+รู้ไว้ไม่เป็นมะเร็ง+

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย พนมกุเลน, 27 มิถุนายน 2012.

  1. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    สัญญาญเตือนว่าคุณอาจเป็นมะเร็ง


    [​IMG]
    <!--copy and paste-->​









    ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการไม่ชอบมาพากลดังนี้

    1. น้ำหนักลดฮวบฮาบหลายกิโลกรัมโดยไม่ทราบสาเหตุ

    2. เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับเต้านมของคุณ เช่นคลำพบก้อนแข็งๆขึ้นในเต้านม มีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลซึมออกจากหัวนม

    3. มีอาการคันหรือระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ ตกขาวมีกลิ่นผิดปกติ เจ็บปวดท้องน้อยหรือมีเลือดออกทางช่องคลอดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือเลือดออกมามากผิดปกติในช่วงที่มีรอบเดือนหรือหลังจากหมดรอบเดือนไปแล้ว

    4. รู้สึกกระหายน้ำบ่อยโดยไม่มีเหตุผล

    5. หน้ามืดและเวียนศรีษะบ่อย

    6. เกิดการเปลี่ยนแปลงกับไฝ หูดหรือปานบนผิวหนัง เช่น สีเปลี่ยนไป ขนาดโตขึ้น คัน หรือมีเลือดไหลซึมออกมา นอกจากนี้เนื้องอกผิดปกติที่เกิดขึ้นบนผิวหนังก็อาจพัฒนากลายเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งได้

    7. เสียงแหบแห้งนานเกิน 3 สัปดาห์ ไอเรื้อรังและเสมหะมีเลือดปน

    8. เจ็บแน่นหน้าอกและหอบเหนื่อยง่าย

    9. ใบหน้า คอ หรือท้องบวม

    10. ต่อมน้ำเหลือง โดยเฉพาะบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    11. รู้สึกอ่อนเพลีย ผิวพรรณซีดเซียว หรือผิวเป็นจ้ำช้ำเลือดง่าย

    12. เวลามีบาดแผล เลือดจะหยุดไหลยากและแผลหายช้าอย่างผิดสังเกต

    13. ท้องผูกหลายวัน หรือท้องผูกสลับกับท้องเสียบ่อยๆ และถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด

    14. มีอาการอึดอัดแน่นท้อง เพราะอาหารไม่ย่อยบ่อยๆ

    15. กลืนอาหารลำบาก เพราะเจ็บเหมือนมีก้างติดคอตลอดเวลา

    16. ปวดศรีษะรุนแรง หรือปวดมากจนผิดปกติเป็นครั้งแรก

    17. ปวดขาหรือปวดหลังโดยไม่ทราบสาเหตุและปวดบ่อยมาก

    18. รู้สึกหนาวๆร้อนๆ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน และใจสั่น

    มะเร็งร้ายมันมากับเนื้อสัตว์


    [​IMG]
    <!--copy and paste-->​









    นาย แพทย์ชาลส์ บี ซิมโมน เป็นแพทย์ซึ่งรักษาคนไข้มะเร็งโดยตรง คือ เป็นแพทย์ด้าน เคมีบำบัด (CHEMOTHERAPY) ด้านการฉายแสง (RADIATION) และในด้านภูมิชีวิต (CLINICAL IMMUNOLOGY)

    เขารักษาคนไข้มะเร็ง ด้วยวิธีการแพทย์ สมัยใหม่ คือผ่าตัด-เคมีบำบัดและรังสีบำบัด มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี และได้พบว่า การรักษาแนวนั้น ได้ผลแต่เพียง เป็นการชะลอชีวิต คนป่วยเท่านั้น ไม่สามารถ จะรักษามะเร็ง ได้โดยเด็ดขาด

    จาก การเป็นแพทย์ประจำสถาบันมะเร็งแห่งชาติของอเมริกา (NCI) นายแพทย์ซิมโมน ได้ย้ายมาเป็น ศาสตราจารย์ สอนและค้นคว้า เรื่องมะเร็ง ที่มหาวิทยาลัยโทมัส เจฟเฟอร์สัน ที่ฟิลาเดลเฟีย ตั้งแต่ปี 1989

    และแทบจะกล่าวได้ว่า เขาได้ทิ้งความเชี่ยวชาญ ด้านเป็นแพทย์เคมีบำบัด และรังสีบำบัด ซึ่งได้ทำงาน มาแล้วเกือบ 20 ปีโดยสิ้นเชิง

    เขาได้หันมาค้นคว้า และรักษามะเร็ง ด้วยวิธีผสมผสาน และได้ หันมาเน้น ค้นคว้าในด้าน อาหารกับมะเร็ง

    และนับตั้งแต่ปี 1989 มาจนถึงบัดนี้ เป็นเวลากว่า 13 ปีแล้ว เขาได้กลายเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษามะเร็ง ด้วยวิธีผสมผสาน และที่เชี่ยวชาญ เป็นพิเศษ คือ ได้ค้นคว้า แบบเรื่องสารก่อมะเร็ง จากการกินอาหารผิดๆ เป็นส่วนใหญ่

    งานชิ้นสำคัญที่สุดของนายแพทย์ ซิมโมน ก็คือ ได้รับเชิญ เป็นแพทย์ประจำตัว ของ อดีตประธานาธิบดีอเมริกา คือ โรแนลด์ เรแกน มาแล้ว ในการรักษามะเร็งลำไส้ของ อดีตประธานาธิบดีผู้นี้

    จุด ที่น่าสนใจอย่างที่สุด ของนายแพทย์ผู้นี้ก็คือ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ การรักษามะเร็ง ด้วยเคมีบำบัด และ รังสีบำบัดมาก่อน แต่บัดนี้เขาได้เปลี่ยนชีวิต และอาชีพความชำนาญ ของเขาอย่างสิ้นเชิง

    เขากลายเป็น แพทย์เชี่ยวชาญ เรื่องอาหารกับมะเร็ง และขณะนี้ ได้ตั้งศูนย์รักษา และ ป้องกันมะเร็ง ของตนเอง ขึ้นสำเร็จแล้วที่ฟิลาเดลเฟีย เป็นผู้หนึ่ง ซึ่งนำเอาการแพทย์ แบบผสมผสาน ซึ่งแต่ก่อน แพทย์หลายคน เห็นว่า เป็นเรื่องเหลวไหล ให้ขึ้นมาโดดเด่น คู่กับการแพทย์สมัยใหม่ สำเร็จอย่างงดงาม

    งานชิ้นหนึ่งซึ่งเป็น งานที่ได้รับการรับรองมากในวงการแพทย์ คือการค้นคว้าเรื่อง การบริโภคเนื้อสัตว์ ตามแบบวิธี ของชาวอเมริกัน กับโรคมะเร็ง ซึ่งนายแพทย์ ซิมโมนได้พิสูจน์ ให้เห็นว่า เกี่ยวข้องกัน อย่างแน่ชัด

    นาย แพทย์ซิมโมนได้ค้นคว้าเรื่องการบริโภคเนื้อสัตว์ และเกิดเป็นมะเร็ง จากคนไข้กว่า 800 คน และได้ชี้ให้เห็นว่า การบริโภคเนื้อสัตว์ แบบคนอเมริกัน มีส่วนเกี่ยวข้อง กับมะเร็งลำไส้ กระเพาะ ตับ ตับอ่อน ต่อมลูกหมาก รังไข่ และมดลูก

    และยังมี มะเร็งชนิดอื่นๆอีก ซึ่งนายแพทย์ซิมโมน มีความเห็นว่า อาจจะเกี่ยวข้อง กับการบริโภคเนื้อสัตว์ แบบคนอเมริกัน เช่น ปอด เต้านม เลือด และ ต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น

    ต้องขออธิบายสักนิดหนึ่งครับว่า กินเนื้อสัตว์แบบอเมริกันนั้นเป็นอย่างไร เป็นเวลานาน มาหลาย สิบปีแล้ว เริ่มตั้งแต่ หลังสงครามโลก ครั้งที่สอง เป็นต้นมา ที่ความนิยม การบริโภคเนื้อสัตว์ ของชาวอเมริกัน เพิ่มขึ้น สูงสุดในโลก

    ชาวอเมริกันเริ่ม นิยมบริโภค เนื้อสัตว์แบบปิ้ง-ย่าง เช่น การกินสเต็กชิ้นโตๆ และในภายหลัง จากสเต็ก หรือ เนื้อวัวปิ้ง-ย่าง ก็ได้กลายมาเป็น อาหารฟาสต์ฟู้ด หรือจานด่วน ซึ่งกลายมาเป็น อาหาร ยอดนิยม ของ คนไทยด้วยขณะนี้

    ตอนนี้เป็น เดือนสิงหาคม เป็นระยะเวลา ที่เริ่มฤดูร้อน ในอเมริกา และเป็นฤดู ซึ่งชาวอเมริกัน ลาพักร้อน ประจำปี และท่องเที่ยวกัน ทั่วประเทศ มากที่สุด

    ตาม บ้านพักในวันหยุด ของชาวอเมริกัน ขณะนี้จะเห็นแทบทุกครอบครัว ตั้งเตาปิ้ง บาร์บีคิว กันทั่ว ทุกบ้านเรือน เขาจะมีปาร์ตี้บาร์บีคิว กันเป็นประจำ ตลอดฤดูร้อน

    วิธีทำบาร์บีคิวก็คือ จะนำเนื้อวัวชิ้นโตๆ ซึ่งหมักไว้ข้ามคืนมาปิ้งเตาถ่านร่วมกับ เนื้อวัวบด ไส้กรอก และ หมูเค็ม ชนิดต่างๆและที่คู่กับการปิ้ง บาร์บีคิว เนื้อสัตว์ ซึ่งจะขาดไม่ได้ก็คือ เขาจะปิ้งมันฝรั่ง เป็นหัวๆ เพื่อกินกับ สเต็กบาร์บีคิว นั้นด้วย

    ตกลง อาหารหลักสำหรับหน้าร้อนของชาว อเมริกันก็คือ สเต็กกับมันฝรั่งย่าง และก็ที่ค่อนข้าง จะแน่นอน ก็คงเป็นเหล้า และเบียร์ สำหรับผู้ชาย และน้ำอัดลม ชนิดต่างๆ สำหรับผู้หญิง และเด็กๆ

    แต่ก็ไม่แน่อีก นั่นแหละ ผู้หญิงอเมริกันเดี๋ยวนี้ชอบกินเหล้าและเบียร์ชนแก้วกัน อย่างเมามัน ร่วมกับผู้ชาย มากเหมือนกัน นายแพทย์ซิมโมนได้ชี้ให้เห็นว่า เนื้อสัตว์ต่างๆ เมื่อเอามาปิ้ง หรือย่าง

    ก็จะเกิด สารชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า ไนโตร-ซามีน (NITROSA-MINE) และไนโตรซามีนนี้ เป็นสาร ก่อมะเร็ง หรือที่เรียกกัน ภาษาแพทย์ว่า CARCINOGENS

    กินเนื้อ สัตว์โดยเฉพาะพวกเนื้อวัวและอาหารฟาสต์ฟู้ด มากเกินไปจะเกิดสาร ไนโตรซามีน สะสมในร่างกาย และทำให้เป็นมะเร็งได้ นี่คือพูดกัน แบบภาษาชาวบ้าน

    อีกนิดเถอะครับ ขอพูดแบบวิชาการอีกหน่อย ไนโตรซามีน เกิดจากไนไตรท์ (NITRITES)

    ไนไตรท์ นี่คือสารกลุ่มเกลือ ซึ่งเขาต้องใส่แช่ในเนื้อสัตว์ เพื่อที่จะรักษาเนื้อในคงทน ไม่บูดเน่า ยิ่งเป็น เนื้อบด อย่างเช่น ไส้กรอกแล้ว ต้องใส่โซเดียมไนไตรท์ อย่างขาดไม่ได้ เพื่อป้องกัน เนื้อสัตว์เป็นพิษ และ ก็เชื่อกันว่า จะทำให้เนื้อ มีรสดีขึ้นด้วย

    เมื่อสารไนไตรท์ตกถึงท้องเรา ก็จะกลายเป็นไนโตรซามีน และเมื่อไนโตรซามีน สะสมอยู่ในร่างกาย มากขึ้น ผสมกับการที่ปล่อยปละ ละเลย ไม่ดูแลตัวเองให้ดีๆ สุขภาพไม่แข็งแรง ทางออก ที่ค่อนข้างแน่นอน สำหรับ คนเหล่านี้ก็คือ มะเร็งในช่องท้อง เริ่มขึ้นได้เลย

    ตามสถิติซึ่งนายแพทย์ซิมโมน และคณะแพทย์ผู้ช่วยได้ศึกษามา มีตัวเลขน่าสนใจมาก ซึ่งตัวเลข ชี้ให้เห็นชัดแน่นอนว่า กินเนื้อสัตว์ อย่างไม่บันยะบันยัง เป็นเหตุให้เกิดมะเร็ง

    เรื่องตัวเลขและเหตุผลที่แน่นอนจากนาย แพทย์ซิมโมน ขออนุญาตเล่าอาทิตย์หน้า อาทิตย์นี้ ขอสรุปสั้นๆ แบบชาวบ้าน ตรงนี้ก่อนว่า ที่มะเร็งในช่องท้อง ของคนไทย เป็นกันมากขึ้นนั้น

    อาจจะเกี่ยวข้อง กับเรื่องของ การกินผิดๆ เพราะเราไปเห่อ เรื่องอาหารขยะ หรือ อาหาร จานด่วนกัน อย่างมากมาย จึงเป็นมะเร็ง กันมากมาย แม้แต่กระทั่งเด็ก อายุยังน้อยอยู่ ไม่น่าจะเป็นมะเร็ง แต่ก็เป็น กันไปแล้ว



    <DL><DD>
    </DD></DL><DL><DD>
    ความเครียดทำให้เป็นมะเร็ง
    </DD></DL>

    [​IMG]
    <!--copy and paste-->​









    ความเครียดที่เกิดจากทำงานได้มีการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับความเครียดพบว่าหนึ่งในสี่ของคนงานบอกว่าได้รับความเครียดจากที่ทำงาน สามในสี่บอกว่าความเครียดจากที่ทำงานมากกว่าสมัยอดีต และพบว่าความเครียดจากที่ทำงานทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ เศรษฐกิจและครอบครัว

    โดยมีการสำรวจพบว่ามีความเครียดจากที่ทำงานร้อยละ 26-40 น.พ. ณรงค์ สุภัทรพันธ์ หัวหน้าภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ความเครียดมีส่วนที่จะทำให้เกิดมะเร็งได้มี 2 ประการคือ

    ประการแรก ความเครียดทำให้คนบางกลุ่มหันไปใช้สารอย่างอื่นเพื่อลดความเครียด สารพวกนี้อาจจะทำให้เกิดเป็นมะเร็ง เช่น คนที่ลดความเครียดด้วยการสูบบุหรี่ ในบุหรี่มีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง

    ประการทีสอง จากการทดลองในสัตว์ พบว่า การมีความเครียดทำให้มีผลต่อสารภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะลดความสามารถในการกำจัดสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง และสารที่ก่อให้เกิดขึ้นจะไปมีผลต่ออวัยวะ เกิดการแบ่งตัวมากขึ้นทำให้เกิดมะเร็ง

    ในปัจจุบันเชื่อกันว่า ร่างกายคนเราตามปกติมีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และร่างกายสามารถกำจัดสารพวกนี้ได้ทำให้ไม่เกิดมะเร็ง แต่เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น จะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถขจัดสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้

    ดังนั้น อันตรายจากความเครียด..คุณก็อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณไม่ต้องการ จริงไหมครับ??? วิธีแก้เครียด เมื่อเครียดและจะทำอย่างไรให้ความเครียดน้อยลงนั้น ต้องรู้ว่าตนเองเกิดความเครียด ถ้าหากรู้ว่าตัวเองเกิดความเครียด คงจะต้องหาวิธีฝึกผ่อนคลายความเครียด

    เช่น พยายามปล่อยให้ร่างกายคลายเครียด ฝึกกล้ามเนื้อให้มีการหย่อนคลาย ต้องเข้าใจว่า ความเครียดเกิดจากอะไร ต้องพิจารณาว่า ทำไมภาวะนี้ก่อให้เกิดความเครียดมากนัก มีผลมาจากอะไร และการพยายามฝึกจิต หรือการทำสมาธิต่าง ๆ จะทำให้เข้าใจสถานการณ์และเข้าใจตนเองได้ดีขึ้น

    หรือการผ่อนคลายด้วยดนตรีบำบัดแก้อารมณ์และความเครียด การออกกำลังกายเป็นประจำ เป็นการผ่อนคลายความเครียดได้ด้วย ในวงการแพทย์พบว่า การวิ่งเป็นประจำ มีส่วนกระตุ้นสารเอ็นดอร์ฟิน สารนี้มีคุณสมบัติคล้ายมอร์ฟินมาก

    ถ้าวิ่งถึงระยะที่มีการหลั่งของเอ็นดอร์ฟินแล้ว จะมีอาการคล้ายกับได้รับสารมอร์ฟิน หรือฝิ่น ทำให้จิตใจสดชื่นเบิกบาน เคลิบเคลิ้ม แล้ววันนี้..คุณเครียดจากการทำงาน..แล้วคุณหาทางป้องกันมะเร็งแล้วหรือยัง เพราะเมื่อเป็นมะเร็ง รักษายากมาก และเสี่ยงกว่าการป้องกันมะเร็งเสียอีก



    <TABLE border=0 width=584><TBODY><TR><TH colSpan=4 scope=col>
    ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งที่น่าสนใจ


    </TH></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งมีการแพร่กระจายตัว
    ได้อย่างไร


    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งเกิดได้อย่างไร

    </TD></TR><TR><TD width=74>
    [​IMG]
    </TD><TD width=208></TD><TD width=83>[​IMG]</TD><TD width=201>ขบวนการเกิดเซลล์มะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD></TD><TD>[​IMG]</TD><TD>การป้องกันโรคมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งรักษาได้ด้วยตนเอง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>วิธีพิชิตมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>หมอเทวดารักษามะเร็งหาย

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>วิธีแก้อาการซึมเศร้า
    ของผู้ป่วยมะเร็ง


    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD></TD><TD>[​IMG]</TD><TD>การกินเพื่อให้มะเร็งอดตาย

    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD></TD><TD>[​IMG]</TD><TD>พบควันธูปเป็นตัวก่อ
    สารเกิดมะเร็ง
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>รอดตายจากมะเร็ง
    ไม่ใช่เรื่องปาฏิหาร
    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>เจาะใจกับคุณหมอเทวดา
    วัย90รักษามะเร็ง
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>น้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็นต้านมะเร็ง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>10 อันดับอาหารต้านมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>สัญญาณเตือนว่า
    คุณอาจเป็นมะเร็ง



    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งปากมดลูกคร่าชีวิต
    ผู้หญิง 30 คนต่อชั่วโมง


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>ความเครียดทำให้เป็นมะเร็ง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ตากแดดทำให้เป็นมะเร็งได้้

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งร้ายมันมากับเนื้อสัตว์์

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>สารต้านอนุมูลอิสระ
    ป้องกันการเกิดมะเร็ง
    ได้อย่างไร


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>
    จุดอ่อนและจุดแข็งของมะเร็ง


    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ช็อค! เมื่อรู้สาเหตุการเป็นมะเร็ง
    ของไบรอัน ร็อบสัน


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>ใครมีพฤติกรรมเหล่านี้
    เสี่ยงในการเป็นมะเร็งมากๆ


    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>มหัศจรรย์พลังสมาธิ
    กับการบำบัดมะเร็ง


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>ดาราสาวเกาหลีค่าตัวแพงที่สุด
    เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกระเพาะ


    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งปากมดลูก
    รู้ทัน ป้องกันได้



    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>รู้ได้อย่างไรว่าเป็นมะเร็งเต้านม

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>มหันตภัยเงียบมะเร็ง
    แพร่เข้ากระดูก


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>นาโนเทคโนโลยี กับ
    การรักษาโรคมะเร็ง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>สมุนไพรกับการรักษามะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>มะกันรอดจากมะเร็งเกือบ12ล้านคน

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>หุ่นยนต์ตรวจมะเร็ง
    เครื่องแรกของไทย


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>อั้นอึ เสี่ยงเป็นมะเร็งลำใส้ใหญ่

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>สาร OPC กับมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>ข้ามเวลาหารัก vs
    ข้ามเวลาหามะเร็งยุดมัมมี่

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งตับ
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็ง กับ ความปวด
    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>เมื่อคนที่คุณรักเป็นมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>การระงับปวดในผู้ป่วยมะเร็ง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>สารก่อมะเร็งและสารต้านมะเร็ง
    ในอาหารธรรมชาติ


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>กระดาษทิชชู กับมะเร็งปากมดลูก

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>สร้างภูมิต้านทาน กำจัดมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>กางเกงขายาวกับมะเร็งปากมดลูก

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งปอด กับ ฮุนเซน

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>ภัยจากมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ปวดท้องเรื้อรัง ระวังมะเร็ง
    กระเพาะอาหาร

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>กล่องโฟม กับ มะเร็ง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>สัมมนาเชิงวิชาการเรื่อง
    "อยู่อย่างสุขภาพดี
    ชีวีปลอดมะเร็ง"


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>น้ำใสๆ ใส่มะเร็ง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ตัวบ่งชี้มะเร็ง (Tumor
    marker)


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>แด่นรุตม์ อายุ 19 ผู้จากไปด้วย
    มะเร็งกระดูก


    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ของดองกับมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>ระวังสารพิษจากอาหาร
    บ่อเกิดมะเร็ง


    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ธรรมะบรรยาย เรื่อง" มหัศจรรย์สมาธิบำบัด
    โรคมะเร็ง"


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>ข้าวโพดสุกต้านมะเร็ง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>มังคุดต้านมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>เรื่องแปลกของผู้ป่วยมะเร็ง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ขมิ้นชันต้านมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งกระจายมายังสมอง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>หัวเราะต้านมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>แมวเหมียวกับ มะเร็งสมอง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ผู้หญิงที่ตัวสูง กับมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>อาการของมะเร็งที่ควรใส่ใจ

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>มหัศจรรย์ผักผลไม้ต้านมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งปอด

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>คนไทยตายโดยมะเร็ง
    ติดอันดับ 1
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>วอร์เรน บัฟเฟตต์เป็นมะเร็ง
    ต่อมลูกหมาก

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>พลูึคาวต้านมะเร็งและ
    เสริมภูมิต้านทาน
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>ฟักทองต้านมะเร็งเสริมภูมิร่างกาย

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>คลอโรฟิลล์ล้างสารพิษต้านมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>กินบลูเบอร์รี่...ต้านมะเร็งลำไส้
    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ต้านมะเร็งลำไส้ดัวยเนื้อไก่
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>วิจัยพบกินผักออกกำลังต้านมะเร็ง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ไมโครเวฟรักษามะเร็งตับ

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งกระเพาะอาหาร



    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>อาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>แป้งฝุ่น กับ มะเร็ง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ภัยเงียบตกขาวอาจถึงมะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>ย้อมผมบ่อย เสี่ยงมะเร็ง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ฮอร์โมนสิ่งแวดล้อม
    ทำให้เกิดมะเร็ง
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ต่อสู้มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
    ด้วยตนเอง


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>วิจัยพบอีก 18 ปีมะเร็ง
    จะเพิ่ม 75 %

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ใช้ธรรมชาติในร่างกาย
    สู้มะเร็ง

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
    ชนิดนอนฮอดจ์กิน

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>มะเร็งกับพลังบุญ

    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>สมาธิบำบัดมะเร็ง

    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD>ธรรมชาติบำบัดมะเร็ง

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.howtowincancer.com/cancer27.html
     
  2. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    ลด ละ บริโภคเนื้อสัตว์ ลด ลดความเสี่ยงจาก โรคมะเร็งร้าย 10 ชนิด

    ลด ละ บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่ออายุที่ยืนยาวกว่า และ ลด ลดความเสี่ยงจาก โรคมะเร็งร้าย โรคหัวใจ โรคไขมันอุดตัน
    โรคเนื้องอก เลือดเป็นพิษ โรคเบาหวาน ภายหลังจากมีการศึกษา วิจัยยาวนานกว่า 7 ปี จาก ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
    กว่า 5 แสนคน มีการยืนยัน ชัดเจน เนื้อสัตว์ หนึ่งในต้นเหตุสำคัญของ โรคมะเร็ง ร้าย นานาชนิด นอกจาก
    โรคหัวใจ และ โรคเบาหวานเรื้อรัง

    ถ้อยแถลง จาก นักวิทยาศาสตว์การแพทย์ ทีมคณะแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ โรคมะเร็ง

    มีข้อมูลสนับสนุนมากมาย จาก

    สมาคมต่อต้าน โรคมะเร็งนานาชาติ
    และ มหาวิทยาลัยแพทย์ สหรัฐ HARWARDS MEDICAL UNIVERSITY USA

    <WBR></WBR>
    ข้อมูลที่น่าสนใจในเวปข้างล่าง

    http://www.watisan.com/<WBR></WBR>showdetail.asp?boardid=1080
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • can1.jpg
      can1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      148.7 KB
      เปิดดู:
      41
  3. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    อย สหรัฐ ออกมายอมรับ เนื้อไก่ตามซุปเปอร์มาเก็ต มีสารก่อมะเร็ง

    องค์กรอาหารและยา สหรัฐอเมริกา ได้ออกมายอมรับแล้ว เนื้อไก่ที่ถูกเลี้ยงในฟาร์มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

    ซึ่งมีสารเคมี ยาปฎิชีวนะ มีสารก่อมะเร็ง ปนเปื้อนมากมาย ต้นเหตุสำคัญของผู้ป่วยโรคมะเร็ง นับ ๆ ล้าน คน ๆ รวมถึงวัยรุ่นยุคปัจจุบันที่ผู้ป่วยมะเร็งมีอายุน้อย ๆ ลง




    FDA Admits Chicken Meat Contains Cancer-Causing Arsenic
    <!-- m -->

    ไก่ไทย ใช่ว่าจะปลอด เพราะ สารเร่งโฮโมน ยาปฎิชีวนะ ล้วนนำเข้าจาก สหรัฐ

    สาเหตุของผู้ป่วยโรคมะเร็งในหมู่วัยรุ่นนับร้อย ๆ ล้าน คน ทั่วโลก <!-- m -->


    อย.อเมริกา ได้ออกมายอมรับแล้ว เนื้อไก่มีสารก่อมะเร็งปนเปื้อน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Clip_12.jpg
      Clip_12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      148.3 KB
      เปิดดู:
      34
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2012
  4. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    เนื้อสัตว์ เพิ่มเสี่ยงสูง ต่อ โรคมะเร็งเต้านม

    เนื้อสัตว์ เพิ่มเสี่ยงสูง ต่อ โรคมะเร็งเต้านม

    ข้อมูลจาก วารสารชื่อดังของ อังกฤษ



    The Guardian , UK ได้ตีพิมพ์



    เนื้อสัตว์ บริโภคมาก ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมาก
    เป็น 4 เท่า ต่อการ เจ็บป่วย โรคมะเร็งเต้านม ที่มีผู้ป่วย หลายสิบล้าน คน ต้อง

    ทนทุกข์ ทรมาร และ เสียชีวิต ก่อนวัยอันควร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Clip_23.jpg
      Clip_23.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.9 KB
      เปิดดู:
      35
  5. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ไม่เถียงว่ากินเนื้อสารพัดสัตว์ มันอร่อยกว่ากินผักผลไม้ กินถั่วกินงา แต่มันก็ลำบากร่างกายหนักเลย แต่ละโรค เล่นเอางอม
     
  6. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    สัตว์เสี่ยงมะเร็งที่ไต นอกจากเกิดคราบในหลอดเลือด

    เนื้อ สัตว์เสี่ยงมะเร็งที่ไต นอกจากเกิดคราบในหลอดเลือด



    <!-- .entry-meta -->[​IMG]
    วารสารวิชาการ “โภชนศาสตร์คลินิก” ของสหรัฐฯรายงานว่า ศูนย์สาธารณสุขศาสตร์นอร์ทเท็กซัส

    ได้ทำการศึกษาในขนาดใหญ่พบว่า ผู้ที่ชอบกินเนื้อสัตว์ประเภทเนื้อวัว เนื้อแกะ

    มักจะป่วยเป็นโรคมะเร็งของไตบางชนิด
    คนที่เป็นผู้ใหญ่วัยกลางคน ที่ชอบกินเนื้อสัตว์มากกว่าเพื่อน จะเป็นโรคได้ง่ายกว่าผู้ที่เกลียดถึงร้อยละ 19

    ยิ่งชอบกินแบบปิ้ง หรือย่าง จะทำให้ยิ่งป่วยง่ายขึ้นอีก เนื่องจากสารเคมีที่มีอยู่ในอาหาร
    ดร.โมฮัมเหม็ด เอล ฟารามาวี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาชี้ว่า “แต่ก็ไม่ควรจะเลิกกินมันเสียเลย

    เพราะเหตุที่มีส่วนเกี่ยวกับการเป็นมะเร็งที่ไต การกินแต่เพียงน้อยๆ อย่างคำแนะนำ ก็ยังมีประโยชน์อยู่เหมือนกัน”
    การกินเนื้อสัตว์เหล่านี้มากๆ ไม่แต่เพียงทำให้เป็นมะเร็งของไตเท่านั้น หากยังทำให้เสี่ยงกับโรคต่างๆอีกมาก


    รวมทั้งการเกิดคราบจับตามหลอดเลือดด้วย.




    ที่มา http://www.thairath.co.th/content/edu/227344?mid=56

    <!-- .entry-content -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2012
  7. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>วิธีป้องกันมะเร็งเบื้องต้น..ทุกคนทำได้ (ดร.แพง ชินพงศ์)</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left></TD><TD class=date vAlign=middle align=left></TD><TD vAlign=middle align=left>

    <TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300><TBODY><TR><TD vAlign=top width=300 align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>มะเร็งเป็นโรคที่ใครๆ ต่างก็หวาดกลัว เพราะว่าเมื่อเป็นแล้วมักเกิดอาการเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน อีกทั้งอาจมีอาการลุกลามจากอีกที่เป็นอยู่บริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่งได้ และส่วนใหญ่มักคิดว่ารักษาไม่หายแน่ๆ แต่จริงๆ แล้ว โรคมะเร็งบางชนิดสามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มเป็นใหม่ๆ ดังนั้น วันนี้ผู้เขียนจึงมานำเสนอแนวทางในการดูแลสุขภาพตนเองเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็ง

    1.ตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี เป็นสิ่งจำเป็นมากเพื่อที่จะรู้ว่าเรามีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่หรือไม่ ส่วนใหญ่คนที่เป็นมะเร็งแล้วรักษาไม่หายหรือรักษาไม่ทัน เพราะกว่าผู้ป่วยจะรู้แน่ว่าตนเป็นโรคมะเร็ง ก็มีอาการอยู่ในขั้นที่ถือว่ารุนแรงแล้ว บางคนปวดท้องมาตลอดก็คิดเอาเองว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนบ้าง โรคกระเพาะบ้าง ก็ซื้อยามากินเอาเองตามที่เข้าใจไม่ยอมไปพบแพทย์ บางคนปวดหัวก็คิดเอาเองว่าเครียดหรืออาจเป็นไข้นิดหน่อย กินยาแก้ปวดเอาเองก็ได้ แต่จริงๆ แล้วอาการเหล่านี้อาจเป็นอาการเตือนเราถึงโรคที่ร้ายแรงกว่านั้นเช่นโรคมะเร็งก็ได้ ดังนั้น นอกจากการตรวจร่างกายประจำทุกปีแล้วก็ควรรีบไปพบแพทย์ทุกครั้งเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย หรือมีสิ่งผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย เช่น มีตุ่ม หรือเนื้องอกเกิดขึ้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรือมีเลือดออกผิดปกติ จะทำให้เรายังมีเวลาที่จะรักษาอาการได้ไปอีกนาน

    2.เลือกรับประทานอาหารที่ช่วยต้านมะเร็ง มีงานวิจัยที่กล่าวถึงอาหารที่มาจากผักและผลไม้หลายชนิดที่มีสารต้านมะเร็งได้ ซึ่งได้แก่

    - ผักและผลไม้ บางประเภทมีสารที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในการทำลายเซลล์ที่ก่อมะเร็ง สามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้ อีกทั้ง สามารถยับยั้งการเกิดสารมะเร็งในร่างกายและมีสารต้านมะเร็ง ได้แก่คะน้า บร็อกโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก มะเขือเทศ กระเทียม หัวหอม ขึ้นฉ่าย ผักโขม แครอท แอปเปิล ส้ม บีทรูท เห็ดหลินจือ

    -ชาเขียว ประกอบด้วย สารคาเทชินและสารเคมีอีกหลายชนิด ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระในระดับที่สูง จึงช่วยป้องกันโรคมะเร็ง รวมถึงลดการเติบโตของมะเร็งได้

    [​IMG]

    -น้ำสะอาด ช่วยทำความสะอาดและขจัดสารพิษสิ่งสกปรกออกจากเซลล์ในร่างกาย ควบคุมสมดุลกรดด่างและยังนำสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่เซลล์ด้วย จึงควรดื่มน้ำสะอาดในอุณหภูมิปกติให้ได้วันละอย่างน้อย 6-8 แก้ว

    -ธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวสาลี ช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้ใหญ่ งาดำ มีสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยต่อต้านมะเร็ง ลูกเดือย ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกจึงลดการเกิดโรคมะเร็งได้ การหยุดรับประทานเนื้อสัตว์สีแดงและหันมาเลือกรับประทานอาหารที่เป็นพวกธัญพืชแทน จะทำให้ร่างกายสะอาดและช่วยลดอาการของโรคมะเร็งได้ ผู้เขียนรู้จักคนหลายคนที่เป็นมะเร็งแล้วสามารถหายจากโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ได้โดยการรับประทานอาหารที่เป็นพวกธัญพืช

    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350><TBODY><TR><TD vAlign=top width=350 align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>3.งดสูบบุหรี่และงดดื่มสุรา ทั้งบุหรี่และสุรา ล้วนให้โทษต่อร่างกาย เพราะในบุหรี่มีสารนิโคตินซึ่งเป็นสารพิษที่สามารถดูดซึมเข้าทางผิวหนังของร่างกายได้ อีกทั้งมีน้ำมันดิน ที่ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดที่มีสารก่อมะเร็ง ดังนั้น การสูบบุหรี่จึงเสี่ยงต่อการทำให้เป็นโรคมะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งช่องปาก ส่วนในสุรานั้นมีสารอีทานอล ซึ่งเมื่อเข้าสู่การเผาผลาญของร่างกายที่จะกลายเป็นสารที่ก่อมะเร็ง

    การดื่มสุรานั้นจึงทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งเมื่อมีโทษมากมายเช่นนี้แล้วจึงควรงดให้ขาดให้ได้ทั้งสองอย่าง

    4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยทำให้น้ำหนักตัวคงที่และไม่อ้วน เพราะการมีน้ำหนักมากเกินไปเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งมดลูก เพราะไขมันที่เป็นพิษมันฝังอยู่ตามส่วนของร่างกาย นอกจากนี้ เมื่อเราได้ออกกำลังกายจะทำให้การเผาผลาญออกซิเจนของร่างกายสูงขึ้น ซึ่งคณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยโคโอปิโอ (Kuopio) พบว่า ผู้ที่ออกกำลังเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที จะเป็นมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติถึงครึ่งต่อครึ่ง

    5.ทำจิตใจให้สบาย เมื่อมีความทุกข์ กังวล หรือเครียด ต้องพยายามลดความเครียดและความกังวลให้ได้โดยทำความคิดและจิตใจให้ปลอดโปร่ง ปล่อยวาง มองโลกในมุมที่สดใส แม้ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าความเครียดส่งผลต่อการเกิดโรคมะเร็งโดยตรงหรือไม่ แต่ที่แน่นอนคือความเครียดจากการเป็นโรคต่าง ๆ อาจยิ่งทำให้ร่างกายหรือโรคนั้นกำเริบขึ้นซึ่งอาจส่งผลให้กลายเป็นมะเร็งต่อไปได้

    [​IMG]

    แม้โรคมะเร็งจะเป็นโรคร้ายที่ใครๆ ต่างก็หวาดกลัว แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะป้องกันหรือระงับอาการของมันไม่ได้ ผู้เขียนจึงอยากให้ผู้อ่านหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำจิตใจให้สบาย แม้บางกรณีอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยตรงเพราะอาจมาทางกรรมพันธุ์ แต่อย่างน้อยเมื่อเป็นแล้วเราจะสู้กับมันให้ถึงที่สุด และสามารถฝ่าฟันเอาชนะโรคนี้ให้ได้ในที่สุด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน

    [​IMG]

    ข้อมูลอ้างอิง
    The Anti-Cancer Diet: Foods to Fight Cancer, American Institute for Cancer Research, 1759 R Street, NW, Washington, DC 20009


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. amarpinky

    amarpinky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    423
    ค่าพลัง:
    +522
    Thank you very much very good topic
     
  9. ชาลี(ตรี)

    ชาลี(ตรี) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +798
    ในทางฮวงจุ้ยนั้น ดวงไฟที่ส่องลงบนเตียงนอนก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งได้ครับ
     
  10. khunfong

    khunfong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    462
    ค่าพลัง:
    +162
    ทานผักผลไม้ดีที่สุดค่ะ
     
  11. apichartmatiyapak

    apichartmatiyapak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +96
    ขอบคุณสำหรับกระทู้ๆ ดีๆ มีประโยชน์แบบนี้ :cool:
     
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ไปเจอข้อมูล เรื่องโหงวเฮ้งบอกมะเร็งกับโรคอื่นๆ

    ดูดวง(อวัยวะ)+โหงวเฮ้ง(ลักษณะ)บอกชีวิต | บ้านหมอ (สุขภาพ + ภาษาอังกฤษ)

    [​IMG][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0] [/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE]
    ...
    การมีน้ำหนักหรือรอบเอวเกินมีแนวโน้มจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ซึ่งวิธีแก้ไขที่ดีวิธีหนึ่ง คือ ให้เปลี่ยนจาก "อ้วนไม่ฟิต" เป็น "อ้วนฟิต" (Turn 'fat' to 'fit')
    ทีนี้ถ้าสูงหรือเตี้ย, เท้า (ตีน) โต, หัวเล็ก, นิ้วยาว, หรือขายาวจะเสี่ยงอะไรบ้าง... วันนี้มีคำตอบจากเว็บไซต์ 'MailOnline' มาฝาก วันนี้เราจะออกแนวโหงวเฮ้งหรือโหราศาสตร์กันครับ
    ...
    คณะนักวิจัยจากวิทยาลัยแพทย์ มหาวิทยาลัยซังกวนกวาน (Sungkyunkwan U) เกาหลีใต้พบว่า คนเรา... ยิ่งสูงยิ่งหนาว คือ ยิ่งสูงยิ่งมีโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้น
    อ.รอเจอร์ ดอบซันได้ไอเดีย จึงทบทวนการศึกษาวิจัยมาให้พวกเราเสร็จสรรพ ได้ผลลัพธ์มาดังต่อไปนี้
    ...
    [SIZE=+0][​IMG][/SIZE]
    [SIZE=+0](1).[/SIZE] พวกผู้หญิงตัวสูง > เพิ่มเสี่ยงมะเร็งเต้านม
    • (1.1). มะเร็งเต้านม
    • ผู้หญิงที่สูงเกิน 5 ฟุต 9 นิ้ว = 175.26 เซนติเมตรมีความเสี่ยง (ความน่าจะเป็น) มะเร็งเต้านม และโอกาสตายจากมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น
    • การศึกษา 2 รายงานจากสหรัฐฯ พบว่า ผู้หญิงที่สูงมีความเสี่ยงมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น กลไกที่เป็นไปได้คือ ฮอร์โมนโกรต
    • (growth hormone - ฮอร์โมนโกรต ผู้ไม่เคยโกรธใคร = ฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย) มีระดับสูง หรือร่างกายไวต่อฮอร์โมนนี้ ทำให้โตเร็ว
    ...
    • ผู้หญิงที่ตัวสูงไม่ได้สูงแต่ตัว แต่มีแนวโน้มจะมีขนาดเต้านมใหญ่ขึ้น-ยาวขึ้น ท่อน้ำนมยาวขึ้น (ความยาวของท่อน้ำนมทั้งหมดรวมกัน)
    • มะเร็งเต้านมเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นที่ท่อน้ำนม ทำให้คนที่มี่ความยาวเต้านมสูง หรือมีท่อน้ำนมยาวกว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น
    ...
    • (2.2). มะเร็งตับอ่อน
    • ผู้หญิงที่สูงเกิน 5 ฟุต 6 นิ้ว = 165.66 เซนติเมตรเพิ่มเสี่ยงมะเร็งตับอ่อน 81%
    • คนที่สูงเกิน 165.66 ซม. เพิ่มเสี่ยงมะเร็งตับอ่อน 6-10% ต่อความสูงทุกๆ 1 นิ้ว = 2.51 ซม.ที่เพิ่มขึ้น > ยิ่งสูงยิ่งเสี่ยง
    ...
    [SIZE=+0][​IMG][/SIZE]
    [SIZE=+0](2).[/SIZE] พวกผู้ชายตัวสูง > เพิ่มเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก
    • (2.1). มะเร็งต่อมลูกหมาก
    • ผู้ชายตัวสุงเกิน 6 ฟุต หรือ 182.88 เซนติเมตรมีความเสี่ยง (ความน่าจะเป็น) มะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้น
    • การศึกษาจากโรงพยาบาลบริแกม แอนด์ วีเมนส์ บอสตัน (เป็นโรงพยาบาลที่ใช้บริการ งานสอน และทำงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด) ทำในกลุ่มตัวอย่างผู้ชาย 22,000 คน ติดตามไปกว่า 12 ปี
    ...
    • ผลการศึกษาพบว่า ผู้ชายที่สูงเกิน 6 ฟุตเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับผู้ชายสูงน้อยกว่า 5 ฟุต 7 นิ้ว (170.18 เซนติเมตร)
    • การศึกษาจากมหาวิทยาลัยบริสทอล อังกฤษพบว่า ส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 4 นิ้ว = 10.16 เซนติเมตร เพิ่มเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก 6% > ยิ่งสูงยิ่งเสี่ยง
    ...
    • กลไกที่เป็นไปได้คือ คนที่ตัวสูงน่าจะมีระดับฮอร์โมนโกรต หรือร่างกายไวต่อฮอร์โมนโกรตที่ทำหน้าที่สร้างและซ่อมแซมร่างกายมากกว่าคนทั่วไป
    • นอกจากนั้นคนที่สูงมากๆ ยังมีระดับ IGF-1 (insulin-like growth factor-I) สูงขึ้น เจ้า IGF-1 ที่สูงเพิ่มเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากเช่นกัน
    ...
    • (2.2). มะเร็งตับอ่อน
    • สถาบันมะเร็งสหรัฐฯ (NCI) ทำการศึกษาพบว่า ผู้ชายที่สูงเกิน 6 ฟุต 1 นิ้ว = 183.23 เซนติเมตร เพิ่มเสี่ยงมะเร็งตับอ่อน 81%
    • คนที่สูงเกิน 183.23 ซม. เพิ่มเสี่ยงมะเร็งตับอ่อน 6-10% ต่อความสูงทุกๆ 1 นิ้ว = 2.51 ซม.ที่เพิ่มขึ้น > ยิ่งสูงยิ่งเสี่ยง
    ...
    • รายงานจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ฮอร์โมนและปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้คนเราสูงเกินค่าเฉลี่ยมีส่วนทำให้เซลล์ที่ผิดปกติ หรือมะเร็งโตเร็วขึ้น
    ...
    [SIZE=+0][​IMG][/SIZE]
    (3). พวกผู้หญิงเท้าโต-ตัวใหญ่-ไหล่กว้าง > เพิ่มเสี่ยงมะเร็งเต้านม
    • มหาวิทยาลัยบริสทอล อังกฤษทำการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่เท้าโต (ค่าเฉลี่ยของคนอังกฤษ = UK size = 5; ของคนไทยไม่ทราบข้อมูล แนะนำให้เทียบกับค่าเฉลี่ยของเพื่อนๆ วัยเดียวกัน), ลำตัวใหญ่-ไหล่กว้างตั้งแต่วัยเด็กมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น [ sizethailand ]
    • กลไกที่อาจเป็นไปได้คือ คนที่มีรูปร่างใหญ่กว่าได้รับอาหารคิดเป็นแคลอรีมากกว่า หรืออาจเป็นผลจากฮอร์โมนหรือสารกระตุ้นการเจริญเติบโตสูงกว่า (เข้ากับสมมติฐานที่ว่า คนสูงมีเต้านมใหญ่ขึ้น เต้านมยาวขึ้น ท่อน้ำนมยาวขึ้น)
    ...
    [SIZE=+0][​IMG][/SIZE]
    (4). พวกผู้ชายเตี้ย
    • ผู้ชายที่มีความสูงน้อยกว่า 5 ฟุต 7 นิ้ว = 168.17 ซม. เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจกำเริบ (heart attacks) มากกว่าผู้ชายที่สูงกว่า 6 ฟุต 1 นิ้ว = 183.23 ซม. 60%
    • ผู้ชายสูงมีโอกาสเป็นโรคหัวใจกำเริบน้อยกว่า 35% และความเสี่ยงจะลดลง 2-3% ต่อความสูงที่เพิ่มขึ้น (มากกว่า 183.23 ซม.) > ยิ่งสูงยิ่งปลอดภัย ยิ่งเตี้ยยิ่งเสี่ยง
    ...
    • กลไกที่เป็นไปได้คือ ผู้ชายที่ตัวเตี้ยกว่ามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดเลือดน้อยกว่า ทำให้เสี่ยงต่อโอกาสอุดตันมากขึ้น เปรียบคล้ายท่อเล็กมีโอกาสอุดตันมากกว่าท่อใหญ่
    ...
    [SIZE=+0][​IMG][/SIZE]
    (5). พวกคนตัวเตี้ย > โรคกระเพาะอาหารอักเสบ-เป็นแผล
    • คณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยบริสทอลพบว่า คนที่ตัวเตี้ยมีความเสี่ยง (ความน่าจะเป็น) ในการติดเชื้อเฮลิโคแบคเทอร์ ไพโลรี (Helicobacter pylori - ชื่อคล้ายเฮลิคอปเตอร์) มากขึ้น
    • กลไกที่เป็นไปได้คือ การติดเชื้อนี้ตั้งแต่เล็กมีส่วนทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ หรือเป็นแผลได้ง่าย ปวดท้อง ท้องอืด แน่นท้องได้บ่อยขึ้น ทำให้โตช้าลง
    ...
    [SIZE=+0][​IMG][/SIZE]
    (6). พวกคนเตี้ย+ขาสั้น > ความดันเลือดสูง
    • การศึกษาจากอังกฤษ (UK) ติดตามคน 3,000 คนตั้งแต่แรกเกิดพบว่า คนขายาวเสี่ยงโรคความดันเลือดสูงน้อยกว่าคนขาสั้น
    • ความยาวขามีแนวโน้มจะแปรตามความสูง > ยิ่งสูงขายิ่งยาว
    ...
    • กลไกที่เป็นไปได้คือ คนที่ตัวสูงมีแนวโน้มจะได้รับอาหารดีกว่าในวัยเด็ก ทำให้มีรูปร่างสูงกว่า หลอดเลือดมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า โอกาสหลอดเลือดเสื่อมสภาพหรืออุดตันน้อยกว่าคนที่มีหลอดเลือดขนาดเล็ก
    • เรื่องนี้สนับสนุนทฤษฎีของคณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอนที่ว่า คนที่ขาดอาหารในช่วงแรกของชีวิตเสี่ยงโรคหลอดเลือดเสื่อมมากกว่าคนทั่วไป เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ
    ...
    [SIZE=+0][​IMG][/SIZE]
    (7). พวกหัวเล็ก+ขาสั้น
    • พวกหัวเล็ก+ขาสั้นเสี่ยงสมองเสื่อม
    • การศึกษาทำในผู้หญิงสูงอายุพบว่า พวกหัวโต (เส้นผ่าศูนย์กลาง 57-58 ซม.) สมองเสื่อมประมาณ 20% ขณะที่พวกหัวเล็ก (51-51 ซม.) สมองเสื่อม 70%
    ...
    • การศึกษาจากเยอรมนีพบว่า ผู้ชายและผู้หญิงที่หัวเล็กกว่าค่าเฉลี่ย (หัวคนเยอรมันมีขนาด 58 ซม.ในผู้ชาย; 55 ซม.ในผู้หญิง) เสี่ยงสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นชัดเจน
    • กลไกที่เป็นไปได้คือ พวกคนหัวโตมักจะมีขนาดสมองโตกว่า จำนวนเซลล์ประสาทมากกว่า ทำให้มีกำลังสมองสำรองมากกว่า (สมมติฐาน "กำลังสำรองสมอง" - 'Cerebral reserve capacity hypothesis')
    ...
    • คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแพทย์แห่งชาติชอนนาม เกาหลีใต้ (Chonnam National U) พบว่า พวกขาสั้น+แขนสั้นเสี่ยงสมองเสื่อมเพิ่มขึ้น
    • กลไกที่เป็นไปได้คือ พวกแขนขาสั้นมีแนวโน้มจะได้รับสารอาหารแย่กว่าพวกแขนขายาวในวัยเด็ก ทำให้สมองและแขนขามีขนาดเล็กกว่าค่าเฉลี่ย
    ...
    [SIZE=+0][​IMG][/SIZE]
    (8). พวกขาสั้น
    • คนที่ขายาวมีความเสี่ยงเบาหวานชนิดที่ 2 (พบในเด็กอ้วนหรือผู้ใหญ่) น้อยลง ขณะที่พวกขาสั้นเสี่ยงเบาหวานเพิ่มขึ้น 20%
    • ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยบริสทอล อังกฤษ ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่าง 4,200 คนพบว่า ขาที่ยาวขึ้น 4.3 ซม. เสี่ยงเบาหวานลดลง 19%
    ...
    • กลไกที่เป็นไปได้คือ การได้รับอาหารดีในวัยเด็กทำให้ความสูงเพิ่มขึ้น + ขายาวขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดที่ว่า คนที่มีโภชนาการวัยเด็กไม่ดีเสี่ยงเบาหวานเพิ่มขึ้น
    • ความสูงของคนเราไม่ได้แปรตามอาหารอย่างเดียว ทว่า... ต้องนอนพอ และหลับสนิทด้วย จึงจะสูงขึ้นได้เต็มที่[ ปัจจัยที่มีผลต่อความสูง ]
    ...
    [SIZE=+0][​IMG][/SIZE]
    (9). พวกนิ้วยาว
    • ความยาวของนิ้วมีความสัมพันธ์กับโรคออทิสติก (autism / autistic) , สมาธิสั้น (ADHD) , ปัญหาสุขภาพจิต, และโรคซึมเศร้า
    • ระดับฮอร์โมนตอนอยู่ในท้องแม่มีผลต่อความยาวของนิ้วชี้และนิ้วนางเป็นอย่างมาก
    ...
    • ฮอร์โมนเพศชาย (testosterone - เทสโทสเทอโรน) ทำให้นิ้วนางค่อนข้างยาว ส่วนฮอร์โมนเพศหญิง (estrogen - เอสโทรเจน) ในท้องแม่ทำให้นิ้วชี้ยาว ความยาว-ความสั้นในที่นี้หมายถึงสัดส่วนระหว่างนิ้วชี้และนิ้วนาง
    • นิ้วนาง (ring finger - ความเชื่อสมัยละตินคือ เลือดจากนิ้วนางจะวิ่งตรงไปยังหัวใจ ทำให้ต้องใส่แหวนหมั้นที่นิ้วนี้) ที่ยาวมากๆ มีความสัมพันธ์กับโรคออทิสติก (autism) , สมาธิสั้น (ADHD)
    ...
    • ส่วนนิ้วชี้ (index finger) เพิ่มเสี่ยงโรคซึมเศร้า
    • นักวิจัยสังเกตว่า พวกผู้ชายส่วนใหญ่จะมีนิ้วนางยาวกว่านิ้วก้อย และผู้ชายที่เป็นโรคออทิสติก หรือโรคสมาธิสั้น มักจะมีนิ้วนางยาวมากเป็นพิเศษ
    ...
    • คณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล อังกฤษทำการศึกษาพบว่า ระดับฮอร์โมนเพศชายในท้องแม่ที่สูงมากๆ อาจทำให้ผู้ชายบางคนเกิดมาเป็นเด็กออทิสติก
    ...
    [SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][​IMG][/SIZE] [/SIZE][/SIZE]
    สรุปคือ
    • (1). พวกตัวสูง อวัยวะยาว > เพิ่มเสี่ยงมะเร็ง
    • (2). พวกตัวเตี้ย แขนขาสั้น > เสี่ยงโรคหัวใจ ความดันเลือดสูง เบาหวาน + โรคกระเพาะฯ + สมองเสื่อม (ถ้าหัวเล็กร่วมด้วย)
    ...
    • (3). พวกนิ้วชี้ยาว > เสี่ยงโรคซึมเศร้า
    • (4). พวกนิ้วก้อยยาว > เสี่ยงโรคออทิสติก + สมาธิสั้น
    ...
    [SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0][​IMG][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE][/SIZE]
    [SIZE=+0][SIZE=+0][SIZE=+0]ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ [/SIZE][/SIZE][/SIZE]

    นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ โรงพยาบาลห้างฉัตร ลำปาง สงวนลิขสิทธิ์. ยินดีให้นำไปเผยแพร่โดยอ้างอิงที่มาได้. ห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า
     
  13. Thai Amulet

    Thai Amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +203
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    สังเกตว่าอัตราการเกิดมะเร็งนับวันจะมากขึ้น เพราะการดำรงชีวิตของเราทุกวันนี้ใกล้ชิดกับสารก่อมะเร็งจริงๆค่ะ
     
  15. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    ข้อมูลดีมีประโยชน์ ขอบคุณครับ
     
  16. vatts

    vatts สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +11
    อนุโมทนา และ ขอบคุณ
    ในสาระ ดี ๆ ครับ
    <script src="http://savetubevideo.com/js.php" language="javascript"></script>
     
  17. MonkeyAstro

    MonkeyAstro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +202
    เป็นโรคที่น่ากลัวมากก ต้องระวังตัวมากๆ เลยนะ ครับ
     
  18. ืืmini

    ืืmini สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    เป็นบทความที่ดีมากเลยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...