เรื่องเด่น มนุษย์ต่างดาวติดต่อเราหรือยัง-ควรบอกว่า เมื่อไหร่จะไป

A friend of mine Jan just sent me an E-mail asking me about the if the Chinese strawberry is what we mentioned the Bayberry.
Well, I think they are quite different though they belong to the same genus Myrica
in the family Myricaceae.And the Myrica Common names include Bayberry, Candleberry, Sweet Gale and Wax-myrtle.
As you can see in the picture.The one in the top is what I was talking-Chinese strawbertty tree.While the second is
Myrica faya fruit.

Birds Love The Berries Of A Bayberry Shrub​

The Myrtle Warbler, or the western counterpart, Audubon’s warbler, is the most abundant warbler and wanders farther north than any other. It breeds throughout northern coniferous woodlands, showing preference for the more open stands and borders of clearings. In migration, myrtles occur everywhere and are especially abundant in brushy areas, hedgerows, field borders, gardens and weedy tangles.
Although most of these warblers spend their winter in the southern part of the United States and range as far as northern South America, a large number come to rest in our northern states and remain there for the cold weather.

 

โห..หน้าตาน่ากินมากเลยค่ะ คาดเอาเองว่าต้องอร่อยแน่ๆ ^^
และขอขอบคุณในคำอวยพรนะคะ ขอให้เพื่อนๆในบอร์ดนี้
มีความสุขเช่นเดียวกันนี้ทั่วๆกันเลยนะคะ

 

อีกสายพันธ์ของเมริกา เติบโตได้ในดินเลว แห้งแล้ง ทนต่อไอทะเลหรือความเค็ม

 

<table border="1" width="100%"><tbody><tr><td width="100%">

​

</td> </tr> <tr> <td width="100%">

ภาพ A-10​

</td> </tr> </tbody></table> รูปผลึกที่เกิดขึ้น หลังจากได้ฟังเพลงของโชแปง ชื่อ " Farewell Song " ( จำใจต้องจาก ) ดร.อีโมโตะแสดงความเห็นในรายงานของเขาว่า " ผมไม่เคยรู้สึกประหลาดใจมาก่อนเลย ต่อเมื่อผมได้เห็นรูปผลึกนี้ " มันมีลักษณะเช่นนี้ เพราะ เป็นผลมาจากเพลง Farewell โดยพื้นฐานของรูปผลึกนี้ มันเกือบจะแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์ เป็นส่วนเล็กๆ ทั้งๆที่ภาพนี้ถ่ายจากกล้องภายใต้กำลังขยายเท่าๆกับ ที่ใช้กับภาพอื่นๆ มีผลึกรูปร่างต่างๆกันมากมาย ปรากฏออกมาหลังจากที่ได้ฟังเพลงต่างๆ แต่ขอให้เราหยุดอยู่แค่ตัวอย่างเหล่านี้ก่อน ผมคาดว่าใครก็ตามที่ได้เห็นภาพถ่ายเหล่านี้เป็นครั้งแรก ย่อมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกรงขาม ในความสง่างาม ของปรากฏการณ์นี้ เราจะเข้าใจได้อย่างไรในความจริงที่ว่า เพลงต่างกัน ทำให้เกิดผลึกรูปร่างต่างกัน ? คำตอบที่ตรงเป้าที่สุด อยู่ในหนังสือ " จ้วนฝ่าหลุน ของอาจารย์หลี่ หง จื้อ " ดังความว่า " ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ ประเด็นที่ว่า สสารกำหนด จิต หรือ จิตกำหนดสสาร นั้นมีการถกเถียงกันเรื่อยมา " ภาพผลึกข้างต้นบ่งชี้ว่า ที่จริง สสาร กับ จิต นั้นเป็นสิ่งเดียวกัน !

 

เป็นกำลังใจให้คุณ Chandayot. ในงานเขียนในทุกๆข้อความคะ ติดตามอ่านประจำ

(^_^)

 

--ขำไหมนี่---
--มียายคนนึงขึ้นไปอำเภอ จะขอเปลี่ยนชื่อหลาน
"ชื่อเดิมก็ดีแล้วนี่ครับยาย จะเปลี่ยนทำไมครับ" เจ้าหน้าที่ติง
"ชื่อเดิม มัน ด.เล็ก อยาดได้ ด.ใหญ่"
"โห..ยาย พอเด็กมันอายุมากขึ้นก็ใหญ่ไปเองครับ"
"ไม่ใช่ คุณไม่เข้าใจ คือมัน ด.เล็กไง"
ถกเถียงกันอีกหลายประโยค ตกลงกันไม่ได้ จนเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนท้องถิ่นมากระซิบบอก จนท.คนนั้น แกก็ถึงบางอ้อ จึงยอมเปลี่ยนชื่อให้เด็กแต่โดยดี
(ใครจะมาเฉลยแทนผมได้ไหมครับ อิอิ) เนื่องจากเป็นเรื่องลับมากกว่าโครงการต่างดาวของสหรัฐ เพราะชาวอเมริกันไม่รู้จักภาษาไทย จึงขอเฉลยว่า "คนจว.นั้น เรียกตัว ด.เด็กว่า "ด.เล็ก" ส่วน "ด.ใหญ่" คือ "ฎ.ชฎา" ครับ"

------------------พูดกันคนละเรื่องอีกเรื่อง----
--มีตำรวจคนหนึ่งได้วันหยุด จึงมาพักกับญาติผู้ใหญ่ที่ รพ.แห่งหนึ่ง
อยู่ว่างๆตอนเย็นแกก็มากวาดไบไม้หน้าบ้านพัก พอดีมีเจ้าหน้าที่ รพ.เดินมา เห็นเข้าก็เจ้ามาทักว่า "อาลัยล่ะ" เขาก็งง จึงตอบว่า "อะไรล่ะ" โต้ตอบกันไปมาด้วยประโยคนี้ แกไม่รู้เรื่องก็ส่ายหัวเดินไป ตำรวจก็บ่นว่า"แม่ม ..บ้าหรือเปล่ามาถาม.. อะไรล่ะๆ" พอญาติแกมา แกก็ฟ้องทันที พอป้าพยาบาลได้ฟังก็หัวเราะ เพราะแกชื่อ "มาลัย" คนทั่วไปจะเรียกว่า "อาลัย" ดังนั้นคนๆนั้นถามถึงแก ก็พูดถูกต้องแล้ว ดีไม่วางมวยกันครับ 5555

---ทั้งสองเรื่องมาจากรายการ คดีเด็ด เป็นเรื่องจริง คนเราก็งี้มีขำๆ

------ชายหญิงพอกัน--(ขิงก็ราข่าก็แรง)-------
---งานมงคลสมรสงานหนึ่งจัดใหญ่โต มีแต่คนระดับสูงของจังหวัดมาร่วมงาน พิธีกรก็เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวออกมาพูดอะไรบ้าง เจ้าบ่าวคงว้าไมค์ก็พูดว่า "ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ งานนี้ผมอาจจะจัดได้ไม่ดีนัก หากมีอะไรขาดตกบกพร่องต้องขออภัย ผมขอสัญญาว่า งานหน้าผมจะจัดให้ดีกว่านี้ทุกอย่างครับ" มีเสียงฮือฮามาก โดยเฉพาะญาติเจ้าบ่าวต่างชมว่า "พูดได้ดีมาก"
---พอพิธีกรเชิญเจ้าสาวให้พูดบ้าง เธอบอกว่า เธออาย และเรียบเรียงคำพูดได้ไม่เก่ง แต่จะขอกล่าวเป็นกลอนแทน
---เจ้าประคุณเอ๋ย สั้นๆ แต่ได้ใจความเจ็บ-แสบ กรีดเปิดแผลได้เยี่ยมยุทธ
"วันนี้แสนดีใจที่ได้ผัว
เคยเสียตัวมาแล้วก็หลายหน
ช่างโชคดีมีผัวเป็นตัวตน
จะเป็นหน ที่เท่าไหร่ ไม่ได้นับ"
เท่านั้นแหละฝ่ายเจ้าสาวฮาตรึม ฝ่ายเจ้าบ่าวเงียบ คนกลางก็เฮกันลั่นเลยครับ--เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเพราะผู้เขียนท่านเป็นถึงอดีตผู้ว่า เขียนลง ต่วยตูน แล้ว อ.จตุพลแกก็จำไปพูดอะครับ
--นึกได้กลัวลืม เลยเขียนให้แฟนคลับไว้อ่านขะร้าบ.. ไม่สงวนลิขสิทธิ์

 

55555555+ ขำมุกแรกมากๆอะค่ะ
สมัยเด็กๆเคยได้ยินเหมือนกัน ด.ใหญ่ กับด.เล็กเนี่ย
อุ่ย..งี้ก้รู้หมดนะสิว่าเราแก่แย้วววว......5555+

 

หา!!!!อจ.เจษ ตะบะแตก

 

ที่เชียงรายมีปลูกบ้างยังครับ ถ้ามีแล้ว ผลกิโลละเท่าไรครับ

 

<table border="1" width="100%"><tbody><tr><td width="100%">

​

</td> </tr> <tr> <td width="100%">

ภาพ B- 1​

</td> </tr> </tbody></table>

​

การทดลองที่ทำโดยมือสมัครเล่นคนหนึ่ง ซึ่งใช้คำพูดว่า " ขอบคุณ " กับ " เจ้าโง่ " พูดกับข้าวสวยในขวดสองใบนี้ทุกวัน การทดลองนี้ทำโดยบรรจุข้าวสวยหุงสุกแล้ว ลงในขวด 2 ใบที่เหมือนกัน แล้วให้เด็กชั้นประถม 2 คน พูดกับข้าวในขวดนี้ทุกวัน ทันทีที่เขากลับมาจากโรงเรียน เป็นเวลาหนึ่งเดือน ผลคือ ข้าวในขวดที่เด็กพูดคำว่า "ขอบคุณ"กับมัน เกือบจะกลายเป็นข้าวหมัก และมีกลิ่นของข้าวม้อลท์หมักที่หอมหวาน ในขณะที่ข้าวในขวดที่เด็กพูดว่า"เจ้าโง่" กับมัน กลายเป็นสีดำ และเริ่มบูดเน่า และพวกเขาบอกว่ากลิ่นของมันน่ารังเกียจ เหลือจะกล่าวเลยทีเดียว รายงานนี้ บอกว่า นี่ไม่ใช่การทดลองที่ทำโดยมืออาชีพ ดังนั้นผลที่ได้อาจเป็นไปโดยความบังเอิญ อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายคน ได้ทำการทดลองแบบเดียวกัน และได้ผล ออกมาเหมือนกัน ทว่าของเราที่นี่ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับน้ำ แต่ยังเกี่ยวข้องกับจุลชีพด้วย จุลชีพก็เหมือนกับคนเรา คือมันจะขยันทำงานถ้าได้รับการชมเชย และจะเกียจคร้านถ้าถูกก่อกวน ดูเหมือนว่า การพูดคำว่า " ขอบคุณ " กับ " เจ้าโง่ " เป็นผลให้จุลชีพรวมตัวกันทำประโยชน์ กับ ก่อโทษ ตามลำดับ
ต่อไปเราจะดูภาพที่เกิดจาก การให้น้ำได้เห็นตัวหนังสือ บ้าง
<table border="1" width="100%"> <tbody><tr> <td width="50%">

​

</td> <td width="50%"></td> </tr> <tr> <td colspan="2" width="100%">

ภาพ B-2
การทดลองให้น้ำเห็นตัวหนังสือ​

</td> </tr> </tbody></table> <table border="1" width="100%"> <tbody><tr> <td width="100%">

​

</td> </tr> <tr> <td width="100%">

ภาพ B-3​

</td> </tr> </tbody></table> ภาพนี้ถูกถ่ายไว้หลังจากเขียน คำว่า " รัก/กตัญญู " ให้น้ำได้เห็น ผู้เขียนกล่าวไว้ในรายงานของเขาว่า เราได้ถ่ายภาพไว้มากมายจากตัวอย่างน้ำนี้ แต่นี่เป็นผลึกอันงดงามแรกเริ่มที่สุดที่เราเห็น จริงๆแล้วไม่มีอะไรสำคัญกว่า ความรัก และความกตัญญูในโลกนี้ เพียงการแสดงความรัก และความกตัญญู.ออกมา น้ำรอบตัวเรา และภายในร่างกายของเราก็จะเปลี่ยนอย่างสวยงามมาก เราไม่ต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากความรู้นี้ ในชีวิตประจำวันของเราหรอกหรือ ?

 

เบย์เบอรี่ยังไม่มีใครปลูกครับ มีแต่หม่อนหิมาลายันบ้าง มีผลออกมานิดหน่อย แต่ถ้าสั่งไปที่ที่จีน เขาถามว่า จะเอากี่ตัน(1000กก.)ครับ ทำเป็นผลไม้แช่เย็น น้ำผลไม้ ผลไม้แห้ง ครับ
--สิ้นเดือนว่าจะสั่งมีดที่จีน เน้นถูก ยี่ห้อฝรั่ง เหล็กอย่างงามๆครับ งบมีน้อย พอดีเขากำลังลดราคา ค่าส่งไม่ต้องเสีย แต่กลัวภาษีนี่สิ
------------------------------------------------------------
--อืม เรื่องตบะแตกมีหลายครั้งเดี๋ยวเล่าครับ

--ปีก่อน ลูกสาวคนโตมากับเพื่อนหญิงคนหนึ่ง และเธอพาลูกมาด้วย ที่แท้เธอมี3 คน และเป็นผลผลิตจากคนเชื้อแขกอิสลาม ซึ่งหย่ากันไปแล้ว เธอก็สวยดีครับ ตัวเล็กๆ ดูไม่ร้าย แต่ไม่ใช่ใสซื่อ
---ตอนเธอลากลับ ผมนั่งบนเก้าอี้ เธอคลานเข้ามา แต่ไม่ได้ไหว้ เธอเข้ามาจัที่ต้นขาทั้งสองข้าง พร้อมกับกล่าวขอบคุณ ตาก็จ้องตาผมอย่างไม่ลดละสายตา ดีที่คนอื่นๆ รวมทั้งภรรยาจอมขี้หึงของผมไม่ได้"รู้สึก"ในปฏิบัติการจู่โจมเงียบครั้งนี้ ซึ่งถ้าเธออยู่กับผมสองต่อสอง แม้ว่าสังขารจะไม่อำนวยซะ 99เปอร์เซนต์ แต่ไอ้เจ้าหนึ่งเปอร์เซนต์นั้นจะต้องก่อเรื่่องอย่างแน่นอน--แล้วผมจะไว้ใจตัวเองต่อไปได้ไหม--ขอบคุณที่เธอให้ความรู้เรื่องของกิเลสในตัวผมเอง ฟัดกะกิเลสมาหลายสิบปี เพิ่งรู้ว่าห่างไกลกับคำว่าชัยชนะครับ
--ได้ข่าวว่าเธอกลับไป แป๊บเดียวก็หาผัวได้ใหม่แล้ว ที่แท้เธอหาคนเลี้ยงดูลูกทั้งสามของเธออยู่แล้ว ด้วยสเน่ห์ของเธอ เรียกว่าไม่เป็นรองใครในยุทธจักร เช่นกระบี่สายตาเธอคมกริบ สะกดชายชาตรีได้อยู่หมัดเลยหละครับ นี่แหละ"วัวเขาอ่อน" ขวิดทีไรตายทุกทีครับ (โปรดเพลง นางแมวยั่วสวาท" ประกอบด้วยครับ)
------------------------------------------
อีกครั้งนึง แบบว่าเราอยากหางานทำ ก็เห็นที่คาราโอเกะที่นึง เขารับช่างไฟ คอยดูแลเครื่องเสียง
ผมก็ไปสมัครตอนสักสองทุ่ม สาวๆเริ่มมา แต่เจ้าของร้านยังไม่มา
"พี่มาทำอะไรเหรอคะ" "มาสมัครงานครับ" เจรจาเป็นภาษาเหนือ "ไม่เชื่อหรอก ต้องมาเที่ยวแน่เลย ดูสิ หุ่นอาเสี่ยแบบนี้" เธอไม่พูดเปล่า แต่เธอเอามือล้วงเข้าไป... ลูบตรงท้องน้อยผมไปมา โอ.. ก็เหมือนเดิมครับ แพ้ตัวกิเลสอีกแล้วครับ ถ้าอยูลำพังเป็นเรื่องแน่ๆ "หมวดครับหมวดจะทำไฉน หากหมวดหิวข้าวตาลายแต่ข้าวไม่มีซักจาน มีคนใจบุญเอาไข่มาตุ๋นใส่จาน ยกให้ถึงบ้านหมวดคงไม่คว่าจานเสีย"--ตามเนื้อเพลงครับ (ผมโดนลวนลามทางเพศนะเนี่ย) สมัยก่อนผู้ชายอาจเป็นนักล่า แต่ปัจจุบันเสมอภาคแล้วครับ พวกเธอรู้จักบำรุงสเน่ห์ของตนเอง รู้จุดอ่อนของผู้ชาย การเป็นนักล่าก้เลยไม่ยากนักครบ
--ช่วงนี้ ดาราสาวพ. โดนสัมภาษณ์บ่อย ก็เรื่องถ่านไฟเก่า นาย ป. เขาไปคืนดีกับลูกเมียเต้าแล้ว ข่าวเคเบิ้ลที่วีออกทุกวัน วันละหลายรอบ แสดงถึงว่า การเป็นชู้ แย่งลูกเมีย หรือผัวเค้ามันธรรมดามากในสังคมนี้ แถมยังมาเรียกว่ากิ๊กอีก เรื่องทางเพศ ความหึงหวง มันฆ่ากันง่ายกว่าอะไรทั้งหมด เพราะมนุษย์อ่อนแอแพ้ใจตัวเองครับผม
--ข่าว--รณรงค์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่100 เปอร์เซ็นต์ เด็กจะเป็นโรคต่างๆน้อยกว่าเด็กที่กินนมวัว 35 เท่า
--ภาชนะที่เก็บน้ำนมในตัวคน ดูน่ากิน รูปร่างภายนอกดูนุ่มละมุน เรียกว่าแพคเกจจิ้ง(ภาชนะ)สวยดูคลาสสิกทุกสมัย (เว้นแต่สมัยที่คนนิยมมีเมียเป็นลิง) สิ่งนี้ก็เป็นอาวุธแบบนึง เหมือนเขาของวัว อยู่บนหัววัวก็ดูดีมีตระกูลครับ เห็นเป็นวัวเขาอ่อน แต่ขวิดแล้วตาย เป็นพระก็ต้องสึก เรียกว่า ตายจากเพศสมณะ ครับ
--ผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่งตัวสวยสุดเริ่ด เขาเรียกว่า "แต่งตัวไปฆ่า -เดรส ทู คิล"-Dress to Kill ผู้หญิงที่สวยมาก จะถูกเรียกว่า "นางหมาป่า"-- Fox ครับ

 

ผมเชื่อด้วยจิตสัมผัสส่วนตัวว่า โลกเรานี้มีมนุษย์เข้ามาอาศัยอยู่เมื่อสมัยหลายร้อยล้านปีมาแล้ว มีมาตั้งนานแล้วแต่ว่าเป็นมนุษย์ฝ่ายแสง บางกลุ่มก็มาอาศัยเพื่อบำเพ็ญเพียรด้านจิตใจ บางกลุ่มก็มาสร้างอาณานิคม(Colony)เพื่อศึกษาและทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนเพาะพันธุ์ทางชีวภาพ

มนุษย์ในยุคนั้น แบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภท
1. ประเภทสูงมาเลย ด้านจิตและวิทยาการต่างๆ
2. ประเภทสิ่งมีชีวิตทดลอง ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีสถาะร่างกายเพียงพอที่จะสามารถดำรงค์อาศัยอยู่ในยุคนั้นได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่พวกฉลาดปราชญ์เปรื่อง

 

---แอตแลนติส ทวีป มู มีชาวต่างดาวที่มีจิตใจสูงมาก--ซึ่งมาสั่งสอนชาวโลกให้มีจิตใตสูงตามไปด้วย
---บางพวกก้สร้างมนุษย์กึ่งหุ่นยนต์-แอนดรอยด์ไว้เป็นทาส ไม่งั้นก็ทำโคลนนิ่ง
ไว้ให้เป็นทาส
---เคยอ่านในไบเบิ้ลไหมครับว่า พระเจ้าได้เสก-เศษกระดูกมากมายจากร่างนักรบในทะเลทรายให้มีชีวิต เป็นไพร่พลทหารได้หนึ่งกองทัพใหญ่(วิศวพันธุกรรม--โคลนนิ่ง)
--จากที่เราเคยรับรู้มา เราอาจโคลนเอาร่างกายสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ให้คืนมาได้ โดยอาศัยหนัง กระดูก ส่วนใดก้ได้
--แต่ชาวต่างดาว โคลนมนุษย์ใหม่ขึ้นมาหนึ่งคน ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น

--------------------------------------------------------------------------


ป่าผลึกคริสตัล ณ 12 กม.ใต้โลกของเรา


The Crystal Forests Deep in the Earth

Posted on January 7, 2012 by Stuart Wilde

Share on facebook Share on print Share on twitter Share on google Share on email Share on favorites More Sharing Services 24


Deep in the earth at its core are crystal forests, the crystals are estimated to be twelve kilometers high.
Under our feet I discovered a heaven world that I called the Fally-Down World because you have to etherically fall through the ground a long way to get there, and half way down you make a 90 degrees shift. So imagine yourself falling very fast, feet first, facing north, then you twist and suddenly you’re facing east and you continue to fall. That was what happened to me anyway.
The idea of a heaven below our feet is very odd, as religions talk of hell that is down, never a heaven down. But the religions know dilly squat about the heavens and the hells and the dimensions that lead to those places.
So one has to forgive them.
Once I learned about the crystals in the core of the earth twelve kilometers high, I came to see how the power of those vast crystal towers would easily create a celestial world/dimension below us—the one that I call the Fally-Down world.
There are heavens above us at NNE, north-north-east, 45-upright and the spirits of the dead are at NNW, north-north-west, also up at 45 degrees. The some spirits are in the hell worlds, which are at SSW, south-south-west behind us when facing north, it’s at 240 degrees round the compass and 17 ½ degrees sloping down through the ground.
You can ‘ping’ your energy off those crystal forests deep within, and use them as a signaling tower to boost your reception (ESP), or use them for sending information, like mental broadcasts. Interesting isn’t it?
There is so much stuff that is new that we did not know even ten years ago.
Stuart Wilde (www.stuartwilde.com)
©2012 Stuart Wilde All Rights reserved


--

 

คุณอาคะ หนูสงสัยมาตลอดว่าสัตว์แต่ละชนิดมีจิตสัมผัสสื่อสารกับคนได้รึเปล่าคะ เพราะเวลาหนูจับสุนัขแล้วลูบหัวและคุยกับเขาหนูมีความรู้สึกว่าเขาเข้าใจเราและรับรู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรหนูว่ามันแปลกดีคะ และ ที่บ้านหนูเลี้ยงวัวสวยงามมันเชื่องมากและหนูรู้สึกว่าเขาฟังเราพูดอยู่ตลอดเพราะเวลาหนูเรียกชื่อเขา เขาจะหันมาและรีบเดินมาหาอย่างเร็วเลย หนูจึงอยากรูว่าพวกเขาสามารถสื่อจิตสัมผัสถึงเราได้รึเปล่าคะ และที่แปลกคะคือคนในบ้านหนูไม่สามารถจับหรือเข้าใกล้มันได้เลย หรือเวลาจะจับเขาไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือวัวเขาจะวิ่งหรือไม่ก็จะชนจนล้มเลยคะ ที่บ้านเลี้ยงสัตว์เกือบทุกชนิดคะคุณอาไม่ว่าจะเลี้ยงหมู(หมูแม่พันธ์)เลี้ยงนกที่ชอบพูด(พูดเก่งมากเพราะเวลาเขาได้ยินเสียงหนูเขาจะเรียกแม่ทันที่เลยคะ) แต่มันมีความสุขทางใจมากนะคะเวลาที่อยู่กับพวกเขา (รบกวนคุณอาช่วยตอบด้วยนะคะ ) มีอีกคะ ตอนนี้หนูได้ฝึกสวดมนต์ บทสวดมหาจักรพรรดิ์ อยู่ อยากถามคุณอาว่า บทสวดนี้มีพุทธคุณอย่างไร เพราะหนูได้อ่านที่บทสวดแล้วหนูรู้สึกว่าบทสวดนี้เพราะมาก เลยอยากฝึกสวดดูคะ:z2

 

จิตมนุษย์เนี่ยยากแท้หยั่งถึงจริงๆค่ะ มีทั้งความใสบริสุทธิ์และความมืดมิดในที่เดียวกัน
เมื่อนานมาแล้วมีเสียงลึกลับกล่าวแก่เราว่า "จิตมนุษย์นี้แหละมีพลังอำนาจที่สุด"
ทำให้เรานึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าให้อยู่กับ "ปัจจุบันขณะ" ซึ่งมันสอดคล้องกัน
ในยามคับขันจิตของเรานี่แหละที่เป็นตัวตัดสินว่าเป็นหรือตาย มันรวดเร็วจนกายนั้นตามไม่ทันเลยทีเดียว
และขออนุโมทนากับคุณ saychl anusonthi ด้วยนะคะ การสวดมนต์ทุกๆบทย่างน้อยที่สุด
ก็จะทำให้จิตเป็นสมาธิค่ะ และถ้าเราทราบถึงความหมายของบทที่สวด
ก็จะทำให้เราเข้าใจในถ้อยคำนั้นมากขึ้น และการสวดก็จะเป็นผลดีมากขึ้นด้วยค่ะ

 

ขอบคุณคะ และขอสาธุด้วยเช่นกันคะ หนูแค่มีความสนใจและอยากจะเรียนรู้ในทุกๆอย่างเพื่อให้กายกับจิตมันอยู่คู่กันและเพื่อเพิ่มบุญและแผ่บุญที่หนูได้ทำไปในทุกขณะจิตให้กับทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ คะ( ;39 โลกใบนี้ยังมีความสวยงามเสมอคะ ;k04 )

 

---คุณสายชลสามารถสื่อได้กับสัตว์ต่างๆ เพราะสัตว์รู้ถึงคนที่มีจิตใจดีครับ
--แม่ของภรรยาผม เลี้ยงควายไว้สองตัว ไอ้เขียวกับอีแดง เวลาท่านพูดกับมันจะพูดเพราะๆ และมันก้แสนรู้ เสร็จงานนาจะตกรางวัลด้วยข้าวต้มมัด
--คืนหนึ่งแกฝันเห็นผู้ชายคนหนึ่ง มาบอกว่า "แม่ครับ ผมจะไปเกิดใหม่แล้วครับ" "เออ แล้วเอ็งเป็นใครล่ะ" "ผมก็ ไอ้เขียวของแม่ไงครับ" "เออ โชคดีนะลูกเอ๋ย เราอโหสิกรรมกันนะ " "ครับแม่" ไม่ช้าไอ้เขียวก็ป่วยตายไปเฉยๆ

--"นังเหมียว"แมวบ้านนี้ ภรรยาบอกว่า "รักมากกว่าลูกซะอีก" เวลาเราเถียงกันเสียงดัง นังเหมียวจะมายืนขวางจนเราหายโกรธเลย เพราะขำมันด้วย
--ตอนที่ภรรยาอยู่บ้านเช่า ติดกับบ้านพี่สาว มันก็ไปมาระหว่างสองบ้าน แต่เมื่อทะเลาะกันรุนแรง แตกหักกัน มันก็ไม่ไปบ้านพี่สมคิดอีกเลย
--ครั้งหนึ่งผมแกล้งลูก เอาดินสอไปซ่อนบนหลังตู้ ลูกสาวก็ถามหา ผมว่า "ไม่เห็นนี่" พอจะเป็นเรื่องใหญ่ นังเหมียวกระโดดบนของสูง แล้วขึ้นบนหลังตู้ เชื่อไหมว่ามันเขี่ยนดินสอลงมาให้จนได้
--เวลาไปร้านสัตว์แพทย์ มันจะนั่งนิ่ง มองดูพวกหมาแมวที่ส่งเสียงกัน มาดเหมือนนางพญา
--หมอสัตว์แพทย์ยังชอบมันเลย เขาว่ามันมีตาเพชร สะท้อนแฟลชเป็นสีขาวสว่าง เขาเอารูปไปทำกรอบให้อย่างดี เขาบอกว่ามันอยู่ได้ปีเดียว แต่มันอยู่ต่อได้อีก5-6ปี
--ภรรยาว่ามันรู้ใจเจ้าของ เวลาทุกข์ใจ หรือเครียดจะมาปลอบใจ นิสัยสงบเสงี่ยม-ไม่วุ่นวาย พวกหมาอัลเซี่ยนและอื่นๆ เจอกรงเล็บพิฆาติของมันเลยไม่กล้าแหยม
-มันกินอาหารเม็ด และถ่ายเฉพาะในส้วม ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหนก็ทำแบบนี้ ไม่เป็นภาระ ถ่ายเสร็จจะร้องเรียกให้ไปจัดการ
--หลังจากมันป่วย แล้วตาย เพราะอายุมากเกิน ภรรยาก็ฝันเห็นเด็กน้อยในชุดกระโปรงบานสีขาว น่ารัก มาบอกว่า "แม่หนูจะไปเกิดแล้วนะ" "แล้วหนูเป็นใครล่ะ " หนูก็คือนังเหมียวของแม่ไงคะ" "สวยน่ารักจังลูก" "ขอให้แม่เจริญๆนะคะ รักแม่มากค่ะ" "หนูอยู่ไหนตอนนี้"
"อยู่กับพ่อเมืองกาญจน์(ขุนแผน)จ้ะ"
---อ้อ นังเหมียวมักจะมานอนบนจอคอมพ์ หรือจอทีวีเพราะจะอุ่นดีตอนหน้าหนาวครับ แมวประหยัดพลังงาน--ผมก็ผูกพันกับมันมากเช่นกัน

--จะว่าไปสัตว์ก็มีกายทิพย์เป็นคนซะส่วนใหญ่ เพียงแต่พูดไม่ได้ เกิดมาใช้กรรม ทุกชีวิตเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ควรเบียดเบียน ทารุณมันนะครับ
--แมวป่าไทย ฝรั่งเอาไปเพาะจนดังหายากมาก แมวอังกฤษขนสั้น ตัวละ6หมื่น คนไทยไม่ได้เลี้ยง เพราะเมืองนอกจองหมด แมวโคราช แมวไทย เว็ปนี้ชนะเลิศรวดครับ( นังเหมียวลักษณะเป็นแมวไทย แต่ขนเป็นสีน้ำตาล มีด่างที่เท้าทั้งสี่ แบบเว่าใส่ถุงท้า มีหางขอด ขอดเรียกทรัพย์ครับ)
Korat cats : Thai pure bloodline

--ชอบสวดมนต์ แนะนำ คาถาชินะบัญชร-- มงคลจักรวาลใหญ่ คาถาที่บอกมา ไม่รู้จักครับ

 

สวัสดีครับพี่เจษฎา และเพื่อนๆพี่ๆทุกท่านครับ ตัดเหล็กตัดเลสอย่างหนาแค่ใหนถึงย้ากก็ยังตัดได้ แต่กิเลสนี้บางๆตัดย้ากเหลือเกินครับพี่เจษฎา

 

---เณรน้อยกับหลวงตาเดินทางไป พบหญิงสาวคนหนึ่งที่สวยมากทั้งหน้าตาและส่วนสัด
--หลวงตาบอกว่า"เณรๆ นึกภาพว่า เธอกำลังโดนถลกหนังออกซี่" เณรน้อยนิ่งทำจินตนาการสักพักบอกว่า "คนนี้หนังมันเหนียวครับหลวงตา"

----กิเลสพวกนี้ก็มีประโยชน์ อย่างเช่น ตระกูลเราต้องการได้เด็กมาสืบเชื้อสาย-ก็นะ ก็ต้องมีไว้บ้าง การนำเด็กจาก รพ.มาเลี้ยงก็เสี่ยง เหมือนกับ..... ขออนุญาตยกตัวอย่าง สุนัข อัลเซเซี่ยน ร็อตไวเล่อร์ ก็ดุ โกลเด้น เป็นหมาใจดี โตแต่ตัวเท่านั้น--และเป็นแบบนี้ทุกตัว
----ที่อเมริกา จะจับคนที่ก้าวร้าว--อาชญากรในคุก ทำหมันให้หมด ก้เป็นแบบนี้

 

••• หลวงตาวรงคต(ม้า) วิริยธะโร ลูกศิษย์พระเดชพระคุณหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญนั้น ท่านเคยเมตตาสอนวิธีแก้ปัญหาทางโลกต่างๆนาๆให้กับบรรดาลูกศิษย์ด้วยวิธีการ สวดมนต์บทพระมหาจักรพรรดิ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องเงินเรื่องทอง ปัญหาเรื่องครอบครัว ปัญหาเรื่องการกระทบกระทั่งกันของหมู่คณะ
ซึ่งลูกศิษย์ที่ปฏิบัติตามด้วยความเคารพศรัทธาล้วนประสบเห็นผลประจักษ์ตามานักต่อนักแล้ว
ตัวผมเองนั้นจะขอเรียบเรียงเอาวิธีต่างๆเหล่านี้ที่หลวงตาท่านเคยได้สอน
ทั้งจากการที่ท่านเคยสอนโดยตรงและจากการที่อาศัยครูพักลักจำเวลาท่านสอน ศิษย์ท่านอื่น ด้วยตัวผมเองนั้นยังถือว่าไม่ได้เรื่องได้ราวและยังมีสิ่งที่ไม่รู้อีกมาก ดังนั้นหากมีสิ่งใดผิดพลาดหรือกระทบกระเทือนต่อความดีอันวิสุทธิ์ของครูบา อาจารย์หลวงปู่หลวงตาแล้วไซร้
ผมขอกราบขอขมาพระรัตนไตรด้วยเทอญ •••

หลักการอย่างนี้สามารถอธิบายได้ง่ายๆคือ เมื่อเรานึกถึงหลวงปู่แล้วสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ บุญแห่งการสวดมนต์ภาวนาและบุญแห่งกำลังพระมหาจักรพรรดิก็จะเกิดขึ้นที่ตัว เรา หากเราต้องการจะส่งบุญนี้ไปที่แห่งใด หรือจะส่งให้ใครก็ตาม ก็เพียงแค่นึกถึงที่แห่งนั้นหรือคนๆนั้นบุญที่ได้เกิดขึ้นแล้วในตัวเรา ก็จะไป ณ ที่แห่งนั้นในทันที

เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนตอนที่เราตักบาตร เมื่อเราตักบาตร
บุญแห่งการถวายทานกับพระสงฆ์ก็เกิดขึ้นที่ตัวเรา
หากเราจะส่งไปให้ใครก็เพียงแค่นึกในใจว่า
ขออุทิศบุญนี้ให้กับนาย/นาง..(ชื่อ)...... เพียงเท่านี้บุญนั้นก็จะถูกส่งไปให้บุคคลๆนั้นแล้ว

แต่บุญแห่งการทำทานจะต่างจากบุญแห่งการสวดมนต์ภาวนาตรงที่น้อยกว่ามาก
และยิ่งถ้าตอนที่เราสวดมนต์ภาวนานั้นเรานึกถึงหลวงปู่
ก็จะได้กำลังบารมีของหลวงปู่เข้ามาช่วยตรงนี้ด้วย
อีกทั้งบทที่เราสวดคือบทกำลังพระมหาจักรพรรดิ
เราก็จะได้กำลังของพระมหาจักรพรรดิเข้ามาช่วยด้วย
หากท่านใดสงสัยว่าพระมหาจักรพรรดิเป็นยังไง
หลวงตาท่านเคยบอกว่า เวลาพระพุทธเจ้าท่านจะปราบผู้มีฤทธิ์
ท่านจะเนรมิตกายเป็นพระมหาจักรพรรดิ แล้วจึงค่อยปราบ
และอีกครั้งหนึ่งที่ท่านเคยบอกว่า
กำลังของจักรพรรดิสามารถช่วยได้ทั้งทางโลกและทางธรรม


•เมื่อประสบกับปัญหาต่างๆในชีวิต•

ให้นึกถึงหลวงปู่(ดู่)ไว้ก่อนแล้วก็บอกท่าน ขอให้ท่านช่วย
หลวงตาม้าท่านเคยบอกได้ใจความว่า คนที่มีปัญหาปุ๊ป
แล้วนึกถึงพระเลยเนี่ย แสดงว่าคนๆนั้นยึดหมั่นพระเป็นสรณะ(ที่พึ่ง)
ดังคำที่เราท่องบ่นเป็นประจำว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิฯ

ให้เราตั้งสติดีๆแล้วลองคิดทบทวนแก้ไขปัญหานั้นดู
แต่ถ้าเป็นปัญหาที่มีสถานการณ์คับขันบีบรัดให้ต้องตัดสินใจ ณ เดียวนั้นเลย
ก็ให้นึกถึงหลวงปู่แล้วตัดสินใจลงไปเลย

แต่ถ้าเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกคิดไปก็ป่วยการ รังแต่จะทำให้ทุกข์ใจเปล่าๆ
หรือ เป็นปัญหาประเภทที่ว่าคิดหาทางออกได้เรียบร้อยแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือเปล่า ยิ่งคิดยิ่งกังวลใจ หลวงตาม้าท่านสอนได้ใจความว่า

~ให้นึกถึงหลวงปู่(ดู่)แล้ว สวดพระคาถามหาจักรพรรดิในใจ
ระหว่างนั้นก็ให้นึกถึงปัญหานั้นๆไปด้วย
โดยอาจจะนึกถึงหลวงปู่สลับกับนึกถึงปัญหานั้นๆ
หรือจะนึกถึงหลวงปู่ไปพร้อมๆกับนึกถึงปัญหานั้นก็ได้
แล้วสวดในใจไปด้วย
พอสวดพระคาถามหาจักรพรรดิจบก็เริ่มสวดใหม่
วนไปวนมาอย่างนี้ จะกี่รอบก็ได้~

ดังนั้นหากเรานึกถึงหลวงปู่แล้วสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ
ระหว่างนั้นถ้าเรานึกถึงปัญหาที่เรากำลังประสบ
บุญที่เกิดจากการสวดจะถูกส่งไปที่ปัญหานั้นๆ
ปัญหาจะต้องมีทางออกอย่างแน่นอน!

สวดยังไงให้ได้ผลดีและแก้ปัญหาได้เร็วที่สุด?

นี่คงเป็นคำถามที่ค้างคาใจพี่ๆน้องๆหลายท่านเลยทีเดียว
คำตอบง่ายๆครับคือสวดด้วยอารมณ์ใจสบาย
อารมณ์สบายจะเป็นอารมณ์ที่เป็นสมาธิได้ง่ายที่สุด
หลวงตาม้าท่านเคยกล่าวได้ใจความว่า
ใจสบายยังไม่สบายเลย แล้วจะไปมีสมาธิได้ยังไง

ปกติแล้วคนที่ถูกปัญหากลุ้มรุมหน่วงเหนี่ยวใจให้กังวล
จะให้ใจสบายนั้นยากมาก แนะนำว่าให้นึกถึงหลวงปู่แล้วสวดพระคาถามหาจักรพรรดิไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับนึกถึงปัญหานั้นไปด้วยก็ได้ ใจจะค่อยๆสบายขึ้นเอง ยิ่งใจไม่สบายยิ่งต้องสวด ถ้าไม่สวดแล้วเมื่อไหร่ใจจะสบาย...แต่เวลาสวดไม่ต้องไปเร่งรัดอยากให้ใจมัน สบายนะครับ
ยิ่งเร่งรัดอย่างนั้นใจจะยิ่งเครียด

เคยมีลูกศิษย์ท่านหนึ่งถามหลวงตาว่า
หลวงตาครับ ถ้าเราตั้งใจสวดดีๆ สวดด้วยใจสบาย แต่สวดแค่นิดเดียว...

ยังพูดไม่จบหลวงตาก็พูดตอบขึ้นมาว่า

ดีกว่าสวด108จบอีก~!

ส่วนระยะเวลาในการแก้ปัญหาจะเร็วหรือช้านั้น
ขึ้นอยู่กับหลายๆอย่างขึ้นอยู่กับปัญหานั้นๆ ขึ้นอยู่กับกรรม
ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง และขึ้นอยู่กับศรัทธาด้วย
ว่าเราเชื่อมั่นในพระรัตนไตรหรือเปล่า เราเชื่อมั่นในหลวงปู่ดู่หรือเปล่า
บางคนสวดวันเดียวปัญหาก็คลี่คลายมีทางออกสมดั่งใจ
แต่บางคนก็ต้องใช้ระยะเวลาเหมือนกัน


จาก วิธีการที่สวดพระคาถามหาจักรพรรดิอย่างที่ได้เขียนเอาไว้แล้วในโพสแรก ของกระทู้นี้ สามารถนำไปช่วยเหลือคนอื่นได้ คือแม้จะไม่ใช่ปัญหาของตัวเราเอง แต่เราก็สามารถที่จะสวดพระคาถามหาจักรพรรดิแล้วนึกถึงหลวงปู่
พร้อมๆกับนึกถึงเรื่องหรือปัญหาของผู้ที่เราต้องการจะช่วย
เพียงเท่านี้พลังงานที่เราสวดพระคาถามหาจักรพรรดิก็จะส่งเข้าไปปรับเรื่อง นั้นๆอยู่เรื่อยๆ หากมีศรัทธาเชื่อมั่นจริง ก็จะเห็นผลได้ในไม่ช้าอย่างแน่นอน

การสวดพระคาถามหาจักรพรรดิแล้วนึกถึงหลวงปู่ดู่
ไปพร้อมๆกับนึกถึงปัญหาเรื่องนั้นๆ สำหรับตัวของผู้เขียนเองนั้น
เคยบอกกับหลวงตาว่า บางทีก็ขี้เกียจนึกถึงปัญหา คืออยากจะเอาแต่ความสงบอย่างเดียว อยากจะเพียงแค่นึกถึงหลวงปู่แล้วสวดพระคาถามหาจักรพรรดิแค่นั้นก็พอ ไม่อยากนึกถึงปัญหาใดๆ ทำอย่างนี้แล้วใจสบายดี...

หลวงตาม้าจึงบอกกับผมได้ใจความว่า

~งั้นก็นึกถึงปัญหาหรือคนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาก่อนจะสวดสิ
ทีนี้ตอนสวดไปก็ไม่ต้องนึกก็ได้ ด้วยกำลังของครูบาอาจารย์(หลวงปู่ดู่หลวงตาม้า)แม้เราจะไม่ได้นึกถึงระหว่างสวด
แต่เรานึกก่อนสวดมันก็ได้เหมือนกัน มันมีกระแสอยู่ ได้เหมือนกัน
แต่ว่าถ้าสวดไปด้วย นึกถึงปัญหาไปด้วย อย่างนั้นมันก็จะดีกว่า~