ธรรมชโย วัดพระธรรมกาย จริงๆแล้วเป็นใคร??มีคำตอบ..

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย maxgatod, 16 มกราคม 2011.

  1. iivv

    iivv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +201
    Mental science. วิทยาศาตร์ด้านภาวะทางจิต
    Philosophy of science. ปรัชญาวิทยาศาตร์
    Analytical science. วิทยษศาตร์เชิงวิเคาระห์


    ประวัติความเป็นมาของจิตวิทยาศาตร์

    ...จิตวิทยาได้เริ่มขึ้นโดยนักปราชญ์ชาวกรีก ชื่อ เพลโต และอริสโตเติล เพลโตเชื่อว่าการคิดและการใช้เหตุผลเท่านั้น ที่ทำให้คนเกิดความเข้าใจในสิ่งที่เขาสามารถจะเข้าใจได้ โดยไม่สนใจวิธีการสังเกตหรือการทดลองใด ๆ แต่อริสโตเติลกลับเป็นนักสังเกตสิ่งรอบตัว เขาสนใจสิ่งภายนอกที่มองเห็นได้ การเข้าใจปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับคนต้องเริ่มด้วยการสังเกตอย่างมีระบบ
    ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ศาสนาเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยแนวคิดทางศาสนาเน้นว่าจิตเป็นส่วนที่แยกออกจากร่างกาย
    ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 การฟื้นฟูการสืบสวนโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการละทิ้งความเชื่อแบบเดิม ๆ มีการค้นหาความรู้ใหม่ ๆ วิธีการก็เริ่มมีลักษณะที่เป็นวิทยาศาสตร์ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ฟรานซิส เบคอน กล่าวว่า “ทฤษฎีให้แนวทาง การวิจัยให้คำตอบ” โดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญระหว่างทฤษฎีและการวิจัย
    กลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 จนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีกลุ่มแนวคิดที่สำคัญเกิดขึ้น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มประจักษ์นิยมชาวบริเตน (British Empiricism) ที่เชื่อว่า ความรู้ผ่านเข้ามาทางสื่อกลางของความรู้สึก จิตเป็นที่รวมของความคิดเห็น นักจิตวิทยากลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญต่อการเกิดจิตวิทยากลุ่มสัมพันธนิยม(Associationistic Psychology) นักจิตวิทยาอีกกลุ่มหนึ่งกลับสนใจทางชีวภาพ เช่น ความแตกต่างระหว่างประสาทส่วนรับความรู้สึกกับประสาทส่วนการเคลื่อนไหว และ ลักษณะทางกายที่แสดงปฏิกิริยาสะท้อน (reflex) นักจิตวิทยากลุ่มนี้พยายามอธิบายการกระทำของมนุษย์ด้วยหลักการทางฟิสิกส์ คือ จิตฟิสิกส์ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้วัดความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางกายภาพของสิ่งเร้ากับประสบการณ์รู้สึกที่ผู้ที่ถูกเร้ารายงานออกมา

    [​IMG]

    Dr.Rowel Tilliams
    นักวิทยาศาตร์

    ....Scientific mind. Scientists physics. นักวิทยาศาตร์ทางจิต ผู้เชี่ยวชาญด้าน มันสมอง ด้านความรู้สึกนึกคิด ของมนุษย์ชาติ ดร โรเวล ได้ไห้ทรรศนะ เชิงวิทยาศาตร์ไว้ว่า
    มันเป็นธรรมชาติ มันเป็นภาวะปกติ ของกระการตอบสนอง
    เช่น ถ้ามีใครมาด่าว่าเรา หรือแสดงอัปกริยา ที่เป็น แง่ลบ Negative เป็นธรรดาอย่างยิ่ง ที่เราจะจะแสดงอาการ Reflexiveเป็นศัตรู
    หรือรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ นี้ ถือว่าเป็นปกติ ภาวะจิตใจปกติ
    แต่ถ้า เราเฉยๆ ไม่แสดงอาการตอบสนอง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นไม่พอใจ นี้ถือว่า บุคคลนั้น อาจจะอยู่ในข่าย Abnomal หรือผิดปกติ

    ภาวะ ปกติ จากการคิดค้น จากนักวิทยาศาตร์ทั่วโลก สรุป
    ความเห็นด้าน ภาวะ ความรู้สึก ปกติ ทางด้านจิตใจ Mental Mind เช่น การตอบสนอง รัก โกรธ เกียจ ชอบ เสียใจ ยินดี
    ภาวะ แข่งขัน การชิงดี การคิดอยากมี อยากได้ ในวัตถุ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะเป็นสิ่งกระตุ้นไห้ Subconscious mind จิตใต้สำนึก ขับเคลื่อนออกมาทำไห้บุคลนั้น ทำงานได้อย่างเต็มที่ เต็มประสิทธิภาพ เช่น การแข่งขัน ในสังคม มีการเอารัดเอาเปรียบ
    ถือว่าเป็นการพัฒนา ในเชิงก้าวหน้าของโลก Advanced

    ตอบข้อซักถาม ว่าเป็นไปได้ไหม ที่มนุษย์ ชาติไม่จำเป็นต้องมีการสืบพันธุ์ ดำรงเผ่าพันธุ์ หรือแม้กระทั่ง หมดความรู้สึก ทางเพศ หรือความโกรธ ความอยากได้ในวัตถุสิ่งของ
    จากผู้ที่มีมุมมองทางศาสนาได้ซักถาม

    ดร โรเวล ได้ตอบข้อซักถาม ว่า มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก กระทบ กระเทือน หลายด้านหลายฝ่าย ผมไม่อยากจะกล่าว มันเป็นเรื่องยากมาก
    แต่เท่าที่เรามีข้อมูล Information ในเชิงวิเคราะห์ เราถือว่า
    อาจจะมีภาวะผิดปกติ เป็นภาวะ แยก ภาวะปลีกตัว Detach
    ความต้องการมีเพศสัมพันธุ์ เป็นความต้องการพื้นฐาน ของการดำรงเผ่าพันธุ์ เป็นNature ขั้นพื้นฐาน ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
    เป็นความสุขHappiness เป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลาย


    (นักวิทยาศาตร์ ไม่รู้จัก กิเลส ตัณหา ไม่รู้จักอุปทาน และก็ไม่รู้
    ว่าจะกำจัด หรือจะลด จะละ ไปเพืออะไร แต่เขามีความคิดเห็นที่ตรงข้าม เห็นว่าการอยากได้ในวัตถุ รถ แหวนทอง เพชร ฯล เป็นสิ่งที่ดี เพราะจะเป็นแรงขับ ทำไห้โลกพัฒนาก้าวไกล ก่อไห้เกิด การสร้างงาน ก่อไห้เกิด การคิดค้น จะทำไห้มีสิ่งที่เรียกว่าวัตกรรมไหม่ๆออกมาเรื่อยๆไม่หยุดนิ่ง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2011
  2. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
  3. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    ทุกคนมองในมุม แต่วัตถุ มองในมุมกายภาพ เลยไม่เข้าใจ วิทยศาสตร์ทางใจแห่งการละการยึดมั่นถือมั่นขั้นลึก มองเป็นเทวะบูชานิยมกันทั้งนั้นเลยยย
     
  4. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    ฝากแนวทางธรรมชาติ ไว้ด้วยคนนะครับ แนวทางนี้ผมว่าบริสุทธิ์ที่สุด อยู่ที่คุณจะมองว่าเป็นอย่างไร อย่าไปยึดติดกับ วัตถุนิยมเลยครับ... มนุษย์เราอยู่กับธรรมชาติมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆถ้าเราต้องการ สมาธิ การหลุดพ้น ต่างๆ การยึดเหนี่ยวทางใจ ธรรมชาตินี่แหละดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้เกิดจากธรรมชาติตั้งแต่แรก แต่ภายหลังจิตใจมนุษย์ต่ำลง ทำร้ายธรรมชาติบนความเห็นแก่ตัวของแต่ละบุคคล ที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวทั้งนั้น
    อยู่ที่ใจคุณเท่านั้นแหละ ที่จะยื่นมือกลับไปหาธรรมชาติอันบริสุทธิ์ หรือ ยื่นมือเข้าหาวัตถุนิยมที่สร้างจากฝีมือมนุษย์
     
  5. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    วิถีคนจร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5101708", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Oct 2009
    ข้อความ: 428
    พลังการให้คะแนน: 121 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ธรรมเกิน<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5102756", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Apr 2011
    ข้อความ: 237
    พลังการให้คะแนน: 110 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    ที่จิ้มๆด้วยนิ้วมือ ลิงค์ เป็นเครือข่ายทั่วโลก
    เรียกว่า computer เรียกว่า internet
    มันไม่ไช่ ความคิดที่เป็นอัจฉริยะ ของมวลมนษย์ชาติ นักคิด นักค้น
    นักวิจัยนักวิทยาศาตร์หรอกหรือครับ อย่าไห้เข้าทำนองสุภาษิตไทยนะครับที่ว่า
    เกียจตัวกินไข่ เกียจปลาไหล กินน้ำแกง
    __________________________________

    (สิ่งที่สอนกันไม่ได้ คือสามัญสำนึก)
     
  6. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    สนองตัณหาของมนุษย์ด้วยกันเองมากกว่า หรือก็พยายามจะอยู่เหนือธรรมชาติ แต่ถ้าคิดอย่างมนุษย์ธรรมดาๆของเหล่านี้ก็ต้องใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ แล้วแต่ใตรจะให้ความสำคัญอย่างไร แต่ส่วนมากแล้วมนุษย์ยุคนี้ปล่อยให้วัตถุมีพลังเหนือจิตใจ อาจเพราะคิดว่ามันจำเป็น ต้องใช้ในสังคมปัจจุบัน ก็แล้วแต่ครับ ใตรอยากวนเวียนอยู่ในวัฏฏะไปเรื่อยก็ต้องปล่อยเขา แต่ใครไม่อยากมาเกิดอีก หรือขอมาเกิดอีกเพียงเล็กน้อย ก็นี่เลยครับ ปฎิบัติตามคำสอนขององค์พระสัมสัมพุทธเจ้าเลย
    ทุกวันความอยากในตัวเราเองมันเพิ่มขึ้นทุกวันๆ จนหลายครั้งที่ไม่รู้ตัวปล่อยให้ถูกครอบงำ บดบังความดีที่ตัวเองมีอยู่ ถือตัวเองเป็นใหญ่ สนองสิ่งที่ตัวยึดมั่นถือมั่น สร้างความอยากให้เกืดได้ตลอดเวลา ถ้ามีสติที่แข็งแกร่งก็พอยับยั้งได้ แต่ถ้ากำลังสติเบาบาง หรือ อ่อน ก็วุ่นวาย เหนื่อยน่าดู ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะวิ่งหนีหรือกลบเกลื่อน ความจริงไปทำไมกัน
     
  7. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    ผู้เตือน warn
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2010
    ข้อความ: 401
    พลังการให้คะแนน: 72[​IMG][​IMG][​IMG]



    [​IMG]

    ...จากพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่าผู้ใดก็ตาม ได้อภิญญาสมาบัติแปด มีกำลังจิต
    มีตบะอันแก่กล้า ถ้ามีความสนใจ ด้าน
    วิปัสสนาญาณ ก็สามารถ ที่จะบรรลุธรรนขั้นสูงสุด ในบวรพทธศานาได้โดยไม่ยากเลย
    จะเป็นพระอรหันต์ทรงคณธรรมพิเศษ เป็นพระอรหันหันต์ ปฏิสัมภิทาญาณ
    พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณคืออะไร คำตอบเป็นดังนี้ครับ

    ....อัชฌาสัยของท่านผู้มีความต้องการในความรู้พิเศษ ที่มีความรู้รอบตัวยิ่งกว่าท่านผู้ทรง
    อภิญญา ๖(เหนือกว่าอภิญญา)เรียกว่าอัชฌาสัยของท่านผู้ทรงปฏิสัมภิทัปปัตโต
    ท่านผู้ทรงปฏิสัมภิทัปปัตโตนี้ แปลว่ามีความรู้พร้อม คือท่านทรงคุณธรรมพิเศษกว่า
    ท่านเตวิชโช ฉฬภิญโญหลายประการ เช่น


    ๑. มีความสามารถทรงความรู้พร้อม ไม่บกพร่องในหัวข้อธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน
    ไว้ได้โดยครบถ้วน แม้ท่านจะย่างเข้ามาอุปสมบทในพระพุทธศาสนาเพียงวันเดียว ทั้งๆ ที่ไม่เคยศึกษา
    คำสอนมาก่อนเลย ตามนัยที่ปรากฏในพระสูตรต่างๆ ที่มาในพระไตรปิฎกว่า มีมากท่านที่มีความ
    เลื่อมใสในสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วพอฟังเทศน์จบ ท่านก็ได้บรรลุอรหันต์ชั้นปฏิสัมภิทาญาณ
    ท่านทรงพระไตรปิฏก คือเข้าใจในข้อวัตรปฏิบัติครบถ้วนทุกประการได้ทันท่วงที

    ๒. มีความฉลาดในการขยายความในธรรมภาษิต ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้โดยย่อให้พิสดารได้อย่างถูกต้อง

    ๓. ย่อความในคำสอนที่พิสดารให้สั้นเข้า โดยไม่เสียใจความ

    ๔. สามารถเข้าใจ และพูดภาษาต่างๆ ได้ทุกภาษา ไม่ว่าภาษามนุษย์หรือภาษาสัตว์

    _______________________________

    copy เขามาอีกทีครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กันยายน 2011
  8. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    <TABLE class=tborder id=post5101319 style="BORDER-RIGHT: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-LEFT: rgb(239,239,239) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BORDER-BOTTOM: rgb(239,239,239) 1px solid; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); background-origin: initial; background-clip: initial" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247); background-origin: initial; background-clip: initial" width=175>ผู้เตือน warn
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2010
    ข้อความ: 401
    พลังการให้คะแนน: 72[​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_5101319 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(239,235,239); background-origin: initial; background-clip: initial">...พระพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสกับบันดาสาวก ในสมัยที่พระองค์ทรงพระชนม์ชีพอยู่

    ทรงตรัสไว้ว่า ผู้ใดก็ตามได้ฌาณโลกีย์ ได้อภิญญาสมาบัติแปด มีกำลังจิต มี


    ตบะ อันแก่กล้า ดีแล้ว ถ้าเจริญวิปัสสนา เจริญอริยสัจสี่

    ไช้เวลาแค่เพียง เคี้ยวชานหมากแหลก ก็จะบรรลุธรรม

    เป็นพระอรหันต์ขั้นสูงสุดในบวรพระพทธศาสนา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    <TABLE class=tborder id=post5101322 style="BORDER-RIGHT: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-LEFT: rgb(239,239,239) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BORDER-BOTTOM: rgb(239,239,239) 1px solid; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); background-origin: initial; background-clip: initial" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247); background-origin: initial; background-clip: initial" width=175>ผู้เตือน warn
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2010
    ข้อความ: 401
    พลังการให้คะแนน: 72[​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_5101322 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(239,235,239); background-origin: initial; background-clip: initial">[​IMG]

    เรื่องที่ ๓๔ (พุทธประวัติ)
    "..เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว พระองค์ทรงต้องการให้คนอื่นมีความสุขด้วย ทรงนึกว่าใครหนอที่จะรับพระธรรมเทศนาที่พระองค์บรรลุแล้วได้ ก็ทรงหวนนึกขึ้นมาได้ว่าท่านอาจารย์ทั้งสองคือ ท่านอาฬารดาบส กับ ท่านอุทกดาบส สองท่านเป็นอาจารย์สอนให้พระองค์ได้สมาบัติ ๘ ฉะนั้นในเมื่อท่านสอนให้ลูกศิษย์ได้สมาบัติ ๘ ได้ ตัวท่านก็ต้องได้สมาบัติ ๘ ด้วย การได้สมาบัติ ๘ คือ รูปฌาน ๔ และอรูปฌาน ๔ จิตละเอียดมาก ถ้ารับพระธรรมเทศนาจากองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแผลบเดียวก็เป็นอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ คำว่า "ปฏิสัมภิทาญาณ" หมายความว่า
    ๑) ฉลาด ถ้าเขาพูดมาโดยย่อ ก็สามารถอธิบายให้ละเอียด เข้าใจชัดได้
    ๒) ถ้าเขาพูดมายาวๆ ก็สามารถย่อให้สั้นเข้า พอจำได้
    ๓) มีความฉลาดในภาษา มีปัญญารอบรู้ทุกอย่าง มีฤทธิ์ด้วยประการทั้งปวง เป็นอันว่าอภิญญา ๖ และวิชชา ๓ มีอะไร ปฏิสัมภิทาญาณก็มีหมด สำหรับปฏิสัมภิทาญาณนี้ต้องทรงสมาบัติ ๘ ก่อน
    องค์สมเด็จพระชินวรทรงคิดว่าจะไปเทศน์ให้ท่านอาจารย์ทั้งสองฟังเพื่อจะได้บรรลุมรรคผล ก่อนที่องค์สมเด็จพระทศพลจะทรงทำอะไรท่านมีพระพุทธญาณเป็นเครื่องรู้ ทรงใช้ทิพย์จักขุญาณดูว่าอาจารย์ทั้งสองเวลานี้อยู่ที่ไหน ก็ทราบได้ว่าเวลานี้ อาจารย์ทั้งสองตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นอรูปพรหม ไม่มีอายตนะคือไม่มีเครื่องรับ ไม่มีตาจะรับ ไม่มีหูจะรับ มีแต่ตาไม่มีหู ตีใบ้ก็ยังใช้ได้ มีแต่หูไม่มีตา ใช้เสียงก็ยังดี แต่นี่ไม่มีทั้งหูทั้งตา มีแต่จิตลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ สมเด็จพระบรมโลกนาถก็ทรงปลงอนิจจังว่า "โอหนอ น่าเสียดายอาจารย์ทั้งสอง ฉิบหายจากความดีเสียแล้ว" เพราะว่าองค์สมเด็จพระประทีปแก้วไม่มีโอกาสจะสนองคุณท่านอาจารย์ทั้งสอง เนื่องจากไม่มีอายตนะจะรับ ความจริงพราหมณ์เขาก็เก่ง เขามีการสอนกันถึงสมาบัติ ๘
    พรหมที่ว่ามี ๒๐ ชั้น เป็นพรหมที่มีรูป ๑๖ ชั้นและพรหมที่ไม่มีรูปที่เรียกกันว่าอรูปพรหมอีก ๔ ชั้น ความจริงไม่ได้เป็นชั้นที่ต่อสูงขึ้นไปเป็นชั้นที่ ๑๗,๑๘,๑๙,๒๐ หมายถึงไม่ได้อยู่สูงกว่าพรหมที่มีรูปและอรูปพรหมไม่ได้ตั้งปนอยู่กับรูปพรหม แต่อยู่ในช่องกึ่งกลางระหว่างรูปพรหมชั้นที่ ๘ กับรูปพรหมชั้นที่ ๙ จะเห็นเป็นทะเลอากาศขาวเป็นประกายระยิบระยับแพรวพราว มีความกว้างขวางมองหาที่สุดของพื้นที่ไม่ได้ หาวิมานสักหลังก็ไม่มี หารูปกายสักรูปหนึ่งก็ไม่มี สิ่งที่จัดว่าเป็นวัตถุในด้านของความเป็นทิพย์สักหน่อยหนึ่งก็ไม่มี แดนนี้เขาเรียกว่าแดนอรูปพรหม ที่เขาบอกว่าเป็นพรหมแล้วมีรูปร่างเหมือนฟักแฟง แบบนี้ยังไม่รู้จริง ถ้าหากว่ารูปไม่มีแล้วอะไรเป็นพรหม ก็จิตของพรหมแต่ละพรหมที่เห็นเป็นประกายระยิบระยับแพรวพราวอยู่ในบริเวณของอากาศนั้นแต่ไม่มีรูป พรหมทั้งหลายพวกนี้ไม่มีรูปก็เพราะในสมัยที่เป็นมนุษย์เขาไม่ต้องการรูปเขาเกลียดรูป เนื่องจากเวลาหนาวก็ดี ร้อนก็ดี หิวก็ดี กระหายก็ดี ป่วยไข้ไม่สบายก็ดี ปวดอุจจาระปัสสาวะก็ดี ถูกเพื่อนต่อว่าหรือถูกเจ้าหนี้มาทวงหนี้ก็ดี เขาคิดว่าอาการที่ไม่ชอบใจทั้งหมดเป็นเพราะมีร่างกายเป็นสำคัญ ถ้ายังมีร่างกายอยู่เพียงใด ความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้ก็จะปรากฏแก่เรา ฉะนั้นจึงได้บำเพ็ญบารมีในด้านอรูปฌานคือ
    ๑) อากาสานัญจายตนะ พิจารณาอากาศเป็นสำคัญว่า อากาศหาที่สุดมิได้
    ๒) แล้วพิจารณา วิญญาณัญจายตนะ ดูวิญญาณว่า วิญญาณนี้ก็หาที่สุดมิได้เหมือนกัน
    ๓) แล้วก็ได้ อากิญจัญญายตนะ ถือว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นสำคัญ มันสลายตัวหมด
    ๔) แล้วก็พิจารณา เนวสัญญานาสัญญายตนะ เลยทำอารมณ์ของตัวเป็นคนที่มีความจำแต่ทำเหมือนว่าจำไม่ได้ คือไม่รับรู้อะไรทั้งหมด
    สำหรับอรูปพรหมทั้งหมด ๔ ชั้นนี้เป็นพรหมที่มีความอาภัพมาก เพราะว่าเวลาพระพุทธเจ้าเทศน์โปรดไม่มีโอกาสจะรับฟัง ไม่เหมือนบรรดารูปพรหมทั้งหลายที่มีโอกาสฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า เมื่อฟังเทศน์แล้วแต่ละคราว บรรดาพรหมที่เป็นพระอริยเจ้าอยู่บ้างก็เป็นพระอรหันต์เข้านิพพานไป บรรดาพรหมที่ทรงฌานโลกีย์ก็เป็นพระอริยเจ้าเสียก็มาก เป็นอันว่าพรหมมี ๒๐ ชั้นก็จริง เป็นรูปพรหมเสีย ๑๖ ชั้น ตั้งอยู่ระดับหนึ่ง สำหรับอรูปพรหม ๔ ชั้นอยู่อีกเขตหนึ่งไม่ได้ป
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    ประกาศ.....
    ข้าพเจ้า กราบขอขมา
    อาจารย์ขจรศักดิ์ อาจารย์ใจดีๆ ไป รวมถึง อาจารย์ พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ (จำผมได้ไหม)
    แล คณาจารย์ คณะเขากะลา อาจารย์สันโดษ ไปถึง อาจารย์วงบุญพิเศษ คณาจารย์สายธรรมกาย คณาจารย์สายหลวงพ่อฤษี ทุกๆท่าน มี่ลูกได้ปรามาสไปขอขมาโทษด้วยใจจริง
     
  11. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    สิ่งที่สอนกันไม่ได้ คือสามัญสำนึก อย่างที่คุณบอกนั่นแหละ...แต่คงต้องมองตัวเราเองก่อนนะครับว่ามีสามัญสำนึกบ้างหรือเปล่า ก่อนที่จะตำหนิใคร เพราะทุกกระทู้ที่ผมถามบ้าง ตอบบ้าง อาจมาจากสามัญสำนึกในส่วนที่ต้องการปกป้องพุทธศาสนา โดยเอาธรรมชาติและคำสอนของพระพุทธองค์(ที่ไม่ได้ถูกบิดเบือนโดยกลุ่มคนบางกลุ่ม) มาเป็นที่ตั้ง ปกป้องทางความคิดของคนที่อาจจะหลงไปกับสิ่งที่ถูกบิดเบือนมา แต่การที่ใครจะเข้าใจแค่ไหนคงขึ้นกับบุญ กรรมของแต่ละบุคคล ซึ่งผมคงทำหน้าที่ได้เท่าที่สามารถจะทำได้ครับ
     
  12. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452


    สุดยอดดีครับ

    ({) ฟันธงคราบ
     
  13. ยอดผธู

    ยอดผธู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +272
    เขาทำบุญด้วยวัตถุล้วนๆไว้สร้างจานบินไปอยู่อณาจักรกับหลวงพ่อนะจ้ะพระดีๆมีเป็นสิบไปนับถืออะไรกับหลวงพ่อนะจ๊ะวัตถุ
     
  14. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    แต่ที่แน่ๆ...ถ้าตามเอเลี่ยนไป คงได้แต่ลง..... แน่ๆ
     
  15. ruangsin

    ruangsin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +130
    ไม่ต่างอะไรกับสำนักในหนังจีน..กิเลสล้วนๆ
     
  16. chuanchom

    chuanchom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +194
    เคยได้ยินว่า สำนักธรรมกายเชื่อว่านิพพานเป็น นิจจัง สุขขัง อัตตา และดูจากทีวีตอนนายกยิ่งลักษณ์ หาเสียงเลือกตั้งจะสังคายนาศาสนา ไม่ทราบว่าใช่เรื่องนี้หรือไม่ หลวงปู่สังวาลย์เตือนแล้วว่าจะเกิดสงครามพระ ไฟจะไหม้ทั่วแผ่นดิน
     
  17. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    ทำไมเครื่องแบบสาวกสำนักคลองสามถึงเหมือนพวกเข้าโบสถ์คริสต์ฟิลิปปินส์ล่ะเนี่ย
    :boo:ยังกะแกะมาจากเบ้าเดียวกันเลย หุหุ
     
  18. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    น่าสาวไปให้ลึกๆว่าทุนใครสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ทุนนี้น่าจะเป็นเงินมหาศาล
     
  19. รมิดา ช้างประสิทธิ์

    รมิดา ช้างประสิทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +208
    แต่ในความคิดของดิฉันเองยอมรับว่าไม่ได้รู้หรือเก่งอะไรมากมาย ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลายตัวของข้าพเจ้าเองได้คิดเรื่องนี้มานานพอสมควรนานพอที่จะได้เห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไรแต่ไม่ได้หมายความว่าเหนือกว่าผู่อื่น บนโลกใบนีไม่มีใครรู้ไปซะทุกเรื่องและก็ย่อมมีผู้รู้ผู้ไม่รู้ ผู้แยกแยะได้และไม่ได้ตามปัญญาที่คนผู้นั้นมีและตามบารมีที่ทำมา ส่วนของบนโลกทิพย์ตัวของข้าพเจ้าเองไม่เคยได้ยินได้เห็นแหวนเป็นข้าวต้มมัดมาก่อนเลย มีแต่จะทราบว่าทิพยสมบัตินั้นสวยงามกว่ามนุษย์ผู้ใดจะหยั่งถึงได้หากแม้มิใช้พระอรหันต์หรือผู้มีญาณบารมีมาก แต่รับรองได้ว่าสมบัติเหล่านั้นไม่มีเป็นรูปลักกษณ์เหล่านั้นเป็นแน่เพราะมันทั้งละเอียดและงดงามกว่าที่มนุษย์จะวาดออกมาเป็นภาพได้ เคยได้ยินเพียงแต่การถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุเป็นการทำบุญเพื่อดำรงพระพุทธศาสนาแด่ท่านผู้ทรศีลที่สมถะพอใจในความพอเพียงไม่ยินดียินร้ายและปราถนาสิ่งที่สูงสุดหรือพระนิพพานบำเพ็ญบารมีเพื่อโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ ยามมรณะภาพไปก็จัดพิธีอย่างทั่วไปเรียบง่ายไม่หรูหรานักไม่หาสิ่งใดมาบำเรอตนไม่ยกตนขึ้นว่าเป็นคนที่สูงที่สุด ไม่สอนมนุษย์ให้งมงายเรื่องภพภูมิยึดติดว่านี่เคยเป็นใครมาจากไหนตอนนี้เป็นอย่างไรเพราะบนโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของๆเราแม่แต่วิญญาณ และไม่เคยได้ยินว่าถ้าไม่มีสมบัติเหล่านั้นหรือมีแล้วไม่นำมาใส่จะไม่ได้อยู่บนสวรรค์ ทำบุญด้วยอันนี้แล้วจะได้อันนี้สิ่งเหล่านั้นมันเกิดจากบุญหรือผลบุญที่มาจากใจบริสุทธิ์ไม่ใช่แลกมาด้วยเงินทอง

    ท่านทั้งหลายหากไม่พอใจในข้อความนี้ก็คิดเสียว่ามันเป็นอากาศผ่านตาไปเป็นแค่ตัวอักษรที่พิมพ์ขึ้นมาเท่านั้น ผู้ใดอ่านแล้วทำความเข้าใจมองไปตามจริงก็เห็นไปตามจริงอ่านด้วยใจลุ่มหลงมันก็เป็นไปตามอ่านพิจารณาด้วยความจริงที่พระพุทธองค์สอนดีกว่า...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 ธันวาคม 2012
  20. golfnx

    golfnx สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +16
    อย่าสร้างกรรมเพิ่มไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว ก็ตาม ทุกคนถึงสภาวหนึงแล้วจะมีมารมาแสดงเจอทุกคนครับ เช่นท่านเจ้าอาวาสท่านก็เจอ มารหรือเทพที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง มารหรือเทพที่ทำให้เกิดลาภสักการะ มารหรือเทพที่ทำให้เกิดชื่อเสียงในทางโลกที่โด่งดัง เป็นสภาวธรรมที่ท่านต้องเจอและเสพสภาวธรรมนี้ ความใหญ่โตทั้งด้านวัสถุและชื่อเสียงทั้งทางด้านลบและด้านบวกจะเกิดขึ้นมาเองตามแรงกรรมดีกรรมชั่วเดิมของท่านรวมกับบารมีที่มากมายของท่าน
    อย่างที่ทราบกันบารมีความแก่อินทรีย์แต่ระท่านไม่เท่ากัน
    เป็นพระที่มีสภาวะนำทางพ้นทุกข์ในโลกขณะนี้ที่มีอุปสักต่างๆนาๆถือว่าสมัย 2500 กว่าปีก่อนเทียบไม่ได้เลย ยากที่จะพ้นทุกข์ ท่านเจ้าอาวาสท่านนำผู้คนมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่ายอดแล้วครับ ส่วน อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน พระพุทธองค์ทรงบัญญัติห้ามไว้ ท่านๆที่ชอบตกคำว่า "ไม่มีในตน" แล้วใช้คำว่า "อวดอุตริมนุสธรรมที่มีในตน" แทน เข้าใจน๊ะครับว่าหมายถึงว่าอะไร การสอนและแสดงธรรมต่างกับการอวดอุตริ น๊ะครับท่าน ท่านทั้งหลายพยายามอย่าก่อกรรมเพิ่มน๊ะครับทั้ง อกุศลกรรมหรือกุศลกรรม สายกลางน๊ะครับ มิเช่นนั้นภพชาติก็จะบังเกิดรอท่านไปตามวารกรรมที่เพิ่มขึ้นตามที่ท่านก่อ ข้อเสนอนี้ขอเสนอเฉพาะท่านที่ไม่ได้ทำบุญเพื่อหวังชาตินี้หรือชาติหน้าในใจของทุกท่านที่ทำบุญกันก็หวังผลกันทุกท่านทุกคน แต่ไม่อยากเกิดอีกก็อย่าไปหวังหรือก่อกรรมเลยครับ บางท่านทำไปแล้วเค้าบอกว่ามีวิมานเกิดที่สวรรค์ชั้นต่างๆก็เกิดความยินดี นั่นคือมาร ที่ทำให้ท่านไม่พ้นจากการเสวยชาติตลอดไปครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...