เรื่องเด่น มนุษย์ต่างดาวติดต่อเราหรือยัง-ควรบอกว่า เมื่อไหร่จะไป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย chandayot, 18 เมษายน 2012.

  1. ดินน้ำลม

    ดินน้ำลม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +131
    ขอ+1 กำลังใจให้พี่เจษฎาครับ
     
  2. จิตปีศาจ

    จิตปีศาจ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +66
    ผมทำกรรมอะไรไว้ครับ สามสี่วันมานี้ผมนั่งอ่านกระทู้นี้ตั่งแต่หน้าแรกถึงหน้า23 แล้วยังไม่ได้อ่านอีกตั้งหลายหน้า ตาจะบอดแล้วเนี่ย แต่ก็สนุกดีครับสู้ๆ
     
  3. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ---ข้อมูลหายครับ กำลังค้นเรื่องสตาร์เกต "ประตูมิติที่สร้างได้" แบบนั้นหละครับ ตั้งเยอะครับที่พิมพ์แล้วมันหายไป
    อ่านที่นี่ไปก่อนครับ โปรเจ็คแว่นวิเศษ หรือ ลุคกิ้ง-แกลสครับ ไม่ทราบว่าชาวต่างดาวมาคิดให้หรืออย่างไร ฟองฮีเลียมในถึง กลายเป็นตัวย้อนเวลา อดีตหรืออนาคตได้ คนที่รู้จริง คือ แดน บูริช เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เค้าทำอยู่ครับ ต่อไปนี้เราจถกธรรมมะแบบเข้มข้นกัน ส่วนเรื่องต่างดาว --ลี้ลับก็เข้มข้นเพิ่มขึ้นครับ เรียกว่าคั้นหัวกะทิมาเลย
    Project Camelot | Project Looking Glass
    https://en.wikipedia.org/wiki/Parallel_universe_(fiction) อีกมิติที่คู่ขนาน หรือเป็นความจริงแบบทางเลือก (อัลเทอร์เนถีฟ เรียลลิตี้)
    ----------------------------
    --ขอโทษ ขออภัยนิดนึง สตังค์ไม่มีครับ ขอปล่อยของรัก-- แต่ใหม่ครับ-- เพิ่งมาถึงวันนี้ด้วย ใครอยากจะได้มีดดาบไปถางไร่ ทำงานฟันไม้ และมีดพับที่เรียกว่า "สุดยอด"ในราคาถูกใจ มีดดาบอันแรก ไม่มียี่ห้อครับ คงมาจากจีน ใบยาวราว14 นิ้ว ด้ามเป็นยางกระชับมือดี มีที่คล้องสายร่ม (กันหลุดจากมือ) ทดลองฟันไม้ใหญ่เท่าท่อนแขนมาแล้ว การที่ใบหนักทางหัว จะส่งน้ำหนักตัวมีดลงไป ทำให้ไม่เปลืองแรงเรานักครับ(ทีแรกไม่คิดจะขาย แต่มีคนส่งให้ได้อีกครับ)
    --อันที่สอง มีพับ ซานเร็นมู ด้ามเป็นไม้ PR-728 น้ำหนักดี ใช้งานง่าย สวย ติดใจครับ(ตัวล็อกมีดอยู่ด้านในด้าม กดแล้วพับมีดลงมาเบาๆ
    --อันที่สาม ซานเร็นมู LG8-730 ด้ามอลูมินั่มครับ ยี่ห้อนี้คือใช้วัสดุดี และตามรูปแบบของฝรั่งมา โดยวัสดุเป็นพวกแสตนเลสเนื้อแน่น ชนิดว่า เข้าป่าก็ผ่าฟืนได้(ประสิทธิภาพเกินตัว) ตะกี้ผมลองใช้เด็ดพริก หรือปาดกระดาษแข็งเบาๆ มันก็เข้าลึกครับ แสดงว่าคมพอๆกับคัทเตอร์ ใครอยากซื้อ ก็พีเอ็มมาครับ แบ่งๆกันไป เพราะของล็อตใหม่มา ยี่ห้อนี้บางรุ่น ราคาเกือบพันแล้ว ผมขายให้ในราคาที่มตารฐานก็แล้วกัน บางยี่ห้อที่พอๆกัน ขายสี่พันกว่าบาทก็มี เป็นหมื่นก็มีครับ มันแล้วแต่สถานที่ผลิต และการสะสม ความหายากแบบเดียวกับพระเครื่องเลยครับ
    รูปสุดท้ายเป็นสมบัติของเทพครับ ไม่ได้ขาย
    --เช้านี้ได้คุยกับพ่อใหญ่ ท่านพระศิวะครับ 10ปี พบ 3 ครั้ง ท่านได้บอกให้เริ่มต้นนับหนึ่งในชีวิตใหม่ เทพทุกท่าจะช่วย ก็เบาใจแล้วครับ ขายรถใหญ่ไปสองคัน ปัจจุบันบ้านก็ยังต้องเช่า แต่ก็จะลองดูครับ ชีวิตยังไม่สาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 112233led.jpg
      112233led.jpg
      ขนาดไฟล์:
      179.5 KB
      เปิดดู:
      194
    • 334455.jpg
      334455.jpg
      ขนาดไฟล์:
      141.5 KB
      เปิดดู:
      180
    • 33445566.jpg
      33445566.jpg
      ขนาดไฟล์:
      125.5 KB
      เปิดดู:
      61
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2012
  4. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    <table border="0" cellpadding="2" cellspacing="0" width="98%" height="300"><tbody><tr><td class="tbl2" align="center">
    </td> </tr> <tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td class="txt_post_name" align="left" bgcolor="#ffffff" height="1">กรุงเทพมหานคร ภัยพิบัติล้างโลก 2012....</td> </tr> <tr> <td class="txt_post_detail" align="left" bgcolor="#ffffff">
    อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญไฮโดรเจน จากองค์การนาซ่า และเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ Hydrogen ในประเทศไทย ด้วยวิธีการใช้ไฟฟ้าแยกน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง

    อาจารย์ สุมิตร" ทำงานในองค์การ NASA ในสายงานคือ ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เพื่อสร้างยานอวกาศ

    เพื่ออพยพผู้คนจาก อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (แต่รู้ในวงจำกัด)

    "อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน

    และคนในองค์การ NASA ทุกคนทราบเรื่องนี้มานานแล้ว แล้วได้สร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจาก
    อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 ใกล้เสร็จแล้ว (แต่ "อาจารย์ สุมิตร" ไม่ได้บอกว่าสร้างไว้กี่ลำ)

    <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="98%"><tbody><tr><td class="tbl2" align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center">
    </td> <td align="right" width="50">
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="left" bgcolor="#ffffff">"อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริง ปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การ NASA
    โดยสื่อสารทาง "โทรจิต" ในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012
    (มนุษย์บางคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้รอด)

    "อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่าโลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล

    ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ

    <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="98%"><tbody><tr><td class="tbl2" align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center">
    </td> <td align="right" width="50">
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="left" bgcolor="#ffffff">อาจารย์ สุมิตร" บอกว่า มนุษย์โลกสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้วโดยทาง "โทรจิต" แต่ทาง "สหรัฐอเมริกา" นั้นค่อนข้างปกปิด
    เรื่องนี้ ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ ก็จะมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล

    "อาจารย์ สุมิตร" เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA มาหลายปีแล้ว ท่านเคยไปบอกให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทยควรเร่งสร้างยานอวกาศ

    เพื่ออพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 โดยเร็ว เพราะ "คุณสุวิช" มีเทคโนโลยีในการสร้างแล้ว ขาดก็แต่งบประมาณเท่านั้น
    แต่กลับไม่มีใครเชื่อ แถมมองว่าท่านเป็นบ้าอีกด้วย พวกฝรั่งเขารู้กันมานาน เขาสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน
    ค.ศ. 2012 เกือบเสร็จแล้ว แต่คนไทยยังไม่เชื่อ จะจมน้ำตายกันอยู่แล้ว ไม่รู้วันๆ คนไทยทำอะไรกันอยู่ น่าสงสารคนไทยจริงๆ

    "อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้น จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริง ที่ฝรั่ง

    เค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมดยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ น่าสงสารคนไทยจริงๆ

    <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="98%"><tbody><tr><td class="tbl2" align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center">
    </td> <td align="right" width="50">
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="left" bgcolor="#ffffff">"อาจารย์ สุมิตร" กล่าวว่า คนไทยน่าจะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว อีก 3 ปี ได้จมน้ำตายแน่ๆ เพราะอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012
    นั้นเป็นวันหายนะที่ร้ายแรงมาก ร้ายแรงขนาดล้างโลกเลยทีเดียว ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวเค้าคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การ NASA
    เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่

    นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล เพราะ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA จริง มีตัวตนจริงๆ

    ลองหาข้อมูลของ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ใน Google ดูนะ

    ร่วมแชร์ครับพี่เจษฎาพอดีผมไปเจอมา เท็จจริงประการใดโปรดช่วยแนะนำด้วยครับ

    ที่มาครับ c2phuket.com -
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table>
     
  5. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    [​IMG]
    ข้างบนนี้คือNazca desert ในประเทศเปรู



    การมาเยือนของมนุษย์ต่างดาวครั้งโบราณ



    ความ เชื่อของคนส่วนใหญ่เรื่องมนุษย์ต่างดาว เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้นโบราณเดินทางมาด้วยยาน วันนี้ก็เช่นกัน หลายคนยอมรับไปแล้วว่ามนุษย์ต่างดาว เคยมาเยือนโลกจริงๆ ความคิดบนโลกกรณีดังกล่าวฟังดูน่าจะเป็นไปได้



    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อารยธรรม ที่เจริญเกิดขึ้นในกาแล็คซี่ โลกให้ความสนใจต่อมนุษย์ต่างดาว แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่า ยานต่างดาวนั้นเข้ามาศึกษาโลก เมื่อพันล้านปีที่แล้ว หรือ บรมยุคกำเนิดโลก ก่อนพัฒนาการระบบมนุษย์หรือไม่



    หรือเข้ามาศึกษามนุษย์หลังจากเกิด อารยธรรมแล้ว แต่มีผู้คนจำนวนหนึ่งอ้างว่า กรณีมนุษย์ต่างดาวเยือนโลก มีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือ หลักฐานดังกล่าวคือ การแสดงรูปแบบลายเส้น ที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวโลกสนับสนุน เหตุผลการมาเยือนโลกของมนุษย์ต่างดาว เป็นตำแหน่งเห็นชัดจากอวกาศ สำหรับการลงจอดยาน



    ทางโบราณคดี มีความประหลาดใจ จากข้อสันนิษฐานต่อครื่องมือที่ใช้การกระทำดังกล่าว การอ้างทางโบราณคดีด้วยความรู้เช่นนั้น ยังไม่สามารถที่จะเป็นข้อสรุปเกิดจากฝีมือมนุษย์ต่างดาวเช่นกรณี ร่องรอยลายเส้นบนพื้นของ Nazca desert ในประเทศเปรู



    นี้ก็อีกความรู้อย่างหนึ่งครับพี่เจษฎา ขอคำชี้แนะด้วยครับ


    ที่มา นานมีบุ๊คส์ออนไลน์ แหล่งรวมการ์ตูนความรู้ วรรณกรรมเยาวชน และนวนิยายชั้นนำจากทั่วโลก NANMEEBOOKS.COM ปฐมวัย preschool ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน
     
  6. MoonLignt

    MoonLignt สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +8
    จะว่าไปแล้วเราก็น่าจะลูกหลานของมนุษย์ต่างดาว เราคือผลผลิตของ รูปธรรมขั้นสูงหรือเปล่าคะ เพราะว่าเราไม่ได้มีวิวัฒนาการณ์มาจากลิงเลย โคโมโซมของมนุษย์กับลิงต่างกันมาก เราคือลูกหลานของชาวแอตแลนติสหรือเปล่า ท่านเจ้าของกระทู้ช่วยอธิบายให้ฟังได้ไหมคะ หรือเพื่อนๆที่มีความคิดเห็นอะไรก็ช่วยเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ
     
  7. wild win

    wild win เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +436
    เข้ามาขอบคุณ เรื่องคำแนะนำถวายบุญเป็นพุทธบูชาแก่พระพุทธเจ้า ค่ะ วันนี้ไปวัดใส่บาตรแล้วเลยลองอธิฐานอุทิศบุญเป็นพุทธบูชาดู รู้สึกดีมากเลยค่ะ
     
  8. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    จริงๆแล้วมันจะยาวมากนะครับ เอาเป็นว่า ปีนี้ วันที่ 21 ธค. เวลา ห้าทุ่มครึ่งเป๊ะ ก็ไม่ได้มีภัยพิบัติใดๆ แต่มีการยกระดับโลกจากความหนาแน่นที่3 ขึ้นสู่ที่4 หรือว่า 5 เรียกอีกอย่างคือ มิติ
    โดปกติเรา มีจิตสำนักว่า คุณก็คือ ตัวคุณ ผม ก็คือตัวผม นอกตัวไป ก็มีสิ่งคู่ ก็คือ ชายหญิง กลางวันกลางคืน แต่มิติใหม่ ไม่มีเขา และเรา เราทุกคนมีจิตรวมกัน เมื่อผมต่อยคุณที่หน้าผม ก็จะเจ็บบริเวณใบหน้าเท่าๆกัน แล้วตอนที่มองดูผู้หญิงสวย กลับเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง มองดูเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน หรือผู้ชายมองผู้ชาย ยังงี้ บางคนอาจจะรับไม่ไได้ แต่มันก้เป็นไปแล้ว เป็นจุดเริ่ม ซึ่งบางคนยังชอบสิ่งคู่ ก็จะยังอยู่ในมิติที่3 ตอไป จนหมดโครงการ 15 ปี ณุ้สึกว่าเบื้องบนท่านเปลี่ยนโครงการนะครับ จากที่ค่อยๆเปลี่ยนจะเปลี่ยนฉับพลัน อาจทำให้ระบบร่างกายของบางคนจะสั่น และปรับตัวไม่ทัน อาจจะป่วยได้
    --อันนี้เราพูดกันสั้นๆก็พอ ทางนั้นส่งสัญญาณมาว่า คนเลวๆ ได้ปรับตัวเป็นคนดีราว10 เปอร์เซนต์ ทำให้การปรับมิติ"พร้อมลั่นไก" คือโครงการสามารถบรรลุได้ แต่ถ้าเทียนตัวต่อตัว คนยุคแอตแลนติสมีมาตรฐานศีลธรรมดีกว่าโลกเราเยอะ

    --นาซคา เปรู ดินแดนที่ปราศจากฝนตก แทบไม่มีฝนเลย ร่องรอยที่มองเห็นจากอวกาศ หรือจากระดับเครื่องบินเท่านั้น เป็นเหมือนข้อมูลข่าวสาร หรือ ป้ายบอกทางในการลงจอดของยาน ยานเหล่านี้มาจาก มาขุดเอาแร่ทองคำ เพื่อนำไปฟอกอากาศในดาวของเขา
    ซึ่งปรากฏว่าเป็นผลสำเร็จ และทอง รู้สึกว่าจะเป็นเงินตราที่ใช้ในอวกาศ ของชาวต่างดาวหลายพวกอีกด้วย
    ถ้าไปเห็นที่ราบนาซคานี้ จะเห็นชัดว่า คือภูเขายักษ์ลูกหนึ่ง แต่โดนตัดส่วนบนหายไปแบบราบเป็นพื้นโต๊ะ จะว่าไปถ้าใช้เครื่องกลหนัก อาจจะใช้เวลา 50ปีอย่างเร็ว แต่ถ้าใช้ไฮ-เทค
    เช่น เคลื่องย้ายมวลสาร แสงเลเซอร์ ก็อาจจะทำได้ใน 10วันเท่านั้น


    อินคา อาณาจักรสุริยเทพ - Lost civilization - Mythland | รวมเรื่องลึกลับ | The Mysterious World,เรื่องลึกลับ,UFO,จานบิน,มนุษย์ต่างดาว,เอเลี่ยน,ดาวอังคาร,Nibiru,2012,ชาวมายา,เทพ,ตำนาน,โบราณคดี,พระเจ้า,สัตว์ประหลาด,ผี | - Powered by Discuz!
    ปูมาปังคา ปิรามิดชาวมายา
    Puma Punku วิหารของพระเจ้าจากอวกาศ - Lost civilization - Mythland | รวมเรื่องลึกลับ | The Mysterious World,เรื่องลึกลับ,UFO,จานบิน,มนุษย์ต่างดาว,เอเลี่ยน,ดาวอังคาร,Nibiru,2012,ชาวมายา,เทพ,ตำนาน,โบราณคดี,พระเจ้า,สัตว์ประหลาด,ผี | - Powered by Discuz!
    หินก้อนเดียวหนัก 400 ตัน ปั้นจั่นปัจจุบันไม่สามารถยกมันได้นะครับ

    --อะไรคือคุณ และผม จุง นักจิตวิทยาชื่อดัง บอกว่า เปรียบเทียบเกาะต่างๆ เป็นเราแต่ละคน เรานึกว่ามันแยกกัน แต่ไม่ใช่ เราทุกคนร่วมเป็น"พื้นแผ่นดินเดียวกัน" ถ้าว่าง หรือผมมีจิตที่เก่งพอ อาจเข่้าไปรับรู้ความรู้สึกของผู้อ่านได้สักวัน ได้รู้ ได้เห็นราวกับว่าว สวมวิญญาณเป็นคุณไปเลย และคุณก็เช่นกัน คล้ายหนัง "อวตาร"ที่คนกับสัตว์สามารถสื่อสารกันได้
    --จิตไม่ใช่สมอง นักวิทยาศาสตร์เฉือนสมองหนูทอ้งทีละน้อย จนแทบหมด แต่มันยังสามรถจำ และทำพฤติกรรมได้ปกติ คนบางคนมีโรคอย่างหนึ่งทำให้สมองบาง เหลือเนื้อหนา1 ซม. แต่ก็มีพฤติกรรมเท่าคนปกติ เช่นเดียวกับแผ่นโฮโลแกรม ที่บันทึกภาพสามิติ เป็นฟิล์มเหมือนฟิล์มถ่ายรูป แต่แปลกตรงที่คุณตัดออกเหลือน้อยเท่าใด มันก็สามรถส่งรูปสามมิตแบเต็มออกมาได้--สมองก็เช่นกัน

    --ลองพิจารณาดูหนังเรื่องแมททริกซ์ เอามาแต่หลักการนะครับ มี "โลกเบื้องหลัง" และโลกเรา คือโลกเบื้องหน้า แบบว่าเราคือหน้าเวทีละคร ด้านหลังเป็นโลกของผู้กำกับและห้องแต่งตัว ในเมื่อเราพิจารณาดูแต่หน้าฉาก เราก็เพลิดเพลินไปกับโลก หญิงสาวสวยใสในรถหรูครับงาม ในขณะที่ผู้กำกับบอกได้ว่าแต่ก่อนเธอหน้าเหมือนผี ทราบหรือไม่ว่ามีหนังสือชื่อนี้ออกมา3 เล่มแล้ว และหนังเรื่องนี้อาจจะมาจากความคิดเรื่อง"โลกเบื้องหลัง"ของโลกเรา

    ----นักฟิสิกส์ชื่อดัง โบห์ม ได้บังอาจประกาศว่า "โลกนี้คือภาพลวงตา--โฮโลแกรมขนาดมหึมา พร้อมด้วยรายละเอียดเล็กน้อยแบบสุดยอด" และอย่าลืมว่า มีหลายศาสนาเช่น พุทธ ฮินดู ก็ประกาศแบบนี้มาหลายพันปีแล้ว ข้อกฏข้อธรรมไม่ใช่ของนำมาพูดเล่น ถ้าส่วนนี้ไม่จริง พระพุทธเจ้าคงไม่ได้นำมาให้สาวกได้คลายความศรัทธาในศาสนาไปหรอก
    ---แต่ที่แน่ๆก็คือความจริง เป็นไปได้ไหมที่นักวิทย์หลายคนได้หันมาปฏิบัติธรนรม และได้"เห็น" ประจักษ์แจ้งสัจจะ แห่งความเป็นมายาการของโลก อย่างเช่น ที่ผมบอกว่า อนุภาคสูญเสียความเป็นคลื่น เมื่อเราจ้องมองมัน --เสีย"เวฟฟังก์ชั่น" ในความคิดของนักฟิสิกส์ รู้สึกเหมือนกับ นำเกลือมาหนึ่งถุง ชิมๆดูก็เค็ม นั่งจ้องมัน 10 วินาที นำมาชิมแล้วหวานเจี๊ยบ--เป็นอันว่า เสียเกลือ 1 กก. ได้ น้ำตาลมา 1กก. คิดมูลค่าเพิ่ม 25 บาท
    --มันไม่ใช่ครับ ไม่ใช่เลยหละ เราไม่ได้มองในแง่เศรษฐศาสตร์ สำหรับวิทยาศาสตร์ มันคือความมหัศจรรย์แบบหลุดโลก ไร้คำอธิบาย

    --ตาแก่ ถือไม้เท้า วันๆนั่งมองทิวเขา และบอกว่า วันพรุ่งนี้ยอดเขาจะทลายลงมา มันก็เกิดขึ้นจริง น่ามหัศจรรย์ยิ่ง แตเราสามรถพูดได้ว่า ข่าวสารข้อมูลเรื่องนี้มันวิ่งย้อนเวลาไปในอดีต บังเอิญว่า จิตของแก จับข่าวสารนี้ได้ ก็เลยทำนายถูก ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่อนุภาคเล็กจิ๋ว ได้ส่งข้อมูลหากัน แม้ว่าไกลกันสิบล้านปีแสงก็ตาม
    --พูดอีกอย่างหนึ่งว่า "มันไม่เคยแยกจากกัน" เรารับรู้ว่า"มันไกลกัน" แต่ความเป็นจริง อาจจะมี จิตเดิมแท้ จิตจักวาล หรือโฮโลแกรมยักษ์ที่เป็นตัวเก็บข้อมูลของพวกมันเอาไว้
    --การพัวพัน (เอ็นแทงเกิ้ล) คือการส่งข่าวสารระหว่างอนุภาค ยกตัวอย่าง ถ้าฉายแสงไปที่โลหะ จะมีโอกาศที่ 1 โฟตอน หรือเม็ดแสง กระแทกเอาอิเล็คตรอนหลุดออกมาสองตัว
    ถ้าเราบังคับให้พวกมันวิ่งจากกันไปหลายล้านปีแสง เรียกว่าไม่รู้กี่ล้านกิโลเมตร ถ้าเราบิดการหมุน หรือสปินของมันไปกี่องศา โดยใช้สนามแม่เหล็ก อีกตัวที่เป็นคู่ของมัน ก็จะบิดสปินตาม งงมะ คูณสมบัตินี้ พวกนักวิทย์อยากจะทำเป็น"ควอนตั้มคอมพิวเตอร์" ซึ่งหน้าตาเหมือนก้อนหินก็ยังได้
    --ในทางฮินดู ได้พูดถึง สร้อยของพระอินทร์ มีลูกปัดเล็กๆมากมาย ทุกลูกจะสะท้อนภาพของทุกๆลูก เช่นเดียวกับ ทุกอนุภาคในเอกภพ จะสะท้อนหรือรับรู้--รู้สึกถึงการมีอยู่ของทุกอนุภาคที่นับแทบไม่ถ้วน โปรตอนอิเลคตรอน นิวตริโน และสามรถทำอันตรกิริยากับมันได้ถูก ปัญหาก็คือว่า คนโบราณขนาดสี่พันปีก่อน รู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร เพราะ 1 อะตอม เล็กจนสายตาเรามองไม่เห็นกล้องจุลทรรศอิเลคตรอนก็แทบจะไม่เห็นมันด้วยซ้ำ
    --ยกตัวอย่างง่ายๆ หยดน้ำค้างมากมาย ทุกหยดต่างสะท้อนภาพของหยดอื่นๆ (แถมเรายังรู้ว่า หยดน้ำมันสามารถ "มองเห็น" หรือ "มีความรู้สึก"ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2012
  9. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    วันนี้ผมรู้สึกดี มีความสุขอย่างประหลาด ทั้งในจิต และจิตส่วนลึก ข้างใต้จิต มันสุขไปหมด จิตมองออกไป เหมือนโลกว่างเปล่า เรียบเหมือนหนังกลอง ปราศจากความรู้สึกอึดอัด ทั้งๆที่มีฝนตั้งเค้า จะมีความอบอ้าวเช่นทุกวัน
    --ในจิตของผม รู้สึกว่า เป็นเพราะเราได้วิเคราะห์ ปุจฉาวิปัสสนาธรรมมะได้มากพอควร เรียกว่าผู้อ่านที่เข้ามาอ่านก็ได้รับอานิสงค์ เหมือนเราเอาของมาคนละ 9 ส่วน แล้วนแต่ละคนเอามาคูณกันครับ เลยเป็นสิ่งที่มหาศาลครับ และอย่าลืมว่า คนไทยมีอยู่ทั่วโลก ซึ่งเข้าเว็ปนี้เป็นประจำก็มี ---จงพร่ำบ่นแต่คำว่า"พุทธัง สระณังคัจฉามิ"อย่างนี้ต้องฉลอง เราจะกินดื่มกันอย่างไม่อั้นและ เมากันสนุกสนาน แต่สิ่งที่เราดื่ม เรากิน เราหายใจ ก็คือ รสพระธรรมครับ ยกกันเพียวๆ ไม่ต้องมีน้ำแข็งโซดาครับ(บังอาจไหมนี่)
    --เขาว่าของหลุดจากมือเรา ตอนถวายพระก็รีบอุทิศบุญทันที อย่างนี้ดีไหมครับ

    ----"จะว่าไปแล้วเราก็น่าจะลูกหลานของมนุษย์ ต่างดาว เราคือผลผลิตของ รูปธรรมขั้นสูงหรือเปล่าคะ เพราะว่าเราไม่ได้มีวิวัฒนาการณ์มาจากลิงเลย โครโมโซมของมนุษย์กับลิงต่างกันมาก เราคือลูกหลานของชาวแอตแลนติสหรือเปล่า ท่านเจ้าของกระทู้ช่วยอธิบายให้ฟังได้ไหมคะ หรือเพื่อนๆที่มีความคิดเห็นอะไรก็ช่วยเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ"

    -อันนี้ยาวครับ ยาวแน่ๆ เดี๋ยวจะเสี่ยงเปิดตำรา จะหาเจอหรือปล่าวเท่านั้นเอง

    --รถวิ่งไป ได้ระยะทาง ตามเวลาที่ใช้ไป ซึ่งถ้าเราพล็อตกราฟ ก็จะได้รูปร่าง แต่แกนของกราฟที่เราเห็นมีสองแกน เวลา และระยะทางเป็นบวก เวลา เพิ่มเรื่อยๆในแนวเส้นตรง
    แต่แกนที่ชี้ไปทางซ้าย เวลาเป็นลบ แกนข้างล่าง ระยะทางเป็นลบ(เราลืมคิดไปไง) ในโลกจินตนาการ หรือคณิตศาสตร์ เราก็เห็นว่า จำนวนที่ยกกำลังสอง แล้วยังเป็นลบ" -"จำนวนจินตภาพ"
    นั้นมีอยู่จริงในแนวทางที่เหมือนเป็นโลกที่เป็นเบื้องหลัง หรือโลกจินตภาพ หรือในที่ๆเราไม่อาจจะจินตนาการไปถึง

    --- กลุ่มแก๊ซ กลุ่มดาว ขี้เถ้าอวกาศ นั้นมีชีวิต มีความคิด บางครั้งก็มาสื่อสารกับมนุษย์ได้--มีชาวต่างดาวที่ส่งจิตมา บอกว่า ร่างของเขาคือกลุ่มแก๊ซในอวกาศ หรือ อิเลคตรอนพลังงานสูง กลุ่มสภาอันโดรเมด้ากาแลกซี่ ก็เป็นเพียงวิญญาณของชายแก่อายุหมื่นๆปี

    ---ในตำราเรื่องว่าน บอกว่า เดิมทีว่าน ไม่มีในโลก ฤาษี 108 ได้สร้างว่าน 108 ขึ้นมาด้วยพลังจิต พลังอาคม(เสียง ความสั่นสะเทือน เป็นคลื่น อนุภาคก็เป็นคลื่น สามรถสอดคล้อง ประสานกันทำงานได้ แม้ว่า เสียงคือ คลื่นอัดของอากาศ ส่วนคลืนแสง หรือตุณสมัติทางพลังงานของอนุภาค เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า)(วรรคนี้ไม่ขออ้างเหตุผล แต่เอาเพียงแนวสอดคล้อง เพื่อกระตุ้นปัญญาญานนะครับ) หรือ ฤาษีแต่ละท่าน จบปริญญาเอกทางด้าน พันธุวิศวกรรมพืช โอ..มหัศจรรย์)

    --ถ้าชาวต่างดาวพูดจริงว่า เวลาคือภาพลวงจิต ดังนั้นเราสามารถขอพรพระพุทธองค์ในอนาคตได้ เช่นพระศรีอารย์ก็ได้ เพราะท่านอาจเกิดแล้ว แต่ในมิติเอกภพอื่น


    --เอกภพ ทำไมชื่อ"เด็กชายเอกภพ" (หรือเพราะแม่ตั้งให้) เอก แปลว่า"หนึ่ง" ภพ คือ"ภาวะ- ความมีความเป็น เพราะเราคิดว่า "พระเจ้าหรือกฏจักรวาลสร้างโลก จักรวาล กาแลกซี่ ให้เป็น ของ"จริง" และมีเพียง"หนึ่งเดียว" พอมีนิยาย ที่สร้างความคิด "เอกภพคู่ขนาน"ขึ้นมา ซึ่งเป็นความจริง"ถ้าเราจะยอมรับ" แล้วถ้าเราคิดว่า"มีหลายล้านเอกภพเต็มไปหมด" แล้วพวกนั้นจะอยู่อย่างไร พื้นที่มีจำกัด

    --ก่อนอื่นเราน่าจะเข้าใจ "ความว่าง" ที่ผมเคยบอกว่า ยิงอนุภาคเข้าไปในความว่างแล้วชนใส่อะไรเยอะแยะมาก มีความว่างอาจมีหลายร้อยหลายพันมิติ ที่สามารถอยู่ด้วยกันแบบ " ไม่กินเนื้อที่"

    --มีบางสิ่ง "อยู่"ด้วยกันอย่างไม่เปลืองเนื้อที่ ผมนั่งคิดนะ มี คลื่นเอเอ็ม (หยาบๆหน่อย ความถี่ต่ำ)คลื่นวิยุสมัครเล่น คลื่นโทรทัศน์ แล้วมีกระทั่งคลื่นจากดาวเทียม มีคลื่นแสงสีต่างๆ อนุภาค รังสีคอสมิค รังสีแกมม่า เบต้า นิวตริโน(เป็นคลื่นหรืออนุภาคก้ได้ ตะกี้ก็ว่างมาแต่ลืมถาม)--เออ มีผู้อ่านคนนึงสามรถคุยกับนิวตริโนได้ ถ้าถามผม ผมอยากสลบแล้วตายรวดเดียวไปเลย ไม่อยากฟังครับ(ตูว่าตู"บ้า"แล้วนะ มานบร้ากว่าตู)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2012
  10. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    วันนี้คุณดื่มกินธรรมมะหรือยังครับ มาๆ กินให้พุงปลิ้น กินแล้วไม่อ้วน
    ทำอย่างไรในเวลา 5-10นาทีจะได้บุญมากที่สุด(ข้อมูลหายเกลี้ยง)


    --ในมหานครนิวยอร์ค มีการจี้ปล้นกันทุกมุมตึก คือมีมากที่สุดในโลก แต่ในวารสารของท่านไสบาบาบอกว่า ทำสมาธิหมู่แล้วอาชญากรรมจะลดลง ผมเองไม่ค่อยเชื่อนัก

    --มีครั้งหนึ่ง หลายร้อยชาติทั่วโลกได้มาประชุมเรื่องพลังจิต สบโอกาสของนักวิจัย จึงขอให้พวกนี้ "นั่งสมาธิแผ่เมตตา ตามวิธีของตนเอง"

    --ไม่ถึงสิบวินาที ตัวเลขอาญกรรมตกลงลิ่วเหลือศูนย์ และเป็นอย่างนั้นนับชั่วโมง ตราบใดที่พวกเขากำลังทำสมาธิอยู่ เมื่อเลิกทำสมาธิ ตัวเลขก็พุ่งสู่ระดับเดิม--พลังจิต ยิ่งใหญ่สุดจะหยั่งคาดนัก
    เรื่องนี้ต้องชื่อว่า "พลังแห่งเมตตา ไม่มีประมาณ" แล้ว "แผ่เมตตาแบบไม่มีประมาณจนสุดขอบจักรวาล" จะแค่ไหนครับท่าน ล้านคูณล้าน ได้ ล้านล้าน

    --"แค่ๆนี้ ยัง แค่นั้น แล้ว "แค่นั้น" จะแค่ไหน" ห้ามคิดทะลึ่งนะครับท่าน
    คนแต่งหมายความว่า "รักแค่นี้ ยังอกหักแค่นั้น รักแค่นั้น จะอกหักแค่ไหน"

    --เอามาเปรียบเรื่องความเมตตานะครับท่าน จงนำก้อนอิฐทองมาไม่อั้น สร้างเป็นเจดีย์ 7 ชั้น ด้วยตนเอง (เดี๋ยวช่างแอบจิ๊ก) ถวายแด่พระศาสนา อานิสงส์ยังไม่เท่า "เจริญเมตตา เพียงแค่ "ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น"

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2012
  11. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    คุณมังกรน้อยน่าจะสนใจมีดนะ พีเอ็มมาได้ครับ ถ้าขายไปที่เว็ปอื่นจะเสียดาย ตัวที่ด้ามไม้เหมาะเลย 555
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------
    พลังลึกลับ กุณฑาลินี มันมาลักษณะเหมือนงู พลังในปิรามิดก็ "เหมือนงูเพลิง"
    [​IMG] ซ้ำบอกด้วยนะครับ


    --รู้ไหมว่า อะตอมที่ว่าเราเล็ก(ไม่)ที่สุด เล็กขนาดไหน ถ้าเราร้อยรูเข็มด้วยอะตอมหนึ่งอะตอมทุกหนึ่งวินาที ใช้เวลาตั้งแต่โลกเริ่มก่อตัว ยันมีมนุษย์ มาจนถึงปัจจุบัน ความยาวนั้นจะได้...ไม่ถึงหนึ่งมิล ครับผม

    --เทคนิคการเดินทางข้ามเวลา คือการปรับความถี่ ซึ่งเราไม่อาจจะคิดได้ เพราะเราอยู่แค่มิติ3 ในโลกและจักรวาลภพหลายมิติมาก เปรียบเสมินเรามีชีวิตอยู่ในตู้เย็น ซึ่ง ไม่สามรถค้นพบโทรทัศน์ได้ เพราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เข้าไปในตู้เย็นไม่ได้ มันก็เป็นอย่างนี้แล

    --มีบางคนหายไปเฉยๆ ในการเหลื่อมกันของกาลเวลามีการค้นคว้าเดรื่องเครื่องข้ามเวลา- พวกเขาติดตั้งเครื่องบนเรือรบฟิลาเดลเฟัย สร้างสนามแม่เหล็กที่แรงมากและมีความถี่สูง โดยเทียบกับความถี่อะตอมไฮโดรเจน--จนอากาศกลายเป็นเหมือนน้ำที่นำไฟฟ้าได้ มีแสงสีม่วง และเรือหายไปประมาณห้านาที มันหายไปไหน มันลอยตามกระแสธารกาลเวลา ไปยังอู่ต่อเรือที่สร้างมันขึ้น และมันกลับมา หลายคนเสียชีวิต เนื่องจากร่างถูกฝังอยู่ในกระดูกงูเรือ ชาวต่างดาวบอกว่า "เครื่องส่งคนไประยะไกล(ล่องหน) หรือการเดินทางผ่านกาลเวลา จะทำได้ เฉพาะผู้มีจิตบริสุทธิ์เท่านั้น"(จากกระทู้คุณชยุต มีเพิ่มเติมโดยผมเอง)
    --มีผู้ที่รอดชีวิตกลับมา แต่เสีย"ล็อคเวลา)--ไทม์ ล็อค คือ 1 เดือนจะแก่ขึ้น 1ปี และจะตายอย่างรวดเร็ว หลายคนเป็นบ้า หรือหายตัวได้เป็นพักๆ โครงการรวมของมัน ใหญ่โตเท่าเมืองเล็กๆ เมืองนึง เรียกว่า " มอนต๊อค โปรเจค" ปัจจุบันเป็นที่ที่รกร้าง

    --อ้าว...โม้จนลืม เห็นมะ มนุษย์ก็ไม่เชิงกว่าเป็นกองดิน น้ำ ลม ไฟ อวัยวะ เส้นเลือด ลม
    --แต่มีบางส่วนที่ทำหน้าที่เหมือนเสาอากาศ เครื่องรับ-ส่งพลังจิต เครื่องผลิตพลังปราณ
    ต่อมไพเนียลทำหน้าที่เหมือนตาที่สาม ร่างกายยังสามารถประจุ และใช้ลมละเอียดชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ลมปราณ ทางจีนเรียก พลังชี่ ญี่ปุ่นเรียกว่า"คิ" เป็นที่รู้จักว่าคือ "กำลังภายใน"
    (ม่ายช่าย "คิกขุ")



    ที่มา:

    Time Gates and Spirit Cave > Earth Keeper


    ตอนที่ 1:
    ประตูเวลา และถ้ำวิญญาณ (Time Gates and Spirit Cave)


    สวัสดีท่านคุรุทั้งหลาย เราคือเมตาตรอน ราชาแห่งแสงสว่าง ขอส่งคำทักทายมายังพวกคุณทุกคน
    จากห้วงอวกาศที่ไร้กาลเวลาแห่งนี้ และเราขอโอบกอดพวกคุณด้วยความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    ซึ่งมันเป็นความรักที่เป็นเรขาคณิต เป็นความรักที่เป็นวิทยาศาสตร์
    และเป็นความรักที่ศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าจะประเมินค่าได้

    ความรักคือแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง
    ความรักไม่ใช่เป็นเพียงแค่อารมณ์ความรู้สึกอย่างหนึ่งเท่านั้น
    แต่มันเป็นความสั่นสะเทือนอย่างหนึ่งที่มีพลังอำนาจไม่มีที่สิ้นสุด


    แหล่งกำเนิดของพลังงานที่ทำให้พวกคุณมีความตระหนักรู้อยู่ในขณะนี้
    ไม่ได้มาจากโลกทางกายภาพแต่อย่างใดเลย

    และในที่ๆเราอยู่ ก็ยังมีรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกมากมาย
    พวกเขาไม่เพียงแต่จะรู้จักระบบของโลกทางกายภาพอย่างที่พวกคุณกำลังอยู่นี้เท่านั้น
    แต่พวกเขายังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ทรงภูมิปัญญา และเป็นจิตสำนึกที่มีความรู้สึก
    ที่ดำรงอยู่ก่อนที่โลกของพวกคุณจะกำเนิดขึ้นมาเสียอีกด้วย พวกคุณแปลกใจไหม๊?


    จิตสำนึกหรือความตระหนักรู้ (Consciousness) คือเครื่องยนต์ของทุกสรรพสิ่ง ทั้งที่เป็นสสารและปฏิสสาร
    และมันก็คือตัวที่ทำให้เกิดโลกแห่งความเป็นจริง หรือภพภูมิต่างๆบนโลกของพวกคุณ


    เราอยากจะบอกพวกคุณอีกครั้งหนึ่งว่า
    มันเป็นมุมมองที่จำกัดของพวกคุณเองในตอนนี้ต่างหากหละ
    ที่ทำให้พวกคุณเข้าใจว่า โลกทางกายภาพคือสิ่งที่เป็นบรรทัดฐาน
    และเป็นรูปแบบมาตรฐานของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นอยู่


    เหล่านักวิชาการของพวกคุณ พากันค้นหาสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ที่อยู่ในระบบสุริยะของพวกคุณ
    แต่ก็ไม่เคยพบเลย นั่นก็เพราะว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น มีรูปแบบที่แตกต่างไปจากรูปแบบที่มีอยู่บนโลกของพวกคุณหนะสิ

    ดังนั้น พวกเขาจึงเข้าใจผิดไปเองว่า บนดาวเคราะห์เหล่านั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่เลย

    แต่พวกเราอยากจะบอกพวกคุณว่า ไม่เพียงแต่บนดาวเคราะห์เหล่านั้น
    จะคับคั่งไปด้วยสิ่งมีชีวิตเท่านั้นนะ แต่ตัวดาวเคราะห์เอง
    และดวงดาวอื่นๆทั้งหมด รวมถึงอนุภาคทั้งหมดที่อยู่ในอวกาศ
    ก็คือสิ่งมีชีวิตที่มีความตระหนักรู้หรือมีจิตสำนึกเองด้วย
    และแม้แต่ “ความว่างเปล่า” เอง ก็คือสิ่งมีชีวิตด้วย


    ดังนั้นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระบบทางกายภาพ ก็คือสิ่งมีชีวิตที่กำลังอยู่ในรูปแบบพิเศษเท่านั้น
    ไม่ใช่รูปแบบมาตรฐานแต่อย่างใด


    ระบบทางกายภาพในความเป็นทวิภาวะ คือ “มายาการ” อย่างหนึ่ง ที่ถูกออกแบบมาอย่างมีเป้าประสงค์

    ตอนนี้พวกคุณกำลัง “ฝัน” อยู่ พวกคุณกำลังฝันว่าได้เป็นมนุษย์อยู่
    แต่ความจริงแล้ว พวกคุณคือจิตวิญญาณที่ทรงพลังอำนาจ
    ที่กำลังสวมใส่เครื่องกรองอยู่

    พวกคุณคือประกายอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้สร้าง
    ที่กำลังเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งโลกใบนี้อยู่ --(จากกระทู้คุณ ชยุต
    เน้นเรื่อง ความรัก-ความเมตตา เป็นคำสอนสูงสุดในทุกศาสนา)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2012
  12. จิตปีศาจ

    จิตปีศาจ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +66
    จริงๆแล้วมันจะยาวมากนะครับ เอาเป็นว่า ปีนี้ วันที่ 21 ธค. เวลา ห้าทุ่มครึ่งเป๊ะ ก็ไม่ได้มีภัยพิบัติใดๆ แต่มีการยกระดับโลกจากความหนาแน่นที่3 ขึ้นสู่ที่4 หรือว่า 5 เรียกอีกอย่างคือ มิติ
    โดปกติเรา มีจิตสำนักว่า คุณก็คือ ตัวคุณ ผม ก็คือตัวผม นอกตัวไป ก็มีสิ่งคู่ ก็คือ ชายหญิง กลางวันกลางคืน แต่มิติใหม่ ไม่มีเขา และเรา เราทุกคนมีจิตรวมกัน เมื่อผมต่อยคุณที่หน้าผม ก็จะเจ็บบริเวณใบหน้าเท่าๆกัน แล้วตอนที่มองดูผู้หญิงสวย กลับเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง มองดูเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน หรือผู้ชายมองผู้ชาย ยังงี้ บางคนอาจจะรับไม่ไได้ แต่มันก้เป็นไปแล้ว เป็นจุดเริ่ม ซึ่งบางคนยังชอบสิ่งคู่ ก็จะยังอยู่ในมิติที่3 ตอไป จนหมดโครงการ 15 ปี ณุ้สึกว่าเบื้องบนท่านเปลี่ยนโครงการนะครับ จากที่ค่อยๆเปลี่ยนจะเปลี่ยนฉับพลัน อาจทำให้ระบบร่างกายของบางคนจะสั่น และปรับตัวไม่ทัน อาจจะป่วยได้
    --อันนี้เราพูดกันสั้นๆก็พอ ทางนั้นส่งสัญญาณมาว่า คนเลวๆ ได้ปรับตัวเป็นคนดีราว10 เปอร์เซนต์ ทำให้การปรับมิติ"พร้อมลั่นไก" คือโครงการสามารถบรรลุได้ แต่ถ้าเทียนตัวต่อตัว คนยุคแอตแลนติสมีมาตรฐานศีลธรรมดีกว่าโลกเราเยอะ
    คุณ chandayot ช่วยขยายความหน่อยครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสัญญานบ่งบอกการเลื่อนระดับ 28ข้อ ที่ผมเคยได้ยินมาบ้างมั๊ยครับ
     
  13. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234


    [The Omniverse ออมนิเวิร์ส คือทั้งหมดทั้งมวลของจักรวาลที่เกิดเป็นไปได้ทั้งหมด ด้วยกฎทางฟิสิกส์ต่างๆที่เป็นไปได้ทั้งหมด
    ด้วยข้อจำกัดของนิยามของคำว่า “จักรวาล(universe)” ซึ่งมี “ค่าคงที่และกฎฟิสิกส์จำนวนหนึ่งที่บริหารจัดการมันอยู่” เพียงชุดเดียว
    ในเนื้อหาของจักรวาลวิทยาทางฟิสิกส์ จึงถูกขยายออกไปให้ครอบคลุมถึงชุดของค่าคงที่และกฎฟิสิกส์หลายๆชุด
    ซึ่งแต่ละชุดเป็นเหมือนจักรวาลที่แยกจากกันเป็นบางส่วนหรือโดยสิ้นเชิงก็ได้
    คำนี้ใช้อยู่ในกลศาสตร์ควอนตัม เพื่อแยกความต่างของแนวคิดเรื่องจักรวาลที่มีจำนวนจำกัด ออกจากจักรวาลที่สามารถเกิดเป็นไปได้ทั้งหมด
    Omniverse - Wikipedia, the free encyclopedia ..


    เพราะว่าในพื้นที่นั้น มันเป็นพื้นที่ที่มีความผิดปกติของแรงโน้มถ่วงรุนแรงมากที่สุดจุดหนึ่งจริงๆ
    เพราะเหตุนี้จึงทำให้มิติของช่องว่างและกาลเวลามาผสานเข้าด้วยกัน

    คุณเองก็ได้พบด้วยตัวเองแล้วนี่ เมื่อตอนที่คุณทำสมาธิในถ้ำ คุณก็เห็นแล้วว่า
    มันมีสนามพลังงานของคลื่นจางๆไหลซึมออกมาจากพื้นที่แถบนั้น คล้ายๆกับภาพลวงตาที่เกิดจากพยับแดด
    ที่คุณเห็นลอยขึ้นมาจากพื้นถนนลาดยาง ในตอนหน้าร้อน

    คุณเห็นไหมว่าม่านที่ใช้กั้นแยกโลกแห่งความเป็นจริง หรือภพภูมิแต่ละภพภูมิ
    ที่อยู่ในบริเวณนั้นออกจากกันมันบางเฉียบมากๆ จนในบางครั้ง บางฉากบางตอน
    ของเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในโลกๆอื่น และในกาลเวลาอื่นๆ ก็สามารถมองเห็นได้
    และรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทางกายได้ค่อนข้างง่าย

    ในบริเวณนี้ แสงแปลบปลาบจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ถูกแสดงด้วยรูปภาพซิกแซก
    และรูปความสั่นสะเทือนของคลื่น ซึ่งนี่แหละคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้ได้อย่างชัดเจน


    รูปภาพวงกลมที่ซ้อนๆกันอยู่ และรูปเกลียวหมุนวนนั้น หมายถึง ประตูมิติ
    ที่เป็นพลังงานหมุนวนที่เกิดขึ้นในบริเวณนั้น ซึ่งเป็นทางผ่านเข้าไปสู่ดินแดนที่ชนพื้นเมืองเรียกกันว่า
    “โลกแห่งวิญญาณ”

    ทั้งหมดนี้ค่อนข้างที่จะชัดเจนที่ Grimes Point แห่งนี้ และความผิดปกติของแรงโน้มถ่วง
    และการบิดเบี้ยวของกาลเวลา ก็ค่อนข้างที่จะมองเห็นได้และสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทางกายภาพ


    ถ้ำที่อยู่ในบริเวณนั้นเคยถูกใช้ และก็ยังถูกใช้เป็นทางเข้าสู่อาณาจักรใต้พิภพของชาวดาวลูกไก่อยู่
    และพลังงานในบริเวณนี้ก็มีค่อนข้างมากซะด้วย

    ในช่วงเวลาที่เหมาะสม พวกคุณสามารถที่จะใช้จุดประสานมิติที่มีพลังงานสูงๆเช่นที่ Grimes Point แห่งนี้
    เพื่อผ่านเข้าไปสู่มิติอื่นๆได้จริงๆ

    ชนชาวพื้นเมืองรู้จักพลังงานนี้ดีว่า มันเป็น “ประตูมิติที่ใช้ผ่านเข้าออกระหว่างมิติ”
    เพราะว่ามันมีสนามพลังงานที่พิเศษเฉพาะของมันเอง และมันก็มีผลกระทบต่อมนุษย์ผู้มาเยือนด้วย

    ผลกระทบของมันมีมากมาย ผู้ที่เก่งๆจะสามารถใช้ประโยชน์จากพลังงานนี้เพื่อเข้าไปสู่ตัวตนรวมของตัวเองได้
    เพื่อไปบำบัดรักษาและเปลี่ยนอดีตและอนาคตของตนเอง


    โลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมดที่มีจำนวนมากมายของแต่ละคน
    จะประสานมิติรวมกันเป็นตัวตนรวมขึ้นมา โดยมี “จิตใต้สำนึก” เพียงหนึ่งเดียว
    ที่คอยทำหน้าที่เป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างชั้นต่างๆ
    ของความเป็นตัวตนรวมเหล่านี้

    และนี่คือกระบวนการที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

    แต่มันก็เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างง่ายกว่า ที่จะทำการบำบัดรักษาแบบรวบยอด
    ภายในพื้นที่ๆมีการเหลื่อมซ้อนกันของมิติแบบที่ Grimes Point แห่งนี้

    และแน่นอนว่า พลังงานนี้ก็ค่อนข้างมีพร้อมอยู่แล้ว สำหรับผู้ที่แสวงหา เพื่อใช้งานในรูปแบบดังกล่าว
     
  14. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ---โดยปกติเรา มีจิตสำนักว่า คุณก็คือ ตัวคุณ ผม ก็คือตัวผม นอกตัวไป ก็มีสิ่งคู่ ก็คือ ชาย-หญิง กลางวันกลางคืน แต่มิติใหม่นี้ จะ ไม่มีเขา และเรา เราทุกคนมีจิตรวมกัน เมื่อผมต่อยคุณที่หน้าผม ก็จะเจ็บบริเวณใบหน้าเท่าๆกัน แล้วตอนที่มองดูผู้หญิงสวย กลับเหมือนว่าผู้หญิงคนหนึ่ง มองดูเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน หรือผู้ชายมองผู้ชาย ยังงี้ บางคนอาจจะรับไม่ได้ แต่มันก้เป็นไปแล้ว

    --เป็นจุดเริ่ม ซึ่งบางคนยังชอบสิ่งคู่ ก็จะยังอยู่ในมิติที่3 ตอไป จนหมดโครงการ 15 ปี รู้สึกว่าเบื้องบนท่านเปลี่ยนโครงการนะครับ จากที่ค่อยๆเปลี่ยน--จะเปลี่ยนฉับพลัน แถมเข้าสู่มิติที่4 และ 5 อาจทำให้ระบบร่างกายของบางคนจะสั่น และปรับตัวไม่ทัน อาจจะป่วยได้
    --อันนี้เราพูดกันสั้นๆก็พอ ทางนั้นส่งสัญญาณมาว่า คนเลวๆ ได้ปรับตัวเป็นคนดีราว10 เปอร์เซนต์ ทำให้การปรับมิติ"พร้อมลั่นไก" คือโครงการสามารถบรรลุได้ แต่ถ้าเทียบตัวต่อตัว คนยุคแอตแลนติสมีมาตรฐานศีลธรรมดีกว่าโลกเราเยอะ

    -----------------------------------------------------------------------------------
    รู้สึกว่าเป็นข้อความที่หายไปตอนที่กดส่งนะครับ

    วิสัชนา---มิติที่เราอยู่ พวกเขาเรียกว่า "ความหนาแน่นที่3" คือโลกสามมิติ แบบของเรา มันถือกำเนิดโดยสิ่งคู่ มีการแยกเป็นเขา เป็นเรา ส่วนโลกระดับสูง คือ "อทไวตะ" "ไร้สิ่งคู่" "เป็นหนึ่งเดียว"-Unity -Oneness

    --แต่ถ้าใครมาเปลี่ยนมิติขึ้นไปสู่ระดับความหนาแน่นที่สี่ทันที
    ----จิดของคนที่พอจะเลื่อนชั้นได้จะรวมกันทั้งโลก จะกลายเป็นเป็นจิตสำนึกรวมกลุ่มในทันที ไม่มีใครจะฆ่าผู้อื่นได้ เพราะเขาจะเห็น(รู้สึกว่า)คนๆนั้นเป็นตัวเขาเอง ถ้าตีคนอื่นตนเองก็จะเจ็บปวดทันที ดูเหมือนว่า มีชาวต่างดาวหลายพวกก็เป็นจิตสำนึกร่วมแล้ว บางพวกก็ใช้สารเคมี คล้ายพวกมดที่จะไม่ทำร้ายพวกในรังเดียวกัน (คงชัดขึ้นนะครับแบบนี้)

    "เราเห็นคนขุดถนน คนๆนั้นก็คือตัวเรา ถนนที่ขุดก็คือตัวเรา
    รถที่วิ่งมาก็คือ"ตัวเรา" รถห่างจากชายคนนั้น ก็คือตัวเรา ห่างจากตัวเราออกไปทุกที
    --- นี่คือคำพูดคล้ายๆการบรรลุในนิกาย "เซ็น" แต่มาจากปากของท่านกฤษณามูรติ ซึ่งบ่งบอกถึงการหายไปของอัตตา-ตัวตน ไปหลอมรวมกับ "สิ่งหนึ่ง ที่เราอาจเรียกว่า "เอกภาวะ " พทธะ, จิตจักรวาล, จิตเดิมแท้, จิตสากล, พระเจ้า หรือข้อมูลรวมจักรวาล, อาตมัน ปรมาตมัน อันนี้คือ สิ่งที่ผม "คาดเดา " และแน่ใจว่า "ถึงไม่ถูกนัก"แต่ก็คง"ไม่ผิด"
    28ขั้นมีอะไรบ้างครับเอามาดูหน่อยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  15. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    [​IMG]
    ภาพสมอง ขณะทำสมาธิแบบผ่อนคลาย จะมีการทำงานมากด้านหน้าของสมอง(ตาที่สาม--The Third Eye) บางส่วนสีขาวกลับทำงานแบบเบาบางลง
    และก่อนที่จะห้อกันไปไกลสุดโลกทะลุอนันตเอกภพ แล้วกลับมาหิวมาม่า โปรดฟังอะไรนิดนึง
    ---ท่านคงได้ดูหนังเรื่องสตาร์เกต หมายถึงประตูสู่ดวงดาว เป็นประตูวงกลมหิน ที่จะข้ามไปภพอื่นได้--- ซึ่งคำว่ากาล(เวลา) กับ ที่ว่าง(สเปซ)(หรือใช้เรียกอวกาศ) มันเป็นสองคำที่เกี่ยวพันกัน ยากจะแยกออก ประคูนี้ใช้หลักาลว่า ไทม์สเปซ(เวลา-ที่ว่าง) ไม่มีอยู่จริง แต่กับโลกของเรามันเป็นจริง แต่ไอนสไตน์บอกว่า มันทำตัวเหมือนเนยแข็งแท้ๆ คือจะมีรูหนอนเต็มไปหมด ภ้าเราเลือกทางที่าสั้นที่สุึด เราจะโผล่ไปเจอที่ห่างไกลหลายร้อยปีแสง โดยไม่เสียเวลาเดินทางเลย
    --หนังเดินเรื่องไว้น่าตื่นเต้น บนทะเลทรายของอียิปต์ พวกนักโบราณคดีได้พบประตูสตาร์เกต แต่แล้วทหารก็เข้ามา ปลุกให้ประตูมิติทำงานได้ แล้วก็มีการผจญภัยมากมาย ดูแล้ว มันส์อิ๊บอ๋าย ...อ๋อ..แน่นอนครับ เพราะมันเกิดขึ้นจริง เป็นเรื่องครับ รายละเอียดต่างๆ เขียนมาเป็นบท มีภาพแผนผังอย่างละเอียด เพราะมาจากทีมงานด้านนี้ที่เคยส่งมนุษย์ด้วยประตูมิติของจริง(หรือเขาอยากจะหาผู้รู้ความลับ หรือมีพลังจิตที่จะไขรหัสมันได้ จึงส่งหนังออกมาเป็นเชิงยั่ว หากมีนักข่าวที่ไหนทำตัวว่ารู้ละ โดนอุ้มแน่ๆ--(โยนหินถามทาง--จริงในเท็จ เท็จในจริง))
    --อ้าว นึกว่าหนังหลอกเด็ก ปล่าวครับ
    มีการขุดได้ 5 อัน 3 อันอยู่กับทางทหาร --อีก2 อัน นักวิทยาศาสตร์อิสระนำมาค้นคว้าอยู่ครับ
    --งานนี้ใช้ผู้เชี่ยวชาญทั้งโบราณคดี นักวิทยาศาสตร์หลายสาขา
    แต่อย่าลืมว่า ชาวเร็ปติเลี่ยนกับชาวซีต้า(เกรย์)ที่อเมริกันขังไว้อยู่ นั้นเป็นเซียนทางเทคโนโลยี่ลี้ลับพวกนี้ (สามรถเดินทางข้ามเวลา--ทะลุมิติ) แถมตัวอักษรในภาษาของพวกเขาก็เป็นอักษรภาพ ตระกูลเดียวกับของอียิปต์ งานนี้มันยิ่งกว่าถูกแจ๊คพ็อต เรียกว่า 10กว่าปีมานี้งานด้านท่องไปในมิติเวลา น่าจะสำเร็จอย่างสวยงาม เป็นองค์ความรู้ใหม่ ปริมาณหลายหมื่นหน้า มีแผนที่ดาว แสดงถึงแหล่งเติมเชื้อเพลิง หรือแวะกินน้ำ อะไรแบบนั้นนะครับ หลังจากกินแห้วจากโครงการมอนต๊อกไปแล้ว
    --โครงการ แว่นวิเศษ ไม่รู้ว่าใครทำ ใครคิด เดิมทำเป็นโครงสร้างรูปวงแหวนซ้อนกัน เหมือนของเล่นแบบที่เรียกว่า"ไจโร" คือ อุปกรณ์นำร่อง "ไจโรสโคป" แต่ผิดพลาดบางประการ มีบางส่วนเกิดระเบิดขึ้น
    --โครงการระยะ2 หรือ3 นำถังฮีเลี่ยมเหลวที่เดือดเป็นฟองมาจัดแนว ไม่มีใครทราบว่า มันทำงานได้อย่างไร มันทำให้เกิด "เห็นภาพ"โลกต่างๆ ดวงดาวต่างๆ
    โดยจะมี 2 จุดเท่านั้นที่จะเห็นมันได้ ผมยังงว่า มนุษย์ไม่น่าคิดสิ่งนี้ขึ้นมาได้เอง น่าจะเป็นผลงาน หรือแนวคิดของชาวต่างดาวบางพวก
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  16. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234

    ปิรามิด พลังงานและความลับของจักรวาล

    Great Pyramid
    โครงสร้างและวัสดุ : Limestone Granite
    ความสูง : 149.5m (ความสูงในปัจจุบัน 137m.)
    ฐาน : 214.5m(เท่ากันทุกด้าน)
    มุมลาดเอียง : 51 องศา
    น้ำหนักรวม : 65 ล้านตัน (หินแต่ละก้อนประมาณ 2.5 ตัน ก้อนหนักที่สุดถึง 9 ตัน)

    ปิรามิด พลังงานและความลับของจักรวาล

    หลายปีมานี้ รูปทรงของตัวปิรามิดเองได้สร้างประสบการณ์ และความสนุกทางด้านพลังงาน ให้กับผู้สนใจและทดลองใช้มากมาย ทำให้กลายเป็นจุดสนใจต่อผู้คนต่างๆทั่งโลกที่จะค้นหาพลังที่แท้จริงของมัน ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร? ฃึ่งส่วนมากได้นำไปทดลองใช้ในด้านต่างๆแล้วได้ผลดีมากมาย ตัวอย่างเช่น...

    ด้านอาหาร,การเกษตร และการเลี้ยงสัตว์
    การนำพืช อาหารหรือสิ่งมีชีวิตที่เติบโตได้ ไปเลี้ยงดูในปิรามิด ผลที่ได้รับคือ :
    -อาหารยังคงสด ได้ยาวนานกว่าดิม 2-3 เท่า
    -อาหารเปลี่ยนรสชาติไป โดยรสในธรรมชาติจะถูกขยายให้แรงขึ้น ความเป็นกรดจะลดลง
    -กลิ่นอาหารที่ถูกปลอมปน จะจางหายไป
    -ปิรามิดจะขจัดน้ำออก ทำให้แห้งแต่ไม่เน่าเสีย หยุดการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้
    -การเลี้ยงกุ้งน้ำเค็ม ปกติมีอายุ 6-7 สัปดาห์ แต่ภายในปิรามิดอายุเกินไปถึง 3 เท่า
    -สัตว์ที่อาศัยอยู่ รอบๆบริเวณ นิสัยไปในทางบวก แมวกับหมาอาศัยอยู่ร่ามกันได้อย่างประหลาด


    ด้านการแพทย์
    -แผลที่เย็บหายไว และติดกันเร็วขึ้น2เท่า
    -ความดันโลหิตที่ผิดปกติ กลับมาสู่จุดสมดุลย์ได้
    -คนที่เฉี่อยชา กลับดูกระฉับกระเฉงขึ้น
    -ผู้ที่มีอาการทางสมอง มีผลลัพธ์ไปในทาวบวกเร็วขึ้น


    การนั่งสมาธิกับปิรามิด
    -คลื่นสมองอัลฟาเพิ่มขึ้น
    -สงบนิ่ง ดิ่งลงลึกมากกว่าเดิม
    -เมื่อถ่ายภาพด้วยกล้องแสงออร่า แสงสว่างปรากฎเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    ผลอื่นๆ ที่เกิดขึ้น....
    -บางคนมีอาการปวดเสียวคล้ายหนามแทงบนผิว (เป็นกระแสไฟฟ้าอ่อนๆที่ผิวหนัง)
    -บางคนมีอาการคลื่นไส้ เนื่องจากสารพิษในร่างการถูกขับออกมา
    -อุณหภูมิร่างกายเพิ่มสูงขึ้น (เหมือนได้ออกกำลังกาย)
    -การบิดเบือนกาลเวลาให้ช้าลง(เวลาจะยืดยาวออก) (เข้าไปใช้ในช่วงสั้นๆแต่กลับรู้สึกว่าได้พักผ่อนเต็มที่)

    ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังของปิรามิด กล่าวไว้ว่า....
    เหตุทีเป็นเช่นนั้นอาจเนื่องมาจาก รูปทรงของมันสามารถขยายคลื่นสัญญาณได้ โดยมีตัวเราเป็นผู้ส่งคลื่น คล้ายเครื่องรับและเครื่องส่ง โดยปิรามิดพยายามสร้างแรงสั่นสะเทือนเคลื่อนย้ายอะตอมที่เป็นส่วนเกินออกไป คงให้เหลือไว้เฉพาะอะตอมต้นกำเนิดเท่านั้น ธาตุของคลื่นผู้ส่ง และมุมเวกเตอร์ของปิรามิด สร้างรูปแบบของพลังงาน ให้เกิดความถี่สั่นสะเทือนและขยายให้แรงขึ้น ใหญ่ขึ้นได้ และจัดเรียงโมเลกุลใหม่ เช่นโมเลกุลของธาตุน้ำทรงแปดเหลี่ยม ให้เป็นแบบแถวเดี่ยวอีกครั้ง...

    (ด่วน สาวกเรื่องลี้ลับโปรดรายงานตัว ตามที่ผมเคยเขียนว่า ปิรามิดทั้งหลายตื่นตัว ส่งแสงออกมา สู่อวกาศ มันเป็นจริงมาตั้งแต่ 11 เดือน11 ปี 2011 แล้วมั้ง แล้วมันเกิดขึ้นตามปิรามิดจำลองที่คนทำขึ้นด้วย และทั้งเทวาลัย นครวัด นครธม บุโรพุทโธ สโตนเฮนจ์ แล้ว 2012 วันที่ 21กลางคืน ห้าทุ่ม โปรดจับตาดูสิ่งรอบตัว เสียง ความสั่นสะเทือนด้วยครับ จิตอาจพลิกมิติเลื่อนระดับ ซึ่งหลังปินามิด และแก้วผลึกทุกอย่างได้ตื่นตัวขึ้นมาแล้วครับ)

    กิ่งไม้โดว์ซิ่ง หรือลูกตุ้ม--ลูกดิ่งธรรมดาๆ เป็นสิ่งที่กองทัพอเมริกัน นำไปหาข้าศึก และอาวุธของศัตรูมาแล้ว มันสามรถตรวจดูจากแผนที่ก็ได้ หรือขึ้นฮ.ไปค้นของจริง ถ้ามันใช้ไม่ได้ ทางทหารอเมริกัน คงไม่นำไปใช้ให้เมื่อยเปล่าๆแน่

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  17. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ----สำนวนแปลกๆแบบนี้ คือของเทพเมตาตรอน แปลโดยคุณ ชยุต และเพื่อนทีมงาน ขอขอบคุณทุกท่าน ชัดยิ่งกว่าการค้นในเว็ปอีกครับ และเป็นไปตามแนวกระทู้ของผมครับ ต้องขอบคุณมากนะครับ ขอนุญาตตัดมาเฉพาะส่วนที่จะสื่อเนื้อหาครับ
    ------------------------------------------

    "จิตสำนึก"หรือความตระหนักรู้ (Consciousness) คือเครื่องยนต์ของทุกสรรพสิ่ง ทั้งที่เป็นสสารและปฏิสสาร
    และมันก็คือตัวที่ทำให้เกิดโลกแห่งความเป็นจริง หรือภพภูมิต่างๆบนโลกของพวกคุณ

    เราอยากจะบอกพวกคุณอีกครั้งหนึ่งว่า
    มันเป็นมุมมองที่จำกัดของพวกคุณเองในตอนนี้ต่างหากหละ
    ที่ทำให้พวกคุณเข้าใจว่า โลกทางกายภาพคือสิ่งที่เป็นบรรทัดฐาน
    และเป็นรูปแบบมาตรฐานของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นอยู่

    เหล่านักวิชาการของพวกคุณ พากันค้นหาสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ที่อยู่ในระบบสุริยะของพวกคุณ แต่ก็ไม่เคยพบเลย นั่นก็เพราะว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น มีรูปแบบที่แตกต่างไปจากรูปแบบที่มีอยู่บนโลกของพวกคุณนะสิ

    ดังนั้น พวกเขาจึงเข้าใจผิดไปเองว่า บนดาวเคราะห์เหล่านั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่เลย

    แต่พวกเราอยากจะบอกพวกคุณว่า ไม่เพียงแต่บนดาวเคราะห์เหล่านั้น
    จะคับคั่งไปด้วยสิ่งมีชีวิตเท่านั้นนะ แต่ตัวดาวเคราะห์เอง
    และดวงดาวอื่นๆทั้งหมด รวมถึงอนุภาคทั้งหมดที่อยู่ในอวกาศ
    ก็คือสิ่งมีชีวิตที่มีความตระหนักรู้หรือมีจิตสำนึกเองด้วย
    และแม้แต่ “ความว่างเปล่า” เอง ก็คือสิ่งมีชีวิตด้วย


    ดังนั้นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระบบทางกายภาพ(อย่างพวกเรา) ก็คือสิ่งมีชีวิตที่กำลังอยู่ในรูปแบบพิเศษเท่านั้น ไม่ใช่รูปแบบมาตรฐานแต่อย่างใด



    ระบบทางกายภาพในความเป็นทวิภาวะ คือ “มายาการ” อย่างหนึ่ง ที่ถูกออกแบบมาอย่างมีเป้าประสงค์

    ตอนนี้พวกคุณกำลัง “ฝัน” อยู่ พวกคุณกำลังฝันว่าได้เป็นมนุษย์อยู่
    แต่ความจริงแล้ว พวกคุณคือจิตวิญญาณที่ทรงพลังอำนาจ
    ที่กำลังสวมใส่เครื่องกรองอยู่


    พวกคุณคือประกายอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้สร้าง
    ที่กำลังเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งโลกใบนี้อยู่


    ดังนั้น พวกคุณจึงจำเป็นต้องยอมรับกฎระเบียบทั่วๆไปของทางมหาวิทยาลัยด้วย

    และสิ่งที่พวกคุณจะต้องมาเรียนรู้ก็คือ พวกคุณจะต้องพยายามทำความเข้าใจเรื่องของมิติที่สูงกว่าทั้งหลาย ที่อยู่นอกเหนือการรับรู้ทางกายภาพของพวกคุณ


    ซึ่งพวกมันก็มีอยู่มากมายซะด้วย ด้วยมุมมองของพวกคุณเองนั่นแหละ
    และพลังงานความรักคือองค์ประกอบพื้นฐานหลัก (building block)
    หรือเป็น DNA หลักของทุกสิ่งทุกอย่าง

    (พุดเหมือน อาจารย์ ช.ผ่านพลังญาณ พระบิดา และ อ.ปริญญา --จิตจักรวาล)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  18. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ตอนที่ 6: กาลเวลาหลากมิติ

    พลังงานของ Grimes Point ทำให้เกิดความผิดปกติของกาลเวลา เช่นเดียวกันกับที่เกิดขึ้น
    ในจุดพิเศษอื่นๆบนโลกใบนี้ ซึ่งบางจุดผู้คนก็รู้จักกันแล้ว แต่บางจุดก็ไม่


    กาลเวลาคือมายาการที่ถูกสร้างขึ้น และแรงโน้มถ่วง, อัตราการหมุนรอบตัวเองของโลก, พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า
    และการเรียงตัวกันของเทหะวัตถุบนท้องฟ้า คือส่วนประกอบของการแสดงตัวตนของมัน

    กาลเวลาที่พวกคุณกำลังรับรู้อยู่นี้ มันเป็นเพียงแค่
    การรับรู้อย่างหนึ่งของพวกคุณเท่านั้นเอง

    พวกเราขอยืนยันกับพวกคุณว่า เมื่ออยู่ภายนอกขอบเขตของความเป็นทวิภาวะแล้ว
    กาลเวลาไม่ได้เป็นเส้นตรงอย่างที่พวกคุณเชื่อแต่อย่างใดเลย

    แต่ถึงแม้ว่าจะอยู่ภายใต้เลนส์กรองแสงแห่งทวิภาวะเองก็ตาม มันก็ยังมีจุดบางจุดบนโลกของพวกคุณ
    ที่มีการเหลื่อมซ้อนกันของมิติต่างๆเกิดขึ้น จนทำให้เกิดการบิดเบี้ยวของกาลเวลาเกิดขึ้นได้ และก็กำลังเกิดขึ้นอยู่


    พวกคุณรู้ไหมว่า บนดาวเคราะห์โลกทางกายภาพดวงนี้
    ที่พวกคุณเข้าใจว่าพวกคุณเป็นเจ้าของมันอยู่นี้
    มันยังมีโลกในมิติอื่นๆอีกมากมายที่ซ้อนทับกันอยู่
    โดยมีจุดศูนย์กลางเดียวกัน

    และมันก็มีกลไกทางคลื่นความถี่บางอย่าง ที่จะทำหน้าที่เชื่อมต่อมิติคู่ขนานต่างๆ
    ที่ซ้อนทับกันอยู่เหล่านี้เข้าด้วยกัน

    และกลไกเหล่านี้ก็จะสร้างประตูเชื่อมต่อไปยังกาลเวลาอื่นๆ และโลกแห่งความเป็นจริงโลกอื่นๆ
    ที่ดำรงอยู่ร่วมกันในพื้นที่เดียวกัน แต่ต่างมิติกัน ให้เข้าด้วยกันด้วย


    ดังนั้น ในมุมมองที่สูงกว่าแล้ว กาลเวลาในแบบที่พวกคุณรู้จัก จึงไม่มีอยู่จริง
    http://palungjit.org/threads/%E ... 0%B8%B2.261796/
    --สมองหายไปหนึ่งซีก ดันทำงานได้ปกติ งงมะ
    --------------------------------------------------------------------
    โอ้..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด !!

    ยิ่งแปลข้อความตอนนี้ของท่านเมตาตรอนไปมากเท่าไหร่
    ผมก็ยิ่งอึ้งมากขึ้นเท่านั้นครับ..มีใครรู้สึกแบบนี้บ้างไหมเนี่ย?

    เพราะว่า..มันจะเป็นเหตุบังเอิญหรืออย่างไร?
    ไฉนเนื้อหาในข้อความของท่าน
    ถึงไปตรงกับของอาจารย์โนวา อนาลัย เป๊ะแทบจะทั้ง 100% อย่างนี้

    ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "ความเป็นจริงหลากมิติ"
    หรือเรื่อง "โลกแห่งความเป็นไปได้อันเป็นอนันต์"
    หรือว่าเรื่อง "ความฝัน" เอย...

    นี่ยังไม่พอหรอกนะครับ..คือพอดีว่าผมกำลังแปลหนังสือ
    ของนายแมทธิวอยู่ด้วย กำลังแปลมาถึงบทที่ว่าด้วยเรื่องเหล่านี้พอดีเหมือนกัน
    ก็ทำเอาผมงงอีกครับ..ว่ามันจะบังเอิญอะไรขนาดนี้?

    พวกเขาทั้งหมด พูดถึงเรื่องนี้ แบบเดียวกันหมดเลย
    ถ้าจะให้สันนิษฐานแบบชาวบ้านๆหนะนะครับ ก็อาจจะเป็นว่า

    1). คนพวกนี้ ลอกกันมา แล้วเอามาเขียนหนังสือ
    คนพวกนี้ก็คือ พี่นักเขียน, นาย Tyberonn, และนาง Suzanne

    แต่มันก็จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะว่า หนังสือของพี่นักเขียนออกวางขาย
    ประมาณปี 2007 และข้อความของท่านเมตาตรอนนี้ก็ส่งมาเมื่อปี 2007
    รวมถึงข้อความของนายแมทธิว ก็ส่งมาเมื่อประมาณปี 2008 นั่นด้วย

    พี่นักเขียน คงยังไม่ทันได้ไปอ่านข้อความของรูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้ง 2 นี้หรอกกระมังครับ
    เพราะว่าหนังสือออกวางขายก่อนแล้ว

    และฝรั่งทั้งสองคนนั่น ก็คงจะไม่มาลอกข้อความของพี่นักเขียนไปหรอกกระมัง
    เพราะคงอ่านภาษาไทยไม่ออก และดูช่วงเวลาแล้ว ก็คงไม่น่าจะทันด้วยเหมือนกัน

    2). มันต้องมีเงื่อนงำแห่งความเป็นจริงอะไรบางอย่าง
    ที่มันเป็นเรื่องที่ "พวกเขา" ที่อยู่ในมิติที่สูงกว่าเรา
    รู้กันดีอยู่แล้ว พวกเขาถึงได้พูดตรงกันแบบนี้

    และที่สำคัญก็คือ เรื่องแบบนี้ เท่าที่ผมรู้ก็คือ
    ไม่มีอยู่ในคำสอนของศาสนาไหนเลยในโลก !!

    เพราะฉะนั้น ท่านจะไม่ให้ผม "เปิดใจ" ไขตัวเองออกมา
    จากห้องหรือขอบเขตของ "ศาสนา" ได้อย่างไร ?

    ท่านจะให้ผม "เชื่อว่า" สิ่งที่ "ไม่มีปรากฎอยู่ในคัมภีร์ทางศาสนา" ทั้งหมด
    "มันไม่มีอยู่จริง" หรือ "มันเป็นข้อมูลเท็จ" ได้อย่างไร ?

    ท่านจะให้ผมเชื่อว่า ข้อความจากต่างมิติเหล่านี้ "มันไม่มีอะไรในกอไผ่"
    หรือ "มันเหลวไหลทั้งเพ" ได้ง่ายๆอย่างไรกัน?


    เดี๋ยวจะนำข้อความมาโพสต์ต่อนะครับ กำลังแปลอยู่
    ตอนนี้ก็เลยแวะมา "ดัน" เอาไว้ก่อนครับ...


     
  19. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ตอนที่ 7:

    ช่องว่างและสสาร คือกระแสความคิดที่อัดกันอยู่จนแน่น
    และกาลเวลาก็คือผลพวงของสิ่งเดียวกันนี้ด้วย


    ซึ่งดูเหมือนว่ามันกำลังไหลไปแบบเป็นเส้นตรง
    แต่ในความเป็นจริงแล้ว..ไม่ใช่เลยทั้งคู่

    ลองจินตนาการดูว่า กาลเวลาคือภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ที่ถูกฉายขึ้นมา
    จากการนำม้วนฟิล์มของภาพนิ่งจำนวนมากมาย มาฉายผ่านลำแสง
    ซึ่งภาพนิ่งแต่ละภาพนั้น ความเป็นจริงแล้วมันแยกขาดจากกัน
    แต่ก็สามารถทำให้เข้าใจว่ามันเป็นภาพที่เคลื่อนไหวต่อเนื่องกันได้ เมื่อนำมาผ่านเลนส์

    ผู้สังเกตสามารถเข้าไปแก้ไข, ฉายภาพย้อนกลับ หรือกรอภาพไปข้างหน้า
    ตรงส่วนไหนของภาพยนตร์ก็ได้ และสามารถทำได้ตลอดเวลาอีกด้วย

    ในทำนองเดียวกัน หน่วยต่างๆของจิตสำนึก
    หรือระลอกของจิตสำนึก ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว
    พวกมันอยู่นอกเหนือกาลเวลา
    เพราะฉะนั้น ในฐานะของผู้สังเกต
    พวกมันจึงสามารถทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไข,
    ย้อนกลับไปดู, หรือทิ้งส่วนใดๆไปก็ได้


    พวกมันไม่ต้องการช่องว่างและกาลเวลา จริงๆแล้วพวกมันไม่ได้อยู่ในมิติเดียวกันกับพวกคุณ
    พวกมันไม่ต้องขึ้นอยู่กับข้อจำกัดต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงในมิติที่ 3 นี้เหมือนพวกคุณ
    และพวกมันก็ไม่ได้เป็นไปตามทฤษฎีที่เกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริง และกาล-อวกาศ
    ที่พวกคุณพากันตั้งขึ้นมาเองแต่อย่างใดเลย


    หน่วยของจิตสำนึก และหน่วยความสนใจของจิตสำนึก
    สามารถท่องไปได้ในกาลเวลา ทั้งในอดีตและอนาคต
    และสามารถเดินทางได้ด้วยความเร็วที่มากกว่าความเร็วแสง


    ดังนั้น มันอาจจะค่อนข้างยากที่จะเข้าใจได้ แต่ถ้านับจากที่พวกคุณเริ่มอ่านข้อความสื่อสารนี้
    มาจนกระทั่งถึงชั่วขณะนี้นั้น จิตสำนึก (หรือสติสัมปชัญญะ) ของพวกคุณได้สั่นสะเทือนเข้าและออก
    จากช่วงต่างๆของชีวิต ในภพชาติต่างๆ ซึ่งมีอยู่และเป็นอยู่พร้อมกันหมด ของตัวเองไปจนหมดแล้ว
    ซึ่งรวมถึงสิ่งที่พวกคุณเรียกว่าอดีตและอนาคตด้วย


    ระบบจักระของร่างกายเนื้อ และระบบจักระของกายทิพย์ของพวกคุณ

    จะมีรูของหลุมดำและหลุมขาวขนาดเล็กมากๆอยู่ภายใน
    ทำให้พวกคุณสามารถท่องไปในกาลเวลาได้อย่างที่กล่าวไปแล้ว


    การไหลเข้าและไหลออกของหน่วยพลังงานแห่งจิตสำนึก ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลานั้น
    คือกระบวนการที่แท้จริงของการรับรู้ความเป็น “มายาการ” ของกระแสแห่งกาลเวลาของพวกคุณ


    แม้แต่สิ่งที่พวกคุณเข้าใจว่าเป็นประวัติศาสตร์ของดาวเคราะห์ของพวกคุณ มันก็มีตัวแปรอยู่นับอนันต์
    และทั้งหมดนั้น มันก็มีความเป็นไปได้ทั้งหมด


    ชาติภพต่างๆของพวกคุณ กำลังดำเนินไปข้างหน้าและถอยหลังตามเส้นทางแห่งกาลเวลาอยู่
    ซึ่งตามนัยของพวกคุณ
    ภพชาติที่ 5 ของอนาคตชาติของคุณ อาจจะคือภพชาติที่คุณ
    ได้ไปเกิดเมื่อหลายพันปีที่แล้วโน่นก็ได้


    นี่คือตัวอย่างของโฮโลแกรมหรือมายาการของกาลเวลาที่พวกคุณกำลังประสบอยู่


    ผู้รับสาส์น (นาย Tyberonn – ผู้แปล) พูดถึงเพื่อนของเขาหลายคน ที่ทุกคนต่างก็บอกว่า
    เคยไปเกิดในยุคของพระเจ้าอาร์เธอร์ และพระเจ้าคาเมล็อต โดยไปเกิดเป็นพระเจ้าอาร์เธอร์ หรือเซอร์แลนเซล็อต

    หรืออีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ มีคน 4 – 5 คนที่รู้สึกว่าตัวเองเคยเป็นสาวกของพระเยซูที่ชื่อ Peter

    ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันก็ค่อนข้างที่จะเป็นไปได้ ว่าพวกคุณทุกคนเคยเกิดเป็นกษัตริย์อาร์เธอร์
    หรือพวกเขาทุกคนเคยเกิดเป็นพระเจ้าคาเมล็อต และพวกเขาทุกคนเคยเกิดเป็นสาวกของพระเยซู
    ที่ชื่อ Peter มาแล้วจริงๆ มันเป็นไปได้อย่างไร?

    ก็เพราะว่าบทบาทการแสดงของมายาการที่ไร้กาลเวลา ที่สามารถทำให้อดีตชาติและอนาคตชาติ
    ถูกนำไปสอดแทรกลงไปไว้ตรงไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบเดินหน้า หรือแบบย้อนกลับไปบนเส้นทางของกาลเวลา ก็ล้วนเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น

    และจะเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน ที่อยากจะไปเรียนรู้ประสบการณ์แห่งมายาการในภพชาตินั้น


    พวกคุณเห็นไหม?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  20. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    “ช่องว่าง หรือ อวกาศ” (Space) ตามภาษาพูดแล้ว ก็คือแสงสว่างที่ถูกทำให้เข้มข้นขึ้น
    และถูกเก็บอยู่ในรูปแบบของเมตริกซ์ (matrixial format) ซึ่งอยู่ภายในความเป็นทวิภาวะ
    เพื่อทำให้เกิดการแบ่งแยกขึ้น และเพื่อทำให้มายาการของเมตริกซ์แห่งกาลเวลาแบบที่เป็นเส้นตรง
    สามารถทำงานได้

    ถ้าจะอธิบายโดยเปรียบเทียบกับคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันของพวกคุณหละก็
    ช่องว่างและกาลเวลา ก็จะเปรียบเสมือนกับโปรแกรมย่อยๆของ Digital-dimensional Light

    ดังนั้น Space-time จึงเป็นเหมือน Server แห่งภาพลวงตา ที่สามารถเก็บ file และ sub-file ต่างๆ
    เอาไว้มากมายในเวลาเดียวกัน

    และก็เหมือนกับในเครื่องคอมพิวเตอร์ของพวกคุณ ที่พวกคุณจะสามารถเข้าไปยังพื้นที่ๆเก็บไฟล์ต่างๆเหล่านั้นได้
    เพื่อเข้าไปดู เข้าไปค้นหาไฟล์ไหนก็ได้ ดังนั้น มันจึงต้องมี “โปรแกรมเวกเตอร์นำทางบนโลก”
    ที่ถูกติดตั้งเอาไว้เพื่อใช้เป็น “ประตูมิติแห่งมายาการ” เพื่อนำเราไปสู่ “ไฟล์เมตริกซ์” ต่างๆ
    ของโลกแห่งความเป็นจริงอื่นๆ และกาลเวลาอื่นๆได้

    ดังนั้น แม้ว่ากาลเวลาตามแบบที่พวกคุณรับรู้อยู่ในขณะนี้ พวกคุณจะรับรู้แต่เพียงว่ากำลังมีชีวิตอยู่
    ใน “ภพชาตินี้” เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกคุณกำลังมีชีวิตอยู่ในทุกๆภพชาติพร้อมๆกันหมด
    ในเวลาเดียวกัน

    “โปรแกรมกาลเวลา” คือโปรแกรมมายา และโปรแกรมเหล่านี้ก็พ่วงอยู่กับและเข้ารหัสไว้กับเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ตรงขั้วโลกทั้งสอง ดังนั้น ประตูทางเข้าออก หรือทางเข้าไปสู่โปรแกรมต่างๆจึงมีอยู่ที่นั่น
    ซึ่งพื้นที่ๆพวกคุณเรียกว่า Grimes Point ที่อยู่ใกล้ทะเลสาบ Tohoe ในรัฐเนวาด้านั้น ก็คือหนึ่งในนั้นด้วย

    ภายในพื้นที่นี้จะมีการเหลื่อมซ้อนกันของกระแสพลังงานอยู่ มันคือทางเข้าออกระหว่างมิติ

    แต่พวกเราอยากจะบอกว่ามันเป็น “ทางเข้าออกปลายเปิด” ที่ไม่เพียงแต่จะเป็น “ช่องรูหนอน” รูหนึ่ง
    ที่สามารถใช้เดินทางไปยังที่อื่นๆในเอกภพได้เท่านั้น แต่จริงๆแล้ว (และพิเศษ) มันเป็นประตูพิเศษ
    ที่สามารถใช้เดินทางไปยังด้านอื่นๆของมิติต่างๆได้ด้วย ที่พวกเราอาจจะเรียกมันว่า
    ”โปรแกรมมายาแห่งโลกทั้งมวล” (Hologramic Omni-Earth Program) ก็ได้
    หรืออาจจะเรียกมันว่า “เวกเตอร์แห่งประตูเวลา” (time-Gate Vector) ก็ได้

    มันคือจุดพิกัดจุดหนึ่ง ที่ถูกเข้ารหัสด้านกาลเวลาเอาไว้ ในบรรดาหลายๆจุดที่มีอยู่บนโลกใบนี้

    (ผมเขียนเรื่องประตูมิติแล้ว แล้วก็อปตรงนี้มาจากเว็ปญาณทิพย์ ซึ่งก็อปจากต้นฉบับมาเมื่อสองวันก่อน โดยไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่า ข้อความจะเกี่ยวพันกัน-แปลกมากๆ-แต่แล้วก็เกิดขึ้นได้
    ---เหมือนว่า มีจิตของอะไรอย่างหนึ่งเข้ามาจัดระบบแทนผู้เขียน ซึ่งขณะนี้กำลังมึนงงและอ่อนล้ามากเนื่องจากการใช้สายตามากเกินไป)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...