น้ำมนตร์จำเป็นไหมในศาสนาพุทธ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย chottana, 15 ธันวาคม 2012.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ถามหน่อย ซิว่า ใครเป็นผู้แปล พระไตรปิฎก
    ที่ทำให้คนไทยได้อ่านกัน
     
  2. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    ชักจะไม่เข้าท่าเข้าทีเเละ. อย่าง ถ้ามีคนเอา ไม้ของต้นมะม่วง. หรือต้นอื่นๆก็ตาม นำไปทำเป็นเชื้อไฟ ถามว่าไฟมันจะติดให้มั่ย. ก็ติดได้.เพราะเชื้อนั้นถูกต้องอยู่เเล้ว เราไม่ต้องไปคิดหรอกว่าไฟนี้เกิดเพราะไม้ไหน ไม้จากที่ใด เชื้อนี้เกิดเพราะไม้นี้หรือไม้นั้น เเต่ให้เรารู้อย่างเดียวก็พอไฟยังไงก็เกิดได้ถ้ามีเชื้อที่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าต้องเป็นรุ่นนี้เท่านั้นรุ่นนี้ไม่ได้ คงจะไม่ถูก
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    สรุปคือ ไม่รู้

    ผมไม่รู้น่ะ ถึงถาม

    ที่ผมรู้และเข้าใจ คือ พระพุทธโฆษาจารย์
    ท่านเป็นผู้แปลบาลีมาเป็นภาษาไทยให้อ่านกัน

    หาก คุณ สามารสรุปและชี้ได้ว่า คำแปล บาลี ที่เป็นภาษาไทยที่ชนรุ่นหลังแปล


    กับที่พระพุทธโฆษาจารย์ท่านแปล เราจะตัดสินได้ยังไง ว่าอันไหนถูกต้อง
    เอาอะไรมาชี้วัด
     
  4. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337

    ก็ต้องไปสืบค้นเอา จะอยู่ในช่วง พระสมัยรัชกาลที่5. เพราะสมัยรัชกาลที่๑ยังเป็นใบลานอยู่ เเต่ถ้าถามถึงพระสงฆ์เหล่านั้นท่านเป็นใคร ซึ่งการแปลไม่ใช่ว่ามีองค์เดียวที่แปล ทั่งพระธรรมพระวินัยเป็นเล่มๆ เหมือนกับไม้ที่เป็นเชิ้อไฟต้องรู้มั้ยว่าๆไม้เล่มไหนทำให้ไฟขึ้นก่อนขึ้นหลัง ไม่มีใครรู้ได้ว่าองค์ไหนจะแปลในลักษณะไหร ซึ่งตรงนี้. ถ้าเกิดต้องการที่จะรู้จริงๆ ก้ต้องไปตั้งทีมงานค้นหากันเองอีกดู ถ้าสืบค้นว่าพระเหล่านี้ มีเท่าไหร่กันเเน่ เเต่ละองค์ท่านเป็นใครบ้าง ถ้าเจอก็จะเเสดงความยินดีด้วย เเต่อาจใช้เวลาหน่อยก็ต้องยอมรับละกัน
    ทีนี้เรื่องที่วัดว่าใครแปลได้ถูก. ได้ตรง ตรงนี้เราต้องไปอ่านดูเอากันเอาเอง ผู้ที่สดับในธรรมกับไม่เอาๆ นั้นต่างกัน เพราะคำตถาคตจะเข้าใจเองเป็นสันทิฏฐิโก อกาลิโก. เราจะอ่านเเล้วเข้าใจคำตถาคตเพราะเป็นข้อความที่ลึกซึ่ง เป็นชั้นโลกุตตรพ เเละเกิดจากการสะสมสุตะนั้นมากๆจึงเข้าใจได้ดี ไม่ใช่เกิดได้จากผู้ไม่เอาๆ หรือ. ไม่สดับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2012
  5. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    หากไม่ลงปฏิบัติ จะไม่เข้าใจ สันทิฏติโกได้ มันจะผ่านแต่ตรรกะ
    ท่องๆจำ ท่องๆจำ แต่ไม่ลงมือทำ

    เดี๋ยวจะไปหาสืบดูครับ บ๊ายบาย
     
  6. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    เเล้วจะเเยกกันทำไมหรือ สันทิฏฐิโกก็เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาเเละปฏิบัติควรน้อมเข้ามาใสตัว. ความหมายก็พูดถึงหลักปริยัติเเละปฏิบัติได้เหมือนกัน. เล็กๆน้อยๆจะเอาๆมันก็ไม่ใช่นะครับ เเละไม่ใช่ว่านำคำสาวกที่บัญญัติใหม่ เเล้วบอกว่าจะให้ผลไม่จำกัดกาลเหมือนกัน คนละเรื่องครับ ตรงนี้ก็ต้องทำความเข้าใจตั้งเเต่ต้นให้ดี ว่าพระธรรมนั้นก็คือธรรมที่พระศาสดาตรัสไว้ดีเเล้ว เเต่ไม่เกียวกับสาวกบัญญัติใหม่นะ เข้าใจตรงนี้ให้ดีเเล้วกันเห็นบอกว่าปรารถๆ ไส้ในอาจไม่เหมือนกันก็เป็นได้


    สวากขาโต ภะคาวะตาธัมโม
    พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีเเเล้ว
    สันทฏฐิโก
    เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาเเละปฏิบัติควรน้อมนำมาใสตัว
    อะกาลิโก
    เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้เเละให้ผลไม่จำกัดกาล


    ปฏิบัติได้ เเละ ให้ความรู้ได้ไม่จำกัดกาล.ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องจำเเนกออกไป เพราะผู้ที่ปฏิบัติได้ถูกต้อง ก็เกิดจากการศึกษาที่ถูกเเล้ว. ไม่มีใครบรรลุธรรมด้วยการไม่รับธรรม เเล้วนำไปปฏิบัติเอาเอง เเต่เเบบนี้เรียกว่าอะไร?
     
  7. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    คงต้องแยกแยะก่อนที่จะคุยกัน
    เช่น ตกลงสมัยพระพุทธกาลนั้น พระพุทธเจ้าทำน้ำมนต์จริงหรือไม่
    จริง... เพราะ...
    ไม่จริง เพราะ...

    อรรถกถาที่รจนานั้น เราควรเชื่อถือหรือไม่
    เพราะอะไร

    สำหรับผมแล้วตอบง่ายมาก
    ถ้าคนที่สนใจพระพุทธศาสนาอยากพ้นทุกข์จริงๆ เขาก้ามข้ามการพิจารณาน้ำมนต์
    คือ มีก็ดี ไม่มีก็ดี

    ผมเคยถามเพื่อนที่เป็นครูว่าทำไมมันต้องสอนร้องเพลง นิ้วโป้งอยู่ไหนๆๆ ให้เด็กด้วย
    คำตอบของมันเล่นเอาผมคิดไม่ถึงเลยเหมือนกัน

    คำสั่งสอนของครูบาอาจารย์รุ่นเก่านั้น
    คนฉลาดพยายามที่จะเข้าใจมัน
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ผมไม่รู้ รู้แต่ผมชอบเท่านั้นหละ ไปที่ใหนถ้าท่านมีพรมน้ำมนต์นี่ผมคนหนึ่งหละ ต้องวิ่งไปรับ
     
  9. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    (ขออนุญาติครับ เมื่อ พระสูตร มันขัดกันต้องมีอันหนึ่งที่จำมาผิด เพราะัว่ามันขัดกัน ชัดเจตมาก)


    [๒๕] ๗. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น
    อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิด
    ด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกัน
    บ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธี
    บวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษ
    เบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัดถุ์
    ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัดรักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ปุถุชนกล่าวชมตถาคต จะพึงกล่าวด้วยประการใด ซึ่งมีประมาณ
    น้อย ยังต่ำนัก เป็นเพียงศีลนั้นเท่านี้แล.
    จบมหาศีล.
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๙
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
    หน้าที่ ๑๐/๓๘๓ ข้อที่ ๒๕
     
  10. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    เห็นมั้ยครับว่า ยังมีผู้ที่สัทธาในตถาคตอยู่ คือการไปตรวจสอบเทียบเคียงเเบบนี้ ตามเเบบมหาปทเทป4 เรื่องต่างๆที่เถียงกันเป็นวันๆก็จบได้ เพราะอะไร? เพราะเค้าใช้สติ คิดเอาเองได้โดยไม่ต้องเชื้อผู้อื่น เค้าก็จะสรุปของเค้าเอง ปัญหาก็จบลงได้ เเต่ที่ไม่จบเพราะอะไร? ที่มีเรื่องงเถียงเพราะอะไร? คืออาจารย์ของตนนั้นบอกว่าเป็นสิริมงคล หรือว่า คนเค้าทำกันอยู่ ซึ่งถ้ามองในมุมของพระตถาคตเล้ว ที่มีคนยกมาให้ดู เมื่อทำในใจให้เเยบคาย เราจะได้ใจความสุตตะนั้นคือ
    ตถาคตเว้นจากการเลี้ยงชีวิตผิดเเล้ว ไม่ทำเเล้วซึ่งเดรฉานวิชา อย่างที่สมณะหรือพราหมณ์เหล่าอื่นเค้าทำกันอยู่ พระองค์เห็นพวกเค้าได้รับอาหารที่ทายกเค้าจัดไว้ให้ด้วยจิตสัทธา (เพราะพระองค์มีญาณกำหนดความยิ่งเเละหย่อนอินทรีย์ของเเต่ละคนได้)เเต่สมณะหรือพราหมณ์พวกนั้นตอบเเทนผู้ที่สัทธาด้วยการกระทำซึ่งสิ่งที่ไม่ให้ผลอะไร ซึ่งมุมมองตถาคตเห็นว่าเป็นการเลี้ยงชีพผิด ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงบัญญัติได้ เพราะมีเหตุให้บัญญัติเเล้ว ให้เป็นมหาศิล เพราว่าเดียรถีย์เค้าทำกันอยู่นั้นมัน เหมือนการหลวงผู้ที่สัทธาอยู่( มิจฉาอาชีวะ)เเละเป็นสิ่งที่ตถาคตเห็นว่าไม่ให้ผลอะไร เเละไม่ใช่สิริมงคลอย่างที่ทายกเหล่านั้นหลงดีใจอยู่ คือ วัตโกตูมงคล ซึ่งโสดาบันละได้เเล้วเช่นกัน
     
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    พระวินัย ย่อมไม่ขัดกันอยู่แล้วครับ

    รัตนสูตร

    นั่นคือ ท่าน ให้พระอานนท์อาราธนาพระปริต แล้วช่วยเหลือชาวเมือง

    ไม่ได้หมายความว่า พระพุทธเจ้า ท่าน เลี้ยงชีพ ด้วยการทำน้ำมนต์ พ่นน้ำมนต์

    แต่ท่าน สงเคราะห์เพื่อช่วยเหลือ

    ปัญหา หรือ ประเด็น จากต้นกระทู้

    คือ การ สื่อถึง พระพุทธโฆษาจารย์

    เป็นไปไม่ได้แน่นอน ที่พระพุทธโฆษาจารย์ จะกล่าวโกหก
    เพราะ มีการอ้าง อิง ว่า พระพุทธเจ้า ให้พระอานนท์ เรียน รัตนสูตร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 ธันวาคม 2012
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อีก อย่างหนึ่ง

    รบกวน เทพไม่เกเร

    ช่วยหา บท ที่ ท้าวจตุโลกบาล ทั้ง 4
    ถวาย บาตร แด่พระพุทธเจ้า
    บทนี้ รวมอยู่ ในพระสูตรหรือไม่
    เพราะ บท นี้ พระพุทธเจ้า ท่านก็ใช้ อิทธิฤทธิ์ ในการอธิฐาน
    รวม บาตร 4ใบเป็นใบเดียว
     
  13. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    บทข้างต้น นี้ เป็น ภาษาที่ถูกแปลเป็นภาษาไทยมาแล้ว

    หากมีการ ขยายอรรถกถา

    เฉพาะ คำว่า ติรัจฉานวิชา

    จะมีข้อแตกต่าง ความจำกัด

    อะไรคือ ติรัชฉานวิชา ?
     
  14. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    (ขออนุญาติให้ข้อมูลเท่านั้นนะครับ ผมไม่เอาถูกเอาผิด ผมจะเอาความหลุดพ้น)
    ราชายตนกถา
    เรื่องตปุสสะภัลลิกะ ๒ พ่อค้า
    [๖] ครั้นล่วง ๗ วัน พระผู้มีพระภาคทรงออกจากสมาธินั้น แล้วเสด็จจากควงไม้
    มุจจลินท์ เข้าไปยังต้นไม้ราชายตนะ แล้วประทับนั่งด้วยบัลลังก์เดียว เสวยวิมุตติสุข ณ
    ควงไม้ราชายตนะ ตลอด ๗ วัน.
    ก็สมัยนั้น พ่อค้าชื่อตปุสสะ ๑ ภัลลิกะ ๑ เดินทางไกลจากอุกกลชนบท ถึงตำบลนั้น.
    ครั้งนั้น เป็นเทพยดาผู้เป็นญาติสาโลหิตของตปุสสะ ภัลลิกะ ๒ พ่อค้า ได้กล่าวคำนี้กะ ๒ พ่อค้านั้น
    ว่า ดูกรท่านผู้นิรทุกข์ พระผู้มีพระภาคพระองค์นี้แรกตรัสรู้ ประทับอยู่ ณ ควงไม้ราชายตนะ ท่าน
    ทั้งสองจงไปบูชาพระผู้มีพระภาคนั้น ด้วยสัตตุผง และ สัตตุก้อน การบูชาของท่านทั้งสองนั้น
    จักเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ท่านทั้งหลายตลอดกาลนาน.

    ครั้งนั้น พ่อค้าชื่อตปุสสะ และภัลลิกะ ถือสัตตุผงและสัตตุก้อนเข้าไปเฝ้าพระผู้มี
    พระภาคแล้วถวายบังคม ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. สองพ่อค้านั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วน
    ข้างหนึ่งแล้ว ครั้นแล้วได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคจง
    ทรงรับสัตตุผงสัตตุก้อนของข้าพระพุทธเจ้าทั้งสอง ซึ่งจะเป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อความสุขแก่
    ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายตลอดกาลนาน. ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคได้ทรงปริวิตกว่า พระตถาคต
    ทั้งหลาย ไม่รับวัตถุด้วยมือ เราจะพึงรับสัตตุผง และสัตตุก้อนด้วยอะไรหนอ

    ลำดับนั้น ท้าวมหาราชทั้ง ๔ องค์ทรงทราบพระปริวิตกแห่งจิตของพระผู้มีพระภาค ด้วย
    ใจของตนแล้ว เสด็จมาจาก ๔ ทิศ ทรงนำบาตรที่สำเร็จด้วยศิลา ๔ ใบเข้าไปถวายพระผู้มี พระภาค
    กราบทูลว่า ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงรับสัตตุผงและสัตตุก้อนด้วยบาตรนี้ พระพุทธเจ้าข้า.

    พระผู้มีพระภาคทรงใช้บาตรสำเร็จด้วยศิลาอันใหม่เอี่ยม รับสัตตุผงและสัตตุก้อน
    แล้วเสวย.

    ครั้งนั้น พ่อค้าตปุสสะและภัลลิกะ ได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า
    ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสองนี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาคและพระธรรมว่า เป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาค
    จงทรงจำข้าพระพุทธเจ้าทั้งสองว่าเป็นอุบาสกผู้มอบชีวิตถึงสรณะ จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป.
    ก็นายพาณิชสองคนนั้น ได้เป็นอุบาสกกล่าวอ้าง ๒ รัตนะ เป็นชุดแรกในโลก.

    ราชายตนกถา จบ
    _____________
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๔
    พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑
    หน้าที่ ๘/๓๐๔ ข้อที่ ๖
     
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    (ขออนุญาติให้ข้อมูลเท่านั้นนะครับ ผมไม่เอาถูกเอาผิด ผมจะเอาความหลุดพ้น)

    ผมเองก็ฝึกเพื่อความหลุดพ้น เท่าจะที่ทำได้

    การสนทนาผ่านบอร์ดก็เป็นความรู้
    สำหรับ ใครอยากจะตัดสิน ถูกผิด
    ก็เป็นเรื่องของบุคคลไป

    ขอบคุณครับ ที่หามาให้

    ยังขาดช่วง อธิฐานบาตร ไม่ทราบว่า จะมีมาใน ตอนไหน
     
  16. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    ผมขอนุญาติ ขอโอกาส เขียนให้อ่านเล่นๆไม่เอาถูกเอาผิด ด้วยผมเรียนจบ ม.ต้นก.ศ.น เท่านั้นเอง ที่ผมเห็นพุทธประวัติถูกแต่งขึ้นหลายเรื่อง เอาเรื่องน้ำมนต์ก่อน วิเคราะไม่ยาก
    ใครที่คิดว่าพระพุทธเจ้าทำก็ประมาณพุทธเจ้าำต่ำไปพระองค์มีฤทธิ์มาก โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ภายนอกช่วย แค่ท่านคิดก็ยังสำเร็จได้ อีกอย่างท่านเกิดมาเพื่อบอกทางที่จะไม่ตาย
    อีก ถ้าเราศึกษาจริงๆไม่ยากเกินไปที่จะเข้าใจได้ว่าไม่ตายเป็นอย่างไร ตัวเราจริงๆไม่ตาย
    ที่มันตายที่เราเห็นอยู่บนโลกนี้ไม่ใช่ตัวเรา มันเป็นขันธ์๕ ตัวตนคำนี้ใช้กับตัวเราจริงๆไม่ได้
    เพราะตัวเราจริงๆ ไม่เกิดปรากฏให้เห็น มาแต่ไหนแต่ไร เมื่อมันไม่เกิดปรากฏ มันจะเรียกมันตัวตนไม่ได้ คำว่าตัวเราจริงๆก็ใช้ไม่ได้ผมยืมมาเพื่อจะอธิบายเท่านั้น พระพุทธเจ้าใช้ว่า
    สัตว์ทั้งหลาย เป็นพระอรหันต์แล้วจะใช้ว่าวิมุตติญาณทัสนะ เทียบทางโลกให้ดูว่า เราเรียน
    หนังสืออยู่ แล้ว เรียนจบ มันก็คนเดียวกัน แต่จะเรียกว่าคนเดียวกับตอนเรียนอยู่ไม่สมควร
    เพราะจบแล้วก็เรียก ดร.(อ่านเล่นๆนะครับถือว่าผมบ่นให้ฟัง)
     
  17. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    (ความนี้ทราบถึงท้าวสักกเทวราช ผู้เป็นจอมเทพแห่งดาวดึงส์สวรรค์ จึงทรงเสด็จมาเฝ้า และดีดพิณสามสายให้ทรงสดับ วาระแรกทรงดีดพิณสาย ที่ 1 ซึ่งขึ้นสายไว้ตึง พอลงมือดีดสายพิณก็ขาดผึงลง วาระที่ 2 ทรงดีดพิณสายที่สอง ซึ่งขึ้นสายไว้หย่อน ปรากฏเป็นเสียงที่ยืดยาดขาดความไพเราะ วาระที่ 3 ทรงดีดพิณสายสุดท้ายที่ขึ้นสายไว้พอดี เป็นบทเพลงที่ไพเราะกังวาน พร้อมกับถวายบังคมลากลับไป
    พระสมณโคดม ทรงสดับแล้วก็ทรงทราบถึงเหตุแห่งการมาของท้าวสักกเทวราช จึงได้แนวพระดำริว่า การบำเพ็ญทุกขกิริยานั้น เป็นการทรมาณตนให้ลำบากเปล่า เป็นข้อปฏิบัติที่ตึงเกินไปไม่ใช่หนทางแห่งการตรัสรู้ การบำเพ็ญเพียรทางสมาธิจิตนั้น ไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป น่าจะเป็นทางแห่งการตรัสรู้ได้ จึงเริ่มเสวยพระกระยาหารดังเดิมเพื่อให้ร่างกายคลายเวทนา มีสมาธิที่จะบำเพ็ญเพียรต่อไป)

    อันนี้ก็ถูกแต่งขึ้น วิเคราะไม่ยาก มือระดับพระองค์แล้วไม่จำเป็นให้ใครมาสอน และพระองค์บอกเอง ท่านตรัสรู้เองโดยชอบ หลักฐานผมหาได้แน่และมีแล้ว
    แต่อยากให้ท่านวิเคราะตาม
     
  18. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ผมสนใจที่มีคนวิเคราะห์เรื่องราวในพระไตรปิฏก
    วิเคราะห์ได้ไม่ยาก... ผมว่ายาก
    ยากตรงที่เรายังรู้ไม่ครบ

    เวลาวิเคราะห์ เราควรจะหาข้อแย้งในบทวิเคราะห์ของเราเอง
    ซึ่งตามปกติจะมีจุดอ่อนมากมาย

    แล้วถ้าเอาเรื่องนี้ขึ้นศาล หลักฐานเราอ่อนไปมั้ย
    เช่น คิดเอาเองว่า...
    พระพุทธเจ้าท่านให้ทำน้ำมนต์ เป็นเรื่องแต่งเติมขึ้นมา
    คำถามก็คือ... ผ่านมาสองพันกว่าปี ทำไมไม่มีใครค้าน
    ตอนสังคายนาทำไมไม่มีใครค้าน
    จนเมื่อร้อยปีมานี้ จึงมีคนค้าน เขาค้านเพราะเขาอ่านแล้วก็คิดเอาเองว่าไม่น่าจะใช่
    ผ่านไปสองพันกว่าปี ทั้งท่องทั้งอ่าน ไม่มีใครค้าน
    จนเมื่อร้อยกว่าปีมานี้ มีคนอ่านแล้วก็ค้านว่าไม่น่าจะใช่
    แล้วร้อยกว่าปีมานี้ ก็มีคนอ่านแล้วก็ไม่ค้าน

    เรื่องน้ำมนต์ เป็นเรื่องที่เราต้องใช้ปัญญาจริงๆในการพิจารณา
    เช่น... เมื่อใช้บทพระปริตหรือพุทธคุณแล้วมีผลจริงหรือไม่

    มี หรือ ไม่มี เรารู้ได้อย่างไร ถ้าตอบว่าคิดเอง... เราแพ้คดีนะครับ
    เราต้องมีหลักฐานทางวิชาการมาอ้างอิง
    และเรื่องนี้ ต้องมี วิชชา มาอ้างอิง

    จริงๆแล้วอ่านพระสูตรบ่อยๆ จะพบว่า พระพุทธเจ้าถามคนอื่นมากมายว่า
    กำลังคุยเรื่องอะไรอยู่

    ถามจริงๆ พระพุทธเจ้าไม่รู้หรือว่าพวกเขาเหล่านั้นคุยเรื่องอะไรกันอยู่
     
  19. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    [๔๒๓] ดูกรอัคคิเวสสนะ เรามีความดำริว่า ถ้ากระไร เราพึงปฏิบัติอดอาหารเสียโดย
    ประการทั้งปวงเถิด
    . ขณะนั้น พวกเทวดาเข้ามาหาเราแล้วกล่าวว่าข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ ท่านอย่า
    ปฏิบัติอดอาหารโดยประการทั้งปวงเลย ถ้าท่านจักปฏิบัติอดอาหารโดยประการทั้งปวง พวกข้าพเจ้า
    จะแทรกโอชาหารอันเป็นทิพย์ตามขุมขนแห่งท่าน ท่านจะได้ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยโอชาหารนั้น.

    เรามีความดำริว่า เราปฏิญญาว่าจะตัดอาหารโดยประการทั้งปวง แต่เทวดาเหล่านี้จะแทรกโอชาหาร
    อันเป็นทิพย์ตามขุมขนแห่งเรา เราจะยังมีอัตภาพให้เป็นไปด้วยโอชาหารนั้น การปฏิญญาไว้นั้นก็
    เป็นมุสาแก่เราเอง.
    เราจึงกล่าวห้ามเทวดาเหล่านั้นว่า ข้อนั้นไม่ควร.

    [๔๒๔] ดูกรอัคคิเวสสนะ เรามีความดำริว่า ถ้ากระไร เราพึงกินอาหารให้น้อยลงๆ
    เพียงซองมือหนึ่งๆ บ้าง เท่าเยื่อในเม็ดถั่วเขียวบ้าง เท่าเยื่อในเม็ดถั่วพูบ้าง เท่าเยื่อในเม็ดถั่วดำ
    บ้าง เท่าเยื่อในเม็ดบัวบ้าง. เราก็กินอาหารให้น้อยลงๆ ดังนั้นจนมีร่างกายซูบผอมยิ่งนัก เพราะเป็น
    ผู้มีอาหารน้อยนั้น เหลือแต่อวัยวะใหญ่น้อย เหมือนเถาวัลย์ที่มีข้อมาก หรือเถาวัลย์ที่มีข้อดำ
    เนื้อตะโพกก็ลีบเหมือนกีบอูฐ กระดูกสันหลังก็ผุดเป็นหนาม เหมือนเถาวัลย์ [หนามรอบข้อ]
    ซี่โครงทั้ง ๒ ข้าง ขึ้นสะพรั่ง เหมือนกลอนศาลาเก่าที่สะพรั่งอยู่ ดวงตาทั้ง ๒ ก็ลึกเข้าไปในเบ้า
    ตาเหมือนดวงดาวในบ่อน้ำอันลึก ปรากฏอยู่ หนังศีรษะบนศีรษะก็เหี่ยวหดหู่ เหมือนลูกน้ำเต้า
    ที่เขาตัดมายังดิบ ต้องลมและแดดเข้าก็เหี่ยวไป. เรานึกว่าจะลูบพื้นท้องก็จับถึงกระดูกสันหลัง
    เมื่อนึกว่า จะลูบกระดูกสันหลัง ก็จับถึงพื้นท้อง เพราะพื้นท้องของเราติดแนบถึงกระดูกสันหลัง
    เมื่อนึกว่า จะถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ ก็ซวนแซล้มลง ณ ที่นั้น. เมื่อจะให้กายสบายบ้าง เอา
    ฝ่ามือลูบตัวเข้า ขนทั้งหลายที่มีรากเน่าก็หลุดร่วงจากกายเพราะเป็นผู้มีอาหารน้อย. มนุษย์ทั้งหลาย
    เห็นเราเข้าแล้วก็กล่าวว่า พระสมณโคดมดำไป บางพวกก็พูดว่า พระสมณโคดมไม่ดำ เป็นแต่
    คล้ำไป บางพวกก็พูดว่า ไม่ดำ ไม่คล้ำ เป็นแต่พร้อยไป. เรามีผิวพรรณบริสุทธิ์เปล่งปลั่ง
    แต่เสียผิวไป ก็เพราะเป็นผู้มีอาหารน้อยเท่านั้น.

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๒
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
    หน้าที่ ๓๑๙/๔๓๐ ข้อที่ ๔๒๓ - ๔๒๔
     
  20. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ขอบคุณครับ ที่เน้นให้

    ทีนี้ ลองวิเคราะห์ ดูซิ


    จะเป็นไปได้ไหม ที่พระพุทธเจ้า ใช้ บาตร ตั้ง 4 ใบ

    พระพุทธเจ้าเองเวลานั้นท่านก็อยู่คนเดียวด้วย
    จะถือของ อุ้มบาตร ทีเดียว 4 ใบงั้นรึ


    ทีนี้ อะไรที่หายขาดไป!!
     

แชร์หน้านี้

Loading...