จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ขอร่วมอนุโมทนา กับจิตบุญ 119 -120-121 และขอร่วมอนุโมทนา กับท่านพระอาจารย์ ชัชวาล และคุณครู ผู้ฝึกสอน และทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทุุกๆท่านค่ะอนุโมทนาสาธุค่ะ จากจิตบุญ 104 U.K ค่ะ ขอบพระคุณสำหรับ หลักวิปัสสนาญาณ 9 จะนำมาศึกษา เพื่อจะได้เพิ่มปัญญายิ่งๆขึ้นสาธุ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2012
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขออภิมหาโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่ ๑๑๙,๑๒๐,๑๒๑
    ครูผู้สอนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน

    และขอโมทนาสาธุกับครูเพ็ญที่นำเรื่อง หลักวิปัสสนาญาณ ๙ มาเป็นธรรมาทานให้กับพวกเราด้วย
    โมทนาสาธุ ยกเป็นทีมเลย

    ปล. รอก่อนนะสายUK ขอให้เขาวิปัสสนาอีกนิดนึง แต่จิตท่านนี้พร้อมมากๆ พร้อมมาตั้งนานแล้ว ท่านนี้ยกแน่นอน
    แต่รอวาระกรรมเขานิดเดียว "น้องดาว" ครูคนดี๊ คนดี หาประมาณที่สุดมิได้ สู้ๆๆ

    ต่อไปสายบุญจิตเกาะพระ ในสายพระภิกษุ สายแม่ชี สายฆราวาส จะทำกิจยกจิตแข่งกันว่าเล่นเลย
    ยกจิตกันทีนะ เป็นสิบๆดวงเลย คอยดูนะะะ
    นับตั้งแต่สายฆราวาสได้จิตพุทธะเป็นต้นไป
    ต่อไปสายอภิญญาหรือสายญาณทิพย์จะเริ่มเข้ามาในภายหลัง
    คอยดูนะะะ
    พี่ภูเป็นโหรชั่วคราวไปก่อน เดี๋ยวโหรตัวจริงเสียงจริงจะเข้ามาเอง
    อิอิ


    ภูทยานฌาน2
     
  3. ทิวลิปขาว

    ทิวลิปขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +1,555


    จิตใครก็จิตใคร จิตเขาก็จิตเขา จิตเราก็จิตเรา คนที่เป็นเจ้าของจิตนั้นต้องรับผิดชอบเอง เลือกเองว่าจะเอาสุขหรือจะเอาทุกข์
    คนที่เลือกเอาสุขมักจะไม่ได้พบเจอพระพุทธเจ้า
    คนที่พบทุกข์ถึงจะพบพระพุทธเจ้าได้ง่ายขึ้น
    แต่พระพุทธเจ้าสอนเราให้ปล่อยวาง คือปล่อยวางทั้งสุข ทั้งทุกข์

    ดังนั้นถ้าอยากพบพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง คือต้องปล่อยวาง
    ปล่อยวาง เพราะเรารู้แล้วเข้าใจแล้ว นี่คือสุข
    ปล่อยวาง เพราะเรารู้แล้วเข้าใจแล้ว นี่คือทุกข์
    เพราะทั้งสุขและทุกข์ คือยังมีอัตตา ตัวตนอยู่

    ดังนั้น จิต ต้องปล่อยวางความมีในอัตตาตัวตนนั้นให้ได้
    คือไม่ยึดติดว่า ร่างกายนี้ เป็นของเรา
    ไม่ยึดติดกับสิ่งใดๆในโลกนี้ ไม่ว่าสุข-ทุกข์ ดี-ชั่ว ดำ-ขาว ถูก-ผิด
    เพราะทุกๆสิ่งมีที่มา ที่ไป คือมีเหตุ แล้วมีผลของสิ่งนั้นๆ

    อย่าเอาจิตไปตัดสิน-ยึดถือสิ่งใดๆ อันไม่มีประโยชน์
    ดำรงจิตให้นิ่งเสีย

    การปล่อยวางสิ่งในใดๆนั้น จิตจะต้องรู้และเข้าใจ จิตถึงจะยอมรับ และปล่อยวางได้ นั้นคือจิตได้เรียนรู้แล้ว จิตเข้าใจแล้ว จิตยอมรับแล้ว จิตถึงจักปล่อยวางสิ่งต่างๆได้

    ลูกพระพุทธเจ้า มีความรัก เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา แด่ผู้อื่นอยู่เป็นนิจ


     
  4. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ขออนุโมทนา บุญ กับ จิตบุญ ดวงที่ 119-120 -121 และครูผู้สอนทุกๆท่านด้วยค่ะ:cool::cool::cool:
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พี่ภู..ขอแสดงความยินดีด้วยความจริงใจ
    ที่จิตบุญหลายท่านที่สามารถเข้าถึง
    "จิตพุทธะ"
     
  6. เมธญา

    เมธญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +1,584
    ขออนุโมทนาสาธุ กับจิตบุญ 119 จิตบุญ 120 และจิตบุญ121 พร้อมครูผู้สอนทุกท่านค่ะ
     
  7. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    กราบอนุโมทนาบุญกับจิตบุญ ดวงที่ ๑๑๙,๑๒๐และ๑๒๑ และครูผู้สอนทุกๆท่านด้วยค่ะ
     
  8. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    ขอโมทนาบุญ กับจิตบุญดวงที่ ๑๑๙,๑๒๐,๑๒๑ ครูผู้สอนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน ..สาธุ ครับ
     
  9. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,081
    ค่าพลัง:
    +10,246
    _/\_ สาธุ สาธุ สาธุ
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ ๑๑๙ ๑๒๐ ๑๒๑ พระอาจารย์
    และคุณครูจิตบุญทุกท่านด้วยครับ
     
  10. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    โมทนาสาธุ สาธุด้วยกับธรรมทานนี้ด้วยครับ..
     
  11. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    บุญ ยิ่งแบ่ง ยิ่งได้

    พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงเปรียบบุญไว้ เหมือนกับเราจุดเทียนขึ้นมาเล่มนึง เทียนเราให้แสงสว่าง แล้วเราให้คนอื่นเขามาต่อเทียน หรือเราไปต่อเทียนให้คนอื่นเขา ทำให้แสงสว่างของเราลดน้อยลงไปไหม? ไม่เลย มีแต่ยิ่งเพิ่มพูนแสงสว่างขึ้นเหมือนกับเราทำบุญ บุญของเราก็คือแสงสว่างนั้น ตอนนี้เราแบ่งบุญอุทิศบุญให้คนอื่น เหมือนกับเราไปต่อเทียนให้เขา ทำให้บุญเราน้อยลงไปไหม ไม่เลย ยิ่งไปเพิ่มพูนบุญมากขึ้นๆ นั่นหละเป็นข้อเปรียบเทียบที่พระพุทธเจ้าทรงเปรียบเทียบให้ฟัง เพราะฉะนั้นการอุทิศบุญ เราทำบุญเราได้บุญอยู่แล้ว เราอุทิศบุญกุศลไปเราได้บุญจากการอุทิศบุญอีกด้วย เพราะฉะนั้นบุญยิ่งแบ่งยิ่งได้

    พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
    ที่มา fbชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
     
  12. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151

    “... ผู้ใด พิจารณาความตาย
    อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก นั้นจึงจะเป็นผู้ไม่ประมาท
    หายใจเข้าแล้ว ไม่หายใจออก ก็ตาย
    หายใจออกแล้ว ไม่หายใจเข้า ก็ตาย
    เป็นอยู่อย่างนี้ เรียกว่า เป็นผู้ไม่ประมาท


    วันหนึ่ง ๆ เราคิดถึงความตายสักกี่ครั้ง ?
    วัน เดือน ปี ล่วงไป ๆ ..
    ไม่เคยนึกถึงความตายสักทีเลย ก็มี
    จึงว่า เป็นผู้ประมาท

    ความประมาท คือ..
    ความเลินเล่อเผลอสติ ไม่มีสติในตัว
    ความประมาทจะพาไปถึงไหน
    ความประมาท คือ หนทางแห่งความตาย
    คำว่า ทางแห่งความตาย นั้นยังไม่ทันตายหรอก
    แต่ผู้ประมาท ได้ชื่อว่าตายแล้ว
    เพราะการไม่มีสติ ก็เหมือนกับคนตาย

    ความไม่ประมาท คือ..
    มีสติ อยู่ทุกเมื่อ ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน
    นั่นทางแห่งความไม่ตาย ที่มีสติ
    สติ รู้ตัว อยู่ทุกเมื่อ ทุกขณะ
    นั่นแหละ เรียกว่า เป็นผู้ไม่ตาย ...”

    หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
    ที่มา fb ธรรมโอสถ​
     
  13. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    การชำระหนี้สงฆ์
    ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    ผู้ถาม : ทำกรรมอะไรถึงลง อเวจี คะ........?
    หลวงพ่อ : "อเวจีนี่ทำกรรมหนักมากมันจึงจะลง ก็มีอนันตริยกรรม อาจิณกรรม
    ขโมยของสงฆ์ ของสงฆ์นี่แตะนิดเดียว ลงอเวจีเลยนะ แม้แต่เศษเล็ก ๆ"

    เรื่อง อนันตริยกรรม เช่น ฆ่าพ่อแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ยุให้สงฆ์แตกกัน เป็นต้น พระยายมมาบอกหลวงพ่อว่า "ทุกคนอย่าได้ทำเด็ดขาด ท่านช่วยไม่ได้เลย"

    ส่วนอาจิณกรรม เช่น แม่ครัวทุบหัวปลาแกงเป็นประจำ เป็นต้น

    สำหรับ ขโมยของสงฆ์ หลวงพ่อได้ยกตัวอย่างให้ฟังดังนี้ :
    มีญาติพระเจ้าพิมพิสาร เป็นทายกในตอนต้นก็ดี ซื่อตรงต่อการบุญการกุศล แต่มาตอนกลาง ๆ มือถึงท้ายมือไม่ค่อยดี เริ่มหยิบแล้ว ทีแรกก็เป็นทายก ต่อมาก็เลยเป็นทายัก ของอะไรดี ๆ ก็ยักเอาไปเสียบ้าง เอาไว้ให้ลูกให้เมีย เอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียบ้าง ของที่เขาจะถวายสงฆ์ เขาตั้งใจจะทำอาหารถวายสงฆ์ เนื้อดี ๆ ก็ยักเอาไว้บ้าง แกงดี ๆ ก็ยักเอาไว้บ้าง บางทีไม่ยกของสด ไอ้ของที่สำเร็จรูปที่เขาไม่ทันจะถวายพระ ก็ยักเอาไว้เสียบ้าง ญาติของพระเจ้าพิมพิสารเป็นทายักแบบนี้ ตายแล้วลงนรกสิ้นระยะเวลา ๑ กัป พ้นจากนั้นแล้ว ก็มาตกยมโลกียนรก คือผ่านนรกบริวาร ๔ ขุม แล้วก็มาตกยมโลกีนรกตามลำดับมาเป็นเปรต ๑๑ จำพวก สุดท้ายก็เป็น เปรตพวกที่ ๑๒ สมัยพระพุทธเจ้าของเรานี่

    และอีกเรื่องหนึ่ง กากะเปรต สมัยที่เกิดเป็นกา แย่งข้าวในขันที่เขานำไปจะถวายพระ ข้าวสุกนั้นเขานำไปยังไม่ถึงพระ ยังไม่ใช่ของสงฆ์ จะถือว่าเป็นของชาวบ้านก็ไม่ได้ เพราะเขาตั้งใจถวายสงฆ์แล้ว กรรมเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ตายไปแล้วไปลงอเวจี แล้วแถมมาเกิดเป็นเปรต

    ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇


    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ คนที่กินข้าวที่พระอนุญาตแล้ว ทำไมถึงตกนรก และพระที่ให้ก็ต้องตกนรกด้วยครับ....?

    หลวงพ่อ : "ถ้าอาหารที่พระให้ต้องเป็นของญาติโยมที่ถวายเฉพาะองค์นั้น ไม่มีโทษแน่ แต่ที่เป็นอย่างนี้ต้องเป็นอาหารที่เขาถวายเป็นส่วนกลาง คือเป็นของสงฆ์ ของสงฆ์นั้นพระองค์ใดองค์หนึ่งไม่มีสิทธิ์ให้ นอกจากสงฆ์จะประชุมตกลงให้พระองค์นั้นเป็นผู้จ่ายแทนสงฆ์ ตัวอย่างของสงฆ์เช่น อาหารวันพระ ที่มีข้าวใส่บาตรเหลือมากๆ แล้วทายกใส่ถ้วยเอาไปกินบ้าน โดยที่คณะสงฆ์ไม่มีส่วนรู้เห็น อย่างนี้แม้แต่เจ้าอาวาสเองยังไม่มีสิทธิ์ให้ตามลำพัง

    บางทีกินอาหารที่พระฉันเหลือ ถ้าพระอนุญาตแล้วไม่มีโทษ(สำหรับญาติโยมที่ไปในงาน ทางวัดเขาตั้งใจเลี้ยงก็ไม่เป็นไร) แต่บางท่านก็หยิบของที่พระฉันแล้วเอามาเฉยๆ บางท่านก็ขอเอาดื้อๆ ให้หรือไม่ให้ก็ตาม ออกปากขอแล้วยกไปเลย พระยังไม่ทันอนุญาต ท่านทายกประเภทนี้ ท่านช่วยยกคนที่กินกับท่านลงอเวจีแบบสะดวก เมื่อจะขอต้องดูว่าอาหารมากไหม ถ้ามากจนเหลือเฟือ ก็ขอให้พระท่านให้ตามความพอใจของท่าน เพราะท่านอาจจะมีกังวลนำอาหารไปให้ใครก็ได้ ที่ท่านมีภาระต้องเลี้ยง ถ้าถือเอาตามความพอใจก็ต้องถือว่าแย่งอาหารจากพระมีโทษ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์

    และอาหารถวายพระพุทธรูปก็เหมือนกัน อาหารประเภทนี้ดูเหมือนจะเป็นเหยื่อล่อให้ทายกลงอเวจีสะดวกสบายมาก อาหารที่เขานำมาวัด เขาตั้งใจถวายพระสงฆ์ การนำไปถวายพระพุทธรูปนั้นเป็นความดี เพราะเป็นพุทธานุสสติด้วย เป็นพุทธบูชาด้วย แต่อาหารประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มาก เพราะพระพุทธรูปไม่ได้ฉัน ท่านจะฉันหรือไม่ฉันก็ตาม อาตมาคิดว่าทายกทายิกาไม่มีสิทธิ์จะกิน หลายวัดหรือส่วนใหญ่ ทายกมักจะเอาอาหารดีๆ และมากๆ ไปทุ่มเทถวายพระพุทธรูป

    เมื่อพระฉันเสร็จแล้ว ต่างก็ยกเอามากิน ตอนนี้ไม่ถูกด้วยประการทั้งปวง ต้องเอาไว้ถวายพระตอนเพลจึงจะถูก ทายกทายิกาจะกินได้เฉพาะอาหารที่เหลือเป็นเดนจากพระฉันเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์สถาปนาตนเองเป็น "ลูกศิษย์พระพุทธรูป" แต่ประการใดรวมความว่า ของที่ถือว่าเป็นของสงฆ์นั้น คือของในวัดทุกประการที่เขาถวายเป็นของสงฆ์แล้ว แม้แต่ดอกไม้ ผลไม้ในวัด เศษไม้ที่คิดว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว เอามาทำฟืนบ้าง ทำอย่างอื่นเล็กๆน้อยๆบ้าง จงอย่าคิดว่าไม่มีบาป แม้แต่เศษกระเบื้องที่ทิ้งแล้ว ก็เป็นของสงฆ์ มีผลเสมอกัน เว้นไว้แต่ดอกไม้ผลไม้ที่พระหรือท่านผู้ใดปลูกในวัด ถ้าท่านเจ้าของยังอยู่ในเขตวัดนั้นและท่านอนุญาต อย่างนี้เอามาได้ไม่บาป ด้วยท่านเจ้าของมีสิทธิ์สมบูรณ์ให้ได้ รับมาได้ไม่มีโทษ ถ้าท่านผู้ปลูกออกไปจากวัดนั้นหรือตายไปแล้ว ของนั้นเป็นของสงฆ์โดยตรง ไปเอามามีโทษตามกำลังบาป ขโมยของสงฆ์

    และอีกประการหนึ่ง วัดร้างที่ไม่มีพระอยู่ แต่มีสภาพเป็นวัด กับที่ของสงฆ์ที่เป็นไร่นาไปแล้ว ไม่มีสภาพเป็นวัด ถ้าเราไปนำมานิดเดียวแม้แต่หญ้าต้นเดียว เขาถือว่าเป็นหนี้สงฆ์ อันนี้อันตรายมาก สมัยหลวงพ่อปาน ท่านก็แนะนำให้คนชำระหนี้สงฆ์ บาทสองบาท สลึงสองสลึง บางคนไม่มีเงินเอามาทำงานแทน ทำอะไรก็ได้ไม่บังคับ คือ ดายหญ้าก็ตามไม่เอาค่าแรง"


    (ใครก็ตามได้รู้อย่างนี้ก็ใจเสียแล้ว เวลาไปเอามาไม่รู้เท่าไหร่ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ก็มีคนหัวดี กล้าถามหลวงพ่อว่า ถ้าจะชำระหนี้สงฆ์ทั้งหมด ตั้งแต่ที่เคยทำมาตั้งแต่ต้นจนปัจจุบันนี้ จะทำอย่างไร เราจึงได้รู้เรื่องการสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ขึ้นมา)



    ♥ การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์

    ผู้ถาม : แล้วเรื่องพระชำระหนี้สงฆ์มีความเป็นมาอย่างไรครับ...?

    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ คนที่กินข้าวที่พระอนุญาตแล้ว ทำไมถึงตกนรก และพระที่ให้ก็ต้องตกนรกด้วยครับ....?

    หลวงพ่อ : "ถ้าอาหารที่พระให้ต้องเป็นของญาติโยมที่ถวายเฉพาะองค์นั้น ไม่มีโทษแน่ แต่ที่เป็นอย่างนี้ต้องเป็นอาหารที่เขาถวายเป็นส่วนกลาง คือเป็นของสงฆ์ ของสงฆ์นั้นพระองค์ใดองค์หนึ่งไม่มีสิทธิ์ให้ นอกจากสงฆ์จะประชุมตกลงให้พระองค์นั้นเป็นผู้จ่ายแทนสงฆ์ ตัวอย่างของสงฆ์เช่น อาหารวันพระ ที่มีข้าวใส่บาตรเหลือมากๆ แล้วทายกใส่ถ้วยเอาไปกินบ้าน โดยที่คณะสงฆ์ไม่มีส่วนรู้เห็น อย่างนี้แม้แต่เจ้าอาวาสเองยังไม่มีสิทธิ์ให้ตามลำพัง

    บางทีกินอาหารที่พระฉันเหลือ ถ้าพระอนุญาตแล้วไม่มีโทษ(สำหรับญาติโยมที่ไปในงาน ทางวัดเขาตั้งใจเลี้ยงก็ไม่เป็นไร) แต่บางท่านก็หยิบของที่พระฉันแล้วเอามาเฉยๆ บางท่านก็ขอเอาดื้อๆ ให้หรือไม่ให้ก็ตาม ออกปากขอแล้วยกไปเลย พระยังไม่ทันอนุญาต ท่านทายกประเภทนี้ ท่านช่วยยกคนที่กินกับท่านลงอเวจีแบบสะดวก เมื่อจะขอต้องดูว่าอาหารมากไหม ถ้ามากจนเหลือเฟือ ก็ขอให้พระท่านให้ตามความพอใจของท่าน เพราะท่านอาจจะมีกังวลนำอาหารไปให้ใครก็ได้ ที่ท่านมีภาระต้องเลี้ยง ถ้าถือเอาตามความพอใจก็ต้องถือว่าแย่งอาหารจากพระมีโทษ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์

    และอาหารถวายพระพุทธรูปก็เหมือนกัน อาหารประเภทนี้ดูเหมือนจะเป็นเหยื่อล่อให้ทายกลงอเวจีสะดวกสบายมาก อาหารที่เขานำมาวัด เขาตั้งใจถวายพระสงฆ์ การนำไปถวายพระพุทธรูปนั้นเป็นความดี เพราะเป็นพุทธานุสสติด้วย เป็นพุทธบูชาด้วย แต่อาหารประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มาก เพราะพระพุทธรูปไม่ได้ฉัน ท่านจะฉันหรือไม่ฉันก็ตาม อาตมาคิดว่าทายกทายิกาไม่มีสิทธิ์จะกิน หลายวัดหรือส่วนใหญ่ ทายกมักจะเอาอาหารดีๆ และมากๆ ไปทุ่มเทถวายพระพุทธรูป

    เมื่อพระฉันเสร็จแล้ว ต่างก็ยกเอามากิน ตอนนี้ไม่ถูกด้วยประการทั้งปวง ต้องเอาไว้ถวายพระตอนเพลจึงจะถูก ทายกทายิกาจะกินได้เฉพาะอาหารที่เหลือเป็นเดนจากพระฉันเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์สถาปนาตนเองเป็น "ลูกศิษย์พระพุทธรูป" แต่ประการใดหลวงพ่อ : "เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ฉันไปที่ศรีราชา ญาติโยมเขาถามเรื่องพระชำระหนี้สงฆ์ ถ้าหลายๆ ชาติเราไม่รู้เอาอะไรมาบ้าง ถามว่าจะทำอย่างไรฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พอตอบไม่รู้ ก็เห็นพระท่านลอยมา ท่านบอก "ถ้าจะชำระให้ครบถ้วน เป็นเงินเท่าไรก็ไม่พอ ให้สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก"พระหน้าตัก ๔ ศอก ถือว่าเป็นพระประธานมาตรฐาน ท่านบอกว่า "พระพุทธรูปนี่ไม่มีใครตีราคาได้ ใช้ในการชำระหนี้สงฆ์ หนี้สงฆ์ที่แล้วๆ มาถือเป็นการหมดกันไป"

    ฉันพูดแล้วก็กลับมาวัด ต่อมาพวกนั้นก็มาถามใหม่ว่า "สร้างพระองค์เดียวได้คนเดียวหรือกี่คน" ฉันก็ไม่รู้อีกซิ ก็นึกถึงท่าน ท่านก็มาใหม่ ท่านบอกว่า ฺ"ถ้าไม่ปิดทองได้คนเดียว ถ้าปิดทองครบถ้วนได้ทั้งคณะ" คำว่า "คณะ" หมายความว่าบุคคลหลายคนก็ได้ ตัดบาปเก่า ถ้าสร้างใหม่เอาอีกนะ สร้างหนี้ใหม่ต่อเป็นหนี้ใหม่เหมือนกันนะ"

    ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇


    ผู้ถาม : ถ้าหากว่าเรามีสตางค์น้อยๆ แล้วถวายพระ จะได้ไหมครับ....?หลวงพ่อ : "ถ้าเรามีสตางค์น้อยๆ ก็ใส่ซองเขียนหน้าซองว่า "ชำระหนี้สงฆ์" คือว่าไม่ได้จำกัด ทำไปเรื่อยๆ ให้ใจสบาย บาทสองบาทตามกำลังที่พึงทำได้ เขาไม่ได้เกณฑ์ว่าจะสร้างพระ หลวงพ่อปานท่านทำอย่างนี้มาก่อน เรื่องสร้างพระนี่เขาถามก็บอก ท่านมาบอกอัตรานี้โละกันเลยนะ คือไม่ใช่จะเกณฑ์ให้ไปสร้างพระเพราะทุนไม่พอใช่ไหม เราก็ทำไปเรื่อยใจสบาย

    มีสตางค์รับเงินเดือนมาที่ ทำ ๕ บาท ใส่ซองถวายพระบอก "ขอชำระหนี้สงฆ์" ท่านไม่รู้ท่านใช้ผิด ท่านลงนรกเอง ไม่ต้องห่วง ถ้าไปกินเป็นส่วนตัวละเรียบร้อย เงินชำระหนี้สงฆ์มันมีค่ากว่าเงินสังฆทานและวิหารทาน ถ้าไปใช้เป็นส่วนตัวไม่ได้ ต้องใช้เป็นส่วนกลาง อันตรายกับพระ แต่ช่างท่านเถอะ ถ้าบวชแล้วอยากโง่ให้ลงนรกไป ใช่ไหม...."
    ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇ ◆ ◇


    ผู้ถาม : ถ้ามีญาติโยมเอาเงินไปถวายพระ แต่ก็เอาเงินไปปลูกบ้านบ้าง ให้ญาติโยมไปออกดอกออกช่อบ้าง อยากทราบว่าผลบุญที่ลูกได้ทำแล้ว จะมีอานิสงส์สมบูรณ์แบบหรือไม่เจ้าคะ...?

    หลวงพ่อ : "เขาถวายเป็นของสงฆ์ใช่ไหม เขาถวายเข้าไปในวัดใช่ไหม แล้ววัดไม่ได้ทำอะไร แต่คนในวัดเอาไปปลูกบ้าน เงินนั้นไปที่อื่นใช่ไหม เขาถวายอานิสงส์ มันได้ตั้งแต่ถวาย มีอานิสงส์ครบถ้วน นั่นเขาครบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เลยนะ คนอื่นเอาไปใช่ไหม อย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะ

    อานิสงส์มันได้ตั้งแต่เริ่มให้ ยิ่งให้ก็ยิ่งอานิสงส์หนักขึ้น เวลาให้ต้องให้ด้วยตนเองใช่ไหม ขณะที่พระรับก็เกิดธรรมปีติอิ่มใจ อานิสงส์มันเพิ่ม แต่ว่าคนที่นำเอาไปใช้พิเศษคนนั้นลงอเวจีแน่"

    ผู้ถาม : โอ้โฮ...หนักถึงขนาดนั้นเลยหรือครับหลวงพ่อ.....?
    หลวงพ่อ : "ยังเบานะ ถ้า ๒-๓ คราว ลงโลกันต์"

    ผู้ถาม : นี่ดีนะที่สึกออกมาก่อน ไม่งั้นไปอยู่ใต้พระเทวทัตแน่ๆ
    หลวงพ่อ : "ใต้พระเทวทัตน่ะไม่มีความทุกข์นะ ความทุกข์มันอยู่แค่อเวจี ต่ำกว่าอเวจีก็ไม่ถึงโลกันต์"

    เว็บศูนย์พุทธศรัทธา : การชำระหนี้สงฆ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2012
  14. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151

    การทวนกิเลสก็เช่นกัน แม้ต้องใช้ความเพียรมาก แต่ยิ่งทำ จิตใจก็ยิ่งแจ่มใส โปร่งโล่ง เบาสบาย
    ไม่ถูกรัดรึงเพราะความอยาก หรือหม่นหมองข้องขัดเพราะไม่สมหวัง
    รวมทั้งไม่ต้องแบกอัตตาอันใหญ่โตให้วุ่นวายใจ ชีวิตจึงสงบเย็น
    เห็นความงดงามได้รอบตัว เข้าถึงความสุขได้ง่าย
    รวมทั้งเห็นโลกในมุมมองที่กว้างไกลขึ้น เพราะไม่ติดตันคับแคบอยู่กับประโยชน์ส่วนตัว

    พระไพศาล วิสาโล​
     
  15. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ขายยา คั่นรายการค่ะ
    <iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/2Sar5WT76kE?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  16. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    เราขอมอบผลบุญบารมีทั้งหมดทั้งมวลของเราที่ได้ทำถวายท่านพ่อให้ทุกท่าน ขอให้จิตบุญก้าวหน้าในจิตตน
    ขอให้จิตเกาะพระ จิตบำเพ็ญ ผู้ฝึกทุกคน ก้าวหน้าในการเดินมรรค จนถึงบ้านเดิมของจิตด้วยเทอญ ... สาธุ

    เป็นผู้ให้ ใจจะไม่หวัง ... ก้อจะไม่ทุกข์
    เป็นผู้รับ ก้อเช่นกัน ... อย่าหวังว่าจะมาเรื่อยๆ มันจะอยาก มันจะชิน มันจะไม่ยอมช่วยตนเอง ...

    จงทำให้ตนเข้มแข็งโดยตน แล้วจะพ้นเอง ...


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2012
  17. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ขอโมทนาบุญกับ จิตบุญ๑๑๙ จิตบุญ๑๒๐ จิตบุญ๑๒๑ และครูผู้สอนทุกท่านด้วยครับ


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  18. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]


    "แท้จริงความนึกคิดมิใช่ทุกข์
    แต่การไปยึดความนึกคิดมาเป็นของตนจึงเป็นทุกข์
    ผู้ใดทำใจให้ถึงความเป็นกลางได้ ผู้นั้นจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวง"



    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
     
  19. urairatvi

    urairatvi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +2,401
    ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญที่ 119,120,121และครูผู้ฝึกสอนและผู้เกี่ยวข้องทุกท่านคะ
    ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ สาธุ
     
  20. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    ขอโมทนาบุญกับจิตบุญ ดวงที่ ๑๑๘ ๑๒๐ ๑๒๑ ครูผู้ฝึกสอนและครูจิตบุญทุกท่าน ที่เกี่ยวข้องด้วยค่ะ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...