริย์เป็นผู้ปกครองเมือง ทุกคนอยุ่ด้วยความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ท่านสุริยชาติเศรษฐีนั้น เปรียบเสมือนผู้ใหญ่บ้าน หากมีใครเดือดร้อนท่านจะคอยให้ความช่วยเหลือเสมอ เนื่องจากเป็นผู้มีทรัพย์มากทึ่สุด ทำให้อุปนิสัยเหล่านี้ ถ่ายทอดมายังบุตรสาวทั้ง ๓ ในยุคนั้นแม้คนยากจนก็ยังรวยกว่าคนยากจนของเราในยุคนี้ มีบ้านมีที่ดินเป็นของตนเอง แต่ไม่มีความคล่องตัวในทรัพย์เท่านั้น )

    นางสุคันธา พี่เลี้ยงของนางสุนิสาเทวีนั้น คิดถึงญาติของตนที่อยู่เขตชนบท อยากจะให้ญาตของตนได้สร้างบุญนี้ด้วย จึงขออนุญาตท่านเศรษฐี และนางสุนิสาเทวี ขอยานพาหนะนำตนไปบอกบุญแก่ญาติของตนในชนบท นางกลับมาพร้อมทรัพย์จำนวนหนึ่ง แม้ไม่มากมาย แต่ก็เห็นแก่น้ำใจที่นางมีความปรารถนาจะเป็นผู้นำบุญ

    ท่านสุริยชาติเศรษฐี จึงให้ความเป็นไทแก่นาง พร้อมมอบทรัพย์ส่วนหนึ่งให้นางนับร้อยโกฏิ สามารถเป็นอนุเศรษฐีในยุคนั้นได้ นางสุคนธานั้น มีความกตัญญูอย่างยิ่ง แม้ได้ความเป็นไท นางก็กล่าวแก่ท่านเศรษฐีว่า..

    “ข้าฯแต่ท่านเศรษฐี ผู้มีคุณ ดิฉันซาบซึ่งในความกรุณาของท่าน แต่ดิฉันมีความผูกพันกับธิดาคนเล็กของท่านยิ่งนัก ขอให้ดิฉันได้อาศัยในเรือนของนางตามเดิมเถิด ทรัพย์สมบัติอย่างอื่น ดิฉันหาได้ต้องการไม่ ต้องการเพียงอยากสร้างบุญไปร่วมกับธิดาคนเล็กของท่าน และท่านทั้งหลายต่อไป จนกว่าชีวิตจะหาไม่”

    นางสุนิสาเทวีนั้น มึความซาบซึ้งในความกตัญญูของสุคันธาพี่เลี้ยง จึงกล่าวแก่นางว่า

    “ข้าฯแต่พี่นาง ดิฉันแจ้งแก่ใจว่า ท่านมีความรักในตัวดิฉัน แต่ชีวิตของท่าน ต้องมีผู้ดูแล เอาอย่างนี้ เรามาปลูกเรือนใกล้กัน ดิฉันยินดีสละที่ใกล้ ๆ เ รือนดิฉันแก่พี่นาง
    หากวันใด ท่านพบเนื้อคู่แท้ ขอท่านจงออกเรือนเสียเถิด ส่วนตัวดิฉันนั้น ยังไม่แน่ว่าจะอยู่อย่างนี้ต่อไปหรือไม่ ขอท่านจง รับสิ่งของที่ท่านบิดามอบให้เถิด”


    เมื่อนางสุคันธาได้ยินดังนั้นก็ทำตามที่นางสุนิสาบอก ภายหลังมีอนุเศรษฐีในเมืองนั้น นามว่า “กฤษฏีกร” เห็นความงามและความดีของนางสุคันธาได้ส่งพราหมณ์ให้มาสู่ขอนาง นางสุคันธายินยอมแต่งงานด้วย แต่มีข้อแม้ว่า จะต้องมาอยู่เรือนเดียวกับตนใกล้ เรือนของนางสุนิสาเทวี

    ซึ่งกฤษฏีกรเศรษฐีก็ยินยอม และได้ทำการค้าต่างเมืองจนเจริญรุ่งเรือง จนได้เลื่อนลำดับเป็นเศรษฐีในกาลต่อมา ท่านเศรษฐีได้สละทรัพย์ ๒๐% จากกำไรการค้าขายทุกครั้ง แก่นางสุคันธา เพื่อให้นำมาร่วมบุญโรงทานของสุนิสาเทวีตลอดมา

    กาลนั้นมีช่างทองคนหนึ่งนามว่า “สัตตสิทธิ์” เป็นช่างทองที่มีฝีมือในการแกะสลักทองวิจิตรตระการตา เป็นที่ชื่นชมแก่ผู้พบเห็น ได้มาเห็นการบวงสรวงด้วยดอกไม้สด ได้แนะนำการใช้ทองคำในการจัดทำเครื่องบวงสรวงแก่นางสุนิสาเทวีว่า

    “หากท่านนำทองคำ ประดับด้วยรัตนชาติมาจัดทำเครื่องบวงสรวงต่าง ๆ แล้วตั้งถวายเพื่อเป็นการบวงสรวงพระปัจเจกพุทธเจ้า และเทวดาทั้งหลาย สามารถเก็บไว้ได้นาน สืบรุ่นต่อลูกหลาน และอาจจะเสริมด้วยดอกไม้สด ก็จะงดงามไม่น้อย ข้าฯเองพอมีฝีมือทางนี้ หากสนใจ ข้าฯ จะไม่คิดค่าแรงงาน ขอร่วมบุญกับท่านด้วย

    นางสุนิสานั้น ยินดีเป็นอย่างยิ่ง คิดว่า "สมบัติที่บิดาให้แก่เราก็มีทองคำหลายส่วน และเครื่องประดับเป็นรัตนชาติ เป็นอันมาก เรานำมา ๗ อย่าง เพื่อสร้างเป็นเครื่องบูชาครูดีกว่า"

    จึงสั่งให้ช่างทองทำทันที โดยไม่คิดว่า มูลค่านั้นสูงเพียงใด เมื่อสำเร็จแล้วทุกคนต่าง ชื่นชมความงาม

    นางจึงจัดตั้งเป็นเครื่องบวงสรวงทองคำประดับด้วยรัตนชาติทั้ง ๗ เป็นเครื่องบวงสรวงอาราธนาพระปัจเจกฯ นับแต่นั้นมา

    ต่อมาก็มีเศรษฐีในเมืองหลายท่าน ได้จัดทำตามโดยผลัดกันเป็นเจ้าภาพ โดยถวายที่วิหารของท่านสุริยชาติเศรษฐี และชาวเมืองได้สร้างไว้

    ทำให้ทุกคนก็ได้อุปัฏฐากพระปัจเจกพุทธเจ้าจนสิ้นอายุขัยของพระปัจเจกทั้งหลาย ทำให้เมืองนี้มีตวามเจริญรุ่งเรือง ชั่วลูกหลาน เมื่อละโลกแล้วก็จุติบนสวรรค์ชั้น ๖ ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว


    *****************

    ผู้ที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มเติมคือ สัตตสิทธิ์ช่างทอง = ท่านทัศน์สิทธิ์พรหม

    ส่วนกฤษฏีกรเศรษฐี ไม่ได้มาเกิดชาตินี้ ปัจจุบันอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...