ผู้ที่สงสัยว่าพระพุทธเจ้าประสูติแล้วเดินได้ตั้ง ๗ ก้าวจริงไหมอ่านดูค่ะ?

ใจความเรื่องมีผู้สงสัยว่าพระพุทธเจ้าประสูติแล้วเดินได้ตั้ง ๗ ก้าว?หลวงพ่อ ตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

ผู้ถาม : ทีนี้อีกข้อครับ คนบางคนเขาสงสัียว่า ทำไมพระพุทธเจ้าประสูติแล้วเดินได้ตั้ง ๗ ก้าว รู้สึกว่าจะเหลือเกินไปเสียแล้ว...?
หลวงพ่อ : ไม่เหลือ นี่ยังน้อยนา นี่แค่เดินย่อๆนะ ท่านเกรงใจชาวบ้าน ไมงั้นเดินทั่วโลกเลยนะ อย่าลืมว่า อัจฉริยมนุษย์ ไม่งั้นจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ยังไง ใช่ไหม...พระพุทธเจ้าท่านเกิดมาพูดได้ทันที ถ้าท่านมีความสามารถเท่าเรา เราก็เป็นพระพุทธเจ้าได้หมดเลย ไม่ต้องมีสาวกกันละ ใช่ไหม...
อัจฉริยะ แปลว่า อัศจรรย์ คือต้องบำเพ็ญบารมีมา ๔ อสงไขยกับแสนกัป ฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างต้องแตกต่างกว่าคนธรรมดา การบรรลุอภิเษกสัมโพธิญาณก็ต้องอาศัยการบรรลุด้วยตนเองไม่ได้มีครูสอน ใช่ไหม...
ฝากกดไลน์ช่วยแชร์ธรรมะเป็นธรรมทานในเฟสบุ๊คน้องใหม่ด้วยนะคะสาธุ^/\^
ศีล ๕ สุขแห่งธรรมะ- กลุ่มของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจธรรมะ ( PROM 5 Group ) | Facebook

 

ผมไม่ได้ไปสงสัย ไม่จำเป็นต้องไปสงสัย

สิ่งที่สำคัญสุดคือคำสอนของพระพุทธองค์เพื่อนำมาปฏิบัติ

 

ก่อนถึงพระชนมายุ 35 ทรงยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะครับ

ถ้าให้ถูกต้องเป็น ผู้ที่สงสัยว่าเจ้าชายสิทธัตถะประสูติแล้วเดินได้ตั้ง ๗ ก้าวจริงไหมอ่านดูค่ะ?

พระพุทธเจ้า"ประสูติ"เมื่อขณะที่ตรัสรู้ครับ
แต่พระพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงไม่มีพระชนมายุ
เพราะทรงตัดกิเลสสังโยชน์ทั้งปวงได้หมดสิ้น
เป็นผู้เข้าถึงนิพพานโดยแท้
(เพราะฉนั้นก็ไม่ต้องสงสัยด้วยว่า ทำไมวันประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน เป็นวันเดียวกัน)


พอคำถามคือ พระพุทธเจ้าประสูติแล้วเดิน7ก้าว
ไม่แปลกครับ เพราะวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ เจ้าชายสิทธัตถะทรงมีพระชนมายุ 35

 

ส่วนที่ท่านอาจารย์ตอบมาก็

มา สมโณ โน ครูติ

 

ไม่เคยสงสัยครับ เชื่อสนิทใจมานานแล้ว

 

มา ปิฏกสัมปทาเนนะ

 

จริงๆแล้วเรื่องนี้ ถ้าสงสัย มันก็ไม่แปลก
แต่ที่แปลกคือ การมาคิดเองเพื่อตอบข้อสงสัย
เอาอะไรมาคิด...

เอาวิชชาความรู้อะไรมาคิด...

ทำไมไม่มีใครสงสัยบ้างเลยว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้จริงมั้ย

 

เพราะเป็นอจินไตยครับ


อจินไตย แปลว่าสิ่งที่ไม่พึงคิด คือไม่อาจรู้ได้ด้วยการคิด แลถ้าขืนคิดให้รู้ให้ได้ ก็จะกลายเป็นผู้มีส่วนแห่งความเครียดเป็นบ้าเสียสติไป

 

สตาบิโลนี่ปลอมตัวมาป่าวครับ แปลกๆ

 

ม่ายมีปลอมตัวอ่ะ

 

พุทธภาวะ พุทธวิสัย มีแต่พระพุทธเจ้าที่รู้
คนธรรมดาเอาตัวเองไปตัดสินไม่ได้แน่ๆ
ผมเชื่อว่าพระโพธิสัตว์ชาติสุดท้ายมีสติสัมปชัญญะตั้งแต่ปฏิสนธิในครรภ์พุทธมารดา
การที่ท่านเกิดมาจะเดินได้เลย พูดได้เลย ไม่ใช่ของแปลกสำหรับพระพุทธเจ้า แต่เป็นของแปลกสำหรับเราๆ

ส่วนพระพุทธเจ้าตรัสรู้จริงไหม...นักปฏิบัติธรรมเขาไม่มีใครมาสงสัย เพราะประจักษ์แจ้งหมดแล้ว มีแต่เถรใบลานเปล่า รู้แต่ธรรมะ แต่ไม่ปฏิบัติ ความสงสัยย่อมไม่สิ้น อิอิ :z6

 

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต ขอน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น
อะระหะโต เป็นผู้ไกลจากกิเลส
สัมมา สัมพุทธัสสะ ตรัสรู้ได้โดยพระองค์เอง
ไม่สงสัย และไม่จำเป็นต้องสงสัยใดๆทั้งสิ้น พระองค์เป็นผู้มีบารมีสูงสุด พระผู้เลิศวิมุติพิสุทธิ์แสน

 

====
กล่าวได้ดีแล้วในเบื้องต้น และขอกล่าวขยายความว่า

ความจริงแล้วเรื่องที่เรากำลังคุยกันเป็นเรื่องที่เรียกว่า พุทธวิสัย พุทธวิธี พุทธบารมี เป็นเรื่องอจินไตย จริงๆครับ
แต่หากพิจารณา ในเรื่องกรรม เราก็จะพบว่า กรรมดีที่พระพุทธเจ้าสร้างเอาไว้นั่นมากมายเป็นล้นพ้น ด้วยกรรมดี ด้วยพุทธบารมี จึงทำให้เกิดความอัศจรรย์ เกิดขึ้น ยากที่จะเข้าใจ และด้วยพุทธบารมีย่อมจะก่อให้เกิดพุทธลักษณะที่แตกต่างกับพวกเรามากจนคิดไม่ถึง

การก้าวพระบาท เกิดขึ้นจริงด้วยพระพุทธบารมี และเป็นพุทธวิถีอันเป็นจารีตประเพณี ดอกบัวที่รองรับพระบาทก็เกิดขึ้นจริง ด้วยบุญบารมี การกล่าววาจา ก็เกิดขึ้นจริง เพราะเป็นพุทธวิสัย พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ล้วนปฏิบัติเหมือนกันคล้ายกัน

ด้วยมหาบุญปารมีที่สร้างมา ย่อมส่งผลให้พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ ที่เหนือกว่ามนุษย์ทั้งปวง กฤษดาอภินิหารนานาประการย่อมเกิดขึ้นเองด้วยผลบุญบารมีที่พระองค์ทรงสร้างสั่งสมมานานแสนนานหลายกัปป์

ดังนั้นในเรื่องนี้ขอเราท่านอย่าได้สงสัยเลย หากแม้นยังมีความสงสัยอยู่ก็ให้พิจารณาว่า เราควรประกอบกรรมใด เพื่อสร้างความดีสร้างบารมี มนุษย์ย่อมเป็นไปตามกรรม พระพุทธเจ้ามีปฏิหารเช่นนี้ได้ก็ด้วยกรรมดีที่พระองค์สร้างสั่งสมมา เราควรจะสร้างแต่กรรมดีเช่นพระพุทธเจ้า เป็นแบบอย่าง ให้ถึงที่สุด ครับ สาธุ

 

ขออนุโมทนากับข้อมูลเพิ่มเติมดีๆทุกข้อความนะคะ ที่เจ้าของกระทู้ได้โพสต์ข้อความนี้มีเจตนาเพื่อที่จะไขข้อข้องใจของผู้ที่สงสัย อันเนื่องจากว่ามีผู้ที่ถามเจ้าของกระทู้แบบนี้มาเยอะมากเหมือนกันค่ะและเจ้าของกระทู้ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร
เมื่อเจ้าของกระทู้ได้อ่านในหนังสือของหลวงพ่อผู้เป็นบูรพาจารย์ ที่เมตตาตอบไว้ในหนังสือหลวงพ่อตอบปัญญาธรรม ฉบับพิเศษจึงอยากน้อมนำสิ่งที่หลวงพ่อท่านได้เมตตาตอบไว้ในหนังสือนี้ซึ่งทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่าท่านเป็นผู้ที่น่าเคารพ ยกย่อง เทิดทูล กราบไหว้บูชา เป็นผู้ที่เป็นต้นแบบแห่งการปฏิบัติอย่างงดงามเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบและมีเมตตาแก่ลูกหลาน ศิษยานุศิษย์ มากล้นพ้นประมาณ
เจ้าของกระทู้ จึงได้คัดลอกสิ่งที่ได้อ่านมานี้หวังเพียงให้ผู้ที่มีความสงสัยได้ไขข้อข้องใจเนื่องจากผู้ตอบคือหลวงพ่อ น่าจะไขข้อข้องใจให้กับผู้ที่สงสัยได้ค่ะ สาธุกับข้อความดีๆทุกข้อความค่ะที่ทุกท่านเสียสละเวลาตอบคำถามให้กับผู้ที่ยังไม่ทราบได้ทราบมากยิ่งขึ้นค่ะ สาธุค่ะ

 

ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ด้วยค่า

และขอออกความเห็นเล็กน้อย

จากที่อ่านๆ หลายๆ ความเห็น จริงๆ คนเรามันจะเกิดความสงสัยก็ไม่เห็นจะแปลก แต่ห้ามสงสัยนี่สิแปลก สงสัยเพื่อก่อประโยชน์และศึกษาให้เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง ดิฉันว่ามันก็ดีนะคะ

ตัวดิฉันเอง เมื่อครั้งเรียนพระพุทธศาสนาเมื่ออายุราวๆ 7-8 ขวบ เราเรียนประวัติ เราอ่านหน่ะ เรายังรู้สึกเลยว่า เออ มันเป็นจริงหรือนี่ นั่นเป็นเพราะเราก็ยังไม่โตเพียงพอ ความรู้เราก็ยังมีไม่มากเพียงพอ ความเข้าใจก็ยังไม่มากเพียงพอ อภินิหารต่างๆ จึงเกินจะเข้าใจ ดูแต่หนังจีนกำลังภายในเออ เทพอ่ะ พระพุทธเจ้าเราเก่งกว่าตั้งเยอะ (คิดงี้จิงๆอ่ะตอนเป็นเด็ก 555+)นั่นเป็นเพราะความด้อยความรู้ของเรา และเราก็คิดว่าน่าจะมีบุคคลที่ยังไม่เข้าใจในพระพุทธศาสนาไม่มากก็น้อย ที่ต้องการข้อมูลในส่วนนี้ เราว่าเป็นเรื่องที่ดีและควรเผยแผ่อย่างยิ่ง เพราะคนอื่นๆ ที่ไม่เข้าใจ จะได้ไม่ต้องไปตีความผิดๆ หาว่าพระพุทธศาสนา เว่อร์ งมงาย
แต่ก็มีผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังศรัทธาบารมี ศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าอยู่มากมายเช่นกัน จึงไม่เกิดความสงสัยเพราะว่ารู้และเข้าใจในหลักของศาสนา เราก็ขออนุโมทนาบุญด้วยเจ้าค่าาาา >.<

 

อะไรคืออจิณไตย
การเดิน ๗ ก้าวของพระราชกุมารสิทธัตถะ หรือ การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

เรื่องบางเรื่องทำไมเราคิด เรื่องบางเรื่องทำไมเราไม่คิด
มันน่าจะมีหลักมีเกณฑ์ มีวิธีมีปัญญาในการคิด
ซึ่งผมคิดว่า เรื่องบางเรื่องคุยกันไปก็เท่านั้น
เกิดไม่ทันเหมือนกัน

อนึ่ง ผมไม่ค้านว่าทั้งสองเรื่องว่าไม่จริง

 

ลูกศิษย์ขงจื้อเคยถามอาจารย์ว่า

อาจารย์ครับ ตายแล้วเป็นอย่างไร

อาจารย์ตอบ อยู่(ดำเนินชีิวิต)กันยังไม่เป็นเลย จะถามอะไรเรี่องตาย

-------------------------------------------------

เช่นเดียวกับบางเรื่อง เราก็ไม่ต้องคิด คิดไปให้เปลืองสมอง
คิดไปแล้วช่วยให้เราเจริญในธรรมได้ไหม

เรารู้ว่าพระพุทธเจ้ามีจริง โดยมีสังเวชนียสถานทั้ง4เป็นประจักษ์พยาน
ที่สำคัญของคำสอนของท่านเพื่อนำมาปฎิบัติ

อาจารย์เซนใช้นิ้วชี้ไปที่ดวงจันทร์ให้ลูกศิษย์ดู
ซึ่งเมื่อคือศิษย์ได้เห็นสิ่งที่ถูกชี้ก็ได้บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว
ไม่ใช้นิ้วที่ใช้ชี้ที่ต้องมายึดติด
ธรรมะก็เช่นกัน สุดท้ายก็ต้องอย่าไปยึดติดใบลาน

 

ยุคสมัยมนุษย์โลกหนาแน่นด้วยกิเลสอันเนื่องมาจากถูกครอบงำด้วยอวิชชา โลกวิทยาศาสตร์นิยมวัตถุสิ่งที่เหลือวิสัยตัวเองทำได้ก็มักคิดเข้าข้างตัวเองว่าคนอื่นๆก็คงเหมือนๆกัน ยกตัวอย่างแบบชาวโลกยุคไฮเทค แชมป์โลกวิ่ง100เมตรชายคนปัจจุบันที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีนั้นก่อนหน้าถอยหลังไปหลายๆสิบปี จะมีใครไปเชื่อว่ามีมนุษย์คนไหนทำได้บ้าง นี่เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาทำได้เท่านั้น ผู้ที่ยังสงสัยก็เหมือนกับเดินอ้อม หยุดชมนกชมไม้เสียเวลาเปล่าๆ

 

ไม่ได้นำพุทธวัจนมาตอบก็ไม่หายความสงสัยอยู่ดี โดยเฉพาะเรื่องสำคัญๆเเบบนี้ เพราะว่าเป็นการยากที่จะเข้าใจอยู่เเล้ว จึงต้องฟังพระศาสดากันเอง ว่าเพราะอะไร พระองค์ก็ได้อธิบายไว้เเต่จะนำมาส่วน1 ที่ยืนยันได้ว่าพระโพธิสัตว์นั้นเดิน7ก้าว

ในหนังสือพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ก็ได้รวบรวมเอาไว้ให้เเล้ว ที่เกียวกับประวัติศาสดา ไม่ต้องไปนั่งเปิดหาทั่งเล่มในบาลี พระไตรปิฏก เเต่ติดที่ไม่ศึกษา เมื่อไม่ศึกษาก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาคุย

หน้า27 ได้ตรัสไว้เเต่นำมาส่วน1

" ดูกรอานนท์ โพธิสัตว์ผู้คลอดเเล้วเช่นนี้ เหยียบพื้นดินด้วยฝ่าเท้าอันสม่ำเสมอ มีพระพักตร์ทางทิศเหนือ ก้าวไป๗ ก้าว มีฉัตรสีขาวกั้นอยู่ ณ เบื้องบน ย่อมเหลียวดูทิศทั่งหลาย และกล่าว อาสภิวาจา ว่า
เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดแห่งโลก เราเป็นผู้ประเสริฐสุดแห่งโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ ภพใหม่ย่อมไม่มี ดังนี้"

 

แบบว่าปลอมเป็นชายน่ะครับสตาบิโล อิอิ ล้อเล่นนะครับ