เรื่องเด่น มนุษย์ต่างดาวติดต่อเราหรือยัง-ควรบอกว่า เมื่อไหร่จะไป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย chandayot, 18 เมษายน 2012.

  1. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    [​IMG]

    การสำรวจทางโบราณคดีเริ่มขึ้นในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงดำเนินการสำรวจอยู่
    มรดกโลก

    เปตราได้รับลงทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 9 เมื่อปี พ.ศ. 2528 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้


    [​IMG]


    [​IMG] - เป็นตัวแทนที่แสดงถึงผลงานชิ้นเอกทีได้ถูกจัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันแสนฉลาด

    (iii) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว

    (iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
    แอตแลนติส (Atlantis)
    [​IMG]

    แอตแลนติส (Atlantis) คืออาณาจักรโบราณที่อยู่ในความทรงจำของคนทั้งโลก ซึ่งผู้ที่สร้างตำนานอาณาจักรลึกลับนี้ คือ เพลโต นักปรัชญาชาวกรีกโบราณที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อแนวคิดตะวันตก กล่าวกันว่าอาณาจักรแอตแลนติส เป็นทวีป ๆ หนึ่งที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นที่อยู่อาศัยของพลเมืองผู้ทรงคุณธรรมและเทคโนโลยีที่สูงส่ง กำแพงเมืองเป็นทองคำและวิหารสร้างด้วยเงิน มีอุทยานหย่อนใจและสนามแข่งม้า ทว่ามันถูกทำลายพังพินาศด้วยความพิโรธของเทพเจ้าผู้เนรมิตรมันขึ้นมา



    <center>คำทำนายเกี่ยวกับอาณาจักรแอตแลนติส ที่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยแรกของโลก</center>



    <center>เอ็ดการ์ เคย์ซี ได้พยากรณ์ไว้ตอนหนึ่งว่า</center>



    <center>...ทวีปแอตแลนติส เป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    มีขนาดใหญ่กว่ายุโรปทั้งหมด รวมกับแผ่นดิน
    รัสเซีย มีดินแดนต่อทอดไปทั่วโลก

    ชนชาติทีอาศัยอยู่บนทวีปแอตแลนติส
    เป็นชนชาติผิวแดงที่มีความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ
    ผู้คนทั่วไปมีประสิทธิภาาพอย่างดียิ่ง
    มีความรู้ความสามารถในศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งปวง
    รวมทั้งงานด้านประติมากรรม วิศวกรรม
    และสถาปัตยกรรมด้วย

    โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์นั้น
    เคย์ซีได้บันทึกไว้เป็นคำพยากรณ์ในบทที่ 2794-L-1
    โดยสรุปว่า ชาวแอตแลนติสมีความรู้
    ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเคมี ฟิสิกส์
    และจิตวิทยามาก พวกเขารู้จักประดิษฐ์ไฟฟ้าใช้
    รู้จักผลิตพลังปรมาณูจากยูเรเนียม
    รู้จักผลิตแสงเลเซอร์ ตลอดจนผลิต
    คลื่นวิทยุติดต่อกับดินแดนอื่นได้

    สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ
    ชาวแอตแลนติสสามารถผลิตพลังงาน
    มหาศาลจากพลึกมหัศจรรย์ชนิดหนึ่ง
    ซึ่งสามารถรวมเอาพลังธรรมชาติ
    ทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกและจักรวาล
    เข้าด้วยกัน และเป็นที่น่าสังเกตว่า
    ความสำเร็จในทางวิทยาศาสตร์
    ของชาวแอตแลนติสนั้น อาศัยพลังงาน
    แสงอาทิตย์เป็นสำคัญ

    วัฒนธรรมสูงส่งของชาวแอตแลนติสพัฒนา
    ตลอดมา โดยมีความเกี่ยวพันทางศาสนา
    เริ่มตั้งแต่มีการทำพิธีบูชาพระอาทิตย์
    และเทพเจ้า

    วัฒนธรรมของอาณาจักรแอตแลนติส
    หายสาปสูญไปในที่สุด เมื่อเกิดภัยพิบัติ
    ครั้งใหญ่ ดินแดนของมหาอาณาจักรเกิด
    สั่นสะเทือน และได้ถล่มทลายลงไป
    ใต้ทะเล ภายในชั่วคืนกับชั่ววัน ดังน้นเมื่อ
    ปี 9500 ก่อนคริสต์กาล ชาติแอตแลนติสก็
    หายไปจากโฉมหน้าของโลก

    เคย์ซีกล่าวว่า วัฏจักรแห่งประวัติศาสตร์
    มักจะหมุนเวียนกลับมาอีกเสมอ
    ดังนั้นวิญญาณของชาวแอตแลนติสย่อม
    มีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ได้อีก
    จากดินแดนหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง
    และจากทวีปหนึ่งไปยังอีกทวีปหนึ่ง
    หรือจากเกาะหนึ่งไปยังเกาะอื่น ๆ

    มหาอาณาจักรแอตแลนติสมีความเจริญ
    ก้าวหน้าทางวิทยาการเท่ากับโลกเรา
    สมัยปัจจุบัน หรือบางอย่างมีความก้าวหน้า
    มากกว่า พวกเรารู้จักพัฒนา โดยนำเอา
    พลังงานอันมหาศาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์

    ในปัจจุบันเคย์ซีเชื่อว่า โลกเราได้มีการ
    เปลี่ยนแปลงอย่างปัจจุบันทันด่วน
    ที่ร้ายแรงที่สุดมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งอาจมีผล
    ทำให้อาณานิคมหรือดินแดนบางส่วนของ
    มหาอาณาจักรแอตแลนดิสโผล่ขึ้นมาให้ชาวโลก
    ได้เห็นอีกก็เป็นได้ เช่น เมื่อปี 2483 เคย์ซี
    ทำนายว่าพื้นที่บางส่วนทางด้านตะวันตก
    ของแอตแลนติสจะโผล่ขึ้นมาใกล้ ๆ
    บริเวณหมู่เกาะบาฮามา

    ในช่วงระหว่าง พ.ศ.2511-2512 ปรากฏว่า
    คำทำนายของเคย์ซีได้กลายเป็นความจริง
    คือ ได้มีการค้นพบซากเมืองใต้บาดาลใกล้ ๆ
    หมู่เกาะบาฮามา เรียงต่อกันอย่างประณีต
    ราวกับมีการใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรม
    และสถาปัตยกรรมชั้นสูง หินบางก้อนมีขนาดใหญ่
    พอ ๆ กับขนาดรถบรรทุกเลยดีเดียว
    ลำพังจะใช้กำลังคนช่วยกันแบกหาม
    ขึ้นไปวางเรียงต่อกันก็คงจะไม่ทำได้
    เรียบร้อยและปราณีตเช่นนั้น

    เคย์ซียังทำนายต่อไปอีกว่า
    ภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่เกิดขึ้น จนทำให้
    มหาอาณาจักรแอตแลนติส อันกว้างใหญ่
    ไพศาลถล่มทลายพังพินาศจมหายไปใต้
    ทะเลนั้น จะเกิดขึ้นอีกหลายแห่งในโลก

    เคย์ซีกล่าวว่า
    ในช่วงแรกสุดของโลกเรา เมื่อประมาณ
    10 ล้านห้าแสนปีมาแล้ว มีอารยธรรม
    เกิดขึ้นแล้วเสื่อมสลายไปหลายครั้ง
    ยุคเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมชาวแอตแลนติส
    อยู่ระหว่างช่วงนับจาก 200000 ลงมา
    จนถึงปี 10700 ก่อนคริสต์กาล คือนับตั้งแต่
    ช่วงเวลาประมาณ 13000 ปี ถอยหลังเป็นต้นไป
    คือสรุปแล้ว จะมีอายุนานประมาณ 80000-
    900000 ปี

    นี่ก็เป็นคำพยากรณ์บางส่วนของ
    เอ็ดการ์ เคย์ซี ที่ทำนายอดีตของโลกเรา
    ย้อนหลังไปหลายแสนหลายล้านปี
    ซึ่งความเป็นจริงในสิ่งที่เขาพยากรณ์ไว้นั้น
    ต้องรอคอยให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ในโลก
    ปัจจุบันพิสูจน์ให้เห็นเด่นชัดในอนาคต</center>
     
  2. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    <center>[​IMG]</center>

    อาณาจักรที่ล่มสลายไปในอดีตกาล ที่ซึ่งนักสำรวจทั่วโลกต่างให้ความสำคัญในการค้นหา จาก บทบันทึกของเพลโตได้กล่าวถึงดินแดนแห่งนี้ไว้ว่า เป็นอาณาจักรที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองถึงขีดสุด แต่ได้ล่มสลายลง และถูกคลื่นยักษ์ กวาดกลืนจนไร้ร่องรอย แอตแลนติส (Atlantis) เป็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในงานเขียนของเพลโตชื่อทีมาอุส (Timaeus) และ ครีติอัส (Critias) ซึ่งเป็นบทสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่บรรพบุรุษของเพลโตเล่าต่อกันมาว่า แอตแลนติสเป็นชนชาติที่อยู่บนเกาะ ในช่วงระหว่าง 11,500 ปีที่แล้ว ซึ่งได้พัฒนาอารยธรรม จนเจริญก้าวหน้าไปมาก ส่วนสาเหตุที่ทำให้ดินแดนแห่งนี้ล่มสลายนั้นมีทั้งจากภัยธรรมชาติหรือ จากตำนานเทพเจ้ากรีกที่ระบุว่าชาวเมืองแอตแลนติสมีความละโมบ และกระหายอำนาจ เทพเจ้า จึงลงโทษด้วยการทำลายเมืองไปในที่สุด นอกจากนี้ยังมีผู้สงสัยว่า แอตแลนติสที่แท้จริงอาจเป็น เพียงแค่จินตนาการของเพลโตก็เป็นได้

    แต่จากความรุ่งเรืองของอารยธรรมแห่งนี้ จึงเป็นมนเสน่ห์ดึงดูดให้ทั้งนักประวัติศาสตร์และนัก สำรวจพยายามค้นหาที่ตั้งของแอตแลนติส จากที่เพลโตได้เขียนไว้ว่า แอตแลนติสตั้งอยู่เลยเสา หินแห่งเฮอร์คิวลีส (Pillars of Hercules) ออกไป ซึ่งในปัจจุบัน คือ ช่องแคบยิบรอลตา (Gibraltar) ดังนั้นแอตแลนติส จึงควรอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก โดยน่าจะเป็นหมู่เกาะ อะซอเรส (Azores) หรือ มาดีราส (Madeiras) หรือ คานารีส (Canaries) แต่การศึกษา ทางโบราณคดีที่หมู่เกาะเหล่านี้ไม่ได้ให้หลักฐานใดๆ ว่าเคยเป็นอาณาจักรแอตแลนติส มาก่อน เมื่อไม่มีหลักฐานใดๆ ในแอตแลนติก ผู้คนที่ยังมีความศรัทธาในเรื่องของอาณาจักรแอตแลนติส ก็ได้หันมาพิจารณาคำของเพลโต ที่ว่า พิลาร์ ออฟ เฮอร์คิวลีส นั้นจริงๆ แล้ว เพลโตน่าจะหมาย ถึงช่องแคบ ดาร์ดาแนลเลส (Dardanelles) ของทะเลดำ (Black Sea) มากกว่าช่องแคบ ยิบรอลตา ดังนั้นการค้นหาแอตแลนติสจึงได้ถูกย้ายจากมหาสมุทรแอตแลนติกมากระทำในแถบ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) แทน

    โรเบิร์ต ซาร์แมสต์ (Robert Sarmast) นักวิจัยจากสหรัฐฯ ค้นพบว่าแอ่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) ได้จมลงไปขณะน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อประมาณ 1,900 ปีก่อนคริตกาล จึง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นบริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งของแอตแลนติส โดยบริเวณนี้จมลึกลงไปถึง 1 ไมล์ใต้ ้ทะเลระหว่างไซปรัส (Cyprus) และซีเรีย (Syria) จากการสแกนฟังเสียงสะท้อนใต้น้ำลึก แสดงว่ามีสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นบริเวณหุบเขาที่จมน้ำ รวมถึงกำแพงที่ยาวประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งกั้นอยู่บนยอดเขาและมีคูลึกล้อมรอบอยู่ด้วย เชื่อว่าพื้นที่ดังกล่าวน่าจะเป็นตำแหน่งของวิหาร แห่งเมืองแอตแลนติส

    แต่การค้นพบของซาร์แมสต์ ก็ถูกโต้แย้งโดย คริสเตียน ฮูบเชอร์ (Christian Huebscher) นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ฮูบเชอร์กล่าวว่า พื้นที่ที่ซาร์แมสต์พบนั้นเป็นปรากฏการณ์เมื่อ 10,000 ปี ีที่แล้ว ที่ภูเขาไฟได้พ่นดินโคลนออกมา

    ก่อนหน้านี้นักสำรวจได้พุ่งเป้าที่ชายฝั่งของสเปน คิวบา และทางตะวันตกของเกาะอังกฤษ ไม่เว้น แม้กระทั่งทะเลจีนใต้ โดยงานสำรวจที่เป็นชิ้นเป็นอันก่อนหน้านี้คือ ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณ อุทยานแห่งชาติดอนานาของสเปน (Donana) จากนักโบราณคดี มหาวิทยาลัยเอดินเบอร์ก (University Edinburgh) ของอังกฤษ ซึ่งภาพดังกล่าวได้พบสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่รูปสี เหลี่ยม 2 หลังจมอยู่ในโคลนใต้ทะเล โดยพบโลหะที่มีรัศมีเป็นวงกลมและมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ล้อมรอบ ทีมวิจัยในครั้งนั้นเชื่อว่าสิ่งก่อสร้างทั้ง 2 คือ วิหารทองคำที่ชาวแอนแลนตีสสร้างขึ้น เพื่อบูชาเทพโพเซดอน และวิหารเงินเพื่อบูชาพระนางไคลโต อันเป็นผู้ถือกำเนิดกษัตริย์ที่ปกครอง นครแอตแลนติส ซึ่งหลังที่ภาพถ่ายดาวเทียมได้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว พื้นที่ดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับ การขุดพิสูจน์แต่อย่างใด

    แอตแลนติสจึงเป็นตำนานอันลี้ลับ ให้มนุษย์ได้ศึกษาค้นคว้ากันต่อไป

    บทแปลต่อไปนี้ เป็นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแอตแลนติส ที่พระอียิปต์รูปหนึ่ง เล่าให้รัฐบุรุษกรีก ชื่อ โซลอน ( Solon ) ฟัง

    มีบันทึกเก่าแก่ของเรา เรื่องราวในอดีตแสนไกลว่า เมืองของท่านสกัดการบุกของกองทัพอันเกรียงไกร จากเกาะแสนไกลในมหาสมุทรแอตแลนติกได้อย่างไร กองทัพยิ่งใหญ่ที่มุ่งมั่นโจมตียุโรปทั้งหมด และเอเชียด้วย เอาละ เกาะนี้เป็นเกาะใหญ่มาก ใหญ่กว่าแอฟริกา และเอเชีย รวมกัน - และตั้งอยู่ตรงข้ามกับช่องแคบระหว่างเสาหินของเฮอคิวลีส

    เกาะแอตแลนติส ปกครองโดยตระกูลกษัตริย์ ที่ทรงอำนาจ ที่ปกครองมิใช่เพียงเกาะนี้ แต่เกาะอื่นๆ และบางส่วนของแผ่นดินใหญ่ด้วย ราชวงศ์กษัตริย์ ที่ปกครองแอฟริกาเหนือ ไกลออกไปถึงอียิปต์ และยุโรปใต้ไกลออกไปถึงอิตาลี

    ราชวงศ์ผู้ปกครองแอตแลนติส เป็นเชื้อสายของ เทพโพซีคอน ที่แบ่งดินแดนให้โอรสสิบองค์ปกครอง โอรสองค์โต เป็นกษัตริย์ของเกาะทั้งหมด เกาะที่มีชื่อเรียกว่าแอตแลนติส ส่วนมหาสมุทรยังเรียกเป็นแอตแลนติก เพราะว่ากษัตริย์พระองค์แรก ชื่อ แอตลาส ( Atlas ) โอรสองค์อื่นๆ ได้รับการจัดสรรดินแดนให้ปกครองทุกองค์ เชื้อสายของกษัตริย์แอตลาสเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก เป็นราช วงศ์ที่ร่ำรวย และทรงอำนาจอย่างที่ไม่เคยมีราชวงศ์ใดเคยทำได้มาก่อน หรือจะมีขึ้นอีก

    ชาวแอตแลนติส ไม่เพียงแต่สั่งสินค้าส่วนใหญ่จากภายนอก แต่พวกเขาเองก็ผลิตแทบจะทุกสิ่งได้ที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน โลหะแข็ง โลหะอ่อน และโลหะซึ่งเหลือแต่ชื่อ คือ โอริชาลคัม โลหะที่มีค่ามากที่สุด ยกเว้นทองคำ และแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้สีเขียวทุกหนแห่ง อากาศที่แสนวิเศษ ทำให้ผลไม้สุกปีละสองครั้ง ในแผ่นดินมีช้าง และสัตว์อื่นๆ มากมาย ทั้งสัตว์ป่า และสัตว์เลี้ยง

    นครบนเขากลางเกาะ มีเส้นผ่าศูนย์กลางสามพันฟุต และเป็นนครอันชวนพิศวง สะพานถูกสร้างข้ามช่องแคบทะเลโดยโพซีดอน คลองถูกขุดจากนครสู่ทะเล และป้อมปราการเคลือบด้วยตะกั่ว ทองเหลือง และโอริชาลคัมสีแดง

    ณ ตำแหน่งใจกลางนคร คือ มหาราชวังและวิหารยิ่งใหญ่แห่งเทพโพซีดอน สถานศักดิ์สิทธิ์ ล้อมรอบด้วยกำแพงทอง ปกคลุมด้วยเงิน เด่นเป็นสง่าด้วยหอคอยทองคำเหนือหลังคางาช้าง ภายในวิหารมีอนุสาวรีย์ทองคำขององค์เทพ ขนาดใหญ่โตมโหฬาร จนกระทั่งสัมผัสหลังคาวิหาร ลากด้วยม้ามีปีกหกตัว ล้อมรอบด้วยเทพแห่งทะเล เป็นจำนวนร้อยขี่ปลาโลมา และที่ด้านนอกวิหาร มีอนุสาวรีย์ทองคำเจ้าชายแห่งแอตแลนติสทุกองค์พร้อมด้วยชายา
     
  3. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    และในเกาะมีน้ำพุร้อนและเย็น สำหรับอาบ เป็นน้ำพุประดับ สวนสาธารณะและสวนผลไม้ มีที่สำหรับออกกำลังกายสำหรับบุรุษและม้า สนามม้าแข่งขนาดใหญ่ โรงทหาร ห้องคนเฝ้ายาม อู่เรือ ท่าเรือ เต็มไปด้วยเรือสิน ค้าและเรือทหาร

    ที่ราบรอบนครล้อมรอบด้วยภูเขา และคลองหลายคลองลึกหนึ่งร้อยฟุต กว้างหกร้อยฟุต ทั้งหมดรวมกันแล้วยาวมากกว่าสามพันไมล์ แล้วกษัตริย์ทั้งสิบผู้ครองเกาะ ร่วมประชุมกัน ให้สัตย์ปฏิญาณต่อกันว่า จะช่วยเหลือกันเมื่อเผชิญกับสงคราม และพวกเขามีรถศึกหนึ่งหมื่นคัน กองทัพเรือ มีเรือมากกว่าหนึ่งพันลำ

    เวลาผ่านไปหลายชั่วอายุสมัย ผู้คนแห่งเกาะเป็นพลเมืองผู้เคารพกฎหมาย กษัตริย์ของพวกเขาก็ปกครองอย่างชาญฉลาดและยุติธรรม ไม่ให้คุณค่าแก่ทรัพย์สมบัติ ยกย่องคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ส่วนที่ดีแห่งจิตวิญญาณของพวกเขาก็ลดน้อยถอยลงไป และในหัวใจมีแต่ความทะเยอทะยานอย่างไม่คำนึงถึงกฎหมาย คลั่งไคล้หลงไหลในอำนาจ

    แล้ว ซูส กษัตริย์แห่งทวยเทพ ตระหนักถึงความเสื่อมทรามที่กำลังเกิดกับชนชาวแอตแลนติส ตั้งพระทัยจะลงโทษพวกเขา เพื่อว่าพวกเขาจะได้มีสติขึ้นมาอีก ซูสจึงเรียกทวยเทพมาชุมนุมกัน

    ดังนั้น กองทัพแห่งแอตแลนติสจึงรวมกำลังกัน มุ่งหวังจะพิชิตเฮลลาส และอียิปต์ และฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมด และแล้ว มันก็เกิดขึ้น พระอียิปต์ปลอบใจโซลอน บุรุษแห่งเอเธนส์ได้แสดงออกถึงความกล้าหาญและความเก่งกล้าต่อโลก ในตอนแรก และในฐานะผู้นำของเฮลเลนส์ และแล้วก็ยืนอยู่อย่างเดียวดาย เมื่อถูกคนอื่น ๆ ผละหนีหาย หลังจากที่ได้เผชิญกับสุดยอดแห่งภยันตรายแล้ว เขาก็สามารถเอาชนะฝ่ายรุกรานได้ และสร้างอนุสรณ์สถานเอาไว้ รักษาความเป็นอิสระแก่คนจากความเป็นทาส และปลดปล่อยคนอื่น ๆ จากความเป็นทาส



    <center> </center>

    แต่แล้วก็เกิดมหันตภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหวและน้ำท่วมใหญ่ ทั้งวันและคืนที่โหดร้าย แผ่นดินแยกและกลืนกินชีวิตนักรบของเอเธนส์ทั้งหมด ในขณะที่เกาะยิ่งใหญ่แห่งแอตแลนติสก็จมหายไปในทะเล และมาถึงทุกวันนี้ น้ำมหาสมุทรที่ตำแหน่งนั้นก็ตื้นเขิน เรือผ่านไม่ได้ กลายเป็นสันดอนดินโคลน ซึ่งเกิดจากแผ่นดินเมื่อเกาะถล่ม
    ข้อมูลจาก
    siamtalks
    dek-d.com
    wikipedia
    http://www.pantip.com
    http://www.pantip.com
    ที่มา BlogGang.com : : a00152 :
     
  4. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    <center>คำพยากรณ์เหตุการณ์สำคัญของโลก ปี 2551และปี 2560

    </center>


    จาก http://www.buddha-dhamma.com

    คำพยากรณ์เหตุการณ์สำคัญของโลก
    ในปี 2560 และ 2551
    ของบรรดาครูบาอาจารย์ โหรสำนักต่างๆ และอาจารย์ในทางวิชาโหราศาสตร์


    1. ในปี 2560 จะมีอะไรเกิดขึ้น

    1.1 อุกกาบาตถล่มโลก

    จากคำทำนายของครูบาอาจารย์บางท่านว่าอุกกาบาตลูกใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 1 กิโลเมตร อาจจะเข้ามาชนโลกในปี 2560 ได้ ภาพหายนะดังกล่าวยังมีอยู่อุกกาบาตลูกนี้ เดินทางมาด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อวินาที หรือมีความเร็วเท่ากับ 360,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ฟิสิกส์คำนวณว่า น่าจะมีอำนาจทำลายล้าง เท่ากับระเบิดปรมาณูที่สหรัฐอเมริกานำไปถล่มที่เกาะฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2488 จำนวน 80,000 ลูกรวมกัน ซึ่งคาดหมายว่า จะมีคนตายรวมกันครั้งเดียวไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านคน จากนั้นแรงสั่งสะเทือนเลื่อนลั่นดังกล่าว ก็จะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวทั่วโลก รวมทั้งคลื่นยักษ์สึนามิ ก็จะมีติดตามมา อันเป็นความเชื่อว่าจะมีน้ำท่วมใหญ่ทั่วโลก อาจถึงขนาดเข้าสู่ยุคสมัยโนอาร์ใหม่ ต่างกันตรงที่มิใช่พระผู้เป็นเจ้าหลั่งน้ำตา 40 วันติดต่อกันเท่านั้น สภาพภูมิศาสตร์ของประเทศต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงไป พื้นดินหลายส่วน บางส่วนจะโผล่จากพื้นใต้น้ำมาเป็นผืนแผ่นดินใหม่ มีชื่อว่า เกาะแอตแลนติส เป็นต้น

    สำหรับแนวที่จะเกิดภูเขาไฟระเบิดที่จะติดตามมา หรือบริเวณ “ริง ออฟ ไฟร์” หรือ วงแหวนแห่งไฟ ซึ่งจะเกิดตั้งแต่ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ไปถึงลอสแองเจลลิส ซานฟรานซิสโกและหลาย ๆ มลรัฐในสหรัฐอเมริกา จะเกิดการประทุอย่างรุนแรงของลาวาร้อนใต้พิภพพุ่งขึ้นมาสู่ผิวโลก สร้างหายนะครั้งใหญ่

    ผลพวงที่จะติดตามมาก็คือ ความอดอยากหิวโหย และความแร้นแค้นเป็นมหาทุพภิกภัยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก บรรยากาศของโลกจะเปลี่ยนแปลงไป ปรากฏการณ์ใหม่ที่เรียกว่า “เดอะ เกรท คิง ออฟ เทอร์-เรอร์” ก็จะเกิดขึ้น คือ บางแห่งที่หนาวก็จะหนาวจัด บางแห่งที่ร้อนก็จะร้อนจัด ที่เคยร้อนก็อาจกลายเป็นหนาว พืชพันธุ์ธัญญาหารจะถูกทำลายไปเป็นส่วนมาก การทำสงครามแย่งชิงอาหารจะเกิดขึ้น โรคระบาดร้ายแรงก็จะติดตามมา และเชื่อว่า ในประเทศไทย จะได้เห็นหิมะของจริงตก ไม่เกินปี 2560 อย่างไรก็ตามภายในปี 2549 - 2551 นี้ ให้ฟังข่าวจากต่างประเทศให้ดี จะมีการประกาศเขตหายนะในหลายจังหวัดของประเทศไทย และในหลาย ๆ มลรัฐของสหรัฐอเมริกา และหลายพื้นที่ของโลก ซึ่งยังไม่ถึงระดับร้ายแรงของโลกเป็นระดับร้ายแรงของแต่ละชาติ เป็นเพียงการเตือนของธรรมชาติและจักรวาลเท่านั้น

    1.2 สงครามอาร์มาเกดดอน

    - สงครามอาร์มาเกดดอน เป็นเนื้อหาที่มีการจารึกอยู่ในพระคัมภีร์เก่าของพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ (โอลด์ เทสเม้นท์) โดยศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ 7 ประการ หากมีเมื่อไร ให้มนุษยชาติจงรับรู้ เถิดว่าความฉิบหายวิบัติ กำลังจะเกิดขึ้นในโลกของเราแล้ว โดยในพระคัมภีร์เก่าเรียกว่า สงครามล้างโลก

    - เหตุการณ์ทั้ง 7 ประการจะเกิดก่อนมีสงครามล้างโลกนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวได้แก่

    1. มีการอาศัยศาสนาเป็นเครื่องหลอกลวงต้มตุ๋นประชาชนมาก

    2. มีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นในหลายๆ แห่งของโลก

    3. มีการเกิดสงครามระหว่างประเทศในหลายๆประเทศ

    4. เกิดสภาวะสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ

    5. มีแผ่นดินไหวหลายแห่ง

    6. มีความวิปริตผันแปรทางธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศไม่เป็นไปตามที่เคยเป็น มีลูกเห็บขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า

    7. เกิดเชื้อโรคร้ายแรงระบาด รักษาไม่หายขาด

    - ณ บริเวณละติจูด 45 องศา จะกลายเป็นทะเลเพลิง ซึ่งหลายคนเชื่อว่า หมายถึง มหานครนิวยอร์ค จะเป็นสัญญาณให้ทราบว่าก่อนการเกิดสงครามอาร์มาเกดดอน รวมทั้งประเทศอาเจนติน่า จะถูกรุกราน เพราะเป็นแหล่งผลิตอาหารใหญ่ของอเมริกาใต้ ยุโรปจะมีปัญหาวิกฤต สหรัฐจะรวมจาไมก้า คิวบา ไฮติ และเม็กซิโก เข้าเป็นมลรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกา กองเรือของสหรัฐอเมริกาจะถูกทำลาย รวมทั้งพันธมิตรของสหรัฐ เช่น อิสราเอล ตุรกี จะย่อยยับ แอฟริกาจะอดอยากแร้นแค้นมากขึ้น จีนจะรุกรานเวียตนาม ญี่ปุ่นจะมีปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก (ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ บางเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว แต่อีกหลายเหตุการณ์ยังไม่เกิด คาดว่าจะเกิดครบ น่าจะเกิดครบในปี 2017 หรือ ปี 2560 โปรดเก็บเอกสารนี้ ไว้ตรวจสอบ)

    1.3. แกนโลกเคลื่อนที่

    - ถ้าเราได้ข่าวว่าแกนโลกเคลื่อนที่ หรือเอียงไปจากองศาเดิม 23.5˚ เมื่อนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติอย่างสำคัญ และจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตมนุษย์ สัตว์ และพืชพันธุ์ธัญญาหาร พื้นแผ่นดินที่เราอยู่อาศัยในปัจจุบันอาจยุบตัวลงประมาณ 9 เมตร น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกจะหลอมละลายผิดปกติ ปริมาณน้ำในทะเลและมหาสมุทรจะเพิ่มมากขึ้นจำนวนมหาศาล ส่วนใหญ่ของเกาะอังกฤษ และญี่ปุ่นจะจมอยู่ใต้น้ำ ยุโรปตอนเหนือจะถูกน้ำท่วมหนัก ชายฝั่งด้านตะวันตกของสหรัฐอเมริกาจะจมอยู่ใต้น้ำเช่นเดียวกัน แต่นอกฝั่งตะวันออกของอเมริกาเหนือ จะมีแผ่นดินใหม่ชื่อว่า แอตแลนติสโผล่ขึ้นมา และมนุษย์จะได้พบ “แคปซูลเวลา” ที่เกาะแอตแลนติส ซึ่งบรรจุเรื่องราวของประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่แตกต่างไปจากที่เราได้เคย รับการอบรมสั่งสอนกันมา

    - การเอียงของแกนโลก จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ มีผลทำให้ลอสแองเจลลีส ซานฟรานซิสโก และแมนฮัตตันพังทลายพร้อม ๆ กับนิวยอร์ค จะมีการระเบิดของภูเขาไฟมากมายติดตามมา เป็นยุคที่เอ็ดการ์ เคย์ซี เรียกว่า “ยุคแห่งบาดแผลอันยิ่งใหญ่” แต่จะเกิดขึ้นเมื่อไรนั้น เอ็ดการ์ เคย์ซี ไม่สามารถระบุได้ เพียงแต่เห็นในภาพนิมิตเท่านั้น แต่หลายท่านคาดว่าน่าจะเกิดในปี 2017 หรือปี พ.ศ. 2560 )

    - หลังจากผ่านยุคบาดแผลอันยิ่งใหญ่แล้ว ก็จะมีการกลับมาใหม่อีกครั้งของพระคริสต์ ผู้นำแสงสว่างแห่งยุคใหม่มาสู่มวลมนุษยชาติ จะเป็นยุคของการมีสันติภาพ และมีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและจิตวิญญาณไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งคาดว่าจะเกิดราวปี 2019 (พ.ศ. 2562) นั่นก็หมายความว่า มนุษยชาติในยุคต่อไป ยังคงมีอยู่ และไม่เพียงเจริญทางด้านวัตถุเท่านั้น จิตวิญญาณก็มีพัฒนาการที่ดีด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2012
  5. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    2. ในปี 2551 จะมีอะไรเกิดขึ้น

    2.1 นักพยากรณ์ชาวรัสเซีย ทำนายว่า แกนของโลกจะเอียงลาดไปอีก 30 องศา และเอียงอย่างปัจจุบันทันด่วน มีผลทำให้คาบสมุทรสแกนดิเนเวียทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำ อังกฤษและญี่ปุ่น หายไปจากแผนที่โลก โดยโลกรอดพ้นหายนะครั้งนี้ได้ เนื่องจากมีมนุษย์ต่างดาวเข้ามาให้ความช่วยเหลือ หรือแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้ายให้หายนะลดลง

    2.2 นักพยากรณ์ชาวโปรตุเกส ทำนายว่า ประชากรของโลกจะถูกทำลายล้างด้วยนิวเคลียร์ และหายนะจากสิ่งแวดล้อม เมืองทั้งหลายจะถูกทลายราบเป็นหน้ากลอง โลกทั้งโลกจะตกอยู่ในทะเลเพลิง

    2.3 นักพยากรณ์ชาวอินเดีย ทำนายว่า จะมีเหตุการณ์ทำลายล้างครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดภัยธรรมชาติ และวิบัติภัยจากการกระทำของ มนุษย์ อุทกภัยที่ยิ่งใหญ่ในรอบ 5000 ปี จะมีแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และมีการใช้นิวเคลียร์ถล่มเมืองใหญ่ๆ เช่น โตเกียว นิวยอร์ค ซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลลีส และบอมเบย์ จะถูกทำลาย คนในเมืองเหล่านี้ตายเกือบหมด

    2.4 นักพยากรณ์ชาวอเมริกัน ทำนายว่า แกนโลกจะเอียงจากปัจจุบัน 23.5 องศา ไปเป็น 45 องศา จะทำให้สหรัฐอเมริกาพบอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุด มีคลื่นยักษ์สึนามิ แผ่นดินไหว และพายุเฮอริเคน จะมีความปั่นป่วนทางการเมือง และทุพภิกขภัย ไปทั่วสหรัฐอเมริกา อันเป็นหายนะที่หนักที่สุดตั้งแต่มีประเทศสหรัฐอเมริกามา

    2.5 โหรชื่อดังชาวอเมริกัน ทำนายว่า แอนตี้ไครสต์จะปรากฏตัวในปี 2008 และสร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลก เป็นเวลา 7 ปี ซึ่งเรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “ห้วงแห่งทุกข์เข็ญ” ระหว่างปี 2008 – 2015 (ปี 2551 – 2558)

    2.6 นักพยากรณ์เรื่องของโลก บางท่านทำนายแตกต่างออกไปว่า

    2.6.1 โลกจะพบความวิบัติอย่างวินาศสันตะโร เมื่อประชากรโลกมีครบ 6,660 ล้านคน (ประมาณปี พ.ศ. 2551 หรือ ค.ศ. 2008 ก็คือวาระตามคำทำนายของนักพยากรณ์ท่านนี้นั่นเอง – ผู้เขียน)
    2.6.2 น้ำแข็งในขั้วโลกใต้แตกตัวและละลาย มีผลทำให้แกนโลกเปลี่ยนแปลง น้ำแข็งและน้ำเย็นจำนวนล้านล้านตัน จะแผ่กระจายไปทั่วโลก แม้ดินแดนทะเลทรายที่อิยิปต์ ก็มีน้ำท่วมถึงกึ่งกลางปิรามิด ประมาณปี 2008 (พ.ศ. 2551)

    วันจันทร์ ตุลาคม 2550
    คำพยากรณ์เหตุการณ์สำคัญของโลก ปี 2551และปี 2560 จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net
     
  6. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    คำพยากรณ์ชะตาของโลก (ดร.เอ็ดการ์ เคย์ซี) โดยคุณ นฤมิต 24-11-2004
    (ไม่มีอ้างอิงแหล่งที่มา โปรดใช้วิจารณญาณ ไม่รับรองความถูกต้องเพราะบอกที่มาไม่ได้)

    ไม่มีเวลาที่แน่นอน โปรดใช้วิจารณ_าณในการอ่าน
    1.การวิวัฒนาการของมนุษย์ จะมีพาหนะชนิดใหม่เกิดขึ้น

    2.พื้นดินภาพตะวันตกเฉียงเหนือ ของอเมริกา จะถูกดูดลงในโพรงของโลก หลังจากเกิดการผิดพลาดในการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ที่ นาวาโฮและพิวโบล เกิดแผ่นดินไหวครั้งให_่

    3.มียาชนิดใหม่ที่มีแคลอรี่สูงทำให้ผู้ห_ิงสามารถคลอดลูกได้ภายใน 9 สัปดาห์

    4.นักวิทยาศาสตร์_ี่ปุ่นสร้างอุปกรณ์ย้อนอดีตและไปสู่อนาคตได้สำเร็จ ขณะเดียวกันก็ส่งกองกำลัีงไปในอดีตสงครามโลกครั่งที่ 2 เพื่อแก้ประวัติศาสตร์เสียใหม่

    5. คนต่างชาติที่ชั่วช้า ผู้ชั่วร้ายจากแผ่นดินกลาง ลงมือฆ่ามนุษย์ สองล้านคน และทำลายปราสาทที่นิวยอร์ค ชิคาโก และเมืองเล็กๆ อีกหลายแห่ง ทันใดทูตสวรรค์ก็ปรากฎบนท้องฟ้าแล้วคนก็ฟื้นขึ้น มาอีกครั้ง
    6.มีพระนักบวชรูปหนึ่งสามารถเดินทะลุกำแพงได้และสอนให้คนนับล้านได้รับรู้

    7.พบมนุษย์ประหลาดที่ป่าเขตร้อนของอเมริกา มีหัวเหมือนหลอดไฟ มีสมองและวิวัฒนาการมากกว่าคนหลายเท่า มีไอคิวถึง 190

    8.นักวิทยศาสตร์ชาวรัสเซียได้รับสั_าณวิทยุทางไกลจากมนุษย์ต่างดาว ถอดคำสั่งออกมาแล้วเป็นคำสั่งให้ปลาโลมาทำร้ายมนุษย์
    9.ประธานาธิปบดีคนแรกที่มาจากพรรคคอมมิวนิสต์ถูกฆ่าตายให้ห้องทำงานรูปไข่ หลังจากได้รับตำแหน่งเพียงสัปดาห์เดียว

    10. สิ่งก่อสร้างเป็นรูปหน้าคนขนาดใหญ่ ส่งสัญญาณคลื่นไมโครเวฟ จากดาวอังคาร มาเตือนชาวโลก(ภาพโทรทัศน์) ให้ระวังโลกจะถูกบุกจากกองกำลังต่างดาว

    11. ค้นพบเวทย์มนต์ที่ทำให้คนสวดเป็นหนุ่มเป็นสาวได้ แต่ต่อมาพบว่าเป็นบทสวดของลัทธิซาตาน คำสวดจึงถูกหวงห้าม

    12. อาณาจักรแอตแลนติสที่หายไปจะโผล่ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมสิ่งก่อสร้างที่มี หลังคาเป็นรูปโดม ครึ่งวงกลมและวิทยาการล้ำยุค ผู้อยู่ในนครใต้บาดาลนั้น คือ มนุษย์จากต่างดาว

    13. พบภาพถ่ายสำคัญ บอกถึงหลักฐานการจมของเรือไททานิคเมือ 88 ปีก่อน ไม่ได้จมเพราะชนกับภูเขาน้ำแข็ง แต่เป็นเพราะตอปิโดที่ยิงมาจากอากาศ


    14. มนุษย์พันธ์ผสมแมลงถูกสร้างขึ้น โดยการตัดต่อพันธุกรรมระหว่างคนกับแมลง ทำให้มีชีวิตยาว และกระโดดได้ไกล และบินได้


    15. อากาศวิปริตแปรปรวนทำลายล้างสหรัฐอเมริกาอย่างหนัก จะเกิดภาวะทางเศรษฐกิจตกต่ำอีกครั้งและรุนแรงกว่าครั้งแรก

    16.แกนโลกเอียงกระทันหันจากแรงดึงดูดของดาวหางที่มีขนาดโตกว่าโลกถึง 2 เท่า โคจรเฉียดโลก ทำให้ขั่วโลกเหนือและใต้กลับทิศทางกัน ทำให้คนตายไปกว่าครึ่งโลก

    17.อิสราเอลใช้ขีปนาวุธนิวเคลียร์ยิงถล่มอิรักและถูกตอบโต้กลับมาด้วยหัวรบก๊าซพิษ สองหัว มีคนตายถึงสองแสนคน

    18. มีผู้อ้างตนว่าเป็นนักบุ_และผู้วิเศษเดินทางออกโปรดสัตว์ทั่วโลก รวมทั้งปรากฎตัวทางโทรทัศน์เพื่อเผยแพร่คำสอน ต่อถูกฉีกหน้ากาก แท้จริงเป็นนักลวงโลก

    19.เชื้อไวรัสชนิดใหม่ถึง 120 สายพันธ์ แพร่มาจากป่าลึกในทวีปแอฟริกาและกระจายไปทั่วโลก


    20.ก๊าซโอโซนที่ขั้วโลกได้แตกออกเป็นโพรงให_่กว่าเดิมถึง 3 เท่า ทำให้มีคนอพยพมาอยู่ขั่วโลกเหนือจำนวนมาก

    21. องค์การสหประชาติ รณรงค์ให้เลือกตั้งรัฐบาลโลกเดียว


    22.ซากศพนับล้านลุกขึ้นมาจากหลุมศพขณะที่ประตูนรกเปิดเพื่อรับวิ__าณบาปลงนรก



    ปล.จากคอมเม้นท์ของคุณ zipper

    [​IMG]
    เคยอ่านคำทำนายของดร.เอ็ดการ์ เคย์ซีมาบ้างแต่ไม่เคยได้ยินอย่างที่ว่ามาเลยอ่ะ

    คำพยากรณ์ชะตาของโลก (ดร.เอ็ดการ์ เคย์ซี)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2012
  7. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    27/02/2553
    แผ่นดินไหวชิลีทำแกนโลกเอียง
    เวลาช้าลงไป1.26ไมโครฯ ผู้นำหญิงของชิลีประกาศรับความช่วยเหลือจากทั่วโลก อยากได้หลายอย่างเช่น โทรศัพท์ดาวเทียม และ โรงพยาบาลสนาม เป็นต้น ขณะบริษัทไวน์ยักษ์สุดระทม พื้นที่เพาะปลูกไร่องุ่นเสียหายจากแผ่นดินไหวรุนแรง ขอเว้นวรรคการผลิต 1 สัปดาห์ ด้านเมืองคอนเซปชั่น ชาวบ้านหิวโหยถึงขั้นก่อม็อบเผาซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้รัฐบาลต้องเสริมกำลังทหาร 7,000 คนเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อย ส่วนโฆษกรัฐบาลไทยแถลง ติดต่อคนไทยทั้ง 60 คนได้แล้ว ปลอดภัยดี และให้เงินช่วย 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ แผ่นดินไหวรุนแรงในชิลี ยังทำให้แกนโลกเอียงไป 8 ซม. จากการเปิดเผยของนักวิทยาศาสตร์องค์การนาซ่า ส่งผลให้เวลาในหนึ่งวันช้าลงไป 1.26 ไมโครวินาที สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจาก กรุงซันติอาโก ประเทศชิลี เมื่อวันที่ 2 มี.ค. แจ้งความคืบหน้าของเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 8.8 ริคเตอร์ในประเทศชิลีเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา สำนักงานบริหารสถานการณ์ ฉุกเฉินแห่งชาติของรัฐบาลชิลีแถลงว่า ยอดผู้เสียชีวิตเมื่อนับถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 723 ศพแล้ว และยังสูญหายอีก 19คน มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนประมาณ 2 ล้านคน หรือ 1 ใน 8 ของประชากรทั่วประเทศ โดยมีเขตภูมิภาคมัวเล ทางตอนกลางของประเทศมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด 544 ศพ แรงสั่นสะเทือนยังทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มภาคกลางและภาคใต้ของชิลี รวมไปถึงคำเตือนถึงอันตรายจากคลื่นยักษ์สึนามิไปทั่วมหาสมุทรแปซิฟิก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังมีเหตุการณ์ปล้นสะดมร้านค้า และเผาซูเปอร์มาร์เกต เพื่อค้นหาอาหาร โดยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายฝูงชนหลายสิบคนที่บุก เข้าไปในซูเปอร์มาร์เกตชื่อ บิ๊กเกอร์ ซูเปอร์มาร์เกต แต่คนที่อยู่ข้างในกลับตอบโต้ด้วยการจุดไฟเผาซูเปอร์มาร์เกต ทำให้เกิดเพลิงไหม้และกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมา หลังคาพังถล่มลงมาทับอาสาสมัครผจญเพลิง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน นับเป็นร้านค้าแห่งที่สองแล้วที่ถูกชาวบ้านจุดไฟเผา เพราะอ้างว่า ข้างในร้านค้า มีทั้งน้ำ อาหาร และอื่น ๆ แต่ตำรวจกลับไม่ยอมให้ชาวบ้านที่กำลังอดอยากเข้าไปข้างใน ทั้งที่มีการประกาศเคอร์ฟิว หรือคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถานยามวิกาลแล้วในเมืองแห่งนี้ ซึ่งนางมิเชล บาเชเลต์ ประธานาธิบดีหญิงแห่งชิลี แถลงว่า มีคำสั่งเสริมกำลังทหารเข้าไปอีก 7,000 คน ในพื้นที่ประสบภัยเขตบิวบิว กับ มัวเล สำหรับความช่วยเหลือจากนานาชาติเริ่มทยอยหลั่งไหลเข้าไปยังชิลี เช่นอุปกรณ์สื่อสารและความช่วยเหลืออื่น ๆ หลังจาก ที่ประธานาธิบดีมิเชล บาเชเลต์ ร้องขออยากได้สะพานเคลื่อนที่ โรงพยาบาลสนาม โทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านดาวเทียม เครื่องปั่นไฟ ทีมประเมินความเสียหาย ระบบผลิตน้ำสะอาด ชุดครัวสนาม และโรงครัว เป็นต้น ซึ่งนาง ฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศ สหรัฐ กล่าวว่า จะนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านดาวเทียมไปด้วย 20 เครื่อง พร้อมกับช่างเทคนิค ระหว่างไปเยือนกรุงซันติอาโกในวันอังคารนี้ นายโรบิน ราคัสซิน นักวิทยาศาสตร์ด้านแผ่นดินไหวแห่งสถาบันฟิสิกส์ เดอ โกลบ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า แผ่นดินไหวที่ชิลีได้ปลดปล่อยพลังงานออกมาเกือบ 1,000 เท่าเมื่อเทียบกับแผ่นดินไหวครั้งเดียวที่ประเทศเฮติ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ความสูญเสียกลับน้อยกว่าถึง 200 เท่า เมื่อเทียบตัวเลขความสูญเสียจากผู้เสียชีวิต โดยแผ่นดินไหวที่ชิลีนั้นตัวเลขผู้เสียชีวิตเกินกว่า 700 ศพ แต่ที่เฮติมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 220,000 ศพ และแผ่นดินไหวทั้งสองครั้งนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งในประเด็นของแรงสั่นสะเทือนกับระดับความเสียหาย สถาบันแผ่นดินไหวและภูเขาไฟของฟิลิปปินส์แถลงว่า วันเดียวกันนี้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.1 ริคเตอร์ ทางเหนือสุดของเกาะลูซอน ซึ่งอยู่ด้านทิศเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย ขณะที่สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐแจ้งด้วย ว่า เกิดแผ่นดินไหวระดับปานกลาง วัดได้ 5.0 ริคเตอร์ ในเขตบิเชคค์ ทางเหนือของประเทศคีร์กิซสถาน เมื่อเวลา 07.55 น. เช้าวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับ 08.55 น. วันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย แรงสั่นสะเทือนยังรู้สึกได้ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างคาซัคสถาน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบความเสียหายเล็กน้อย เช่น เกิดรอยร้าวตามกำแพง หลังคา อาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ นอกจากนั้นยังมีแผ่นดินไหว 5.1 ริคเตอร์ นอกชายฝั่งเกาะโอกินาวา ทางใต้ของประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย ในส่วนของประเทศไทย เมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกันนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมมีมติให้ความช่วยเหลือเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศชิลี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยอนุมัติเงินช่วยเหลือ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะสามารถส่งเงินดังกล่าวได้ภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้การช่วยเหลือดังกล่าว เป็นการแสดงถึงมนุษยธรรมและเป็นการแสดงน้ำใจไมตรี ซึ่งรัฐบาลจะประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องว่า ชิลีต้องการความช่วยเหลือด้านใดอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สามารถติดต่อคนไทยที่อยู่ในชิลีทั้ง 60 คนได้แล้ว ทุกคนปลอดภัยดี โดยในจำนวนนี้มีนักเรียนแลกเปลี่ยน 15 คนรวมอยู่ด้วย สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานด้วยว่า นายเบนจามิน ฟง เจา นักวิทยาศาสตร์แห่งศูนย์เที่ยวบินอวกาศ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ (นาซา) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศชิลีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้แกนของโลกเอียงไปจากตำแหน่งเดิม แม้จะไม่สำคัญเท่าใดนัก แต่ก็เปลี่ยนไปจากตำแหน่งเดิมอย่างถาวร แล้วยังส่งผลให้ระยะเวลาในหนึ่งวันสั้นหรือช้าลงไป 1.26 ไมโครวินาที (1 ไมโครวินาที เท่ากับ 1 ในล้านวินาที) แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่ส่งผลต่อการหมุนรอบตัวเองของโลก มีผลไปถึงการกำหนดระยะเวลาของวันด้วย นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองโดยเปรียบเทียบกับนักสเกต หากใช้แขนแกว่งเข้าช่วย จะทำให้การเคลื่อนที่เร็วขึ้น ส่วนนายริชาร์ด กรอสส์ นักธรณีฟิสิกส์ของห้องทดลองขับเคลื่อนพลังงาน ไอพ่นขององค์การนาซาที่เมืองพาซาเดน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ทดลองโดยใช้คอมพิวเตอร์จำลองแบบเหตุแผ่นดินไหว 8.8 ริคเตอร์ ในประเทศชิลีเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ว่าจะมีผลอย่างไรต่อโลกบ้าง และพบว่า แกนของโลกเอียงไป 3 นิ้ว หรือ 8 ซม. ซึ่งหากแกนโลกเอียงจากเดิมจะทำให้ระยะเวลาสั้นลงไป ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา ได้มีแผ่นดินไหว 9.1 ริคเตอร์ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 เกิดคลื่นยักษ์สึนามิรุนแรง และทำให้เวลาสั้นลงไป 6.8 ไมโครวินาที.


    <table align="center" width="98%"><tbody><tr><td align="right" width="75%">ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ </td><td align="center" width="25%">[​IMG]</td></tr></tbody></table>
     
  8. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ความลับของพีระมิด
    สุดยอดเทคโนโลยี ที่หลงเหลือจาก...แอตแลนติส
    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ


    ความลี้ลับมหัศจรรย์ของ “พีระมิด” และ “พลังพีระมิด” ยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทาย ต่อภูมิปัญญาของมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัยตราบเท่าจนปัจจุบันนี้ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่สามารถให้ความกระจ่างชัดเจนได้ว่าใครคือผู้สร้างพีระมิด มหาพีระมิดทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พลังพีระมิด” มีประโยชน์อย่างไร

    ความรู้เกี่ยวกับ “พลังพีระมิด” ที่ได้เรียบเรียงขึ้นนี้ เป็นองค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ที่รู้ได้ด้วย การใช้ญาณทัสนะ ศึกษาฐานความรู้ สาเหตุของการสร้าง ใครเป็นผู้สร้าง รวมทั้งการประยุกต์เพื่อนำประโยชน์ของ “พลังพีระมิด” มาใช้เป็นอุปกรณ์เสริมในการฝึกสมาธิและฝึกการใช้พลังจิตช่วยรักษาโรคและ สร้างภูมิต้านทานด้วยตนเอง

    ฉะนั้นองค์ความรู้เหล่านี้จึงมีลักษณะเฉพาะ ซึ่งอาจจะมีความแตกต่างจากแหล่งความรู้อื่น เพราะความรู้เหล่านี้ได้มาจากการศึกษาด้วย “จิต” เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตที่ละเอียดอ่อนเกินกว่าจะใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ สมัยใหม่เข้ามาพิสูจน์ได้ ดังนั้น แต่ละบุคคลจะสามารถเรียนรู้และสัมผัสในพลังจิตและพลังพีระมิดได้จริงจากการ ทดลองฝึกปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้นไม่ใช่เรียนรู้จากการอ่าน และสร้างความรู้สึกคล้อยตาม

    ฐานที่มาของความรู้เรื่องพีระมิด พลังพีระมิด พอจะกล่าวย่อๆ ได้ดังนี้

    จากประวัติศาสตร์โลก เมื่อประมาณ 10,000 ปีเศษ ได้กล่าวถึงอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่มีความเจริญรุ่งเรืองมากบนทวีปแอตแลนติก ชาวแอตแลนตีสในยุคนั้นมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ทางจิตสูงมาก โดยเฉพาะความรู้ในการสร้างพีระมิดและนำพลังแกนพีระมิดมาใช้ให้เกิดประโยชน์ รวมทั้งวิวัฒนาการในการสร้างอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรง โดยการนำพลังงานเส้นแสงมาใช้ซึ่งอาวุธชนิดนี้เรียกว่า “อาวุธแสง”

    ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน สามารถค้นพบพลังงาน และนำมาใช้ประโยชน์เพียง 5 ชนิดจากจำนวนพลังงาน 7 ชนิด คือ

    1. พลังงานความร้อน

    2. พลังงานแสง

    3. พลังงานเสียง

    4. พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า

    5. พลังงานปรมาณู

    6. พลังงานเส้นแสง

    7. การเปลี่ยนพลังงานจากวัตถุเป็นพลังงานแสง และการเปลี่ยนจากพลังงานเสงเป็นวัตถุ

    พลังงานลำดับที่ 6 คือพลังงานเส้นแสง นักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันได้ค้นพบแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนจของการพัฒนาแต่ชาวแอตแลนตีสในยุคที่ผ่านมาถึง 10,000 ปีเศษ ได้มีการนำพลังงานตัวนี้มาใช้ก่อนแล้ว

    พลังงานลำดับที่ 7 คือการเปลี่ยนพลังงานจากวัตถุเป็นพลังงานแสง และการเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นวัตถุ ซึ่งเป็นวิวัฒนาการขั้นสุดท้ายทางวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ทางจิต เป็นความสามารถของมนุษย์ดาวอังคารเพื่อนต่างดาวที่อยู่ในครอบครัวสุริย จักรวาล เช่นเดียวกับดาวโลกของเรา

    ชาวแอตแลนตีสได้นำอาวุธแสงมาใช้ในสงครามทำลายล้างจนนำไปสู่การล่มสลายของ อาณาจักร ผลกระทบที่เกิดจากการใช้อาวุธแสง ทำให้ทวีปแอตแลนติก เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแผ่นดินทรุด ยุบตัวลง เปลี่ยนสภาพจากผืนแผ่นดินเป็นมหาสมุทรในทันที อาณาจักรแอตแลนตีส จึงยังคงจมอยู่ใต้มหาสมุทรตราบจนทุกวันนี้ ซึ่งถ้าหากเมื่อใดที่การย้อนรอยของกรรมปรากฎขึ้น อาวุธแสงถูกนำมาใช้อีกครั้ง อาณาจักรแอตแลนตีส อาจจะมีโอกาสโผล่พ้นพื้นมหาสมุทรอวดตนเองแก่สายตาชาวโลกอีกครั้งหนึ่ง

    ก่อนที่จะเกิดสงครามที่นำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักรประมาณ 1 เดือน นักบวชชาวแอตแลนตีสรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูงได้พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น กับทวีปแอตแลนตีส นักบวชรูปนี้ได้นำชาวแอตแลนตีสที่เชื่อในคำพยากรณ์เดินทางออกมาจากทวีปและ ได้สร้างที่อยู่ใหม่ในดินแดนของชาวอียิปต์อารยธรรมแอตแลนตีสจึงได้ถ่ายทอด สู่ชาวอียิปต์ โดยเฉพาะการสร้างพีระมิดและการใช้ประโยชน์จาก พลังพีระมิดในยุคอารยธรรมอียิปต์แห่งลุ่มแม่น้ำไนล์


    http://www.geocities.com/healthmeditation/healthmeditation/health.html
    เครดิต http://www.superjeew.com/webboard/vi...5fe5dc80d9698c
     
  9. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    แอตแลนติสดินแดนพิศวง by Dr.key


    ::: by Dr.key :::​

    อาจ จะมีพวกเราหลายคนที่ยังไม่ทราบว่า โลกเรานี้เคยมีอารยธรรมที่รุ่งเรืองยิ่งใหญ่ดำรงอยู่ เมื่อหลายหมื่นปีก่อนและเป็นอารยธรรมแรกสุดของมุนษย์ ทีเป็นบ่อเกิดของอารยธรรมรุ่นหลังๆ ที่พวกเรารู้จักกันดี แต่อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งแรกของโลกใบนี้หรือ ดินแอนแอตแลนติส แห่งนี้กลับต้องล่มสลายจมหายไปใต้ มหาสมุทรภายในวันเดียวคืนเดียวเท่านั้น อันเกิดจากภัยธรรมชาติที่มาจากแผ่นดินไหว ภูเขาไประเบิด และลมพายุไต้ฝุ่น ( น้ำท่วม ) ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน​
    เรื่องราวของแอตแลนติส ได้ถูกทำให้แพร่หลายสู่วงกว้าง ตั้งแต่เมื่อสองพันกว่าปีก่อนก็เพราะพลาโตนักปราชญ์ ชาวกรีกได้บันทึกเอาไว้ โดยพลาโตได้ทราบเรื่องราวของ แอตแลนติสมาจากครีเทอัสผู้เป็นลุงของพลาโตอีกทีหนึ่ง ครีเอทัสได้เล่าเรื่องราวอันแปลกแต่จริงให้พลาโตฟัง เกี่ยวกับการเกินทางของโซลอน นักปราชญ์และพ่อค้านักผจญภัย ชาวเอเธนส์ ซึ่งได้เคยเดินทางไปอียิปต์มาแล้ว เมื่อปี 571 ก่อนคริสต์กาล และที่อียิปต์นี้เองที่โซลอนได้รับรู้ เรื่องราวอันแสนประหลาดจากนักบวชแห่งเมืองซาอิส แถบบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์อีกทีว่า เมื่อประมาณ 2-3 หมื่นปีมาแล้วมีเกาะถวีปแห่งหนึ่ง ถัดจาก เสาค้ำฟ้าของเฮอร์คิวลิส ( ชื่อของช่องแคบยิบรอลต้าในปัจจุบัน ) เกาะแห่งนี้มีชื่อว่าแอตแลนติส เป็นศูนย์กลางแห่งอาณาจักร อันยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองซึ่งเต็มไปด้วยประชาชน ผู้มั่งคั่งและมีอารยธรรมอันสูงส่ง ทั้งเมืองเต็มไปด้วย ทองคำเหลืองอร่าม เกาะแอตแลนติสสามารถติดต่อ กับแผ่นดินอื่นๆได้ทางเรือ ด้วยอานุภาพของกองทัพเรือ อันยิ่งใหญ่ ทำให้อาณาจักรนี้สามารถขยายอำนาจ และอิทธิพลแผ่ขยายไปจนถึงลิเบีย อาณาเขตตอนเหนือ ของอียิปต์และไกลออกไปถึงยุโรปจรดกับกับ ดินแดนเทอรีเนีย ( ตอนเหนือของอิตาลี่ในปัจจุบัน ) แต่แล้วจู่ๆ อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่นี้ก็กลับจมหายไปใต้ พื้นทะเลลึกเพียงชั่ววันและคืนเดียวเท่านั้น โดยมีสาเหตุ มาจากการเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดและอุทกภัย ครั้งใหญ่ที่สุดในโลกทำให้กลุ่มชนชาติแอตแลนติส ถูกกลืนชีวิตไปจนเกือบหมดสิ้น กล่าวกันว่าชาวแอตแลนติสจำนวนน้อยที่สามารถ รอดชีวิตจากภัยพิบัติไปได้อย่างหวุดหวิด และได้อพยบ ไปอยู่ที่อื่นส่วนที่มุ่งสู่ ดินแดนตะวันตกกลายมาเป็น บรรพบุรุษของพวกอินเดียน ชาวอินคา และชาวมายา เป็นต้น ส่วนที่มุ่งสู่ดินแดนทิศตะวันออกก็กลายมา เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์เผ่าโครมันยองซึ่งมีร่างกาย สูงใหญ่ บึกบึน กระดูกข้อมือข้อเท้าใหญ่ มีกล้ามเนื้อ แข็งแรงทุกประการ มิหนำซ้ำ คนเหล่านี้ที่ต่างเคยอาศัย อยู่คนละฟากฟ้า แต่ต่างก็มีตำนานเล่าสืบต่อกันมา เหมือนๆกันว่าเคยมีดินแดนแห่งหนึ่ง ทีเจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมาเกิดภัยธรรมชาติทำลายจนย่อยยับ

    นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าชนชาติต่างๆ มักมีตำนานเกี่ยวกับน้ำท่วม เหมือนๆกัน และส่วนใหญ่ มักจะเล่าคล้ายๆกันว่ามีผู้รอดชีวิตเป็นผู้เริ่มต้นออกไป แยกย้ายสร้างอาณาจักรใหม่แทนเดิมที่ถูกทำลายไป ชาวแอตแลนติสเดี๋ยวนี้ก็มาเกิดกันเป็นพวก นักวิทยาศาสตร์ที่วิวัฒาการสมัยใหม่ ที่เขาเกิดขึ้นใหม่นี้เขาก็ยังมี ความทรงจำในอดีตอันไกลโพ้นอยู่ ..ในแอตแลนติสสมัยนั้นมี ความเจริญรุ่งเรืองไม่แพ้กับสมัยปัจจุบันนี้ แต่ว่าวิวัฒนาการ ของมนุษย์นี่เมื่อมาถึงจุดสุดยอดก็เอาวิวัฒนาการมาทำลายกัน เมื่อวิวัฒนาการถูกทำลาย ความสูงของมนุษย์ก็ดับลงไป วิวัฒนาการสูงสุดของมนุษย์คือการได้ค้นพบเรื่องแสง เมื่อค้นพบก็นำมาทำลายกัน แสงนี้เป็นต้นกำเนิดของวัตถุ ร่างกายเราก็ดีหรือวัตถุในโบก มันกำเนิดมาจากแส้งทั้งสิ้น ถ้าเมื่อใดมนุษย์นี้สามารถไปรู้ความจริงขอนี้ในเรื่องแสง ก็จะนำมาทำลาย มนุษย์มีความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็เลยเอาตัวโทสะมาทำลายกัน เมื่อทำลายแล้ว ความเสื่อม ก็จะเกิดขึ้น

    อย่างที่เกิดขึ้นในสมัยแอตแลนติสนั้น ตอนนั้นมนุษย์ก็มีความก้าวหน้า ทางวิวัฒนาการมากจนสามารถคิดค้นเรื่องแสงได้แล้ว ทีนี้ตอนแรกก็ใช้แสงให้เกิดประโยชน์ แต่พอนานๆเข้า ก็มี ชาวแอตแลนติสบางกลุ่มนำมาใช้เป็นอาวุธ ในขณะเดียวกัน ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่ศึกษาเรื่องจิตวิญญาณจนรู้เรื่องอนาคตที่จะเกิด

    พอถึงเวลาพลบค่ำ หายนะของเกาะแอตแลนติสก็เกิดขึ้น พวกเขาเอาแสงไปทำลายกันเอง เสร็จแล้วก็เกิดแผ่นดินไหวแยก แล้วภูเขาไฟก็ระเบิด อะไรต่างๆก็จมน้ำไป แล้วที้ทวีปนี้ก็เคลื่อน มาชนกัน แต่แผ่นดินมันเคลื่อนตัว มันแยกแล้วมาชนกับภูเขาหิมาลัย ซึ่งรอยต่อของมันหลังจากภูเขาหิมาลัยนี่มันจะมีรอยแยกพากผ่าน กาญจนบุรีถ้าเกิดมีการเคลื่อนตัวอีก ก็จะเป็นอันตรายในไทยด้วย

    พวกแอตแลนติสส่วนใหญ่เสียชีวิตหมดตอนที่เกาะจมน้ำ และวิวัฒนาการต่างๆก็พลอยล่มสลายไปด้วย พวกที่รอดออกไป ส่วนมากก็ไม่ได้เอาอะไรออกมา แต่ความรู้พวกเขามีก็เอามาสร้าง พีระมิดบ้าง สฟิงค์บ้าง แต่ชาวแอตแลนติสที่ออกมาส่วนใหญ่ จะศึกษาเรื่องจิต เมื่อเขาออกมาลูกหลานพวกเขาไปแต่งงาน กับคนพื้นเมือง ความรู้ศาสตร์เกี่ยวกับทางจิตวิญญาณของพวกเขา นี่ก็ลดต่ำจนกลายเป็นเหมือนมนุษย์ธรรมดา แต่ยังมีเหลือนิดๆหน่อยๆ ประเด็นที่เกี่ยวกับสาเหตุและสภาพการณ์ในขณะที่เกาะ แอตแลนติสล่มสลายนั้น ได้พบคำอธิบาย 2 อย่างด้วยกัน อย่างแรกเป็นคำอธิบายของมนุษย์ต่างดาวที่ชื่อ เซ็มยาเซ ซึ่งได้ถ่ายทอดเรื่องนี้ให้แก่ผู้ติดต่อชาวโลกที่ชื่อ ไมเยอร์ อย่างที่สองเป็นคำอธิบายของ แฟรงค์ อัลเปอร์ ผู้รักษาโรค ด้วยพลังจิตและเป็น คนทรงเจ้า ผู้อ่านอย่าเพิ่งปฏิเสธว่า เป็นเรื่องเหลวไหล ที่ต้องพึ่งแหล่งข้อมูล จากมนุษย์ต่างดาวกับคนทรงเจ้า เพราะเรากำลังพูดถึงเรื่องราว ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายหมื่นปีก่อน โดยไม่มีหลักฐานทีเป็นเอกสารใดๆ หลงเหลือจะเริ่มจากคำอธิบายของมนุษย์ต่างดาวที่ชื่อว่า

    เซ็มยาเซ มาจากกลุ่มดาวเพลอาเดียสและเป็นสตรีเพศ เธอมาเยือน ไมเยอร์ ครั้งแรกในวันที่ 28 มกราคม 1975 นับเป็นมนุษย์ต่างดาว คนที่ 3 ที่มาติดต่อกับไมเยอร์ คนแรกชื่อ สุฟาตะ แอสเกต และ เซ็มยาเซ ไมเยอร์ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวผู้นี้ราวๆ 200 ครั้ง มีถึง 115 ครั้ง ที่มีการบันทึกสนทนาไว้ เซ็มยาเซได้เล่าเรื่องของแอตแลนติสให้ไมเยอร์ฟังว่า
     
  10. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    เมื่อสี่หมื่นปีที่แล้ว พวกลูกหลานของมนุษย์ต่างดาว ( แต่คนโบราณเข้าใจผิดไปเรียกว่า เทพเจ้า ) ได้กลับมาเยือน โลกและปกครองโลกในนาม เทพเจ้า อีกครั้ง นามของผู้ปรกครองคือ แอตแลนโตภรรยาของผู้ปกครองคือ คาเรียทีด บิดาของนางชื่อ มูราส แอตแลนโตได้สร้างเมืองแอตแลนติสขึ้นที่เกาะแอตแลนติส ใหญ่ขณะที่มูราสได้สร้างเมืองมูขึ้นมาที่แอตแลนติสเล็ก เมืองแอตแลนติสเล็ก และมู เป็นมหานครที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด จนกระทั่งมีนักวิทยาศาสตร์ 2-3 คน ที่จะตกเป็นทาส ของกิเลสบ้าอำนาจจึงคิดการใหญ่ แต่ชาวเมืองทั้งสองนคร ไม่ยอม ลุกขึ้นต่อต้านนักวิทยาศาสตร์พวกนั้นให้จำต้องลี้ภัยไป อยู่นอกสุริยะพวกนักวิทยาศาสตร์หลบไปอยู่ที่นอกระบบสุริยะ จักรวาลประมาณ สองพันปี ได้พัฒนาเทคโนโลยีล้ำยุค จนมีความมั่นใจว่าจะมาบุกโลกแก้แค้นได้สำเร็จ แล้วก็ได้สงพวกตนภายในการนำของ เอาลาส จำนวนสองร้อยคนนั่งยานอวกาศ มายึดครองพื้นที่แถบฟลอริดา เอาลาส ผู้นี้แหละ ทีเป็นผู้ยุแหย่ให้ชาวเมืองแอตแลนติสกับชาวเมืองมู บาดหมางกัน จนกระทั่งเกิดเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่สุด
     
  11. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ที่ตั้งของนครมู อยู่ตรงมะเลทรายโกบี ที่ตั้งของแอคแลนติสเป็น เกาะใหญ่อยู่ระหว่างทวีปอเมริกา กับ แอฟริกา กำลังรบของทั้งสอง ฝ่ายก็ยิ่งใหญ่พอๆกัน และก็มีเทคโนโลยีขั้นสุดยอมเหมือนกัน กองทัพแอตแลนติสมีกำลังทหารสี่ล้านแปดแสนคน มียานอาวุธ ติดอาวุธแสงมหาปะลัย ( เว่อร์ไปนิด ) มีเรื่อรบประจัญบาน หนึ่งแสนสองหมื่นสามพันลำกับเรือเร็วติดอาวุธแสงอีก

    ดังนั้นพวกนักวิทยาศาสตร์ของฝ่ายมู จึงคิดค้นเทคโนโลยิ ที่จะนำเอาดาวพระเคราะห์ดวงเล็กๆ มาทำให้เป็นเหมือนกระสุน โดยพวกเขาได้นั่งยานอวกาศออกไปจนเลยวงโคจรของดาวอังคาร เพื่อเสาะแสวงหาดาวพระเคราะห์ดวงเล็กๆ ที่เหมาะสม ในที่สุด พวกเขาก็พบดาวเล็กๆ ดวงหนึ่งซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง หลายกิโลเมตรพวกเขาได้ใช้พลังงานจากอะตอมและอิเล็กทรอนิกส์ ผลักดันให้ดาวเล็กๆดวงนั้น หลุดจากโคจรเดิม และเคลื่อนย้าย เข้ามาสู่วงโคจรของโลก การหมุนรอบตัวเองของดาวดวงนี้ ถูกทำให้หยุดชะงัก และพวกมูได้นำเอาเครื่องมือขนาดยักษ์เข้าไปติด ทำให้ดาวดวงนี้กลายเป็นกระสุนปืนใหญ่จักรวาลที่สามารถบังคับ ให้ขับเคลื่อนได้โดยคลื่นซูเปอร์โซนิค พวกมูสร้างอาวุธนี้ ช้าไปก่อนหน้านั้น กองทัพแอตแลนติสได้ยกพลเข้ามาถล่มนครมู จนพินาศย่อยยับ แต่ตอนนั้นเครื่องยนต์กระสุนปืนใหญ่ได้งานแล้ว ชาวแอตแลนติสนึกว่าชนะสงคราม ก็หลงระเริงอยู่ในชัยชนะของตน กระสุนปืนใหญ่ก็ระเบิดกลางเวหา ในตำแหน่งสูง 172 KM จากดิน ส่วนหนึ่งกลายเป็นลูกอุกกาบาต ตกลงมาถล่มแอตแลนติสจนย่อยยับ ส่วนดาวเล้กๆที่เหลืออีกสองในสามตกลงบนทะเลทะลุพื้นโลก ทำให้เกิดความร้อนใต้พื้นโลกที่เป็นแมกมาพุ่งทะลักออกมา ขณะเดียวกันก็เกิดเป็นคลื่นทะเลยักษ์สูงถึงสองพันสามร้อยเมตร และกลืนนครแอตแลนติสจมลงใต้ทะเลในที่สุด
    คำ อธิบายของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก อย่าง แฟรงค์ อัลเปอร์นั้น ไม่ค่อยเน้นเรื่องสาเหตุและ สภาพการณ์ในขณะล่มสลายของเมืองแอตแลนติสเท่าไรนัก
    คำบอกเล่าจากชาวแอตแลนติสที่ชื่อ สโตเลนส์ที่มาเข้าทรง
    เราจะเริ่มจากเรื่องราวของทวีปเรมูเลียหรือ ทวีปมู อารยธรรมของทวีปมูนี้ดำรงยาวนานกว่าหนึ่งแสนปี ชาวมูแบ่งออกได้เป็นสองพวก พวกหนึ่งรักสันติอีก พวกหนึ่งชอบทำสงคราม ทั้งสองพวกนี้ต่างมีวิทยาการที่ ก้าวหน้าในระดับที่สูงมาก พวกที่รักสันติมักให้ความสนใจ กับเรื่องความรู้ความเจริญและพระเจ้า แต่พวกที่กระหาย สงครามมักให้ความสนใจในเรื่องพลัง และทำลาย แอตแลนติสเกิดหลังทวีปมูราวๆ 20000 ปี คือ เมื่อแปดหมื่นเก้าพันปีก่อนคริสตกาล ในหมู่แอตแลนติส ไม่มีพวกกระหายสงครามอยู่เลย เมื่ออารยธรรมแอตแลนติส เจริญรุ่งเรืองพวกกระหายสงครามของฝ่ายมูได้ตัดสินใจ ขยายอิทธิพลมาถึงแอตแลนติส พวกมูได้เเอบขุดอุโมงค์ ใต้ดินที่เชื่อมทั้งสองแห่งไว้ด้วยกัน เพราะความพยายาม ที่จะยึดครองแอตแลนติสของพวกมูได้นำไปสู่ภาวะ สงครามระหว่างเมืองสองเมืองนี้ และดำรงความขัดแย้ง มานานถึงห้าหมื่นปี ในตอนแรกเป็นการปะทะสู้รบกัน ในระดับเล็กย่อย แต่ครั้นเวลาผ่านไปความรุนแรงในการ สู้รบของทั้งสองฝ่ายหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็นำมาซึ่งการล่มสลายของทั้งสองฝ่ายและทวีปมูและ แอตแลนติสต่างจมลงสู่ก้นทะเลคราวที่เกิดการขยับตัว ของเปลือกโลกครุ้งใหญ่ เมื่อ แปดหมื่นห้าพันปี

    คำบอกเล่าของชาวแอตแลนติสชื่อ อะดามิส แอตแลนติสถูกสร้างขึ้นบนโลกโดยมนุษย์ต่างดาว ในฐานะที่เป็นอารยธรรมทดลอง โดยมีเป้าหมายเพื่อ ถ่ายทอดวิทยาการที่ล้ำยุคให้แก่ชาวโลกในอนาคต ได้ใช้ประโยชน์โดยเฉพาะต่อวิวัฒนาการของมนุษย์

    สาเหตุหลักที่ทำให้แอตแลนติสล่มสลายนั้นมาจาก การเปลี่ยนแปลงแห่งคลื่นของโลกใบนี้ การล่มสลายของแอตแลนติสเกิดจากหลายสาเหตุ ด้วยกันสาเหตุอันหนึ่งก็คือชาวแอตแลนติสจำนวนมาก ที่มุ่งขยายความเป็นอัตตาของตัวเองมากไปจนถึงขีด จำกัดในการเจริญเติบโตของมัน ถ้าพวกเขาพอใจที่ จะหยุดอยู่แค่ระดับการเจริญเติบโตและพลังที่ควบคุม ได้ที่ตนเองไปถึง การล่มสลายก็คงไม่เกิดขึ้น แต่มนุษย์เป็นสัตว์ที่อยู่นิ่งไม่ได้ กฎของจักรวาลได้ บังคับให้มนุษย์ต้องเคลื่อนไหวไปไม่ทิศทางใดก็ ทิศทางหนึ่ง และทิศทางที่ชาวแอตแลนติสเลือกเดิน ต่อไปอีกนั้นเป็นทิศทางทีเป็นลบ ระแวงสงสัย อัตตา แรงกล้าและหลงตัวเองจึงนำไปสู่ จุดจบ

    ถ้า จะสรุป จุดร่วม ในคำอธิบายเกี่ยวกับแอตแลนติส ของ เซ็มยาเซ และ แฟรงค์ อัลเปอร์ ก็คงจะได้แก่ ความขัดแย้งจนถึงขั้นทำสงครามกันด้วยอาวุธมหาประลัย อย่างอาวุธแสง พลาโตได้เขียนไว้ว่า การล่มสลายของ แอตแลนติสเกิดจาก ภัยธรรมชาติ แต่ถ้าฟังจาก 2 ท่านนี้ เราจะได้ข้อสรุปว่า ภัยสงครามล้างโลก​
    คำอธิบายของใครน่าเชื่อถือที่สุด ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ของแต่ละบุคคล...


    http://masterkey.exteen.com/20070121/entry
     
  12. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    านแปลโดยคุณ kindred

    [​IMG]
    ข้อความนี้มีสองส่วน
    ส่วนแรกที่เป็นบันทึกการเดินทางไปยังเมืองเทียฮัวนาโค
    ของผู้ได้รับการสื่อสารทางโทรจิต
    Tyberonn
    เป้นการเดินทางเพื่อเชื่อมต่อจิตวิญญาณในอดีต

    ซึ่งจะโยงใยมาสู่เรื่อง ที่เป็นข้อความที่ถูกสื่อสารมา
    ซึ่งจะขออนุญาติไม่แปล แต่จะยกมาขยายความเป็นบางช่วง

    -------------------------------------------------------------------

    [FONT=&quot]ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากมหาเทพเมตาตรอน ([/FONT]Archangel Metatron)

    [FONT=&quot]วันที่ [/FONT]30 [FONT=&quot]กรกฎาคม [/FONT]2010
    [FONT=&quot]ผู้รับการสื่อสาร นาย [/FONT]Tyberonn

    [FONT=&quot]ที่มา:[/FONT]
    Tiajuanaco - The Lost Pyramid City of OG > Earth Keeper

    "เทียฮัวนาโค"อาณาจักรที่สูญหายของเมืองโบราณแห่ง OG "


    [FONT=&quot]ตอนที่[/FONT] 1...

    สวัสดี ผู้อันเป็นที่รักทั้งหลาย! ผู้สื่อสารทางโทรจิตของฉันได้ค้
    <wbr>นพบตัวเองอีกครั้ง
    ในบริเวณที่น่
    <wbr>าสนใจยิ่งของกระแสของพลังงานหมุ<wbr>นวนในทะเลสาบติกากา(Titcaca)

    [​IMG]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    ทะเลสาบติติกากา (Titicaca)ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกว่าเป็นที่ๆมีพลังงานศักดิ์สิทธิ์
    ที่มีพลังอำนาจและเคยเป็นสถานที่จาริกแสวงบุญยาวนานมาแล้ว

    เป็นที่ๆมีกระแสการหมุนวนของพลังงานมหึมาอย่างเหลือเชื่อ
    ซึ่งเส้นผ่านศูนย์กลางของกระแสพลังงาน (vortex) นี้ มีความกว้างถึง 120 ถึง175 กิโลเมตร

    vortex สมดุลย์และเต็มไปด้วยทางเข้าออกของพลังบริสุทธิ์มากมาย
    ที่มีการแกว่งไกวอยู่ภายในอาณาเขต
    -----------------------------------------------------------------

    ดินแดนที่ครั้งหนึ่งถูกเรียกว่า OG(Original Generation, etc.
    It normally refers to someone who has be
    en around
    in a certain culture or whatever much longer than everyone else.)
    ------------------------------------------------------------------
    หมายเหตุ: ขออนุญาติทับศัพท์ OG เนื่องจากไม่อยากให้มีการบิดเบือนในการตีความ
    และคำแปลภาษาอังกฤษค่อนข้างชัดเจนกว่า
    ------------------------------------------------------------------

    เหตุที่เขาถูกสถานที่แห่<wbr>งนี้ดึงดูดความสนใจ
    เพราะเขาเคยเกิดมาใช้ชีวิตอยู่ ณ ดินแดนแห่งนี้อยู่หลายชาติภพ
    โดยเฉพาะหลังการล่มสลายอย่
    <wbr>างกระทันหันของอาณาจักรแอตแลนติ<wbr>ส ก่อนที่เขาจะเลือกไปถือกำเนิ<wbr>ดในอียิปต์
    ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีความรู้สึ
    <wbr>กเศร้า โดยเฉพาะในดินแดนที่เรียกว่าเที<wbr>ยฮัวนาโค
    เพราะที่นั่นเป็นที่ๆผู้สื่
    <wbr>อสารทางโทรจิตของฉันได้เริ่มต้น กระแสวงจรชีวิตทางกายภาพขึ้น
    Tyberonn ไม่ได้เป็นชาวแอตแลนติส คุณจะต้องรู้ว่าคุณไม่ได้เป็<wbr>นชาวโลกในเวลานั้น

    พวกเราจะบอกพวกคุณว่<wbr>าหลายๆคนในยุคแรกๆของแอตแลนติส มีต้นตระกูลที่กำเนิดมาจากสิ่<wbr>งมีชีวิตนอกพิภพ

    และพวกเขาเป็นรูปธรรมที่มีจิ<wbr>ตสำนึกเต็มเปี่ยม บางครั้งก็มีกายเนื้อครบถ้<wbr>วนสมบูรณ์ บางครั้งก็ไม่
    รูปธรรมเหล่านี้มีความสามารถที่<wbr>จะเดินทางไปมาได้ตามรูปแบบนั้นๆ
    แล้วผู้สื่อสารทางโทรจิตของฉั<wbr>นก็ถูกกระตุ้นความสนใจขึ้นมาเกี<wbr>่ยวกับเรื่องราวบางอย่าง

    เพราะว่าสิ่งที่เขาทำทั้<wbr>งหมดในปัจจุบันนี้มันเกี่ยวข้<wbr>องกับเรื่องของมิติและโครงข่าย(<wbr>grids)

    ในหลายๆชาติภพต่างๆที่ยาวนานของ Tyberonn
    เขาเคยเกิดมาในบุคลิกภาพที่เป็
    <wbr>นนักวิทยาศาสตร์ของระบบเลย์(Ley System)
    พลังงานcrystalline มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

    และแม้กระทั่งเคยเป็นที่ปรึ<wbr>กษาในการออกแบบ Pyramids แห่ง Giza
    มันไม่ใช่ในรูปแบบของมนุษย์ทั่
    <wbr>วๆไป แต่เป็นการตระหนักรู้ผ่านทางจิ<wbr>ตสำนึกมากกว่า

    Tyberonn มีความเข้าใจความหมายของระบบพลั
    <wbr>งงานเหล่านี้ ในฐานะที่เขาเคยเป็นผู้เก็บรั<wbr>กษาข้อมูล
    และเคยใช้ความรู้นี้
    <wbr>ให้เกิดประโยชน์ต่อชาวแอตแลนติ<wbr>สมาแล้ว

    คุณเห็นไหมว่า Tyberonn เคยใช้ช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่นี้
    <wbr>ในภาวะพลังงาน(ที่ไม่มีกายเนื้<wbr>อ)
    เพื่อที่จะรับข้อมูลความรู้
    <wbr>โดยตรงจากตัวตนภายใน(Mastery)

    ------------------------------------------------------------------
    [​IMG]

    คำอธิบาย Ley lines ถูกอ้างว่าเป็นการจัดแนวของสถาน
    <wbr>ที่โบราณหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ<wbr>์ต่างๆ
    ที่เชื่อมโยงกันไปทั่วโลก ระบบของเครือข่ายนี้กำหนดเส้นทางเดินของพลั
    <wbr>งงาน
    และอำนาจที่ไม่สามารถพบเห็
    <wbr>นได้โดยง่าย ระบบเหล่านี้เป็นพลังงานจากโลก
    บางเลย์ไลน์ ทอดตรงยาวแต่บางเส้นก็เป็นวงกลม
    บ้างก็เชื่อว่าผังเหล่านี้เป็นแผนที่บอกทางโดยการใช้ dowsing หรือ divining rod

    ------------------------------------------------------------------

    Tyberonn ได้ดึงดูดประสบการณ์เพิ่มมากขึ้<wbr>นโดยการเลือกที่จะมาถือกำเนิ<wbr>ดทางกายภาพ
    ครั้งหนึ่งในช่วงระยะที่
    <wbr>3ของแอตแลนติส
    เขาประสบความสำเร็จ
    ในการเทคนิ
    <wbr>คของการฟื้นคืนชีพ(rejuvenation technology)

    ทำให้อายุของเขายืนยาวขึ้นอย่<wbr>างมาก


    ในกระบวนการของการกลับมาเกิ<wbr>ดใหม่ จะต้องมีการเรียนรู้ที่<wbr>มากมายในแต่ละช่วงเวลา
    การจัดวางได้ถูกเตรียมไว้ก่<wbr>อนแล้ว ส่วนใหญ่มักถูกซ่อนไว้ภายใต้<wbr>การห่อหุ้มของร่างใหม่
    และต้องมาเรียนรู้ใหม่ด้วยการค้<wbr>นหา

    เราอาจกล่าวได้ว่าจากสิ่งที่ได้<wbr>ถูกจัดวางไว้ก่อนแล้ว
    Tyberonn จึงระลึกได้ถึงเวลาและสถานที่<wbr>เกิดที่ถูกต้องของเขาได้อย่<wbr>างแม่นยำ
    ด้วยว่าความสามารถเหล่านั้นมั<wbr>นยังคงอยู เหมือนกับที่มันเกิดขึ้นในTibet จนกระทั่งมาถึงตอนนี้

    เขาเคยได้รับการฝึกฝนเทคโนโลยี่<wbr>ที่พิเศษสุดในช่วงยุคต้นๆเพื่<wbr>อให้เขาจดจำได้
    ถึงการบรรลุจุ<wbr>ดประสงค์ในการเลือกมาใช้ชีวิ<wbr>ตทางกายภาพ
    ในการเปลี่ยนร่างครั้งใหญ่<wbr>และทำให้มีชาติภพทางกายภาพที่<wbr>ยาวนาน

    อาจเกินกว่า 1000 ปี ตามวิธีการวัดจำนวนของพวกคุณ
    ดังนั้นในเวลานี้ Tyberonn
    จึงถูกกักขังอยู่ในโครงข่ายนั้<wbr>นและในบางเส้นทางก็ถูกกักขังอยู<wbr>บนโลกทางกายภาพ
     
  13. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234


    เขาเลือกที่จะมีประสบการณ์<wbr>ทางกายภาพ
    ในสิ่งซึ่งเขาต้องการโดยไม่<wbr>จำเป็นที่จะต้องมีประสบการณ์ผ่<wbr>านในรูปแบบทางกายภาพ


    ---------------------------------------------------------------
    วันที่ 30 [FONT=&quot]กรกฎาคม [/FONT]2010
    [FONT=&quot]ผู้รับการสื่อสาร นาย [/FONT]Tyberonn

    [FONT=&quot]ที่มา:[/FONT]

    Tiajuanaco - The Lost Pyramid City of OG > Earth Keeper

    "เทียฮัวนาโค"อาณาจักรที่สูญหายของเมืองโบราณแห่ง OG "

    [FONT=&quot]ตอนที่[/FONT] 2...

    Tyberonn ค้นพบว่า หลังการล่มสลายของอาณาจั<wbr>กรแอตแลนติส เขาเป็นชาวอาณานิคมของอาณาจั<wbr>กรแอตแลนติส
    ซึ่งอยู่ใกล้ๆเมืองเทียฮัวนาโค ในชาติภพนั้นเขาเกิดการตื่นรู้<wbr>ขึ้นมาว่าไม่มีทางที่จะได้กลั<wbr>บบ้านแล้ว
    นอกเหนือไปจากการจัดวางตั<wbr>วเองให้เหมาะสมกับผู้คนสำคั<wbr>ญๆเหล่านี้
    ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือเขาได้<wbr>ค้นพบสิ่งที่มากเกินไปกว่านั้น (upon the earth) และด้วยวิธีการยอมรับ
    และมีวงจรของประสบการ์ณอย่างเต็<wbr>มรูปแบบในการการกลับมาเกิดใหม่

    และนี่คือวิธีที่คุณจะประสานร่<wbr>วมกันกับ สถานที่แห่งนี้ ดินแดนนี้ และผู้คนเหล่านี้
    แต่เราขอเพิ่มเติมๆปอีกซักหน่อย ว่าขณะที่ Tyberonn อยู่ในอาณาจักรแอตแลนติส
    พวกคุณเองก็เคยไปเยี่ยมเยื<wbr>อนในดินแดนของ OG, Yucatan และ Egypt มาแล้วหลายครั้งหลายหน
    ในความมุมานะทางด้านวิทยาศาสตร์


    Tyberonn ในตอนนี้ที่เป็นเสมือนรากเหง้<wbr>าแห่งวิญญาณของคุณ
    และอยู่ในฐานะที่เป็นต้นกำเนิ<wbr>ดของ คุรุแห่งแสงสว่างผู้รู้แจ้งของP<wbr>leiadean
    ขณะนี้เมื่อมีการตัดสินใจที่<wbr>จะมาถือกำเนิ<wbr>ดในวงจรทางกายภาพในร่างกายเนื้อ
    เอกลักษณ์และธรรมชาติที่แท้จริ<wbr>งของคุณอาจจะถูกปิดบังซ่อนเร้<wbr>นเอาไว้

    ดังนั้นมนุษย์ทั้งหมด จึงมักยึดติดอยู่กับรูปแบบของตั<wbr>วตนทางกายภาพอย่างลึกซึ้ง
    Tyberonn เริ่มที่จะแยกตัวเองออกจากตั<wbr>วตนทางกายภาพของเขาได้
    และค่อยๆตื่นรู้ขึ้นทีละน้อยถึ<wbr>งรากเหง้าของเนื้อแท้ที่อยู่<wbr>ภายใน(root essence)
    คุณเห็นไหมว่าหลังการล่<wbr>มสลายของแอตแลนติส
    มนุษยชาติกลับมีมาตราฐานความรู้<wbr>และเทคโนโลยี่ลดน้อยลงไปอย่<wbr>างมาก

    พวกคุณเคยเกิดมาในหลายชาติภพอยู<wbr>่ที่เมืองเทียฮัวนาโค
    ในช่วงแรกๆคุณอาจจะมึนงงสั<wbr>บสนและออกนอกเส้นทางเล็กน้<wbr>อยราวกับว่าหลงทาง
    ลองพยายามทำความรู้สึกถึงภัยพิ<wbr>บัติอะไรก็ได้ที่เคยเกิดขึ้<wbr>นมาเมื่อเร็วๆนี้
    และทำเหมือนกับว่าคุณเป็นผู้ที่<wbr>คงเหลืออยู่หลังจากภัยพิบัติ
    หลายๆคนจะรู้สึกสับสนในตอนต้<wbr>นๆเมื่อพวกเขาค้นพบว่าชาติ<wbr>ภพของพวกเขาบนโลก
    สั้นกว่าประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ<wbr>้นมาแล้วในยุคแอตแลนติสมากนัก


    ความรู้ที่เก็บสั่งสมไว้<wbr>และการตื่นรู้คงอยู่ทั่วไปในทุ<wbr>กๆที่
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่เทือกเขาแอนดีส(
    Andes),
    เมื<wbr>องแถบคาบสมุทรยูคาตันในแมกซิโก (Yucatan) และประเทศอียิปต์
    และคุณก็เคยถูกดึงดูดไปสู่วิ<wbr>ทยาการของสถานที่เหล่านี้มาแล้ว
    ในเวลานั้นชื่อของคุณคือ Calnae Ra ใน OG,

    คุณเคยเป็นนักธรณีภูเขาไฟวิทยา(<wbr>geo-vulcanologist)
    คุณเคยเรี<wbr>ยนรู้ในวิธีการที่จะใช้พลั<wbr>งงานต่างๆและเคยมีส่วนร่วมในการยกก้อนหินด้วยคลื่นเสียง
    จากการเนรมิตมันขึ้นในมิติที่สู<wbr>งกว่าและนำมันมาสู่โลกทางกายภาพ<wbr>(ด้วยการจินตนาการและดึงดูดมา..<wbr>.ผู้แปล)

    ด้วยเหตุนี้ คุณจึงรู้สึกคุ้นเคยกับ ปิรามิดแห่งเทียฮัวนาโค
    และคุณมักจะรู้สึกเศร้าอย่<wbr>างประหลาดเกียวกับสถานที่เหล่<wbr>านั้น
    ท่ามกลางเหล่าผู้คนที่สู<wbr>ญหายไปหลังการล่มสลายของอาณาจั<wbr>กรแอตแลนติส

    มาถึงตอนนี้ พวกเราขอพูดถึงพลังงานของ เทียฮัวนาโค
    ..
    เทียฮัวนาโค เป็นสถานที่ที่ได้รั<wbr>บความสนใจในฐานะที่เป็นอาณานิ<wbr>คมของ LeMurian

    ในดินแดนที่เรียกว่า OG และตอนหลังได้กลายมาเป็<wbr>นของชาวแอตแลนติสหลั<wbr>งจาการมรณะกรรมของอาณาจักรมู
    มันเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอาณานิ<wbr>คมใหญ่ของอารยธรรมในช่วงสุดท้<wbr>ายของ ชาวแอตแลนติส

    แม้ว่าชาว OG ส่วนใหญ่จะถูกทำลายล้างจาก ซึนามิที่แอตแลนติส
    ผู้รอดชีวิตมีเพียงผู้ที่อาศั<wbr>ยอยู่บริเวณที่สูงขึ้นไปจากระดั<wbr>บน้ำทะเล 6000 ฟุต เท่านั้นที่ไม่เป็นอันตราย

    แต่ที่นี่ก็ยังคงมีสิ่งมีชีวิ<wbr>ตในรูปธรรมอื่นอยู่ด้วย เผ่าพันธ์ของสิ่งมีชีวิ<wbr>ตนอกโลกที่เข้ามาช่วยเหลือเป็<wbr>นการชั่วคราว
    และจะเดินทางจากไปหลังจากนั้น เผ่าพันธ์ของสิ่งมีชีวิตนี้ติ<wbr>ดต่อกับชาวเลมูเรีย,
    ชาวแอตแลนติสในเทียฮัวนาโค และ ชาวอียิปต์ เพื่อที่จะคอยช่วยเหลือในช่<wbr>วงเวลาที่สิ้นสุดในอาณาจักรทั้<wbr>งสอง
     
  14. จิตปีศาจ

    จิตปีศาจ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +66
    แล้ว ปีรามิดที่บอสเนีย เกี่ยวข้องกันกับที่อื่นๆใหมครับ แล้วการขุดค้นไปถึงใหนแล้ว เว็บต่างประเทศ ใช้กูเกิลแปลภาษาก็เข้าใจยาก ล่าสุดเห็นว่านักฟิสิกส์ค้นพบลำแสงที่ปลายปิรามิดเชื่อมกับดวงอาทิตย์ ถ้ามีข้อมูลสรุปให้ฟังด้วยครับ เหอๆๆๆๆๆผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆเลย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ---ปิรามิดอินคามีแสงพุ่งขึ้นท้องฟ้า และปิรามิดอื่นๆทั่วโลก ส่วนใหญ่ก็มีแสงแบบนี้
    --เห็นเทพเมตาตรอนบอกว่าา พลังของคริสตัลยักษ์ของชาวแอตแลนติสที่ซ่อนไว้ใต้โลก หรือมิติลับ เป็นตัวกีะค้น ส่งพลังขึ้นมาก่อน ปิรามิด แม้แต่กระจกที่คนสร้างก็มีพลัง นครวัด บุโรพุทโธก็ถูกกระตุ้น เป็นทั่วโลกเลยทีเดียว จริงๆแล้วต้องค้นข่าวลี้ลับ แต่ที่ดึงข้อมูลมายังไม่จบครับ หลับคาจอตอนตีห้าครับ
    --ตอนต่อไปจะพูดถึงเซ็มยาเซ(แถวบ้านผมเรียกเซ็มเจส) เป็นสาวชาวพลีอิเดี้ยนที่อายุกว่า400 ปี ได้มาเยือนโลกพร้อมพ่อเธอ "พทาห์" พอดีเรื่องนี้ผมแปลมาก่อน มาตรงกันพอดี คนที่ติดต่อชื่อ บิลลี่เมียร์ เป็นชาวเยอรมัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2012
  16. จิตปีศาจ

    จิตปีศาจ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +66
    อ้อ!!ผมเซ่อเอง อจ.เจษโพสไว้แล้ว
     
  17. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ต่อน่ะ---

    "เทียฮัวนาโค"อาณาจักรที่สูญหายของเมืองโบราณแห่ง OG "

    [FONT=&quot]ตอนที่[/FONT]
    3...

    พลังงานที่ประสานกลมกลื<wbr>นของโบราณสถานเหล่านี้ซับซ้อนมาก
    และมีลักษณะโครงสร้<wbr>างการทำงานของพลังงาน
    ที่ปรากฎข้ามพ้นขึ้นไปจากมิติที<wbr>่3 ขึ้นในหลายๆมิติ

    สิ่งนี้เป็นการติต่อสื่อสารผ่<wbr>านทางประตูจักรวาล('zipped' space)
    การมีจุดศูนย์กลางร่วมกันที่ พับทบอยู่บน (folding of) โครงข่ายของหลากหลายมิติ

    นี่เป็นการสนับสนุ<wbr>นความสามารถในการคงอยู่ร่วมกัน(<wbr>co exist)
    ในหลากหลายขอบเขตของความเป็นมิ<wbr>ติพร้อมกัน
    มันเหมือนสิ่งซึ่งหลายๆคนเรี<wbr>ยกว่าการผ่านทะลุเข้าไปหลังม่าน (passing thought the veil)
    แต่ก็ยังคงเป็นคำอธิบายที่ไม่ถู<wbr>กต้องนัก

    มันเป็นมากกว่าความเกี่ยวข้<wbr>องในการเข้าไปสู่ โฮโลแกรมในมิติที่ 5
    ในที่ซึ่งประสบการณ์ทุกอย่างเกิ<wbr>ดขึ้นพร้อมกันหมด
    โดยปราศจากการเหลือไว้ของมิติ<wbr>ในรูปแบบการทำงานทั่วไปของคุ<wbr>ณอยู่จริงๆ
    ดังนั้นมันจึงไม่ใช่การผ่านทะลุ<wbr>เข้าไป แต่เป็นการซ้อนทับกัน(overlappi<wbr>ng)
    ของเยื่อหุ้มบางๆของมิติทั้<wbr>งหลาย
    สิ่งนี้เกิดขึ้<wbr>นในหลายๆอาณาเขตของพลังงานที่มุ่งไปสู่ศูนย์กลาง


    ใต้เมืองเทียฮัวนาโค มีห้องต่างๆที่ใหญ่โตกว้างขวาง
    และสอดแทรกไปด้วยรูปทรงเรขาคณิตต่างๆ(
    <wbr>holgrams)อยู่ภายใต้โลก
    ห้องเหล่านี้เชื่อมต่อกันและกั
    <wbr>นด้วยระบบท่อที่สลับซับซ้อน
    ไปยังจุดโครงข่าย (grid points)อื่นๆมากมาย

    และรวมไปถึงดินแดนสถานที่ตั้งที
    <wbr>่ศักดิ์สิทธ์ ของมาชู พิชชู ,อียิปต์,
    กลาสตันเบอรี่ ทอร์ ,เกาะอิสเตอร์ และ ยอดเขาในซานฟรานซิสโกในรัฐอริ
    <wbr>โซน่า
    (Machu Picchu, Egypt, the Glastonbury Tor, Easter Island)

    เขาวงกตใต้ดินที่ยิ่งใหญ่ของ สิ่งซึ่งหมายถึงเลย์ ของมิติที่4 ที่เชื่อมติดต่อถึงกันทั้งหมด

    ตรงทางเข้าไปสู่โลกใต้พิภพนั้นกว้างใหญ่ มีโบสถ์กว้างขวางอยู่ที่ใต้ดิน,
    เหมือนกับเป็นดั่งเช่นเมืองใหญ่ๆเมืองหนึ่ง

    วัดที่โอ่อ่านี้ยังคงอยู่ที่นั่นมีปิรามิดอันหนึ่งที่กลับหัวซึ่งสมนัยกับปิรามิด Akapana ที่อยู่ด้านบน
    มันเป็นรูปแบบทางพลังงานของดาวจตุรมุข8เหลี่ยม(octahedron) ที่สมบูรณ์
    ----------------------------------------------------------
    ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5
     
  18. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ใช่ ยังจำได้นะนักเรียน
    -------------------------------
    "เทียฮัวนาโค"อาณาจักรที่สูญหายของเมืองโบราณแห่ง OG "


    [FONT=&quot]ตอนที่[/FONT] 4...

    การผ่านเข้าไปสู่ห้องใต้ดินอั<wbr>นโอ่โถงนี้ จะทำให้ได้รับการสั่นสะเทื<wbr>อนของคลื่นความถี่สูง


    มีมนุษย์อยู่เพียงไม่กี่คนที่มี <wbr>ความสามารถที่จะเข้าไปได้
    มีอยู่เพียงไม่กี่คนบนโลกที่ยั<wbr>งคงเก็บรักษาความรู้<wbr>และความสามารถอันนี้ไว้ได้
    แม้ว่าจำนวนจะเริ่มมีเพิ่มมากขึ<wbr>้นก็ตาม

    เหมือนที่พวกเราเคยบอกกับคุณไว้<wbr>ว่า มีเด็กๆที่มีความกลมกลืนทางพลั<wbr>งงานcrystal
    อยู่เป็นพันๆคนบนโลกในปัจจุบั<wbr>นนี้ ที่เป็นผู้ที่มีศักยภาพของคลื่<wbr>นความถี่แบบนี้

    มันเป็นพลังงานที่เหมือนกับคลื่<wbr>นความถี่ของเสียงที่ถูกแตะเบาๆ ในภาวะไร้แรงดึงดูด(สูญญกาศ)
    ซึ่งบุคคลในระดับผู้เชี่<wbr>ยวชาญของดินแดนเลมูเรี่<wbr>ยและแอตแลนติสได้นำพลังงานนี้<wbr>มาใช้
    ในการยกก้อนหินใหญ่มหึมา วิศวกรรมที่แม่นยำและการก่อสร้<wbr>างก่อนยุคอินคา อีกด้วย
    เช่นเดียวกับวัดของชาวอินคาดิ<wbr>นแดนของ Og โบราณแห่งอารยธรรมของชาวมายั<wbr>นในเม็กซิโก

    นักบวช-นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้(<wbr>Scientist- Priests)
    เป็นผู้ที่มีความล้ำเลิศทางด้<wbr>านวิทยาการอย่างมาก
    ในเรื่<wbr>องความรู้ที่เกี่ยวกับคลื่<wbr>นความถี่ในพลังงานฐานพิภพ(<wbr>telluric) และพลังงานแสง

    ในเวลานั้นผู้ที่เป็นนักบวช-นั<wbr>กวิทยาศาสตร์
    จะได้รับการฝึ<wbr>กฝนในด้านการพัฒนาทางด้านวิ<wbr>ทยาศาสตร์และด้านจิตอย่างหนัก
    ทั้งก่อนและหลังเกิดอุทกภัยอย่<wbr>างหนักในช่วงระยะ20ปี
    ด้วยเหตุนี้จึงสามารถเชื่อมต่อคุณลักษณะ
    ของความเป็นวิทยาศาสตร์เข้ากับจิ<wbr>ตและวิญญาณของพลั<wbr>งงานในการดำรงชีวิตได้

    ความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกั<wbr>นในกระบวนการของการรับพลั<wbr>งงาน
    จากแสงอาทิตย์และจักรภพ(sol<wbr>ar and cosmic rays)

    เพื่อขยายความถี่ของการสั่<wbr>นสะเทือนให้รองรับพื้นที่
    ที่<wbr>กระจายออกจากมุมระหว่างรังสีหั<wbr>กเหตรงตำแหน่งที่<wbr>ลำแสงตกกระทบ
    ที่เกิดจากคลื่นถี่และพลั<wbr>งงานคริสตอลของความคิด(crystals & frequential thought)
    ซึ่งเป็นตัวสร้างให้เกิดภาพของแสงที่มี<wbr>ความเร็วเหนือเสียง
    ของปฏิ<wbr>สารและภาวะไร้แรงโน้มถ่วง (antimatter and antigravity)

    คลื่นความถี่ที่แตกต่างกัน ถูกนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการเปิ<wbr>
    และจัดการช่องทางที่<wbr>สอดประสานกันในเขาวงกต
    ด้วยปัญญาอันฉลาดเฉลียวของวิ<wbr>ทยาศาสตร์ทางจิตที่ครบถ้วนสมบู<wbr>รณ์

    พิธีการอันยิ่งใหญ่นี้เป็นวิธี<wbr>การปรับแต่งเครือข่าย(เขาวงกต)<wbr>นี้
    ให้ทรงอานุภาพได้อย่างนุ่<wbr>มนวล (fine-tuning)
    เหมือนกับระบบเลย์ของเขาวงกตอันทรงพลังนี้
    ที่มีคุณประโยชน์ต่อชาวแอตแลนติ<wbr>สอยู่ไม่ใช่น้อย

    -----------------------------------------------------

    เมืองเทียฮัวนาโค( Tiajuanaco)...
    มาชูพิชชู ของโบลิเวีย(Bolivia's Machu Picchu!)

    [​IMG]


    เทียฮัวนาโคก็เหมือนกับซากโบราณสถานหลายๆแห่งบนโลกที่ตั้งอยู่บนจุด grid หลักๆ
    ที่มีสนามพลังงานที่ชัดเจน...และเป็นสายใยแห่งความมีชีวิตชีวาที่เชื่อมประสานกัน
    เทียฮัวนาโคอยู่ถัดจากทะเลสาบตาติกกากามาทางใต้ประมาณสองไมล์
    ซากโบราณสถานของเทียฮัวนาโค เต็มไปด้วยปิรามิดที่ใหญ่มหึมา
    โบสถ์หินที่สวยงาม, เสาหินที่มีขนาดใหญ่ก้อนเดียว

    ความมั่งคั่งของตำนานของชาวพื้นเมืองของเมืองลึกลับใต้พิภพที่อยู่ใต้โบสถ์เหล่านี้

    ตำนานของชาวยุคก่อนโคลัมเบียและอินคาอ้างว่า
    เทียฮัวนาโคเป็นทางเข้าเขาวงกตขนาดมหึมาใต้ดิน ที่มีการเชื่อมต่อไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ

    ในคำทำนายของชาวอินคาที่เล่าต่อกันมาถึงโลกที่อยู่เบื้องบน และโลกใต้พิภพ
    ความจริงที่มีอยู่ทั้งในมิติทางกายภาพและในรูปแบบของพลังงานหลายสถานที่

    ในเทือกเขาแอนดิสถือว่าเป็นประตูทางเข้าสู่ดินแดนเหล่านี้
    และ ประตูและทางเข้าที่ปรากฏออกมานั้นมีความเป็นไปได้
    วัดต่างๆในเมืองเทียฮัวนาโคถูกกล่าวว่าเป็นประตูแรกเริ่มที่เข้าสู่โลกของมิติที่3
    "เทียฮัวนาโค"อาณาจักรที่สูญหายของเมืองโบราณแห่ง OG "

     
  19. จิตปีศาจ

    จิตปีศาจ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +66
    แล้วอันนี้ที่ใหนครับ ของจริงหรือเปล่าครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • W228Mf.jpg
      W228Mf.jpg
      ขนาดไฟล์:
      137 KB
      เปิดดู:
      75
  20. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    --นี่ ใกล้ๆปิรามิดอินคา พวกนักจานบินวิทยาบอกว่า ชาวมายาได้ขุดสระน้ำไว้เป็นที่เก้บน้ำไว้กินไว้ใช้มากมาย มีรูปด้วย มีหลายบ่อครับ เป็นสระกลมๆ กว้างพอดูสัก 500 เมตร แต่"ขุดลงไปในหินครับ" เหลือเชื่อครับ
    ---ถาพนี้รู้สึกแต่ง เห็นเขาว่าเป็นภูเขาที่ใกล้เขากะลา จ.นครสวรรค์ ซึ่งปกติเป็นเขาหัวโล้น มีแต่พุ่มไม้ พอชาวต่างดาวเปิดมิติ บรรยากาศก็เปลี่ยนไป และเห็นมีสิ่งก่อสร้างคล้ายโลหะบนยอดเขา ถ่ายรูปก็ติดครับ
    --ลองค้นรูปปราสาทแถวอาหรับ จะมีโดม หอตอยรอบๆ สี่มุม ตัวหอคอยน่ะเหมือนจรวดมากๆครับ--น่าแปลกใจ เขาว่าหอบาเบลที่มนุษย์อยากทำไว้ให้ถึงฟ้า -ท้าพระเจ้า-ที่แท้ก็คือจรวดนั่นเอง แต่พระเจ้าบันดาลให้คนเราเกิดเป็นหลายภาษาขึ้นมา จึงแตกคอกันไป

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...