เปิดบุญมหาบารมี เผยกรรมกรรมอดีตชาติกรรมลิขิตกรรมกีดขวาง ณาญปู่ฤาษีบรมโกฎิ

บ้านสาธุการพยากรณ์​

ฟ้าสั่งสวรรค์เปิด​

รับตรวจดวงชะตา ข้าวตอกพยากรณ์เสี่ยงทาย ไผ่ยิปซีพลังจิต เปิดบุญ เผยกรรม ด้วยเหตุอันใดที่ต้องทนทุกข์ทรมาณกับสิ่งที่เป็น เคยไหมไปหาใครก็ทายไม่ออก ทายไม่แม่น องค๋ครูบาอาจารย์ เจ้ากรรมไม่บอกให้รู้ มาหาผมผมมีทางชีแนะให้คุณได้ ใครที่อยู่ในกรุงเทพมาดูได้ที่บ้านครับ พัฒนาการซอย 52 เขต/แขวงสวนหลวง กรุงเทพ เข้าซอยมา ประมาณ สามร้อนเมตรร้านอยู่ซ้ายมือตรงข้ามแยก 27 ป้ายติดหน้าร้านชัดเจน ที่ร้านแจกพระผงจักรพรรดิ์หลวงปู่ด่จำนวนมาก
เน้นแก้กรรมพยากรณครับ ผมรับบัญชาผมจากหลวงพ่อให้มาช่วยคนไม่ให้สิ่งร้ายๆๆมาเกาะอยู่ให้ไปเกิดให้ไปหาหลวงพ่อท่าน
ครูบาอจารย์ หลวงพ่อสิน ฉันทธัมโม อดีต อจารย์สิน มีดหมอส่งวิญาณ จากราการตีสิบปัจจับันท่านบวชไม่สึก เป็นครูบาอาจารย์สอนเรื่องจิตสื่อกับวิญาณเพื่อปลดปล่อยให้ไปเกิดท่านไหน มีอะไรติดขัดเชิญตรวจดวงได้ กำนลครูดวงละ 300 บาท ครับติดต่อได้ทุกวัน ไม่มีเงินติดไว้ก่อนไดครับมีปัญหาจริงๆๆก็ขอให้บอกกัยตรงๆๆช่วยได้ผมช่วยแน่นอน จากเป็นหนี้สิบกว่าล้าน ยังกลับมารวยสี่สิบล้านได้เลย จากไม่มีงานทำตกงานปัจจุบันมีงาน มีเงิน เพราะไปแก้กรรมมาเคล็ดง่ายๆๆไม่เสียอะไรสอบถสมได้ครับ ขอแค่คุณตั้งใจ บารมีหลวงพ่อสิน สมธิตัดกรรมทำได้จริง ตัดได้จิง ชีวิตพลิกพันจากยากจกเป็นเศณษฐี พูดไปคุณก่อไม่เชื่อหรอกครับลองมาสัมพัสเองแล้วคุณจะรู้ว่าพุทธคุณ แม่จริง อาจารย์เบิร์ด เทียนระเบิดกรรม ทุกวันยกเว้นวันพระ 0882515135

ติดต่อผมได้


สาธุการ [Powered by Weloveshopping.com]

คุณธนัฐพิพัฒน์ 18 ม เคหะนคร 3 ซ 28 ถ พัฒนาการ 52 เขต /แขวงสวนหลวง กรุงเทพ 10250

ร่วมเป็นเจ้าภาพได้ที่ หรือโอนเงินค่ากำนลครู

ชื่อบัญชี Tanatpipat Jaipayukธนาคารกสิกรไทย สาขายานนาวา เลขที่ 0132784868 (บัญชีเพื่องานพระศาสนา) โทรศัพท์ 0839491229 หรือ 0882515135
Email tanatpipat@hotmail.com
The Rebirth Soul | Facebook

 

ครูบาอาจารย์ของผมที่อบรมสั่งสอนและอนุญาติให้ผมมาช่วยเมตตาโปรดสัตย์ร่วมกับอาจารย์
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=89Ih0Xu087w]เสริมศิลป์ ขอนวงค์ จี้จุดแก้กรรม - YouTube[/ame]

 

คำขอขมาและอธิษฐานจิต
อธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือ สวดมนต์ก่อนนอนนะคะ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ( 3 จบ)

สัพพังอะปะรายัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวา รัตตะเยนะ
กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเมภันเต
อุกาสะ ขะมามิ ภันเต...

หากข้าพเจ้าจงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า
ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ
และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วยกาย วาจา ใจก็ดี
ขอโปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย

หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดมา
ขออนุญาตมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป
ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะตามติดคู่ในอดีต
ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน...

ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร
ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจน
บริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ลาภ ยศ สุขสรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาน ธนสารสมบัติ
อุปสรรคใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป

ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม
ตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ...

หากมีผู้ใด เคยสร้างเวร สร้างกรรมกับข้าพเจ้า..
ไม่ว่าจะชาติภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้

ขอถอน ความพยาบาท ความอาฆาต และคำสาปแช่งในทุกชาติ
ทุกภพ และขอให้ ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของเจ้ากรรมนายเวร
ขอให้พ้นจากนรกภูมิ
พบแสงสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม เทอญ

โดย อาจารย์เบิร์ด

 

สวัสดีค่ะ เริ่มต้นต้องขออธิบายเกี่ยวกับเรื่องราวเนื้องานของอาจารย์เสริมศิลป์ ขอนวงค์

อาจารย์ได้รักษาโรคที่เกิดจากวิญญาณ เช่นปวดศีรษะ หาหมอไม่หาย ค่ะ แต่ถ้าเป็นโรคกรรมต้องนั่งสมาธิ สวดมนต์ รักษาศีล เองนะจ๊ะ

ในการรักษาจะใช้กสิณไฟ ร่วมกับมีดหลวงพ่อเดิม


ภาพจาก internet และปรับแต่งรูปให้ใกล้เคียงกับ "มีดหลวงพ่อเดิม" ที่อาจารย์ นำมารักษาโรค

ในการส่งพลังไปสู่ร่างกาย ไม่ได้ ทำลายดวงจิตดวงวิญญาณเหล่านั้น ไม่ได้จับพวกวิญญาณมาเป็นบริวาร เพราะแค่ลำพังเลี้ยง"ขันธ์ ๕" (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ให้ยังสภาพ เพื่ออาศัยสังขารในการปฏิบัติธรรมก็ลำบากมากแล้ว

อาจารย์ไม่อยากที่จะไปแบกขันธ์คนอื่นจ๊ะ (ที่ไม่ครบด้วยนะ เพราะดวงวิญญาณมี ๔ ขันธ์ขาด "รูป" อย่างเดียวจ๊ะ)
________________________________________

โรคที่มากับวิญญาณต่าง ๆ มีหลายคนถามว่า เกิดขึ้นได้อย่างไร ??

อะไรเป็นปัจจัยทำให้วิญญาณเหล่านั้นมาแฝงร่าง และทำให้เกิดโรค ??

ผู้เขียนขอสรุปจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น สรุปจากการสอบถาม เพราะถ้าเล่าเรื่องเล่ากันยาวครับพี่น้องครับ
________________________________________

เกิดขึ้นได้อย่างไร ??

จากการสอบถามจากวิญญาณ (จากเรื่อง รถชนตาย ๓๓ ปี) เกิดจากการที่วิญญาณ ที่เสียชีวิตไปแล้วไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม วิญญาณนั้น ๆ ยังติดสังขารอยู่ ( ยึดร่างกายเดิม เช่น ใส่กางเกงยีนส์ จำได้ว่าใส่อย่างนั้น จึงปรากฏตามที่เสียชีวิต ) จึงทำให้มีความเจ็บปวด ( เสียชีวิตด้วยวิธีการใด ก็จำความเจ็บปวดได้ ) และ ยึดสังขารเหล่านั้นเป็นอารมณ์



บางวิญญาณยังมี "ความหิว" และ ยังต้องการ "อุปโภคบริโภค"เหมือนในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่น "ปอบ" ยังหิวต้องกินอาหาร เช่น เนื้อดิบ ๆ

การยึดสังขารขันธ์ และการยึดรูปขันธ์ที่ไม่มีอีกแล้ว เสื่อมสลาย เน่าเปื่อยไปแล้ว ณ สภาพนั้น ด้วย "จิต" ที่ยึดทำให้วิญญาณเหล่านั้นไม่ไปที่ไหน ยังคงวนเวียนอยู่ในความทุกข์ทรมานที่ตนเองได้รับอยู่ตลอดเวลา

ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดทางร่างกาย หรือบางครั้งความเจ็บปวดเสียใจ หรือ ความโกรธแค้น หวงแหนสิ่งที่ตนเป็นเจ้าของ

ซึ่งบางครั้งความเจ็บปวดทุกทรมาน อารมณ์ความแค้น หวงแหน มีมากเสียจนไม่สามารถนึกถึง บุญกุศลที่ตนเคยสร้างมาด้วย จึงทำให้วิญญาณเหล่านั้น ปรากฎให้คนทั่วไปทั้งหลาย "เห็น" หรือ "ได้ยิน" กันอยู่บ่อย ๆ และที่สำคัญ ถ้าวิญญาณนั้น ๆ เสียชีวิตลงด้วยโรคอะไรก็จะนำโรคนั้น ๆ มาสู่ผู้ถูกวิญญาณแฝงอยู่ด้วยค่ะ

แต่ถ้าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เช่น ถูกรถทับเสียชีวิตความเจ็บปวดขณะที่ตายก็ส่งผลให้แก่ผู้ที่ถูกแฝงรู้สึกเจ็บปวดเช่นเดียวกันค่ะ (ท่านสามารถอ่านเรื่อง ==> "รถชนตาย ๓๓ ปี" )

หลายท่านสงสัยว่า ทำไมบางคนไม่โดนวิญญาณแฝงเข้ามาในร่างกาย บางคนก็โดนแฝงขอบอกว่า ขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำร่วมกันมาด้วยส่วนหนึ่งค่ะ

ถ้ามีกรรมร่วมกันเขาก็สามารถที่จะเข้าแฝงยังร่างกายของเราได้ บริเวณที่ถูกแฝงก็จะเป็นโรคตามที่วิญญาณเกาะอยู่ค่ะ หรือเป็นกรรมปัจจุบัน การที่เราไม่สำรวมจิต ปล่อยจิตให้ตกเป็นทาสของกิเลส อันได้แก่

๑. โลภ
๒. โกรธ
๓. หลง

วิญญาณที่ดับรูปไปสามารถรับรู้อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ซึ่ง มีความเหมือนกันกับจิตของตัวบุคคลที่มีอารมณ์นั้น ก็สามารถมาแฝงร่างกายของคนนั้น ๆ อย่างง่ายดาย เพราะจิตเปิดรับวิญญาณที่มีกิเลสเหมือนกันเข้ามา อันนี้ก็ส่วนหนึ่งค่ะ

ดังนั้นพระที่ท่านสอนกรรมฐานจะบอกพวกเราตลอดว่า "ดูจิต" "กำหนดจิต" หรือ "พิจารณาจิต" อย่าให้กิเลสแทรก เพราะนอกจากกิเลสแล้วยังแถมวิญญาณที่พกกิเลสชนิดเดียวกัน มาแทรกอีก ยิ่งเหมือนผีซ้ำด้ามพลอย
________________________________________

เรื่องเล่าจากประสบการณ์จริง

คุณพี่ผู้ชายคนหนึ่ง สมมุติว่าชื่อ "พี่นภ" อยู่ที่จังหวัดราชบุรี ญาติของเขาเป็นโรคปวดหลังเรื้อรังและต่อมาเสียชีวิต หลังจากนั้นพี่นภก็มีอาการปวดหลังมากกกก จนทำงานไม่ได้ หน้าก็ดำ เพราะเครียดเรื่องความเจ็บป่วย จึงโทรมาปรึกษาพี่ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่ม พี่ผู้หญิงบอกว่าให้มาสอบถามอาจารย์

พี่ผู้หญิงก็นัดพี่นภมาพบอาจารย์ที่บ้านผู้เขียน

รักษาครั้งที่ ๑

หายปวดเลย แต่ตอนที่อาจารย์รักษาให้ พี่เขาหน้าเขียวเลย กัดกรามแน่น ท่าทางเขาเจ็บมากค่ะ แต่ไม่ร้องออกมาค่ะ (ก่อนรักษาอาจารย์แซวว่าตัวใหญ่ร้องดังเป็นผู้หญิงเลย ... พี่แกเลยไม่กล้าร้องอ่ะค่ะ) ที่แผ่นหลังเป็นรอยใหม้ตามจุดที่มีดกดลงไป เป็นดวงเท่ากับลูกปิงปอง

ตรงกลาง เป็นรอยไหม้เป็นขีด ๆ ค่ะ อาจารย์ให้คนอื่นลองใช้มีดกดเหมือนที่อาจารย์ทำ แต่ผู้ป่วยบอกว่าไม่เจ็บค่ะ แต่พอเปลี่ยนเป็นมืออาจารย์เท่านั้น

แฮะ แฮะ คิดว่าพี่คนนั้นสะดุ้งเฮือกนะ แบบว่า .. นั่งกัดกรามต่ออ่ะค่ะ "กรอด ดดด ดดดด ....."

รักษาครั้งที่ ๒

พี่คนนั้นสามารถนั่งบนเบาะ และสามารถเอนหลังพิงเบาะได้ เพราะก่อนหน้านี้พิงเบาะไม่ได้ ขับรถลำบากมาก นอนก็ไม่ได้ หลังจากนั้นแค่วันเดียว

พี่เขาเล่าให้เพื่อนเขาฟังว่า แปลกมาก ที่เจ็บปวดเหมือนขาดใจ หายเป็นปลิดทิ้งเหมือนไม่เคยเป็นโรคนั้นเลยค่ะ เขาก็ขอบคุณพี่ผู้หญิงที่แนะนำไป

อาจารย์บอกว่า เป็นวิญญาณผีที่เป็นญาติของเขามาเกาะขอส่วนบุญค่ะ แต่ว่าการเกาะของวิญญาณ เขามาอยุ่กินบุญของผู้ถูกเกาะ ส่วนอาหารของวิญญาณ พี่คนหนึ่งในกลุ่มบอกว่าเขากินน้ำเลือดน้ำเหลืองของผู้ถูกเกาะเป็นอาหารค่ะ บรื๋ออออ.... ทำให้เป็นโรคตามกระดูกตามข้อ ค่ะ

อาจารย์รักษาโรคที่เกิดจากวิญญาณ โดยการใช้พลังกสิณไฟ



ภาพถ่ายของคุณแก้ว ถ่ายตอนที่อาจารย์บอกว่า "เอ้า .. ไฟมาแล้ว" ตัวผู้เขียนก็ถ่ายรูปด้วยแต่ไม่มีอะไรในภาพ แต่ของคุณแก้วถ่ายติดรูปแปลกบ่อย ๆ จนร้านถ่ายรูปบอกอยากเจออาจารย์ เพราะรูปที่ถ่ายมาไม่ได้ผ่านขบวนการดัดแปลงภาพใด ๆ เพราะถ่ายแล้วให้ผู้เขียนดูทันที

(ถ้ากลับบ้านแล้วเอามาให้ผู้เขียนดู จะไม่เชื่อเลยค่ะ)

โดยไล่จากบริเวณศรีษะลงมา ค่อย ๆ ให้เขาออกมาจากร่างกายของผู้ที่ถูกวิญญาณนั้นแฝง ทำให้เป็นโรค ต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง อาการปวดเมื่อยแปลก ๆ กินยาหาหมอเท่าไหร่ไม่หายน่ะค่ะ (ถ้าคนไม่มีอะไรแฝง ก็ไม่มีอาการเจ็บปวดตามร่างกาย ถ้ามีก็ปวดเหมือนกระดูกจะแตกเลยค่ะ)

หลังรักษา หลายคนก็หายปลิดทิ้ง แต่ถ้าอาการหนักมาก ๆ เป็นมานาน ๆ ก็อาจต้องใช้เวลา ต้องรักษาหลายครั้ง แต่จริง ๆ เท่าที่สังเกตมานะคะ ที่จะหายปลิดทิ้งจริง ๆ นอกจากอาจารย์จะให้ช่วยแล้ว ผู้ป่วยต้องรักษาศีล ๕ สวดมนต์ และปฏิบัติธรรม จะทำให้หายเร็วขึ้น และก็สวดมนต์เป็นประจำ ก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้วิญญาณมาแฝงร่างกายของผู้ป่วยที่เป็นแล้วให้เป็นอีกได้

ขอเน้นนะคะขอให้ท่านช่วยกัน รักษาศีล ๕ สวดมนต์ และปฏิบัติธรรม จะทำให้ทุกคนมีร่างกายแข็งแรง เจ็บป่วยไม่มาก แถมผิวหน้าผิวกายผ่องใส ด้วยค่ะ

อาจารย์แนะนำบทสวดมนต์เมตตาใหญ่ แบบพิสดาร

ป้องกันภัยจากภูตผี วิญญาณต่าง ๆ ไม่ให้มาแฝงตามร่างกาย!! แล้วก็ถ้าสวดทุกวันบ้านนั้นที่มีวิญญาณผีต่าง ๆ เขาก็จะออกไป ไม่ได้ไล่นะคะแต่เขาโมทนาบุญจนไปเกิดค่ะ เพราะฉะนั้นการสวดต้องสวดทุกวัน ถ้าได้เช้า กับเย็นยิ่งดี หรือเปิด CD เสียงสวดมนต์อาจารย์ทิ้งไว้ก็จะทำให้วิญญาณ และเทวดาชอบมาก ๆ ค่ะ เทวดาจะมาอยู่บ้านที่ชอบทำบุญ เทวดายิ่งมาอยู่มาก แสงจากกายท่านทำให้บริเวณนั้นสว่าง

วิญญาณที่ไม่ดีจะไม่ชอบค่ะ เหมือนคนแพ้แสงจะไปไกลเลย ไปไกลแสนไกล เลยค่ะ

(อีกอย่าง ตอนเช้า กินน้ำมะนาวเพียว ๆ วันละลูก แล้วดื่มน้ำอุ่นตาม 2 ช้อนชา จะล้างไขมันในลำใส้ ลดอาการภูมิแพ้ วิตามินซีช่วยให้ทำให้สดชื่น ส่วนเปลือกสามารถนำมาถูกับข้อศอกทำให้ข้อศอกไม่ดำด้วยค่ะ )

เชิญชวนให้สวดมนต์

 

อาจารย์สวดมนต์ บูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ พร้อมสวดบทแผ่เมตตา (เมตตาใหญ่ แบบพิสดาร อาจารย์บอกว่าเป็น "บทสวดปลดปล่อยวิญญาณ") เพื่อปลดปล่อยวิญญาณที่ทุกข์ทรมาน และที่ถูกกักขังจองจำ

ทางหมู่บ้านมาเชิญอาจารย์ไปเนื่องจากคนในอำเภอ ๑๐ หมู่บ้านมีคนตายโดยไม่มีสาเหตุไปแล้ว ๔๐ กว่าคน ตายติด ๆ กันต่อให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ก็ต้องหวั่นบ้างอ่ะนะ อาจารย์บอกว่าจำนวนวิญญาณที่อยู่ ณ วัดหลวงป่ายาง จังหวัดอุตรดิตถ์มีมากมาย และทับซ้อนกัยหลายสมัย เป็นพัน ๆ ปี จึงทำให้หมู่บ้านไม่สงบ ทางหมู่บ้านเคยได้รับการรักษาโรคจากอาจารย์ จึงทราบว่าอาจารย์สามารถส่งวิญญาณเหล่านั้นได้ จึงเชิญอาจารย์มาที่วัดค่ะ

เริ่มการสวดมนต์ ของวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑
เวลา ๑๗.๐๐ น. หลังจากที่เจ้าอาวาส ได้จุดธูปกราบอาราธนาคุณพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ พร้อมบอกกล่าวแก่เทพเทวดา อินทร์ พรหม และวิญญาณ ทั้งหลายให้มาฟังการสวดมนต์นี้



อาจารย์ฯ ได้เริ่มสวดมนต์ ร่วมกับคณะ ฯ และกลุ่มชาวบ้านหลายร้อยคน ที่อยู่ในโบสถ์ และภายนอกโบสถ์ เป็นเวลาเกือบ ๒ ชั่วโมง รวมทั้งนั่งสมาธิเพื่อเป็นการประกอบบุญกุศลที่สูงที่สุด เพื่อทำให้บุญที่ทำครบถ้วน และแผ่เมตตาให้ทุกทิศ ทุกภพ ทุกภูมิ

เรื่องเล่าหลังจากสวดมนต์เสร็จแล้ว

ดิฉัน ได้ยินผู้สวดมนต์ในคณะเล่าให้ฟังว่า ได้ยินเสียงกลองตีดังลั่นทั่วโบสถ์ ซึ่งพอสอบถามก็ได้ยินกันหลายท่านเหมือนกัน พร้อมทั้งได้ยินเสียงร้องของวิญญาณ ที่โหยหวน บางท่านบอกว่าเสียงหวีดร้องดังก้องอยู่ข้างหู แต่ดิฉันไม่ได้ยินค่ะ (คิดว่าโชคดีนะ ... อิอิ .. )

นอกจากนั้นอาจารย์ก็เล่าให้ฟังว่ามีชาวบ้านท่านหนึ่งเห็นวิญญาณ มาเกาะตามหน้าต่างของโบสถ์ และบางท่านเห็นวิญญาณที่ยืนกันแน่นขนัด แทบจะเรียกว่าเหมือนมาฟังคอนเสิร์ทวงบอยแบนด์ เลยก็ว่าได้ วิญญาณที่มา มีทั้งผู้หญิงก็นุ่งผ้าแถบ ส่วนผู้ชายไม่ได้ใส่เสื้อมายืนกันเต็มพื้นที่ ลักษณะเหมือนเป็นคนโบราณเต็มหน้าวัด เลยไปบนถนนเต็มพื้นที่หมดเลย

บทสรุปเรื่องราววันนั้น

ฉะนั้น จากประสบการณ์จากเรื่องราวที่มีหลายท่าน เห็น ได้ยิน หลากหลายกลุ่ม ก็ทำให้ตัวดิฉันเชื่อมั่นได้เรื่องหนึ่งว่า วิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานนั้นมีจริง การสวดมนต์ นอกจากทำให้เกิดสมาธิ ซึ่งดีกับตัวผู้สวดมนต์แล้ว ยังสามารถทำกุศลโดยอุทิศแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล ให้แก่วิญญาณที่เป็นญาติ หรือวิญญาณทั่วไปที่ทุกข์ทรมานให้พ้นทุกข์ได้ การทำความดีอย่างนี้ ดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีค่ะ เพราะพระพุทธองค์ทรงเน้นการกำหนดสติรู้ และการทำสมาธิค่ะ อาจารย์เช็คเรทติ้ง จากทางวัดหลังสวดมนต์ เจ้าอาวาสบอกว่า วัดสงบขึ้นมาก

 

จะขอเล่าเรื่องผลที่เกี่ยวเนื่องกับการรับขันธ์ของคนที่ผมรู้จักมาให้ฟังเป็นวิทยาทานครับ

สืบเนื่องจากผมได้พาเพื่อนผมไปหาอาจารย์เสริมศิลป์ ขอนวงค์ ในงานทำบุญกฐินหลวงปู่อ่ำ โดยมีประธาน คือ คุณโฆสิต ล้อศิริรัตน์ ลูกศิษย์ของอาจารย์คนหนึ่งครับ คุณโหน่งและคุณแม่ได้ไปร่วมงานและไปพบอาจารย์เพื่อรับการรักษาจากอาจารย์ เพราะคุณโหน่งที่ขาไม่มีเรี่ยวแรง (เรื่องคุณโหน่ง ผมกำลังเขียนอยู่ครับ) หลังจากโหน่งทำการรักษาเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เคลื่อนย้ายกลุ่มมาทำบุญกันที่วัดหลวงปู่จันทา.. ทำบุญกันแล้วก็สวดมนต์กันตามคอนเซ็บเดิมครับ..

จากนั้นจึงเป็นการรักษาผู้ป่วยที่ทยอยเข้ามารับการรักษาอีก ๒ - ๓ คน..อาการก็หนักเบาต่างกันไป..

จนมาถึงคราวของคุณแม่ของคุณโหน่งบ้าง (ถึงคราวจริง ๆ ครับ ถึงคราวของผีนะครับ) ..ซึ่งตอนมาครั้งแรกก็ไม่ได้คิดหรอกครับว่าจะมารับการรักษาด้วย.. แต่คงจะเห็นหลาย ๆ คนรักษาแล้วพูดไปในทำนองเดียวกันว่าดีขึ้น.. สบายตัวขึ้น.. คุณแม่ของคุณโหน่งซึ่งบ่นว่าปวดหลัง ก็เลยรบกวนให้อาจารย์ตรวจรักษาให้ครับ

อาจารย์ก็วางมีดให้เลยครับ... สเต็ปเดิม.. เริ่มที่กระหม่อม ไล่ลงมาเรื่อย ๆ ก็ไม่มีอะไรผิดปรกติจนพอมาถึงช่วงหลัง.. พออาจารย์วางมีดที่ช่วงส่วนด้านหลังปุ๊บ... ข้าพเจ้าได้ยินเสียงคุณแม่ของโหน่งร้องออกมาสั้นๆ แต่ชัดเจนว่า.. "อุ๊ย.. "

จากนั้นก็ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดพร้อมกับอาการดิ้นทุรนทุราย ..


คุณแม่กรีดร้อง ดิ้นทุรนทุราย แต่ตายังคงหลับอยู่ครับ


ข้าพเจ้าต้องรีบเข้าไปประคองให้คุณแม่ล้มตัวลง


อาจารย์วางมือบนศีรษะของคุณแม่ครับ (ข้าพเจ้านั่งหันหลังอยู่ครับ ใส่เสื้อทีมของกลุ่มครับ อิอิ เพิ่งได้วันนั้นเองครับ อิอิ)

ในขณะที่คุณแม่กรีดร้อง ร้องให้ พร้อมกระทืบเท้าอยู่นั้น อาจารย์ก็วางมือบนศีรษะคุณแม่ แล้วหลับตา



อาจารย์ : "เอ้า ... ไปไปไป ไปเลย"
คุณแม่ : "กรี๊ดดดดด โว๊ยยยย โอ๊ยยยยย กรี๊ดดดด "
อาจารย์ : "ออกไปเลย"
คุณแม่ : "โว๊ยยย โอ๊ยยยยย โอ๊ย! โอ๊ย! แอ่กกก "

คุณแม่ตะโกนสุดเสียงเลยครับ แต่ตาหลับ สลับกระทืบเท้าอยู่อย่างนั้นครับ เสียงเท้ากระแทกพื้นหินขัด แรงมากจนคิดว่าคุณแม่ไม่เจ็บเลยหรือเพราะกระทืบเท้าแรงจริง ๆ ครับ


ดิ้นและร้องอยู่สักพักอาจารย์ก็เริ่มแผ่เมตตาให้ครับ

อาจารย์ : "สัพเพเปตา สัพเพอสุรกายา สัพเพ เปตาวัตถุโย เสเพเปตวิเสยยา สัพเพวินินปาติกา อะเวรา อัพยาปัชชาโหนุตุสุขี ...."

ในขณะที่อาจารย์แผ่เมตตา คุณแม่ก็ร้องให้ น้ำตาไหลพราก ๆ แต่ตายังหลับอยู่ครับ แล้วก็ร้องให้กระทืบเท้า "เฮ้ยยยย โฮ๊ยยย โฮฮฮฮ " สลับไปมาอย่างนี้ครับ จากวีดีโอที่อัดมานั้น ทำให้ไม่ค่อยได้ยินเสียงอาจารย์ เพราะเสียงคุณแม่ดังมากครับ

อาจารย์ : "... สัพพะวิญญาณทั้งหลาย เปรตอสุรกาย ทั้งหลาย .."

ช่วงนี้ล่ะครับ คุณแม่เริ่มหยุดร้อง หยุดกระทืบเท้าแล้วก็เริ่มนอนนิ่ง ๆ

อาจารย์ : "เอ้อ... ไปซะเด้อ ไป มา..ไปด้วยเด้อ "

แล้วอาจารย์ก็หลับตานิ่ง คุณแม่ก็ร้องในลำคอเบา ๆ ครับ อาจารย์วางมือที่ศีรษะของคุณแม่ คุณแม่ก็ร้องอีกครับ "ฮึก ฮืออ อื๊อออ " ฮื้ออ ฮึก ฮือ

อาจารย์ : "ไปเล๊ย ไป ไปเน้อ "
คุณแม่นิ่ง ไปแป๊บเดียวครับ แล้วกระตุกแรง ๆ หนึ่งครั้ง... อาการก็ค่อย ๆ สงบลง...

พอคุณแม่สงบ.. อาจารย์ก็บอกให้ข้าพเจ้าเรียกชื่อให้ตื่น...



ผมเองครับ : "แม่ ... แม่ครับ" พร้อมกับเขย่าตัวท่านด้วย
อาจารย์ : "ฟื้นแล้ว ฟืนแล้ว" "ลืมตา"



เรียกอยู่สักพัก ก็ตื่นขึ้นมา... อาจารย์ก็พยุงตัวคุณแม่ขึ้นให้ลุกขึ้นนั่ง ... ดวงตายังมีน้ำตาไหลอยู่ทั้งสองข้าง พอลืมตาขึ้นมาได้ก็หันไปมองรอบ ๆ.. พร้อมทั้งเช็ดน้ำตา.. หน้าตาแสดงออกบ่งบอกว่า งง..

อาจารย์ : "เอ้า ถามสิ เมื่อกี้เราร้องให้รึเปล่าถามสิ"
คุณปู : "คุณแม่ เมื่อกี้ร้องให้รึเปล่า...."
อาจารย์ : "เมื่อกี้ เราได้ร้องไหม"

คุณแม่ส่ายหน้าครับ
อาจารย์ : "ไม่ได้ร้องนะ"
มีคนบอกให้คุณแม่หันไปหาอาจารย์
อาจารย์ : "เมื่อกี้เราได้ร้องรึเปล่า"
ทนายบวร : "แล้วเห็นอะไรไหม"
อาจารย์ : "เห็นอะไรไหม" "แต่เราได้ร้องใช่ไหม ร้องให้รึเปล่า"

ที่คำถามถามซ้ำ ๆเพราะคุณแม่เช็ดน้ำตา ยังคงมึนเบลอ ๆ อยู่เลยครับ คนช่วยกันถามตั้งหลายคน (ไทยรวมกำลังตั้งมั่น ...)

คุณแม่ : "ไม่รู้เหมือนกัน" พูดพลางเช็ดน้ำตาไปพลาง
อาจารย์ : "แต่เราร้องรึเปล่า"
คุณแม่ทำท่าคิดแล้วก็พยักหน้า : "ร้องนะ"

อาจารย์ : "เอ้า.. ถ้าร้อง ร้องให้ให้ดูหน่อยสิ"
คุณแม่งง ๆ แล้วก็ทำท่าร้องให้ครับ "แง แง " แกร้องแค่นี้ครับ ร้องให้ของคุณแม่

ผมสอบถามหลังจากนั้นเพิ่มเติมด้วยครับ เพราะช่วงนั้นคนหลายคน ทั้งลุ้นทั้งยิงคำถามแม่เขาเบลอครับ คำตอบที่ได้คือไม่รู้เรื่องเลย... จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องไห้ แต่ รู้สึกเหมือนฝัน... ฝันว่ารู้สึกโกรธ.. อยากกระทืบเท้า... อยากร้องดังๆ... อยากจะร้องไห้.... ก็ฮากันทั้งพระธาตุสิครับ..

แล้วอาจารย์ก็บอกให้ลองลุกขึ้น.. และลองขยับตัว ก้มลงหรือขยับบิดเอวไปมา ที่เมื่อก่อนมารักษาเมื่อก้มตัวแล้วจะปวดบริเวณเอว และด้านหลัง ... เมื่อลงขยับตัว ก้มเงย... ก็ปรากฏว่าไม่มีอาการปวดเอวอีกเลย

จากนั้นก็มีการสอบถามกันไปมาว่ามันเกิดจากอะไร.. และจุดเริ่มต้นมาจากไหน... ซึ่งรายละเอียดพอจะสรุปคร่าว ๆ ได้ดังนี้

คุณแม่ของคุณโหน่งนั้น เมื่อประมาณ 20 กว่าปีก่อนโน้น..ได้มีเพื่อนมาชวนไปดูหมอ ผูกดวงคุณก็ไปแบบงั้น ๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่พอไปถึง.. แม่หมอ (หรือพ่อหมอก็ไม่ทราบได้) บอกว่าคุณแม่มีร่างบริสุทธิ์ และที่องค์.. ให้มารับขันธ์ซะ เพื่อจะได้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครอง... แม่โหน่งเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก.. เห็นเพื่อน ๆ คะยั้นคะยอให้ไปรับขันธ์กับแม่หมอเลยตัดลำคาญไปรับ ๆ ซะให้จบ ๆ...

หลังจากนั้นมาแม่ก็มักจะมีองค์มาลงอยู่ประจำ... อ้างว่าเป็นองค์นั้นบ้าง.. องค์นี้บ้าง.. รวมๆแล้วก็ ๕ - ๖ องค์เลย...

ต่อมา.. ได้มีคุณแม่ (ท่านปฏิบัติธรรม)อะไรข้าพเจ้าก็จำไม่ได้ซึ่งเป็นที่เคารพของครอบครัวคุณโหน่งมาทักว่าคุณแม่ไปรับสิ่งไม่ดีของใครมาเยอะแยะ.. คุณแม่คนนั้นจึงได้ทำการปลดปล่อยออกให้ ก็เข้าใจว่าคงหมดไปแล้ว...แต่ตัวของคุณแม่คุณโหน่งเองก็ยังมีองค์มาลงอยู่อีกหนึ่งองค์อ้างตัวเองว่าเป็นกุมารทอง ก็มาอยู่กับแม่มานาน.. รวม ๆ แล้วก็ ๒๐ กว่าปีนั่นแหล่ะ จนคนในครอบครัวคุ้นเคยจนถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไปเลยทีเดียว เพราะชอบมาลงที่คุณแม่ และพูดคุยหยอกล้อกับคนในบ้านกับคนในบ้านอยู่เสมอๆ จึงทำให้คนในบ้านคุ้นเคย.. อีกทั้งยังทำให้คุณแม่ของคุณโหน่งรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอยู่ตลอด.. ยิ่งถ้าวันไหนไปวัดทำบุญ.. แม่ของโหน่งจะเป็นคนที่เดินเร็วมาก.. และไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย... จึงทำให้ไม่รู้สึกกลัวสิ่งที่เรียกตัวเองว่ากุมารทอง

แต่มาเมื่อ ๒ - ๓ ปีให้หลังนี้เองที่แม่ของโหน่งรู้สึกปวดหลังปวดเอวอย่างไม่มีสาเหตุ.. เวลาก้มลงหยิบของก็จะรู้สึกเจ็บปวดมาก ถึงขั้นลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว... แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก.. คิดว่าเป็นโรคผู้สูงอายุปรกติ..

จนมาพบอาจารย์ในครั้งนี้นี่เอง.. ถึงได้กระจ่างใจว่า... สิ่งที่เกาะติดอยู่กับตัวเองตลอด ๒๐ กว่าปีนั้น.. คืออะไร จากการสอบถาม อาจารย์ได้ความว่า... สิ่งที่อยู่ในตัวแม่ของโหน่ง... ไม่ใช่กุมารทอง.. อยู่มานานแล้ว.. จนมีอิทธิฤทธิ์ พอสมควร ที่คุณแม่โหน่งรู้สึกปวดเอวนั้นเพราะว่าสิ่งนี้เค้าไปอาศัย
อยู่ที่บริเวณส่วนเอวของคุณแม่โหน่งนั่นเอง.. ต่อคำถามที่ว่า.. ถ้าเป็นสิ่งไม่ดีทำไมเวลาแม่เข้าวัดทำบุญ แม่ถึงได้กระปรี้กระเปร่า ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอย่างนั้น.. ก็ได้รับคำตอบว่า.. เพราะว่าเค้าต้องการผลบุญนั่นเอง ยิ่งเราทำบุญมากๆ.. เขาก็ยิ่งชอบ.... แล้วไม่ดีหรือ.. ที่เค้าชอบทำบุญ... ดีครับ..
________________________________________
ดีสำหรับเค้า... แต่ไม่ดีสำหรับเรา..

เพราะบุญที่เราตั้งใจทำมาทั้งหมดทั้งหลายเหล่านั้น... ต้องปันไปให้วิญญาณตัวที่ ผู้ไปรับขันธ์มา เพราะแค่คำว่า "ยอมรับขันธ์ผี" "รู้" หรือ "ไม่รู้" ก็ต้องเลี้ยงผีด้วยบุญที่เราทำครับ เขาไม่ใช่ญาติ เราไม่รู้จัก ไม่คุ้มเลยครับ ....

เรื่องราวข้างต้นเป็นเรื่องจริงซึ่งข้าพเจ้าอยู่ในเหตุการณ์และรับรู้เรื่องราวโดยตรงด้วยสองตาและจากการสอบถามความเป็นมาจากแม่ของโหน่งโดยตรงครับ ข้อแแนะนำสำหรับข้าพเจ้าคือ..

อย่าไปรับขันธ์ใครเค้ามาดีที่สุดครับ...

ลำพังแค่ขันธ์ ๕ ของตัวเราเองก็ยังดูแลลำบากอยู่แล้วครับ

อนุโมทนา

 

ร้อง..ปวดหัว ปวดหัว!! เมื่อฟังซีดีเสียงสวดมนต์เมตตาใหญ่
เล่าเรื่อง : คุณทรงชัย (เจ้าของปั๊ม) และคุณรุ่งธรรม ธรรมรัตน์ (ลูกชาย) ปั๊มน้ำมันเชลล์ บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
รวบรวมโดย : เมตตาเจโตวิมุติ



เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ นายโก้ มาสมัครเป็นคนดูแลสวนที่ปั๊มน้ำมัน โดยทั่วไปงานของนายโก้เรียบร้อย แต่ไม่กี่วันก็มีอาการพูดคุยอยู่คนเดียว ทำงานไปหัวเราะไป ต้นไม้ที่ตัดก็เริ่มเกรียนเหมือนเอาแบตตาเลี่ยนไปไถ

พนักงานในปั๊มก็ลองสอบถามลูกค้าที่มาเติมน้ำมันที่รู้จักนายโก้ ว่าเขาเป็นอะไร ลูกค้าก็ตอบว่า

"โก้ มันเพี้ยน ๆ เหมือนมีอะไรมาแฝง ๆ ระวังกันด้วยนะ!!"

พนักงานก็มาบอกคุณทรงชัย เจ้าของปั๊ม แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะคนอยู่กันเยอะ คิดว่าคงไม่มีอะไร

เมื่อเดือนที่แล้ว คุณรุ่งธรรมได้ต่อสายลำโพงมายังร้านสะดวกซื้อในปั๊ม เพื่อเสียงสวดมนต์ของอาจารย์เสริมศิลป์ สลับกับการเปิดเสียงธรรมะนิยายให้ลูกค้าฟังค่ะ มีเร่องปลก ๆ เพราะหลังจากเปิดเสียงซีดีวันแรกตอนช่วงเช้า พนักงาน ๒ คนที่กินเหล้าไม่ค่อยทำงาน อยู่ ๆ ก็ลาออกไปตอนเย็นนั้นเลยทั้งสองคน ยังพูดกันขำ ๆ เลยค่ะ ว่า แปลกดีค่ะ เพราะเรื่องนี้คุยกันมานานมากแล้วว่าที่คนงานกินเหล้าหลังปั๊ม จะไล่ออกก็กลัวกันเพราะพวกนั้นนิสัยไม่น่ารัก แต่อยู่ ๆ ก็ลาออกเองค่ะ

เรื่องเกิดขึ้นตอนเช้าวันที่ ๑๒ นายโก้เดินเข้ามาที่ร้านค้าเพื่อมาขอน้ำร้อนชงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในขณะนายโก้เดินเข้ามาเป็นเวลาเดียวกับที่คุณรุ่งธรรมเปิดซีดีเสียงสวดมนต์ พอเขาได้ยินเสียงสวดมนต์ เขาก็ลงนั่งทรุดลงกุมศรีษะมิดมือค่ะ แล้วก็พูดเสียงดัง ๆ ว่า

"โอ๊ย!! ทนไม่ไหวแล้ว ปวดหัว จะลาออก ไม่เอาแล้ว จะลาออก โอ๊ย!! ปวดหัว"

แล้วก็เดินเร็ว ๆ ออกไปข้างนอก พอซัก ๑ ชั่วโมง ก็กลับมาใหม่ แต่ในร้านค้าเปิดธรรมะนิยาย นายโก้เดินตรงเข้ามานั่งหน้าลำโพง เอาหน้าแทบไปติดกับตัวลำโพง ไม่มีอาการปวดหัว หรืออาการอะไรเลย แต่กลับตั้งใจฟังธรรมะนิยายอย่างตั้งใจ

ไม่ทันที่คุณทรงชัยจะเดินไปหานายโก้ คุณรุ่งธรรมก็เข้ามาที่ร้านค้า แล้วก็ถามนายโก้ว่าเป็นอะไรจะลาออก


นายโก้ : "ปวดหัว ปวดตา น่าจะเป็นพยาธิไชที่นัยตา"

รุ่งธรรม : "อยากหายไหม?"

นายโก้ : "อยากหายครับ"

รุ่งธรรม : "ที่บ้านมีเครื่องเล่นซีดีไหม?"

แล้วคุณรุ่งธรรมก็เดินไปหยิบซีดีเสียงสวดมนต์ของอาจารย์เสริมศิลป์ มาให้นายโก้

รุ่งธรรม : "ถ้าอยากหายให้ขอบารมีพระพุทธเจ้า และฟังเสียงสวดมนต์ของอาจารย์ อย่างตั้งใจ ฟังแล้วมีอาการปวดหัว ก็ทนนะ อย่าปิดเสียง ฟังบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นนะ แล้วก็ขอให้ของไม่ดีออกไปจากตัวลูกนะ ให้สิ่งที่ดีมาหาลูก ขอให้ลูกหายจากโรคภัย ขอให้เทวดารักษานะ ... "

ซึ่งในขณะที่คุณรุ่งธรรมพูดนั้น นายโก้ก็เริ่มพนมมือ และค่อย ๆ ทรุดลงหมอบลงกับพื้น

"ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ"

เหตุการณ์นั้นทำให้คุณทรงชัย ทราบทันทีว่าไม่ใช่ตัวของนายโก้กราบ แต่เป็นวิญญาณที่แฝงในร่างกายของนายโก้กราบ จึงตั้งจิตแผ่เมตตาให้วิญญาณในร่างของนายโก้ คุณรุ่งธรรมก็ทราบว่าต้องเป็นวิญญาณที่แฝงจึงแผ่เมตตาให้ด้วยในใจ ด้วยเช่นกัน

คุณรุ่งธรรมก็หยิบซีดี ของอาจารย์เสริมศิลป์ให้นายโก้ นายโก้อนุโมทนากับอาจารย์ พร้อมกับร่วมทำบุญกองทุนข้าวสาร วัดพระบาทมิ่งเมือง จังหวัดแพร่ อนุโมทนาสาธุค่ะ

รุ่งธรรม : "ขอให้หายเร็ว ๆ นะ อดทนนะ ปวดหัวก็อดทน" คุณรุ่งธรรมขณะนั้นยังถือซีดีอาจารย์อยู่ในมือ

รุ่งธรรมสังเกตุว่านายโก้ก้มหน้าพูดพึมพำอยู่คนเดียว สักพัก แล้วก็ค่อย ๆ ย่อตัวลงกราบ คราวนี้กราบไปเกือบ ๑๐ ครั้ง รุ่งธรรมเห็นแล้วก็ประหลาดใจ สักพักทางบ้านของนายโก้ก็มารับไปจากที่ปั๊ม



เรื่องที่เกิดนี้ไม่ใช่แค่ คุณทรงชัย และคุณรุ่งธรรมเห็น คุณสุวรรณา ทองสุข พนักงานปั๊มก็เห็นค่ะ เห็นตอนที่นายโก้ทรุดตัวลงกราบคุณรุ่งธรรม จากข้างนอกของร้านค้า ก็สงสัยเลยแอบมองตลอด แล้วก็เชื่อสนิทในเรื่องของซีดีเสียงสวดมนต์ของอาจารย์ เพราะปัจจุบันนี้ เวลามีพายุลมฝนแรง ๆ เข้ามา คุณสุวรรณา จะวิ่งมาบอกคุณรุ่งธรรม ให้รีบเปิดซีดีเสียงสวดมนต์ของอาจารย์ เพราะเมื่อเปิดแล้วลมที่แรงจะหายไป เหลือแค่ลมฝนเบา ๆ เท่านั้น เรื่องนี้เกิดขึ้นหายครั้งจนคุณสุวรรณาเชื่อเรื่องที่เกิดกับนายโก้ทันที ว่าซีดีได้ช่วยนายโก้ได้จริง ๆ ค่ะ

เรื่องนี้ที่นำมาเล่าอาจจะดูแปลกกว่าเรื่องที่นำมาลง แต่จากสิ่งที่เจ้าของปั๊มน้ำมันประสบมา พร้อมกับพนักงาน ก็เป็นสิ่งที่ยากที่จะมองข้ามไปค่ะ ดิฉันปารถนาให้เพื่อนๆ มองอานิสงส์ของบทสวดมนต์นี้ "เมตตาใหญ่พิสดาร" บทสวดมนต์เมตตาของพระพุทธเจ้านี้ ว่าเป็นการแสงความเมตตาอย่างเหลือล้น ที่พระพุทธองค์เอ่ยว่าเป็น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุญญกิริยาวัตถุอย่างใดอย่างหนึ่ง มีอุปธิกิเลสเป็นเหตุ บุญญกิริยาวัตถุทั้งหมดนั้น ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งเมตตาเจโตวิมุติ
(๘๐.๓๘/๓๒๐ หรือ ๔๕.๒๕/๒๑๓ เมตตาภาวสูตร)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ผู้ใดให้ทานประมาณ ๑๐๐ หม้อใหญ่ในเวลาเช้า
ผู้ใดพึงให้ทานประมาณ ๑๐๐ หม้อใหญ่ในเวลาเที่ยง
ผู้ใดพึงให้ทานประมาณ ๑๐๐ หม้อใหญ่ในเวลาเย็น
ผู้ใดพึงเจริญเมตตาจิตในเวลาเช้า โดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค หรือ
ผู้ใดพึงเจริญเมตตาจิตในเวลาเที่ยง โดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค หรือ ผู้ใดพึงเจริญเมตตาจิตในเวลาเย็น โดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค
การเจริญเมตตาจิต นี้มีผลมากกว่าทานที่บุคคลให้แล้ว ๓ ครั้งในวันหนึ่งๆ นั้น เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญเมตตาเจโตวิมุติกระทำให้มาก กระทำให้เป็นประดุจยานกระทำให้เป็นที่ตั้งอาศัยให้มั่นคง สั่งสม ปรารภด้วยดี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ
(๘๐.๒๕/๔๓๐ หรือ ๔๕.๑๖/๒๙๙-๓๐๐ โอกขาสูตร)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติอันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว ทำให้มากแล้วทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้งให้ตั้งมั่นโดยลำดับ สั่งสมแล้วปรารภดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๑ ประการ คือ
๑. ย่อมหลับเป็นสุข
๒. ย่อมตื่นเป็นสุข
๓. ย่อมไม่ฝันลามก
๔. ย่อมเป็นที่รักแห่งมนุษย์ทั้งหลาย
๕. ย่อมเป็นที่รักแห่งอมนุษย์ทั้งหลาย
๖. เทวดาทั้งหลายย่อมรักษา
๗. ไฟ ยาพิษ หรือศาสตราย่อมไม่กล้ำกรายได้
๘. จิตย่อมตั้งมั่นโดยเร็ว
๙.สีหน้าย่อมผ่องใส
๑๐.เป็นผู้ไม่หลงใหลทำกาละ
๑๑. เมื่อไม่แทงตลอดคุณอันยิ่ง ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก
(๘๐.๓๗/๕๑๐-๕๑๑ หรือ ๔๕.๒๔/๓๖๑ เมตตาสูตร)

 

เบื้องบนส่งให้มาช่วยเราก้มาช่วย ท่านที่มีวิชาอย่ามาลองเราเลยเป็นบาปแกตัวท่านป่าวๆๆครับ เรามาช่วยไม่ใช่มาเพื่อขวางเรามีหน้าที่ที่ต้องหากไม่ทำเราก็เหนื่อย เราต้องทำและต้อง

 

satukran พยากรณ์ ดวงชะตา

 

เปิดฟ้าเปิดบุญมหาบารมีสิทธิ อัญเชิญ พุทธคุณเข้าตัว บารมีพ่อปู่ผ่านญาณ ช่วยคนพ้นทุกข์ผ่าน อจารย์เบิร์ด พยากรณ์ผ่านไผ่ซิปซี ระเลขธาตุ เชิญรับการพยากรณ์ได้ครับ

 

วันนี้มีลูกศิษย์โทรมาหลายท่านมากต้องขอโทษที่รับสายไม่ทั่วถึง จริงๆๆครับสำหรับหลายท่านโทรมาแล้วร้องโหมร้องไห้ผมขอบอกก่อนนะครับตั้งสติดีๆๆก่อนผมเป็นหมดดูช่วยเรื่องกรรมกีดขวาง คุณต้องมีสติตั้งมั่นถึงจะสื่อใจหาผมได้เพื่อจะเปิดดวงกันหากจิตไม่ตั้งมั่นพอไม่ต้องโทรหาผมหริกครับเพราะดูแม่น เปลืองพลังผมเปล่าๆๆท่านไหนที่หนักสาหัสมากแนะให้มาเจอที่บ้าน หรือเจอกันที่วัดจอมคีรีชัยเพื่อตรวจกรรมตอนสิ้นเดือนได้นะครับ

 

ท่านไหนที่ดูดวงไปแล้วกลับมาโพสในกระทู้ด้วยนะครับ

 

ผลกรรมการทำแท้งเป็นอย่างไร ?

กรรมจากการทำแท้ง
“กิจโฉ มนุษะ ปฏิภาโพธิ์” การเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เป็นพระพุทธพจน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในครั้งหนึ่งพระสารีบุตรเคยทูลถามพระพุทธองค์ว่า...
“การ จะเกิดเป็นมนุษย์นั้นมีโอกาสมากน้อยเพียงใดพระเจ้าข้าฯ” พระพุทธ์องค์ไม่พูดอะไรเลย แต่ทรงใช้นิ้วมือแตะลงบนพื้นดินแล้วชูขึ้น ตรัสตอบกับพระสารีบุตรว่า
“มีเพียงแค่นี้....สารีบุตร”นั้นหมายถึงสรรพ สัตว์ที่ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆมีจำนวนมากเทียบเท่ากับดินทั่ว ไปทั่วพื้นปฐพี แต่ที่สามารถเกิดเป็นมนุษย์ได้....มีเพียงแค่ดินที่ติดปลายนิ้วของพระ พุทธองค์เท่านั้น

ทำแท้ง คือ การฆ่าคน เป็นฆาตกรฆ่าลูกในไส้ของตนเอง ไม่ว่าผู้นั้นจะขึ้นชื่อว่าแม่หรือพ่อล้วนเป็นหุ้นส่วนกรรมมหันต์นี้ด้วยกัน ทั้งคู่ ไม่ต้องโยนบาปให้กันและกัน ไม่ต้องโยนผิดป้ายโทษว่าใครเป็นต้นเหตุ สุดท้ายได้รับกรรมอย่างสาสมด้วยกันทั้งคู่ ความจริงเรื่องการทำแท้งเป็นผลสุดท้ายของความชั่วที่ได้รับการไตร่ตรอง วางแผนทำลายหลักฐานการก่อความชั่ว ส่วนเหตุนั้นมาจากการที่บุคคลขาดการสำรวม ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม เห็นความมักมากในกามอารมณ์เป็นของสนุกอย่างไร้ยางอาย ขาดความศรัทธาและขาดความเคารพในธรรม ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ความประพฤติที่ประมาทท้าทายต่อธรรม ไม่เกรงกลัวไม่ละอายต่อบาปใดๆ ทั้งสิ้น บาปที่มีโทษหนักที่สุด ๕ ประการ คือ ฆ่าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำให้สงฆ์แตกแยก ทำร้ายพระวรกายพระพุทธเจ้าห้อเลือด ดังนั้น การทำแท้งจึงมีบาปเท่ากับการฆ่าพระอรหันต์ เหตุเพราะ เด็กในครรถ์ยังบริสุทธิ์ มิเคยได้สร้างบาปกรรมใดๆ เลย และไม่มีเหตุปัจจัยของการสร้างกรรม ชีวิตของเขาจึงบริสุทธิ์ดั่งพระอรหันต์ ดังนั้น การทำแท้งฆ่าเด็กทารกในครรถ์หนึ่งคนจึงมีบาปเท่ากับฆ่าพระอรหันต์หนึ่ง พระองค์ การฆ่ามนุษย์นั้นว่าบาปมากแล้ว แต่การฆ่าเด็กทารกที่บริสุทธิ์เป็นบาปหนักยิ่งกว่า

ผล กรรมจากการทำแท้ง พระพุทธองค์ยังได้ตรัสอีกว่า ผู้ที่เคยทำแท้ง ขณะมีชีวิตจะได้รับผลกรรมสนองจากโรคร้าย ป่วยหนัก อายุสั้น การถูกขัดขวางไม่ให้พบความเจริญ ความฉิบหายมาสู่ตนอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ครั้นจบชีวิตแล้วจิตวิญญาณต้องได้รับโทษทัณฑ์ที่แสนสาหัสในนรกภูมิเป็นเวลา อันยาวนานมิอาจประมาณได้ และยิ่งถ้าหากเด็กผู้ตายนั้นมีจิตอาฆาตพยาบาทด้วยแล้วยิ่งลำบากหนัก เพราะจิตอาฆาตนั้นจะเฝ้าจองเวรกันทุกลมหายใจเข้าออก ทำให้ชีวิตไม่เป็นสุขทุกข์ทรมานต้องพบกับความล้มเหลวอย่างไม่หน้าจะเป็นไป ได้ หรือบางท่านพบแต่ความทุกข์ระทม ล้มละลายทั้งชีวิตการงานและชีวิตครอบครัวหาความสงบสุขได้ยาก ต้องชดใช้กรรมกันอย่างสาสม จนกว่าแรงกรรมนั้นจะได้ชำระกันจนหมดสิ้น หรือ จนกว่าเป็นที่เพียงพอของจิตวิญญาณนั้น ที่สุดยกให้เป็นอโหสิ
มีตัวอย่างเกี่ยวกับการทำแท้งไว้ให้เป็นอุทาหรณ์ บางท่านอ่านแล้วอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่บางท่านถ้ารู้สึกว่าเรื่องบาปกรรมมันน่ากลัวก็ควรรีบละบาปและเร่งสร้าง บุญให้จงมากจะดีกว่าเคยมีสตรีหลายท่านที่เคยมีประสพการณ์ในการทำแท้งมาเล่า ให้ฟัง ในขณะที่ดิฉันได้ตรวจดวงชะตาพบว่าเคยทำแท้งมา เป็นเหตุให้ชีวิตในปัจจุบันล้มเหลวตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว สุขภาพ หรือการงาน ล้วนพบแต่ความวิบัติอันสืบมาจากกรรมที่เคยทำแท้ง เช่น ผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อสมัยที่เธอยังเป็นสาววัยรุ่นอยู่ได้พบรักกับชายวัยรุ่น วัยคนอง และได้เสียกันก่อนวัยอันควร แต่ขาดความระมัดระวังจึงตั้งท้อง และด้วยวัยละอ่อนจึงไม่สามารถดูแลรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนกระทำลงไปได้ จึงต้องกำจัดสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิด นั่นคือลูกในท้อง ด้วยการทำแท้ง ต่อมาเธอก็แต่งงานใหม่อย่างมีหน้ามีตากับสามีอีกคนแต่ไม่นานสามีก็เริ่มนอก ใจ และมักทำร้ายเธอเสมอแต่ไม่ยอมเลิกลา เวลาดื่มเหล้าแล้วชอบซ้อมเมียเป็นกิจวัตร จะเลิกก็เลิกไม่ได้ ต่อมาไม่นานยังบังคับเอาเงินทองจากเธอไปจนหมดทำให้เธอต้องเป็นหนี้สินมากมาย และสุดท้ายก็เลิกกันโดยไม่มีบุตรด้วยกันทั้งที่อยู่กันมา 5 ปี ผ่านไปไม่นาน เธอแต่งงานใหม่พบชายคนใหม่ก็มีชีวิตที่ไม่สุขสบายอีกเช่นเดิม นรกอยู่ในอกตลอดเวลาจนวันหนึ่งเมื่อมาพบดิฉัน และได้ตรวจกรรมจึงยอมรับสารภาพว่า เคยทำแท้งมาจากการที่รักสนุกในเรื่องกาม เป็นเหตุให้มีชีวิตอับจนเช่นนี้ ก็แนะนำให้เธอไปรักษาศีล และหมั่นทำบุญ อีกทั้งให้ขมากรรมกับเจ้ากรรมนายเวร ให้ละอายเกรงกลัวต่อบาปอย่าได้ทำเช่นนั้นอีกต่อไป จนสุดท้ายที่ได้พบกัน เธอบอกว่า เดี๋ยวนี้ได้พบสามีคนใหม่เป็นคนที่ 3 ซึ่งดีกับเธอมากแต่ไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้เพราะเธอได้ตัดมดลูกทิ้งไปแล้ว ตั้งแต่ตอนอยู่กับสามีคนที่ 2 เพราะเนื้องอกและมดลูกอักเสบอย่างแรง นี่แหละ กรรม

สรรพสัตว์ทุกชนิดในโลกนี้ล้วนรักชีวิตของตนทั้งสิ้น เช่นเดียวกับที่ตัวเราก็รักชีวิตของเราดุจเดียวกัน
จงมีเมตตา และให้ความเคารพในชีวิตของกันและกันเถิด สันติสุขจะเกิดได้เมื่อทุกสรรพสัตว์เคารพในธรรม




จงรักชีวิตของผู้อื่นให้เหมือนรักชีวิตตนเอง

 

ความสุขอยู่ที่ไหน

การที่เราได้มาสร้างสมอบรมทาน ศีลภาวนากันทุกอุโบสถ ก็เพื่อต้องการจะเอาไว้เป็นที่พึ่งทางใจ เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจ เป็นที่ระงับดับทุกข์ทางใจ เป็นที่จะทำให้จิตใจของเรานั้นเกิดความสุขความสงบเบิกบานใจ คนที่เกิดมาในโลกนี้ทุกคนก็หวังที่จะได้รับความสุขความสบาย ไม่มีใครอยากยุ่งยากลำบาก ไม่มีใครอยากเป็นทุกข์
ทุกคนปราถนาความสุขกันทั้งนั้นแต่ว่าความสุขมันอยู่ที่ไหน ? ถ้าเราทำใจไม่ได้เราจะพบความสุขหรือเปล่า
ทุกวันนี้ทุกคนก็มีทุกอย่างแล้ว แต่ยังไม่เจอความสุข มีเงินมีทองมีบ้านมีเรือนแล้ว แต่ก็ยังไม่พบความสบายใจ ยังมีแต่ความเดือดร้อน มีแต่ปัยหาอยู่ในตัวเองและครอบครัวทุกวันไป ทั้ง ๆ ที่มีทุกอย่างแล้ว เพราะใจของเขาขาดศีลสมาธิเพราะเขาไม่ได้มาปฏิบัติธรรม เขาไม่รู้วิธีทำใจให้เป็นสมาธิ

 

วิธีการรักษากรรมของหลวงพ่อครูบาอจารย์ผม ขั้นนี้ถือว่ารักษาอาการที่คนรักษาไม่หาย ท่านจะรักษาให้โดยส่วนใหญ่หากตรวจกรรมว่าเป็นจริงผมจะส่งไปหาหลวงพ่อทันนี้ หากดุแล้วไม่เป็นอะไรแสดงว่าเป็นเพราะวิบากรรมเก่ายังไม่ใช่โรคเวรกรรม ดูเป็นกรณีไปครับ วีดีโอนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่ไม่สามารถเปิดเผยมีอีกเยอะ เราต้องข้อย้ำเราไม่ใช่หมอผีหรือไสยเวทใดๆๆทั้งนั้นเราใช้บารมีธรรมหลวงพ่อรักษาคน ครูบาอาจารย์ท่านรักษาฟรีมีแต่ค่ากำนลครูดูหมอเท่านั้นที่เก็บเนื่องจากเหตุผลว่าหมอต้องมีค่าครองชีพเช่นกัน ขอย้ำท่านที่มีวิชาอย่าลองกันเลยบาปเปล่าๆๆครับ
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=7K2Q79o8Auc]พระอาจารย์สิน ฉันทธัมโม - YouTube[/ame]

 

หลังจากมีลูกค้าท่านหนึ่งอนุญาติบอกชื่อ ป้าพร มาดูดวงเรื่องลูกสาว ก่อนต้นเดือนที่แล้ว ดูของเธอทุกอย่างดีหมดครับ ไม่ผลาดแน่นอนครับเธอขอเลขเด็ดจากผมไปด้วยแม่เจ้า ผมไม่เคยให้ใครด้วยแต่ไม่รู้อะไรโดนใจ บอกเธอไป เธอถูกหวย 2000 บาท ได้เงิน เจ็ดแสนกว่าเธอเอาเงินมาทำบุญสร้างพระธาตุกับผม 20000 บาท ขออนุโมทนาบุญกับเขาด้วยครับ
และขอประกาศ ณที่นี้ด้วยนะครับสืบเนื่องมาก กลุ่มลูกค้าเหล่านี้บอกต่อๆๆกันวันนี้มีคนโทรหาผมประมาณห้า หก ราย เพื่อมาขอเลขเด็ดบ้างบอกจะเอาไปปลดหนี้ อยากรวยสารพัดปัญหา ผมขอบอกว่าผมไม่รู้เรื่องจริงๆๆเป็นเรื่องบังเอิญคนจะรวย ใครก็ห้าไม่ได้ครับ ใครอยู่แถวพัฒนาการ 54 แวะถามป้าพรร้านข้าวแกงได้ครับว่าผมเสี่ยงตามดวงของป้าป้าเขาดึงเองถกเอง ใครที่มาขอไม่ถูกเดียวผมจะบาปเอาดังนั้น งดกว่า หวยไม่ทำให้ใครเจรอญรั่งเรื่องได้หรอกครับด้วย ความหวังดี
อาจารย์เบิร์ด​

 

เวลานี้ดูดวงไปทั้งหมด สี่ รายแล้วครับ ขอบอกแต่ละท่านของแข็งมาก ดูทางโทรศัพท์เหนื่อยมากๆๆครับ บางท่านดวงยมทูตคลุมเจ้าชะตาดวงแข็งเปิดดวงกันไม่ได้ง่ายๆๆเลยครับ

 

หกโมงเย็นพระอาจารย์หลวงสิน สวดมนต์เมตตาใหญ่ปลดปล่อยสัพสัตว์ ร่วมโมทนาบุญพร้อมกัยครับ

 

สวัสดีครับ ขอขอบคุณที่แนะนำครับ ชี้ตรงจุดครับ ให้เป็นกันเองครับ

 

ชาวเชียงใหม่ เจอกับอาจารย์ๆได้ ในวันที่ 24 25 นี้ นะครับ อาจารย์ ดูดวงการกุศบให้คณะแพทย์ มช ดวงละ100 บาทเองครับใครสนใจไปเจออาจารย์ที่นั้นครับ