ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    โห น่ากลัว ขนาดดอกไม้ยังแย่ คนก็ต้องแย่แน่ๆ
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ไทยอาจได้รับผลกระทบ จากพายุไซโคลน จากคลื่นยักษ์มากยิ่งขึ้นในอนาคต

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบ จากพายุไซโคลน จากคลื่นยักษ์มากยิ่งขึ้นในอนาคต ขณะที่จังหวัดพิษณุโลก ประกาศเตือนนักท่องเที่ยว ที่นิยมล่องแก่งลำน้ำเข็ก ระมัดระวังอันตราย เนื่องจากน้ำไหลเชี่ยว

    น้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ไหลทะลักลงแม่น้ำเข็ก สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ทำให้ปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และไหลเชี่ยว จังหวัดจึงออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยว ระมัดระวังอันตราย นอกจากนี้น้ำยังเอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายกว่า 5 พันไร่ ส่วนที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา น้ำป่าจากเทือกเขายา ไหลเข้าท่วมเทศบาลตำบลนางขาว เป็นระลอกที่ 2 ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

    ขณะที่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาเก๋าในกระชัง ริมคลองสาคร อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากฝนที่ตกลงมาติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำในคลองกลายเป็นน้ำกร่อย ทำให้ปลาตายเป็นจำนวนมาก เกษตรกรขาดทุนหลายล้านบาท

    ส่วนกรุงเทพมหานคร เกิดฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณลานจอดรถ อสมท. เต๊นท์ขนาดใหญ่ล้มทับรถยนต์ได้รับความเสียหายหลายคัน

    นายพิจิตต รัตตกุล ผู้อำนวยการศูนย์เตรียมความพร้อม ป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย กล่าวระหว่างสัมมนาโลกร้อนมหันตภัยใกล้ตัวว่า สภาวะโลกร้อน อาจทำให้ประเทศไทย ได้รับผลกระทบจากการเกิดพายุไซโคลน และคลื่นยักษ์บริเวณชายฝั่งอันดามัน

    [ 2007-08-20 : 19:40:02 ]

    ที่มา http://tna.mcot.net/
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหวในพม่า รับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ถึงเชียงใหม่


    <CENTER>[​IMG]

    เมื่อเวลา 18.17 น. วานนี้ (19 ส.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที ตรวจพบเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 4.2 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลางในประเทศพม่า

    อยู่ห่างจาก จ.เชียงใหม่ 120 กิโลเมตร รับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ที่ อ.ฝาง และ อ.ชัยปราการ จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต

    </CENTER>
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791


    ลางบอกเหตุหายนะ จากภัยธรรมชาติใกล้ตัว
    .
    หมวดพายุเขตร้อน
    พายุเขตร้อน คือการปลดปล่อยพลังงานความร้อน เมื่อความชื้นในอากาศยกตัวสูงขึ้นและเกิดการควบแน่นพายุเขตร้อน จะหมุนทวนเข็มนาฬิกาถ้าเกิดในซีกโลกเหนือ และจะหมุนตามเข็มนาฬิกาถ้าเกิดในซีกโลกใต้
    .
    .[​IMG]
    .[​IMG]
    http://en.wikipedia.org/wiki/Tropical_storm <-- รายละเอียดโครงสร้าง กลไกของพายุเขตร้อนไม่ว่าโลกจะร้อนด้วยสาเหตุอะไรก็ตามยิ่งน้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงเท่าไร ก็เท่ากับการป้อนเชื้อเพลิงให้พายุมากขึ้นเท่านั้น...ตัวใครตัวมันล่ะคราวนี้
    .
    .[​IMG]
    http://upload.wikimedia.org/.../Global_tropical_cyclone_tracks-edit2.jpg
    ภาพแสดงสถานที่เกิดพายุเขตร้อน ระหว่างปี ค.ศ.1985 ถึง 2005 (คลิก link เพื่อดูภาพขยาย)
    .
    .[​IMG]
    http://upload.wikimedia.org/.../Ocean_currents_1943.jpg
    ภาพแสดงบริเวณที่มีกระแสน้ำเย็นไหลผ่าน เปรียบเทียบกับภาพบน (คลิก link เพื่อดูภาพขยาย)
    .
    ธรรมชาติของพายุเขตร้อน แม้อยู่ในละติดจูดเดียวกัน แต่พายุก็จะไม่เกิดขึ้นใกล้บริเวณที่มีกระแสน้ำเย็น


    เช่น ฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ, ทวีปอเมริกาใต้, ฝั่งตะวันตกของทวีปแอฟริกา แต่...ครับ...มีแต่
    .
    .[​IMG]
    ปี 2004 เกิดพายุเฮอริเคนขึ้นเป็นครั้งแรกของศตวรรษนี้ที่มหาสมุทรแอตแลนติกใต้ นอกชายฝั่งบราซิลจะเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวหรือถาวร ก็ต้องรอดูกันต่อไปล่ะครับ
    .
    .[​IMG]
    เมื่อเร็วๆ นี้ได้ดูหนังชุดเรื่อง Category 7 เกี่ยวกับพายุหมุนที่เกิดขึ้นกระทันหันตามเมืองใหญ่ทั่วโลกหลังจากนั้นไม่นาน วันที่ 8 ธันวาคม ที่อังกฤษ กรุงลอนดอนก็เจอพายุหมุนขนาดเล็กถล่มระยะเวลาสั้นๆ เป็นเรื่องค่อนข้างผิดปรกติ ทั้งสถานที่ และฤดูกาล ซึ่งตามปรกติไม่น่าเกิดพายุทอร์นาโดขึ้นมาอย่างนั้น
    .
    นอกจากว่าสภาพแวดล้อมในพื้นที่เกิดความผิดปรกติไปจากเดิม...
    .
    ถ้าข้างบนนี้เป็นตัวอย่างที่ไกลตัวเกินไปจนมองไม่เห็นภาพ งั้นลองมาดูพายุแถวๆ ภูมิภาคนี้ก็แล้วกันครับ

    เส้นสีฟ้า - ความกดอากาศ 1020
    เส้นสีแดง - ความกดอากาศ 1012

    1) ไต้ฝุ่นทุเรียน เดิมทีคาดการณ์ไว้ว่าจะสลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ในตอนกลางของกัมพูชา

    .[​IMG]
    .
    2) แต่ในวันนั้น แนวหย่อมความกดอากาศสูง (อุณหภูมิต่ำ) ก็ดันถอยร่นขึ้นไปทางเหนือกันหมดยกแผง

    .[​IMG]
    อุณหภูมิที่ไม่ลดทำให้พายุทุเรียนมีพลังมากพอที่จะวิ่งไซด์โค้งเข้าอ่าวไทย ข้ามไปลงอันดามันได้เฉยเลย
    .
    3) อันนี้เป็นภาพเส้นระดับความกดอากาศปัจจุบันครับ ช่วง 2-3 วันนี้ ที่อุณหภูมิบ้านเราลดลงฮวบฮาบ
    .[​IMG]
    จะเห็นว่าหย่อมความกดอากาศสูง (อุณหภูมิต่ำ) สวิงกลับมาอีกครั้ง ส่งมวลความเย็นเข้าสู่ทะเลจีนใต้คนกรุงเทพฯ ก็กิ๊วก๊าว เปิดตู้เสื้อผ้าขุดเอาเสื้อกันหนาวมาปัดฝุ่น ส่วนภาคเหนืออากาศเย็นตลอดวันแล้ว
    .
    .หมวดแผ่นดินไหว
    รอยเลื่อนในประเทศไทย ถ้านับรวมรอยเลื่อยเล็กๆ น้อยๆ ยิบๆ ย่อยๆ แล้วจะมีมากถึง 121 รอยเลื่อนนับเฉพาะรอยเลื่อนที่มีพลัง จะอยู่ที่ 9, 10, 13, 14, 45 รอยเลื่อน ตามแต่วิธีเก็บข้อมูลของแต่ละเจ้าEntry นี้ ใช้ข้อมูลของกรมทรัพยากรธรณี ปี 2547 ซึ่งกำหนดรอยเลื่อนขนาดใหญ่ไว้ 13 รอยเลื่อน

    .[​IMG]
    http://www.dmr.go.th/geohazard/earthquake/DMRActiveFault.htm <--- ดูภาพใหญ่
    .
    .[​IMG]
    สถานที่เกิดเหตุ : ทิศเหนือของรอยเลื่อนแม่ทา
    .
    .[​IMG]
    เที่ยงคืนวันที่ 12 (เช้าวันที่ 13) เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.8 - 5.1 ริกเตอร์ตัวเลขที่วัดได้บ่งชี้ว่าเป็นแผ่นดินไหวที่ไม่รุนแรง เพียงแต่ว่ามันเกิดห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 16 กิโลเมตรถือเป็นระยะทางที่ใกล้มาก ทำให้คนในตัวเมือง รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวอย่างชัดเจนสุดๆ
    ข้อสังเกตในเหตุการณ์ครั้งนี้คือ เป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็กที่เกิด Aftershock ขึ้นตามหลังมามากผิดปรกติ
    .
    นั่งเล่นคอมไปก็สะดุ้งไปเป็นพักๆ
    .
    ผลจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวทำให้หน้าต่างมุ้งลวดเก่าๆ บ้านผม เผยอออกจากกรอบไปหลายบานจนกองทัพยุงตัวเป้งๆ บุกเข้ามา จึงได้ข้อสรุปว่าแผ่นดินไหวทำให้ยุงกัดครับ *-* (เป็นวิด-ทะ-ยา-สาดมาก)

    Update
    7 โมงเช้า วันที่ 19 ธันวาคม เกิดแผ่นดินไหวซ้ำที่เดิม แต่เป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็ก ความแรง 2.7 ริกเตอร์
    .
    สรุป
    ในสมัยก่อนที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า ทำให้เกิดจุดอ่อนและเป็นสาเหตุของข้อถกเถียงโต้แย้งหลายประเด็นเมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลพัฒนาขึ้น ข้อมูลที่เคยคิดว่าขัดกัน ก็พบว่าสอดคล้องกันมากขึ้นแต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงพัฒนายากไม่เปลี่ยนแปลงคือ ความเชื่อเก่าๆ ในข้อมูลเก่าๆ ของคนเก่าๆ ที่ไม่ยอมอัพเดท
    .
    ปล. จากข้อมูลเก่าๆ ผมนึกว่าจะต้องรอจนลูกหลาน Generation ถัดไป ถึงจะได้เห็นน้ำแข็งขั้วโลกละลาย
    แต่จากข้อมูลล่าสุด น้ำแข็งในขั้วโลกเหนืออาจละลายหมดเกลี้ยงภายในช่วงอายุปรกติของผมแล้วล่ะครับ :)

    ปล.2 ปีนี้เป็นปีที่น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนทั้งหลายมีความจุ Max หลังจากเก็บลมมานานอาจมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้, แล้วน้ำเต็มเขื่อนทั้งที ขอดูฝีมือการบริหารน้ำฤดูแล้งของปี 2550 ว่าจะดีขนาดไหน












    http://chubby.exteen.com/20061220/entry

    [​IMG]
    แก้มลิง : ของดีราคาถูกที่คอการเมืองไม่สนใจ
    .
    สรุปเนื้อหาของ Entry ก่อน
    .
    - เขื่อนแก่งเสือเต้นช่วยลดระดับน้ำในพื้นที่ตอนบนของเขื่อนเจ้าพระยาได้ 22 เซนติเมตร (ตามทฤษฎี)
    เงื่อนไข ไม่มีการเก็บน้ำเพื่อการเกษตร / ไม่มีฝนตกในพื้นที่ 80% ใต้เขื่อน / พื้นที่ชุ่มน้ำจะป้องกันไม่ได้
    .
    - เขื่อนแก่งเสือเต้นช่วยลดระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงผ่านกรุงเทพได้ 10 เซนติเมตร (ตามทฤษฎี)
    เงื่อนไข ตัดแม่น้ำท่าจีนออกจากระบบ / น้ำทะเลไม่หนุน / เป็นการคำนวณที่ผิดหลักเพื่อเอาใจบางกลุ่ม
    .
    สรุปเนื้อหาของ Entry นี้ (สำหรับท่านที่ขี้เกียจอ่านครับ ^^)
    - พื้นที่แก้มลิงขนาด 1.3 ล้านไร่ หรือ 2 พันล้านตารางเมตร กำหนดระดับน้ำที่ความสูง 30 เซนติเมตร
    จะสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ 600 ล้าน ลบ.ม. หรือเทียบเท่ากับ ปริมาตรการใช้งานของแก่งเสือเต้น
    แต่ ใช้งบประมาณในการดำเนินงานที่ถูกกว่ามากมายมหาศาล ไม่ถูกใจนักการเมืองที่จ้องจะโกงกินนัก
    .
    .
    .
    [ตัดเข้าสู่เนื้อหาปรกติของ Entry นี้]
    .
    .
    .
    สภาพการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน
    จากความสามารถในการลำเลียงกระสอบทรายที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้เกิดปรากฎการณ์อื่นๆ ตามมา
    เป็นหลักการง่ายๆ ซึ่งทุกคนที่เคยผ่านเรียนวิชาฟิสิกส์ชั้นมัธยมปลายก็เคยเรียน แต่อาจลืมไปแล้วก็ได้
    เมื่อน้ำที่เคยไหลในแนวกว้าง ถูกพนังกั้นน้ำบีบให้แคบลงตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง อะไรจะเกิดขึ้น ?
    .
    .[​IMG]
    คำตอบ
    เมื่อมวลน้ำที่ถูกบีบให้แคบลง น้ำก็จะไหลเร็วยิ่งขึ้นและระดับน้ำก็จะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่ควรเล็กน้อย
    เป็นหลักการทางฟิสิกส์ง่ายๆ ใครที่มีโอกาสเรียนชั้นมัธยมปลายก็ต้องเคยผ่านตามาบ้างอย่างแน่นอน
    ตัวอย่างเช่น ถ้ามีการสร้างพนังกันน้ำที่เชียงใหม่ ก็จะส่งผลให้น้ำไหลลงไปถึงลำพูนเร็วขึ้นและแรงขึ้น
    ผมไม่ได้บอกว่า ไม่ให้สร้างกระสอบทรายกันน้ำนะ ผมเพียงแต่บอกผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำเท่านั้น
    เพราะมักมีพวกน่าเบื่อชอบประชดว่าไม่ต้องสร้างกระสอบทรายปล่อยให้น้ำท่วมเมือง โผล่มาบ่อยครั้ง
    .
    อีกประการหนึ่ง หลายๆ คนคิดว่าเขื่อนเป็นเทวดาที่พอสร้างปุ๊บ น้ำที่ท่วมอยู่ก็จะอันตรธานหายไปปั๊บ
    ไม่ใช่นะครับ สิ่งที่เขื่อนทำอยู่คือการหน่วงเวลาให้น้ำเหนือเขื่อนจะไหลลงด้านใต้เขื่อนให้ช้าลงเท่านั้น
    ถ้ามีปริมาณน้ำมากเกินปริมาตรความจุรวมของเขื่อนทั้งระบบรวมกัน ผลลัพธ์ก็คือน้ำท่วมเหมือนเดิม
    .
    ตัวอย่างเช่น ปริมาณน้ำไหลผ่าน 5,000 ลบ.ม.ต่อวินาที เท่ากับปริมาตรน้ำ 18 ล้านลบ.ม.ต่อชั่วโมง
    เติมเต็มปริมาตรการใช้งานของเขื่อนแก่งเสือเต้นได้ภายในเวลา 45 ชั่วโมง หรือไม่ถึง 2 วันด้วยซ้ำไป
    ถ้าน้ำท่วมมาแล้ว 2 สัปดาห์ สิ่งที่เขื่อนแก่งเสือเต้นทำได้ก็แค่หน่วงเวลาให้น้ำท่วมช้าเล็กน้อยเท่านั้น
    .
    เขื่อน ไม่ใช่อุปกรณ์ย่อยสลายสสารให้หายไปจากโลกนะครับ
    .
    .
    .
    มารู้จักแก้มลิงกันเถอะ
    วิธีการรับมือโดยการสร้างเขื่อน ถือเป็นวิธีการล้าสมัย ถ้าหากเขื่อนไม่ได้ครอบคลุมพื้นที่รับน้ำมากพอวิธีการรับมือโดยการสร้างพนังกันน้ำก็เป็นการเอาตัวรอดโดยผลักมวลน้ำให้ไปท่วมพื้นที่ที่ต่ำกว่าแทนถ้าสิ่งที่เขื่อนทำได้ไม่ใช่การป้องกันน้ำท่วม แต่เป็นการหน่วงเวลาที่น้ำเหนือจะหลากลงไปยังที่ต่ำกว่าแก้มลิง เป็นหนึ่งในวิธีการหน่วงเวลาน้ำท่วมในพื้นที่เกิดเหตุโดยตรง มีประสิทธิภาพกว่า และถูกกว่า
    .
    หลักการของแก้มลิง
    .
    .[​IMG]
    หลักการก็ง่ายมากครับ นั่นคือ การผันน้ำเข้าสู่พื้นที่รองรับน้ำ เพื่อลดปริมาณน้ำในทางน้ำสายหลักและถ้าภูมิประเทศเหมาะสม อีกด้านของพื้นที่แก้มลิงอาจมีทางน้ำ ระบายน้ำจากแก้มลิงลงทะเลทำให้พื้นที่แก้มลิงในบริบทนี้สามารถรองรับ กักเก็บ หมุนเวียน ปริมาณน้ำเหนือที่ไหลบ่าได้มากขึ้นย้ำอีกที นี่เป็นหนึ่งในวิธีหน่วงเวลาน้ำท่วมในพื้นที่เกิดเหตุโดยตรง มีประสิทธิภาพกว่า และถูกกว่า
    .
    ใน Entry ก่อน ปริมาตรความจุรองรับน้ำท่วมของเขื่อนแก่งเสืออยู่ระหว่าง 517 - 823 ล้าน ลบ.ม.งบประมาณการก่อสร้างบานปลาย จากไม่กี่พันล้านกลายเป็น 1.2 หมื่นล้านบาท (ตัวเลขเก่าแล้ว)
    ขณะที่พื้นที่รับน้ำส่วนพระองค์ตามโครงการแก้มลิงของในหลวง ข้อมูลในวันที่ 13 ตุลาคม 2549สามารถรองรับน้ำได้มากกว่า 60 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 1 ใน 10 ของโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น
    .
    นี่เป็นการลดระดับน้ำในพื้นที่น้ำท่วม ด้วยโครงการที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม และเห็นผลในพื้นที่น้ำท่วมแถมวันที่ 14 ตุลาคม 2549 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถหาพื้นที่ไร่นามาทำแก้มลิงได้ 1.3 ล้านไร่หรือประมาณ 2 พันล้าน ตร.ม. ถ้าหากผันน้ำเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวที่ระดับความสูง 30 เซนติเมตรจะรับปริมาณน้ำได้มากกว่า 600 ล้าน ลบ.ม. เทียบเท่าความจุใช้งาน 70% ของแก่งเสือเต้นนั่นเอง
    .
    นี่ขนาดเป็นการหาพื้นที่แก้มลิงแบบฉุกละหุกนะครับ ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้มากถึงขนาดนี้แล้วถ้ามีการเตรียมการล่วงหน้าดีๆ จะสามารถรองรับปริมาณน้ำได้มากมายมหาศาลถึงขนาดไหน ?
    เพราะในหลวงทรงมีพระราชดำรัสถึงวิธีการใช้แก้มลิงมาตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2538 แล้วนะครับ10 ปีที่ผ่านมาไม่รู้กี่รัฐบาล มัวทำอะไรกันอยู่ ? ยิ่งช่วงหลังๆ เห็นเอาแต่บ้าทำเมกะโปรเจกที่ไม่จำเป็น
    .
    ถ้ารัฐจัดการกำหนดระยะเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตรในพื้นที่เป้าหมายให้เสร็จก่อนฤดูน้ำหลากเราสามารถได้พื้นที่แก้มลิงไว้ใช้งานไม่ต่ำกว่า 4 ล้านไร่ และถ้าใช้งบเสริมคันดินเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเพิ่มการรองรับน้ำจากระดับ 30 เป็น 60 เซนติเมตร จะสามารถรับน้ำได้มากกว่า 3,800 ล้าน ลบ.ม.
    เทียบเท่าแก่งเสือเต้น 5 เขื่อน โดยที่เราไม่ต้องเสียเงินค่าก่อสร้างเขื่อนแบบโง่ๆ ได้ 6 หมื่นล้านบาท !
    .
    แล้วทำไมนักการเมืองถึงได้เฉื่อยชากับ แก้มลิง ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า แถมราคาถูกกว่ามหาศาล ?แล้วทำไมประชาชนหลายคนที่ชอบด่านักการเมือง ดันเปิดช่องสนับสนุนให้เกิดการเสียค่าโง่กันนัก ?
    .
    .
    .
    ข้อดีของแก้มลิง ข้อเสียสำหรับนักการเมือง
    1) เนื่องจากโครงสร้างหลักของแก้มลิง คือคันดินและประตูระบายน้ำ
    ซึ่งใช้งบประมาณก่อสร้างน้อยกว่าการสร้างพนัง หรือเขื่อนขนาดใหญ่
    จึงไม่ถูกใจบริษัทรับเหมา ซึ่งมักมีนักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง
    .
    2) โครงการแก้มลิง ใช้งบประมาณดูแลรักษาต่ำ เจ้าของที่ดูแลเองได้
    โดยเฉพาะแก้มลิงขนาดเล็กที่รองรับน้ำไม่ลึกมาก เหมือนดูแลไร่ทั่วไป
    นักการเมือง จึงไม่สามารถหาเรื่องงาบค่าซ่อมบำรุงแก้มลิงทุกเดือนได้
    .
    3) โครงการแก้มลิง ใช้งบในการดำเนินการน้อย และใช้ระยะเวลาสั้นๆ
    เพราะน้ำไม่ได้ท่วมทุกปี และไม่ได้ท่วมทั้งปี หลากปรกติไม่เกิน 2 เดือน
    จึงมีค่าใช้จ่ายในการ Operate หรือเดินเครื่องสูบน้ำเข้าแก้มลิงไม่นาน
    .
    4) นักการเมือง ไม่สามารถเก็งกำไรค่าเวนคืนแบบการก่อสร้างเขื่อนได้
    เพราะพื้นที่แก้มลิงภาคประชาชน เป็นเพียงการเช่าที่ดินเพียงระยะสั้น
    และถ้าปีใดไม่เกิดน้ำท่วม ก็ไม่ต้องทำเรื่องเช่าให้เปลืองเงินแต่อย่างใด
    .
    5) โครงสร้างของแก้มลิงก่อให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมชั่วคราว
    ขณะที่เขื่อนขนาดใหญ่ก่อให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมแบบถาวร
    แก้มลิงจึงมีการจ่ายค่าชดเชยในระดับต่ำ จนไม่สามารถหาช่องงาบได้
    .
    6) แก้มลิง มีประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำท่วมสูงกว่า ในงบที่เท่ากัน
    ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อผู้คนและสาธารณูปโภคจึงมีน้อยกว่า
    จึงไม่ถูกใจบริษัทรับเหมา เพราะ งบหลวงที่ลงมายังจุดนี้จะลดน้อยลง
    .
    สำหรับคนที่ยังนึกภาพแก้มลิงไม่ออก พื้นที่ 1.3 ล้านไร่ เท่ากับพื้นที่ประมาณ 10 x 200 กิโลเมตร
    200 กิโลเมตรคือระยะทางประมาณ กรุงเทพฯ - นครสวรรค์
    10 กิโลเมตรก็ประมาณอนุสาวรีย์ชัย - แยก ม.เกษตรศาสตร์
    พื้นที่แก้มลิงจริงๆ ไม่ได้เป็นรูปทรงเราขาคณิตสวยงามเสมอไป นี่เป็นการคำนวณให้ดูแบบคร่าวๆ
    แล้วพื้นที่ทำการเกษตรในที่ราบภาคกลาง ก็คงไม่ได้มีความกว้างแค่ 10 กิโลเมตรหรอกนะครับ : /
    .
    .
    .
    สรุป
    ที่ร่ายมานั้น คือเหตุผลที่ทำให้นักการเมืองและผู้มีอิทธิพล สนับสนุนแต่การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่นอกจากนี้ เขื่อนขนาดใหญ่เป็นสิ่งก่อสร้างที่เห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งถูกใจคนที่มีปมด้อยเรื่องขนาดคนกลุ่มนี้ไม่มีวันเข้าใจว่า ของติดดินอย่างแก้มลิง จะมีดีกว่าเขื่อนขนาดใหญ่อันเขื่องๆ ได้อย่างไรต่อให้เราคำนวณให้เห็นกันจะจะ พวกนี้ก็จะตกคณิตศาสตร์ และตาฝ้าฟางขึ้นมากระทันหันอยู่ดีแล้วก็มาบ่นว่านักวิชาการไม่ทำอะไรสักอย่าง (เออ ลงมาแล้วเจอแบบนี้ ใครจะอยากเสียเวลาครับ)
    .
    .
    .
    http://chubby.exteen.com/20061016/entry






     
  5. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    การเพิ่มขึ้นของ ค่าความเข้มสนามแม่เหล็กโลก ก็เป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่ทำให้เกิดพายุรุนแรงมากขึ้น ไม่ทราบว่า คุณ Folkman พอมีข้อมูลมาบอกเพื่อนๆกันบ้างนะครับ ผมเองก็อยากทราบในส่วนนี้ด้วยครับ
     
  6. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    โมทนากับท่านโฟคด้วย รูปนี้ ชัดเจนจริง ๆ

    ^^
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เฮอริเคนดีนทวีกำลังเป็นระดับ 5 แล้ว

    [​IMG]

    ไมอามี 21 ส.ค.- ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐ แจ้งว่า เฮอริเคนดีนทวีความรุนแรงขึ้นเป็นระดับ 5 แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของมาตรวัดขณะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งทะเลแคริบเบียน ของเม็กซิโก

    ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐ แจ้งว่า เมื่อเวลา 07.00 น.วันนี้ ตามเวลาในไทย ศูนย์กลางของเฮอริเคนดีน อยู่ห่างจากฝั่งตะวันออกของเม็กซิโก 335 กิโลเมตร ความเร็วลม 256 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอิทธิพลของพายุเริ่มส่งผลต่อคาบสมุทรยูคาตัน ของเม็กซิโก แล้ว พายุลูกนี้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 10 คน ในช่วงที่พัดผ่านทะเลแคริบเบียน ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวจำนวนมากตามรีสอร์ท ตลอดหาดมายันริเวียรา ของเม็กซิโก พากันหลบเข้าที่พักพิงชั่วคราวเพื่อหนีพายุ ด้านตำรวจสั่งให้นำยวดยานทุกคันออกจากถนน ส่วนร้านค้าต่าง ๆ นำแผ่นกระดานปิดกระจกหน้าต่างป้องกันความเสียหาย หาดแห่งนี้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่หลังจากถูกเฮอริเคนวิลม่า ถล่มเมื่อปี 2548 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน เสียหาย 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 88,400 ล้านบาท) ซึ่งนับเป็นเฮอริเคนที่รุนแรงที่สุดในมหาสมุทรแอตแลนติก เท่าที่เคยมีการบันทึกมา.-สำนักข่าวไทย

    [ 2007-08-21 : 09:21:47 ]

    ที่มา http://tna.mcot.net/#
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วันพิพากษาโลกจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่กันแน่?

    [​IMG]


    จากข้อมูลทั้งหมดที่พวกเราได้พยายาม รวมรวมกันมาผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องหาบทสรุปให้ได้ว่า ภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่กันแน่ โดยพิจารณาจากเหตุและปัจจัยในปัจจุบันเป็นหลัก ไม่ใช่ยึดถือแต่วันเวลาในคำทำนายเพียงอย่างเดียว เพราะถ้ายึดถือวันเวลาในคำทำนายจะหาเวลาที่แน่นอนไม่ได้เลย

    พวกเรามาช่วยกันวิเคราะห์กันจากสภาพที่เป็นจริงในปัจจุบันนี้จะดีกว่า ว่าถ้าภัยธรรมชาติ และภัยสงคราม ที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นๆ เป็นไปอย่างทุกวันนี้จุดจบของมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

    อีกทั้งขอให้ผู้มีญาณทัศนะรู้เห็นเหตุการณ์ในอนาคต ได้มาเปิดเผยสิ่งที่ตัวเองได้รู้ได้เห็นมา ทั้งผู้ที่รู้ด้วยตัวเองและรับรู้ได้จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้เอาความรู้ของท่านมาประมวลเข้ากับสถาณการณ์ของโลกในปัจจุบันนี้ก็จะหาคำตอบได้ไม่ยากว่า ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากหรือที่เรียกกันว่าโลกมืด 49 วันนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด?

    จากการรวมรวมข้อมูลเรื่องของภัยพิบัติที่ผมได้ติดตามมากว่า 3 ปีนี้ ผมขอสรุปว่าภัยพิบัติใหญ่จะเกิดขึ้นภายในปี พ.ศ.2550-2551 นี้อย่างแน่นอน อีกทั้งได้รับคำยืนยันมาจากผู้สามารถติดต่อสื่อสารในโลกวิญญาณหลายท่านว่า ไม่มีการเลื่อนต่อไปอีกแล้ว ไม่มีการต่อรองใดๆ อีกแล้ว ทุกสิ่งจะต้องดำเนินไปตามกฎแห่งกรรมที่ทุกคนได้กระทำเอาไว้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • untitled2.jpg
      untitled2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.2 KB
      เปิดดู:
      5,506
    • untitled1.jpg
      untitled1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      119 KB
      เปิดดู:
      1,967
    • untitled3.jpg
      untitled3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      120.8 KB
      เปิดดู:
      74
    • noah.jpg
      noah.jpg
      ขนาดไฟล์:
      144.6 KB
      เปิดดู:
      86
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2007
  9. winny

    winny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +659
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พังงา-สุราษฎร์ฯ อ่วม! น้ำท่วมระลอก 2 ขยายวงกว้าง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 สิงหาคม 2550 11:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> สถานการณ์น้ำท่วม จ.พังงา ระลอก 2 ทวีความรุนแรงและขยายวงกว้าง หลังจากวานนี้ (20 ส.ค.) ฝนถล่มต่อเนื่อง ทางเทศบาลเมืองตะกั่วป่าต้องสั่งปิดโรงเรียนอย่างน้อย 3 แห่ง ในวันนี้ (21 ส.ค.) เพื่อป้องกันอันตราย เนื่องจากน้ำป่าด้านอำเภอกะปงไหลเข้ามาสมทบทั้งในเขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่าและพื้นที่รอบนอก ทำให้ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว บางแห่งลึกกว่า 2 เมตร ราษฎรใน 4 อำเภอ เดือดร้อนกว่า 1,400 ครอบครัว ส่วนเจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องในการอพยพราษฎรและขนย้ายทรัพย์สินไปยังที่ปลอดภัย ล่าสุดดินเริ่มไหลตัวลงมาปิดทับเส้นทางแล้วหลายจุด คือ บริเวณกิโลเมตรที่ 182 ช่วงเขานางหงส์ และกิโลเมตรที่ 764 ถนนเพชรเกษม ช่วงอำเภอคุระบุรี-ตะกั่วป่า
    ส่วนน้ำท่วม จ.สุราษฎร์ธานี น่าเป็นห่วงเช่นกัน โดยน้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาสก ไหลเข้าท่วมชุมชนในพื้นที่หมู่ 6 ต.คลองสก อ.พนม ได้รับความเสียหายกว่า 10 หลังคาเรือน ขณะที่การเดินทางเข้า-ออกอุทยานฯ ยังไม่สามารถใช้การได้ เนื่องจากรถโดยสารตกคอสะพาน บริเวณทางเข้าอุทยานฯ สำหรับนักเรียนโรงเรียนพนมศึกษาที่มาเข้าค่ายบริเวณอุทยานฯ จำนวน 90 คน ปลอดภัย และเตรียมเดินทางกลับช่วงสายวันนี้ ล่าสุด น้ำขยายวงกว้างท่วมอีก 3 หมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มคือหมู่ 5 หมู่ 7 และหมู่ 4 ราษฎรเดือดร้อนประมาณ 200 ครัวเรือน อีกทั้งไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ และโทรศัพท์พื้นฐานขัดข้อง
    มีรายงานว่าดินบนเขาลื่นไหลลงมาปิดเส้นทางสายตะกั่วป่า-สุราษฎร์ธานี ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 112 - 114 รอยต่อระหว่างเขต อ.พนมกับ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ไม่สามารถสัญจรได้ เจ้าหน้าที่ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางเขาต่อ-ทับปุด

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“พังงา” น้ำป่าทะลัก 4 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนกว่า 1,400 ครัวเรือน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 สิงหาคม 2550 11:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=150 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=150>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พังงาฝนตกซ้ำ น้ำป่าทะลักไหลท่วมหมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อนกว่า 1,400 ครัวเรือน บางจุดสูงกว่า 2 เมตร ด้านโรงเรียนในเขตเทศบาลตะกั่วป่าปิดแล้ว 3 แห่ง ขณะที่ถนนหลายสายรถผ่านไม่ได้เนื่องจากมีดินโคลนไหลปิดทาง


    สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดพังงาระลอก 2 ทวีความรุนแรงและขยายวงกว้าง หลังจากวานนี้ (20 ส.ค.) ฝนถล่มต่อเนื่อง ทางเทศบาลเมืองตะกั่วป่าต้องสั่งปิดโรงเรียนอย่างน้อย 3 แห่ง ในวันนี้ (21 ส.ค.) เพื่อป้องกันอันตราย เนื่องจากน้ำป่าด้านอำเภอกะปงไหลเข้ามาสมทบทั้งในเขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่า และพื้นที่รอบนอก ทำให้ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว บางแห่งลึกกว่า 2 เมตร ราษฎรใน 4 อำเภอเดือดร้อนกว่า 1,400 ครอบครัว ส่วนเจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องในการอพยพราษฎรและขนย้ายทรัพย์สินไปยังที่ปลอดภัย ล่าสุดดินเริ่มไหลตัวลงมาปิดทับเส้นทางแล้วหลายจุด คือ บริเวณกิโลเมตรที่ 182 ช่วงเขานางหงส์ และกิโลเมตรที่ 764 ถนนเพชรเกษม ช่วงอำเภอคุระบุรี-ตะกั่วป่า

    ส่วนน้ำท่วมจังหวัดสุราษฎร์ธานีน่าเป็นห่วงเช่นกัน โดยน้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาสกไหลเข้าท่วมชุมชนในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลคลองสก อำเภอพนม ได้รับความเสียหายกว่า 10 หลังคาเรือน ขณะที่การเดินทางเข้าออกอุทยานฯ ยังไม่สามารถใช้การได้ เนื่องจากรถโดยสารตกคอสะพาน บริเวณทางเข้าอุทยานฯ สำหรับนักเรียนโรงเรียนพนมศึกษาที่มาเข้าค่ายบริเวณอุทยานฯ จำนวน 90 คนปลอดภัย และเตรียมเดินทางกลับช่วงสายวันนี้

    ล่าสุดน้ำขยายวงกว้างท่วมอีก 3 หมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มคือหมู่ 5 หมู่ 7 และหมู่ 4 ราษฎรเดือดร้อนประมาณ 200 ครัวเรือน อีกทั้งไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ และโทรศัพท์พื้นฐานขัดข้อง

    มีรายงานว่าดินบนเขาลื่นไหลลงมาปิดเส้นทางสายตะกั่วป่า-สุราษฎร์ธานี ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 112-114 รอยต่อระหว่างเขตอำเภอพนมกับอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ไม่สามารถสัญจรได้ เจ้าหน้าที่ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางเขาต่อ-ทับปุด

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. guitargun

    guitargun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2007
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +137
    ฝันเห็นเนื้อสมันกล้าไล่พยัคฆ์เบือนหน้าเข้าป่าหาย มีพระพุทธบรรหารประทานทาย ว่าบรรดาศิษทั้งหลายจะสู้ครู จะหักหาญผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย สำทับถ่อยขู่ข่มคารมณ์สู้ ยกย่องกายหมายประกวดอ้างอวดรู้ จะลบหลู่ขู่ซ้ำด้วยคำพาล สงฆ์ทรงศีลบริสุทธิ์จะทรุดเศร้า ผู้เป็นเจ้าหลีกจากถิ่นสถาน ซึ่งบ่พิตรนิมิตสิบหกประการ ไม่มีเหตุเภทพาลในพระองค์ จะได้แก่โรคร้ายในภายหน้า จำไว้พิจารณาอย่าลืมหลง จะเสื่อมสูญเมธีกวีวงศ์ และผูงหงส์วงประยูรตระกูลพราหมณ์ จะเฟื่องฟูเชยชมนิยมหยาบ แบกแต่ปาปหาบนรกยกขึ้นหาม กองกรรมก็จะนำสนองตาม จะลงหนังสุนัขถามเมื่อยามตาย พระไตรรัตน์จะวิบัติหม่นมัวหมอง ไม่ผุดผ่องแผ้วผาดสะอาดฉาย ศักราชคำรบนั้นสองพันปลาย จะต้องพุทธทำนายไว้แน่เอย..

    บางส่วนของพุทธทำนายที่ทำนายสุบินแด่..พระเจ้าปเสนธิโกศล.

    คนไกลฝั่ง...guitargunsolo@hotmail..com
     
  11. winny

    winny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +659
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แพทย์เตือนอย่าชะล่าใจลืม “หวัดนก” ไทยพบติดจากคนสู่คนรายแรกแล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 สิงหาคม 2550 13:50 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> แพทย์เตือนอันตรายหากคนไทยชะล่าใจลืม “โรคไข้หวัดนก” ขณะที่เชื้อโรคไม่หยุดกลายพันธุ์เกรงลูกไก่อาจกลายเป็นพญาอินทรี เผยไทยเริ่มมีการติดต่อจากคนสู่คนแล้วรายแรก ส่วนเวียดนาม อินโดฯ ติดต่อกันในกลุ่มเล็กๆ กระตุ้นเตรียมความพร้อมรับมือ ขณะที่ล่าสุดพบการเปลี่ยนแปลงการระบาดสัตว์ปีกนกกระจิบ นกกระจอก นกกะติ๊ดขี้หมู ซุกโรคเพิ่มขึ้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> </STRONG>วันนี้ (21 ส.ค.) ที่แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีการสัมมาวิชาการโรคไข้หวัดใหญ่ ปี 2550 เรื่อง “ไข้หวัดใหญ่ เรื่องใหญ่กว่าที่คิด” โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การระบาดของโรคไข้หวัดนก เป็นสัญญาเตือนภัยของการเกิดการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งองค์การอนามัยโลก ระดับขั้นตอนการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่มี 5 ขั้นตอน คือ การระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ คือ H5N1 2 การะบาดจากสัตว์มาสู่คน 3 มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มในการติดต่อจากคนสู่คน 4 ไวรัสมีการกลายพันธุ์ต่อจากคนสู่คนเป็นวงกว้าง และ 5 เกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่รุนแรงทั่วโลก ซึ่งขณะนี้สถานการณ์การระบาดออยู่ในขั้นตอนที่ 2-3 ที่หน่วยงาน ประชาชน สามารถเตรียมการป้องกันล่วงหน้าได้

    “หลายคนอาจคิดว่า โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่รักษาง่าย เป็นโรคพื้นๆ จึงให้ความสำคัญน้อย ขณะที่ทั่วโลกตื่นกลัวกับไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ ที่อาจอุบัติขึ้นในโลกจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดนก แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจะยังไม่พบผู้ป่วยแม้แต่รายเดียว โดยประเทศไทยปลอดโรคไข้หวัดนกมาเป็นเวลา 1 ปี 1 เดือน แล้วซึ่งอาจเนื่องมากจากการควบคุมที่ได้ผล ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ฯลฯ แต่ก็นับว่าเป็นช่วงที่อันตรายมากที่คนจะเริ่มไม่สนใจ จนลืมให้ความสำคัญ ตรงกันข้ามที่เชื้อไข้หวัดนกยังคงพัฒนาการกลายพันธุ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว

    ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวต่อว่า ในปีนี้มีการตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกในสัตว์ปีกน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นไก่ เป็ด หรือนกปากห่าง ที่ปกติสามารถตรวจหาเชื้อจากซากจะพบไข้หวัดนกเกือบ 100% แต่ที่น่าแปลกใจ คือ พบการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนกในนกกระจิบ นกกระจอก และนกกะติ๊ดขี้หมู ในเมืองมากขึ้น การป้องกันคือประชาชนทั่วไปต้องระมัดระวังและหมั่นสังเกต หากพบสัตว์ปีกตายเป็นจำนวนมากผิดสังเกต ไม่ควรสัมผัสซากโดยตรง ควรสวมถุงมือป้องกัน และไม่ควรทิ้งซากในที่สาธารณะโดยเฉพาะแหล่งน้ำ เพราะจะยิ่งทำให้การแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น

    “ขณะนี้เรายังไม่ทราบถึงวงจรการเกิดโรคไข้หวัดนกที่ครบทั้งกระบวนการในธรรมชาติ จึงไม่รู้สาเหตุที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้พบว่ามีการกลายพันธุ์ของเชื้อ H5N1 ในระดับไม่รุนแรงมาก โดยประเทศไทยมีผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อจากคนสู่คนแล้ว 1 ราย ที่ จ.พิษณุโลก แต่ยังเป็นการแพร่เชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย และเวียดนามก็มีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในกลุ่มเล็กๆ แล้ว ส่วนการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นของเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิด A สายพันธุ์ H3 ก็มีการกลายพันธุ์เล็กน้อยไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้อาการไข้หวัดใหญ่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต โดยมีจำนวนผิดปกติจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีผู้ป่วยจำนวน 578 ราย เสียชีวิต 12 ราย ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรงจนเสียชีวิต” ศ.นพ.ประเสริฐ กล่าว

    ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวอีกว่า ขณะนี้การพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกยังไม่มีประเทศใดทำสำเร็จ คงอยู่ในระยะการทดลองในคนเท่านั้น ดังนั้น กรมควบคุมโรค มูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมการจัดสัมมนา เรื่องไข้หวัดใหญ่ให้กับแพทย์ บุคลากรสาธารณสุขในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ให้ทราบถึงสถานการณ์ความก้าวหน้า ทางด้านวิชาการ การวินิจฉัย การรักษาพยาบาล การป้องกัน ควบคุมโรคไข้หวัดนก และการจัดเตรียมแผนรับมือการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อบรรเทาความรุนแรงของโรค โดยจะมีการจัดสัมมนาในจุดต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    ด้าน นพ.กิตติ กิตติอำพล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่แล้ว 7,194 ราย เป็นผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ชนิด A สายพันธุ์ H3 จำนวน 578 ราย เสียชีวิต 12 ราย และสายพันธุ์ H1จำนวน 34 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต และเชื้อไข้หวัดใหญ่ ชนิด บี จำนวน 6 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยภายใต้มีผู้ป่วยมากที่สุด รองลงมาเป็นภาคกลาง เหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือตามลำดับ โดยสำนักพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ และ Internation Emerging InFection Program ภายใต้ความร่วมมือระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา ได้ประมาณต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ของการเจ็บป่วยไข้หวัดใหญ่ว่าจะมีความสูญเสียขั้นต่ำ 0.9-2.4 พันล้านบาท และหากเกิดการแพร่ระบาดใหญ่ จะสูญเสียเพิ่มเป็น 5-46 พันล้านบาท

    “ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีโรคระบาดจากสัตว์สู่คนมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เชื้อโรคไข้หวัดมีความรุนแรงมากหากติดต่อจากคนสู่คนได้ จากลูกไก่ ก็จะกลายเป็นพญาอินทรี สธ.จึงผลักดันให้รัฐบาลทำยุทธศาสตร์ควบคุมโรคไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งครม.อนุมัติแล้ว และทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สคช.) อยู่ระหว่างการร่างแผนการดำเนินงาน กำหนดระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี คือ ปี 2551-2553 โดยมีกระทรวงมหาดไทย(มท.) เป็นเจ้าภาพหลัก และมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน” นพ.กิตติ กล่าว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. winny

    winny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +659
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ภาพดาวเทียมชี้ชัดน้ำแข็งขั้วโลกลดต่ำสุดเท่าที่เคยบันทึก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 สิงหาคม 2550 12:54 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>น้ำแข็งในทะเลบริเวณขั้วโลกเหนือลดจำนวนลง 0.03 ล้านตารางไมล์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนนักวิจัยกลัวว่าน้ำแข็งทั้งหมดอาจละลายไปจนไม่เหลือในปี 2573 เร็วกว่าการคาดการณ์แต่เดิมถึง 10 ปี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เมื่อน้ำแข็งขั้วโลกเหนือซึ่งเป็นตัวสะท้อนแสงแดดออกไปนอกโลกได้ละลายไปหมด น้ำทะเลจะทำหน้าที่ดูดซับแสงแดดมากขึ้นจนมีอุณหภูมิสูงอย่างน่าวิตกต่อการเกิดภัยพิบัติ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอพี -ศูนย์ข้อมูลหิมะสหรัฐฯ รายงานผลภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดพบว่า น้ำแข็งขั้วโลกเหนือมีปริมาณลดต่ำลงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมาตั้งแต่ปี 2513- 2523 ที่มีการนำภาพถ่ายดาวเทียมมาใช้สำรวจการเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งแรก

    มาร์ค เซอร์รีซ (Mark Serreze) นักวิจัยอาวุโสจากศูนย์ข้อมูลหิมะและน้ำแข็งแห่งสหรัฐฯ (US Snow and Ice Data Center ) เปิดเผยทันทีหลังพบรายงานฉบับนี้ว่า ปริมาณน้ำแข็งขั้วโลกเหนือได้ลดลงไปเป็นจำนวนมาก จากพื้นที่เฉลี่ย 2.05 ล้านตารางไมล์ในวันที่ 21 ก.ย.2548 เป็นเหลือเพียง 2.02 ล้านตารางไมล์เท่านั้นในการสำรวจเมื่อวันที่ 17 ส.ค.2550 ซึ่งเชื่อว่าในอีกหนึ่งเดือนก่อนจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงนี้ยังจะมีปริมาณน้ำแข็งล ะลายเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยทีเดียว

    บริเวณที่พบว่าน้ำแข็งในท้องทะเลน้อยลงกว่าปกติวาดวงค่อนข้างกว้างทีเดียว ไล่ตั้งแต่ด้านไซบีเรียตะวันออกกินบริเวณไปถึงพื้นที่ด้านข้างๆ ของขั้วโลกเหนือ จรดทะเลโบฟอร์ต (Beaufort) ทางเหนือของรัฐอลาสกา สหรัฐฯ หมู่เกาะต่างๆ ของแคนาดา และชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกที่เชื่อมต่อกับมหาสมุทรอาร์กติกซึ่งไล่ไปจนถึงเมืองโบลเดอร์ (Boulder) มลรัฐโคโลราโด

    ศูนย์ข้อมูลหิมะและน้ำแข็งเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันวิจัยร่วมด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ที่มหาวิทยาลัยโคโลราโด (Cooperative Institute for Research in Environmental Sciences at the University of Colorado) โดยการสนับสนุนขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) และองค์การสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งสหรัฐฯ (NOAA) ตลอดจนถึงมูลนิธิวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ (National Science Foundation)

    "ปกติแล้ว น้ำแข็งจะเป็นตัวสะท้อนแสงอาทิตย์กลับไปได้มากกว่า 80% แต่ในทางกลับกันเมื่อน้ำแข็งละลาย น้ำทะเลก็จะเป็นตัวดูดกลืนแสงอาทิตย์แทน ในจำนวนถึง 90% จนเป็นเหตุให้อุณหภูมิของน้ำทะเลขั้วโลกเหนือสูงขึ้น" เซอร์รีซ กล่าว

    เขายังเสริมด้วยว่า ความผิดปกติยังเกิดแก่ท้องฟ้าที่โปร่งอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ในช่วง มิ.ย.- ก.ค. ทำให้แสงอาทิตย์ส่งผ่านมายังพื้นโลกได้มากขึ้น ขณะที่ลมแรงๆ ก็จะพัดพาอุณหภูมิที่อบอุ่นจากทางใต้มาสมทบอีกแรง

    ส่วนการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมมาสำรวจขั้วโลกถึงผลจากภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่ทำการศึกษามานานแล้ว เนื่องจากจะเป็นบริเวณที่พบความเปลี่ยนแปลงได้เร็วและมากที่สุด ซึ่งจากรายงานนี้ เซอร์รีซ ตั้งสมมติฐานว่า น้ำแข็งขั้วโลกเหนืออาจละลายจนหมดภายในปี 2573 นี้

    อย่างไรก็ดี การออกมาให้ข่าวดังกล่าวถือว่าสวนทางกับแบบจำลองที่ เซอร์รีซี ใช้คอมพิวเตอร์คำนวณไว้ก่อนหน้านี้มากมาย ซึ่งคาดการณ์ว่าน้ำแข็งขั้วโลกเหนือจะละลายหมดในปี 2613-2653 ขณะที่เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน เขาออกมาคาดการณ์เมื่อเห็นภาพถ่ายดาวเทียมว่าน้ำแข็งขั้วโลกเหนือจะหมดไปในปี 2583 ซึ่งกระบวนการทางธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้ทุกเรื่องอย่างแน่นอน

    สิ่งที่ยังเป็นปริศนาคือทำไมอัตราการละลายของน้ำแข็งถึงเร็วไปกว่าที่คอมพิวเตอร์คำนวณไว้ได้ แต่ก็ถือเป็นหลักฐานที่หนักแน่นมากที่ทำให้เราได้เห็นถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นแล้ว ต่อๆ ไป น้ำแข็งที่พบในฤดูหนาวก็จะยังมีอยู่เหมือนเก่า ไม่ได้หนีหายไปไหน ทว่ามันจะละลายเกลี้ยงเมื่อฤดูร้อนมาถึง” เซอร์รีซ ทิ้งท้าย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    จากข้อมูลทั้งหมดที่พวกเราได้พยายาม รวมรวมกันมาผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องหาบทสรุปให้ได้ว่า ภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่กันแน่ โดยพิจารณาจากเหตุและปัจจัยในปัจจุบันเป็นหลัก ไม่ใช่ยึดถือแต่วันเวลาในคำทำนายเพียงอย่างเดียว เพราะถ้ายึดถือวันเวลาในคำทำนายจะหาเวลาที่แน่นอนไม่ได้เลย


    พวกเรามาช่วยกันวิเคราะห์กันจากสภาพที่เป็นจริงในปัจจุบันนี้จะดีกว่า ว่าถ้าภัยธรรมชาติ และภัยสงคราม ที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นๆ เป็นไปอย่างทุกวันนี้จุดจบของมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่


    อีกทั้งขอให้ผู้มีญาณทัศนะรู้เห็นเหตุการณ์ในอนาคต ได้มาเปิดเผยสิ่งที่ตัวเองได้รู้ได้เห็นมา ทั้งผู้ที่รู้ด้วยตัวเองและรับรู้ได้จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้เอาความรู้ของท่านมาประมวลเข้ากับสถาณการณ์ของโลกในปัจจุบันนี้ก็จะหาคำตอบได้ไม่ยากว่า ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากหรือที่เรียกกันว่าโลกมืด 49 วันนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด?


    จากการรวมรวมข้อมูลเรื่องของภัยพิบัติที่ผมได้ติดตามมากว่า 3 ปีนี้ ผมขอสรุปว่าภัยพิบัติใหญ่จะเกิดขึ้นภายในปี พ.ศ.2550-2551 นี้อย่างแน่นอน อีกทั้งได้รับคำยืนยันมาจากผู้สามารถติดต่อสื่อสารในโลกวิญญาณหลายท่านว่า ไม่มีการเลื่อนต่อไปอีกแล้ว ไม่มีการต่อรองใดๆ อีกแล้ว ทุกสิ่งจะต้องดำเนินไปตามกฎแห่งกรรมที่ทุกคนได้กระทำเอาไว้





    ----------------------------------------------------------------------------------------------------

    โดยส่วนตัวผมเอง ผมเชื่อว่าวัฏฏจักรของภัยพิบัตินั้นได้เกิดขึ้นแล้วครับ โดยเริ่มต้นมาเรื่อยๆนับจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลายๆคนเริ่มตระหนักและรู้สึกได้ถึงภัยพิบัติที่กำลังทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ในขณเดียวกันกับที่คนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ ยังไม่รู้สึกรู้สาหรือไม่สนใจ


    หากจะวัดหรือนับเอาเกณฑ์ปัจจัยที่ทุกคนต่างรู้สึกว่าเกิดภัยพิบัติกันจริงๆก็คาดว่าจะมีดังนี้
    -เกิดแผ่นดินไหว ในระดับความรุนแรง 8-9 ริกเตอร์ทุกวัน กระจายไปทั่วโลกโดยเฉพาะแนวขอบเพลทของชิ้นเปลือกโลก
    -การมุดตัวของแผ่นดินที่ทำให้เมืองหรือบางประเทศหายไปจากแผนที่
    -การระเบิดของภูเขาไฟทั่วโลก
    -ความแปรปรวนของอากาศที่ก่อให้เกิดพายุเฮอร์ริเคนพร้อมๆกันหลายๆลูกทั่วโลก
    -เกิดโรคระบาดอย่างรุนแรงที่ทำให้คนตายพร้อมๆกันเป็นจำนวนมาก ระดับล้านคน

    -การยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ออกมาพร้อมๆกันทั่วโลก


    เหตุการณ์เหล่านี้ อาจเกิดอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันก็เป็นได้ (ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า)


    สำหรับช่วงเวลานี้ เป็นช่วงที่ชาวธรรมหลายๆท่านเร่งรัดการปฏิบัติเพิ่มมากขึ้น ได้ทราบมาว่าหลายท่านถูกปลุกขึ้นมานั่งสมาธิกันตอนตีสาม บางท่านก็เร่งรัดการปฏิบัติทั้งการรักษาศีลและการภาวนา รวมทั้งมีเค้ารางในเรื่องอภิญญาใหญ่เพิ่มมากขึ้น


    ในขณะเดียวกันในช่วงนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่หลายๆกลุ่ม หลายๆสาย ขยับตัวจัดเตรียมสถานที่หลบภัยและสถานปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัดเจน ชาวสมาชิกในเวบพลังจิตเองทางสายเชียงใหม่ก็ได้ตระเตรียมสถานที่กันไปหลายแห่งอยู่ ยังมีจุดอื่นๆอีกมาก

    ดังนั้นในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ ทุกท่านควรจะเร่งรัดการปฏิบัติในขณะเดียวกันก็มองหาสถานที่หลบภัยกันเอาไว้ได้แล้วเพื่อความไม่ประมาท

    ส่วนช่วงเวลาในการอพยพนั้น เมื่อ"ใจ"เรารู้สึกว่าไม่อาจอยู่ได้ ก็ได้เวลาแล้ว หรือหากระบบของโลก แคลชดาวน์ลง ไม่ว่าจากกรณีใดนั่นก็ได้เวลาอพยพเช่นกัน

    อย่าได้ตกใจหรือตื่นตระหนก ทุกสิ่งเป็นธรรมดาของโลก เกิดเป็นเช่นนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่รื่องราวใหญ่โตอะไร มองให้เป็นเรื่องธรรมดากันครับ

    สิ่งสำคัญคือการรักษาอารมณ์ใจของเราเอาไว้อย่าได้เศร้าหมองแต่ประการใด ทรงพรหมวิหารสี่ในการช่วยเหลือกัน แบ่งปันกัน สงเคราะห์กันเอาไว้เป็นหลัก

    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    รายละเอียดของมหันตภัยที่จะเกิดขึ้น
    โดย อ.ปริญญา ตันสกุล


    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    สถานที่แห่งแรกในประเทศไทย
    ที่จะได้เผชิญกับลาวาร้อนจากไฟใต้โลก
    จะเกิดขึ้นจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดแรกในภาคอีสาน
    ตามรอยต่อของจังหวัดที่ติดกันเป็นแนวยาว
    เริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นแนวแยกของแผ่นดินคดเคี้ยว
    ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
    ธารโลหะร้อนจะไหลลามแผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้าง
    ข้ามวันข้ามคืนติดต่อกัน
    จากนั้นพายุที่รุนแรงจะนำน้ำมาดับไฟ
    ก่อให้เกิดนำท่วมและโรคร้ายที่จะระบาดอย่างรุนแรง
    จนสุดที่จะเยียวยาได้
    โดยเฉพาะอหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่
    ที่มนุษย์เชื่อว่าได้กำจัดมันจนหมดไปจากโลกนี้แล้ว
    แต่หารู้ไม่ว่ามันกำลังฟักตัว
    และจะมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าตอนที่ถูกมนุษย์ปราบมันไปตอนนั้นเสียอีก
    ซึ่งมันสามารถคร่าชีวิตผู้รับเชื้อได้ในระยะเวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น
    *********************************************​
    ที่มา : การสื่อถ่ายทอดพระโอวาทจากพระบิดาที่อยู่นอกระบบเอกภพ ผ่านทางอาจารย์ปริญญา ตันสกุล ครั้งที่ 76 ในวันที่ 15
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2007
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เชื้อโรคแปลก เชื้อโรคเก่าแก่ ****

    ดินแดน...ที่ชีวิตบนโลก ถูกคุกคาม ด้วยโรคประหลาด โรคโบราณ
    คือ ดินแดน.. ที่เปลือกโลก เริ่มแตกร้าว
    เชื้อโรค...สิ่งมีชีวิตเก่าแก่ ...ที่ถูกสาปไว้ในหิน จะผลุดขึ้นมาได้
    ให้สังเกตุ...พื้นที่พบโรค....กับ พื้นที่แผ่นดินไหว แตก แยก ยุบ
    เชื้อโรค...คือ กรรม
    กรรม...กำลังมา
    เปลือกโลกขยับหนักขึ้น... ก็จะเกิดขึ้นตาม
    เพราะ คือ กรรม เช่นกัน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    <table class="mxtable" align="center" bgcolor="#ffffff" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td height="120" valign="top">
    ‘ภูเขาไฟ’ ภัยพิบัติใกล้ตัว...กว่าที่คิด !!

    เรื่อง : กุลนรี สวพนังกุล

    7.4 หมื่นปีก่อน ภูเขาไฟโทบา บนเกาะสุมาตรา ก่อให้เกิดเศษหินและขี้เถ้าขนาดยักษ์แผ่ปกคลุมโลกและบดบังดวงอาทิตย์ จนอาจทำให้เกิดยุคน้ำแข็งยุคใหม่
    1.6 พันปีก่อนคริสตกาล ภูเขาไฟเธรา ประเทศกรีซ ส่งผลให้เกิดการล่มสลายของอารยธรรมแห่งอาณาจักรมิโนอัน

    ปี 1815 ภูเขาไฟแทมโบโล ในประเทศอินโดนีเซีย ทำให้โลกในปีนั้นไม่มีฤดูร้อน เกิดหิมะตกที่นิวอิงแลนด์ในเดือน มิ.ย. ยุโรปและรัสเซียอยู่ในสภาพอดอยาก
    ปี 1883 แรงระเบิดของภูเขาไฟบนเกาะการากาตัวดังกึกก้องไปไกล 3 พันไมล์ เกิดคลื่นสึนามิสูงถึง 100 ฟุต และประชากรเสียชีวิตไปกว่า 3.5 หมื่นราย

    ตูมมมมมม!! ไม่มีการเตือนล่วงหน้า ไม่มีความปรานีใดๆ ในบรรดาภัยพิบัติธรรมชาติ “ภูเขาไฟ” ได้ชื่อว่าร้ายแรงที่สุด พลังของมันสังหารชีวิตนับหมื่นนับแสนภายในพริบตา ทำลายเมืองต่างๆ จนพังราบ แม้แต่อารยธรรมก็มลายหายสูญไปด้วย

    ขณะที่มนุษย์อาศัยอยู่บนโลกอันสวยงามใบนี้ มนุษย์ยังอาศัยอยู่ในดวงดาวแห่งภูเขาไฟ ซึ่งระยะ 2 พันไมล์ ลึกลงไปข้างใต้ตรงกลางโลกมีแก่นที่กำลังเดือดพล่าน หินละลายที่กำลังร้อนจัดหรือแมกมา ซึ่งหลอมละลายด้วยอุณหภูมิ 2.2 พันองศาฟาเรนไฮต์ พุ่งทะลักออกมาด้วยแรงอัดแน่นที่อยู่ข้างใน และซึมแทรกตรงกลางระหว่างรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก (ผิวโลกประกอบด้วยแผ่นจิ๊กซอว์ที่เป็นแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่จำนวน 7 แผ่น)

    เมื่อแมกมาระเบิดพุ่งออกมาตรงรอยแตกของเปลือกโลก ภูเขาไฟจึงได้กำเนิดขึ้น !!

    ในแต่ละปีมี 1 ในจำนวนภูเขาไฟที่ยังคงปะทุทั่วโลกราว 500 ลูก ตื่นจากการหลับใหลกว่า 50 ครั้ง มี 250 เมือง ประชากรจำนวน 500 ล้านคน อาศัยอยู่ในรัศมีการระเบิดของภูเขาไฟ และในทุก 2-3 พันปี โลกใบนี้จะเกิดภูเขาไฟระเบิดในระดับสร้างหายนะให้กับมนุษย์และที่อยู่อาศัย

    *ภูเขาไฟ...เมืองไทยเราก็มี

    สำหรับเมืองไทยเราเมื่อกางแผนที่ออกดูก็พบว่ามีภูเขาไฟอยู่หลายลูก...แต่ล้วนดับสนิทแล้วทั้งสิ้น อาจจะหลงเหลือพิษสงอยู่บ้างก็แค่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวที่ไม่รุนแรงเท่าใดนัก อาทิ จ.บุรีรัมย์ ได้แก่ ภูเขาไฟหินพนมรุ้ง ภูเขาไฟหินหลุบ ภูเขาไฟภูอังคาร ภูเขาไฟกระโดง ภูเขาไฟไบรบัด ภูเขาไฟคอก จ.ลำปาง ได้แก่ ภูเขาไฟดอยผาดอกจำปาแดด ภูเขาไฟดอยหินคอกผาฟู

    วรวุฒิ ตันติวนิช ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณีภูเขาไฟของไทย ให้อรรถาธิบายว่า ภูเขาไฟในประเทศไทยเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว ส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 7 แสนปี อยู่ในพื้นที่แถบอีสานใต้ ซึ่งเกิดจากเปลือกโลกของประเทศไทยในบริเวณนั้นมีรอยแตกและลาวาจากข้างใต้ไหลขึ้นมา

    การที่ภูเขาไฟในเมืองไทยมีรูปร่างเตี้ยและไม่ใหญ่โตเหมือนภูเขาไฟในต่างประเทศ เนื่องจากเป็นภูเขาไฟต่างชนิดกัน โดยภูเขาไฟในเมืองไทยส่วนใหญ่เป็นแบบโล่ (Shield Volcano) ที่มีคุณสมบัติของลาวาไหลง่าย เมื่อเกิดระเบิดจึงไม่รุนแรงเท่ากับภูเขาไฟแบบกรวยสูง (Steep Cone) ที่มีคุณสมบัติของลาวาไหลหนืด เช่น ภูเขาไฟโทบา ประเทศอินโดนีเซีย ภูเขาไฟเธรา ประเทศกรีซ เนื่องจากลาวาที่หนืด ไหลช้า จะมีการขวางตัวกัน และสะสมแรงดันเอาไว้ทำให้ระเบิดรุนแรง สร้างความสูญเสียให้ชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก

    อย่างไรก็ดี หลายคนเชื่อว่าธารลาวาเป็นอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดของภูเขาไฟ แต่ความจริงแล้วน้อยครั้งนักที่ลาวาจะทำลายชีวิตคนถึงตาย เพราะปกติแล้วมันจะไหลช้า ใครที่บังเอิญอยู่ใกล้มันเพียงแค่เดินหนีให้พ้นก็ปลอดภัยแล้ว การเสียชีวิตของผู้คนในเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดส่วนใหญ่จึงมาจากการที่ภูเขาไปพ่นหมอกควันของเศษธุลีหินร้อนที่มีน้ำหนักมาก หรือ Pyroclastic flows ออกมาทับผู้คนและบ้านเรือนต่างหาก

    “ไพโรคลาสติกนี่แหละที่ฝังเมืองปอมเปอีไว้จนประชาชนเสียชีวิตจากธุลีภูเขาไฟที่หล่นทับและขาดอากาศหายใจเนื่องจากฝุ่นผงมากถึง 1.6 หมื่นคน” วรวุฒิ เล่า

    *ภัยจากเพื่อนบ้านกระเทือนถึงไทย

    เนื่องเพราะภูเขาไฟในบ้านเราเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรมที่รุนแรงในอนาคตข้างหน้า กระนั้นการระเบิดของภูเขาไฟในประเทศใกล้เคียงอื่นๆ ก็สามารถส่งผลกระทบต่อประเทศไทยได้ไม่น้อย โดยแนวภูเขาไฟที่น่าจะส่งผลกระทบต่อไทยหากเกิดการระเบิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ แนวพม่า-หมู่เกาะอันดามันนิโคบา (ด้านทิศตะวันตก) แนวตอนใต้ของประเทศอินโดนีเซีย (ด้านทิศใต้) และแนวประเทศฟิลิปปินส์ (ด้านทิศตะวันออก)

    วรวุฒิ กล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะปลอดภัยจากการเกิดระเบิดขนาดใหญ่ของภูเขาไฟ แต่จากการที่เปลือกโลกไม่ได้เชื่อมเป็นแผ่นเดียวกัน รอยแยกของเปลือกโลกที่อยู่รอบๆ ประเทศ อาทิ รอยแยกในหมู่เกาะสุมาตราจากตอนใต้ของไทยขึ้นไปถึงพม่า หรือรอยแยกบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ ล้วนสามารถทำให้เกิดภูเขาไฟระเบิดและเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงกระทบมาถึงประเทศไทยได้

    ขณะที่ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เสริมว่า หลังจากเกิดแผ่นดินไหว 9.3 ริกเตอร์ ที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 สถิติการเกิดแผ่นดินไหวตามรอยเลื่อนต่างๆ ในประเทศไทยก็เพิ่มมากขึ้นและรุนแรงขึ้น อาทิ ภาคเหนือเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เกิน 4 ริกเตอร์ ติดต่อกันบ่อยขึ้น จากที่ผ่านมาไม่ค่อยมีเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เป็นห่วงมากในขณะนี้

    นอกจากแผ่นดินไหวแล้ว ภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิยังเป็นอีกผลกระทบที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟในประเทศใกล้เคียง ซึ่ง ดร.สมิทธ กล่าวว่า ภูเขาไฟที่อาจจะเกิดระเบิดในอนาคตและทำให้เกิดคลื่นสึนามิกระทบมาถึงประเทศไทย ที่น่าเป็นห่วงได้แก่ การระเบิดของภูเขาไฟในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะภูเขาไฟฟินาตูโบ ซึ่งเคยเกิดการระเบิดขึ้นหลายครั้งในอดีต และมีวัฏจักรในการระเบิดประมาณทุก 30-50 ปี

    *ระวัง !! ภูเขาดินใต้ทะเลถล่ม

    ดร.สมิทธ เล่าว่า เมื่อไม่นานมานี้นักสำรวจชาวรัสเซียได้พบภูเขาดินบริเวณหมู่เกาะอันดามันนิโคบา ในคาบมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเกิดจากการทับถมของดินตะกอนแม่น้ำสายต่างๆ ในประเทศอินเดีย บังกลาเทศ พม่า และไทย มาสะสมอยู่ก่อให้เกิดเป็นภูเขาดินสูง 5-7 กิโลเมตร ฐานกว้าง 10-13 กิโลเมตร หลายลูก ห่างจากประเทศไทยประมาณ 300 กิโลเมตร ซึ่งภูเขาดินที่พบในบริเวณดังกล่าวหากได้รับแรงสั่นสะเทือนเพียงไม่ถึง 7 ริกเตอร์ อาจเกิดถล่มลงมาและทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิซัดเข้าสู่ชายฝั่งอันดามันของไทยโดยไม่รู้ตัว เมื่อถึงเวลานั้นทุ่นเตือนภัยที่ติดตั้งไว้ในเขตมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากหมู่เกาะดังกล่าวอาจส่งสัญญาณเตือนไม่ทัน และอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนในบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันได้

    “หากเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กประมาณ 4-5 ริกเตอร์ ก็อาจมีผลทำให้ภูเขาดินที่ไม่มีความยึดเหนี่ยวติดกันมากนัก เกิดการสลายตัวเป็น Land Slide ใต้ผิวน้ำ ทำให้เกิดคลื่นสึนามิมากระทบฝั่งไทยโดยไม่รู้ตัวได้” ดร.สมิทธ กล่าว

    ประธานอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ บอกว่า ทางศูนย์ฯ ได้เสนอเรื่องของบประมาณ 100 ล้านบาท ซื้อทุ่นเตือนภัยสำหรับติดตั้งบริเวณฝั่งทะเลอันดามันเพิ่มจำนวน 2 ทุ่น เพื่อเตือนภัยให้ประชาชนแถบชายฝั่งอันดามันอพยพได้ทันหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้น หรืออย่างน้อยก็สามารถเตือนให้รู้ล่วงหน้าก่อนที่คลื่นจะเคลื่อนตัวเข้ามาถึงได้ประมาณ 30 นาที แต่จนขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

    เมื่อมนุษย์ไม่สามารถห้ามความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นจากภัยพิบัติธรรมชาติได้ สิ่งที่เราต้องทำคือเรียนรู้ที่จะเผชิญและป้องกันตัวเองอย่างเท่าทันที่สุดเท่าที่จะทำได้
    (คอลัมน์:แมกกาซีน)


    [​IMG]คลิกรูปเพื่อขยาย​

    </td><td rowspan="3" width="18"> </td></tr><tr><td align="right">โพสต์ทูเดย์ [​IMG] </td></tr><tr><td align="right">21 ส.ค. 2550 </td></tr></tbody></table>
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ปฏิหาริย์จะเกิด ...สุวรรณภูมิ ****

    เมื่อ...คนไทยมี "สัจจะ"...
    กรรมมา ...จะผ่านพ้นไปในทางที่ดี
    เพราะ...ผลการกระทำจากสัจจะ คือ กรรมเที่ยง
    จะส่งผลให้รอดพ้นกรรมได้อย่างปฏิหาริย์

    -" หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำท่วมเขตอิรวดีพม่าหลายหมื่นคนบ้านแตก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 สิงหาคม 2550 14:02 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ผู้ประสบภัยในหมู่บ้านอะท๊ก (Athok) ของพม่าต้องอาศัยอยู่ในกระท่อมชั่วคราว เพื่อหลบภัยจากน้ำท่วมแถบที่ราบปากแม่น้ำอิรวดี (Ayeyarwaddy) (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ชาวบ้านที่อยู่อาศัยบริเวณที่ราบปากแม่น้ำอิรวดี (Ayeyarwaddy) หลายแสนคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย หลังจากมีฝนตกลงมาหนักกว่าปกติ ทำให้เกิดน้ำท่วมในเขตพื้นที่ราบต่ำแห่งนี้

    สื่อทางการพม่าไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมดังกล่าวมากนัก แต่เจ้าหน้าที่และชาวบ้านในท้องถิ่นกล่าวว่า หมู่บ้านอย่างน้อย 18 แห่งต้องจมอยู่ใต้น้ำ และบ้านเรือนอีกกว่า 10,000 หลังได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม

    โรงเรียน 8 แห่งต้องปิดการเรียนการสอน ขณะที่นาข้าวเนื้อที่ประมาณ 40 เอเคอร์ถูกทำลาย เจ้าหน้าที่กรมการเกษตรพม่ากล่าว

    ในหมู่บ้านอะท๊ก (Athok) ห่างจากกรุงย่างกุ้งไปทางตะวันตก 160 กม. ชาวบ้านต้องอาศัยอยู่บนนั่งร้านไม้ไผ่ซึ่งสร้างไว้เหนือน้ำในบริเวณใกล้ๆ บ้าน

    "พื้นที่ทั้งหมู่บ้านมีน้ำท่วมตลอดทั้งสัปดาห์ หมู่บ้านใกล้เคียงก็ถูกน้ำท่วมด้วยเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ที่หมู่บ้านคนหนึ่งกล่าวกับสำนักข่าวเอแอฟพี โดยไม่อาจเปิดเผยนาม เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์กับสื่อ

    "เจ้าหน้าที่หมู่บ้านกำลังแจกจ่ายข้าวซึ่งได้รับบริจาคจากนักธุรกิจท้องถิ่นให้แก่ผู้ประสบภัย" เขากล่าว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=333 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=333>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ชาวบ้านขนข้าวของเดินลุยน้ำท่วม ย้ายไปอยู่ในที่ปลอดภัย (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ไม่มีเจ้าหน้าที่ทางการหรือเจ้าหน้าที่กาชาดปรากฏให้เห็นในพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด ชาวบ้านจำนวนมากจึงต้องช่วยเหลือตนเอง

    บางคนต้องสร้างเต็นท์นอนตามริมถนน ขณะที่อีกหลายครอบครัวต้องหลบเข้าไปพักพิงในสถานีรถไฟของหมู่บ้าน สนามฟุตบอล และวัดต่างๆ

    "พวกเราไม่มีเงินพอที่จะสร้างนั่งร้านหลบภัยในบ้าน จึงต้องย้ายเข้ามาอยู่ในสถานีรถไฟ" นายอาเย มี้นต์ (Aye Myint) คนงานในไร่วัย 48 ปี ซึ่งใช้สถานีรถไฟเป็นที่พักชั่วคราวกล่าว

    "ผมทำงานหาเงินไม่ได้เลย เนื่องจากน้ำท่วม และต้องใช้เวลาในแต่ละวันโดยไม่ได้กินอะไรเลย ทั้งยังต้องเดินลุยน้ำจนมาถึงที่นี่"

    "พวกเรากังวลว่าไม่อาจหาข้าวกิน แต่สามารถหาเกลือกับพริกได้ และจับปลาในน้ำมากินได้เช่นกัน" นายมี้นต์กล่าว.

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ระดับน้ำท่วมสูงจนแม่ค้า 2 คนต้องพายเรือขายอาหาร แต่ไร้เงาชาวบ้านผู้อยู่อาศัย (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ชาวบ้านบางคนตั้งแผงขายของอยู่เหนือน้ำ (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>เด็กหลายคนเข้าไปหลบภัยอยู่บนที่นั่งในสนามกีฬาของหมู่บ้าน (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=321 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=321>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>คุณยายและหลานนั่งรอความช่วยเหลือจากทางการพม่า (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9500000098277</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ขอบคุณครับที่หามาให้
    ดูไปแล้วก็นึกถึงเรื่องฝนกรดที่นิคมอุตสาหกรรมระยองจัง

    แต่เดี๋ยวนี้สภาพสิ่งแวดล้อมของจีนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะว่าจีนนั้นไม่ค่อยดูแลสิ่งแวดล้อมกันเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีการควบคุมมลพิษจากโรงงาน ทั้งอากาศทั้งน้ำเลยพลอยเสียไปหมด
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ยังพบไม่หมด ไม่ถึงที่สุด ****

    ทุกวันนี้...นักวิทยาศาสตร์ พบว่า ....พลังงานไม่มีวันสูญสลาย
    แต่ ... นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่พบว่า....ทุกการกระทำ สร้างพลังงานขึ้นมา
    โลกุตตระ (พระไตรปิฎก) เรียกว่า..."ตัวกระทำ"

    ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้า...ก็เรียก "ตัวกระทำ" เช่นกัน...แต่ขาดการบันทึกไว้
    "หลักสัจจะธรรม" ที่พระพุทธเจ้า ทรงค้นพบ โดยตรัสสรุปไว้สั้นๆ คือ...
    ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...