อยากบรรลุธรรมเข้ามา

ยกมาเพื่ออะไรครับ

 

ก็ไม่เห็นคุณจะแก้ต่างอะไร ในเรื่องที่เพิ่งผ่านมา

ทุกวันนี้ คุณก็ยังช่วยตัวเอง โดยนึกถึงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตัวเองอยู่ใช่ไหมหละ?

 

ก็มีบ้างบางครั้งแล้วมันเป็นยังไงล่ะ มันผิดกฎตรงไหนช่วยแถลงหน่อยซิ

 

สนทนาธรรมกันได้อย่างมีรสชาติเลยทีเดียว...
(อยู่ร่วมกับคนพาลจิตย่อมเคร้าหมองได้ไม่มากก็น้อย)
โมทนาธรรมขอรับ​

 

มันก็ไม่ได้ผิดอะไรนิ

แค่มนุษย์ปุถุชนคนหนา หลายๆ คน ก็เลิกช่วยตัวเอง โดยคิดถึงผู้อื่นที่ไม่ใช่สามีภรรยาของตน

หรือบางคนในกลุ่มนั้น ก็เลิกข้องเกี่ยวกับการช่วยตัวเองไปแล้ว

โดยที่คนเหล่านี้ ก็ทำทานเยอะ ทำทานมาก รักษาศีล 8 ซึ่งรวมไปถึงข้อ อพรหมจริยา ไม่มีการเสพกามกับตนเอง

ถ้าดูกันตามทางโลกแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ดูจะมีภูมิธรรม สำเร็จธรรม สูงกว่าท่าน newamazing เสียอีก

แต่ยังไม่เห็นว่าท่านเหล่านี้ จะมาประกาศตนว่า พ้นจากความเป็นปุถุชนไปแล้วเสียที

แล้วท่าน newamazing มีดีอะไร ที่ยังช่วยตัวเองโดยการนึกถึงผู้อื่นที่ไม่ใช่ลูกเมียตัวเอง ศีลข้อ 3 ยังด่างพร้อยทางมโนกรรมอยู่เลย

ท่าน newamazing มีดีอะไร ถึงได้มาประกาศว่าตนเองพ้นแล้วในชั้นต้น หือ?

 

ท่านเอ้ย สังโยชน์ " สัลลัพตปรามาส " เนี่ยะ ยังมะงุมมะงาหรา อยู่เลย

การดูสังโชยน์ตัวนี้ เขาไม่ได้พิจารณาเอาแบบ " นักกฏหมาย " ค้าคดี ขายความ

" อาการลังเลสงสัยว่า ผิดศีลไหม ถูกหรือเปล่า " เอาแค่นี้พระท่านว่า เพียง
เท่านี้ ก็ตัดสินได้ทันทีว่า ขณะนั้นจิตไม่พ้น สังโยชน์ข้อ " สีลลัพตปรามาส "

นี้ถ้าได้ฟังแบบนี้ แล้วเกิด ทิฏฐิป๊อปอัพขึ้นมาถามต่อว่า เอ้ย งั้น จึ๊กๆ แบบไม่ต้อง
ลังเลสงสัยว่าผิดศีลไหม ก็แปลว่า พ้นสังโยชน์" สีลลัพตปรามาส " ขึ้นมา ย้อนแย้ง
ถามเอากับคนอื่นอีก อันนี้ก็จะ ยิ่งชี้ได้เลยว่า จิตไม่เคยรู้รสเรื่องศีลเลย

จิตที่ไม่เคยรู้รสเรื่องศีลเลย แล้วอ้างว่า จิตมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา พ้นสังโยชน์นู้นนั่นนี่
ก็เป็นอันว่า อัดตาตะเองสิ อัดสะโนโถโถ ไปแล้วหละ หลอกตัวเองไปวันๆ จะเอาแบบ
นั้นจริงเหรอ

 

ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า สังโยชน์3ละอะไรเล่า ส่วนท่านใดจะมีจริตอย่างไร จะทำอะไรให้ดูดีเป็นภาพภายนอก ภายในนะมันห้ามกันไม่ได้หรอกถ้าเหตุปัจจัยมันได้ มโนนั้นจิตนั้นมันเกิดขึ้นมันก็ดับไปมันเป็นกามราคะซึ่งอนาคามีเท่านั้นตัดได้ การที่มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นอกุศลนั้นมันก็เป็นเหตุที่ต้องเกิดถ้าตัดอะไรไม่หมดจริงแต่มันมากน้อยประการใดต่างหากล่ะนั้นเองเป็นตัวพิสูจน์ โสดายังตัดกามราคะไม่ได้เลย สกิทาแค่เบาบาง และเรา3 ุเดือนบ้าง ุุ6เดือนบ้าง8เดือนบ้าง มันก็น่าจะโอเคนะส่วนเรื่องที่จิตเผลอไปคิดถึงหน้าคนอื่นนั้นมันก็เป้นแค่อกุศลที่เกิดสติไม่ทันก็เท่านั้น เรื่องนี้นะศึกษากันให้ดีจะได้ไม่ต้องไปเกรงจนปวดไข่หรอกไม่ไหวก็ปล่อยๆบ้าง พระยังทำได้ถ้าไม่อายที่จะกล่าวบอกการกระทำต่อหน้าคนอื่น เพราะที่ตัดขาดจริงๆมันอีกไกลระดับอนาคามีเลย

 

ท่าน เล่าปัง วาจาท่านเฉียบคมลึกซึ้งยิ่งนัก น่าคิดๆ
ท่าน newamazing จะแก้ต่างอย่างไรต่อเชิญๆ
โมทนาธรรมครับ ​

 

ตามที่ท่านเล่าปังว่านั่นแหละนะ...

ยังไม่แน่ใจเรื่องศีลของตัวเองอยู่เลย จะริไปคิดว่าตัวเองมีปัญญาซะแล้ว

 

โธ่เอ่ยท่านจะรู้อะไร ที่เราถามจริงๆแล้วเราไม่ได้ถามท่านนี้ท่านเป็นคนตอบ เราถามท่าน2554เห็นท่านสดงธรรมได้ดีก็เลยถามในคำถามที่ตอบยากซะหน่อยและไม่มีใครถาม และคำตอบที่ได้ก็มีสองแนว ซึ่งแนวออกมาว่าผิดศิล อีกก็ออกมาว่าไม่ผิดศิลซึ่งตรงกับการวินิัฉัยของข้าพเจ้าว่าไม่ผิดศิล5 ซึ่งทำให้เห็นมุมมองของนักปฎิบัติเท่านั้นเอง ส่วนกระผมนั้นเข้าใจดีครับเพราะเป็นคนกระทำ

 

อันนี้ก็ มั่ว

มั่วตรงไหน ตรงคำว่า " กามราคะ " คุณ เล่นอุปทานเอาแบบ นักปฏิบัติ
ที่เอาอุปทานเข้าว่า เอามือจับแก่นแล้วชูขึ้นแทนหน้าตาของตน

กามราคะ ในทางพุทธศาสนา เขาหมายถึง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อะไร
แบบนี้

พอเข้าใจถูก อย่างน้อยจะไม่พูดอย่างโง่ๆว่า โสดาบันละกามราคะไม่ได้

เพราะว่า พระโสดาบันจะมี ปฐมฌาณ เป็นของเล่น คือ ไม่ต้องออก
แรงจงใจจะประกอบ ปฐมฌาณ เพียงแค่ น้อมใจ จิตจะเข้า ปฐมฌาณ
ทันที

และ ความที่ จิตสามารถเข้าออก อาศัยระลึกการตั้งอยู่ ดับไป ของปฐมฌาณ
ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก เหมือน คู้แขนเข้า เหยียดแขนออก อาศัยความ
สามารถในการมี สมาธิเล็กๆน้อยๆ ตรงนี้ ก็ กล่าวได้อย่างมั่นใจว่า โสดาบัน
นั้น ละกามราคะ ได้แน่นอน 1000%

แต่ถ้า ยังมั่วซั่ว เรื่อง กามราคะ เป็นเรื่อง พันอย่างว่า เอา อุปทาน ชูธงจับ
แก่นกายยกขึ้นแทนหน้าตา ผลงานการปฏิบัติ มันก็จะ งง เอ........อะไร
หว่า ละกามราคะได้จริงเหรอ เอ.........ไหนเขาว่า อนาคามี อนาคามี

กั๊กๆ ก็ ครูบาอาจารย์เขาจะ ไขว้หลอก ให้พวก เดียรถีย์ฟังไม่ได้ศัพท์
ทะลึ่งจับไปกระเดียด คนที่เป็น นักปฏิบัติจะได้ เห็นลิ้นไก่ ตั้งแต่ตอน
ตะล่อมเข้ามาสอน จะได้ไม่โดนพาไป นาบ

 

ความแตกเสียแล้ว อริยะไซเบอร์นี่หว่า

แม้กามราคะตัดขาดที่อนาคามีผล แต่แม้เพียงโสดาปฏิมรรค ก็ควรรู้ว่ามโนกรรมที่เป็นไปในทางอกุศล ไม่ควรทำ นี่ยังเพลินกับการช่วยตัวเอง แสดงว่าจิตมันไม่มั่นคงพอ แม้พระภิกษุที่เป็นปุถุชนยังข่มได้ด้วยศีล เหตุไฉนผู้ที่ประจักษ์แล้วซึ่งนิพพาน ไม่สามารถข่มราคะลงได้เล่า...?

 

ขอยืนยัน เรื่องที่คำของครูบาอาจารย์ "ไขว้หลอกเดียรถีย์"

โดยเนื้อแท้แล้ว ท่านไม่ได้จงใจจะหลอกให้คนหลงทาง แต่โดยสภาวะการแสดงธรรมแล้ว เนื้อหาของธรรมชั้นสูง จะเป็นสิ่งที่ถ้าไม่มีความรู้พื้นฐาน ไม่เข้าใจโดยปัจจัตตังด้วยตนเองบางส่วนแล้ว เวลาฟังแล้วจะกลับเข้าใจไปอีกทางนึง

 

การถามเพื่อได้มาซึ่งคำตอบนั้น ต่างจากการลังเลครับ และคำตอบที่ได้ออกมันเป็นสองนัย คือผิดหรือไม่ผิด ถ้าข้าพเจ้าสงสัยจะกล้ามาตั้งกระทู้นี่ต่อเหรอ ท่านน่าจะรู้นะครับว่าคำถามนี้เกิดก่อนจะตั้งกระทู้ คำถามที่ไม่ได้ปกปิดอะไรเป็นสาธารณะใครๆก็ดูได้ยังกล้าถามละกล้าตั้งกระทู้ ผมไม่ได้มาเพื่อจะอวดตน แต่มาเพื่อแสดงสิ่งที่เป็น และตอบในสิ่งที่ตอบได้ และการกระทำอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผิดกฎแต่ประการใด ทำไม่ต้องเปลี่ยนแปลงความจริง อย่างเรื่องศิลที่ห้ามพูดปลด บางคนตีความว่าพูดเพ้อเจ้อก็ไม่ได้ ส่อเสียดก็ไม่ได้ไปเพิ่มทำไมในศิลห้า มันเป็นเรื่องของสัมมาวาจาระดับอรหันต์โน้น ยกตัวอย่างประกอบ ถ้าไม่ไปผิดลูกผิดเมียเขาจริงๆโน้นมันถึงผิศิลกาเม ไปเปลี่ยนแปลงพระไตรปิฎกกันตามความรู้จนอวดตนเป็นผู้รู้ไปนั้นนี่แหละสาวกผู้สร้างบทกวีดูสวยหรูไฟเราะ บทพยัญชนะตรงๆมันตรงอยู่แลัว

 

ู^น่าจะมีพอให้ระลึกได้บ้าง เรื่องบางเรื่องหากเข้าถึงจิต(ทุกข์)แล้ว คิดยังไม่ปรากฏเลย
ส่วนเรื่องผิด ไม่ผิดนั้น หากพ้นสงสัยไปได้แล้ว มันก็ไม่ปรากฏการเข้าสู่ของคู่หรอกครับ

 

งั้นการเสพเมถุนโสดาก็ไม่ต้องเสพซิท่าน นึกน้อมเข้าฌานเลยอิๆ ท่านเข้าใจสังโยชน์ผิดจริงๆ กามราคะตัดขาดได้ต้องอนาคามีเท่านั้นขึันไปครับท่าน

 

น่าเห็นใจท่าน newamazing
โดนผู้มีบารมีธรรมสุงกว่า มารุมสอบธรรม
(เห็นทีงานนี้ท่าน newamazing คงต้องหมอบกราบล่ะ)
โมทนาธรรมขอรับ ​

 

:'(คนถามก็ชักเพี้ยน..พาให้คนตอบ..มันเพ้อเพี้ยนตามกันไปเอ้อ.. แปลกมันก็ยังตอบได้เน๊าะ..อิอิ
กามชัดๆ การช่วยตนเองนี่..คือกาม มันเป็นแม่บทของกิเลสทั้งมวลอยู่ที่ตัวนี้ "กาม" คือ โลภ โกรธ หลง ..
คนถาม ใยมาถามแค่ผิดศิล5..รึไม่ ..ส่วนไอ้น้ำท่วมทุ่งมะกอก3ตระกร้านี่ ก็เลยได้ที ทำเรื่องขี้ประติ๋ว ให้กลายเป็นรามเกียรติ์ ไปเลยโน่นสังโยชน์ 18โยช์หรือ 18 ไมล์ทะเลไปเลย.. ตูจะบ้าตาย เฮ้อออ อิอิ:boo:

 

จิตที่ปราศจากกามราคะนั้นต้องอนาคามีถึงจะมีสติครบถ้วนเรื่องนี้ ส่วนเรื่องที่จิตคิเรื่องหน้าผู้หญิงอื่นนั้นเป็นอนัตตา มันเกิดมันก้ต้องเกิดเพราะคนเราสะสมมาไม่เท่ากันบ้างคนตรงนี้อาจจะไม่มี บ้างคนอาจจะมากก็ยอมมีแว็บเข้ามาเป็นธรรมดา เกิดขึ้นและก็ดับไป ท่านอย่ากลัวมากเรื่องแบบนี้สบายเข้าเรียก กามสุขสามารถเสพได้เป็นฆราวาส แต่จงเห็นโทษในสุขนั้นด้วย

 

พูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียด ถ้าผู้ที่ถูกส่อเสียดเกิดความทุกข์ใจ เท่ากับได้สร้างกรรมใหม่อีก จะบอกว่าไม่ผิดศีลข้อมุสาได้อย่างไร พูดโกหก ส่อเสียด เพ้อเจ้อ หยาบคาย ควรงดเว้นทั้งหมด เพราะคำพูดเหล่านั้นบ่งบอกว่า จิตผู้พูดมันเป็นอย่างไร...