พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา

แว่วๆ มาว่า จะมีการจัดงานอีกทีช่วงต้นปี (น่าจะผ้าป่าหรือเปล่า ไม่แน่ใจค่ะ) ลองติดตามข่าวคราวดูนะคะ

 

ขอบคุณค่ะ ถ้ามีงานบุญอะไร ที่ไหนบอกด้วยนะคะจะขอร่วมทำบุญค่ะ

 

สวัสดีคะ มีนิทานมาเล่าให้ฟังกันคะ สนใจเรื่องเกี่ยวกับพญานาคพอสมควรเหมือนกัน แต่คิดว่าที่ยังไม่ได้ชมบารมีใดใด อาจะเป็นเพราะบุญบารมีเรายังไม่ถึง ฉะนั้นตอนนี้ตั้งอกตั้งใจประกอบกรรมดีต่อไปคะ

(ออกตัวก่อนนิดนึงว่าถึงจะมาช้า แต่ก็จะพยายามตามอ่านทั้งกระทู้เก่ากระทู้ใหม่ทุกหน้าเลยนะคะ ^^ตอนนี้เพิ่งได้ 29 หน้าเองง ตาเริ่มลาย ๆ แฮ่ๆ)

หากถามความคิดเห็นของตัวเอง เราว่าเราอาจจะเคยเป็นงูตัวเล็ก ๆ สมุนของพญานาคก็เป็นได้ แฮ่ๆๆๆ เพราะเราชอบเจองูบ่อย ๆ และเวลาเห็นงูจะไม่ตกใจกลัวเลยคะ แต่จะชอบจ้องตากับงู และชอบแช่น้ำ เวลาอยู่ในน้ำจะนิ่ง สงบ ไม่มีความคิดฟุ้งซ่านอะไรเลย

มาเริ่มต้นนิทานกันดีกว่าคะ....เป็นแค่ฝันราง ๆ ในวัยเด็ก (กว่านี้) ที่ยังจำขึ้นใจทีเดียว

มีผู้หญิงคนนึงในสมัยโบราณ เธอหลับอยู่บนเตียงตัวใหญ่คะ นอนหลับไม่ค่อยจะสนิทดีนัก พลิกตัวไปมา ใกล้รุ่งเช้า เธอตื่นขึ้นมาพบว่า มีพญานาคสีเขียวนอนอยู่ข้าง ๆ ข้างล่างเตียง เธอหยิบผ้าคลุมไหล่ (ด้วยความโบราณของยุคสมัยนะคะ) จากนั้นก็หยิบดาบที่อยู่บนแท่นเหนือหัวนอนออกมา ชักดาบออกจากฝักดัง ชิ้งงงงงง จะฟันพญานาค

พญานาคบอกว่ายอมคะ อยากทำอะไรก็ให้ทำได้ตามใจ ขณะที่กำลังนิ่งคิดว่าจะฟันดีหรือไม่ดีนั้น ก็เสียงคนตะโกนว่าไฟไหม้ ๆ พญานาคบอกว่าจะช่วยเธอดับไฟ แต่ทำไม เธอถึงรู้สึกโกรธนักก็ไม่รู้ ตะโกนออกไปว่าไม่ต้อง ส่วนพญานาคก็พยายามจะช่วยคะ พอความวุ่นวายจบลง หญิงสาวหันไปมองพญานาคและยกดับจ่อไปที่ส่วนหัวคะ พญานาคร้องไห้น้ำตาไหลริน แต่ก็กลัวหญิงสาวจะถูกพิษ (???) เราก็ไม่เข้าใจว่าพิษอะไรเนอะ จากนั้นหญิงสาวห็ฟันพญานาคจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเลยคะ พร้อมกับระดับน้ำตาที่ท่วมห้องนอนสูงขึ้น สูงขึ้นน คล้าย ๆ น้ำท่วมกทม คราวก่อนเลยทีเดียว แฮ่ๆ

ทีนี้ก็ตามบทละครทั่วไป คนฟันก็ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ ถามว่ารักไหม ก็รัก แล้วถามว่าไปฆ่าเขาทำไม ก็มันโกรธ ทั้งโกรธทั้งรัก อ้าววว งง เลยทีเดียว

อีกเรื่องนึงสั้น ๆ คะ เป็นความฝันเมื่อสองวันก่อน วันนั้นเราไปวัดแห่งหนึ่งมา กะจะไปทำวัตรเย็นและไหว้พระทั่วไปคะ พอดีญาติโยมแถว ๆ นั้น เห็นเรากับเพื่อนเป็นเด็กหน้าใหม่ เลยพาไปให้หลวงพ่อประพรมน้ำมนต์ จากนั้นก็ได้รับของขลังมาเล็กน้อย พอได้ยินว่ามี "พระธาตุเกล็ดพญานาค" เราก็รีบหาเก็บตาพื้นเลยคะ แต่คงไม่มีวาสนา เพราะคนที่อยากได้ไม่ได้ เพื่อนอีกสองคนที่ไปด้วยกันได้มาเต็มเลย ส่วนเราได้มาสามสี่เม็ด เพื่อนเราจะยกให้แต่เราคิดว่าของแบบนี้ขึ้นอยู่กับบุญบารมีใช่มั๊ยคะ ถ้าบุญเราจะได้เราก็คงจะได้เอง เราก็เลยตัดใจ ไม่เอาของเพื่อนมา กะว่าถ้ามีเวลาค่อยไปที่วัดนั้นอีกที อิอิ (นอกเรื่องไปซะยาว)

พอคืนนั้นกลับมาบ้าน เราฝันคะ ฝันว่ายืนอยู่กับเพื่อนที่ไหนสักที แล้วเห็นไกล ๆ นั้น มีเงาผู้ชายยืนเรียงกันเจ็ดคน เห็นแต่เงา ๆ ดำ ๆ คะ เราก็ไม่ได้พูดอะไรนะคะ แต่เพื่อนเราชี้ให้ดูคะ ว่าผู้ชายกลุ่มนั้นมี 7 ตัว (7 คน) แต่มีคนนึงคนสุดท้าย มีสองหัวคะ เราพยายามมอง แต่เรามองไม่เห็น จากนั้นอยู่ ๆ เราก็สวดแผ่เมตตาคะ ประมาณว่าทั้งคนที่ใช่ญาติและไม่ใช่ญาติเราแม่เมตตา ให้หมดเลย สวดจนจบบทนั้น แล้วเราก้ได้ยินเพื่อนเราพูดว่าใครละ ที่มีสองหัว จากนั้นก็ตกใจตื่นคะ

พอเช้าตื่นมาเล่าให้เพื่อนคนที่อยู่ในฝันฟัง เขาก็พูดตอบมาว่าก็พญานาคไง เราก็ยังเถียง ๆ ว่าไม่ใช่หรอก ไม่เคยได้ยินเรื่องพญานาคสองหัวเลย T^T" แต่ใจอีกครึ่งก็เริ่มเชือไปแล้วคะ

เราว่ามันอาจจะมาจากความที่เราอยากได้เกล็ดนั้น และอย่างมณีนาคา เราเห็นเราก็อยากได้คะ แต่คิดว่าบุญเรายังไม่ถึงรึเปล่า

ที่นี่ก็เข้าเรื่องที่เรามาโพสเล่าเรื่องเหล่านี้นะคะ เราอยากรู้ว่าเราได้ก่อกรรม หรือไปลบหลู่ดูหมิ่นท่านพญานาคไว้หรือเปล่าคะ ตั้งแต่เด็ก ๆ เวลาเราไปค่ายธรรมมะที่ไหน หรือไปเที่ยวที่ไหน แม่ชีให้เดินจงกรม ผ่านโน่นผ่านนี่ เราชอบอธิษฐานขอให้ท่านแสดงบารมีทุกที ประมาณนี้คะ "หากท่านพญานาคมีจริงโปรดปรากฎกายด้วยคะ" เราเกรงว่ามันจะเป็นการดูหมิ่นท่านหรือเปล่า เพราะเราดันทำแบบนั้นหลายครั้งเลยคะ ทำแบบไม่รู้ตัว นึกอยากทำก็ยกมืออธิษฐานเลย ตอนไปสามพันโบกแล้วเห็นน้ำโขงเราก็อธิษฐานแบบนี้ ตอนเด็ก ๆ ก็ถือจอบและเสียมไปปลูกผักทีโรงเรียน เราก็ก้มหน้าก้มตาขุดคะ ลึกกว่าแปลงผักเยอะเลย พอเพื่อนถาม เราก็ตอบว่า "จะขุดหาพญานาค อยู่ลึกลงไป 1 โยชน์ คือ 16 กิโลเอง เพื่อนหาว่าเราบ้าไปเลยคะ พอโตขึ้นมานึกว่าจะเบาลง แต่ปีก่อนไปสามพันโบกกับที่ทำงานก็ยังอธิษฐานเหมือนเดิมอีก มีเอามือจุ่มน้ำโขงด้วย ท่านจะได้รู้ว่าเราอธิษฐาน เฮ้ออออ

เริ่มกลัว ๆ ตัวเอง ว่าจะทำอะไรไปมากกว่านี้ รบกวนท่านคุรุวาโร หรือท่านผู้รู้อื่นๆ ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ

 

ยินดีและอนุโมทนาคะ

 

คุณ viokitt ลองเข้าไปเขียนเล่าประสบการณ์ที่
พญานาคที่สัมผัสของคุรุวาโร - ห้อง "พญานาค" - เพชรพญานาคเพื่อการบอกบุญ - Powered by Discuz!
ดูนะคะ เพราะตอนนี้ท่านประธานประจำอยู่ที่นั่นค่ะ

 

ได้คะ ขอบคุณคะ คุณ mukmik

สมัครสมาชิกเว็บนั้นแล้วคะ แต่ว่าทำไมโพสลงกระทู้นั้นไม่ได้ก็ไม่ทราบ ลองหลายครั้งแล้ววว

 

สวัสดีเจ๊า...
รายงานตัว.วว เน้อ.อออออ
ข้าเจ้า..ปิ๊ก บ้านมาแหม..แล้ว.วววว
คิดถึงเพื่อน พี่ น้อง ทุกทุกคน..เจ้า...
นำภาพทะเลหมอก ที่พระธาตุนภเมทิณีดล ณ ดอยอินทนนท์ มาฝาก..เจ้า..

 

แล้วไม่มีเรื่องเล่าหนอเหรอคะ พี่เสือ

 

ฮั่นแน่...อยากรู้หนอในบัดดล..เอิ๊กๆๆๆๆ
ข้าเจ้าไปยะก๋าน.ยะงาน เน้อ..บ่ได้ไปเที่ยว.ซักกะน้อย.ยยย
(แต่หงัย..ไม่มีรูปยะก๋าน.ยะงาน เลยเหว่ย.ยยย งง.แต๊ๆ เน้อ.อออ)

 

ไปเชียงใหม่ครั้งนี้ ๖ วัน ด้วยกัน ทำงานนั๊กๆ ๔ วัน แล้วก็แอ่ว..๒ วัน อิอิ
ไปแอ่ว..ตี้ ดอยอินทนนท์ ชมทะเลเมฆ พระธาตุนภเมทิณีดล พระตำหนักดาราภิรมย์
พระธาตุจอมทอง พระธาตุดอยสุเทพ(ยามค่ำ) แล้วก็วัดดาราภิรมย์
(น่าจะใช่..เพราะหลงไป ตั้งใจไปเจดีย์พระธาตุสี่รอยมากกว่า)

 

นู๋ก็สงสัยนิ อิอิ :boo:

 

เมื่อขึ้นไปบนพระตำหนักดาราภิรมย์..ข้าเจ้าก็รู้สึกผะอืดผะอมทันที..
น้องคนที่มาอธิบายเรื่องราวให้ฟัง ก็มองแบบประหลาดใจเล็กน้อย..ว่า
หงัยหญิงหน้าตาดีคนนี้ (อ่ะจ๊าก.กกก) จึงต้องดมยาดมตลอดที่อยู่บนพระตำหนัก
เสียดายที่เค้าห้ามถ่ายภาพบนตำหนัก..เลยไม่มีภาพมาให้ชมกัน
ส่วนน้องอีกคนที่ไปด้วย..เค้าก็มีอาการขนลุกตลอดเห็นเป็นริ้วๆ ชัดเจนเลยที่แขน..
เจ้าดารารัศมี คือ พระชายาองค์ที่ ๖ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัชกาลที่ ๕
บนพระตำหนักก็จะมีภาพถ่ายเก่าๆ มากมาย เครื่องใช้ส่วนตัวของพระองค์
ตลอดจนผ้าลายโบราณ..ก็มีให้ดู
โปรดอย่าถามหนอ..นะนู๋มิกกี้ ว่าจะดัยยัยจึงเป็นจะอั้น ข้าเจ้าก็บ่ฮู้ เน้อ.ออ

 

พอออกจากพระตำหนักดาราภิรมย์..ก็ตั้งใจไปเจดีย์พระพุทธบาทสี่รอย
ดูจากข้อมูล น้อง GPS แล้วไปไม่ไกล แต่ปรากฏว่า..จะพยายามสักเท่าใด ก็ไปไม่ถูก
ได้แต่หลงวนเวียนกลับไปที่วัดดาราภิรมย์ตลอด จนคณะเรายอมแพ้
คนขับรถเลยพาไปที่พระธาตุจอมทองแทน...เป็นการปลอบใจ (ก่อนที่จะถูกบ่น.เอิ๊กๆๆ)
(รูปไม่ค่อยมีเท่าไหร่..เพราะอยู่ที่กล้องอีกคนหนึ่ง แล้วจะนำภาพมาให้ชมกัน เน้อ.ออ)

 

นู๋ว่า...ต้องมีอะไรมากกว่านี้นะ...เล่ามาให้หมดหนอ...ห้ามอุ๊บอิบนะ

 

อุ๊บอิ๊บๆๆๆๆๆๆๆ ซะเมื่อไหร่..ฮ่า..ฮ่า..(deejai)

 

เมื่อไปถึงพระธาตุศรีจอมทอง..แดดร้อนมาก.กกกกกกก
คนที่ไปด้วย บอกเราว่า ถ้าเดินรอบพระธาตุครบ ๓ รอบ นะ จะได้อาสิสงส์แรงกล้าทีเดียวเชียว
เราคงไม่กล้าพอมั้ง ก็เดินเลยเข้าไปในวิหารพระบรมธาตุแทน..
ซึ่งภายในวิหารมีเจดีย์อยู่สวยงามมาก พระประธานก็งดงาม หลังจากกราบพระเรียบร้อยแล้ว
เราก็ไปยกช้างเสี่ยงทาย อิอิ..ยกไปยกมาสี่ครั้งได้ ให้ยกขึ้น ยกไม่ขึ้น ยกขึ้น ยกไม่ขึ้น
ก็เป็นไปตามคำอธิษฐานทุกประการ เวลายกไม่ขึ้น เราก็จะพยายามยกให้ขึ้น แต่ก็ไม่ขึ้นแฮะ
(ไม่ต้องถามเน้อ.ออ ว่าอธิษฐานอะไร เพราะไม่บอก..ฮ่า..ฮ่า..)
พอลุงที่ดูแลวิหารเข้ามา ก็บอกว่าอย่าเพิ่งไปไหน..เน้อ เด๋ว.จะพาชม เราก็เลยต้องรอลุง
แล้วให้ตามพรรคพวกมา ก็มีประมาณ ๖ - ๗ คน

 

พี่อยากเห็นเพชรพญานาคของน้องมิกกี้..จัง.งงงงง

 

เมื่อลุงทำธุระเสร็จ ก็พาคณะเราไปชม พระพุทธรูปเงิน พระพุทธรูปทอง ดาบทอง ที่ด้านใน
แล้วก็เล่าถึงเจดีย์ที่อยู่ภายในวิหาร ว่าเป็นของเดิม เราก็ขออนุญาตเดินวนรอบเจดีย์พระธาตุ
ที่อยู่ในวิหาร ซึ่งลุงก็อนุญาต คณะเราจึงได้เดินรอบเจดีย์ ๓ รอบ ซึ่งอยู่ในวิหารนั่นเอง..

 

หลังจากที่ได้บูชาวัตถุมงคลของวัดซึ่งอยู่ในวิหารเรียบร้อยแล้ว ก่อนออกมา..
ลุงก็บอกว่าอนุญาต ให้เราเป็นตัวแทนคณะ (เหลือ ๓ คน) ได้เคาะระฆังทอง(กี่ครั้งก็ได้ตามใจ) ในวิหารนั่นแหละ
เราก็เลยนั่งลงและดึงเชือกเคาะระฆังไป ๓ ครั้ง เผื่อแผ่ให้พรรคพวกที่นั่งอยู่ ๓ คน
หลังจากนั้นก็นั่งรถกลับที่พัก ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจกับการได้ไปกราบพระธาตุศรีจอมทองครั้งนี้ที่เชียงใหม่...ดาว*

 

คิดถึงแมว..เอ๋ย..แมวเหมียว...จัง
หายแซ่บ หายสอย..ไปเมิน.นนน เชียว.ววว