ยักษ์นอกศาสนาจะรบกัน สงครามที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง อิหร่าน vs อิสราเอล

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ถิ่นธรรม, 17 สิงหาคม 2012.

  1. mongko

    mongko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +329
    คำทำนายหลวงพ่อฤาษีกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    ยักษ์ตีกันระวังไทยจะถูกบังคับให้เลือกข้าง!

    ผมขอสริมกระทู้นี้ด้วยบทวิเคราะห์ของนายทหารท่านหนึ่ง!

    (โดยตัดย่อมาเพียงบางส่วนติดตามอ่านเนื้อหาที่สมบูรณ์ได้ที่ http://tortaharn.net/contents/index.php?option=com_content&task=view&id=191&Itemid=75

    ความเป็นไปได้ของการปฏิบัติการลับในประเทศไทย

    การปฏิบัติการในครั้งนั้นมีภาพของการเชื่อมโยงกับการปฏิบัติการก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุในประเทศไทย 3 ครั้ง หากพิจาณาจากยุทธวิธีที่ใช้ โดย ทั้ง 3 ครั้ง นั้นได้แก่ ครั้งแรก เป็นเหตุการณ์ระเบิดสังหารนักวิทยาศาสตร์ชาวอิหร่าน เมื่อวันที่ 11 ม.ค.55 ที่ผ่านมา ครั้งที่สอง เป็นเหตุการณ์ ระเบิดที่จอร์เจีย รัสเซีย และ ครั้งที่สามที่ เดลลี อินเดีย โดยทั้ง 2 เหตุการณ์ เกิดเมื่อ 13 ก.พ.55 ก่อนที่จะเกิดเหตุในประเทศไทยที่ ซ.สุขุมวิท 71 เมื่อ 14 ก.พ.55

    สำหรับสถานการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 ก.พ.55 ที่ผ่านมานั้น ในขั้นต้นข้อมูลต่างๆ ได้มีทิศทางมุ่งไปสู่ การเตรียมการลอบสังหารบุคคลสำคัญ แต่ภายหลังจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการพบเบาะแสหลายประการเพิ่มเติม เช่น การใช้ สติ๊กเกอร์ คำว่า SEJEAL ติดเป็นสัญญาลักษณ์นำทาง บริเวณเส้นทางที่เชื่อว่าบุคคลสำคัญของอิสราเอลเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะใช้สัญจร โดยผลจากการค้นพบสติ๊กเกอร์ SEJEAL นั้นได้เกิดคำถามตามมาว่าจะเป็นได้หรือที่อิหร่านจะมีการใช้สติ๊กเกอร์ฯ ดังกล่าวเป็นสัญญาลักษณ์ ทำให้หลายฝ่ายพุ่งเป้าไปที่การจัดฉาก (setup) ของฝ่ายสหรัฐฯ และอิสราเอล ดังนั้นหากนำประเด็นต่างๆ มาประมวลเข้าด้วยกันแล้วจะพบว่า เหตุการณ์ที่เกิดระเบิดพลาดในวันที่ 14 ก.พ.55 นั้นมีความเป็นไปได้ของการปฏิบัติการลับ (Covert Operations) 2 แนวทาง ดังแสดงในภาพที่ 1 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้





    ภาพที่ 1 ความเป็นไปได้ของการปฏิบัติการลับในประเทศไทยกรณีสถานการณ์ระเบิดในวันที่ 14 ก.พ.55​
    1) ความเป็นไปได้ 1 - เป็นการปฏิบัติการลวง : สำหรับความเป็นไปได้นี้จะมีสาเหตุมาจาก ความพยายามที่จะสร้างเงื่อนไข เพื่อที่จะนำไปสู่การยุติโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งถือได้ว่าเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อประเทศอิสราเอล สำหรับความเป็นไปได้นี้ จะมีตัวแสดงที่สำคัญคือ ฝ่ายสหรัฐฯ และอิสราเอล ที่ใช้การปฏิบัติการลับ ด้วยวิธการลวง (Deception) เพื่อที่จะใช้เป็นเงื่อนไขในการใช้กำลังทางทหารเข้าปฏิบัติการต่ออิหร่าน ในอนาคต สำหรับความเป็นไปได้นี้ นั้นอิหร่านจะเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหา ​

    2) ความเป็นไปได้ 2 – เป็นการลอบสังหารบุคคลสำคัญ : ส่วนความเป็นไปได้นี้จะมีสาเหตุมาจากความต้องการในการแก้แค้นของอิหร่าน ที่มีต่ออิสราเอล เนื่องจากความขัดแย้งที่มีมาตั้งแต่อดีต และเชื่อมโยงกับ การลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์เคมีทางด้านนิวเคลียร์ ที่ถูกฆ่าตายจำนวน 4 คนภายในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เพราะการเสียชีวิตของนักวิทยาศาสตร์ฯ ย่อมสงผลต่อโครงการพัฒนานิวเคลียร์ที่อิหร่านกำลังเริ่มรุดหน้าไปอย่างมาก สำหรับแนวทางนั้น ตัวแสดงที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จะแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือฝ่าย อิหร่าน ที่ใช้การปฏิบัติการลับ ทำการลอบสังหารบุคคลสำคัญโดยใช้ระเบิด ส่วนตัวแสดงฝ่ายสหรัฐฯ กับ อิสราเอล นั้นเป็นผู้ถูกกระทำ​

    จากความเป็นไปได้ทั้ง 2 ทางที่กล่าวมาในข้างต้นนั้น ถือว่าเป็นเคราะห์ร้าย หรือ ความโชคไม่ดีของประเทศไทย ที่ถูกเลือกเป็นพื้นที่ปฏิบัติการของทั้งสองฝ่าย ซึ่งไม่ว่าสาเหตุที่แท้จริงจะเป็นความเป็นไปได้ทางไหนก็ตาม ประเทศไทยได้ถูกเลือกเป็นพื้นที่ปฏิบัติการและเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อประเทศไทยอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศไทย และยังรวมไปถึงการถูกจับตามองจากนานาประเทศในการแก้ปัญหาครั้งนี้ของไทยอีกด้วย​

    มีต่อครับ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • bomb002.jpg
      bomb002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      344.1 KB
      เปิดดู:
      211
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2012
  3. ธานะ

    ธานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +113
    ตามความเห็นส่วนตัว อิหร่านถ้ามีอาวุธนิวเคลียร์มีประเทศตะวันออกกลางเป็นผู้ช่วย มีประเทศจีนและรัสเซียเป็นกองหนุน อิหร่านต้องโจมตีอิสราเอลก่อนเพื่อจะได้เปรียบและได้ใจพวกตะวันออกกลางและไม่ชอบอิสราเอล ถึงเวลานั้นอเมริกาจะเข้ามาก็จะกลายเป็นสงความโลกเต็มตัว (ทําไมอิหร่านต้องโจมตีก่อน ถ้ารออิสราเอลโจมตีจะเสียทั้งประเทศเปิดประตูแพ้ประตูเดียว แต่ว่าถ้าโจมตีก่อนยังมีอีกประตูให้เลือก):cool:
     
  4. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย
    จากความเป็นได้ทั้ง 2 แนวทางที่กล่าวมาในข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้ไหนก็ตามแต่สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายนั้นย่อมตกอยู่กับ ตัวแสดงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นั้นคือ คู่ปรปักษ์ สหรัฐฯ อิสราเอล และ อิหร่าน และยังรวมไปถึงประเทศไทยในฐานะที่ถูกเลือกเป็นพื้นที่ปฏิบัติการ สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นสามารถ แสดงได้ในภาพที่ 2 ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี





    ภาพที่ 2 ผลกระทบจากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ก.พ.55 ที่ผ่านมา​
    1) เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้เพิ่มระดับของความขัดแย้งระหว่าง สหรัฐฯ อิสราเอล และอิหร่าน ทำให้เกิดสภาวะไม่มีเสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลางและดินแดนปาเลสไตน์ อีกทั้งยังอาจส่งผลให้เกิดความผันผวนในเรื่องของราคาน้ำมัน ซึ่งประเทศไทยก็จะได้รับผลกระทบด้วย
    2) อิหร่านกลายเป็นประเทศที่ถูกมองว่าจะเป็นประเทศที่ชอบใช้ความรุนแรง และเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นกับนานาประเทศ และรวมถึงการส่งผลให้ประเทศมหาอำนาจบางประเทศกำหนดมาตรการกดดันและกีดกันต่างๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันโลกในที่สุด
    3) ทั้งสหรัฐฯ อิสราเอล และอิหร่านได้ใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่เล่นสงครามข่าวสาร ทำให้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทยในสายตาต่างชาติ รวมทั้งขาดความเชื่อมั่น ส่งผลให้การท่องเที่ยวชะงักงัน
    4) การเกิดเหตุครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานหลายร้อยปีระหว่างไทยกับอิหร่าน ทำให้เกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน รวมถึงอาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในเรื่องความเสี่ยงของการก่อการร้ายในประเทศในระยะยาว
    5) ประเทศไทยนั้นได้รับผลกระทบคือ นานาชาติอาจเกิดความคลางแคลงใจ ไม่มั่นใจต่อสถานการณ์การก่อการร้ายในบ้านเรา ความเชื่อมั่นต่างๆ ลดลง และเพิ่มระดับการจับตามองจากหลายประเทศ
    6) สหรัฐฯ และอิสราเอล อาจจะมีความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจประเทศไทย และอาจจะมองว่าประเทศไทยเป็นบ้านของผู้ก่อการร้าย ประเทศไทยให้ที่พักพิงต่อขบวนการต่างๆ ที่เป็นศัตรูกับ สหรัฐฯ และอิสราเอล
    7) สหรัฐฯ นั้นถูกมองจากหลายชาติว่าเป็นประเทศที่เลือกรักษาผลประโยชน์ของชาติตนโดยไม่คำนึงว่าจะต้องเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในประเทศของประเทศใด ซึ่งสหรัฐฯ พร้อมที่จะกระทำการดังกล่าวหากมองว่าการกระทำนั้นเป็นการรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ทำให้เพิ่มความเกลียดชักกับกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง
    8) อิสราเอลเป็นประเทศที่นิยมใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา และพร้อมที่จะกระทำการใดๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติตน ซึ่งการกระทำเหล่านี้ได้เพิ่มความตึงเครียดให้กับพื้นที่ตะวันออกกลางและดินแดนปาเลสไตน์ และการปฏิบัติการในครั้งนี้ได้ขยายตัวออกมานอกภูมิภาคดังกล่าว
    ----------------------------------------------------------​

    ไทยเราเป็นประเทศเล็กแต่ดันไปอยู่ตรงกลางระหว่างคู่ขัดแย้ง!

    ปัญหาคือไทยเราควรจะ SAVE ตัวเองอย่างไรที่จะไม่ให้เสียสมดุลดังกล่าว!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • bomb003.jpg
      bomb003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      207
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2012
  5. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
  6. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    คงจะยากครับเพราะพวกเค้าไม่เชื่อเรื่องบาปบุญเหมือนเรา และอีกอย่างมันมีผลประโยชน์มหาศาลในนั้น ซึ่งประเทศที่ไม่รู้จักการปล่อยวางใช้อำนาจในทางความโลภ ตามหาทุกอย่างมาเป็นของตนทั้งๆที่ไม่ใช่ของตน ไม่หยุดแน่นอน
     
  7. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ถ้า อิสราเอล กับอิหร่านรบกัน มันไม่มีทางจะปะทะกันด้วยกำลังทหาร แต่จะใช้วิธียิงจรวดระยะไกลถล่มที่มั่นสำคัญทางทหารซึ่งกันและกัน และถ้าอิสราเอลถูกถล่มเยอะกำลังทหารที่จะคอยขย้ำอิสราเอลก็จะเป็นพวกก่อการร้ายจากประเทศต่างๆที่จะเข้าไปส่องสุมกำลังแถบประเทศจอร์แดน เลบานอนและพรมแดนซีเรีย ส่วนซีเรียหมดสิทธิ์ที่จะช่วยพวกอิสลามด้วยกันเพราะประเทศกำลังวุ่นวาย แต่เหตุการณ์จริงๆ อิสราเอลไม่น่าจะถูกจรวดอิหร่านยิงเสียหายมาก เพราะถ้าอิสราเอลจะโจมตีอิหร่านอิสราเอลต้องพร้อมในด้านการหลบภัยของประชาชนและการใช้จรวดต่อต้านขีปนาวุธของอิหร่าน และอิสราเอลต้องติดตั้งปืนต่อสู้อากาศยานไว้สอยจรวดและเครื่องบินของอิหร่านเต็มประเทศและอย่าลืมประสิทธิภาพของกำลังทหารของอิสราเอลว่าขนาดไหนและประชาชนอิสราเอลทุกคนรบเพื่อความอยู่รอดและประสิทธิภาพของอาวุธอิสราเอลเหนือกว่าอิหร่าน อิสราเอล มิได้ประกาศตนว่า เป็นชาติที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่บางแหล่งข่าวอ้างว่า อิสราเอล อาจถือครองหัวรบนิวเคลียร์ที่มีอำนาจการทำลายต่ำ (ประมาณ 1 กิโลตัน) อยู่ถึง 200 นัด แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าสังเกตนิวเคลียร์จะยังไม่เคยตรวจพบการทดลอง หรือการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอลแต่อย่างไรก็ตาม แต่ตามข้อเท็จจริง อิสราเอล สามารถเข้าถึง รายละเอียดข้อมูลนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ได้
    นอกจากนั้น อิสราเอล ยังถือครองขีปนาวุธ JERICHO I ระยะยิง 660 กิโลเมตร และ JERICHO II ระยะยิง 1,500 กิโลเมตรที่สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ รวมทั้ง จรวด SHAVIT ที่ใช้ในการปล่อยดาวเทียมของอิสราเอล ก็สามารถดัดแปลงเพื่อนำส่งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป ระยะยิง 7,800 กิโลเมตร
    ส่วนอิหร่าน เครื่องบินรบก็เป็นพวกล้าสมัย อาวุธจรวดก็ชื้อมาจากจีนและรัสเชียความแม่นยำมีน้อยและอิหร่าน เป็นประเทศที่ถือครองระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธ แม้ยังไม่มีหัวรบนิวเคลียร์ แต่ความมุ่งมั่นในโครงการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียม (Uranium Enrichment) อาจทำให้อิหร่าน สามารถเตรียมสารยูเรเนียมเข้มข้น เพียงพอที่จะผลิตหัวรบนิวเคลียร์ได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ขีดความสามารถของระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธที่อิหร่านถือครอง เช่น Taepo Dong II ระยะยิง 6,000 กิโลเมตร สามารถโจมตีเป้าหมายยุทธศาสตร์ครอบคลุม ทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา
    ดังนั้นถ้ายิงจรวดถล่มกันและกันประเทศที่น่าจะเละคือ อิหร่าน และอิสราเอลต้องจัดการอิหร่านแน่ๆ เพราะถือเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งในปัจจุบันเพราะอิหร่านได้มีการพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของตนอย่างต่อเนื่อง นับเป็นภัยอันตรายของประชาชนชาวอิสราเอลเป็นอย่างยิ่ง (ลิเบีย ชีเรีย อิรัก เรียบร้อยร.ร.อิสราเอลแล้ว)
     
  8. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    การทำลายล้างระหว่างคู่อริครั้งนี้ ไม่น่าจะขยายไปเป็นสงครามขนาดใหญ๋ มีแต่จะก่อความเสียหายให้ทั้ง 2 ฝ่าย (อิหร่านน่าจะเสียหายมาก) ดังนั้นแรงงานไทยเตรียมตัวไปทำงานที่อิหร่านและอิสราเอลได้เลย และขอแนะนำแรงงานไทยน่าจะไปทำงานที่อิสราเอลจะเหมาะกว่า และหลังสงครามน้ำมันน่าจะราคาถูกเพราะอิหร่านต้องเร่งขายน้ำมันเพื่อนำเงินมาปรับปรุงประเทศ ขอให้รีบๆจัดการกันและกันความสงบสุขจะได้บังเกิดขึ้นทั่วโลกและประเทศไทย
     
  9. interpoo

    interpoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    2,970
    ค่าพลัง:
    +19,781
    ต่อไป ก็ จีน กะ เกาหลีเหนือ สิเนอะ
     
  10. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    คิดว่า มันไม่ใช่สงครามกำจัดนิวเคลีย อิหร่าน เฉยๆ
    มันจะเป็นสงคราม ศาสนา ด้วย

    เรียกว่า ตีทีเดียวกะเอาให้อยู่หมัดกันไปเลย
     
  11. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ประธานาธิบดีของอเมริกันมันตัวซวย โดยเฉพาะตระกูลของจอร์จบุช ทั้งพ่อ ทั้งลูกใส่ร้ายซัดดัมอย่าโน้นอย่างนี้ว่ามีอาวุธเคมี หาเรื่ิองถล่มเขาสุดท้ายก็ไม่มีอาวุธที่ว่าตอนนี้เป็นงัย อิรัค เละเป็นโจ๊ก เพียงแค่ต้องการจะไปปล้นน้ำมันจากเขา
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
  13. komsant

    komsant เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +262
    คิดว่าคงเป็นไปได้ยาก เพราะเกาหลีเหนือเป็นเด็กสร้างของจีน โดยเฉพาะจีนได้วางจุดให้เกาหลีเหนือเป็นรัฐกันชน เช่นเดียวกับไทยที่เอาเจ้ายอดศึกษ แม้ว ม้ง กะเหรี่ยง เป็นรัฐกันชน เพื่อกันการาแผ่ขยายอิทธิพลของอเมริกาผ่านทางเกาหลีใต้
     
  14. mozard002

    mozard002 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +433
    ถ้าจะเกิดก็ห้ามไม่ได้ แต่ช่วยเกิดตอนที่ประเทศไทยมีผู้นำที่ฉลาดมีไหวพริบหน่อยแล้วกัน เพราะไทยเราดันเป็นเพื่อนกับเค้าไปหมด ทั้งจีน ทั้งเมกา

    ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ พวกโรงงานที่ผลิตสินค้าให้ยุโรปคงจะเจ็บหนัก รวมถึงผู้ส่งออกที่ส่งสินค้าไปยุโรปด้วย อาจไม่ต้องรอให้เกิดสงคราม เพราะตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกกันบ้างแล้ว

    ถ้า Demand ลดลงจริง เงินตราต่างประเทศที่เข้ามาก็จะน้อยลง ค่าเงินบาทก็อ่อนทีนี้จะนำเข้าน้ำมันก็ต้องใช้เงินมากขึ้น ถ้ารวมกับภาวะสงครามที่น้ำมันแพงขึ้นอีก ทีนี้หละ มันจะไม่ใช่แค่น้ำมันอย่างเดียว พลังงานทดแทนอื่นๆจะแพงตามด้วย เพราะ Demand น้ำมันมันล้น ตามหลักเศรษฐศาสตร์เลยราคาพลังงานทดแทนก็แพงขึ้น

    ถ้ามองแบบแง่ร้ายสุดๆคือคนตกงานเพิ่มขึ้น ข้าวของแพงขึ้น

    แต่ที่น่าสงสารสุดคือประชาชนตาดำๆ
     
  15. สิบหก

    สิบหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    680
    ค่าพลัง:
    +603
    มันคือโดมิโน่ .............
     
  16. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/Y08LHkl3ggs&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3 width=640 height=360 type=application/x-shockwave-flash allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>


    "อิหร่านยึดเครื่องบินไร้คนขับของสหรัฐ ได้ในน่านฟ้าอิหร่าน"

    ที่เป็นข่าว ว่าอิหร่าน แฮก UAV แบบ Stealt รุ่นล่าสุด ลงจอดได้โดยไม่เสียหาย ... แสดงว่า ไม่ธรรมดา

    "Electronics Warfare"


    ของอิหร่านไม่ง่าย ครับ .. มวลชลเขามี การเมืองเขาไม่ได้ขัดแย้งรุนแรง กองเรืออิหร่าน เป็นเรือขนาดเล็ก ติดอาวุธนำวิถี นี่แหละจัดการยาก!


    ฉะนั้นอยู่ใครอยู่มันดีกว่าครับ!

    ไทยอย่าเข้าไปยุ่งกับเค้าจะดีกว่าเพราะเรามีแต่เสียกับเสียครับ!:cool:
     
  17. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    จีน กะ ญี่ปุ่น

    น่าจับตาอย่างใกล้ชิด
    พี่ใหญ่กะพี่รองของเอเชีย
    หากทะเลาะกัน .... ไม่อยากคิดภาพ

    จีน กะ เกาหลีเหนือ
    เกาหลีเหนือ กะ เกาหลีใต้
    ญี่ปุ่น กะ เกาหลีใต้
    ญี่ปุ่น กะ เกาหลีเหนือ

    ทุกโจทย์ล้วนมีความเป็นไปได้แทบทั้งสิ้น
     
  18. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    Israeli could attack Iran without causing a major war in the region

    While it is likely Israel will attack Iran in the near future, it is not in either party's interest to allow retaliation to escalate




    [​IMG]

    'It is now clear that Barack Obama and Binyamin Netanyahu disagree on Iran.' Photograph: Pablo Martinez Monsivais/AP

    Over the last few days, Israeli newspapers have been consumed by reports that the prime minister, Binyamin Netanyahu, has decided to launch an attack on Iranian nuclear facilities some time this autumn. Although Netanyahu has an obvious interest in increasing pressure on Iran, it would be an error to regard these reports as simple rhetorical sensationalism. In my opinion, whether this year or next, Israel is likely to use its airforce to attack Iran.

    While it is impossible to know for sure whether Netanyahu will act, it is possible to consider the likely repercussions that would follow an Israeli attack. While it is likely that Iran would retaliate against Israel and possibly the US in response to any attack, it is unlikely that Iran will instigate a major war. Albeit for different reasons, Iran, Israel and the US all understand that a war would not serve their interests.

    First, the Israeli policy angle. If Netanyahu decides to order an attack on Iran, his focus will be on maximising the success of that action and minimising any negative consequences that might follow. In terms of Iranian retaliation, Israel would expect Iran's core non-state allies Hamas, the Palestinian Islamic Jihad and Hezbollah to launch rocket attacks into Israeli territory.

    However, present success with advanced defence systems has helped increase Israeli confidence in their ability to absorb this method of retaliation. Beyond rocket attacks, the Israeli leadership also understands that a likely mechanism for Iranian retaliation is via attacks against Israeli interests internationally. Whether carried out by the Iranian Quds Force or Hezbollah, or a combination of both, various incidents this year have shown Israel that Iran continues to regard covert action as a powerful weapon.

    The key for Israel is that, while these Iranian capabilities are seen as credible, they are not seen to pose intolerable threats to Israel. Faced with rocket strikes or limited attacks abroad – to which the likely response would be air strikes or short-duration ground operations (not a repeat of 2006) in Lebanon and Gaza – Israel would be unlikely to pursue major secondary retaliation against Iran. Certainly, Israel would not want to encourage intervention by Syria's Assad alongside Iran (an outcome that might follow major retaliatory Israeli action).

    If Netanyahu does decide to take action, Israeli objectives would be clearly limited. The intent would be to prevent Iran from acquiring a nuclear capability while minimising escalation towards war. Israel has no interest in a major conflict that would risk serious damage to the Israeli state.

    Though holding opposite objectives, Iran's attitude concerning a major war is similar to Israel's.
    While Iran regards nuclear capability as prospectively guaranteeing the survival of its Islamic revolution, clerical leaders also understand that initiating a major war would make American intervention likely. Such intervention would pose an existential threat to the theocratic project that underpins the Islamic Republic.

    Thus, in the event of an Israeli attack, Iran's response would be finely calibrated towards achieving three objectives:

    • First, punishing Israel for its attack.
    • Second, deterring further Israeli strikes and so creating space for a reconstituted Iranian nuclear programme.
    • Finally, weakening US/international support for Israel so as to increase Israeli isolation and vulnerability.
    Hezbollah, Hamas and other non-state allies would play a major role in effecting Iranian retaliation. Iran may also attempt to launch a number of its new Sajjil-2 medium-range missiles against Israel. Again, however, using these missiles would risk major retaliation if many Israeli citizens were killed.

    As a preference, Iran would probably perceive that utilising Hamas and Hezbollah would allow retaliation without forcing Netanyahu into a massive counter-response. Crucially, I believe Iran regards that balancing its response would enable it to buy time for a reconstituted, hardened nuclear programme. In contrast to the relatively open current structure, sites would be deeper underground and far less vulnerable to a future attack. The nuclear ambition would not be lost, simply delayed.

    As a final objective for retaliation, Iran would wish to weaken Israel's relationship with the US and the international community. This desire might encourage Iran to take action against US navy assets in the Gulf and/or attempt to mine the Strait of Hormuz, so as to cause a price spike in global oil markets and increased international discomfort.

    However, beyond their rhetoric, the Iranian leadership understand that they cannot win a military contest against the US, nor hold the strait for longer than a few days. For Iran then, as with Israel, regional war is far from desirable.

    Finally, consider the US. It is now clear that Obama and Netanyahu [ame="http://www.youtube.com/watch?v=rCdR0-sxm1w"]disagree on Iran[/ame]. In my opinion, Netanyahu does not believe Obama will ever be willing to take pre-emptive military action against Iran's nuclear programme. Conversely, Obama believes Netanyahu's diplomatic expectations are too hasty and excessively restrictive.

    The policy distance between these two leaders appears increasingly irreconcilable. If Netanyahu decides to go it alone and attack Iran, the US president will face the unpleasant scenario of having to protect American interests while avoiding an escalation dynamic that might spin out of control towards war. This difficulty is accentuated by Obama's re-election race and his fear of the domestic economic fallout that may come from the decisions that he might have to make. Again, the simple point is that the US government has no interest in a war with Iran.

    If Netanyahu decides to take military action, he will do so in a strategic environment in which Israel, Iran and the US have no preference for a major war. Each state views the prospect of a war as counter to their particular long-term ambitions.

    Because of this, while serious, Iranian retaliation would be unlikely to produce an escalatory dynamic leading to war. The leadership of each of these states will restrain their respective actions in the pursuit of differing long-term objectives but common short-term ones.
    • Comments on this article are currently set to remain open for 24 hours from the time of publication but may be closed earlier


    Israeli could attack Iran without causing a major war in the region | Thomas Rogan | Comment is free | guardian.co.uk





    Analysis: Benjamin Netanyahu faces widespread opposition to strike on Iran

    The Israeli prime minister may order a strike on Iran - but first he will need to face down opposition from the military and his own cabinet.

    [​IMG]

    Mr Netanyahu's support for the measure has prompted a backlash from grandees within his Likud party Photo: GETTY








    [​IMG]
    By The Daily Beast, Dan Ephron

    9:33PM BST 17 Aug 2012



    Israeli President Shimon Peres, in a remarkable display of defiance against Prime Minister Benjamin Netanyahu, said Thursday that Israel could not and should not launch an attack on Iran without America’s approval.


    Peres, who has no direct role in governance and whose job as president is largely ceremonial, made the remark during an interview with Israel’s Channel Two television in what government insiders described as the result of long-simmering tensions between the two men.


    "It's clear to us that we can't do it alone," Peres told Israel’s Channel Two television. "We can only delay [Iran's progress]. Thus it's clear to us that we need to go together with America.”

    Related Articles




    "Israel should rely on itself, but that doesn't mean we should give up our friends," he added.
    Several Israeli newspapers called the Peres interview a bombshell and one opinion writer said it would force Netanyahu to rethink his Iran strategy.

    The remarks prompted a quick and stinging response from Netanyahu’s office, where aides were quoted as saying Peres had overstepped his position and offered a list of “security blunders” Peres had committed during his long political career.

    That the two men would disagree on the issue was hardly a surprise. Netanyahu and Peres come from opposite sides of the political map, one being an unswerving hawk, the other a relentless peacenik.
    But the exchange highlighted a broader dynamic underway in Israel: as Netanyahu and Defense Minister Ehud Barak edge closer to deciding on war, people who don’t normally express their opinions publicly are finding it difficult not to.

    To date, the list includes former intelligence heads, current military chiefs, and a number of senior officials involved in Israel’s own secretive nuclear programme over the years (though journalists have mostly allowed the latter to have their say without being named).

    Some of these figures have come out of the shadows to advocate for Israeli air strikes—arguing that coping with the potential fallout is better than facing a nuclear Iran. But more of them have argued against an attack, describing the ensuing war as potentially calamitous.

    Netanyahu says Iran has already enriched enough uranium to build several nuclear bombs—though Iranian leaders insist their program is peaceful. He has pressed President Obama to impose tighter sanctions on Tehran, declare that diplomatic efforts with Iranians leaders have been exhausted and provide a commitment to use military force if other measures fail.

    Contacts between Israel and the United States about this issue have intensified in recent weeks, with a string of visits to Israel by high-level American officials. But while Netanyahu has said he’s still weighing whether to strike at Iran, a series of Israeli media reports over the past week suggested an assault was now imminent.
    In one of them, two of Israel’s most respected journalists, Nahum Barnea and Shimon Shiffer, wrote that Netanyahu and Barak had decided to strike before the US election in November.

    But they also wrote that it was not clear whether Netanyahu could muster a majority for an attack in his own cabinet given the stiff opposition from military circles.

    “There is, of course, great significant to the fact that the most senior figures, the prime minister and the defense minister, are determined to pass such a decision,” they wrote in the newspaper Yedioth Ahronoth.
    “It is no less significant that there is not a single senior official in the [defense] establishment, neither among the IDF top brass nor in the security branches … who supports an Israeli strike.”

    The opinions of military people count for much in Israel, where the army consistently polls as one of the most-respected institutions. According to surveys over the past month, Israelis are more or less evenly divided on the question of striking Iran.

    Writing in Yedioth Ahronoth this week, Barnea said Netanyahu would do his best to prevent generals and other security chiefs from offering their opinions at any cabinet meeting where the matter of war against Iran is discussed.

    “He and Barak are waging a campaign in the meantime to discredit the generals ... They say that these people, consciously or unconsciously, prefer their personal careers over the national interest,” Barnea wrote.
    According to Barnea, Netanyahu and Barak believe the generals are worried mostly about being blamed if the war fails and have become risk averse.





    http://www.telegraph.co.uk/journali...-widespread-opposition-to-strike-on-Iran.html







    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2012
  19. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ข่าวที่เกี่ยวข้อง

    Middle East

    08-05-2012
    Iran Top State Terror Sponsor

    The U.S. State Department has again named Iran the “world’s leading sponsor of terrorist activity.”






    [​IMG] Photo: ASSOCIATED PRESS
    Lebanese Hezbollah fighters stand next to a mock rocket under a poster of Hezbollah's leader Sheik Hassan Nasrallah. (AP Photo/Mohammed Zaatari)


    The U.S. State Department has again named Iran the “world’s leading sponsor of terrorist activity.”

    In its most recent Country Reports on Terrorism, the State Department said that over the past year Iran increased its terrorist-related activity, “likely in an effort to exploit the uncertain political conditions resulting from the Arab Spring, as well as in response to perceived increasing external pressure on Tehran.”

    During a press briefing introducing the report, the State Department’s coordinator for counterterrorism Daniel Benjamin said the United States is increasingly concerned about Iran’s terrorist activity, both through the Islamic Revolutionary Guard Corps’ Qods Force and the activity of Hezbollah:

    "They’ve both stepped up their level of terrorist plotting over the past year…and are engaging in their most active and aggressive campaign since the 1990s. Iran’s use of terrorism as an instrument of policy was exemplified, as you are all aware, by the involvement of elements of the Iranian government in the 2011 plot to assassinate the Saudi Ambassador here in Washington.”

    The State Department report says that Iran’s destabilizing activity also includes support for Hamas and other Palestinian terrorist groups; the Taliban in Afghanistan; Iraqi Shia militant groups; the Syrian regime of Bashar al Assad, and al Qaida activists in Iran. By allowing al Qaida members to operate a core facilitation pipeline through Iranian territory, the State Department says Iran enabled al Qaida “to carry funds and move facilitators and operatives to South Asia and elsewhere.”

    The report notes that the Saudi Ambassador assassination plot, which involved enlisting the assistance of a Mexico-based drug cartel, demonstrates that Iran also “sought to expand its activities in the Western Hemisphere.”

    “Iran is and remains the pre-eminent state sponsor of terrorism in the world,” said Ambassador Benjamin. “We are firmly committed to working with partners and allies to counter and disrupt Iranian activities and to prevent Iran from sponsoring new acts of terror. We think the international community is increasingly alert to this threat and will resist it.”


    Iran Top State Terror Sponsor | Middle East | Editorial




    .
     
  20. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    ยักษ์นอกศาสนา


    ยักษ์นอกศาสนาผมเข้าใจว่าพวกนอกคอกของแต่ละศาสนา
    ศาสนาพุทธก็มียักษ์นอกศาสนา เช่น พวกทุศีล พวกนับถือศาสนาตามบัตร แต่ไม่เคยปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน

    ศาสนาคริสต์ อิสลาม หรืออื่น ๆ ก็พวกที่เอาคำสอนของศาสดามาบิดเบือนหาผลประโยชน์
    เช่นเหตุการณ์ความรุนแรงรายวันทางใต้ ก็คือผลิตผลของยักษ์นอกศาสนาอิสลาม

    ผมยังเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี มีเมตตา แต่พวกนอกศาสนาทั้งนั้นที่สร้างความเดือดร้อนให้โลก ให้ประเทศ และให้สังคม

    เข้าใจผิดโปรดอภัยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...