ความรู้แห่งปัญญา+บทเรียนแห่งแสงสว่าง :=: บันทึกลับของนักเรียนโรงเรียนจิตวิญญาณโบราณ

ผู้หญิงชื่อsarissaคนเดิมก่อกวนอีกแล้วหรือพี่dorado อุตส่าห์พาพี่อวตารบอยไปเลี้ยงอาหาร พันกว่าบาทเพื่อต้องการเป็นผู้เขียนเรื่องหนังสือโบราณแล้วทำขาย
พี่อวตารบอยไม่เล่นด้วยเลยโกรธจนบัดนี้ นี้มัน3ปีนานมาแล้วนะ
เธอคงยังทำใจไม่ได้ ไม่มีใครหยุดเธอได้ นอกจากใจเธอเอง อย่าไปสนใจกับเธอเลย

เพิ่งไปเจอเวปนี้เข้าใครสนใจ อ่านเรื่อง
สนทนากับพระเจ้า การพูดคุยที่ไม่ธรรมดา เล่ม 1
เข้าไปอ่านได้ฟรีคลิกลิ้งที่ข้างล่างนี้

teaching-glossary - สนทนากับพระเจ้า การพูดคุยที่ไม่ธรรมดา เล่ม 1

 

จากหนังสือสนทนากับพระเจ้า เล่ม 1

เรื่อง เซ็กส์ ที่โพสต์รูปประกอบมาด้วย หากพระเจ้าในหนังสือคือพระพุทธเจ้าจริง ดูเหมือนว่า คำตอบในหนังสือกับคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกจะไม่ตรงกันนะครับ เพราะพระพุทธเจ้าสอนให้เราละกามกิเลส พอมีใครอธิบายให้ผมเข้าใจเรื่องนี้ได้บ้าง

 

ใช้วิจารณาญาณอ่านกันเอาเอง
จะเชื่อระหว่างพระไตรปิฎกหรือหนังสือสนทนากับพระเจ้า
มีหลายเรื่องที่แตกต่างกันมาก ไม่ใช่แต่เรื่องเซ็กส์

teaching-glossary - สนทนากับพระเจ้า การพูดคุยที่ไม่ธรรมดา เล่ม 1

 

ถ้าขัดแย้งกันก็ต้องเลือกพระไตรปิฎกละครับ แสดงว่าพระเจ้าในหนังสือก็ไม่ใช่พระพุทธเจ้าในพุทธศาสนาน่ะสิครับ ผมไม่ได้มีเจตนามาแย้งทางทีมงานโรงเรียนโบราณนะครับ ออกจะชอบและคอยติดตามมาตลอด เพียงแต่เรื่องนี้มันขัดแย้งกันสุดโต่งจริงๆ

 

ขอเข้ามาช่วยตอบเสริมนะครับ
ไม่เป็นไร เข้าใจครับ ตัวผมเองเคยผ่านจุดนี้มาก่อน

ความรู้ของโรงเรียนโบราณ พี่อวตารบอยเป็นคนนำมาสอนพวกเรา
บางอย่างก็คล้ายคลึงกัน และบางอย่างก็แตกต่างจาก หนังสือสนทนากับพระเจ้า
แต่ความรู้หลักใหญ่ๆ ก็คล้ายคลึงกัน
แต่ของโรงเรียนโบราณจะลงลึกและชัดเจนและละเอียดมากกว่านั้น
และเน้นปฎิบัติมากๆ ให้รู้เอง เห็นเอง แจ้งเอง ไม่ใช่แค่อ่านเอาแค่ความรู้เฉยๆ

ส่วนหนังสือสนทนากับพระเจ้าเป็นหนังสือของฝรั่ง
ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระพุทธเจ้า ตามที่พี่อวตารบอยเขาเล่ามา
มีการแปลมาเป็นภาษาไทยอีกทีหนึ่ง
เพราะฉนั้นอาจเพี้ยนไปบ้างเหมือนๆกับของโรงเรียนโบราณเหมือนกัน
ความรู้ทางจิตวิญญาณไม่สามารถอ่านแล้วจะเข้าใจกันได้
ต้องปฎิบัติเอง รู้เอง เห็นเอง เท่านั้น
การเขียน การแปล การสื่อความหมายแต่ละข้อความ
การเข้าใจก็แตกต่างกันไปถึงแม้เป็นข้อความเดียวกัน
การตีความแล้วแต่ระดับสติปัญญาของแต่ละบุคคลอีกด้วย

ขนาดความรู้และเป้าหมายหลักของโรงเรียนโบราณ
และกลุ่มแสงสว่าง กลุ่มโลกมิติ กลุ่มพลังจิต
ที่มี การติดต่อกระแสจิตกับ มหาเทพต่างๆนอกโลก
พวกมนุษย์ต่างดาวจากดาวต่างๆ มิติต่างๆ
บางอย่างมีส่วนคล้ายๆกัน บางอย่างก็แตกต่างกัน

ทั้งๆที่ ความรู้ของโรงเรียนโบราณและกลุ่มพวกแสงสว่าง
แยกตัวออกมาจากศาสนาและความเชื่อเก่าๆในสังคมแล้ว
แต่ก็ยังมีข้อขัดแย้งและแตกต่างกัน
ถึงแม้ว่าพูดกันเรื่องจิตวิญญาณเหมือนกัน พระเจ้าเหมือนกัน
แต่เป้าหมายหลักแตกต่างกันไป
ใครชอบแบบไหน ก็เลือกแบบนั้น

ตามที่ผมเรียนรู้มาจากพี่อวตารบอย
มีเป้าหมายการเดินทางหลักๆอยู่สองทาง
หลังจากตรัสรู้ หรือรู้แจ้งแล้ว นั้นคือ
กลับไปสู่ความว่างเปล่า หรือ จิตว่าง หรือ นิพพาน ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด
อีกกลุ่มหนึ่งก็ตรัสรู้เหมือนกัน ไม่ต้องการเวียนว่ายตายเกิด
เขาเรียกว่าเป็น มาสเตอร์แห่งจิตวิญญาณ
แต่ยังคงอยู่ในจักรวาล ไม่ได้เข้าสู่ความว่างเปล่า
ยังคงสร้างสรรค์ และทางเลือกที่ สองนี้แหละ นักเรียนโบราณเลือกเดินทางนี้กัน
และพวกเขาก็ยังมีเซ็กส์กัน บางคนก็ไม่มีเซ็กส์

หากวัตถุประสงค์ของคุณ ต้องการเข้าสู่ความว่างเปล่า
ต้องฝึกให้จิตว่าง และ ต้องไม่มีเซ็กส์
หากมีเซ็กส์ก็ไม่สามารถเข้าสู่ความว่างเปล่าได้
หากคุณ ต้องการรู้แจ้งแต่ยังไม่ต้องการเข้าสู่ความว่างเปล่า
แต่ยังคงอยู่ในจักรวาล และไม่ต้องการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
ก็สามารถมีเซ็กส์ หรือ ไม่มีก็ได้

สำหรับผู้ที่ตรัสรู้แล้วเท่าที่ผมรู้ หากเลือกที่จะมีเซ็กส์
จะเป็นเซ็กส์คนละมิติจากเซ็กส์แบบมนุษย์
เขาเรียกว่า เซ็กส์แบบจิตวิญญาณด้วยความรัก
โดยนำพระเจ้า และจักรวาลเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
อย่างเช่นพระเยซู เป็นผู้ตรัสรูแล้วแต่ไม่ได้เข้าสู่ความว่างเปล่า
พระองค์ก็ยังคงมีเซ็กส์ และครอบครัว ตอนที่เกิดเป็นมนุษย์ยุคนั้น
ผมเขียนตอบได้ไม่มาก รู้เท่าที่รู้เท่านั้น

ความรู้ของโรงเรียนโบราณที่ผมเรียบเรียงอยู่
บางอย่างรับไม่ได้ก็ปล่อยไป อันไหนชอบรับได้ก็ดีไปครับ
ทีมงานเราไม่ว่ากันครับ ใครรับได้แค่ไหนเอาแค่นั้น
ไม่มีใครอ่านและสามารถเข้าใจทุกๆอย่างได้
หากการอ่านแล้วทำให้เข้าใจกันได้
ป่านนี้พวกเราคงตรัสรู้กันไปนานแล้ว
พวกเราเก่งการอ่านกันมากอยู่แล้ว
ดังนั้นการปฎิบัติและเห็นผลลัพธ์เอง
รู้เอง เห็นเอง มีประสบการร์ตรงเอง
นั้นแหละคือคำตอบ ที่ดีที่สุด

ตามที่ผมได้เรียนรู้จากพี่อวตารบอย
การตรัสรู้ รู้แจ้งแล้วไม่ใช่ว่าทุกๆอย่างจบลง
ยังมีการวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณกันต่อไปเรื่อยๆ
แต่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งต่างจากผู้ที่ยังไม่ตรัสรู้
พอพวกเราทุกๆคนรู้แจ้งกันหมด
พวกเราจะเป็นประชากรส่วนหนึ่งของจักรวาล
พวกเราจะรู้ว่าแต่ละจักรวาล
แต่ละกาแล็คซี่
แต่ละระบบสุริยะจักรวาล
แต่ละดวงดาวมีพระเจ้าเป็นผู้ดูแล

โลกมนุษย์ของพวกเรานี้ก็มีพระเจ้าเป็นผู้ดูแลและ
รับผิดชอบการพัฒนาทางจิตวิญญาณ
เท่าที่ผมรู้มาเมื่อก่อน
มีพระเจ้าจากดาววีนัสเป็นผู้ดูแลโลกมนุษย์ทำหน้าที่แทนมนุษย์
เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ยังหลับ ไม่ตื่น ไม่รู้แจ้งกัน
แต่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว พระพุทธเจ้ามารับทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลหรือ
เป็นหัวหน้าใหญ่ให้แก่โลกมนุษย์
ซึ่งทำหน้าที่นี้ร่วมกับ
พระศรีอาริย์ พระเยซู พระแม่กวนอิม
และองค์อื่นๆอีกมากมายที่ตรัสรู้กันแล้วในโลกจิตวิญญาณ

ส่วนเรื่องพระพุทธเจ้า พี่อวตารบอยและนักเรียนโบราณยังงงอยู่เลยว่า
พระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้นานมาแล้วและเลือกเข้าสู่ความว่างเปล่า
ทำไมยังมาเลือกเล่นและมีบทบาทในจักรวาล
ส่วนใหญ่ผู้ที่เลือกเล่นบทบาทต่างๆในจักรวาล
คือผู้ที่ตรัสรู้แล้วแต่เลือกไม่เข้าสู่ความว่างเปล่า
คำตอบนี้ก็หาคำตอบไม่ได้
พี่อวตารบอยเล่าว่า พระเยซูเป็นผู้บอกเรื่องนี้เองว่า
พระเยซูไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เขียนฝรั่งคนนั้นที่เขียนเรื่องสนทนากับพระเจ้า
แต่คนที่นักแต่งกำลังสนทนากับพระเจ้าอยู่นั้นจริงๆคือพระพุทธเจ้า
เพราะพุทธเจ้าเป็นหัวหน้าใหญ่ ในการดูแลโลกมนุษย์ ร่วมกับพระศรีอาริย์

ผมเองก็ไม่ได้อ่านพระไตรปิฎกหรือคัมภีรย์ไบเบิ้ลหรือ
หนังสือพวกธรรมะมามากเท่าไหร่
ไม่สามารถชี้ประเด็นนี้ได้ลึกนักแต่เท่าที่รู้

เคยอ่านหนังสือสนทนากับพระเจ้า
ส่วนตัวผมเองก็ไม่มีปัญหาเท่าไหร่
รู้สึกว่าคล้ายคลึงกับของโรงเรียนโบราณเป็นอย่างมาก

นี้แหละเท่าที่ผมรู้มา
ผู้อ่านก็ตัดสินใจอ่านและใช้วิจารณญาณกันเอาเองนะครับ
ใครอยากอ่านของโรงเรียนจิตวิญญาณโบราณเพิ่มเติม
ก็เข้าไปอ่าน ค้นหาความรู้ที่
facebook.com/masterclass.thailand

Master Class Thailand : 'มาสเตอร์ คลาสส' ประเทศไทย : "รักคุณเท่าฟ้า" | Facebook

 

คำสอนส่วนใหญ่ของโรงเรียนโบราณ ผมรับได้และก็เข้าใจครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบพอทำให้เข้าใจเรื่องนี้ขึ้นมาหน่อย เซกส์ทำให้จิตผูกติดกับความยึดมั่นจึงไม่มีอิสระ ไม่สามารถเดินต่อไปถึงความว่างเปล่าได้ ก็เลยสับสนว่าหากเป็นพระพุทธเจ้าจริงทำไมจึงสอนเช่นนั้น

 

คนที่จะเข้าใจเนื้อหาเหล่านี้ได้..ต้องเป็นแก้วน้ำที่ว่างเปล่า..เอาความรู้ที่เคยศึกษามา รู้มาเก็บไว้ก่อน เปิดใจให้กว้าง..ไม่ยึดมั่นถือมั่นในคัมภีร์ใดๆ..พระพุทธเจ้าสอนเรื่องหลักกาลามสูตรเพื่อจะให้เราเปิดใจกับทุกข้อมูล..ไม่เชื่ออะไรจนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง..เท่านั้น

 

อีกหนึ่งมุมมอง อีกหนึ่งความคิด จะเชื่อได้อย่างไรว่าพระไตรปิฎก ถูกเขียนด้วยพระพุทธเจ้าจริงหรือถูกเขียนและเรียบเรียงด้วยฝีมือมนุษย์ คำถามนี้ยังหาคำตอบและสรุปไม่ได้เหมือนกัน

 

ขอบคุณที่ตอบมา
ชอบมากครับ

 

แปลกดีนะพวกที่ชอบอ่านพระไตรปิฎก ชอบเข้ามาอ่านกระทู้แบบนี้ ความรู้จุดประสงค์คนละแบบกันเลย ทำไมไม่อ่านแต่พระไตรปิฎกและปฎิบัติไปเลยเสียเวลามาอ่านกระทู้แบบนี้ทำไมกัน สงสัยคนธรรมะพวกนี้จริงๆ แสดงว่าพระไตรปิฎกไม่ดีจริงหรือขี้เกียจปฎิบัติ ถ้าดีจริงปฎิบัติจริงป่านนี้พวกนี้คงไม่เสียเวลามาอ่านกระทู้แบบนี้แน่ๆ
กระทู้นี้และหนังสือสนทนากับพระเจ้าต่างจากพระไตรปิฏก ราวฟ้ากับดิน ไม่ต้องเสียเวลาเปรียบเทียบของใครดีกว่า ถูกกว่า ถนัดชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้นไปเลย

เผื่อทีพระไตรปิฏกมนุษย์เป็นผู้เขียนก็ได้ใครจะไปรู้ สิ่งที่หลอกลวงมนุษย์มากที่สุดคือสิ่งที่ไม่น่าจะหลอกลวงที่สุด เหตุการณ์แบบนี้เห็นกันมาเยอะแล้วในประวัติศาตร์ เผื่อทีหนังสือสนทนากับพระเจ้าอาจเป็นพระพุทธเจ้าจริงๆก็ได้ สนุกกันล่ะทีนี้ แสงสว่างเริ่มมาแล้ว
ที่ปกปิดกันมานานเริ่มเปิดเผยออกมาอย่างช้าๆและแสงสว่างจะจ้าในไม่ช้า

 

free will ครับ ผมมีสิทธิ์ทำอะไรตามใจปรารถนานี่ครับ ใยต้องปิดกั้นความสนใจกันด้วย และความเห็นที่ท่านถามมาก็แสดงว่ายังไม่เข้าใจแก่นของโรงเรียนโบราณเลยครับ

 

ทุกๆศาสนาถูกก่อตั้งและตำราต่างๆถูกเขียนด้วยฝีมือมนุษย์ทั้งนั้น ศาสนาถูกตั้งขึ้นมาโดยมนุษย์เพื่อมนุษย์ไม่ใช่เพื่อความรู้แท้จริงของจักรวาล

 

พี่masterofsuccessพูดตรงไป มนุษย์ส่วนใหญ่เขาไม่ชอบความจริงกัน เขาชอบคำหวานๆหลอกลวงฟังแล้วให้ชื่นหู เขากลัวความจริง รับกันไม่ได้ ลึกๆแล้วพวกเขารู้ ต้องให้เวลาพวกเขาหน่อย ให้เวลาทำใจที่ถูกหลอกกันมานาน เวลานั้นได้ใกล้มาถึงแล้ว จะเกิดการต่อสู้ในจิตใจของมนุษย์ทุกคน จะยังเชื่อศาสนาความรู้เก่าๆหรือยอมรับความรู้แท้จริงของจักรวาล

 

สังคายานาปรับปรุงมาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน

 

ฟิวส์ใครฟิวส์มัน...ทางใครทางมัน เลือกเดินกันไป...

 

เห็นด้วยอย่างแรงเลยครับ...
ใครชอบเดินทางแนวมนุษย์ต่างดาวเทพเจ้านอกมิติ
ใครชอบเดินทางแนวพลังจิตกฎแรงดึงดูด
ใครชอบเดินทางแนวแสงสว่างโลกมิติ5
ใครชอบเดินทางแนวยึดหลักศาสนาพระคัมภี
ใครชอบเดินทางแนวหาพระเจ้าภายในตนเอง
เลือกกันเอาเอง ทางใครทางมัน

 

คิดถึงแวะมาเยี่ยมมาทักทาย สบายกันดีนะจ๊ะ
ในขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงวุ่นวาย
ความรู้จริงสูงสุดยังคงอยู่อย่างอมตะแบบเงียบๆ
สังเกตุการณ์อย่างเงียบๆไม่หวือไม่หวาไปตามสถานการณ์
โลกเกิดขึ้นตั้งอยู่แตกดับอีกกี่ครั้ง วิญญาณจะสิ้นหมุนไปกี่รอบ
ความรู้ใหม่ๆผุดกันขึ้นมากี่ยุคกี่สมัย เทคโนโลยีอัพเกรดมาหลายรุ่นต่อหลายรุ่น ความว่างเปล่าก็ยังคงอยู่เป็นอมตะคลาสสิคตลอดไปจริงๆ
หลงเสน่ห์ ความว่างเปล่าเข้าแล้ว ขอบคุณจ๊ะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง

 

ติดตามอ่าน ขอบคุณค่ะ ประโยคที่ว่า คำตอบคือ ยอมจำนน
ภาษาอังกฤษ เรียกว่า SURRENDER
ยอมหยุดคิด
และยอมจำนนความคิด ความรู้สึก ร่างกาย และ จิตวิญญาณ
หัวใจแก่พระเจ้าที่อยู่ภายในคุณ
ยอมจำนนต่อความว่างเปล่า............................
สุดยอดจริงๆและเป็นเช่นนั้นค่ะ

 

[COLOR="Blue[SIZE="6"]"]เห็นด้วยครับคุณ...[/COLOR][/SIZE]

 

โลกจะแตกหรือไม่แตก
โลกจะเปลี่ยนมิติหรือยังเหมือนเดิม
พวกมนุษย์ต่างดาวจะมาหรือไม่มา
ยูเอฟโอจะโผล่หรือไม่โผล่
สิ่งเหล่านี้หวือๆหวาๆฮือๆฮาๆ เกิดขึ้นหรือไม่เกิดก็ไม่สำคัญ
สิ่งสำคัญคือสิ่งที่อยู่กับตัวเราแน่ๆและไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือตัวเราเอง