รวมสัตว์ในเทพนิยาย และตำนาน (Creatures of Myth and Legend)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นาย Touru, 25 กันยายน 2007.

  1. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    7.งายไส

    งายไส เป็นสัตว์ผสมชนิดหนึ่งในป่าหิมพานต์ ชื่อ งายไสนั้น เป็นชื่อที่ค่อนข้างแปลก ผู้ประพันธ์เองได้ พยายามหาที่มาของ ชื่อนี้แต่ก็ยังไม่ทราบว่ามาจาก ไหนและแปลว่าอะไร แต่ในตำนานได้บรรยายว่างายไสมีลักษณะผสมระหว่างสิงห์กับม้า โดยมีหัวเป็นสิงห์ มีเขาบนหน้าผาก ๒ ข้าง บ้างก็เชื่อว่างายไสมีหัวเป็น กิเลน มีลักษณะแบบม้าจากช่วงคอลงมา มีสีเขียวคราม เป็นสีพื้น งายไสเป็นสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร

    สัตว์ที่งายไสล่าเป็นเหยื่อ มีตั้งแต่สัตว์เล็กจนไปถึงสัตว์ใหญ่ บางครั้งก็ล่ามนุษย์เป็นอาหาร คนส่วนใหญ่มักจำงายไส สลับกับดุรงค์ไกรสรเพราะสัตว์ทั้ง ๒ ประเภทมีร่างเป็นม้าและมีส่วนหัว เป็นสัตว์ประเภทสิงห์ จะต่างก็เพียงแต่หัวของดุรงค์ไกรสรไม่มีเขา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    8.ม้า

    ตามตำนานของศาสนาฮินดู เทพแ่ห่งลมได้สร้างม้าขึ้นมา ๔ สายพันธุ์คือ วลาหค อาชาไนย สินธพมโนมัย และอัสดร ม้าทั้ง ๔ มีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศ วันหนึ่งม้าทั้งสี่นี้ได้บุกเข้าไปในเขตของ พระศิวะเพื่อที่จะพบกับม้าสาว ๒ ตัวที่พระอุมาเทวี (มเหสีของพระศิวะ) เลี้ยงไว้ แต่เคราะห์ร้ายโดนผู้เฝ้าสวรรค์จับได้ ม้าทั้ง ๔ จึงถูกตัดเอ็นข้อเท้าที่ทำให้มีฤทธิ์บินได้ จากนั้นองค์ศิวะเจ้าจึงสาปให้มาเป็นทาสรับใช้มนุษย์ตลอดกาล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ม้า.jpg
      ม้า.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.8 KB
      เปิดดู:
      1,165
    • ม้า2.jpg
      ม้า2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.9 KB
      เปิดดู:
      255
  3. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    9.ม้าปีก

    ม้าปีก นอกจากจะมีในตำนานสัตว์หิมพานต์แล้วยัง มีปรากฎในตำนานอื่นเช่นตำนานม้าปีกเปกาซัสของ กรีก หรือตำนานม้าบินของจีน ถึงแม้รายละเอียดต่างๆ ของม้าปีกในแต่ละตำนานจะมี ความแตกต่างกันบ้าง เช่นม้าเปกาซัสมีสีขาวบริสุทธิ์ แต่โดยหลักแล้วจะมีลักษณะร่วมคือ มีร่างกายและ ส่วนหัวเป็นม้า มีปีก ๑ คู่ ปีกคู่นี้มีความแข็งแรงมาก และสามารถทำให้ม้าปีกบินได้อย่างรวดเร็ว นอกจากม้าปีกแล้ว สัตว์หิมพานต์์ที่มีลักษณะ ผสมระหว่างม้าและนกก็มี ดุรงค์ปักษิณ เหมราอัสดร และอัสดรวิหค

    *** ของไทย มีคน อธิบายว่า ปีก ของม้าปีก หิมพานต์ นี้ ผสมกัน ระหว่าง ม้ากับเยี่ยว ครับ ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    10.เหมราอัสดร

    เหมราอัสรมีรูปกายเป็นม้า ส่วนหัวเป็นเหม ตัวเหมนั้น บางที่ก็วาดออกมาเป็นแบบนกหงส์ บางที่ก็วาดออกมา ปากเหมือนสัตว์ประเภทจระเข้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    11.ดุรงค์ปักษิณ

    ตามตำราดุรงค์ปักษิณคือม้าที่มีปีกและหางเหมือนนก มีกายสีขาวบริสุทธิ์ ส่วนขนคอ กีบและหางมีสีดำสนิท คำว่าดุรงค์ไกรสรมาจากคำ ๒ คำคือ ดุรงค์ ซึ่งคือหนึ่งในสี่สายพันธุ์ม้าและ ปักษิณ ที่แปลว่านก

    สัตว์หิมพานต์อีกชนิดที่เหมือนสัตว์ชนิดนี้คือ ม้าปีก ทั้งคู่คล้ายกันมากจะต่างก็เพียงแต่ม้าปีก มีหางดุจดั่งม้าทั่วไป หาใช่หางแบบนกไม่

    ค้านตะวันตกเองก็มีม้าติดปีกในตำนานเช่นกัน ที่รู้จักกันดีก็คือ เปกาซัส ม้าแห่งตำนานเทพของกรีก​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    ม้า จบ แล้วนะครับ ต่อไป "แรด " ครับ
     
  7. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    ระมาด (มีชนิดเดียว ในสัตว์จินตนาการป่าหิมพานต์ ครับ)

    คำว่า​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    ต่อไป "ช้าง" ครับ

    ช้างเป็นส่วนประกอบสำคัญของประวัติศาสตร์และ วัฒนธรรมไทยตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ช้างเคยเป็นส่วนหนึ่งของธงชาติไทย น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้ช้าง มีจำนวนลดลงอย่างน่ากลัว จากที่เคยมี 4000 ตัว (เชือก) เมื่อ 10 ปีก่อน เหลือเพียงประมาณ 2500

    ในป่าหิมพานต์เองก็มีสัตว์ประเภทช้าง ตำนานเกี่ยวกับช้างอาจจะ มีเหตุมาจากความเชื่อของศาสนาฮินดู ที่มีช้างเทวบุตร เอราวัณ

    มีด้วยกัน ในป่าหิมพานต์ 4 ชนิดครับ
    1.เอราวัณ
    2.กรินทร์ปักษา
    3.วารีกุญชร
    4.ช้างเผือก

    *** ไม่เรียง ตามลำดับ หัวข้อนะครับ ***
     
  9. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    1.ช้างเผือก

    ตำนานเกี่ยวกับช้างเผือกมีอยู่คู่คนไทยมาช้านาน
    ในตำนานพุทธประวัติ กล่าวว่าช้างเผือกนั้นคือสัญลักษณ์แห่งความรู้ และ การเกิด คืนก่อนวันประสูติของพระพุทธเจ้า พระมารดาของพระองค์ทรงสุบิณท์ ถึงช้างเผือก มอบดอกบัวให้พระนาง ดอกบัวอันหมายถึงความบริสุทธิ์และความรู้
    ตำนานไตรภูมิ มีบทหนึ่งกล่าวถึงช้างเผือกว่า:

    " มหาราชมีครบซึ่งสิ่ง ๗ ประการ ภริยาที่สมบูรณ์ ขุมสมบัติคณานับ ผู้ปรึกษาแผ่นดินที่ดี ม้าที่วิ่งเร็ว กฎการปกครองที่ดี แก้วแหวนอันเป็นสิ่งสำคัญ และช้างเผือกที่สง่างาม"

    เชื่อกันว่าช้างเผือกมีอิทธฤทธิ์เหนือช้างสามัญ ว่ากันว่ามีพลังดุจเทพแห่งสงคราม สำหรับกษัตริย์ของ ประเทศไทยและพม่าแล้ว การได้ครอบครองช้างเผือก เป็นอะไรที่สำคัญยิ่ง องค์ใดที่มีช้างเผือกหลายตัว จะเป็นกษัตริย์ ที่เกรียงไกร และจะนำพาบ้านเมืองสู่ความรุ่งโรจน์ หากช้างเผือกสิ้น ก็เป็นลางบแกเหตุเภทถัยแก่ ตัวกษัตริย์และแผ่นดินที่ปกครอง

    ราชันย์ในยุคก่อนจึงมุ่งมั่นที่จะได้ช้างเผือกมาอยู่ในความครอบครอง องค์ใดมีมากตัวก็สามารถให้ราชาเมืองอื่นเป็นของขวัญ เพื่อความเป็นมิตร ในบางคราก็มีการก่อสงครามแย่งชิงช้างเผือกก็มี

    ในประเทศไทย ช้างเผือกเคยเป็นสัญลักษณของประเทศ เพราะเชื่อว่าสัตว์ชนิดนี้ศักดิ์สิทธิ์



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    2.วารีกุญชร

    คนทั่วไป มักจำ วารีกุญชร สลับกับ กุญชรวารี เพราะสัตว์หิมพานต์ทั้ง ๒ ชนิดนี้มีรากศัพท์มาจากคำ บาลี ๒ คำที่เหมือนกัน เพียงแต่คำเรียงลำดับสลับกัน เท่านั้น รากศัพท์ทั้ง ๒ ที่กล่าวถึงคือคำว่า​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    3.กรินทร์ปักษา

    กรินทร์ปักษา หรือช้างบินมีผิวกายที่ดำสนิท ส่วนปีกและหางเป็นอย่างนกและมีสีแดงชาด ปีกและ หางช่วยให้กรินทร์ปักษาสามารถบินได้อย่างคล่อง แคล่วและรวดเร็ว นอกจากส่วนปีกและหางแล้ว กรินทร์ปักษามีลักษณะ ที่ไม่ต่างจากช้างทั่วไปนัก โดยมีงาคู่หนึ่งเอาไว้ใช้ใน การปกป้องตัว และหักกิ่งไม้หรือพืชผัก ส่วนงวงมีไว้หยิบจับสิ่งของ ดื่มน้ำ ดมกลิ่นและทำให้เกิดเสียงร้อง คาดว่ากรินทร์ปักษาเมื่อโตเต็มที่ จะมีช่วงตัวยาวประ- มาณ ๓.๓ เมตร (๑๑ ฟุต) และหนักประมาณ ๕.๔ ตัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    4.เอราวัณ

    ในเรื่อง รามายณะ และ ความเชื่อของศาสนาฮินดู กล่าวถึงพระอินทร์มีร่างสีเขียว มีพาหนะเป็นช้าง ๓ เชือก เชือกหนึ่งพระศิวะเป็นผู้ประทานให้ชื่อว่า เอราวัณ เชือกหนึ่งพระพรหมป็นผู้ประทานให้ชื่อว่า คีรีเมขล์ไตรดายุค และอีกเชือกหนึ่งพระวิษณุเป็นผู้ ประทานให้ชื่อว่า เอกทันต์ ช้างเอราวัณเป็นช้างที่มีพละกำลังมากที่สุดในหมู่ ช้างทั้ง ๓ เชือก และเป็นที่โปรดปรานมากที่สุด ของพระอินทร์ เชื่อกันว่าช้างเชือกนี้เป็นเทพบุตรองค์หนึ่ง เมื่อพระอินทร์ต้องการจะเสด็จ ไปไหนเอราวัณเทพบุตร ก็จะแปลงกายเป็นช้างเผือก ขนาดสูงกว่าภูเขาเอเวอร์เรสต์ มี ๓๓ เศียร แต่ละเศียรมีงา ๗ งา งาแต่ละงายาวถึง ๔ ล้านวา

    งาแต่ละงามีสระบัว ๗ สระ แต่ละสระมีดอกบัว ๗ ดอก แต่ละดอกมีกลีบ ๗ กลีบ มี ๗ เกสร แต่ละเกสรมีปราสาทอยู่ ๗ หลัง ปราสาทแต่ละหลังมี ๗ ชั้น แต่ละชั้นมี ๗ ห้อง แต่ละห้องมี ๗ บัลลังค์ แต่ละบัลลังค์มีเทพธิดาสถิต ๗ องค์ เทพธิดาแต่ละองค์มีบริวาร องค์ละ ๗ นาง เทพธิดาบริวารแต่ ละนางมีนางทาสีนางละ ๗ ทาสี รวมทั้งนางเทพอัปสรทั้งหมดประ มาณ ๑๙๐,๒๔๘,๔๓๓ นาง เทพธิดา บริวารรวมกันทั้งหมดประมาณ ๑๓,๓๓๑,๖๖๙,๐๓๑ นาง เศียรทั้ง ๓๓ ของช้างเอราวัณมีอุเปนทเทพยดา สถิตเศียรละ ๑ องค์ โดยปกติศิลปินไทยมักจะทำช้าง เอราวัณ เป็นช้าง ๓ เศียร ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    จบเรื่องประเภทช้าง แล้ว ไปต่อ ที่ ประเภท วัว/ควาย ครับ

    เนื่องด้วยประเทศไทย และอินเดีย เป็นประเทศกสิกรรม สัตว์ประเภทวัวควาย จึงมีส่วนสำคัญในการดำรงชีพ ตำนานบางเรื่องจึงมีวัวควายเป็นตัวละคร เรื่องที่ดังที่สุดเห็นจะเป็นเรื่อง ทรพีและทรพา
     
  14. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    1.มังกรวิหค

    มังกรวิหคเป็นสัตว์ ๔ ขาที่มีลักษณะของ มังกร นก และวัว ผสมกัน ส่วนหัวมีลักษณะของมังกร ส่วนตัวเป็นวัว มีสีม่วง มีปีกและหางเหมือนนก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    2.ทรพี/ทรพา

    มียักษ์อยู่ตนหนึ่งชื่อ "นนทกาล" มีหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูวังสวรรค์ ของพระศิวะ (เขาไกรลาส) ยักษ์ตนนี้ได้ทำผิดกฏ โดยการปลุกปล้ำนางฟ้านาม "มาลี" นางฟ้าได้นำเรื่องทูล ต่อองค์ศิวะเจ้า พระศิวะทรงกริ้วจึงสาป ให้ยักษ์ไปเป็นควาย มีนามว่า "ทรพา" และจะต้องถูกสังหารโดยลูกของตัวเอง ผู้มีชืื่อว่า "ทรพี" หลังจากนั้นถึงจะพ้นคำสาป

    นนทกาลเกิดเป็นควาย หลายเมีย มันจะฆ่าลูกชายที่จะเกิดทุกตัว เมียทรพาตัวหนึ่ง หนีไปและได้คลอดลูกที่อื่น ควายตัวนี้ ได้รับการเลี้ยงดูโดยเทวดา เทวดาได้ตั้งชื่อควายตัวนี้ว่า "ทรพี" ทุกวันทรพีจะวัดขนาดกีบของมันกับของพ่อ เมื่อใหญ่เท่ากันจึงถือว่าพร้อมที่จะสู้ ท้ายสุดทรพา ก็ถูกลูกของ ตนฆ่าตาย

    สำนวนไทย คำว่า "ทรพี" หมายถึงคนที่ไม่รู้จักคุณบิดามารดา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    ขณะนี้ เซิฟเวอร์ ทำงานหนักอีกแล้วครับ ^ ^"
    พี่น้องทุกท่านเริ่มเข้าเยอะ ทำให้ ผม ลงรูป ไม่สะดวก/ลำบาก ในการตั้งกระทู้
    ต้องกด F5 หลายครั้ง กว่าจะลงรูปติด คงต้องพักก่อนนะครับ
    เดียวมาต่อให้อีกทีนะครับ
     
  17. pinrut_Artemis

    pinrut_Artemis Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +31
    อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเทพทางฝั่งอียิปต์ชื่อเทพโฮรัสนะคะ ที่มีหน้ากากเป็นรูปเหยี่ยวนะคะ จะขอบคุณมาก ๆ นะคะ(b-love2u)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2007
  18. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    "สุนัข ในป่า หิมพานต์"

    Khi Mee ( "คิมี" ไม่แน่ใจว่าผมออกเสียงถูกไหมนะครับ)

    น้อยคนที่จะรู้จัก คิมี<O:p</O:p
    ในภาพวาดเก่าๆ คิมี เป็นสุนัขที่มีกายสีเหลือง หนังช่วงคอหนา และ<O:p</O:p
    มีหางเป็นพุ่ม. อย่างไรก็ดี พวกมันก็จะมีจำนวนที่ดูแตกต่างแต่ละลักษณะ ของ คิมี<O:p</O:p
    ดังนั้น พวกมัน<O:p</O:p
    อาจจะดูแตกต่างจากลักษณะที่กล่าวมาในภาพนี้<O:p</O:p
    คิมี กินทุกอย่างทั้งพืชและสัตว์ที่มีในธรรมชาติ <O:p</O:p
    คิมี เป็นสัตว์ที่อยู่ในกลุ่มพวกสุนัข<O:p</O:p
    ปกติแล้ว<O:p</O:p
    มันจะล่าเหยื่อหาอาหารตามลำพัง แล้วบางครั้งก็เก็บอาหารที่เหลือไว้กินทีหลังส่วนหนึ่ง<O:p</O:p
    คิมี มีสัญชาตญานที่หลักแหลม มีขาที่ดูเล็กและแข็งแรง สำหรับในการล่าหาอาหาร<O:p</O:p
    ส่วนใหญ่อาหารของ คิมีนั้น<O:p</O:p
    เป็นพวกสัตว์ตัวเล็กๆ เช่น กระรอก , กระต่าย , เป็นต้น. เมื่อ ป่วย, คิมี<O:p
    จะมีการรักษาตัวเองได้ โดยการกินหญ้าสมุนไพร เหมือนสุนัขทั่วไปแบบปัจจุบัน<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Khi Mee.jpg
      Khi Mee.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.1 KB
      เปิดดู:
      1,058
  19. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288

    เทพฮอรัส(Horus) ทรงเป็นพระโอรสของเทพโอซีริส และเทวีไอซิส และเป็นพระสวามีของเทวีฮาธอร์ ทรงเป็นเทพที่เกิดจากการรวมกันของเทพนกเหยี่ยวและเทพแห่งแสงสว่าง ทรงมีพระเนตรขวาเป็นดวงอาทิตย์และพระเนตรซ้ายเป็นดวงจันทร์
    สัญลักษณ์ของเทพฮอรัสคือเป็นมนุษย์ที่มีศีรษะเป็นนกเหยี่ยว ทรงสวมมงกุฎสองชั้นหรือแกะสลักเป็นรูปวงสุริยะมีปีกอยู่ที่รั้ววิหารประจำพระองค์ หรือคือนกเหยี่ยวกำลังบินอยู่เหนือการสู้รบของฟาโรห์ ที่อุ้งเล็บมีแส้แห่งความจงรักภักดีและแหวนแห่งความเป็นนิรันดร์อยู่
    เทพฮอรัสทรงมีพระนามมากมายตามท้องที่ที่สักการะและความเชื่อ เช่น เทพฮาโรเอริส(Haroeris) ฮอรัส เบฮ์เดตี(Horus Behdety) ฮาราเคต ฮาร์มาฆิส(Harmakhis) และ ฮาร์สีเอสิส(Harsiesis)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. depperkyo

    depperkyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +288
    ถ้าให้กล่าวถึง เทพเจ้า อีก พระองค์หนึ่ง ที่มี เศียรเป็นเหยี่ยวด้วยแล้ว...
    ก็ คือ เทพ ราห์ ครับ

    เทพรา เทพแห่งดวงอาทิตย์

    ในช่วงที่มีการสร้างโลก เทพรา(Ra) เร(Re) อาเมน-รา(Amen-Ra) หรือ อามอน-รา (Amon-Ra) ถือกำเนิดมาจากแม่น้ำแห่งเทพนุน กายล้อมรอบด้วยกลีบดอกบัว ทุกวันเมื่อเข้าสู่ราตรีกาล เทพราจะกลับมาบรรทมในดอกบัวนี้
    สัญลักษณ์ของพระองค์เป็นนกศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า นกเบนนู(Bennu bird) เกาะที่ยอดพีระมิด ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งแสงอาทิตย์
    เทพราเป็นดั่งบิดาแห่งมวลมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลาย ทรงสร้างเทพชู เทพแห่งลม เทวีเตฟนุต เทวีแห่งสายฝน เทพเกบ เทพแห่งปฐพี เทวีนุต เทวีแห่งท้องฟ้าและเทพแห่งแม่น้ำนิลนาม เทพฮาปี
    เทพรามีหลายพระนามด้วยกันคือ ในตอนเช้ามักถูกเรียกว่า เฆปรี(Khepri) หรือ เฆเปรา(Khepera) เรียกว่าราในตอนกลางวัน และตุม(Tum) หรืออาตุม(Atum) ในตอนเย็น
    เทพราจะเสด็จออกจากเมืองเฮลีโอโปลิสพร้อมกับเหล่าเทพเจ้า โดยใช้เรือสุริยันเป็นยานพาหนะ เพื่อตรวจเยื่ยมราษฎรในแคว้นทั้ง 12 แคว้น ทำให้เกิดแสงอาทิตย์ตลอด 12 ชั่วโมงใน 1 วัน และในเวลากลางคืนพระองค์จะท่องไปในแดนมตภพดูอัตจากฝั่งตะวันตกไปฝั่งตะวันออก
    มีตำนานเกี่ยวกับเทพราอีกมากมาย แต่ก่อนเทพราจะมีเฉพาะฟาโรห์เท่านั้นที่สักการะได้ บางครั้งสัญลักษณ์ของเทพราคือวงกลมหนุนอยู่บนเรือ แต่ส่วนมากมักเป็นมนุษย์ พระเศียรเป็นนกเหยี่ยว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...