อยากบรรลุธรรมเข้ามา

อันนี้คนเขาพูดกันตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ผมก็บอกไปตรงๆ โต้งๆ ตั้งแต่หน้าแรกๆ แล้ว คุณเพิ่งจะมารู้สึกตัวเหรอเนี่ย!!!

 

เหรอ ยิ้ม.... นึกว่าท่านไม่เข้าใจซะอีก

 

อันนี้ก็สติไม่ทันเห็นอะไรเลยเหมือนกัน
อยู่ดีๆ ดันไปเห็นกุศล...

สภาวะวิ่งผ่านหน้าไปเป็นขบวนรถไฟแล้ว ตั้งแต่เห็นรูปแมว

ปรุงแต่งซ้อนเข้าไปไม่รู้กี่ชั้นแล้ว กว่าจะระลึกได้ว่าเป็น "กุศล" แล้วสั่งร่างกายไปหยิบอาหารให้แมว...

จิตไม่เห็นสักตัวเลยหละสิ เห็นแต่ "กุศล" ตัวสุดท้าย...

 

คนเลว คนดี มันก็มีปากมันก็พูดได้หมดนั่นแหละ

ไป ไป ผมรำคาญคุณเต็มที ไร้สาระ
คนมันมีปากมันก็พูดได้หมดนั่นแหละ จะหวาน จะหยาบ
เอามาบอกทำไม ไร้สาระ
เด็กประถมมัธยมมันก็รู้ได้

 

ถูกต้องแล้วว เด็กประถมก็รู้ได้

ถ้ารู้แล้ว ทำไมยังตัดสินคน จากคำพูดประเด็นย่อยที่แสดงหละคร้าบ

ประเด็นใหญ่ ผมแสดงให้ท่านกลับไปมองย้อนเข้าไปในตัว อ่านผ่านเฉยเลย

แล้ว ทำไมอยู่ดีๆ มาไล่คนอื่นในกระทู้สาธารณะ ที่ตัวเองไม่ได้ตั้งขึ้นหละคร้าบ

นึกภาพตามนะครับ

คนเขากำลังจับกลุ่มสนทนา กัน ออกรสออกชาติ อย่างดี

อยู่ดีๆ ก็มีคนเดินมาร่วมวงคนนึง
คุยกับคนที่อยู่ในวงสนทนาก่อนหน้าแล้ว เกิดไม่ถูกใจขึ้นมา

ออกปากไล่เขาเฉยเลย "ไป ไป"

อ้าว แล้วจะให้เขาออกไปไหนหละคร้าบ ก็มันวงสนทนาสาธารณะ
แถมคนที่คุณไล่เขา เขานั่งสนทนาในวงนี้มาก่อนนะคร้าบ

หากยังพอมี "มารยาท" ทางโลกอยู่บ้าง ก็น่าจะเข้าใจประเด็นนี้ได้ไม่ยากนะคร้าบ

หรือว่า ท่านยังไม่เคยผ่านประถมหละครับ?!??!

 

เอานะ ผมขอตัว
รำคาญ.........

 

จะซ้อนกี่ครั้งไม่ว่ากัน รู้แต่ว่าทำให้สัพพสัตว์มีความสุขก็ โอ แล้วล่ะ!ส่วนอื่นขอเป็นปัจจัตตังนะ เพราะทำได้แค่นี้เองล่ะ

 

กั๊กๆ อันนี้ ไม่เหมือนพี่สีที่ ถ้ำเรวดี อันนี้ ไม่เหมือนพี่สีที่ ถ้ำเรวดี

แต่เหมือน คุณ ข้าวโอ๊คติดเด็ก ที่ใฝ่ใน กาลกริยา

คนเขากล่าววิธีการภาวนา ยกการภาวนาอย่างไรก็ได้ เขาพูดกันแต่ มรรค

แต่ คนเมาส่วนผล มันจะ คิดว่า คนอื่นไม่ได้ทำ คนอื่นไม่ได้ภาวนา

เนี่ยะ ความแตกต่างระหว่าง คนภาวนามา หรือ คนกระโดดงับผล มา

พอ กระโดดงับผล มันก็ไม่รู้ไง ว่า ตัวเองภาวนามาอีท่าไหน หลุด
เข้าไปอย่างไร

รู้แต่อะไรบางอย่างเกิดขึ้น แล้ว กระโดด งับ สำคัญว่าใช่

พอออกมา ก็เลย ต้องหาอะไรมาเติมเต็ม ก็เอาเชียว หยิบอะไรที่
เป็นของโลกๆ ที่เขาว่า เหลือง ที่เขาว่า อ๋อย งดงาม มาทาหน้าทาตาตน
ไปวันหนึ่งๆ

ก็ว่ากันไป

ดีกว่า ไปคว้ากิจอย่างอื่นมาทา

ตาม ฉะ บาย เนาะ

 

เออ มันต้องยังงี้ซี่...

พิจารณาให้ถูก กาละ เทศะ หน่อย

แล้วก็พิจารณาด้วยนะ ความรำคาญ ที่เกิด และ ดับ และมันไม่มีสาระอะไรเลย แต่ใจคุณอยู่ดีๆ ก็ไปคว้าเอามาสุมตัวเอง ดูด้วยนะว่ามันดับเมื่อไหร่

แล้วอีก 2-3 วินาที มันก็โผล่มาอีก คุณก็ไปคว้ามาอีกรอบ ดูไปเรื่อยๆ นะ ว่าการที่จิตกระเพื่อมเพราะการมาเสวนากับคนเลวๆ แบบผม มันทำประโยชน์อะไรให้คุณไหม

 

ผลเท่านั้นบ่งบอกได้แน่แท้

 

เออ นี่ พักหลังนี่ เห็น พยายามเขียนออกตัวว่า " ยิ้ม "

อันนี้ หากทำมากๆ สำคัญกับมันมากๆ เดี๋ยวเถอะ หากมุ่ง
มาทาง เขมานุสร มันจะไปไม่ถึงซอยเรวดีนะ เลี้ยวเขวอก่อน
ถึงสักกิโลได้

 

มรรค ต่างหากหละคร้าบ ที่ยืนยันว่า รู้มาจริง ภาวนาเป็น สอนผู้อื่นให้รู้ตามได้

ผลเป็นก้อนๆ เขามีเอาไว้ ก่อเป็น ทรงเจดีย์

 

ทุกคนก็ว่าเข้าใจมรรคได้ดี ที่ผมกล่าวเรื่องทานมาก็มาก น้อยนักจะมีคนมองเห็นแล้วอนุโมทนา

 

ฮึย อย่าไปมั่วซั่ว

เอางี้

มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง เป็น เรื่องโจทย์ขานกันถึงความงดงาม ของอริยเจ้า

คือ ในสมัยหลวงปู่มั่น ท่านมีศิษย์มาก พอคนเข้าไม่ถึง ก็แน่นอนหละ
ว่าต้องถามหาเอาจาก รุ่นต่อมาที่มีธรรมแท้ๆ แล้วมีใครบ้าง

ก็มี พระท่านหนึ่ง ครูบาอาจารย์ก็บอกเลยหละว่า มีธรรมแท้

แต่ทว่า พระท่านนั้นท่านสำรวจการภาวนาของตนแล้ว ท่านรู้ว่าท่าน
ไม่ฉลาดในมรรค ท่านแค่พอเอาตัวรอดได้ รอดมาได้อย่างไรก็ไม่
รู้ รู้แต่ว่า รอดแล้ว เสร็จแล้ว

ความที่ท่านรู้ชัดว่าไม่ฉลาดในมรรค เวลามี คนมาถามการปฏิบัติท่าน
แรกๆ เขาก็ว่า ท่านต้อนรับขับสู้อยู่ แต่พอหลังๆ ท่านตัดสินใจ

" เดินไปที่กำแพงวัดแล้ว พูดคนเดียว "

พอใคร เดินเข้าประตูวัดมา จะไปหาท่าน ก็จะเห็นท่านมายืนพูด
คนเดียวที่กำแพงวัดก่อนแล้ว

เนี่ยะ ปฏิปทา ที่งดงาม สุดๆ เลย ในวงการพระ ท่านๆ จะทราบกันว่าใคร

 

ผมได้ยินมาเหมือนกัน แต่ไม่ได้สนใจว่าท่านเป้นใคร ก็แล้วแต่ปฎิปทานะ ไม่ยึดว่าจะต้องเหมือนกัน

 

กั๊กๆ

ไอ้ที่ผมเล่า ผมก็เล่า โดยไม่ได้ระบุว่า ใคร อยู่แล้ว

ดังนั้น

ธรรม ต่างหากหละ ที่แสดงตัวอยู่ ผ่านเรื่องเล่าอันงดงามนี้

แต่แปลกดีเนาะ คนบางคนเห็นแล้ว กลับ แบ่งแยก ธรรม เสียนี่

สงสัยจะไม่เห็น ธรรม

หรือไม่ก็ งง เป็นไก่ตาแตกว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่อง ธรรม ตรงไหน

โง้งไปโน้นนนน ปฏิปทา

**********************

คนที่เล็งเห็นว่าเป็นธรรม เขาจะชื่นชมได้ และ เป็นหนึ่งเดียวกัน

คือ ปฏิปทานี้ นั้นสุดท้ายก็มีเหมือนกันหมด นั่นแหละ ไม่มีหรอก
แตกต่าง แตกเติ่ง อะไร

งดงามจะตาย พระท่านเขาว่ากันอย่างนั้นนะ

 

ที่เราบอกว่าเราไม่รู้ธรรมมากเพียงเข้าถึงแต่อธิบายได้ไม่มาก ก็กล่าวว่าผิดธรรม ส่วนที่ยกมาก็ว่าเป็นผู้รู้ตนเอง คนหนอยึดมั่น เราถึงกล่าวว่าคำกล่าวเดียวกันนั้น แต่เราเป็นnewamazing ไม่ใช่หลวงปูหลวงตากล่าว มันดูไม่ไพเราะเลย ฮึๆ

 

^ของขังจริงพี่เล่ายาว ไล่ยิ้มเป็นฮึๆ

 

กั๊กๆ ไปเอาหลวงปู่ หลวงตา มาแบ่งแยก ธรรม ทำไมอีกหละคร้าบ

ธรรม ก็คือ ธรรม มี หลวงปู่ หลวงตา ที่ไหนกัน

สาสนัง เข้าใจไหมเนี่ยะ

สาสนัง ในอริยวินัยนี้ไม่มีหรอกครับ มาแบ่ง หลวงปู่ หลวงตา

อย่าเพ้อให้มากเลยคร้าบ หางมันไหว เปล่าๆ

 

นี่ๆ คุณ เจ้าของกระทู้

เผื่อว่า คุณ จะกระดิกหางข้างในมากเกินไป จนปิดบัง ตา ขึ้นมา

สาสนัง คำสอน มรรค นั้นมีหนึ่งเดียวคร้าบท่าน

หาก ท่านไม่รู้ ไม่จัดเจน แหม ท่านก็ไป ยกพระพุทธวัจนะ มาแสดงสิคร้าบ

เว้นแต่จะ โง้ง ไม่เข้าท่า โง้งขึ้นผิดท่า ( ขึ้นผิดท่า เป็นคำไทย แปลเป็นบาลี
ได้คำว่า เดียรถีย์ ) โง้งไม่เข้าท่า ก็ ลืมหน้าด้านๆ กันเลยหละ

กลายเป็นว่า พุทธวัจนะ เอามาสอนไม่ได้ เฉยเลย นะ สำหรับ พวก เฮียๆ ได้ที่ เนี่ยะ