ฌาน [อธิบายอย่างละเอียด]

ดัน จะได้ไม่พิมพ์ซ้ำๆซากๆ
มีคนสงสัยเรื่องฌานเยอะ

 

ดันให้อีกคนครับ

 

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สูญญตา

 

พิจารณาแล้ว จะทำยังไงต่อดีคะ

 

ถึงฌาน ๔ ซึ่งเป็นรูปฌานแล้ว หลวงปู่สาวกโลกอุดรแสดงธรรมไว้ว่า
สภาวะจะจากกายสู่จิตเข้าสู่อรูปฌาน ๕ - ๙ ครับ
พระอรหันต์สำเร็จที่อรูปฌานในฌานที่ ๙ เรียกว่าสัญญาเวตยิตนิโรธฌาน หรือฌานนิโรธสมาบัติ หรือสัจจานุโลมิกญาณในวิปัสสนาญาณ๙ ครับ
รายละเอียดเรื่องฌานผมโพสต์ในหัวข้อพุทธศาสนาสำหรับผู้เริ่มต้น-ฌานสมบัติเป็นธรรมสูงสุดของพุทธศาสนา ของเวปนี้ครับ
เจริญในธรรมครับ

 

พระพุทธเจ้าให้ตามเห็นการเกิดดับของขันธ์ทั้ง ๕ หรือที่เขาเรียกกันว่า วิปัสสนา

************************************************
ภิกษุ ท.! เธอทั้งหลาย จงเจริญสมาธิเถิด. ภิกษุ ท.! ภิกษุผู้มีจิตเป็นสมาธิแล้ว
ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริง. ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงซึ่งอะไรเล่า? ภิกษุนั้น ย่อมรู้
ชัดตามที่เป็นจริงซึ่งความเกิดขึ้นและความดับไปแห่งรูป ....แห่งเวทนา ....แห่ง
สัญญา ....แห่งสังขาร ....แห่งวิญญาณ.

 

ผมขอเสวนาด้วยคนขอรับ
สิ่งที่แยกออกไปนั้นท่านเรียกว่าอะไร
ท่านแยกออกไปนานไหม
เจออะไรบ้าง
เริ่มแรกที่แยกเจออะไรที่เป็นปัจจุบันบ้างหรือฝันไป
คือไม่ใช่เหตุปัจจุบันขณะนั้น

แล้วจบปอสามปอสี่ไปเรียนปอกอไก่อีกทำไม
ตรงนี้หรือที่เรียกว่าท่านได้เป็นอรหันต์แล้ว
หรือไม่อย่างไร

การควบคุมตัวที่หลุดขอท่านผู้มีพระคุณช่วยกล่าวกับเพื่อนหน่อยครับ
ผมลืมแล้วขอรับ

อธิษฐานอย่างไร
จุดมุ่งมั่นหรือจุดมุ่งหมายหรือไม่
หากไม่มี

เหตุปัจจโย
อารมณาปัจจัยโย
อิทธิปัจจโย
...............
ผลรับเป็นอย่างไร

สี่ไม่ใช่ที่สิ้นสุด
ที่สุดไม่มีหรือไม่อย่างไรขอรับ

ขอท่านเจริญในธัมยิ่งแล้วขอรับ

 

กิ่งไม้ที่ถูกโน้ม
น้อมไปสู่

กิ่งเดียวที่ยื่นเข้าไปยังไม่เอาต้นไปด้วย
หากต้นอยู่ในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว
ต้นไหลตามกิเลสไหมขอรับ

การหลุดมาครึ่งเดียวมาอยู่ในอีก
ขั้นตอนหนึ่งที่ไม่จบสิ้น
จบที่ไหน
ลมหายใจ
ละอินเดียเมื่อไหร่เมื่อนั้น
อ้าวอินทรีย์ขอรับ

หากท่านเป็นกาตรงปีกแล้วทั้งตัวเป็นหงส์
เราจะเรียกสิ่งนั้นว่าอะไร

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

 

นิพานที่อ้างถึง

เอาอย่างง่ายๆ
กายไม่สะอาด
วาจา
จัย

มีสามอย่างเองที่พอจะมองออกเป็นรูปเป็นนาม

กายไม่สะอาด
เวทนาไม่รู้
จิตอกุศล
ธรรมอยู่ที่ไหนตรงไหนอย่างไรคืออะไร
ไม่ทราบ

นิพพานแล้วขอรับ
หรือไม่อย่างไร

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้ว

ขันธ์ห้าเป็นที่ตั้งของอุปทานขันธ์สิ้นแล้ว
โอ้.............
รูปไหนเวทนาไหนสัญญาไหนสังขารใด
และวิญญานเช่นไรที่สมควรต่อการสิ้นแล้ว
สัมมาแล้วอีกแปดสัมมา
เพื่อไปเก้าแล้วมาสูญใหม่
หรือไม่อย่างไร

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

 

หากว่าเราสังเกตุ
หนึ่งถึงสี่
เพียงรู้ว่ากายนี้ไม่ใช่ของเรา
เพราะหากกายเขาทนไม่ไหว
จะมีสิ่งหนึ่งที่ไม่ใช่กาย

ที่ยังรู้อยู่
เหลืออยู่

มาว่าที่กายที่รู้สึก

พอตายแล้วไม่รู้สึกแล้ว
ผัสสะอะไรไม่ได้สัมผัสอะไรไม่ได้
เป็นซากหรือสังขารที่ไม่มีวิญญานเท่านั้น

แล้วที่หลุดไปนั้นไปอยู่อีกโลกหนึ่งโลกของอะไร

หลายท่านหลุดไปอีกสองโลกสามโลกแล้วหรือไม่อย่างไร

หากเรายังไม่หลุดหรือหลุดออกมาโลกเดียว

บรรลุแล้วขอรับ

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้ว

 

อรูปฌาน แปลตามสภาพของฌานแล้วหมายถึงฌานที่ไม่อาศัยรูปเป็นอารมณ์ ก็หมายถึงใช้นามเป็นอารมณ์
นามในที่นี้หมายถึงนามธรรมที่มีอยู่เองไม่ใช่ไปเสาะหาเอามาจากไหนนะครับ
สภาพธรรมในฌานที่๔ เป็นสภาวะละอารมณ์จากรูปอามรณ์ รูปอารมณ์นี้หมายถึงกายและวาจาด้วย การพิจารณาก็เป็นวาจาหรือเป็นรูปนั้นละ
หากพิจารณาก็จะปรากฏว่าสภาวะมันวนไปแล้วก็วนมา ไม่ไปใหน อย่างที่คุณว่านั้นละ
สภาวะนี้ก็คือใจ คือความคิด วิธีก็ใช้สติตามดูความคิดที่มันคิดครับ ดูโดยไม่ต้องพิจารณาอะไร มันคิดอย่างไรก็ดูมันไป มันหยุดก็ดู มันเกิดก็ดู
วิธีดูพึงดำรงค์สติไว้เฉพาะหน้า จุดออกของความคิดจะอยู่กลึ่งกลางของใบหน้า(มันส่งออกมาจากสมอง) ที่จุดดั้งหักระหว่างลูกนัยตาทั้งสองข้าง มันผุดเข้าออกตรงนี้ ถึงมันคิดไปที่อื่นก็ดึงมันมาดูที่ตรงนี้ครับ ความคิดเป็นสังขารปรุงแต่งของขันธ์๕ พิจารณาไม่ทันมันหรอกครับมาเร็วมาก ดูมันก็พอ
ความจริงที่ดูที่เห็นเป็นอารมณ์ปัจจุบันทุกๆขณะอยู่แล้ว หากจะพิจารณาอารมณ์ปัจจุบันก็เป็นอดีตไปแล้วไม่ทันปัจจุบันแน่นอน และอารมณ์ปัจจุบันตัวใหม่ก็เกิดมาอีก หยุดพิจารณาแล้วคุณจะเห็นของจริงๆ ที่อยู่เหนือสมมุติบัญญัติทั้งปวง
เจริญในธรรมครับ

 

ผมแนะให้หยุดการพิจารณาครับ ให้เพ่งดูที่ความคิดเพียงอย่างเดียว
วิธีก็อธิบายแล้ว ไม่ต้องพิจารณาให้ดูเฉยๆดูที่ความคิด
สภาวะอารมณ์ที่วางได้ก็เป็นเพียงสภาวะอารมณ์ช่วงๆหนึ่งเท่านั้น ไม่จีรังแน่นอน อย่าไปสนใจ
ให้เพ่งดูที่ความคิด ตามดูว่ามันมาจากไหน จะไปไหน เพ่งดูไว้ท่ามกลางใบหน้า ไม่ต้องพิจารณา ลองดูครับ
ในความโล่งๆ ว่างๆ นั้นหากจะเพ่งดูก็ได้ มันโล่งมันว่างไม่จริงหรอกครับ เดี๋ยวก็หายไป ความโล่งๆว่างๆนี้มันเป็นส่วนหนึ่งอารมณ์ฌาน จะเรียกว่าอารมณ์ของใจก็ได้
จะเพ่งดูที่อารมณ์ก็ได้
หรือจะเพ่งดูที่กลึ่งกลางใบหน้าก็ได้ แล้วดูที่ความคิด
ไม่ต้องพิจารณาอะไรนะครับ ลองดูครับ
เจริญในธรรมครับ

 

แล้วคุณจะรู้ว่ามีความจริงอีกมากมายที่ซ่อนอยู่ในความคิด

 

การพิจารณาก็คือวิตก วิจารณ์ในฌาน๑ เมื่อพิจารณาฌานจะย้อนกลับ ตรวจสอบกับการปฏิบัติที่ผ่านมาก็ได้ ที่มันวนกลับก็เพราะการพิจารณานี้ละครับ
ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

ผมว่าสภาวะของคุณเขากระโดงอยู่ใน ช่วงอากาสานัญจายตนะฌาน หรือฌาน5 พอจะประมาณได้ว่า ติดอยู่สภาวะที่ว่างเปล่าโล่ง บางสำนักบางอาจารย์ พอถึงสภาวะนี้เขาว่า คือนิพพานของเขาแล้ว เขาว่ามันว่างเปล่า โดยเฉพาะทางจีน ธิเบต หลงเข้าใจว่าเป็นนิพพานว่างเปล่า หลุดพ้นแล้ว นี่ก็เป็นข้อสังเกตุอีกบางประการนะครับ ขอบคุณพี่ฐสิษฐ์929 ที่มาให้ธรรมทานแก่ผู้ที่ปราถนาความพ้นทุกข์ทุกท่าน

 

ช่วงที่ว่างเป็นอากาสนี้
มีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตทางโลกบ้างหรือไม่อย่างไรขอรับ

ขอท่านเจริญในธัมยิ่งแล้วขอรับ

 

การอธิษฐานนี้ไปยืมบุญเขามาก่อนอย่างนี้หรือไม่อย่างไร
อะไรที่เขาหายไปในอากาสานี้บ้างขอรับ

 

ที่ผมบอกคุณ ผมไม่ได้อ้างตำราอะไรทั้งนั้น แต่ผมเอาสภาวะการปฏิบัติของผมและคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์มาปรับและบอกคุณ (ตำราก็มีแต่เพี้ยน ที่เขาบอกก็เอามาจากตำรา)ผมเข้ามาในเวปนี้ ก็ด้วยการขอร้องจากใครคนหนึ่ง ผมก็คงเข้ามาซักระยะหนึ่ง ก็อยากจะบอกต่อในสัจธรรมที่แท้จริง หากคุณอยากรู้ในรายละเอียดในเรื่องฌานสมาบัติ ผมได้โพสต์ในเวปนี้ ในหัวข้อฌานสมาบัติเป็นธรรมสูงสุดของพุทธศาสนา(พุทธศาสนาสำหรับผู้เริ่มต้น) และปฏิบัติอย่างไรก็ได้ฌาน(พุทธศาสนา-ธรรมมะ)หากว่าจะสอบถามให้เข้าไปสอบถามที่เมล chatchai0696@hotmail.comยินดีให้คำปรึกษาครับ
เจริญในธรรมครับ

 

ฌาน1 - ความทรงจำ กำหนัด ในรูปรสกลิ่นเสียง ดับ -มีวิตกวิจารณ์อยู่กับลมสั้นยาว หนักเบา
ฌาน2 - วิตกวิจารณ์ดับ -มีความปิติสุข อยู่กับลมหายใจ (อันนี้ต้องฝึกพิจารณาหาความสุขอันไม่มีอะไรมาฟุ้งซ้าน)
ฌาน3 - ปิติดับ -มีแต่รู้สึกลมเข้าออก
ฌาน4 - รู้สึกลมดับ - มีรูปร่างแสงสว่าง
ฌาน5 - รูปร่างแสงสว่างดับ - สว่างไปทั่วไม่มีสิ้นสุด
ฌาน6 - ไม่สนใจในความสว่าง แต่รู้สึกที่ตัวเองเหาะไปทั่วแสงสว่างนั้น
ฌาน7 - ทำความรู้สึกว่า มันไม่มีอะไรเลย
ฌาน 8 - 9 ยังไม่ทราบ

ฌาน - เมื่ออยู่ในฌานแล้วขยับฌานขึ้นเรื่อยในแต่ละขั้น ตั้งแต่ ฌาน1-9 เอาไว้พิจารณาอารมณ์ความสุขอันละเอียดปราณีต ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่า อารมณ์อันน้อมไปนิพพาน
ส่วนเมื่อไหร่ที่ เดียวหลุดเดียวเข้าได้ ก็ให้พิจารณาความไม่เที่ยง บังคับบัญชาไม่ได้ของจิต
ตอนที่ท่านอยู่ในฌาน ท่านไม่สามารถพิจารณาความไม่เที่ยง บังคับบัญชาไม่ได้ของจิต เพราะตอนนั้นท่านตั้่งมั่นอยู่กับสัญญาที่ท่านปรุงแต่งอยู่ แต่เมื่อท่านหลุดจากฌาน ท่านก็จะตกไปที่วิตกวิจารณ์เองอัติโนมัติ ช่วงนั้นใช้สติเห็น(จักษุฌาน)ความไม่เทียงบัญชาไม่ได้ เสีย

ครับ

 

เชื่อหรือไม่
ทำไมพระพุทธองค์ต้องเหลือแต่กะลาใบเดียว
เพื่อไปไล่ขอบุญคนอื่น
เพื่อเป็นหนี้คนอื่นเพือ่อะไร

ฝากเลยขอรับ
ดูหนังจีนมากๆ
สิบแปดมนุษย์ทองคำ
เจ็ดด่านอรหันต์

หากท่านปฏิบัติด้วยความอยาก
ท่านก็จะมีผลไปอีกทางหนึ่งเช่นกัน
ทางไหน

ลองทำไปเรื่อยๆขึ้นกับ
กาล
โอกาส
เหตุปัจจัยอารัมนาปัจจะโย..........
ผมท่องไม่จบขอรับ

หากเรามีดีอยู่แล้วก็เริ่มต่อมาจากสิ่งที่มี
หรือไม่อย่างไรขอรับ

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ