บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ เรื่องภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ลุงคนเชียงใหม่, 21 ตุลาคม 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. somethingwrong

    somethingwrong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +43
    อยากเตรียมของไว้เหมือนกันค่ะ แต่ทุกวันนี้ก็ลำบากอยู่แล้ว หากใช้เงินที่มีอยู่เตรียมไว้แล้วไม่เกิดก็คงอดตายอยู่ดี เพราะฉะนั้นเตรียมใจอย่างเดียวค่ะ ถ้าเกิดขึ้นจริงก็สงสารแต่ลูกในท้องคงไม่มีโอกาศได้ออกมาดูโลก ในเดือน กพ.ที่จะถึงนีี้
     
  2. กฤศทนัญ

    กฤศทนัญ กฤศ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +292
    สู้สู้ค่ะ อย่าถอดใจ ตั้งตนในความไม่ประมาท สวดมนต์ ไหว้พระ
    ยังไงคนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองค่ะ
     
  3. เด็กผู้ชาย

    เด็กผู้ชาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +3,134
    เห้นด้วยตามที่คุณกฤศทนัญว่าเลยครับ...
    "...ตั้งตนในความไม่ประมาท สวดมนต์ ไหว้พระ
    ยังไงคนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง.... "

    ถึงคุณหมอพราน..
    สงสัยว่าทริปนี้จะไม่ได้ไปเยี่ยมชมบ้านคุณหมอที่ลี้ซะแล้วสิครับ..
    วันที่ 27 ธันวา..คุณหมอเข้ากองบิน และกลับ 31 เข้าลี้..
    ในขณะที่ของผมเอง.. 27 กลางคืนเดินทาง.. 31 กลับเข้ากรุงเทพ..

    แถม.. วันนี้ผมจะขึ้นไปตรวจงานก่อสร้างที่ปากช่อง..
    ช่างบอกว่าไม่หยุดปีใหม่ซะอีก.. กำลังงงอยู่ว่าจะเอาอย่างไรดีน่ะครับ..???
    เดี๋ยวบ่ายๆ..ประเมินงานและได้คุยกับช่างก็น่าจะพอทราบผล

    ว่าแต่ถ้าคุณหมออยู่ที่ Save House แล้ว..สัญญาณมือถือรับได้มั๊ยครับ???
    เผื่อไปได้.. ได้โทรไปสอบถามเส้นทางน่ะครับ...!!!

    สำหรับเพื่อนๆที่เตรียมตัวเรื่องภัยพิบัติ..
    ปกติแหล่งข้อมูลหลักของผม..ไม่ได้มาโพสข้อมูลลงที่กระทู้ใดๆทั้งนั้นครับ
    แต่ผมก็เปิดใจรับทุกข้อมูล..รับฟังทุกกระทู้ที่อยู่ใน web ต่างๆ
    แล้วจึงค่อยมาพินิจพิจารณาดูอีกที..ว่าควรจะเชื่อดีหรือไม่ ???

    ถือว่าเล่าสู่กันฟังนะครับ.. FYI
    วันที่ 25 ธันวานี้.. จากแหล่งข้อมูลสายหนึ่งแจ้งมาว่า..
    จะเปลี่ยนเป็นธาตุไฟ.. แถมมีธาตุลมมาผสมอยู่ด้วย

    ข้อมูลจากสายอื่นๆ..ก็ยังคงเฝ้าระวังเช่นเดิม แต่ไม่เครียดมากนะครับ..
    เพราะว่า..ประเทศไทยเราก็ยังปลอดภัย และบาดเจ็บน้อยกว่าประเทศอื่นๆเยอะมากทีเดียว..

    หลายสายข้อมูล.. ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนระดับ Long-term ( ผมแบ่งตามสไตล์ผมเองนะครับ.. การเตือนระยะยาวนี่หมายถึง ระยะเวลา 2-3 ปีขึ้นไป )
    ซึ่งก็เตือนว่า.. มีอะไรใหญ่ๆรอเราอยู่แน่ๆ ในช่วงเวลา 4-5 ปีข้างหน้า ( ณ. ข้อมูลปัจจุบัน ) แต่มันจะเกิดแบบค่อยๆแรงขึ้นเรื่อยๆ

    เช่นทุกวันนี้.. หลายสายมีข้อมูลตรงกันว่า..
    น่าจะเกิดอะไรบางอย่าง..แถวอินโดนีเซีย รวมทั้งทางใต้ของเราด้วย
    ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า..จะเกิดอะไรขึ้น ???
    แต่สังเกตจากสิ่งที่เตือนแล้ว..มันก็คงจะมีขนาดภัยพิบัติใหญ่เอาเรื่องทีเดียว

    แต่ผมชอบข้อมูลของสายหนึ่ง.. เป็นข้อมูลระยะสั้น ( 1 ปีลงมา )
    สายนี้..ที่จริงแล้วผมก็พึ่งจะรับข้อมูลเข้ามาได้ราว ปีกว่าๆเองครับ..
    ซึ่งก็แน่นอนว่า.. อยู่ๆจะให้มานั่งเชื่อเลย มันก็คงจะดูปัญญาอ่อนเกินไปหน่อย !!!
    ตลอดเวลาปีกว่า.. ผมก็ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
    ซึ่งก็..มีอะไรหลายๆอย่างที่น่ารับฟังเลยทีเดียวครับ.. ( ส่วนว่าถูกต้องระดับเท่าไร%นั้น.. ผมขอเก็บเอาไว้ในใจนะครับ )
    สายนี้มีข้อมูลที่เป็นแบบ Short-term ประเภทเตือนกันช่วง 3-4 เดือน.. ซึ่งเป็นข้อมูลแบบที่โดนใจผมมากๆเลยครับ...

    สำหรับข้อมูลปีหน้าธาตุไฟ.. ผมเองก็ยังไม่มีหรอกครับ..
    ต้องอาทิตย์หน้า.. ให้เลยวันที่ 25 ธันวาไปแล้วค่อยไปสอบถามข้อมูลดูอีกทีว่าให้เฝ้าระวังอะไร ???

    แต่ก็ได้รับการเตือนเรื่องอินโดนีเซีย และทางใต้ของเราจากสายนี้เช่นกันครับ..

    ปล. : เนื่องจากเป็นกระทู้เปิด.. ท่านทั้งหลายสามารถวิพากวิจารได้ตามสบายเลยนะครับ..
    แต่ขอให้มันเป็นแบบติเพื่อก่อ.. หรือจะแสดงความคิดเห็นไม่เชื่อก็ได้นะครับ..
    แต่ขอเอาแบบพอประมาณๆหน่อย.. ที่จะไม่เป็นการบ่งบอกถึงระดับสติปัญญาตนเองมากจนเกินไป..ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2012
  4. prachas

    prachas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +1,208
    สวัสดียามเช้าครับมิตรสหายทุกท่าน
    เห็นอุปกรณ์คุณหมอพรานแล้ว อยากอุทาน" พระเจ้าช่วยกล้วยทอด"นี่ยังไม่ร่วมอุปกรณ์หลักเลยนะเนี้ย จัดไป.... สำหรับคนที่ไม่มีความพร้อมทางทุนทรัพย์เพียงพอ ผมขอแนะนำนะครับ ลองศึกษาหรือค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ หลักสูตร Survival ดูนะครับขอแค่เรามีปัญญา มีดวงตา มีสองมือแค่นี้ก็มีลุ้นแล้ว ฮิววว..ขออย่างเดียว จงอย่าประมาทในชีวิตทุกลมหายใจครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpg
      images.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.6 KB
      เปิดดู:
      64
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2012
  5. น้ำกับพายุ

    น้ำกับพายุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +2,452
    ผมชื่นชมมากๆ กระทู้นี้มีสติมากครับ เตรียมความพร้อมได้ดีมาก มีคุณหมอพราน ให้ความรู้มากหลายๆอย่าง และหลายๆท่านก็มาแชร์ข้อมูลดีๆกัน ชื่นชมมากครับ รอลอกการบ้านอย่างเดียว ยังได้ความรู้กลับไปเพียบเลยครับ ถ้ามีงบน้อย ก็ไม่ต้องซื้อหามากครับ แค่มีกระเป๋าเป้สักใบ ในนั้นมีอาหารแห้ง เสื้อผ้า และไฟฉาย เชือก มีด ไฟแช็ค ก็พอจะอุ่นใจ อย่าคิดมากครับ
     
  6. ตาคำหมาน

    ตาคำหมาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +1,666
    คำว่า "อย่าเพิ่งเชื่อ" เป็นสำนวนที่สั้นกว่า ง่ายกว่าและเข้าใจได้ดีกว่า ฉะนั้น การที่จะแปลให้ฟังง่ายและเหมาะสมก็ต้องแปลว่า "อย่าเพิ่งเชื่อ"
    เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ใครจะพูดก็พูดไปเราก็ฟังไป อย่าไปว่าหรือค้านเขา แต่อย่าเพิ่งเชื่อ ต้องพิจารณาดูก่อนว่าถูกหรือผิด เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ เป็นบุญหรือเป็นบาป เป็นไปเพื่อประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์
    นอกจากนั้น พระพุทธเจ้ายังได้ตรัสอีกมากในพระสูตรนี้แต่ในที่นี้จะขออธิบายความหมายของ ข้อแนะนำทั้ง 10 ประการเสียก่อน เพราะเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากของพระสูตรนี้ และได้รับการแปลออกเป็น ภาษาต่างๆ หลายภาษา เพราะเขาถือว่าเป็นกฏทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่คาดคิดเลยว่าจะมีกล่าวไว้ในครั้งสมัยเมื่อ ประมาณ 2,600ปีมาแล้ว ที่ใช้ความคิดแบบอิสระอย่างนี้ เป็นความคิดที่มีเหตุผล 10 ประการ คือ
    1. อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา บางคนเมื่อฟังตามกันมาก็เกิดความเชื่อ เมื่อคนนั้นว่าอย่างนั้น คนนี้ว่าอย่างนี้ ก็เชื่อตามกันไป โดยบอกว่า "เขาว่า"ปัจจุบันนี้การเชื่อตามเขาว่านี้ ถ้า ไปเป็นพยานในศาลจะไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะการที่ "เขาว่า" นั้น มันไม่แน่การฟังตามกันมาก็เชื่อตามกันมา ฉะนั้นสุภาษิตปักษ์ใต้จึงมีอยู่บทหนึ่งว่า

    "กาเช็ดปาก คนว่ากาเจ็ดปาก ปากคนมากกว่าปากกาเป็นไหนๆ"
    สุภาษิตนี้หมายความว่า ชายคนหนึ่งเห็นกากินเนื้อแล้วเช็ดปากที่กิ่งไม้ ก็มาเล่าให้เพื่อนฟังว่า "ฉันเห็นกาเช็ดปาก"เพื่อนคนนั้นฟังไม่ชัด กลายเป็นว่า"ฉันเห็นกาเจ็ดปาก" ก็ไปเล่าต่อว่า คนโน้นเล่าให้ฟัง เมื่อวันก่อนว่าเขาเห็นกาเจ็ดปาก ก็เล่าต่อกันมาเรื่อย ๆ ว่า กามีเจ็ดปาก นี่เป็นการเชื่อตามคำเขาว่า ซึ่งบางคนก็ฟัง มาไม่ชัดเพราะฉะนั้น ก็อาจฟังผิดได้ การที่เขาว่าจึงอาจจะถูกหรือผิดได้ เช่น บัตรสนเท่ห์
    เขาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็ว่าตามที่เขาว่านั้น ซึ่งมีจริงบ้างไม่จริงบ้าง ปนกันอยู่
    เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งเชื่อตามที่เขาว่า แต่ให้ฟังไว้ก่อนชาวพุทธจะไม่ปฏิเสธการที่เขาว่า แต่จะฟังไว้ ก่อน โดยยังไม่เชื่อทีเดียว บางทีก็ฟังตามกันมาตั้งแต่โบราณ เช่น สมมุติว่าฝนแล้งก็ต้องแห่นางแมวแล้วฝนจะตก เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าแห่
    นางแมวแล้วฝนจะตก บ้างก็ว่าเป็นเรื่องที่เขาเล่ากันมาอย่างนี้ คือเชื่อตามเขาว่า ซึ่งก็ อาจจะไม่เป็นจริงตามเขาว่าก็ได้ ดังนั้น เราต้องเชื่อตามเหตุผล อย่าเชื่อตามเขาว่า
    2. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดว่าเป็นของเก่า เล่าสืบๆ กันมา บางคนบอกว่าเป็นของเก่า เป็นความเชื่อ ตั้งแต่สมัยโบราณเราควรจะเชื่อ เพราะเป็นของเก่า ถ้าไม่เชื่อ เขาก็หาว่าจะทำลายของเก่า บางคนเห็นผีพุ่งไต้ ก็บอกว่านั่นแหละวิญญาณจะลงมาเกิด อย่าไปทัก เพราะเป็นความเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณ เมื่อมีแผ่นดินไหว คนโบราณจะพูดว่าปลาอานนท์พลิกตัว หรือเวลามีฟ้าผ่าก็บอกว่ารามสูรขว้างขวาน ฟ้าแลบก็คือนางเมขลา ล่อแก้วเข้าตารามสูร รามสูรโกรธ จึงขว้างขวานลงมาเป็นฟ้าผ่า
    ความเชื่อเช่นดังกล่าวมานี้เป็นความเชื่อของคนในสมัยโบราณซึ่งไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักของเหตุผล ดังนั้นความเชื่อของคนโบราณนั้นไม่ใช่ว่าจะถูกหรือดีเสมอไป แต่เป็นความเชื่อปรัมปรา เราจึงไม่ควรจะเชื่อ ถ้ายังไม่แน่ใจถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องนำสืบๆกันมา
    3. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเป็นข่าวเล่าลือ หรือตื่นข่าว เรื่องข่าวนั้นมีมาก ไม่ว่าจะเป็นข่าวทันโลก ข่าวช่วงเช้า ข่าวช่วงเย็น ข่าวเขาว่า ซึ่งมีอยู่มากมาย ถ้าเราไปเชื่อตามข่าว เราก็อาจจะเป็นคนโง่ได้ เช่น บางคน อ่านข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ก็คิดว่าเป็นเรื่องจริงแน่แล้ว แต่ข่าวจากหนังสือพิมพ์นั้น บางทีลงข่าวตรงกันข้าม จากข่าวจริง ๆ เลยก็มี หรือมีจริงอยู่บ้างเพียงบางส่วนก็มี เราจึงควรพิจารณาให้ดีเสียก่อน เพราะข่าวบางข่าวนั้น หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นต้องมาลงขอขมากันภายหลังที่ลงข่าวผิด ๆ ไปแล้วก็มี ดังนั้น ข่าวลือจึงมีมาก เช่น ลือว่าจะมีการปฏิวัติ ลือว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งบางทีก็จริง บางทีก็ไม่จริง หรือลือกันว่าคนเกิดวันนั้นวันนี้ จะตายในปีหน้า ต้องรีบทำบุญเสีย ก็เลยพากันเฮมาทำบุญกัน นี้ก็เพราะฟังเขาลือกันมา บางคนก็ลือกันแบบ กระต่ายตื่นตูมเป็นข่าวเขาว่าไม่ใช่ข่าวเราว่า เพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งเชื่อ
    4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างคัมภีร์หรือตำรา ถ้าใครเอาตำรามาอ้างให้เราฟัง เราก็อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะตำราก็อาจจะผิดได้บางคนอาจจะค้านว่า "ที่เราพูดถึงกาลามสูตรนี้ ไม่ใช่ตำราหรอกหรือ" จริงอยู่ เราก็อ้าง กาลามสูตรซึ่งเป็นตำราเหมือนกัน แต่ท่านว่า อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะอาจจะผิดได้ ดังนั้น ไม่ว่าใครจะเอาตำราอะไรก็ตามมาอ้างเราก็ต้องอย่าเพิ่งเชื่อ พระพุทธเจ้าตรัสว่าให้พิจารณาดูก่อน บางคนกล่าวยืนยันว่าตนเอง อ้างตามตำรา ซึ่งแท้จริงแล้วเขาไม่ได้อ่านตำรานั้นเลย แต่ว่าเอามาอ้างขึ้นเอง บางคนก็ต้องการ โดยการอ้างตำรา ดังมีเรื่องเล่ากันมาว่า
    "อุบาสก 2 คนเถียงกัน ระหว่างสัตว์น้ำกับสัตว์บกอย่างไหนมีมากกว่ากัน
    อุบาสกคนหนึ่งบอกว่า สัตว์บกมีมากกว่า เพราะบนบกนั้นมีสัตว์นานาชนิด เช่น มีแมลงต่างๆ มีมดต่างๆ มากมาย
    ส่วนอีกคนหนึ่งค้านว่า สัตว์น้ำมีมากมายหลายชนิดนับไม่ถ้วน แม้แต่กุ้ง ปลา ก็นับไม่ถ้วนเสียแล้ว สัตว์น้ำต้องมากกว่าสัตว์บกแน่นอน
    ทั้งสองคนจึงไม่อาจตกลงกันได้
    อุบาสกคนหนึ่งหัวไวได้ยกบาลีมาอ้างว่า "พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า สัตว์น้ำมีมากกว่าสัตว์บก ดังพระบาลีที่ว่านัตถิ เม สรณัง อัญญัง แปลว่า สัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บก"
    อุบาสกอีกคนหนึ่งไม่กล้าค้านเพราะกลัวจะตกนรก
    แท้ที่จริง คำว่า "นัตถิ เม สรณัง อัญญัง" นั้น ไม่ได้แปลว่า "สัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บก" แต่แปลว่า "ที่พึ่งอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี" ผู้อ้างคิดแปล
    เอาเองเพื่อให้คำพูดของตนมีหลักฐานการอ้างตำรา อย่างนี้จึงไม่ถูกต้องถ้าใครหลงเชื่อก็อาจถูกหลอกเอาได้
    นอกจากนี้ ตำราบางอย่างก็อ้างกันมาผิด พวกที่ไม่รู้ภาษาบาลี เมื่อเห็นเขาอ้างก็คิดว่าจริง เช่น นักหนังสือพิมพ์ บางคนกล่าวว่า "ทุกขโต ทุกขถานัง ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตน" ซึ่งคำกล่าวนี้เป็นบาลีที่ไม่ถูกต้อง เป็น ประโยคที่ไม่มีประธาน ไม่มีกริยา เป็นภาลีที่แต่งผิด ซึ่งอาจารย์บางท่านเรียกบาลีเช่นนี้ว่า "เป็นบาลีริมโขง" แต่คนกลับคิดว่าเป็นคำพูดที่ซึ้งดี เพราะฟังดูเข้าที่ดี นี้ก็เป็นการอ้างตำราที่ผิด ถึงแม้ว่าตำรานั้นจะเขียนถูกแต่ถ้าหาก ว่าไม่มีเหตุผล เราก็ไม่ควรเชื่อ
    ปัจจุบันนี้ มีการโฆษณาหนังสือยอดกัณฑ์พระไตรปิฎกว่า ถ้าถ้าใครสวดเป็นประจำก็จะร่ำรวยเป็น เศรษฐี ได้ทรัพย์สมบัติและจะปลอดภัย ปลอดโรคต่าง คนก็พากันสวดและพิมพ์แจกกันมาก ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ไม่ ทราบว่าจะทำอย่างไรเมื่อมีผู้นำหนังสือนี้มาถวายให้ จะเผาทิ้งก็ติดที่มีคำบาลีอยู่ด้วย หนังสือนี้ได้พิมพ์ต่อเนื่องกัน มาผิด ๆ และไม่มีพระสงฆ์รูปใดสวดยอดกัณฑ์พระไตรปิฎก นอกจากในหมู่ฆราวาส
    บางคนที่ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา
    ดังนั้นใครอ้างบาลี เราก็จงอย่าเพิ่งเชื่อต้องพิจารณาดูให้ดีว่ามีอะไรถูกหรือผิดบ้างเสียก่อน
    5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง ท่านใช้คำว่า ตักกเหตุ คือ การตรึก หรือการคิด ตรรกวิทยาเป็นวิชา แสดงเรื่องความคิดเห็น อ้างหาเหตุผล แต่พระพุทธเจ้าทรงกล้าค้านตรรกวิทยาได้ว่า การอ้างหาเหตุผลโดยการ คาดคะเนนั้นอาจจะผิดก็ได้การอ้างหาเหตุผลนั้นไม่ใช่ว่าจะถูกไปเสียทุกอย่าง
    การนึกคาดคะเนหรือการเดาเอาของคนเรานั้นผิดได้ เช่นหลักตรรกวิทยากล่าวว่า "ที่ใดมีควัน ที่นั้นมีไฟ" ซึ่งก็ไม่ แน่เสมอไป เดี๋ยวนี้ที่ใดมีควัน ที่นั้นอาจจะไม่มีไฟก็ได้ เช่น เขาฉีดสารเคมี พ่นยาฆ่าแมลง ก็มองดูว่าเป็นควันออกมา แต่หามีไฟไม่
    หรือบางคนก็คิดเดาเอาเองว่าคงจะเป็นอย่างนั้น คงจะเป็นอย่างนี้ คำว่า คงจะ นั้น มันไม่แน่ เพราะฉะนั้น เราก็อย่าเพิ่งตัดสินว่าเรื่องนี้ถูกแน่นอนแล้ว คำว่า คงจะ นั้นเป็นการนึกเดาเอา
    6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยการคิดคาดคะเนหรืออนุมานเอา ตัวอย่างเช่น เราคิดว่าเราจะแซงรถคันหน้าพันถ้าเรา ขับรถเร็วกว่านี้ ซึ่งเป็นการคาดคะเนเอา บางทีเราคาดคะเนความเร็วไม่ถูก ก็อาจจะชนรถคันหน้าที่วิ่งสวนมา โครมเข้าไปเลยก็ได้ การคาดคะเนหรืออนุมานเอาอย่างนี้ ทำให้คนตายมามากแล้ว การอนุมานเอานี้มันไม่แน่
    บางคนคิดว่าฝนคงจะตกแน่เพราะเห็นเมฆดำก่อตัวขึ้นมาก็เป็นการอนุมานเอาว่าฝนคงจะตก แต่บางที ลมก็จะพัดเอาเมฆนี้ลอยพ้นไปเลยก็ได้ ซึ่งก็ไม่แน่เพราะอนุมานเอา
    ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า แม้อนุมานเอาก็อย่าเพิ่งเชื่อ
    7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตามอาการที่ปรากฏ คือเห็นอาการที่ปรากฏแล้วก็คิดว่าใช่แน่นอน เช่น เห็นคนท้องโตก็คิดว่าเขาจะมีลูก ซึ่งก็ไม่แน่ บางคนแต่งตัวภูมิฐานก็คิดว่าคนนี้เป็นคนใหญ่โต ร่ำรวย ซึ่งก็ไม่แน่ อีกบางทีก็เป็นขโมย แต่งตัวเรียบร้อยมาหาเรา บางคนทำตัวเหมือนเป็นคนบ้าคนใบ้มานั่งใกล้กุฏิพระ คนก็ไม่สนใจนึกว่าเป็นคนบ้า แต่พอพระเผลอก็ขโมยของของพระไป ดังนั้น เราจะดูอาการที่ปรากฏก็ไม่ได้ บางคนปวดหัว ก็คิดว่าเป็นโรคอะไรที่หัว แต่ก็ไม่แน่ สาเหตุอาจจะเป็นที่อื่นแล้วทำให้เราปวดหัวก็ได้ เช่น ท้องผูก เป็นต้นหรือเราขับรถมาถึงสะพานซึ่งมองดูแล้วคิดว่าสะพานนี้น่าจะมั่นคงพอจะขับข้ามไปได้ แต่ก็ไม่แน่ สะพานอาจจะพังลงมาก็ได้
    8. อย่าเพิ่งเชื่อว่าต้องกับลัทธิของตน คือ เข้ากับความเชื่อของตน เพราะตนเชื่ออย่างนี้อยู่แล้ว เมื่อใครพูดอย่างนี้ให้ฟัง ก็ยอมรับว่าใช่และถูกต้อง ซึ่งก็ไม่แน่เสมอไป เพราะสิ่งที่เราเชื่อมาก่อนนั้นอาจผิดก็มี บางทีคนอื่นก็มาหลอกเรา เพราะเห็นว่าเราเชื่ออยู่ก่อนแล้ว จึงอาศัยความเชื่อของเรา เป็นเหตุมันจึงไม่แน่เสมอไป
    บางคน เมื่อมีใครมาพูดตรงกับความคิดเห็นของตนก็เชื่อแล้ว ตัวอย่างเช่น เราไม่ชอบใครอยู่สักคนหนึ่ง พอใครมาบอกเราว่าคน ๆ นั้นไม่ดี ก็เชื่อว่าเป็นคนชั่วแน่ เพราะตนเองก็ไม่ชอบหน้าเขาอยู่แล้ว เรื่องอย่างนี้ก็ไม่ แน่เสมอไป เพราะคนที่เราไม่ชอบอาจจะเป็นคนดีก็ได้ แต่ว่ามีคนอื่นมาพูดยุยงให้เราเข้าใจไปอย่างนั้น เราจึง มองผิดไปได้
    หรือคนที่เชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลก หรือเรื่องเครื่องลางของขลัง พอมีใครมาพูดเรื่องเช่นนี้ก็เชื่อสนิท เพราะไปตรงกับความเชื่อของตน
    เพราะฉะนั้น จงอย่าเพิ่งเชื่อ แม้ในกรณีดังกล่าวมานี้
    9. อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้ คือ เห็นว่าคนที่เป็นคนใหญ่คนโตนั้น พูดจาควรเชื่อถือได้ เช่น เป็น ถึงชั้นเจ้า หรือตำแหน่งสูง เราก็ควรจะเชื่อคำพูดของเขา แต่มันก็ไม่แน่ แม้แต่พระสงฆ์ก็ไม่แน่ เราจึงต้องฟังดูให้ ดีเสียก่อน แม้แต่คณะรัฐมนตรีเองก็ไม่แน่ อย่าเพิ่งไปเชื่อคำพูดของท่านเหล่านั้นทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้ว่าผู้พูด มียศมีตำแหน่งอย่างนี้แล้ว จะพูดเรื่องน่าเชื่อถือได้เสมอไป เราควรจะฟังหูไว้หู ฟังให้ดีเสียก่อน มิฉะนั้นแล้วจะ ถูกหลอกได้ง่าย
    อย่าเพิ่งเชื่อในที่นี้ มิได้หมายความว่าไม่ให้เชื่อ แต่ควรจะพิจารณาดูก่อนแล้วถึงจะเชื่อ
    10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าผู้พูดเป็นครูของเรา ข้อนี้แรงมาก คือ แม้แต่ครูของตนก็ไม่ให้เชื่อ ทั้งนี้ เพราะครูของเราก็อาจจะพูดผิดหรือทำผิดได้ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องฟังให้ดี
    ไม่มีศาสนาใดสอนเราไม่ให้เชื่อครูของตน แท้จริงแล้วพระพุทธเจ้ามิได้ทรงสอนว่าไม่ให้เชื่อ แต่ ทรงสอนว่าอย่าเพิ่งเชื่อต้องพิจารณาดูเสียก่อนแล้วจึงค่อยเชื่อ
    พระพุทธเจ้าตรัสถึงเหตุผลในข้อที่อย่าเพิ่งเชื่อดังกล่าวมาดังนี้ โดยตรัสว่า " ดูก่อนชาวกาลามะทั้งหลาย เมื่อท่านทั้งหลายรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมทั้งหลายเหล่านี้เป็นอกุศล มีโทษ ก่อความทุกข์ เดือดร้อน วิญญูชนติเตียน ถ้าประพฤติเข้าแล้วเป็นไปเพื่อความทุกข์เดือดร้อน ท่านทั้งหลายจงละทิ้งสิ่งเหล่านี้เสีย " พระองค์ไม่ได้ตรัสว่าดีหรือไม่ดี แต่ให้พิจารณาดูว่าถ้าไม่ดีก็ทิ้งเสีย
    พระพุทธเจ้ายังได้ตรัสต่อไปว่า " ชาวกาลามะทั้งหลายท่านจะสำคัญความข้อนี้เป็นไฉน ความโลภ ซึ่งเกิดขึ้นในใจของคนเราแล้ว เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ความโลภเป็นไปเพื่อประโยชน์หรือไม่ใช่ประโยชน์ "
    ชาวกาลามะก็ทูลตอบว่า "ไม่เป็นเพื่อประโยชน์ พระเจ้าข้า"
    "เมื่อความโลภเกิดขึ้นแล้ว ทำให้คนฆ่าสัตว์บ้าง ลักทรัพย์บ้าง ประพฤติผิดในกามบ้าง และสิ่งใดที่ ไม่เป็นประโยชน์เขาจะชักนำให้ทำสิ่งนั้น ข้อนี้จริงหรือไม่จริง" พระพุทธเจ้าตรัสถามต่อ
    ชาวกาลามะก็ทูลตอบว่า "จริง พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามอีกว่า "แต่ถ้าจริงแล้ว ท่านทั้งหลายจะสำคัญความนี้เป็นไฉน เมื่อความโลภเกิด ขึ้นในใจของคนแล้ว เป็นเหตุให้เขาฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกามและชักชวนให้คนทำชั่วแล้ว ความ โลภนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "ไม่เป็นประโยชน์ พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "แล้วมีโทษหรือไม่มี"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "มีโทษ พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามต่อว่า "วิญญูชนติเตียนหรือสรรเสริญ"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "ติเตียน พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "เป็นไปเพื่อความสุขหรือเป็นไปเพื่อความทุกข์"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "เป็นไปเพื่อความทุกข์ พระเจ้าข้า"
    พระสูตรนี้มีลักษณะของการถามตอบ คือให้ผู้ที่ถูกถามคิดเอาเอง ไม่ได้ยัดเยียดความคิดให้ หรือ บังคับให้ตอบ
    ต่อจากนั้น พระพุทธองค์ได้ตรัสถามเกี่ยวกับความโกรธบ้างว่า "ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนี้ เป็นไฉน คนที่ถูกความโกรธครอบงำเข้าแล้ว อาจจะฆ่าคนก็ได้ ลักทรัพย์ก็ได้ประพฤติผิดในกามก็ได้ สิ่งใด ที่มีโทษ เขาก็ชักชวน
    แนะนำให้คนอื่นทำสิ่งนั้นก็ได้ ดังนั้น ความโกรธนี้ดีหรือไม่ดี"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "ไม่ดี พระเจ้าข้า"
    พระองค์ตรัสถามว่า"แล้วคนที่ความโกรธเข้าครอบงำแล้วนั้นความโกรธเป็นกุศลหรืออกุศล"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "เป็นอกุศล พระเจ้าข้า"
    พระองค์ตรัสถามว่า"มีโทษ หรือไม่มีโทษ"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า"มีโทษ พระเจ้าข้า"
    พระองค์ตรัสถามว่า"วิญญูชนติเตียนหรือไม่"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "ติเตียน พระเจ้าข้า"
    พระองค์ตรัสถามว่า "แล้วเป็นไปเพื่อความทุกข์หรือความสุข"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "เป็นไปเพื่อความทุกข์ พระเจ้าข้า"
    ต่อไป พระพุทธเจ้าก็ตรัสถามถึงความหลงต่อไปว่า"คนที่ถูกความหลงเข้าครอบงำนั้น ความหลง เป็นกุศลหรืออกุศล"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "เป็นอกุศล พระเจ้าข้า"
    พระพุทธองค์ตรัสถามว่า "คนที่ถูกความหลงเข้าครอบงำนั้น ทำดีหรือทำชั่ว"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "ทำชั่ว พระเจ้าข้า"
    พระพุทธองค์ตรัสถามว่า "วิญญูชนติเตียนหรือไม่"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "ติเตียน พระเจ้าข้า"
    พระพุทธองค์ตรัสถามว่า"แล้วเขาชักนำคนอื่นไปในทางดีหรือทางชั่ว"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "ทางชั่ว พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "ดูก่อน ชาวกาลามะทั้งหลาย ท่านจงอย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา อย่าเพิ่งเชื่อ โดยฟังตามกันมา อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังพูดสืบ ๆ กันมา" จนกระทั่งถึงข้อสุดท้ายว่า "อย่าเพิ่งเชื่อเพราะว่าผู้พูดเป็น ครูของเรา" ซึ่งเป็นการตรัสย้ำครั้งที่สองในเรื่องของการเชื่อ
    ดังนั้นก็เกิดคำถามว่า ถ้าเราไม่เชื่อดังเหตุผลประการต่าง ๆ นี้แล้ว เราจะเชื่อใครได้
    คำตอบก็คือให้เชื่อตัวเอง โดยการพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน ว่าสิ่งที่เขาพูดกันนั้นดีหรือไม่ดี
    ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
    พระพุทธองค์ได้ตรัสถามชาวกาลามะต่อไปอีกว่า
    "ชาวกาลามะทั้งหลาย ท่านจะพิจารณาเห็นความข้อนี้เป็นไฉน ความไม่โลภนั้นดีหรือไม่ดี เป็นกุศล หรือเป็นอกุศลวิญญูชนติเตียนหรือสรรเสริญ เป็นไปเพื่อความสุขหรือความทุกข์ ผู้ที่ไม่โลภ ย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ชักนำผู้อื่นไปในทางที่เสียหาย ดังนั้น ความไม่โลภนั้นจึงเป็นกุศลหรือ อกุศล"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "เป็นกุศล พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "มีโทษหรือไม่มีโทษ"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "ไม่มีโทษ พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "วิญญูชนสรรเสริญหรือติเตียน"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "สรรเสริญ พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "เป็นไปเพื่อความสุขหรือความทุกข์"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "เป็นไปเพื่อความสุข พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าได้ตรัสถามต่อไปถึงความไม่โกรธ ความไม่หลง ในทำนองเดียวกันอีกว่า "คนที่ไม่โกรธ ไม่หลงนั้น จะไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ชักนำคนอื่นไปในทางที่เสีย ชักนำคนอื่นไป ในทางที่ดี ก็ธรรมเหล่านี้เป็นกุศลหรืออกุศล"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "เป็นกุศล พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "มีโทษหรือไม่มีโทษ"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "ไม่มีโทษ พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "วิญญูชนสรรเสริญหรือติเตียน"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "สรรเสริญ พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "เป็นไปเพื่อความสุขหรือความทุกข์"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "เป็นไปเพื่อความสุข พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าจึงได้สรุปต่อไปว่า "ชาวกาลามะทั้งหลายเพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงพิจารณาดูด้วย ตนเอง ท่านอย่าเชื่อโดยฟังตามกันมา อย่าเชื่อโดยพูดสืบๆ กันมา จนถึงข้อสุดท้ายว่า อย่าเชื่อเพราะว่าผู้พูดเป็น ครูของเรา"
    พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พิจารณาดูว่า "สิ่งเหล่านี้ดีหรือไม่ดี ถ้าไม่ดีก็ทิ้งเสีย ถ้าดีก็ทำตาม พระองค์ ไม่ได้บังคับให้เชื่อแต่ให้พิจารณาดูเอาเอง เหมือนคนที่ขายอาหาร หรือขายของโดยให้ผู้ซื้อได้เลือกซื้อหรือ พิจารณาเอาเอง แล้วก็ถามเรื่องความเห็นว่าดีหรือไม่ดี ชี้แจงเหตุผลให้ฟัง"
    ในที่สุด พระพุทธเจ้าก็ทรงสรุปให้ฟังอีกครั้งหนึ่งว่า อย่าเชื่อโดยฟังตามกันมา อย่าเชื่อโดยนำสืบๆกันมา แล้ว จนกระทั่งอย่าเชื่อเพราะว่าผู้พูดเป็นครูของเรา
    ข้อความที่กล่าวย้ำเช่นนี้ในกาลามสูตรมีถึง 4 ครั้ง เฉพาะ 10 ข้อนี้ และในที่สุด พระพุทธเจ้าตรัสว่า
    "ดูก่อนชาวกาลามะทั้งหลาย อริยสาวกในศาสนานี้ มีเมตตาจิต ไม่โกรธ ไม่พยาบาทใคร แผ่เมตตา ไปทิศเบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องต่ำ เบื้องสูง เบื้องขวาง ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มีภัย การแผ่เมตตา อย่างนี้มีโทษหรือไม่มีโทษ"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "ไม่มีโทษ พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "เป็นกุศลหรืออกุศล"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "เป็นกุศล พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "วิญญูชนสรรเสริญหรือติเตียน"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "สรรเสริญ พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "เป็นไปเพื่อความสุขหรือความทุกข์"
    ชาวกาลามะทูลตอบว่า "เป็นไปเพื่อความสุข พระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าตรัสเช่นเดียวกันถึงเรื่อง กรุณา มุทิตา และอุเบกขา หรือพรหมวิหารทั้ง 4 ที่แผ่ไปยัง คนอื่น สัตว์อื่นและตรัสถามว่า เมื่อประกอบด้วยความไม่มีเวรเช่นนี้ มีความไม่เศร้าหมองอย่างนี้มีจิตใจหมดจดอย่างนี้ ก็ย่อมจะได้ความอุ่นใจ 4 ประการคือ
    1. ถ้าหากว่าชาติหน้ามีจริง บาปบุญที่ทำไว้มีจริง ก็เมื่อเราทำแต่ดี ไม่ทำชั่ว เราจะชื่นใจว่าเราจะไป เกิดในสุคติโลกสวรรค์แน่นอน นี้เป็นความอุ่นใจข้อที่หนึ่ง
    2. ถ้าหากว่าชาติหน้าไม่มีจริงบาปบุญที่คนทำไว้ไม่มีจริงก็เมื่อเราไม่ทำชั่ว ทำแต่ดีชาตินี้เราก็สุข แม้ชาติหน้าจะไม่มีก็ตามนี้เป็นความอุ่นใจข้อที่สอง
    3. ถ้าหากว่าบาปที่คนทำไว้ ชื่อว่าเป็นอันทำ คือได้รับผลของบาป ก็เมื่อเราไม่ทำบาปแล้ว เราจะได้ รับผลของบาปที่ไหน นี้เป็นความอุ่นใจข้อที่สาม
    4. ถ้าหากว่าบาปที่คนทำแล้วไม่ได้เป็นบาปอันใดเลยหรือไม่เป็นอันทำ ก็เมื่อเราไม่ได้ทำบาป เราก็ พิจารณาตนว่าบริสุทธิ์ทั้งสองส่วน คือ ส่วนที่เราไม่ได้ทำชั่ว และในส่วนที่เราทำดี เราก็มีความสุขในปัจจุบัน
    เพราะฉะนั้น คนที่ไม่ได้ทำชั่ว นรกสวรรค์จะมีหรือไม่มีบาปบุญจะมีหรือไม่มี เขาก็ได้ดีทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่คนที่ทำชั่วนรกสวรรค์จะมีหรือไม่มี บาปบุญจะมีหรือไม่มี เขาก็เดือดร้อนทั้งขึ้นทั้งล่อง ถ้าหากว่าสวรรค์มีจริง เขาก็ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ ถ้านรกมีจริง เขาก็ต้องลงนรก ถ้าหากว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีจริง เราก็ไม่ต้องเดือดร้อน เพราะ เราไม่ได้ทำชั่วในปัจจุบัน และเราก็มีความสุขในปัจจุบัน เพราะเราทำดี การให้พิจารณาอย่างนี้ เป็นการพิจารณา ที่สร้างเหตุสร้างผลขึ้น
    ท่านทั้งหลายจงพิจารณาข้อความนี้ดูว่า ในกาลามสูตรนี้ถ้าหากคณาจารย์อื่น ๆ มาพบชาวกาละมะเข้า อาจจะพูดเหมือนบรรดาอาจารย์อื่น ๆ ที่เคยผ่านมา คือ พูด ติเตียนศาสนาอื่นแล้วยกย่องศาสนาของตนเอง แต่พระพุทธเจ้ามิได้ทรงกระทำเช่นนั้นคือ ไม่โจมตีศาสนาอื่นเลย แม้แต่สักคำเดียว พระองค์เพียงแต่บอกว่าอย่าเพิ่งเชื่อถ้าใครพูดชักนำมา ทรงเตือนว่าอย่าเพิ่งเชื่อและให้พิจารณา ด้วยตนเองเท่านั้น เมื่อได้พิจารณาด้วยตนเองแล้วเห็นว่าเป็นกุศล ก็ให้ทำตาม แต่ถ้าเป็นอกุศลก็ให้ละเสีย
    ยกตัวอย่างเช่น โลภ โกรธ หลง นั้นเป็นอกุศล ไม่ดี มีโทษ วิญญูชนติเตียน เป็นไปเพื่อทุกข์ พระพุทธเจ้าก็ตรัสให้ละเสีย แต่ถ้าหากเห็นว่า ความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลงนั้นเป็นกุศลไม่มีโทษ วิญญูชน สรรเสริญ เป็นไปเพื่อความสุข พระพุทธเจ้าทรงสอนให้บำเพ็ญ โดยให้ชาวกาลามะพิจารณาเห็นด้วยตนเอง จากการที่พระองค์ทรงตั้งคำถามให้ชาวกาลามะ คิดพิจารณาเอาเอง โดยไม่ให้งมงาย คือ พระองค์มิได้ทรงบอก ว่าท่านต้องเชื่อหรือบอกว่าถ้าท่านไม่เชื่อท่านต้องตกนรกหมกไหม้หรือว่าท่านต้องเชื่อแล้วท่านจะได้ขึ้นสวรรค์ พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสอย่างนี้แต่ตรัสบอกให้พิจารณาเอาเอง
    ในที่สุด พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า ถ้าเราทำดีโดยการมีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาแล้ว เราจะมี ความอุ่นใจถึง4 อย่าง ซึ่งคนทำชั่วนั้นจะไม่มีความอุ่นใจดังกล่าวเลย
    การพิจารณาอย่างนี้เป็นข้อความสำคัญในกาลามสูตร แท้ที่จริง ยังมีข้อความอื่นอีกในพระสูตรนี้ แต่เป็นข้อปลีกย่อย จึงไม่ได้นำมากล่าวไว้ในที่นี้
    ในปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์ นักคิดชาวตะวันตก ได้สรรเสริญพระพุทธศาสนาในแง่ของการมีเหตุผล ไว้มาก เพราะเป็นคำสอนอันมีเหตุผลและสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ของพระพุทธศาสนา
    ดังนั้น กาลามสูตรจึงเป็นพระสูตรที่ให้อิสระในด้านความคิด แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้เราเชื่อ แต่ให้พิจารณาให้ดีเสียก่อน แล้วจึงค่อยเชื่อ อย่าเชื่อโดยฟังตามกันมา แม้แต่พระคัมภีร์ก็อย่าเพิ่งเชื่อ ให้พิจารณา ดูเสียก่อน ถ้าทำได้อย่างนี้ ถือว่าสมกับการเป็นชาวพุทธ ไม่เชื่ออะไรอย่างไร้เหตุผล โดยไม่พิจารณาว่าควรเชื่อ หรือไม่เพียงไร
    เราจึงควรภูมิใจที่เราได้นับถือพระพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาที่มีเหตุผล สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ ในโลกปัจจุบันไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนและผู้อื่น แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ตนและผู้อื่น และเป็นไปเพื่อความ สิ้นทุกข์ในที่สุด แม้ทุกข์ยังไม่หมด แต่ก็มีความสงบสุขในชีวิตเพิ่มขึ้น เมื่อเราได้ปฏิบัติได้ถูกต้องตามพุทธธรรม ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา
     
  7. พราน4141

    พราน4141 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    492
    ค่าพลัง:
    +6,167
    อ้าว นี่พี่ไม่มีที่เล่นแล้วหรือครับ มาเล่นกันเองทำไม แล้วดูมันไม่ค่อยเข้ากันเลยครับ เล่นเอาเนื้อความจากกระทู้อื่นมาcopy&paste แต่ก็สนุกดีครับมั่วดีผมชอบ
    ผมเปิดมือถือเอาไว้แล้วโทรประสานกันอีกครั้งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2012
  8. undersea12000

    undersea12000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +1,494
    ตู้คอนเทนเนอร์ และ เสาล่อฟ้า

    อยากจะขอฝากข้อความด่วนแก่ท่าน จขกท. และผู้อื่นใดที่เตรียมตู้คอนเทนเนอร์ไว้ป้องกันภัย

    หลายปีมาแล้วผมได้อ่านในเว็บพลังจิตของท่านผู้หนึ่งซึ่งได้เตรียมตู้คอนเทนเนอร์ไว้ดังกล่าว

    ต่อมาผมได้ไปอ่านงานของ James McCanney http://www.jmccanneyscience.com/]jmccanneyscience.com
    ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์มีชื่อ ที่มีผู้ติดตามผลงานมาก เขาได้พูดถึงพายุร้ายว่าเป็นผลจากไฟฟ้าปริมาณมหึมา พร้อมทั้งพูดถึงเหตุการณ์ในอเมริกาที่เวลาลมพายุหมุน Tornado ทำลายบ้านเรือน ดูจะชอบหมู่บ้านแบบ mobile home park เป็นพิเศษ สรุปคือบ้านที่มีลักษณะคล้ายตู้คอนเทนเนอร์ตั้งอยู่ใกล้กัน ให้ระวังเรื่องไฟฟ้าปริมาณมากจากท้องฟ้าระดับสูงวิ่งลงมา

    ผมพยายามหากระทู้ในพลังจิตที่เคยอ่านเจอ เพื่อจะเตือนแต่ไม่เจอ

    บัดนี้ได้มาอ่านกระทู้นี้จึงขอถือโอกาสให้ความเห็น(อย่างแรง) ตามข้อมูลของ McCanney ว่า ทุกท่านที่เตรียมหลบภัยในตู้คอนเทนเนอร์ ขอให้พึงติดตั้งสายล่อฟ้าอย่างดี สูงเพียงพอ (หากตู้ยาว อาจใช้สายล่อฟ้าถึงสองอันก็ได้) แล้วส่งกระแสไฟด้วยสายไฟเส้นใหญ่พอ ส่งตรงและลึกลงใต้ดินให้ลึกพอด้วย

    ในยามปกติที่ผ่านมา ท่านอาจคิดว่า ไม่เป็นไร เพราะได้ผ่านฝน ผ่านฤดูมาหลายครั้งแล้ว แต่ท่านยังไม่ได้พบพายุรุนแรงเหมือนที่ท่านผู้เตือนภัยได้เตือนกันไว้ เมื่อมีพายุแบบรุนแรงมาก ที่เกิดจากไฟฟ้าปริมาณมากในอากาสสูงขึ้นไป กระหน่ำ แบบที่ในอเมริกาโดนกันทุกปี หรือที่ไทยอาจโดนในอนาคต ท่านไม่ต้องการให้มีการย่างสดต่อคนในคอนเทนเนอร์

    การออกแบบ และข้อมูลเสาล่อฟ้า ท่านสามารถหาได้จากกูเกิ้ลมากมายครับ

    อีกประการหนึ่ง ขอให้คำนึงถึงการมีฉนวนให้ความปลอดภัยต่อคนที่อยู่ข้างในด้วย โดยรอบคน ทั้งเพดาน ผนัง และพื้น ขอให้มี
    ฉนวนบุให้เพียงพอ ที่ตัวคนหรือเครืองใช้โลหะ จะไม่มีการสัมผัสกับผนังคอนเทนเนอร์ที่เป็นโลหะ-ในเวลาที่ฟ้าฝ่าลงมา

    หากท่านใดได้ติดตั้งเสาล่อฟ้า อย่างดี เพียงพอ ให้กับคอนเทนเนอร์ของท่านแล้ว ช่วยโพสท์ลงมาแบ่งปันความรู้ก็จะดีนะครับ

    -------
     
  9. พราน4141

    พราน4141 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    492
    ค่าพลัง:
    +6,167
    ถูกต้องแล้วครับ เราจะต้องวางสายกราวด์เส้นใหญ่ทุก2-3ม.ในที่หลบภัยที่เป็นตู้คอนฯครับ ตอนแรกผมจะวางเสาล่อฟ้าที่หัวท้ายโครงหลังคาแต่มาไตร่ตรองดูแล้วว่ามันจะล่อฟ้ามาลงอย่างแรงจึงเปลี่ยนมาเป็นวางกราวด์ตู้แทนครับ ส่วนภายในผมใช้ที่นอนยางพาราอย่างหนามาปูพื้นและบุผนังกันกระแทกไว้ครับ ผมกลัวเรื่องที่ท่านบอกมากๆครับมันน่ากลัวจริงๆกับสายฟ้านี่
     
  10. พราน4141

    พราน4141 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    492
    ค่าพลัง:
    +6,167
    ตอนนี้กำลังกลุ้มใจกับการหนีภัยแบบฉุกเฉินเพราะมานั่งมองข้าวของแล้วเครียดมันจะขนไปไหวไหมเนี่ยะครับ
    ดูแล้วเป็นประเภท บ้าหอบฟาง ยังไงก็ไม่รู้ครับ เอาว่าคงต้องขนไปเก็บที่ลี้เป็นส่วนใหญ่แล้วเอาที่จำเป็นเก็บไว้ที่ กทม.ก็แล้วกันครับ
     
  11. พราน4141

    พราน4141 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    492
    ค่าพลัง:
    +6,167
    มีสิ่งหนึ่งที่กระผมจะขอเตือนท่านทั้งหลายว่า ปีใหม่นี้เศรษฐกิจจะแย่มากๆครับ ดังนั้นกระผมจึงเร่งทำจนคาดว่าสมบูรณ์สิ้นปีพอดี แล้วจะหยุดการใช้จ่ายเกี่ยวกับเรื่องนี้กันซักทีเพราะราคาข้าวของมันมีแต่จะถีบตัวสูงเกินไปซะแล้ว และสำหรับท่านท่ีกำลังทำอยู่ต้องคำนวนเงินดีๆนะครับ เดี๋ยวจะกินตัวครับ ต่อไปจะมีแต่การเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมจะเหมาะสมกว่าครับ จงอย่าเป็นหนี้เพราะเรื่องบ้าๆเด็ดขาดครับและจงอย่าทำตามผมมากเนื่องจากผมได้คำนวนปัจจัยไว้ก่อนหลายปีแล้วจึงทำครับขืนทำตามทั้งหมดช่วงนี้หมดตัวแน่จงดูและนำไปปรับใช้จะดีกว่าครับ
    ด้วยความห่วงใยจากใจจริง พราน4141
     
  12. น้ำกับพายุ

    น้ำกับพายุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +2,452
    ขอให้คุณหมอและครอบครัว มีความสุขความเจริญมากๆครับ ปีใหม่จะใกล้เข้ามา ขอให้คุณหมอและทุกๆท่านในเว็บและกระทู้แห่งนี้ ปลอดภัย และสุขสมหวัง ทุกๆประการครับ ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาพูดคุย และได้ความรู้มามากมาย ปีหน้าเศรษฐกิจคงแย่จากการใช้จ่ายของประชาชนหนักๆในปีนี้ คงต้องรัดเข็มขัด เก็บเงินกันต่อไป เพื่อใช้ยามคับขัน อย่างที่คุณหมอเตือนละครับ
     
  13. longhorn48

    longhorn48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2006
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +874
    เป็นนิยายแฟนตาซีที่สนุกมากครับ :cool:
     
  14. แหวกแนว

    แหวกแนว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +93
    เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ เพราะตอนนี้ตลาดเงียบมากคือตอนนี้คนค้าขายจะรับรู้ได้เลยว่าเศรษฐกิจมันแย่มากค้าขายไม่ดีเลย แค่ปีนี้ก็แย่มากพอแล้วปีหน้าแย่กว่านี้คงต้องเตรียมรับมือและรัดเข็มขัดให้ดีนะคะ
     
  15. natatik

    natatik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +3,607
    จ่ายตลาดทุกวัน ลุ้นอยู่ทุกวันเลยค่ะ ว่าวันนี้อะไรจะขึ้น
    เมื่อวานไก่ขึ้นราคา รอบสองของเดือน ผักชี แตงกวา เฮ้อ...
    ยังไม่ทันไรก็ขึ้นนำไปก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับที่ขึ้นค่าแรงเป็น 300. หรือเปล่า งานนี้ใครที่ไม่ได้เป็นลูกจ้าง ทำงานบริษัท พ่อค้าแม่ค้าก็แย่กันเลย...
    จริง ๆ แล้วอีกไม่กี่วันก็วันปีใหม่ แต่ไม่มีเค้ารางที่จะสนุกคึกคักกันเหมือนเมื่อก่อน เงียบสนิท...

    ส่วนเรื่องของเตรียมภัยนั้น โชคดีที่ค่อย ๆ สะสมมาเรื่อย ๆ จนครบ ก็เลยไม่เดือนร้อน เตรียมกาย เตรียมใจ ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เกิดขึ้นเมื่อไรก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ใช้เท่าที่มี ที่เตรียม
     
  16. น้ำกับพายุ

    น้ำกับพายุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +2,452
    รถคันแรก ลดไม่เกิน1แสน จองเป็นล้านคัน หมดเงินกันอีกระยะยาวครับ ค่าแรงขึ้น300ทั้งประเทศ ผมว่า การใช้จ่ายจะหนักกันขึ้นไปอีก เพราะหนี้ระยะยาว รายได้ระดับแรงงานเพิ่ม แต่ค่าครองชีพจะสูงกว่านี้อีกมาก ต้องใช้จ่ายอย่างรอบคอบครับ อีกยาวจริงๆ
     
  17. ภูขัด

    ภูขัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +253
    สวัสดีครับ มาขอร่วมแจมด้วยนะครับ
    ติดตามกระทู้นี้มานาน ชอบคุยกับ...คอเดียว ๆ กัน
    คือไม่ประมาท เตรียมการไว้ก่อน
    ...ภูขัดก็อยู่ใกล้ ๆ กับ ภูหินร่องกล้า นครไทย พิษณุโลก
    แต่ผมมีข้อมูลน้อยมาก ขอคำแนะนำจากคุณหมอและเพื่อน ๆนะครับ
    เคยผ่านงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ลับแล
    ส่วนตัวเตรียมการแบบนกน้อยสร้างรังแต่พอตัว 90%
     
  18. prachas

    prachas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +1,208
    สวัสดียามเย็นครับสหายทุกท่าน วันนี้ กทม ทำท่าจะเป็นหน้าหนาวบ้างแล้ว ลพบุรีก็เช่นกันภรรยาบอกว่าลมแรงมาก สุนัขหลายตัววิ่งกันมั่วไปหมด (สงสัยฝึกยุทธวิธีหลบภัยแบบหมาๆ) ยังงัยก็ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงนะครับ หากมันมาไว้กว่าที่คาดกาลจะได้ช่วยเหลือครอบครัวได้ ขอให้พระคุ้มครองคนดีๆครับ
    (ขอให้ทุกท่านเจริญในอนุสติ10ให้มากๆ และ ดูแลกรรม3อย่างให้ดีครับ)HAVE A NICE DAY:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2012
  19. ภูขัด

    ภูขัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +253
    มอนิเตอร์คลื่นตำรวจเมื่อคืน (23 ธค. 55 ประมาณ 21.00 น.)
    เกิดเหตุน้ำกัดเซาะโพรงดินบริเวณชายป่าในอำเภอชาติตระการ ถล่มลงมาทับเด็ก 3 คน ที่เข้าไปเล่นบริเวณดังกล่าว เสียชีวิตทั้งหมด
    อ้างอิง
    http://www.phitsanulokhotnews.com/29226
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2012
  20. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ผมเข้าใจคุณนะครับ และขออนุญาติแก้ไขคำที่คุณพิมพ์ผิด อย่ากังวลใจไปเลยครับ เพราะคุณจะไม่มีสมาธิในการฝึกพลัง ผมเองก็ตั้งปณิธานไว้แล้วว่าจะกระทำเพื่อพระพุทธศาสนา และจะเกิดมาเพื่อพระพุทธศาสนา ตายในพระพุทธศาสนา

    ถ้าจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด ถ้ามันไม่เกิด ก็ปล่อยให้มันไม่เกิด เรากระทำเท่าที่ควรกระทำได้อย่างไม่ประมาท เรามาฝึกฝนตนเองดีกว่าครับ เพื่อพระพุทธศาสนาของเราเอง คุณฝึกฝนพลังของคุณเอง คุณก็จะเป็น Hero เมื่อเกิดภัยขึ้นได้
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...