พยายามสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำบุญ ขอขมาเจ้ากรรมนายเวร บ้างว่า ชาติที่แล้วเราไปทำเขาไว้ เลยขอขมาครับ พยายามปล่อยวางครับ แต่ยังรัก ยังคิดถึง งงเหมือนกัน ไปอ่านหนังสือเล่มหึ่ง ชีวิตจริงบางคน รอแฟนเก่าถึง 21 ปียังมี ผมหวังว่ากรณีผมคงไม่น่าจะนานมั้งครับ
ขอเป็นกำลังใจ ให้คุณคลาย ความทุกข์ และหลุดพ้น จากสิ่งทีคุณเป็นอยู่ ทั้งในชาตินี้ และชาติหน้า หลายๆท่าน ก็ได้เข้า มาแนะนำ ให้ข้อคิดมากมาย แต่ ถ้าเพียงคุณ อยากระบายความรู้สึก เพื่อคลายความอัดอั้นตันใจ ก็ เหนว่า ช่วยได้เพียงรับฟัง และ ให้กำลังใจได้เพียง คำพูด ถ้าเปน เนื้อคู่ [บุญ}รอ 21 ปี คงไม่มีสาย แต่ถ้าไม่ใช่ รอไป คงเปล่าประโยชน คนเรา รักฝังใจ ใครแน่นหนา ถึงเพียงนี้ คงมีกรรมสัมพันธ กันแบบไม่ธรรมดา ดู ท่า จะไม่มีทางตัดใจง่ายๆทั้งๆที่ ได้เข้ามา ทางธรรม สวดมนต นั่งสมาธิ อย่างน้อย น่าจะทำให้จิต สบาย คลายกังวล ลงบ้าง อย่างไร ก็ ขอให้บุญที่คุณเคยทำ บุญที่กำลังกระทำ ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากความทุกข์ นี้ได้ โดยเร็วนะคะ เพราะตัวเอง ก็ เคย ผ่านช่วงเวลา เลวร้ายมากมาย มาได้ และ ไม่ใช่แค่เรื่องความรักอย่างเดียว ... ......ถ้า ตัดใจใน ตอน นี้ไม่ได้....ก็ตามดู ตามรู้มันไป ว่าเจ็บ ว่า ทุกข์ ว่ารัก ว่าคิดถึง คิดไปเรื่อยๆอย่าหยุด......ถ้าจิตมันเบื่อ เดี๋ยวไม่นาน มันก็ คลายไปเอง...ไม่ช้าไม่นาน...^_^
จขกท ครับ คุณยังปลงไม่ได้จริงนี่ครับ ถึงเลิกกันแล้ว คุณยังช่วยเหลือดูแลเขาอยู่ เพราะคุณหวังว่า สักวันหนึ่งเข้าจะเห็นความดีของคุณ คุณจะชนะเค้า แล้วจะกลับมาหาคุณ สรุปแล้วคุณทำดีเพื่อหวังผลตอบแทน แต่เขาไม่เห็นความดีของคุณ จิตใจคุณจึงเศร้าหมอง ถึงคุณจะหนีไปบวช ถือศีล 227 ข้อ แต่คุณยังตัดใจไม่พ้น ความเศร้าหมองจะครอบงำคุณตลอดเวลา ทุคติคือที่ไปนะครับ หรือว่าการที่คุณสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำบุญ รักษาศีล 5ตลอดนั้น คุณหวังเพียงว่าเขาจะกลับมาหาคุณเท่านั้นหรือครับ ยิ่งคุณทำตลอดเวลามันจะยิ่งฝังแน่นตลอดเวลา นะครับ ลองงดการติดต่อ คบหาสักพัก กาลเวลาจะรักษาทุกอย่าง ไม่ไปหา ไม่โทรหา ลบเบอร์เขารวมทั้งญาติทิ้งให้หมด บ้านอยู่ตรงไหน ไม่ผ่านไป ไม่ผ่าน รร.ที่เข้าไป ที่ที่เคยไปด้วยกัน ไม่ไป อาหารที่เค้าชอบไม่กิน ไม่สอบถามถึงเขาจากบุคคลที่สาม แล้วเขากับญาติจะแปลกใจ แต่คุณจะแปลกใจกว่า เพราะว่าเราชนะใจตนเองจนตัด ความรักความหลง ได้หมด ถึงแม้ความจำจะเหลืออยู่ แต่เราควบคุมมันได้ แล้วเมื่อวันหนึ่ง เมื่อคุณพบคนใหม่ คุณจะพบว่า ที่ผ่านมา เราโง่สิ้นดี ชิัตังเม
ขอบคุณครับ ผมเคยทำแบบนั้นได้ไปพักเดียวครับ จนมีคนแนะนำให้ไปติดต่อทางบ้านเขาดู คือ ทุกวิถีทางครับ ผมสวดมนต์ ทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร ที่ทำให้เราเป็นเช่นนี้ครับ บางครั้งก็สวดมนต์ ขอขมา และอุทิศบุญหวังเขาจะกลับมา ยอมรับครับ
คุณมองตัวเองว่าเป็นก้อนขี้เองหรือเปล่าคะ ทั้งๆที่ผู้หญิงคนนั้นเค้ามองคุณเป็นแค่คนอื่นที่ไม่ใช่แฟน... ก่อนจะทำใจจากเค้าได้ต้องเริ่มจากยอมรับความจริงให้ได้ก่อนนะคะ^_^
ที่คิดแบบนั้นคือ เราไม่ได้ไปทำไรให้นะครับ ไปงานวันเกิด จัดงานให้ นอกจากไม่มีคำขอบคุณ หรือมารยาท แต่กลับขับไล่ไสส่งอะครับ
ความงามนั้นเป็นอำนาจที่คุกคามจิตใจของปุถุชนให้แพ้ราบ และการยิ้มนั้นคือคมดาบของเธอเมื่อใดพบความงาม ถ้าความงามนั้นยังไม่ยิ้มก็ยังมีทางจะรอดพ้นไปได้ แต่เมื่อความงามนั้นยิ้มออกมา ย่อมหมายถึงเธอส่งคมอาบออกมาแล้ว และยังมีคำกล่าวอีกว่า …” เมื่อสตรีงามยิ้มย่องหมายถึงถุงเงินของผู้ชายร้องไห้”….. ทำไมนะสัตว์โลกจึงหลงใหลในรูป เสียง กลิ่น รส เสียจริงๆ สตรีที่พราวเสน่ห์แต่ไร้มโนธรรม จิตใจสกปรกจึงเป็นเพชรฆาตมือนุ่ม ซึ่งมียิ้มและกิริยาที่ยียวนเป็นคมดาบมีน้ำตา เป็นหลุมพรางสำหรับให้ชายตกลงไปในหลุมน้ำตานั้น บางทีเธอจะมีความสุขร่าเริงเหมือนนกน้อย ในขณะที่หัวใจของชายที่เธอคอยปอง ร้าวสลายลงด้วยความผิดหวัง บางทีเธอจะทำเป็นโกรธชายที่เธอแสนจะหลงรักเพียงเพื่อพรางสายตาของคนอื่น บางทีเธอจะยิ้มอย่างอ่อนหวาน ในขณะที่ในความรู้สึกของเธอแสนจะเคียดแค้นและชิงชังเขา และบางทีเธอจะร้องไห้น้ำตาแอบแก้มในขณะที่ใจของเธออิ่มเอิบไปด้วยปิติปราโมช อา! จะเอาอะไรเล่ามาวัดความลึกแห่งหัวใจของสตรี พระศาสดาตรัสไว้มิใช่หรือ “อาการของสตรีนั้นรู้ยากเข้าใจยาก เหมือนการไปของปลาในน้ำ” ปราชญ์ผู้ทรงวิทยาคุณกว้างขวางลึกซึ้ง สามารถหยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทรเหมือนมองเศษกระดาษบนฝ่ามือแต่ปราชญ์เช่นนั้น จะกล้าอวดอ้างได้ละหรือว่าตนสามารถหยั่งรู้ความลึกล้ำในหัวใจของสตรี อย่ามัวกล่าวอะไรให้มากเลย ธรรมชาติของเธอเป็นอย่างนั้นเอง "อานนท์ ! การที่ภิกษุจะไม่ดูไม่แลสตรีเพศเสียเลยนั้นเป็นการดี" "ถ้าจำเป็นต้องดูแล้วเห็นเล่า พระเจ้าข้า" พระอานนท์ทูลซัก "ถ้าจำเป็นต้องดูต้องเห็น ก็อย่าพูดด้วย อย่าสนทนาด้วย นั้นเป็นการดี" พระศาสดาตรัสตอบ "ถ้าจำเป็นต้องสนทนาด้วยเล่า พระเจ้าข้า จะปฏิบัติอย่างไร" "ถ้าจำเป็นต้องสนทนาด้วย ก็จงมีสติไว้ ควบคุมสติให้ดี สำรวมอินทรีย์ และกายวาจาให้เรียบร้อย อย่าให้ความกำหนัดยินดี หรือความหลงใหลครอบงำจิตใจได้ อานนท์! เรากล่าวว่าสตรีที่บุรุษเอาใจเข้าไปเกาะเกี่ยวนั้น เป็นมลทินของพรหมจรรย์" "แล้วสตรีที่บุรุษมิได้เอาใจเข้าไปเกี่ยวเกาะเล่า พระเจ้าข้า จะเป็นมลทินของพรหมจรรย์หรือไม่ ?" "ไม่เป็นซิ อานนท์ ? เธอระลึกได้อยู่หรือเราเคยพูดไว้ว่า อารมณ์อันวิจิตร สิ่งสวยงามในโลกนี้มิใช่กาม แต่ความกำหนัดยินดีที่เกิดขึ้นเพราะความดำริต่างหากเล่าเป็นกามของคน เมื่อกระชากความพอใจออกเสียได้แล้ว สิ่งวิจิตรและรูปที่สวยงามก็คงอยู่อย่างเก้อๆ ทำพิษอะไรมิได้อีกต่อไป" พระผู้มีพระภาคบรรทมสงบนิ่ง พระอานนท์ก็พลอยนิ่งตามไปด้วย ดูเหมือนท่านจะตรึกตรองทบทวนพระพุทธวจนะที่ตรัสจบลงสักครู่นี้ จริงทีเดียว การไม่ยอมดูไม่ยอมแลสตรีเสียเลยนั้นเป็นการดีมาก แต่ใครเล่าจะทำได้อย่างนั้น ผู้ใดมีใจไม่หวั่นไหวด้วยเบ่งบานของดอกไม้งาม ดนตรีและอาการเยื้องกรายแห่งสตรีสาว ผู้นั้นถ้ามิใช่นักพรตก็เป็นสัตว์ดิรัจฉาน แต่ดูเหมือนผู้เป็นนักพรตทั้งกายและใจนั้นมีน้อยเหลือเกิน เมื่อมีเรื่องที่จำเป็นต้องดูต้องแล เรื่องติดต่อเกี่ยวข้องก็เกิดขึ้น การติดต่อเกี่ยวข้องและคลุกคลีด้วยสตรีเพศนั้น ใครเล่าจะหักห้ามใจมิให้หวั่นไหวไปตามความอ่อนช้อย นิ่มนวลและอ่อนหวานของเธอ มีคำกล่าวไว้มิใช่หรือว่า "ความงามนั้นเป็นอำนาจที่คุกคามจิตใจของปุถุชนให้แพ้ราบ และการยิ้มนั้นคือคมดาบของเธอ เมื่อใดพบความงาม ถ้าความงามนั้นยังไม่ยิ้มก็ยังมีทางจะรอดพ้นไปได้ แต่เมื่อความงามนั้นยิ้มออกมา ย่อมหมายถึงเธอส่งคมดาบออกมาแล้ว" และยังมีคำกล่าวอีกว่า "เมื่อสตรีงามยิ้ม ย่อมหมายถึงถุงเงินของผู้ชายร้องไห้" ทำไมนะสัตว์โลกจึงหลงใหลในรูป เสียง กลิ่น รส เสียจริงๆ สตรีที่พราวเสน่ห์แต่ไร้มโนธรรม จิตใจสกปรกจึงเป็นเพชฌฆาต มือนุ่มซึ่งมียิ้มและกิริยาที่ยียวนเป็นคมดาบ มีน้ำตาเป็นหลุมพรางสำหรับให้ชายตกลงไปในหลุมน้ำตานั้น มหาสมุทรเต็มไปด้วยภัยอันตราย แต่มหาสมุทรก็มีคุณแก่โลกอยู่มิใช่น้อยการค้นหาความจริงตามธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ แล้วปฏิบัติให้ถูกต้องต่างหากเล่าเป็นทางดำเนินของผู้มีปํญญา พระพุทธองค์ตรัสไว้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว อย่ามัวแต่พะวงอยู่กับความเสียใจ ที่นางกากีให้ไว้เลย คิดซะว่าผู้หญิงคนนี้เลิกไปก็ดีจะได้ไปหาเอาใหม่ ในโลกนี้มีผู้หญิงมากมายกว่าผู้ชายหลายเท่า ของห่วยๆแบบนั้นทิ้งมันไปเถอะ ในโลกนี้มีคนที่เจอเรื่องหน้าเศร้าเสียใจมากกว่าคุณมากมายนัก ต่อให้ไม่มีผู้หญิงคุณก็ต้องอยู่ ตนต้องเป็นที่ผึ่งแห่งตน มาศึกษาวิธีทำให้สำเร็จฌาณ 4 เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขที่แท้จริงจะดีกว่า
เมตตา กรุณา เป็นสิ่งประเสริฐ เป็นธรรมที่ช่วยค้ำจุนให้โลกมึความสงบร่มเย็น แต่ในบางครั้งต่างคน ต่างที่มา สุดแล้วแต่กรรมจะเสกสรรค์ปั้นแต่งให้ได้มาเป็น กรรมเป็นเรื่องเฉพาะตน ใครทำบุคคลผู้นั้นย่อมได้รับด้วยตัวของตัวเอง เรื่องราวทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ หากพิจารณาโดยโยโสมนัสสิการแล้ว มิมีสิ่งใดควรกระทำเหนือยิ่งไปกว่าการวางลงใน อุเบกขา เนื่องด้วยเรื่องราวทั้งหมดทั้งสิ้นนี้เป็นวิบากกรรมของท่าน ท่านเองคาดว่าคงฝักใฝ่ในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์บ้าง ท่านเองต่างหากจะเป็นผู้วินิจฉัยในวิบากกรรมนี้ ท่านจะก่อภพ ก่อชาติ ให้ยาวนานออกไปอีก หรือจะยุติลงไว้แค่เพียงชาตินี้ อยู่ที่ตัวของท่านเลือกทางเดินของท่านเองแล้ว อย่าลืมว่าการได้พบพระพุทธศาสนานั้นเป็นเรื่องที่ยากแสนยากนะ ....................... ท่านควรเลือกอย่างไร ?
กรณี นี้ สมมติ ว่าเราเป็นหนุ่มคนนั้น เราก็คง ไล่คุณกลับมาเหมือนกัน คะ เพียงแต่เพราะความเป็นเด็กและดื้อรั้นตามประสา ก็อาจจะไม่ได้ขอบคุณทั้งที่คุณหวังดี เขาก็คงไม่ได้คิดด้วยว่าคุณพยายามทำดีกับเขา เขาก็คงจะมองว่าคุณมาตื้อเขา ไม่ยอมไปซักที แล้วนั่นก็อาจจะไม่ใช่ธุระของคุณค่ะที่จะไปจัดการงานวันเกิดหรือให้เงินจัดงานกับเขา เพราะคุณคือคนที่เขาไม่ต้องการ เขาทิ้งคุณไปมีใหม่และเขาต้องการให้คุณออกไปจากชีวิตเขาค่ะ **เงินไม่ได้ซื้อจิตใจคนเราให้กลับมาได้หรอกนะคะ อดีตก็คือดีตคะ่ มันไม่สดใหม่ เร้าใจอย่างคนปัจจุบันหรอกค่ะ**คุณควรจะยอมรับความจริงได้แล้ว สำรวจตัวเองให้มาก ไม่ใช่เอะอะ ก็มัวแต่เอาเวลาไปเที่ยววิ่งไล่ตามเขา ไปเที่ยวส่องเฟสดูความเคลื่อนไหวของเขาไปติดต่อหาญาติพี่น้องเพื่อให้เขาเห็นใจคุณแล้วบงการให้แฟนเก่ากลับมานะเหรอคะ ฝันไปเถอะคะคุนพี่ เข้าไปดูเองเจ็บเอง ช้ำเอง แส่หาเรื่อง ในขณะที่ฝั่งนั่นเขาก็มีความสุขไม่ได้มารับรู้หรือห่วงหรอกค่ะว่าคุณจะตายไปรึยัง เขาเรียกว่า ทำตัวเองค่ะ มัวแต่ตอกย้ำ แบบ นี้ เขาเรียกว่าอาฆาตพยาบาทค่ะ คิดแต่เรื่องเดิมๆ เสียใจเรื่องเดิมๆ ถามคำถามเดิมๆ ว่าใครผิดเราดีขนาดนี้ทำไมเธอถึงทำกับฉันอย่างนี้อีก อีกอย่างจากที่เรานั่งอ่านนะคะ ที่จะพบบ่อยคือคุณจะบอกเสมอว่า คุณให้เงิน ให้สิ่งของต่างๆมากมาย เราว่าคุณก็ทำได้แค่นั้นละคะ ให้ความสุขทางกาย แต่ไม่ได้ให้ความสุขที่แท้จริงทางใจ เพราะสุขทางใจไม่จำเป็นต้องใช้เงินคะ ช่องว่างระหว่างวัย วุฒิภาวะ ทาน ศีล ภาวนา และที่สำคัญ กรรม ค่ะ จากที่คุณบอกว่า บาป-กรรมไม่มีจริง ทำดีได้ชั่ว ทำชั่วได้ดี คุณจะไปรู้ได้อย่างไรคนเราเวียนว่ายตายเกิดมาตั้งกี่แสนชาติ ชาติก่อนคุณอาจจะเลวกว่านี้ เขาอาจะโดนคุณกระทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ ชาตินี้เขาเลยมาเอาคืน มีหนี้ก็ต้องใช้ค่ะ คุณจะเฟ้นหาคนผิดไปเพื่ออะไร ไม่มีประโยชน์ ถ้าจะโทษ คุณจะต้องโทษตัวคุณเอง อีกอย่างหากคุณยังทุกข์ขนาดนี้ เศร้าหมองขนาดนี้ ประชดชีวิตขนาดนี้ เราว่า ไม่มีใครช่วยคุณได้หรอกคะ ต้องช่วยตัวเอง อยากตายก็ตายเลยคะ แล้วลงไปแวกว่ายในนรกซักพักใหญ่ ตายมาเกิดเป็นอสูรกาย สัตว์นรก เปรต สัตว์เดรัจฉาน ไว้บุญที่ทำมายังมีอยู่บ้างคงจะได้กลับมาเกิดเป็นคนเสียใหม่ สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน ...มีโอกาสได้มาทางนี้แล้วก็ขอให้ทำต่อไปค่ะ เมื่อไหร่ที่บุญส่งผลเมื่อนั้นคุณก็จะได้รู้เองค่ะ ว่า บาป-กรรมมีจริงหรือไม่ คุณต้องพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองค่ะ ทำ1-2เดือน ไม่เห็นผล หรอกค่ะ ทำบาปมาตั้งเท่าไหร่ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ เจตนาและไม่เจตนา รับรู้และไม่รับรู้ จู่ๆ มาสวดมนต์ นั่งสมาธิ ไม่กี่ขวบเดือน ไม่กี่ขวบปีแล้วจะให้เห็นผลทันตาเห็น มันจะเป็นไปได้เหรอคะ ทำต่อไปค่ะ ทำดีย่อมได้ดี และผลจะออกมาไม่ดีอย่างใจนึกก็ให้ทำดีต่อไป แล้วทุกอย่างจะดีเองคะ (เคยอ่านในหลายๆเว็บ เวลามีปัญหาเรื่องความรักครอบครัว ทางออกที่ง่ายที่สุด ให้รักษา ศีล5ให้บริสุทธิ์ เป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะศีลข้อ3 เป็นสำคัญค่ะ ..บุญรักษานะคะ) :boo::boo:
เห็นใจ จขกท. คงทำใจยาก... เหมือนเราเลยรักแฟนคนนึงแต่เราไม่ดีกับเขาเอง เวลาเขาตัดใจเหมือนแทบไม่มีเยื้อใยเอาเสียเลย เวลาคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ มันเป็นความทุกข์ตามมา คงต้องให้เวลา และให้คนดีๆ ช่วยรักษาแผลใจเรามั้งครับ
ลองศึกษาsiamcasnova เขาไม่ได้สอนให้คุณเปนพวกเจ้าชู้นะครับ แต่สอนให้คุณดึงดูดสาว นาน ๆ และการทำอย่างไรเมื่อถูกทิ้งจะได้ไม่คิดมากนะครับ
เหมือนกันมากเลย เค้าดูดีทุกอย่าง หน้าตาดี ฉลาด การศึกษาดี พูดจาดีมาก พูดจนเราเชื่อเค้าทุกอย่าง 5 ปี(พึ่งมารู้ความจริงตอนหลังด้วยตัวเอง พอหลังจากรู้ เพื่อนๆก็เลยมาเล่าให้ฟังอีกหลายเรื่องเลย เพื่อนไม่กล้าบอกช่วงแรกๆ เพราะเรารักเค้าหน้ามืดตามัว แบบไม่ฟังคนอื่น) แต่พอมารู้ด้วยตัวเองแล้ว แค้นมาก แต่เค้าก็ยังมาทำดีอยู่ วันก่อนเลยเหลืออดบอกไปว่า เลิกยุ่งกับชีวิตเราซักที แค้นมากเลย ทำยังไงดี
คิดเสียว่ามันเป็นกรรมที่คุณต้องมาเจอกับน้องเค้า ต้องมาเจอกับความรัก ความเจ็บปวด ความทุกข์นร่วมกัน เมื่อไหร่ที่คุณตัดใจได้ นั่นหมายถึงคุณหมดกรรมจากเค้าแล้ว อโหสิกรรมให้เค้าเถอะค่ะ และอย่าโกรธในสิ่งที่เค้าทำกับคุณ มันจะได้ตัดเวรตัดกรรมกันเสียแต่ชาตินี้ค่ะ
สู้ๆนะคะเจ้าของกระทู้ ผู้หญิงดีๆอื่นๆก็มีอยู่เยอะค่ะ ถ้าเค้าไม่ใช่คู่เราแล้วก็ต้องตัดใจค่ะ อาจจะเจ็บ แต่พยายามปล่อยวางไปทุกวันสักวันก็จะดีขึ้นเองค่ะต้องใช้กำลังใจมากๆค่ะ สู้ๆนะคะขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ยึดธรรมะเป็นหลักชัยไว้ค่ะ สาธุ
ขอ ก็อปปี้ มาให้อ่านนะคะ มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตน แต่งงานกับคนอื่น อย่างกะทันหัน โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้ง งง และ เสียใจ มาก ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ เวลาผ่านไป ฝ่ายชาย ป่วยหนัก ขึ้นเรื่อยๆไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มี หลวงตา แก่ๆผ่านมา เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ จึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต ในบ้านมีคนป่วยใช่มั้ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย ไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่าตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่าอยากเข้ามา ก็เข้ามา! เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า ชายคนดังกล่าวนอนอย่าง หมดอาลัยตายอยาก อยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่ง ครึ่งคนครึ่งศพ เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น หลวงตายิ้มแล้วพูดว่าอาการหนักเลยนะ ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า โทรมมากเลยนะ ชายคนนั้นไม่สนใจ หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ ชายคนนั้นไม่สนใจ แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล.... ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอน เปลือยกาย อยู่ที่ชายหาด เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่า เป็นศพ ด้วยใจสงสาร จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2 แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจาก กัน เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด ..... คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง , ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่ ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้ คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้ ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่