ประสบการณ์ทิพยอำนาจจิต "หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป" จากคำบอกเล่าของศิษย์ท่านหนึ่ง..

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย แดนโลกธาตุ, 30 กันยายน 2007.

  1. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]



    หลวงปู่ผ่านปญฺญาปทีโป (ศิษย์หลวงปู่มั่น)

    อายุ 85 พรรษา 61 วัดป่าปทีปปุญญาราม
    บ้านเซือม ต.โพนแพง อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร






    ประสบการณ์ทิพยอำนาจจิต
    ของ “หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป”

    จากคำบอกเล่าของศิษย์ท่านหนึ่ง


    เรื่อราวที่ข้าพเจ้าจะเล่าให้สมาชิกทุกท่านได้ทราบถึงประสบการณ์ที่ได้ผ่านมาเกี่ยวกับ ประสบการณ์ทางจิตนั้นมีมากมายนัก ทว่าขอยกขึ้นให้ฟังกันเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสกับหลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป กันฟังสักหนึ่งเรื่อง

    เมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้รู้จักกับน้องคนหนึ่งซึ่งได้บวชรุ่นเดียวกับน้องชายของข้าพเจ้าที่วัดบวรนิเวศน์ น้องคนนี้เป็นคนที่คร่ำเคร่งในเรื่องอภิญญา ประสพการณ์ทางจิต พลังจิต ฯลฯ เป็นผู้ที่เดินทางแสวงหาความเป็นเลิศทางจิต ส่วนตัวผมนั้นไม่ค่อยจะเข้าทางนี้สักเท่าไหร่

    วันหนึ่ง น้องเขาได้โทรมาหา แล้วบอกว่า พี่ยุทธ หลวงปู่ผ่านจะเดินทางลงมากรุงเทพฯ ท่านรับกิจนิมนต์โยมที่กรุงเทพ

    ได้ยินดังนั้นข้าพเจ้ายังเฉยๆ แต่น้ำเสียงของน้องเขาดีใจมาก ตอนแรกก็สวสัยว่าทำไมน้ำเสียงถึงดีใจขนาดนั้น

    แล้วน้องเขาได้ชวนผมว่า ไปกราบหลวงปู่กันไหม ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบองค์หนึ่งเลยนะ

    เอ๊ะ...ใช้สรรพนามแทนว่า “องค์” เลยรึ ในใจคิดว่า น้องเขาก็ทราบดีอยู่ว่าสรรพนามนี้ใช้แทนองค์อรหันต์....งงงวยอยู่ในใจ แต่ก็ไม่คิดอะไรให้เลยเถิด

    ก่อนวันที่หลวงปู่จะเดินทางมา น้องได้โทรมากำชับอีกครั้ง ว่าพรุ่งนี้ให้ไปเจอ ผมก็เออ...ออ...ห่อหมกไป เพราะภาระกิจช่วงนั้นค่อนข้างมากนัก

    พอถึงวัน ใกล้เวลาที่นัดหมาย ผมได้เดินทางไปยังสถานที่นัดหมาย ไปบ้านหลังหนึ่งแถวลาดพร้าว เมื่อไปถึง...แม่บ้านบอกว่า หลวงปู่ยังไม่กลับมาจากกิจนิมนต์เลย

    รอสักแค่เพียงไม่กี่อึดใจ รถก็เลี้ยวเข้ามาในบ้าน น้องเขารีบกุลีกุจอลงเรือนไปรับหลวงปู่ถึงที่รถ ส่วนผมก็เป็นเหมือนไอ้ปื๊ดเดินตาม เพราะไม่รู้จักใคร...ฮึ...หลวงปู่ยังไม่รู้จักเลย...เชยชมัด

    เมื่อหลวงปู่ผ่านลงจากรถ ท่านจัดแจงห่มจีวรใหม่ให้งามเรียบร้อย น้องเขายกมือขึ้นพนม นมัสการหลวงปู่ มือผมก็อัตโนมัติ ยกขึ้นนมัสการหลวงปู่

    จากนั้นหลวงปู่กับบรรดาศิษย์ประมาณ 4-5 คน ก็เดินขึ้นเรือน ไปที่ห้องหนึ่งที่โยมหลวงปู่ได้จัดแจงเตรียมการต้อนรับ ในห้องนั้นมีคนนั่งสมาธิรอหลวงปู่อยู่ประมาณ 2-3 คน

    ในห้องเปิดแอร์เย็นสบาย หลวงปู่เดินไปที่อาสนะ ขยับจีวร นั่งลงยังอาสนะนั้น

    ส่วนลูกศิษย์ทั้งหลายก็เดินตามไปใกล้หลวงปู่ นั่งลง ก้มลงกราบหลวงปู่กันถ้วนหน้า

    ส่วนผมนั้นเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ข้างหน้า...ประมาณว่าไม่ค่อยชอบคนเยอะ จึงนั่งรั้งท้ายสุดปลายห้อง ครั้นก้มลงกราบพระพุทธ 3 ครั้งแล้ว ก็หันมากราบหลวงปู่อีก 3 ครั้ง...แฮะ โดยอัตโนมัติอีกละ

    เมื่อหลวงปู่และศิษย์นั่งเข้าที่เหมาะทาง บรรดาศิษย์ก็เริ่มการสนทนากับหลวงปู่ หลวงปู่ก็สนทนาอย่างโอภาปราศัย น้ำเสียงหลวงปู่นั้นช่างเปี่ยมไปด้วยเมตตาจิตเสียนี่กระไร ในใจคิด...

    ส่วนลูกศิษย์ที่นั่งสมาธิอยู่ได้ลุกขึ้นกราบหลวงปู่ แล้วก็เข้าสมาธิกันต่อ โดยไม่พูดอะไร

    เรื่องราวการสนทนากันนั้นผมก็ฟังบ้างไม่ฟังบาง เพราะตามัวแต่มองไปรอบๆ เพ่งจิตไปที่คนนั่งสมาธิบาง ดูหลวงปู่หลับตาเป็นระยะๆ

    สักพัก...เริ่มเย็นค่ำ แอร์ที่เปิดก็เริ่มเย็นขึ้น ในใจคิดว่า...ทำไมแอร์มันโคตะระหนาวขนาดนี้ว๊ะ...

    อะนะ...ฮืม...ฮืม หลวงปู่ ซึ่งนั่งสนทนากับบรรดาศิษย์อยู่ หันมาบอกว่า “ถ้าแอร์หนาวเกินก็ไปหรี่ซิ” ไอ้หยา...โดนเข้าแล้วซิ หลวงปู่อ่านจิตเข้าให้แล้ว คงเพราะมั่วแต่นั่งเหม่อมองซุกซนไปทั่ว ไม่ทันระวังจิตให้ดี...โดนซะ...

    พอสิ้นเสียงหลวงปู่ ผมก็เดินเข่าไปยังสวิตปิด-เปิดแอร์ เอื้อมมือขึ้นไปที่ตัวหรี่หมุนองศาความเย็นให้ลดลง จาก 19 ไป 20 ไป 21 ไป 22 พอถึง 23 ในใจก็คิดว่า “แค่นี้คงพอแล้วมั้ง”

    เท่านั้นละหลวงปู่ส่งเสียงมาว่า “นั้นแหละ...แค่นั้นพอดีแล้ว”

    (เหงือตกละงานนี้) เดินเข่ากลับมาที่เดิม ไม่พูดไม่จาอะไร

    สักพัก รวมสติจิตกลับมาสู่ฐานดังเดิม ก็ยังไม่วายจะซุกซนต่อ

    ในใจคิดว่า เห็นโดยทั่วไปบรรดาญาติโยมเขาชอบขอของดีจากพระกัน ไหงเราไม่เคยได้ขอของดีจากใครเลย...วันนี้น่าจะขอบ้างเนอะ

    นั้นเลยคิดในใจว่า “หลวงปู่..ผมอยากได้ชานหมากหลวงปู่ไปบูชา เพื่อเป็นสิริมงคล” คิดได้สักพัก หลวงปู่ก็จัดแจงหมาก เคี้ยวๆๆๆๆๆๆ

    ปกติแล้ว...เมื่อคนทั่วไปหรือพระรูปใดเคี้ยวหมากแหลก จะบ่วนทิ้งที่กระโถน ทว่า ตอนนั้น...เมื่อหลวงปู่เคี้ยวหมากจนแหลก ได้บ่วนเฉพาะน้ำหมาก ส่วนเนื้อหมากนั้น ผมเห็หลวงปู่ปั้นเป็นคำๆ อยู่ในปาก แต่ยังไม่คาย แล้วหลวงปู่ก็เข้าสมาธิ ไปถึงไหน ตามไม่เจอครับท่านผู้ชม

    เมื่อหลวงปู่ออกจากสมาธิแล้ว...หลวงปู่ก็พูดว่า ทุกวันเมื่อหลวงปู่เข้าสมาธิ หลวงปู่จะไปที่วิหารเล็กวิหารหนึ่ง เข้าไปนั่ง กำหนดเพลิงเข้าเผากิเลสทุกวัน ด้านหน้าวิหารเล็กนั้น มีวิหารใหญ่อยู่วิหารหนึ่ง ภายในมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ กำลังแสดงพระธรรมเรื่องอริยสัจ 4 อยู่ แต่หลวงปู่ยังไม่เดินเข้าไป ทุกวันที่หลวงปู่ไปที่นั้น มีคนมากมายเดินเข้าไปในวิหารใหญ่นั้น เมื่อได้สดับฟังพระธรรมแล้ว ก็ไม่ออกมาอีกเลย

    พอหลวงปู่เล่าจบ หลวงปู่ก็คายชานหมากที่ปั้นเป็นก่อนกลมเล็กๆ ออกมาวางไว้ที่ฝากระป๋อง ที่หลวงปู่เก็บของ ผมนึกในใจ...ตอนนี้คนเยอะ ถามเรื่องร้อยแปด เดี๋ยวให้สงบๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอ...

    สักพักเมื่อคนเริ่มสงบ ผมก็เอ่ยปากขอชานหมากหลวงปู่ หลวงปู่ก็ตอบว่า “เข้ามา” ผมก็คลานเข่า เข้าไป แบสองมือรับ พนมมือ คลานเข่าออก กลับมานั่งที่เดิม

    เมื่อกลับมานั่งประจำที่หลวงปู่กล่าวต่อว่า “ไปตากแดดก่อน ราจะได้ไม่ขึ้น”
    ผมก็ตอบไปสั้นๆ ว่า “ครับ”

    หลวงปู่ผ่านท่านเป็นอริยสงฆ์โดยแท้ แต่ท่านถ่อมตัวครับ ผมขอพรจากท่านประการหนึ่ง ท่านก็บอกว่า “โอ๊ย อันนั้นต้องเป็นพระอรหันต์ถึงจะให้ได้ อาตมาไม่ใช่หรอก” สงสัยท่านคงนึกในใจว่า ไอ้นี่มันขอมากไป (เดี๋ยวไปขอใหม่ อิอิ)

    ท่านถามผมว่า บวชมานานหรือยัง ตอนนั้นไม่รู้ความนัย ก็บอกไปว่า บวชประมาณ 2 อาทิตย์ครับ แต่ต่อมาได้มารู้ภายหลังว่า ที่ท่านถาม ท่านถามลึกกว่านั้น แต่ตอนนั้นเราตามไม่ทันเอง

    รอยยิ้มของท่านเมตตามากๆ ส่วนเรื่องชานหมากเนี่ย ลูกศิษย์ตากแดดไว้เลย เตรียมแจกคนที่จะมาขอ

    พระสุปฏิปันโนในประเทศไทยเยอะจริงๆ มีทั่วทุกภาค ทางปราจีนบุรีก็มีเยอะนะครับ แต่ผมยังไม่ได้ไป ทางเหนือก็มี โดยเฉพาะทางอีสานมีเยอะมากที่สุด พระสุปฏิปันโนบางรูปนั้น ท่านอยากอยู่เงียบๆ ไม่เป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปมากนัก แต่บางท่านก็ต้องการสงเคราะห์คนนะครับ นี่แหละครับ ถ้าพระสงฆ์ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนอย่างจริงจัง ก็ไม่ไร้ซึ่งพระสุปฏิปันโน ไม่ว่าจะบนผืนแผ่นดินไทย หรือที่ไหนในโลกนี้

    ----------------------------

    ผมเคยอ่านประวัติหลวงปู่ผ่าน ครับไม่แน่ใจว่าเป็นนิตยสารโลกทิพย์
    หรือเปล่า (ขออภัยลืมครับ) ความว่า ตั้งแต่สมัยหลวงปู่มั่นยังไม่มรณภาพ ตอนนั้นหลวงปู่ผ่าน อยู่กับหลวงปู่มั่น และได้จาริกธุดงค์อยู่ในป่าเขา หลวงปู่มั่น มาปรากฏทางนิมิตภาวนา แนะว่า "จิตท่านผ่าน ยังอยู่อนาคามี นะ"
    หลวงปู่ผ่าน รู้แล้วก็เร่งบำเพ็ญเพียรต่อเพื่อความหลุดพ้น..
    ผมว่าตั้งแต่หลวงปู่มั่น มรณภาพมาก็ 58 ปีนี้แล้ว ผมว่านะหลวงปู่ผ่านนี้ท่านสุดยอดแล้วละครับ...

    ปล.องค์หลวงปู่ผ่านนี้ผมเชื่อท่านสุดหัวใจครับ
    เคยมีเหตุการณ์สงเคราะห์ญาติโยมรายหนึ่งที่ผมเห็นมากับตา
    โยมรายนี้ป่วย ไม่รู้เป็นไร ไม่หายสักที ญาติก็นำมาหาหลวงปู่ผ่าน
    ท่านก็เมตตานั่งภาวนาสัก 2 นาที ท่านก็ตอบว่า "กรรม" ชาติก่อน
    ไปฆ่าวัวควายมามาก ชาตินี้เขาเลยมาทวง งั้นก็ให้ทำบุญ สังฆทานกรวดน้ำ แผ่เมตตา นะ...

    ตอนนี้หลวงปู่ก็จำพรรษาที่วัดป่าประทีปปุญญาราม
    อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร
    วัดท่านไปมาสะดวกเรียนเชิญไปกราบหลวงปู่นะครับ


    กราบหลวงปู่ผ่าน
    ถ้ากระผมพิมพ์ผิดพลาดประการใด
    ขอคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์
    มีหลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป เป็นที่สุด
    ได้ยกโทษอโหสิกรรมให้กระผมด้วยสาธุ

     
  2. awisoot

    awisoot Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +90
    อนุโมทนาครับ

    ผมเคยไปกราบท่านก่อนจะเข้าพรรษา
    ก่อนที่จะฉันจังหันเช้า ท่านจะเทศนาโปรดญาติโยม ผมได้แต่นึกในใจขอให้ท่านโปรดสอนกรรมฐานอะไรก็ได้
    ปรากฎว่าท่านสอนเรื่องการเดินจงกรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมติดค้างในใจก่อนที่จะเดินทางไปกราบท่าน ผมรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อยที่ได้รับเมตตาครั้งนี้

    กราบมนัสการท่านอีกครั้ง
     
  3. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]

    อนุโมทนาครับ
    เมื่อวันก่อนผมก็ไปกราบหลวงปู่ผ่านมาครับ
    แต่ก่อนจะไปกราบหลวงปู่ผมได้เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งเขาอเรื้อรังมานานเกินกว่า 5 เดือนแล้ว ไปหาหมอที่ไหนเขาก็ยังไม่หายเลยครับ
    เขาเลยกะว่ามากราบขอความเมตตาหลวงปู่ก่อน แล้วจะไปหาหมอภายหลัง
    เขาก็เล่าอาการให้หลวงปู่ฟัง..หลวงปู่ก็เมตตาท่านก็นั่งหลับตาดู.ท่านก็บอกว่าปอดมันเหลืองหมดแล้วนะหนู รีบไปหาหมอนะ....แล้วเด้กคนนั้นก็ถามขึ้นว่า..หลวงปู่ครับผมเคยมีกรรมมีเวรกับใครไหมครับ มาชาตินี้ถึงได้ไอหนักอย่างงี้..
    หลวงปู่เเลยเข้าที่ภาวนาท่านหลับตาประมาณ 3-4 นาที ท่านก็กำหนดจิตถามความตัวนั้นว่า ทำไมมารบกวนเขา ..ท่านก็ถามไป..แล้งหลวงปู่ก็เมตตาตอบว่า..ไม่มีนะ..มีแต่ควายมันอยากได้ส่วนบุญ..มันเลยมาทำให้มีอาการ..ให้แก้ดังนี้นะ..ไปหาซื้ผัก..ที่คิดว่าความยกินได้..ไปทำบุญถวายพระนะ..แล้วมันก็หายนะ......

    อันนี้ผมได้ยินกับหูครับ

    เพราะจิตที่ท่านฝึกมาดีแล้ว..ท่านย่อมสงเคราะห์คนได้ครับ...


    สมัยท่านอยู่กับหลวงปู่มั่นนั้น ...ตอนหลวงปู่มั่นยังมีชีวิตอยู่ท่านเตือนหลวงปู่ผ่านว่า ..ท่านผ่าน จิตท่านยังอยู่ในขั้นอนาคามี นะ..ให้รีบนะ...

    ผมว่านะตอนนี้จิตท่านคงอยู่ในขั้นหมดแล้วชึ่งกิเลสแล้วละครับ

    ------------------------------------------

    หลวงปู่มักถูกนิมนต์ไปเทศน์ที่กรุงเทพประจำครับ..แต่ท่านก็ไม่ค่อยอยากจะไปท่านให้เหตุผลว่าเหนื่อยแล้วแก่แล้วอายุก็ 85 ปีแล้วมันเหนื่อย ..ก็จะมีบางท่านที่ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ท่าน..นิมนต์ท่านไปกรุงเทพ..ท่านก็เมตตาไปครับ..เพราะนั่งเครื่งบิยไม่ค่อยเหนื่อยถึงไวครับ
     
  4. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ขอกราบบูชาหลวงปู่เหนือเศียรเกล้า

    ขออนุโมทนาบุญกับท่านผู้ตั้งกระทู้ และขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านร่วมอนุโมทนาครับ
    สาาาาา...ธุ
     
  5. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ครับ
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ
     
  6. Dragon_king

    Dragon_king เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2009
    โพสต์:
    730
    ค่าพลัง:
    +1,388
    [​IMG]

    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. navigator_th

    navigator_th สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +8
    ประวัติหลวงปู่ผ่าน ที่กล่าวว่า หลวงปู่มั่นเตือนหลวงปู่ผ่านว่า ยังอยู่ในอนาคามี ขณะที่หลวงปู่มั่นยังมีชีวิตอยู่นั้น ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงครับ

    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลวงปู่ผ่านเล่าให้ผมฟัง เมื่อ พ.ศ.2537 ซึ่งผมได้บันทึกเทปไว้และนำมาถอดเขียนเป็นประวัติหลวงปู่ ว่า ท่านได้นิมิตว่า หลวงปู่มั่น (ซึ่งมรณภาพไปนานแล้ว) มาเตือนว่า "ท่านผ่าน อยู่ในสะกะ (หมายถึง สกทาคามี) ยังอยู่ในกามะนะ"

    ส่วนปัจจุบัน ท่านจะอยู่ในภูมิธรรมขั้นใด ท่านย่อมรู้ตัวของท่านเอง ไม่สมควรที่ใครๆจะไปคาดเดาเอาเอง ด้วยเหตุผลต่างๆ(ที่มักเข้าข้างตัวเอง)ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...