ผลของการภาวนา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Tboon, 1 กันยายน 2012.

  1. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ผลของการภาวนา


    ถ้าภาวนาได้ผลจริง ๆ เรื่องที่จะไปเยาะเย้ยถากถางผู้อื่นนี่เขาไม่ทำกัน เพราะใจมันมีเมตตากรุณาเป็นพื้นฐานอยู่ หากมีอะไรเขาก็พูดก็เตือนกันตรง ๆ ตรงไปตรงมา เปิดเผย ไม่ด่าใครเรื่อยเปื่อยไม่มีเหตุผล หรือด่าเพื่อยกตน เพราะมันเป็นการสั่งสมอัตตา เป็นเรื่องน่ารังเกียจ ก็เลยไม่มีใครเขาทำกัน

    และเขาไม่ตั้งแก๊งค์กลุ่มก้อนเพื่อไว้คอยติฉินนินทา ตั้งแง่รังเกียจเดียดฉัันท์ จับผิดกัน นี่เขาก็ไม่ทำกัน เพราะนอกจากจะไม่มีอะไรดีขึ้นมาแล้ว ตรงกันข้าม การชวนกันไปทะเลาะ เยาะเย้ย นั่นเป็นการเพิ่มความพยาบาท เกลียดชัง อย่างนั้นมันเท่ากับเป็นการพอกพูนอกุศล ทำให้จิตเศร้าหมอง ถ้าใครยังมีเรื่องอย่างนั้นอยู่ แสดงว่าจิตเรายังหยาบ ยังง่อนแง่นอยู่มาก โอกาสตกนรกยังมีอยู่สูง ท่านยังไม่พ้นนรกแน่นอน จึงควรเร่งฝึกฝนตนเองเสียโดยไว อย่าหลงพอกพูนอกุศลอยู่เลย การพอกพูนอกุศลในใจ สนุกต่อการชวนพวกพ้องติฉินนินทานั้น ถือเป็นการปฏิบัติอันไม่สมควร ไม่มีในหมู่ผู้ประพฤติชอบ ผิดคำสอนของพระศาสดา

    สัมมาวายามะ คืออะไร การทำความเพียรชอบ เพียรชอบมีอะไรบ้าง ปธาน ๔ ข้อนี้เราเอามาตรวจสอบตัวเองบ่อย ๆ ได้ แต่ธรรมดา พอจิตกระเพื่อมไปในทางอกุศล ยังจิตใจให้ตกต่ำนี่เขาไม่เอาเลย สลัดทิ้งทันที

    ธรรมดาของคนที่มีคุณธรรมในหัวใจ เขาพร้อมที่จะให้อภัยเสมอ ไม่ถือสา ปล่อยวางได้ง่าย ไม่โกรธนาน หรือไม่มองโลกในแง่ร้าย ต่อให้เขาร้ายมาก็เมตตา ให้อภัยได้ ไม่คิดจองเวร เข่นฆ่ากัน เพราะอะไร เพราะจิตเขาถึงความปกติอยู่ บ่อย เขาเห็นความไม่จีรังยั่งยืนของอารมณ์ เห็นความเป็นของชั่วคราว เป็นธรรมดา เกิด ๆ ดับ ๆ มีแต่ความโง่หรืออวิชชาเท่านั้นที่พาให้หลงไป ดังนั้น เขาจึงปล่อยวางได้ง่าย

    ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง และถือว่ามีความสำคัญมาก คือ การรู้จักตัวตนแห่งตนเองเป็นอย่างไร ผู้รู้ทั้งหลาย ปัญญาที่ได้ เป็นของใช้ชั่วคราว ไม่จีรังยั่งยืน ตัวผู้คิดผู้ปรุงปัญญาทั้งปวงก็เป็นของไม่ยั่งยืน มีเกิดมีดับเหมือนกันหมด โลกนี้จึงไม่มีอะไรที่ไม่เกิดไม่ดับ มันเกิดดับทั้งหมดเป็นธรรมดาตั้งแต่ตัวเรานั่นแหละเป็นต้นไป ไม่พ้นกฏของพระไตรลักษณ์ไปได้ เมื่อรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วจะเอาอะไรไปยึดถืออีกได้เล่า ในเมื่อตัวตนแห่งตัวเองก็ยังไม่เที่ยง ไม่มีตัวตนจริง ๆ จัง ๆ เลย ก็มีแต่ความโง่ (อวิชชา) เท่านั้นแหละที่พาให้หลงไปได้ เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ผู้่ตั้งใจภาวนาก็มีแต่จะเดินหน้าทำความเพียร ละกิเลส ตัณหา มานะ อุปาทาน อวิชชา ออกไปจากจิตจากใจให้หมดโดยไวเท่านั้นเอง

    ลองตรวจสอบผลการภาวนาของเราดูนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2012
  2. uิwwิnา

    uิwwิnา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +146
    อนุโมทนาครับ

    ศีลในขั้นละเอียด ยังผลให้ถึงความบริสุทธิ์แห่งใจ ต่อความพากเพียรในสมาธิ และปัญญา

    เมล็ดพันธุ์จะแทงรากได้ดี ก็ต้องกลบหน้าดิน ด้วยศีล

    และจะเจริญงอกงามได้ ก็ต้องมีความชุ่มชื้น คือ ธรรม เป็นต้น ติดดอก ออกผล ให้ร่มเงาเก็บเกี่ยวต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กันยายน 2012
  3. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนิจจัง(อนาคต) ทุกข์ขัง(ปัจจุบัน) อนัตตา(อดีต) หากคบคิดตามนี้จะเห็นว่าทุกข์เป็นปัจจุบัน

    เมื่อเห้นทุกข์นั้นเกิดในปัจจุบัน ควรหาเหตุที่เกิดขึ้นว่าเกิดขึ้นเพราะเหตุใด ดับเหตุเสียแต่ยังไม่เกิดขึ้น

    ความเป็นทุกข์ก็ลดน้อยลงไปเรื่อย อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน กำหนดกฎเกรณ์อะไรไม่ได้

    ส่วนอดีตก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้แล้ว เพราะได้ผ่านไปแล้ว จับต้องก็ไม่ได้ เหลือแต่ความทรงจำเท่านั้น

    ชีวิตตั้งแต่เกิดจนกว่าจะหมดลมหายใจ ใช้ระยะเวลาหลายสิบปี บางคนถึงร้อยปี ผ่านไปจากรุ่นสู่รุ่น

    สร้างความเป็นทุกข์ให้ตนเองที่คอยนึกเรื่องในอดีต หรือ นึกเรื่องในอนาคต ทั้งที่ไม่แน่นอน หาตัวตนก็ไม่ได้

    อนุโมทนา จขกท ครับ

    สาธุครับ
     
  4. bankbankbank

    bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +885
    คุณมากล่าวอะไรของคุณ ครับเนี่ย...อนิจจัง คือ อนาคต..ทุกขังคือ ปัจจุบัน...อนัตตา คือ อดีต....

    คุณ จะ บอกอะไรเนี่ย...
    คุณคิดๆๆ อะไรของคุณ...มัน เพี้ยนจน จับต้นชนปลายไม่ถูก
    หาก ไม่มีหลัก ไม่มีเกณฑ์ ไร้เหหตุ และผลรองรับ ผม ว่านั่งเฉยๆ ดีกว่ามั้ย..คนที่ยังเรียนรู้ไม่ถึง ธรรม มาอ่านเข้า เขา หลงทางแน่ๆ

    คุณ ธิเดช...หาก จะแสดงอะไร โปรด ชี้ตัวตนไปด้วยเลยว่า ตัวคุณ ไม่ใช่ ชาว พุทธ...

    จะขอบพระคุณ อย่างยิ่ง...คุณ กำลัง ทำลายคำสอน ของพระพุทธเจ้า ครับ...
     
  5. bankbankbank

    bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +885
    คุณ ธิเดช มา ทางนี้หน่อย..นะ

    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา....

    คือ ไตรลักษณ์...หรือ แปลว่า ลักษณะ 3 อย่าง..ที่ เป้น เรื่อง ปกติ..ทั่วไป ของ ธรรมมะ..ของโลก..หรือ ชื่อเรียกอีกอย่างว่า...สามัญลักษณะ....

    3 สิ่งนี้ เป็น สิ่ง ที่ ปุถุชน มองข้ามไป..ด้วยความ ไม่รู้...ด้วย ความ ที่ จิต ไม่รู้ เรื่อง 3 อย่างนี้..จึงทำให้ คนเรา ทุกข์ๆ สุขๆ.แบบ คิดเอาเอง..และ สุดท้าย พอ ชีวิต หมดหนทางสู้ ทางโลก แล้ว...ก็ จะทุกข์ แสนสาหัส..นอนจม กับความทุกข์..ในวัน ที่ หมดแรงสู้...กับโลก

    การ ที่ คนเราต้องมา ปฏิบัติธรรม นั้น..เพื่อ ให้ใจ คนเรา..สามารถ เห็น หรือ เข้า ถึง เจ้า สามัญลักษณะ ทั้ง 3 นี้..ให้ ได้ ..ให้ ใจเห็น เจ้า 3 อย่างนี้ให้ได้...ให้ ใจ ยอมรับเจ้า 3 อย่างนี้ให้ได้...และหาก ใจยอมรับ เจ้่า 3 อย่างนี้ เมื่อไร..คนๆ นั้น จะไม่มีวันทุกข์ เลย แม้ จะต้อง นอนรอ ความตาย หรือ นอน แบบ ช่วยเหลือ ตัวเองไม่ได้..แบบ คน ที่ นอนเป็นอัมพาต คน ที่พิการ หลายๆอย่าง..ที่หมด อนาคต ทางโลก นอนรอวันตาย..จะ ไม่ทุกข์ใจเลย หาก ใจเขา ยอมรับ ไตรลักษณ์ ได้แล้ว

    คุณ ธิเดช ครับ...ขอร้องครับ..หาก คุณ ไม่ รู้เรื่อง อะไรๆ ที่เป็นศัพท์ ทาง พุทธศาสนา อย่า มาแสดง ด้วยความคิด ของคุณเอง เลย..คุณ กำลัง ทำลายคำสอนพระพุทธศาสนาอยู่ครับ..หรือไม่คุณ ก็ ประกาศไป เลยว่า คุณ ไม่ใช่ ชาวพุทธ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2012
  6. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    สิ่งที่ยกมา เพราะเราเพ่งออกข้างนอก เรามองถึงความละเอียดได้ขนาดนี้
    แล้วตัวเราล่ะ เรามองได้ละเอียดเหมือนที่เรามองผู้อื่นไหม
     
  7. bankbankbank

    bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +885
    คุณ ธิเดช...มาทางนี้หน่อยนะ....


    อนิจจัง แปลว่า ไม่เที่ยง ไม่แน่ ไม่นอน
    ทุกขัง แปลว่า สิ่งที่ทนได้ยาก ทั้งทางกาย และทางใจ
    อนัตตา แปลว่า สิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน ไม่อาจบังคับบัญชาได้

    คุณ ธิเดช เอาไป เปรียบเป็น ทุกข์ว่าเกิด ในปัจจุบัน.ถูก ครับ
    อนิจจัง ล่ะ ก็เกิด ในปัจจุบัน เหมือนกัน มันเกิดตลอด เวลาครับ
    อนัตตา ก็ เกิด ในปัจจุบันครับ..เพราะ มันตั้งอยู่ ใน รูป และนาม อยู่แล้ว

    ผม อ่าน ความเห็นของคุณ ผมรู้เลยว่า คุณ คิด แบบมั่วๆ คิดเอาเอง...อย่าง ที่คุณ กล่าวว่า ทุกขัง คือ เกิด ในปัจจุบัน และควรหาเหตุแห่งทุกข์ นั้น และ ดับเหตุแห่งทุกข์นั้นเพราะ คุณ เอา การ คิดเริ่ม ที่ ทุกข์มาตั้งไว้เป็น ตัว แรก เลยมองว่า ทุกข์ คือ ปัจจุบัน....

    แล้วคุณ ก็ กล่าวต่อไปว่า อนาคต เป็นสิ่ง ไม่แน่นอน.....เพราะ คุณ คิดเอาเองว่า อนิจจัง แปลว่า ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน..แล้ว ก้ ยกคำว่า อนาคต คือ ตัวไม่แน่นอน...เลยจับยัด คำว่า อนาคต ให้เป็น คำว่า อนิจจัง....

    แล้วคุณ ก็ กล่าวว่า อดีต เป็น สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไปแก้ไขอะไร ไม่ได้แล้วจับต้อง ไม่ได้ เหลือ แต่ความทรงจำ.เท่านั้น..คุณ เลย มั่วคิดไปว่า..อดีต คือ อนัตตา..ที่แปลว่า ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน...บังคับไม่ได้

    คุณ เป็นไรมาก มั้ยเนี่ย...คุณ ธิเดช....
    คุณ ไป คน ศาสนาอื่นเหอะ...ตรรกกะ ที่คุณ ยกมา เนี่ย...คุณ กำลัง เอาขวาน จาม คำสอน พุทธศาสนา เต็มๆ เลย...จะเพี้ยนไปถึงไหนครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2012
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ที่ผมกล่าวนั้นไม่จริงตรงไหนครับ ไม่มีเหตุ-ผลตรงไหนครับ เห็นจริงในชีวิตประจำวันไหมครับ

    ผมกล่าวแต่สิ่งที่สัมผัสได้จริงในชีวิตประจำวันครับ ตราบเมื่อเห็นทุกข์อย่างชัดเจนย่อมเห็นเหตุแห่งทุกข์นั้น

    มุ่นมั่นสนใจแต่ในปัจจุบัน ไม่สนใจทั้งอดีต อนาคต เพราะไม่แน่นอน จับต้องไม่ได้

    โพสเสร็จก็แก้ไข บางครั้งแก้ไขแล้ว ก็แก้ไขอีก แค่ความไม่แน่นอนของคุณก็ไม่ต่างจากข้อความที่โพสครับ

    รู้ไหมครับว่าบ่งบอกอะไรในการแก้ไข การนึกคิดที่ไม่คงที่ครับ ปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา

    ไม่พอใจในการโพสของผม คอยตามอ่านข้อความที่ผมโพส แค่สองสิ่งนี้บ่งบอกถึงจิตใจที่ไม่ปกติครับ

    เพ่งเล็งด้วยความสนใจ ด้วยความมุ่งมั่น ด้วยอารมณ์ที่เคลือบแคลง ขุ่นมัว ขัดข้อง ไม่พอใจ

    เหนื่อยบ้างไหมครับ วุ่นวายหรือเปล่าครับ อ่านไม่เข้าใจในการเปรียบเปรยด้วยจิตใจที่มีอคติ

    แค่เพียงเท่านี้ชีวิตคุณเป็นทุกข์ยังไม่พออีกหรือครับ ถึงได้แสวงหาความเป็นทุกข์เพิ่มเติมให้ตัวคุณเอง

    สาธุครับ
     
  9. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    คุณโอ๊ตว่า ปัจจุบันคือทุกขัง แล้วปัจจุบัน คุณโอ๊ตเห็นว่าเป็นคุณโอ๊ตหรือไม่
    มีคน มีสัตว์ มีบุคคลหรือไม่ สามารถบังคับปัจจุบันขณะได้ดั่งใจหรือไม่
     
  10. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ผมว่า การเข้าไปเห็น ไตรลักษณ์นั้น ก็เป็นเรื่องของจิต
    ในปัจจุบันขณะนั้นๆ เขาจะแจ้งถึงลักษณะดังกล่าวให้เห็น
    ผมเองก็ยังศึกษาภาษาธรรมมาน้อยก็ยังไม่อาจอธิบายรายละเอียดในญาณได้
    หากแต่เริ่มที่ การเห็นรูป นาม ตามความเป็นจริง ครับ
     
  11. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    กว่าจะเห็นได้ดั่งที่คุณนำมากล่าวตามตำรา จำเป็นไหมที่ต้องเห็นทั้งหมดเสียก่อน

    หากไม่เห็นจะกล่าวได้ไหมตามที่มีกล่าวไว้ในตำรา หากไม่มีตัวตนแล้วกรรมที่กระทำยังตามส่งผลอยู่

    แม้แต่สัตว์ก็เป็นผลของกรรม เพราะเหตุใด จะจับหนูก็ต้องรู้ว่ารูหนูอยู่ที่ไหน คุณรู้ไหมครับ

    เพราะมีตัวตนใช่ไหมถึงยังต้องเกิดมาชดใช้กรรม ไม่ว่าจะกรรมดี กรรมชั่ว

    ผู้ที่ไม่มีตัวตนแล้ว มีแสดงเอาไว้ครับ "กรรมนั้นมีแต่ไม่มีผู้รับกรรม" คงเคยได้ยินใช่ไหมครับ

    หากยังไม่เข้าใจ คงไม่ต้องอธิบายต่อครับ เพราะเมื่อไม่เข้าใจอธิบายไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดีครับ

    สาธุครับ
     
  12. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    วางทุกอย่างที่รับรู้มา แล้วมองสภาพตามความเป็นจริง ที่มีเหตุ-ผล

    โดยไม่เพิ่มเติม ไม่ปรุงแต่ง ไม่นึกคิด จะเห็นหลายอย่างที่เกิดขึ้นครับ

    สาธุครับ
     
  13. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    สภาวะธรรมสามารถตรวจสอบกันได้
    ในการเจริญสติ ที่เริ่มด้วยสัญญานั้น ก็เป็นการเริ่มให้รู้จักการหยุดนิ่ง การตั้งมั่น
    หรือที่ว่าให้รู้จัก สติ และ สัมปชัญญะ รู้ตัวทั่วพร้อม ตรงนี้ก็เป็นการเจริญสติปัฏฐาน 4 เพื่อให้ทัน หรือสามารถเห็น กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ได้ ธรรมมะที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบและได้รับการบันทึกไว้ เมื่อนำมาปฏิบัติและทวนสอบก็จะสามารถเห็น รู้ ตามความจริงได้ครับ
     
  14. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ทีนี้มาพินาคำกล่าวที่ว่าไม่เพิ่มเติม ไม่ปรุงแต่ง ไม่นึกคิด ตรงนี้ หากคำกล่าวที่ว่า มองสถาพตามความเป็นจริง ที่มีเหตุ-ผล

    คำกล่าวดังกล่าว
    เหตุ-ผล กับ ไม่เพิ่มเติม ไม่ปรุงแต่ง ไม่นึกคิด ขัดแย้งกันหรือไม่

    จริงๆผมเองก็ไม่ค่อยอยากกล่าวในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้
    สิ่งที่คุณบอกว่าจะเห็นหลายอย่างที่เกิดขึ้น ใช่ครับ เห็นมากมาย และยากจะอธิบายให้ใครเข้าใจได้ หากแต่พอเข้าใจเห็นถึงธรรมในธรรมแล้ว มันก็เช่นนั้นเอง
    จะไปยึดติด เพ่ง จะเอา หรือ ย้อนไปมาอีก ผมเข้าใจคุณโอ๊ตนะครับ
    ตอนนี้คุณเองไม่อาจเห็นความจริงของคุณได้ คงต้องเพียรต่อไปครับ
    จนกว่าจะถูกกระทบแรงๆให้หลุดออกมาได้
    สิ่งที่รู้เห็นมา และจะรู้เห็นต่อไป มันก็ยังไม่เที่ยง ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...