ขอระบายหน่อยครับ อนาถตัวเองเหลือเกิน

เงินแค่พัน สองพัน เอ่ยปากกับภรรยาหรือยัง หรือแค่คิดไปเองว่าเธอไม่ให้ เมื่อไม่พูดย่อมอึดอัดเป็นธรรมดา

 

เธอเชื่อเรื่องของกรรมหรือไม่ ทั้งที่รู้ว่าทุกข์แต่ทำไมเราต้องทนทุกข์ ไม่สามารถเห็นทางจะเอาตนพ้นทุกข์นี้ได้ กรรมที่เคยกระทำไว้แล้วในอดีตนั่นแหละเป็นตัวบังคับกำหนด พยายามทำสมาธินำธรรมะที่ดีเข้าไว้หล่อเลี้ยงจิตใจเราให้ดี แล้วจะเห็นทางออกของเธอเอง อย่านำอกุศลอื่นใดเข้ามาอีกให้ขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรของเธอเสีย แล้วจะทำให้ครอบครัวของเธอค่อยๆดีขึ้น อย่างสร้างกรรมใหม่ใดๆขึ้นมาอีก ชดใช้เขาไปเสียให้สิ้น อีกไม่นานเธอจะเข้าใจในเหตุแห่งกรรมนี้เอง

 

ม า รั บ ฟั ง แ ล้ ว ค่ะ

 

มีคำกล่าวที่ว่า ถ้าไม่เคยล้มแล้วจะลุกเป็นได้อย่างไร ใช่ครับ แล้วมีใครบ้างที่ไม่เคยล้ม
บางคนถึงกลับต้องใช้ทั้ง แรงกาย และ แรงใจ ทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อ พยุงตนขึ้นมาเอง
ทั้งที่ หันมองไปทางใด ไม่พบแม้แต่ใครสักคน แต่ ทำไมเขาถึงยืนขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง
ขอให้มองกว้าง ๆ เข้าไว้ ส่วนเรื่อง ครอบครัว ชีวิตคู่ มีหลายท่านแนะไว้ได้ดียิ่งแล้วครับ


การ เข้าใจ ทำใจ และ ยอมรับ จะคิดว่าทำยาก มันก็ยาก แต่ก็ไม่เสมอไปครับ
หากเมื่อใด ที่ยังจมดิ่งอยู่กับอดีต และ ยังไปกังวลอยู่กับอนาคต
เมื่อนั้น จะกลายเป็นเหตุ ทำให้ทุกข์ในปัจจุบันนี้ กลับยิ่งทวีมากขึ้นกว่าเดิม

แต่...เพราะ ทุกข์ นี่หรือไม่ ที่ทำให้เรา ๆ ท่าน ๆ ได้มาพบ ธรรม
ได้มารู้จัก เวร กรรม บาป บุญ ได้มารู้จัก สัจธรรมของ ชีวิต และ สรรพสิ่งทั้งหลาย
เมื่อเราเห็นว่าการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ซ้ำไป ซ้ำมา ๆ มันหาใช่ความสุขไม่
เมื่อนั้น เราจะรู้สึกได้เลยว่า นี่มันช่างทุกข์เหลือเกิน นี่ล่ะ ความจริงของชีวิต

ขอให้ความทุกข์นี้ จงเป็นแรงผลักดัน ที่นำไปสู่ความพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ครับ

 

จขกท.อดทนนะครับ เรื่องของเมียผมผมก็เคยเครียดมากๆจนไม่เครียดอะไรแล้ว เมียผมนิสัยมันก็เป็นคนเจ้าชู้ ผมแต่งก็เมียผมเพราะท้องก่อนแต่ง ผมก็รักเมียผมมากๆทุ่มเทเท่าที่ตัวเองมีปัญญาจะทำได้ เมียผมมันชอบโกหกแล้วผัวเก่ามันก็ยังโทรหาอยู่ เจอข้อความเข้าโทรศัพท์จะๆแนวๆว่าคิดถึงยังงั้นยังงี้ อยากนัดเจอ จะไปหา ประมาณนี้(มันยังคิดไม่ได้เมียเก่ามึงแต่งกะกูมีลูกกะกูแล้ว เคยคิดจะไปยิงมันอยู่หลายๆครั้งแต่ตอนนี้ ปล่อยมันไปตามกรรมดีกว่า ก็พอรู้มาว่าเพราะไอ้นี้มันเจ้าชู้ ชอบไปนั่งร้านอาหารติดนักร้องตามร้านอาหาร ชอบปะเหลาะนักร้องหวัง.... เดี๋ยวมันก็เจอดีเอง....) เรื่องเงินทองเกี่ยวกับครอบครัวของเมียผม พี่น้องทางเมียผมเวลาเดือดร้อนก็ต้องคอยช่วยเรื่องเิงินตลอด น้อยครั้งที่จะได้คืน คืนมาผมก็ให้เมียผมเอาไปใช้หรือให้พ่อแม่เขาำไป จนมาได้รับรู้ข้อความที่ว่าคนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ อาจเคยเป็นพ่อแม่ลูกผัวเมียกัน มีเวรต่อกันกับใครบ้างเราก็ไม่รู้ คู่เราที่มีอยู่ก้แค่มีกันเพื่อสืบพันธ์สืบสกุล บางคู่มาอยู่ด้วยกันเพราะมีกรรมเก่าต่อกัน ผมจึงค่อยๆทำใจได้ ทุกวันนี้ไม่ได้สนใจอะไรแค่ทำหน้าที่ผัวและหน้าที่พ่อให้ดีเท่าที่มีปัญญาทำได้ แล้วทุกๆวันนี้ปัญหาเรื่องเิงินหนี้สินและปัญหาครอบครัวผมก็ยังเจออยู่ทุกๆวันครับ ผมคนไม่เที่ยว ไม่กินเหล้า บุหรี่หยุดดูดไปแล้ว(จริงๆก่อนเลิกก็ดูดแต่ยาเส้นเพราะงบน้อยต้องให้ครอบครัวก่อน นานๆจะซื้อบุหรี่แบ่งขายดูด พอร่างกายแย่เลยต้องหยุด เจ็บหน้าอกเวลานอนกะตอนเพิ่งตื่นนอนยันทุกๆวันนี้) แต่ผมก็เจอแต่มรสุมตลอด ตั้งตัวไม่ได้ซักที มีแต่ธรรมะเท่านั้นที่เยียวยาเราได้ครับ......พยายามสร้างบุญกุศลเท่าที่กำลังจะทำได้.......
จขกท.อดทนมากๆนะครับ คุณทำดีแล้วครับ เป็นสามีที่ประเสริฐจริงๆ ผมเอาใจช่วยครับ.....

 

คุณ ติดบ่วง คะ ดิฉันเอาใจช่วยด้วยค่ะ ทั้งคุณและ เจ้าของกระทู้

 

ขอบคณครับ เรื่องเมียผม ตอนนี้ผมไม่โกรธเธอหรอกครับ ผมไม่รู้ว่าอาจเป็นบุญเก่าผมรึเปล่าครับ ว่า(ปกติ สวดมนต์ อุทิศบุญกุศล ทำทาน ตามกำลังสม่ำเสมอ) อยู่ๆมันก็รู้สึกได้เองว่าคงเป็นกรรมเก่า ในศีลข้อกาเม ของทั้งเราและเขา และตัวเขาและเราก็พบเจอกันมาหลายภพชาติ ผมเลยเลิกใส่ใจเรื่องนี้ ตั้งจิตอุทิศกุศล อโหสิกรรมกับเมียและทุกๆคนที่มีเวรต่อกัน แล้วหลังจากนั้นสักระยะก็ดูว่าเมียผมมันเริ่มแคร์ผมมากขึ้นทั้งๆที่ผมเองก็เป็นอย่างเดิม เพราะผมก็แคร์มันกับลูกมากที่สุด....แต่ก็ยังมีมรสุมที่ต้องฝ่าไปอีกเยอะครับ.....
ขอให้ทุกท่านที่มีความทุกข์จงพ้นจากความทุกข์ ท่านที่มีความสุขก็ขอให้มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป ท่านที่มุ่งนิพพานก็ขอให้สมดั่งตั้งจิตอธิษฐานครับผม.......

 

ทบทวนปัญหาของคุณ Pattarakorn อีกครั้งตามที่คุณเล่ามานะคะ

ครอบครัวคุณไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน คุณสามารถหารายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวได้แบบไม่ขัดสน แต่ปัญหาของคุณคือ คุณรู้สึกน้อยใจ อึดอัด คับข้องใจ ที่เป็นคนหาเงินแต่กลับไม่ค่อยได้ใช้เงิน คุณอยากมีเงินเอาไว้ใช้ส่วนตัวบ้างอย่างเช่น สังสรรค์กับเพื่อนฝูง ช่วยเหลือเพื่อนรักที่กำลังลำบาก แต่คุณก็ทำไม่ได้

การแก้ปัญหาแบบประนีประนอมที่สุด แบบที่เราควรทำในเบื้องต้น ยังไงก็หนีไม่พ้นการต้องหันหน้ามาพูดคุยกันค่ะ ไม่ใช่การเก็บกด รอวันระเบิด และเลิกรา

ดิฉันไม่ทราบว่าคุณเคยพูดคุยเรื่องนี้กับภรรยาคุณแบบจริงจังแล้วหรือยัง? หรือคุณมีข้อตกลงเรื่องการใช้จ่ายเงินร่วมกันในครอบครัวตั้งแต่ต้นอย่างไร? ถ้าคุณให้อำนาจเธอดูแลเรื่องการเงินทั้งหมดแต่ต้น และคุณไม่เคยคุยกันเรื่องที่คุณรู้สึกอึดอัดนี้เลย เธอก็คงไม่รู้หรอกค่ะ และคงปฏิบัติกับคุณเหมือนอย่างที่เคยทำมา เพราะบางครอบครัวสามีเขาให้ภรรยาดูแลการเงินทั้งหมดจริงๆ คือเงินเดือนออกก็ให้ภรรยาดูแลจัดสรรค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้าน แบ่งให้สามีเฉพาะค่าใช้จ่ายส่วนตัวประจำวันเท่านั้น ถ้าสามีมีอะไรที่ต้องใช้จ่ายเป็นพิเศษก็จะมาขอเิบิกเพิ่มกันนอกรอบอีกที (มีจริงๆ นะจะบอกให้ ไม่ได้โม้)

ถ้ายังไม่เคยคุยกันแนะนำว่าให้คุยค่ะ เอาแบบคุยกันเป็นงานเป็นการนะคะ ไม่ใช่บ่นลอยลม บอกให้เธอรู้ว่าคุณอึดอัดและต้องการแบ่งเงินส่วนหนึ่งจากรายได้ที่คุณหามาไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว สำหรับสังสรรค์กับเพื่อนบ้างเพื่อความสัมพันธ์และการทำธุรกิจ หรือเพื่อซื้อของใช้ส่วนตัว (จะกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ก็แล้วแต่จะตกลงกัน) ส่วนที่เหลือคุุณอาจให้เธอไว้ใช้จ่ายในครอบครัวและเก็บออมเพื่ออนาคต

ถ้าคิดจะแก้ปัญหา ดิฉันว่าคุณทำได้ค่ะ
คุณเป็นผู้นำครอบครัว เป็นคนหารายได้ ถ้าคุณจับเข่าพูดคุยกับภรรยาคุณอย่างจริงจัง คุยด้วยเหตุผล เธอน่าจะฟังคุณบ้างนะ

เลิกรากันเพราะเรื่องนี้ ขอให้เป็นคำตอบสุดท้ายจะดีกว่าค่ะ

 

ที่บอกว่ามีจริงๆ นะ ไม่ได้โม้ (เรื่องให้อำนาจภรรยาจัดการการเงินทุกอย่าง) มีตัวอย่างจากข่าวมาแปะให้อ่านด้วยค่ะ

เครดิตข่าว มติชนออนไลน์
เครดิตที่มา pantip.com
http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N12719494/N12719494.html

<b><big><big>ทำไม"มนุษย์เงินเดือน"ญี่ปุ่น ยังต้องแบมือขอเงินจากภรรยา? </big></big></b>

ทุกวันที่ 15 ของทุกเดือนเป็นวันเงินเดือนออกของ"โยชิฮิโร โนซาวา" วัย 36 ปี แต่ใช่ว่าเขาจะได้นำเงินไปใช้ตามที่เขาต้องการได้ เพราะเขาต้องนำเงินทั้งหมดมอบให้ "มาซามิ" ภรรยาของเขา

มาซามิ ทำหน้าที่ควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้าน ซึ่งรวมถึงเงินติดกระเป่าของสามีด้วย

โย ชิฮิโร จะได้รับ"เงินเดือน"จากภรรยาราว 30,000 เยน (ประมาณ 12,000 บาท) เพื่อให้เป็นค่าใช้จ่ายภายใน 30 วันหลังจากนั้น แม้ว่าจริงๆแล้วเขาจะเป็นเจ้าของเงินก้อนนั้นอย่างถูกต้องก็ตาม เขากล่าวว่า 5 วันสุดท้ายก่อนวันเงินเดือนออก หรือราววันที่ 10 เป็นช่วงเวลาที่สุดหินมากที่สุด

แล้วเหตุใดเขาจึงต้องถูกจำกัดการ ใช้จ่าย ทั้งๆที่ครอบครัวของเขาซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 4 คน สามารถใช้เงิน 30,000 เยน เพื่อไปเที่ยวโตเกียวดิสนีย์แลนด์ได้อย่างสบายๆโดยที่ไม่เดือดร้อน

โยชิฮิโรและมาซามิ มีลูก 2 คน ริโน วัย 6 ขวบ และเรน วัย 8 ขวบ และทั้งสองคนก็คือสาเหตุว่าทำไมมาซามิจึงต้องบังคับให้เขาใช้เงินต่อเดือน อย่างจำกัด

มาซามิกล่าวว่า เธอเริ่มควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆภายในบ้าน เมื่อเธอเริ่มเป็นแม่บ้านและหลังจากที่มีลูก เนื่องจากครอบครัวมีรายได้เพียงทางเดียวแต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ทั้งค่าเทอมและค่าเรียนพิเศษของลูก

โยชิฮิโร เห็นด้วยกับแผนนี้ แต่เขากล่าวว่า เงินเพียง 30,000 เยน แทบทำให้เขาอยู่ไม่ได้ในเมืองที่มีค่าครองชีพสูงติดอันดับโลกอย่างโตเกียว ภรรยาของเขาทำข้าวกล่องกลางวันให้ทุกเช้า ซึ่งช่วยประหยัดไปได้มาก และเขามักจะไปนั่งกินข้าวกล่องเงียบๆคนเดียวในสวนสาธารณะใกล้ที่ทำงาน

ของที่แพงที่สุดที่เขาพอซื้อได้คือบุหรี่ ซึ่งคิดเป็นเงินราว 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายต่อเดือน ตอนนี้เขากำลังคิดว่า หากบุหรี่ขึ้นราคา คงต้องเลิกให้ได้เสียที

อย่างไรก็ดี โยชิฮิโร ไม่ใช่เป็นคนเดียวที่ต้องถูกควบคุมค่าใช้จ่ายโดยภรรยาเช่นนี้

ตามผลการศึกษาของบริษัทซอฟท์เบรน ฟิลด์ พบว่า 74% ของงบประมาณภายในครัวเรือนของญี่ปุ่นถูกควบคุมโดยผู้หญิง และมิใช่เฉพาะครอบครัวที่มีลูกเท่านั้น <center><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table bgcolor="#222244" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td></td></tr></tbody></table></td><td rowspan="2" bgcolor="#000000" valign="top"><table bgcolor="#204080" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td width="10">
</td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td colspan="2" align="left" bgcolor="#000000"><table bgcolor="#204080" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="10">
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></center>
<table border="0" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td valign="bottom" width="10%">จากคุณ</td><td>: Anemone2526</td></tr></tbody></table>

 

<table align="center" bgcolor="#FFFFFF" border="0" cellpadding="5" cellspacing="0" width="80%"><tbody><tr><td class="subHeadDarkBlue" valign="middle">บริหารชีวิตคู่ต้องจัดการเงินทอง</td> </tr> <tr> <td>คอลัมน์: สารพันปัญหาเงินทอง: บริหารชีวิตคู่ต้องจัดการเงินทอง
</td> </tr> <tr> <td>Source - ไทยโพสต์ (Th)
</td> </tr> <tr> <td>Thursday, May 21, 2009 06:35
</td> </tr> <tr> <td>
</td> </tr> <tr> <td> ประวีร์ พิชัยศรทัต
</td> </tr> <tr> <td>
</td> </tr> <tr> <td> เรียน คุณประวีร์ที่นับถือ
</td> </tr> <tr> <td> ดิฉันมีเรื่องอยากจะเรียนถามคุณประวีร์ว่า เมื่อคนเราจะต้องตัดสินใจแต่งงาน มีเรื่องอะไรที่ควรจะต้องคำนึงถึงก่อนใช้ชีวิตคู่บ้าง ได้ยินมามากว่าสามีภรรยาต้องมามีปัญหากันภายหลังเพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ บางทีถึงขั้นต้องอย่าร้าง มีคำถามใดที่เราจะต้องตอบก่อนใช้ชีวิตคู่บ้างไหมคะ ดิฉันกำลังจะตัดสินใจแต่งงานค่ะ มีอะไรจะได้ตกลงให้เข้าใจร่วมกันเพื่อที่จะจัดการเสียก่อนที่จะมีปัญหาภาย หลัง ขอบคุณค่ะ
</td> </tr> <tr> <td> ธารทอง
</td> </tr> <tr> <td> ตอบคุณ ธารทอง
</td> </tr> <tr> <td> ข้อคิดนี้เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกคู่แต่งงาน ไม่ใช่สำหรับผู้หญิงเท่านั้นครับ สำหรับผู้ชายเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเดี๋ยวนี้คำว่า "รักแท้" นั้นไม่ค่อยจะขลังเหมือนสมัยก่อนแล้ว คำว่ารักแท้อะไรก็ยอมได้ หรือความรักคือการเสียสละ อาจจะเชยไปซะหน่อยแล้ว มีบทความสั้นบอกว่าสถิติการหย่าร้างของคู่รักยุคนี้มีอยู่ถึง 905 เลิกรากันเพราะปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ฟังดูอาจจะสูงไปสักหน่อย ผมก็ไม่ทราบว่าข้อมูลนี้เชื่อได้มากน้อยอย่างไรเอาเป็นว่าการอย่าร้างเพราะ เรื่องนี้มีสัดส่วนสูงก็แล้วกันครับ
</td> </tr> <tr> <td> สาวที่กำลังมีหนุ่มคนรักขอแต่งงาน หรือหนุ่มๆ ที่กำลังจะขอสาวแต่งงานก็เถอะครับ ควรจะใคร่ครวญถึงเรื่องนี้ก่อนเป็นสำคัญ อย่าเกรงใจที่จะถามไถ่ถึงการวางแผนเรื่องเงินๆ ทองๆ ของคนรัก ช่วยกันตอบให้เคลียร์ก่อนตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ ถ้าตอบคำถามร่วมกันได้หมดปัญหา เศรษฐกิจในครอบครัวก็คงจะไม่มาพรากความรักของคุณได้ง่ายๆ ครับ ปัญหาที่ควรจะตอบร่วมกันอย่างแรกคือ ใครที่จะจัดการเรื่องเงิน ต้องร่วมกันตอบครับเพราะหากร่วมหอลงโลงกันแล้วรายได้และทรัพย์สินหลังแต่ง งานจะตกเป็นของกลางทันที ฉะนั้น เรื่องดูแลรายได้ รายจ่าย หรือหนี้สิน จึงต้องถูกจัดการและร่วมปรึกษากันทั้งสองคน
</td> </tr> <tr> <td> อย่างที่สอง ผู้หญิงหลายคนมักถามครับว่า เขาต้องไปทำงานด้วยไหม? เพราะไม่น้อยที่ตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาดูแลบ้าน สามี และดูแลลูก โดยยึดแต่รายได้ของฝ่ายชายเอมาจุนเจือ ลืมนึกถึงชีวิตส่วนตัวว่ามีกิจวัตรหลายอย่าง เช่น ช็อปปิ้ง ไปงานสังคม ไปเที่ยว ต้องใช้เงิน แต่การหยุดทำงานคือไม่มีรายได้ ถึงจะต้องแบ่งเจียดเงินจากค่าใช้จ่ายที่ฝ่ายชายยื่นให้ก็คงไม่ได้สบายเหมือน ของตัวหรอกครับ ฉะนั้นถ้าคิดว่าอาจจะออกงานต้องคุยกันให้รู้เรื่องและก็ควรจะมีประกันสังคม หรือประกันชีวิตไว้ด้วย
</td> </tr> <tr> <td> อย่างที่สามคือ รายได้ต้องหารครึ่งไหม รีบตกลงกันก่อนที่จะทะเลาะกันนะครับ วิธีง่ายๆ ในการบริหารค่าใช้จ่ายในบ้าน คือการเปิดบัญชีรวม คิดจากเปอร์เซ็นรายได้ของแต่ละคนยุติธรรมที่สุดครับ เว้นแต่ถ้าฝ่ายชายเสนอเงินมาไว้ที่กองกลางมากกว่าก็แล้วไป อย่าลืมแยกบัญชีส่วนตัวเพื่อจะได้มีเงินเก็บเงินใช้ส่วนตัวด้วยก็ดี และสุดท้ายค่าใช้จ่ายต้องมีลิมิตเท่าไหร่ก็เป็นประเด็นครับ ควรตกลงกันว่าแต่ละเดือนควรมีงบประมาณการใช้เงินเท่าไหร่ โดยเฉพาะการใช้บัตรเครดิต ไม่งั้นจะเป็นหนี้กองโตต้องให้อีกฝ่ายมาช่วยสะสาง ถ้ามีคำถามว่าต้องช่วยสะสางหนี้ของคนร้กด้วยไหม
</td> </tr> <tr> <td> เรื่องนี้ถ้าคู่ของคุณมีหนี้ก้อนโตก่อนมาขอคุณแต่งงานอันนี้ต้องรีบสะสางกัน ก่อนที่จะแต่งงานกันนะครับ เพราะตามหลักจริยธรรมแล้วคุณต้องเข้ามาร่วมปลดหนี้กับเขาด้วย ฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือทั้งคู่ควรปลดหนี้ของแต่ละคนให้หมดสรุปแล้วคุยกัน ก่อนดีกวาครับ เห็นมามากว่าผู้ชายไม่ค่อยคิดวางแผนการเงินเท่าไหร่ ดังนั้นถ้าไม่ได้มีแฟนเป็นนักธุรกิจก็ต้องมาประมวลกันถึงเรื่องนี้สักหน่อย ถ้าปัญหามากนักจะวางแผนครอบครัวกับผู้เชี่ยวชาญก่อนก็ได้ครับ.--จบ--
</td> </tr> <tr> <td>
</td> </tr> <tr> <td> ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td valign="bottom" width="10%">
</td><td>ฐานข้อมูลข่าวเกี่ยวกับครอบครัว </td></tr></tbody></table>

 

ขออนุญาตเจ้าของกระทู้นะคะ ขอโพสต์บทความที่ดิฉันเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ในการช่วยแก้ปัญหาของเจ้าของกระทู้น่ะค่ะ (เผื่อเอาไว้ใช้เป็นแนวทางการพูดคุยกับภรรยา)

มีสองบทความ บทความด้านบนที่โพสต์ไปแล้ว
และอีกหนึ่งบทความค่ะ
v
v

เรื่องเงินทองของคนรักกัน.​

​

​

​

- อย่าลืมว่าการใช้ชีวิตคู่คือการปรับตัวเข้าหากัน
ขั้นแรกคุณควรวางแผนว่าจะแบ่งหน้าที่การใช้จ่าย การเก็บเงินอย่างไร ถ้าอีกฝ่ายเป็นบุคคลประเภทเคยชินกับการใช้เงินฟุ่มเฟือย อาจเริ่มต้นจำนวนเงินที่จะให้เขาต้องแบ่งมาเก็บร่วมกันให้น้อยลงนิด เพื่อให้เขาสามารถทำได้ จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเพื่อให้เขาค่อยๆ ปรับนิสัยการใช้เงินได้เอง

- ตกลงให้ได้ว่าใครจะจัดการเรื่องเงินจำไว้เสมอว่าเมื่อแต่งงานกันแล้ว รายได้และทรัพย์สินที่หามาได้หลังจากนั้น จะกลายเป็นของกองกลางทันที ดังนั้น ทั้งคู่ควรมีการพูดคุยและตอบปัญหาร่วมกันคิด เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดจนต้องกลับไปเดือดร้อนคุณพ่อ คุณแม่

- อย่าเก็บเรื่องเงินไว้เป็นความลับคนที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน มักไม่ยอมเปิดเผยเรื่องการเงินของ ตนเองให้อีกฝ่ายรับทราบทั้งหมด อย่างเช่น ราคาสินค้าชิ้นโปรดที่ไปจับจ่ายซื้อหามาของทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ส่วนใหญ่จะบอกราคาสินค้าที่ต่ำกว่าราคาที่ซื้อจริง เนื่องจากกังวลว่าจะโดนอีกฝ่ายหนึ่งตำหนิ แต่อันที่จริงพูดความจริงโดยไม่ปิดบังเรื่องเงินทองต่อกัน จะทำให้คุณมีความเข้าใจเรื่องการเงินภายในครอบครัวที่ถูกต้อง และสามารถวางแผนการเงินได้ดีกว่า

- ควรแบ่งเงินเป็น 3 ส่วน เป็นเงินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายและเงินกองกลางหลายคู่เมื่อแต่งงานไปแล้ว ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยกรายได้ของตนให้อีกฝ่ายเป็นผู้ดูแลทั้งหมด โดยเฉพาะฝ่ายชายที่พอเงินเดือนออกก็ยกให้ภรรยา แต่วิธีที่ถูกต้อง เพราะแต่ละคนควรตกลงกันล่วงหน้าว่าจะแบ่งเงินเป็น 3 กระเป๋าคือกระเป๋าของคุณ กระเป๋าของเธอ และกระเป๋าของเรา ป้องกันเวลาที่ใครนึกอยากได้ของชิ้นสำคัญขึ้นมาจะได้ไม่ไปรบกวนเงินกองกลาง หรือเงินของอีกฝ่าย เรียกว่าสบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย

- ต้องร่วมกันวางแผนอนาคตหลังจากแบ่งหน้าที่ภาระเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมวางแผนอนาคต.ด้วย เนื่องจากในวันข้างหน้าคุณอาจต้องมีภาระในเรื่องค่าเล่าเรียนของลูก


เครดิต
ความรัก

 

เรื่อง ดูเหมือนแก้ได้ง่ายๆ อยู่ที่ใจ ว่า จะทำให้ง่าย หรือ ยาก ^-^
เรื่อง ยาก ของเรา เปน เรื่อง ง่าย ของเขา เรื่อง ง่าย ของเรา แต่ เขาว่ายาก
เป็น กำลังใจ ให้นะคะ

 

เกิดมา มันก็เป็นอย่างนั้น ไม่รับกรรมแบบนั้น ก็ไปรับแบบอื่น โลกมันเป็นทุกข์ บางคนก็แฟนนอกใจ มีชู้ บ้างก็โดนแฟนทำร้าย ต่างๆ กันไป เขาทำอย่างนั้นก็ยังดี ดีกว่าเขามีชู้ เขามีชู้ยังดีกว่า เขามาทำให้เราเห็น เขาทำให้เราเห็นอย่างดีกว่าเขามีชู้หลายคน

 

เราทุกคนมีทั้งบุญบารมีและวิบากกรรมติดตัวกันมา เราอย่าจำนนต่อกรรม
อย่าไปคิดว่าทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว

สิ่งใดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์กับตัวเราและคนรอบข้าง และทำให้ปัญหาต่างๆ
คลี่คลายเบาบางลงได้ เราต้องมีความกล้าที่จะกระทำ อย่านิ่งเฉย อย่ายอมจำนน
แต่จงทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ...เพื่อจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง

ไว้เมื่อทำไม่ไหวจริงๆ ทำไปก็แค่นั้น ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว จึงค่อยวางอุเบกขา
กรรมในปัจจุบันสำคัญที่สุด เมื่อทำกรรมในปัจจุบันให้ดี อนาคตก็ย่อมดี ...

อย่ายอมจำนนต่อกรรม..

 

เลิกไปเลยค่ะ ภรรยาแบบนี้ ถ้าคุณPattarakorn อยู่กับ ภรรยานิสัยไม่ดีคนนี้ต่อไปสักวันคุณต้องสุขภาพจิตเสียไปมากกว่าทุกวันนี้แน่ๆ ภรรยาของคุณทำแบบนี้กับคุณไม่ได้นะคะ มันมากเกินไปแล้วค่ะ ตั้งแต่นาทีนี้และวันนี้เป็นต้นไปถ้าคุณไม่ยอมเลิกกับแฟนของคุณ คุณก็ต้องเป็นฝ่ายเอาแฟนคุณคืนบ้างค่ะ และต้องสั่งสอนให้เค้ารู้ว่าคุณคือหัวหน้าครอบครัวค่ะ ไม่ใช่เค้า

ป.ล. เราอ่านแล้วเรา เกิดอารมณ์โมโห แทนคุณPattarakorn มากค่ะ เราเห็นว่าแฟนคุณ เป็นคนอารมณ์ร้ายมาก และทำตัวเกิดกว่าเหตุค่ะ ว่างๆ คุณPattarakornพาแฟนคุณไปเข้าวัดบ้านนะจิตใจจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ส่วนคุณPattarakorn อย่างยอมภรรยาของคุณอีกต่อไปค่ะ สู้ๆนะคะ จำเอาไว้ว่าคุณเป็นผู้ชายอย่างให้ใครมาเล่นหัว และคุณคือช้างเท้าหน้าหัวหน้าครอบครัวค่ะ อย่ายอมๆ

 

เห็นด้วยค่ะ ดิฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งมีสถาบันครอบครัวเป็นของตัวเองเรียบรอยแล้ว สิ่งที่ดิฉันรู้สึกได้คือ คุณเป็นผู้ชายที่อ่อนแอนะคะ คุณไม่มีลักษณะผู้นำ คุณยอมถูกกระทำย่ำยีหมิ่นศักดิ์ศรี โดยที่คุณยินยอมก้มหน้าให้เค้ากระทำต่อคุณโดยดุษฏี ทุกวันนี้คุณมีแต่ความทุกข์ คุณไม่มีความสุขเลยใช่มั๊ยคะ หันกลับมารักตัวเองให้มากขึ้นเถอะค่ะ จะต้องทนไปเพื่ออะไร ทำไมต้องทนทุกข์กับชีวิตประจำวันขนาดนี้ สุดท้ายชีวิตคุณจะเหลืออะไร ถ้าคุณกล้าพอที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ขอแนะนำให้คุณลองเดินไปสู่เส้นทางแห่งธรรม คุณจะพบกับความสงบ ความสุข สัจธรรมที่ถูกต้องโดยปราศจากข้อสงสัยและไม่มีข้อแม้ อย่างน้อยปลายทางของชีวิตคุณสามารถค้นพบความสงบสุขที่แท้จริงแน่นอนค่ะ สุดท้ายของชีวิตที่มีค่า อัตตาหิ อัตตาโนนาโถ ตนนั่นแหละ เป็นที่พึ่งแห่งตน เกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว ลูกผู้ชายตัวจริง

 

มาอ่านสายไปนิด
ผมเคยเขียน ภรรยาในศานาพุทธไว้ แต่โดนย้ายหรือ ลบไปแล้วมั๊ง
ภรรยาในศาสนาพุทธมี7ประเภท 1.ภรรยาฆาตรกร2.ภรรยาเป็น(จำไม่ได้) 3ภรรยาเป็นนาย 4.ภรรยาเป็นแม่5.ภรรยาเป็นพี่6.ภรรยาเป็นเพื่อน7.ภรรยาเป็นทาส
คุณโดนข้อที่3 คือ ภรรยาเป็นนาย
ก็คงเป็นกฏแห่งกรรม ที่คุณต้องรับไป
แต่ถ้าคุณอยากเปลี่ยนกรรม ก็สร้างกรรมใหม่ เลิกซะ แล้วไปหาภรรยาแบบที่7 เป็นทาสคุณ....ฮา

 

ดีแล้วครับที่รู้..

 

มนุษย์นี้หนอไม่เคยมีความพอดีเลยในชีวิต ขาดๆๆเกินๆๆ ล้วนเกิดมา
ชดใช้กรรมกันทั้งสิ้น ของดิฉันนี่ตรงข้ามกับคุณโดยสิ้นเชิง
ดิฉันเป็นคนหา ในสายตาคนภายนอกใครๆว่าดิฉันเก่ง หญิงเหล็ก แทน
ที่สามีจะชื่นชม กลับกลายเป็นเก็บกด หาว่าอะไรก็เมียเก่งทุกอย่าง จนถึงคราววิบากกรรมมาบรรจบ มีเพื่อนชวนสามีไปขายที่ทางอิสาน ที่เป็นหมื่นๆๆไร่ ถามใครก็ว่าขายได้ ขายแล้วจะเหลือเงินหลายล้าน หมดเงินกับการวิ่งทีไปหลายแสน(เงินของดิฉัน) แถมยังขายไม่ได้วิ่งมาเกือบปี แต่สามีกลับไปได้ที่แปลงน้อยแทน เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีหมดไป ครึ่งล้าน พอจับได้ ก็บอกเพราะเขาเก็บกดอะไรๆ ก็ของเมียหมด เมียเก่งทุกอย่าง เขาไม่มีอะไรเลยต้องไปสร้างบารมีฝั่งโขงโน่น ว่านี่นะคือร้านของเขา แต่หารู้ไม่ว่า ตัวเองนั้นเหมือนควายให้เด็กหลอกเอาแต่เงิน ทุกวันนี้ใครๆก็บอกว่าเขาโดนของ ก็พยายามใช้พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ช่วยให้เขาเลิกเห็นกงจักรเป็นดอกบัวเสียที คิดว่าผลบุญที่เราพอมีกับเขาบ้าง คงพอช่วยให้เขาหลุดพ้นวิบากกรรมโดยเร็ว
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ ยังมีคนที่มีปัญหามากกว่าคุณหรือหนักกว่าคุณอีกมากในโลกใบนี้ อย่างคุณนี่น่าจะลองคุยกับภรรยาดูบ้างน่าจะพอคุยได้นะคะ ขอให้โชคดีค่ะ

 

มีเงินก็ทุกข์ ไม่มีเงินก็ทุกข์ นี่แหละคน คุณต้องคุยกับภรรยาคุณสิครับ ว่าคุณต้องการอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่คุยก็ไม่รู้ คุณไม่คุย ก็รีบตัดสินใจแล้ว ว่ามันต้องเป็นอย่างที่คุณคิด อย่าเพิ่งคิดแทนภรรยาคุณเลย ไปคุยก่อน แล้วมาบอกนะครับ เท่าที่ดู ภรรยาคุณก็ดีนะครับ คุณใส่บาตร เค้ายังไ่ม่ว่าอะไรคุณเลย บอกว่าขอเงินสองพันไปทำบุญ เค้าน่าจะให้นะครับ